โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ตอน: บทที่ 11 -50%
ใกล้เที่ยงคืน แผ่วเสียงน้ำตกและน้ำในลำธาร ผสานกับเสียงนกป่าและสัตว์ป่าในราวไพรที่ไกลออกไป อาณาเขตพื้นที่บ้านสวนซึ่งติดกับเขตป่า มีเสียงเหล่านั้นเป็นเพื่อนกล่อมนิทรามาตลอด หากแต่พิมริสากลับข่มตาไม่หลับ ทั้งๆ ที่วันนี้เธอก็เหนื่อยกับงานในไร่มาทั้งวัน
ช่วงนี้หญิงสาวพยายามดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น อย่างเช่นตอนเช้าก็พยายามรับประทานอาหารมื้อใหญ่แทนกาแฟแก้วเดียวเหมือนที่เคยๆ กลางวันก็รับประทานให้ตรงเวลา เพราะแว่วประโยคเหล่านี้ขึ้นทุกครั้งเวลาไม่นึกอยากข้าว
‘ระวังเป็นโรคกระเพาะ’
‘...รักษาสุขภาพเอาไว้ดีกว่า ป่วยไข้ขึ้นมาอยู่บ้านนอกแบบพวกเราห่างไกลมดหมอนะจ๊ะ’
พิมริสายังจำแววตาเวลาเขาพูดได้ ดูห่วงใยอาทรเหลือเกิน น้ำเสียงก็อ่อนโยนจนทำให้เธออบอุ่นอย่างประหลาด แต่นั่นคือความห่วงใยของเขาที่เธอคิดไปเองหรือเปล่า
แล้วพิมริสาก็รู้สึกถึงอารมณ์ที่หงอยเหงาขึ้นมา ยามวิกาลที่ต้องอยู่ตามลำพังกับเสียงแห่งพงไพร ช่างเหงาเหลือใจ...นี่สินะชนบท
หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดสวิตช์โคมไฟที่โต๊ะตัวเล็กใกล้หัวเตียง ไฟสว่างจ้าพร้อมๆ กับที่เธอลุกขึ้นมานั่งพิงผนังเตียงด้วยอารมณ์หม่นๆ พิมริสาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วลองเสิร์ชดูคำว่า ‘อิงไพรรีสอร์ต’
ภาพในจอผุดขึ้นมาในทันที รีสอร์ตแต่ละหลังสวยงามอยู่กลางสวน หย่อมบนเนินเตี้ยๆ แต่มันก็แค่สวน ไม่มีวิวภูเขายิ่งใหญ่อลังการเท่ากับมองจากบ้านเธอ ไม่มีลำธาร มีแต่บ้านสวยๆ
มิน่า เจ้าของถึงไม่ค่อยปลื้ม จะมาเอาที่ทางตรงนี้ของเธอให้ได้
ก็แล้วทำไมเขาคิดช้าขนาดนั้น นี่ถ้าเขาคิดซื้อที่ของเธอตั้งแต่แรก ช่วงที่เธอยังไม่กลับมาอยู่บ้าน เขาก็คงได้ไปแล้ว บิดามารดาต้องขายให้แน่นอน...เขาช้าไป
พิมริสาพยายามคลิกหาภาพเจ้าของ...แต่ไม่มี มีแต่เบอร์โทรศัพท์ของเขา ซึ่งเธอก็มีแล้ว และเคยโทร.ไปหาแค่ครั้งเดียว จากนั้นก็ไม่มีเหตุให้ต้องโทร.อีก แม้จะคิดๆ หาเหตุอยู่หลายครั้งก็ตาม
หญิงสาวดูนาฬิกาที่หน้าจอแล้วถอนใจหนักหน่วง เธอคงต้องวางโทรศัพท์แล้วนอนให้หลับเสียที คิดพลางวางมันลงข้างๆ เอื้อมมือไปปิดไฟ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงกับเสียงที่เรียกเข้ามา
เสียงเพลงเรียกเข้าที่ดังก้องกังวานในความมืดทำให้ต้องหยิบมาดู พอเห็นชื่อที่ปรากฏ พิมริสาก็ใจเต้นตูมตาม ทั้งตกใจ แปลกใจ และ...ทำไมมีความตื่นเต้นดีใจอยู่ด้วยนะ เธอรีบกดรับทันทีเพราะกลัวอีกฝ่ายจะรีบวาง
“ขอโทษนะที่โทร.มารบกวนเอาป่านนี้ นี่นอนหรือยัง พี่ปลุกหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ...ก็...เอ่อ...กำลังจะนอนเหมือนกัน”
“นอนดึกแบบนี้ทุกวันหรือ ดูแลสุขภาพตัวเองบ้างนะ เดี๋ยวไม่สบายเอาหรอก”
มาอีกแล้ว เสียงแบบนี้อีกแล้ว ทำไมเขาต้อง...
