โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ตอน: บทที่ 15 -70%
“เฮ้! ยู เวตๆ ดอนท์โก คัมเฮียร์ แอนด์ชอปปิง แอนด์อีตเบรกฟาสต์ก่อน” ปื๊ดตะโกนโหวกเหวกเรียกนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่กำลังจะไปลงแพให้เข้าไปที่ร้านอาหารของเกดแก้ว ภาษาอังกฤษของไกด์คนใหม่ ทำเอาภาณุรุจที่มาด้วยต้องยืนเกาหัวแกรกๆ เมื่อปื๊ดต้อนหน้าต้อนหลังลูกทัวร์เข้าร้านไปแล้ว ชายหนุ่มก็กวักมือเรียกลูกน้องคนใหม่มาเทศนา
“พี่ปี๊ด ไอ้ภาษาอังกฤษปนไทยของพี่นี่ ผมก็ไม่ได้ติดใจเท่าไรนะ แต่ต่อไป ห้ามเรียกฝรั่งว่า เฮ้ ยู เด็ดขาด มันไม่สุภาพ ดูเล่นหัวเขามากไปหน่อย แล้วทางที่ดีก็ไม่ต้องแหกปากตะโกนอะไรแบบนี้หรอก พี่เดินเข้าไปบอกเขาใกล้ๆ ดีกว่ามั้ง เรื่องพวกนี้ผมนึกว่าพี่จะรู้แล้วนะ เพราะพี่ก็เคยทำมาก่อน ผมไม่น่าต้องมาสอนอะไรกันอีก”
ปื้ดหน้าจ๋อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้ง แล้วยกมือไหว้ปลกๆ ท่ายืนกอดอกกางขากับใบหน้าที่บึ้งตึงของเจ้านาย ทำให้ปื๊ดเย็นสันหลังวาบ คนที่ไม่ค่อยดุ เมื่อดุขึ้นมาก็เหมือนพายุเฮอริเคนในหนังฝรั่งที่เคยดูไม่มีผิด มันพัดพาทุกอย่างพินาศในพริบตา
“ขอโทษครับคุณไผ่ ต่อไปผมจะระวัง จะไม่เรียกฝรั่งอย่างนั้นอีก”
“ดี!” ชายหนุ่มกระแทกเสียง “ไปหัดเรียนภาษามาใหม่ เรียนเอากับชดก็ได้ กิริยามารยาทด้วย พี่ต้องดีกว่านี้ ผมไม่ได้บอกว่าพี่ต้องไปนบนอบหมอบอะไรเขานะ เพราะคนเรายังไงก็เท่าเทียมกัน แต่พี่ต้องเคารพ ให้เกียรติเขาในฐานะที่เขาให้เกียรติเราก่อนด้วยการเป็นลูกค้าเรา เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ” ปื๊ดตอบเสียงเศร้า คอตก
“ช่วงนี้เป็นช่วงโปรสามเดือนแรกนะพี่ปื้ด ถ้าพี่ไม่ดีขึ้น ผมไม่ผ่านโปรให้ พี่จะหาว่าผมใจร้ายไม่ได้นา” เขาขู่เสียงเข้ม
“ครับๆ ผมสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวใหม่ เพราะถ้าคุณไผ่ไล่ผมออก ผมคงอดตาย อายุเท่านี้แล้ว ไม่มีใครเขารับเข้าทำงานที่ไหนแน่ ผมมันคนหัวทึบ เรียนน้อย คิดช้า ตะ...แต่รับรองว่าซื่อสัตย์ยิ่งกว่าหมาอีกครับ คุณไผ่ไม่ต้องกลัวเรื่องอื่นเลย”
“เอาละๆ ไปได้แล้ว ที่จริงวันนี้พี่ก็ทำดีอยู่ที่เรียกให้ฝรั่งเข้าร้านคุณเกด” ภาณุรุจตบหัวแล้วลูบหลัง เห็นท่าทางปื๊ดแล้วเขาก็อดสงสารไม่ได้ แต่งานก็ต้องเป็นงาน “เพราะเราก็อยากให้เขาช่วยซื้อของที่ระลึก หรือกินอะไรอยู่แล้ว รายได้จะได้ตกกับชาวบ้านบ้าง อันนี้พี่คิดเองใช่ไหม ดีมากที่รู้จักคิด”
“เปล่าหรอกครับ ผมไม่ได้คิดเอง ชดเป็นคนบอกครับว่าทุกครั้งที่