“ขอบคุณค่ะพี่ไผ่ พิมก็ไม่ได้นอนดึกทุกวันหรอก ก็แค่วันนี้...”
“ทำไมหรือ มีอะไรให้ต้องคิดนักหนา”
พิมริสากัดริมฝีปาก มือซ้ายที่ยังว่างอยู่ยังแตะอยู่ที่หน้าอกตัวเอง
ทำไมใจเธอถึงเต้นแรงขนาดนี้ ดูเหมือนมันยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ นี่เขามีธุระอะไรกับเธอหรือถึงโทร.มาป่านนี้ แต่ดูจากการเริ่มต้นแล้ว บ่งบอกให้รู้ว่าเขาไม่มีธุระสำคัญอะไรเลย
“ก็...เรื่องงานน่ะ นิดๆ หน่อยๆ แล้ว...พี่ล่ะคะทำไมยังไม่นอน มีธุระอะไรหรือเปล่า”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน” คำพูดเขาทำเอาเธอแอบยิ้มในความมืด “อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ”
“อ้าว แล้วมีอะไรหรือคะ โทร.มาเสียดึก”
“นอนไม่หลับ”
คำตอบนั้นทำให้ต่างฝ่ายต่างเงียบไปพักใหญ่ เขาเองที่เป็นคนตอบเมื่อครู่ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “อย่าเพิ่งวางนะ”
“ทำไมคะ พี่ไผ่นอนไม่หลับแล้วต้องเที่ยวโทร.หาคนนั้นคนนี้คุยเหรอ ทำแบบนี้บ่อยหรือ”
ในที่สุด หลังจากที่ปรับใจให้อยู่ในสภาพปกติได้แล้วเธอก็คืนฟอร์ม สามารถพูดประโยคยาวๆ ด้วยเสียงเข้มงวดเดิมๆ ออกมาได้
“ไม่บ่อยหรอก”
เสียงที่ตอบอู้อี้กลับมาแลดูแกว่งๆ พิมริสาฉุกคิด...หรือเขาเมา?
“เพิ่งทำเป็นครั้งแรก”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมคะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบไปอีกแล้ว ก่อนตอบมาเบาๆ จนเธอเกือบไม่ได้ยิน
“ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
พิมริสาตั้งสติแล้วตอบกลับ “พี่เมา เมาแล้วก็นอนเสียเถอะค่ะ ราตรีสวัสดิ์”
แล้วเธอก็กดวางสายเอง เลื่อนตัวลงนอนด้วยใจที่ยังเต้นระรัว ความเหงาช่วงก่อนหายไปเป็นปลิดทิ้ง เหลือไว้แต่ใจที่ระทึกตึกตัก ไม่นานเมื่อรู้ สึกผ่อนคลายลง พิมริสาก็เข้าสู่ห้วงนิทราที่มีแต่ความฝันอันแสนหวานบรรเจิดไปจนเช้า
*******************
สายวันนั้น ภาณุรุจต้องเบิ่งตาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นชดอดีตลูกน้องเก่า พาชายคนหนึ่งที่รุ่นราวคราวเดียวกับชดมาแนะนำตัวกับเขา
“นี่ ปื๊ด เป็นเพื่อนเก่าผมเองครับคุณไผ่ ห่างหายกันไปนาน มันไปทำงานที่รีสอร์ตแถวเมืองกาญจน์ ตอนนี้ที่เดิมเขาเลิกกิจการ เพื่อนมันเลยกลับบ้าน รับรองครับว่าประสบการณ์นำเที่ยวเพียบ และก็ไว้ใจได้ครับ”
“ดีเลยพี่ชด นึกว่าพี่ลืมเสียอีก ผมกำลังเดือดร้อนเลย หาคนไม่ได้สักที วันนั้นขนาดไปในเมืองกับหลานพี่ชด ผมก็ไปขอที่สำนักจัดหางานไว้เหมือนกันนะ แต่ก็มีแต่แรงงานพม่า ไม่มีคนทำงานแบบที่ต้องการเลย”
ภาณุรุจรู้สึกชื่นชมในความมีน้ำใจของอดีตลูกน้อง เขายังนึกเสีย ดายชดอยู่ทุกวันทุกคืน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะชดเป็นญาติกับบ้านนั้น เกรงว่าเขาจะไม่ยอมให้ชดไปง่ายๆ เขาต้องยื้อสุดฤทธิ์แน่ๆ
“ผมไม่ลืมหรอกครับ รู้ว่าคุณไผ่ร้อนใจ ผมก็พยายามติดต่อคนที่รู้จักๆ อยู่หลายคน แต่ก็เพิ่งมีโอกาสเหมาะคราวนี้เอง”
“พี่พูดอังกฤษได้ไหม”
ชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ตถามปื๊ด ซึ่งพอได้รับคำตอบว่าสามารถสื่อ สารกับฝรั่งได้เป็นอย่างดี เขาก็รู้สึกพอใจ นั่งซักประวัตินายปื๊ดอยู่พักใหญ่ภาณุรุจก็ตอบตกลงรับเข้าทำงานทันที
เมื่อว่าที่คนงานใหม่ขอตัวกลับไปแล้ว เขาก็ชวนชด
“ผมจะเดินดูบริเวณรอบๆ หน่อย มีคนบอกว่าน้ำในสระเริ่มเสีย พี่รีบไหม เดินคุยกันก่อนสิ เผื่อจะได้ช่วยคิดหาทางให้ได้บ้าง”
ชดบอกไม่รีบ แล้วเขาก็เดินเคียงไปกับภาณุรุจ นำพาบรรยากาศเก่าๆ กลับมา ชดรู้สึกภูมิใจที่ภาณุรุจให้เขาเป็นเสมือนมือขวาในทุกๆ เรื่อง เจ้านายคนนี้จัดเป็นประเภท ‘ลูกคุณหนู’ แต่เขาไม่เคยถือเนื้อถือตัว
“เออ แล้วเป็นไงบ้างพี่ชด กิจการในไร่ พักนี้ผมก็วุ่นๆ ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวคราวเท่าไร”
“ลงแปลงแล้วครับ ทุกอย่างน่าจะไปได้สวย แต่เห็นหนูพิมเขาบ่นๆ เรื่องค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง”
“บานปลายละสิท่า” ภาณุรุจหัวเราะหึในคอ “ก็หลานพี่ชดเขาทำซะเต็มพื้นที่ขนาดนั้นนี่นา ผมเองก็ยังเคยเตือนเขาแล้วว่า น่าจะทำเล็กๆ ก่อน”
“เรื่องนี้พ่อแม่ยายพิมเขาเห็นดีเห็นงามครับ เขาบอก คนอื่นทำกันทีนึง ห้าสิบไร่ด้วยซ้ำ”
“งั้นรึ งั้นก็แล้วแต่เขาแล้วกัน ผมไม่ใช่เกษตรกรอาจจะคิดได้ไม่เท่าเขา แต่บอกได้เลยนะพี่ชด ถ้าขาดเหลืออะไรจริงๆ พี่บอกผมได้ เพราะพี่ก็เหมือนพี่ผมคนหนึ่ง พี่ช่วยงานผมมาเยอะ ไปอยู่ที่นั่นผมก็ไม่อยากให้พี่ต้องล้มลุกคลุกคลานหรอก”
ชดเอ่ยขอบคุณแล้วมองหน้าคนพูดอย่างซาบซึ้งใจ ภาณุรุจช่างเป็นคนดี แม้จะอยากได้ที่ตรงนั้น แต่เมื่อไม่ได้ เขาก็ยังมีสปิริตพอที่จะสนับสนุนคนที่เขารักใคร่ให้ไปต่อ
“คุณไผ่ไม่แวะไปดูบ้างหรือครับ เห็นวันก่อนคุณก็ขับรถผ่านไป”
“พี่ชดพูดยังกับหลานของพี่เขาอยากเจอหน้าผมนักนี่ พี่ก็เห็นอยู่ว่า เจอกันทีไร เขาฟ้อนเล็บใส่ผมทุกที”
ชดหัวเราะกับคำของอดีตนายจ้าง
“อ้าว ก็นั่นมันตอนที่คุณจะซื้อที่ดินให้ได้นี่ครับ ตอนนี้ในเมื่อคุณสองคนไม่เอาที่ตรงนั้นแน่นอนแล้ว ทุกอย่างก็จบได้สวย”
ภาณุรุจหยุดกึก “ใครบอกพี่ชดแบบนั้น”
“อ้าว ก็คุณนทีไงครับ เขาบอกหนูพิมว่าเขาไม่เอาที่ผืนนั้นแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วยังจะมาช่วยเรื่องปลูกปทุมมาด้วย อ้าว นี่คุณไผ่ยังไม่ทราบหรือครับ ผมนึกว่าคุณสองคนคุยกันแล้วเสียอีก”
*************
เตรียมส่งโอบรักธารรุ้งเข้าโรงพิมพ์สัปดาห์หน้าแล้วนะคะรีดเดอร์^^ เปิดจองถึงสิ้นเดือนมกราคมนะคะ
ช่องทางสั่งจอง
1.จองกับสนพ.โดยตรง ทำได้โดย inbox หาแอดมินเพจ ‘ปลายปากกาสำนักพิมพ์’ บอกว่าสั่งจองโอบรักธารรุ้ง หรือไลน์หา (อย่าลืมแอดไลน์ plaipakkabooks ก่อนนะจ๊ะ) หรือสั่งจองโดยส่งเมล์เข้ามาที่ plaipakkabooks@gmail.com หลังจากนั้นสนพ.จะส่งเลขบัญชีสำหรับโอนเงินค่าหนังสือให้นักอ่านทราบเป็นลำดับถัดไป เมื่อได้รับเงินโอนแล้ว ถึงจะจัดส่งหนังสือให้จ้า
2.สั่งจองผ่านร้านออนไลน์ ตอนนี้มีร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน thebookboxclub ร้านภาวิกา และร้าน bestbooksmile
ราคารอบ Pre-order: 369฿ (จากราคาปก 402฿)
ส่งฟรีแบบลงทะเบียน
กรณีจัดส่ง EMS บวกเพิ่ม 45฿
(((eBook โหลดได้ที่เว็บ mebmarket)))
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ช่วงนี้หญิงสาวพยายามดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น อย่างเช่นตอนเช้าก็พยายามรับประทานอาหารมื้อใหญ่แทนกาแฟแก้วเดียวเหมือนที่เคยๆ กลางวันก็รับประทานให้ตรงเวลา เพราะแว่วประโยคเหล่านี้ขึ้นทุกครั้งเวลาไม่นึกอยากข้าว
‘ระวังเป็นโรคกระเพาะ’
‘...รักษาสุขภาพเอาไว้ดีกว่า ป่วยไข้ขึ้นมาอยู่บ้านนอกแบบพวกเราห่างไกลมดหมอนะจ๊ะ’
พิมริสายังจำแววตาเวลาเขาพูดได้ ดูห่วงใยอาทรเหลือเกิน น้ำเสียงก็อ่อนโยนจนทำให้เธออบอุ่นอย่างประหลาด แต่นั่นคือความห่วงใยของเขาที่เธอคิดไปเองหรือเปล่า
แล้วพิมริสาก็รู้สึกถึงอารมณ์ที่หงอยเหงาขึ้นมา ยามวิกาลที่ต้องอยู่ตามลำพังกับเสียงแห่งพงไพร ช่างเหงาเหลือใจ...นี่สินะชนบท
หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดสวิตช์โคมไฟที่โต๊ะตัวเล็กใกล้หัวเตียง ไฟสว่างจ้าพร้อมๆ กับที่เธอลุกขึ้นมานั่งพิงผนังเตียงด้วยอารมณ์หม่นๆ พิมริสาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วลองเสิร์ชดูคำว่า ‘อิงไพรรีสอร์ต’
ภาพในจอผุดขึ้นมาในทันที รีสอร์ตแต่ละหลังสวยงามอยู่กลางสวน หย่อมบนเนินเตี้ยๆ แต่มันก็แค่สวน ไม่มีวิวภูเขายิ่งใหญ่อลังการเท่ากับมองจากบ้านเธอ ไม่มีลำธาร มีแต่บ้านสวยๆ
มิน่า เจ้าของถึงไม่ค่อยปลื้ม จะมาเอาที่ทางตรงนี้ของเธอให้ได้
ก็แล้วทำไมเขาคิดช้าขนาดนั้น นี่ถ้าเขาคิดซื้อที่ของเธอตั้งแต่แรก ช่วงที่เธอยังไม่กลับมาอยู่บ้าน เขาก็คงได้ไปแล้ว บิดามารดาต้องขายให้แน่นอน...เขาช้าไป
พิมริสาพยายามคลิกหาภาพเจ้าของ...แต่ไม่มี มีแต่เบอร์โทรศัพท์ของเขา ซึ่งเธอก็มีแล้ว และเคยโทร.ไปหาแค่ครั้งเดียว จากนั้นก็ไม่มีเหตุให้ต้องโทร.อีก แม้จะคิดๆ หาเหตุอยู่หลายครั้งก็ตาม
หญิงสาวดูนาฬิกาที่หน้าจอแล้วถอนใจหนักหน่วง เธอคงต้องวางโทรศัพท์แล้วนอนให้หลับเสียที คิดพลางวางมันลงข้างๆ เอื้อมมือไปปิดไฟ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงกับเสียงที่เรียกเข้ามา
เสียงเพลงเรียกเข้าที่ดังก้องกังวานในความมืดทำให้ต้องหยิบมาดู พอเห็นชื่อที่ปรากฏ พิมริสาก็ใจเต้นตูมตาม ทั้งตกใจ แปลกใจ และ...ทำไมมีความตื่นเต้นดีใจอยู่ด้วยนะ เธอรีบกดรับทันทีเพราะกลัวอีกฝ่ายจะรีบวาง
“ขอโทษนะที่โทร.มารบกวนเอาป่านนี้ นี่นอนหรือยัง พี่ปลุกหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ...ก็...เอ่อ...กำลังจะนอนเหมือนกัน”
“นอนดึกแบบนี้ทุกวันหรือ ดูแลสุขภาพตัวเองบ้างนะ เดี๋ยวไม่สบายเอาหรอก”
มาอีกแล้ว เสียงแบบนี้อีกแล้ว ทำไมเขาต้อง...
“ขอบคุณค่ะพี่ไผ่ พิมก็ไม่ได้นอนดึกทุกวันหรอก ก็แค่วันนี้...”
“ทำไมหรือ มีอะไรให้ต้องคิดนักหนา”
พิมริสากัดริมฝีปาก มือซ้ายที่ยังว่างอยู่ยังแตะอยู่ที่หน้าอกตัวเอง
ทำไมใจเธอถึงเต้นแรงขนาดนี้ ดูเหมือนมันยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ นี่เขามีธุระอะไรกับเธอหรือถึงโทร.มาป่านนี้ แต่ดูจากการเริ่มต้นแล้ว บ่งบอกให้รู้ว่าเขาไม่มีธุระสำคัญอะไรเลย
“ก็...เรื่องงานน่ะ นิดๆ หน่อยๆ แล้ว...พี่ล่ะคะทำไมยังไม่นอน มีธุระอะไรหรือเปล่า”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน” คำพูดเขาทำเอาเธอแอบยิ้มในความมืด “อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ”
“อ้าว แล้วมีอะไรหรือคะ โทร.มาเสียดึก”
“นอนไม่หลับ”
คำตอบนั้นทำให้ต่างฝ่ายต่างเงียบไปพักใหญ่ เขาเองที่เป็นคนตอบเมื่อครู่ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “อย่าเพิ่งวางนะ”
“ทำไมคะ พี่ไผ่นอนไม่หลับแล้วต้องเที่ยวโทร.หาคนนั้นคนนี้คุยเหรอ ทำแบบนี้บ่อยหรือ”
ในที่สุด หลังจากที่ปรับใจให้อยู่ในสภาพปกติได้แล้วเธอก็คืนฟอร์ม สามารถพูดประโยคยาวๆ ด้วยเสียงเข้มงวดเดิมๆ ออกมาได้
“ไม่บ่อยหรอก”
เสียงที่ตอบอู้อี้กลับมาแลดูแกว่งๆ พิมริสาฉุกคิด...หรือเขาเมา?
“เพิ่งทำเป็นครั้งแรก”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมคะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบไปอีกแล้ว ก่อนตอบมาเบาๆ จนเธอเกือบไม่ได้ยิน
“ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
พิมริสาตั้งสติแล้วตอบกลับ “พี่เมา เมาแล้วก็นอนเสียเถอะค่ะ ราตรีสวัสดิ์”
แล้วเธอก็กดวางสายเอง เลื่อนตัวลงนอนด้วยใจที่ยังเต้นระรัว ความเหงาช่วงก่อนหายไปเป็นปลิดทิ้ง เหลือไว้แต่ใจที่ระทึกตึกตัก ไม่นานเมื่อรู้ สึกผ่อนคลายลง พิมริสาก็เข้าสู่ห้วงนิทราที่มีแต่ความฝันอันแสนหวานบรรเจิดไปจนเช้า
*******************
สายวันนั้น ภาณุรุจต้องเบิ่งตาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นชดอดีตลูกน้องเก่า พาชายคนหนึ่งที่รุ่นราวคราวเดียวกับชดมาแนะนำตัวกับเขา
“นี่ ปื๊ด เป็นเพื่อนเก่าผมเองครับคุณไผ่ ห่างหายกันไปนาน มันไปทำงานที่รีสอร์ตแถวเมืองกาญจน์ ตอนนี้ที่เดิมเขาเลิกกิจการ เพื่อนมันเลยกลับบ้าน รับรองครับว่าประสบการณ์นำเที่ยวเพียบ และก็ไว้ใจได้ครับ”
“ดีเลยพี่ชด นึกว่าพี่ลืมเสียอีก ผมกำลังเดือดร้อนเลย หาคนไม่ได้สักที วันนั้นขนาดไปในเมืองกับหลานพี่ชด ผมก็ไปขอที่สำนักจัดหางานไว้เหมือนกันนะ แต่ก็มีแต่แรงงานพม่า ไม่มีคนทำงานแบบที่ต้องการเลย”
ภาณุรุจรู้สึกชื่นชมในความมีน้ำใจของอดีตลูกน้อง เขายังนึกเสีย ดายชดอยู่ทุกวันทุกคืน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะชดเป็นญาติกับบ้านนั้น เกรงว่าเขาจะไม่ยอมให้ชดไปง่ายๆ เขาต้องยื้อสุดฤทธิ์แน่ๆ
“ผมไม่ลืมหรอกครับ รู้ว่าคุณไผ่ร้อนใจ ผมก็พยายามติดต่อคนที่รู้จักๆ อยู่หลายคน แต่ก็เพิ่งมีโอกาสเหมาะคราวนี้เอง”
“พี่พูดอังกฤษได้ไหม”
ชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ตถามปื๊ด ซึ่งพอได้รับคำตอบว่าสามารถสื่อ สารกับฝรั่งได้เป็นอย่างดี เขาก็รู้สึกพอใจ นั่งซักประวัตินายปื๊ดอยู่พักใหญ่ภาณุรุจก็ตอบตกลงรับเข้าทำงานทันที
เมื่อว่าที่คนงานใหม่ขอตัวกลับไปแล้ว เขาก็ชวนชด
“ผมจะเดินดูบริเวณรอบๆ หน่อย มีคนบอกว่าน้ำในสระเริ่มเสีย พี่รีบไหม เดินคุยกันก่อนสิ เผื่อจะได้ช่วยคิดหาทางให้ได้บ้าง”
ชดบอกไม่รีบ แล้วเขาก็เดินเคียงไปกับภาณุรุจ นำพาบรรยากาศเก่าๆ กลับมา ชดรู้สึกภูมิใจที่ภาณุรุจให้เขาเป็นเสมือนมือขวาในทุกๆ เรื่อง เจ้านายคนนี้จัดเป็นประเภท ‘ลูกคุณหนู’ แต่เขาไม่เคยถือเนื้อถือตัว
“เออ แล้วเป็นไงบ้างพี่ชด กิจการในไร่ พักนี้ผมก็วุ่นๆ ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวคราวเท่าไร”
“ลงแปลงแล้วครับ ทุกอย่างน่าจะไปได้สวย แต่เห็นหนูพิมเขาบ่นๆ เรื่องค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง”
“บานปลายละสิท่า” ภาณุรุจหัวเราะหึในคอ “ก็หลานพี่ชดเขาทำซะเต็มพื้นที่ขนาดนั้นนี่นา ผมเองก็ยังเคยเตือนเขาแล้วว่า น่าจะทำเล็กๆ ก่อน”
“เรื่องนี้พ่อแม่ยายพิมเขาเห็นดีเห็นงามครับ เขาบอก คนอื่นทำกันทีนึง ห้าสิบไร่ด้วยซ้ำ”
“งั้นรึ งั้นก็แล้วแต่เขาแล้วกัน ผมไม่ใช่เกษตรกรอาจจะคิดได้ไม่เท่าเขา แต่บอกได้เลยนะพี่ชด ถ้าขาดเหลืออะไรจริงๆ พี่บอกผมได้ เพราะพี่ก็เหมือนพี่ผมคนหนึ่ง พี่ช่วยงานผมมาเยอะ ไปอยู่ที่นั่นผมก็ไม่อยากให้พี่ต้องล้มลุกคลุกคลานหรอก”
ชดเอ่ยขอบคุณแล้วมองหน้าคนพูดอย่างซาบซึ้งใจ ภาณุรุจช่างเป็นคนดี แม้จะอยากได้ที่ตรงนั้น แต่เมื่อไม่ได้ เขาก็ยังมีสปิริตพอที่จะสนับสนุนคนที่เขารักใคร่ให้ไปต่อ
“คุณไผ่ไม่แวะไปดูบ้างหรือครับ เห็นวันก่อนคุณก็ขับรถผ่านไป”
“พี่ชดพูดยังกับหลานของพี่เขาอยากเจอหน้าผมนักนี่ พี่ก็เห็นอยู่ว่า เจอกันทีไร เขาฟ้อนเล็บใส่ผมทุกที”
ชดหัวเราะกับคำของอดีตนายจ้าง
“อ้าว ก็นั่นมันตอนที่คุณจะซื้อที่ดินให้ได้นี่ครับ ตอนนี้ในเมื่อคุณสองคนไม่เอาที่ตรงนั้นแน่นอนแล้ว ทุกอย่างก็จบได้สวย”
ภาณุรุจหยุดกึก “ใครบอกพี่ชดแบบนั้น”
“อ้าว ก็คุณนทีไงครับ เขาบอกหนูพิมว่าเขาไม่เอาที่ผืนนั้นแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วยังจะมาช่วยเรื่องปลูกปทุมมาด้วย อ้าว นี่คุณไผ่ยังไม่ทราบหรือครับ ผมนึกว่าคุณสองคนคุยกันแล้วเสียอีก”
*************
เตรียมส่งโอบรักธารรุ้งเข้าโรงพิมพ์สัปดาห์หน้าแล้วนะคะรีดเดอร์^^ เปิดจองถึงสิ้นเดือนมกราคมนะคะ
ช่องทางสั่งจอง
1.จองกับสนพ.โดยตรง ทำได้โดย inbox หาแอดมินเพจ ‘ปลายปากกาสำนักพิมพ์’ บอกว่าสั่งจองโอบรักธารรุ้ง หรือไลน์หา (อย่าลืมแอดไลน์ plaipakkabooks ก่อนนะจ๊ะ) หรือสั่งจองโดยส่งเมล์เข้ามาที่ plaipakkabooks@gmail.com หลังจากนั้นสนพ.จะส่งเลขบัญชีสำหรับโอนเงินค่าหนังสือให้นักอ่านทราบเป็นลำดับถัดไป เมื่อได้รับเงินโอนแล้ว ถึงจะจัดส่งหนังสือให้จ้า
2.สั่งจองผ่านร้านออนไลน์ ตอนนี้มีร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน thebookboxclub ร้านภาวิกา และร้าน bestbooksmile
ราคารอบ Pre-order: 369฿ (จากราคาปก 402฿)
ส่งฟรีแบบลงทะเบียน
กรณีจัดส่ง EMS บวกเพิ่ม 45฿
(((eBook โหลดได้ที่เว็บ mebmarket)))
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ม.ค. 2563, 17:52:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2563, 17:52:14 น.
จำนวนการเข้าชม : 562
<< บทที่ 10 -100% | บทที่ 11 -100% >> |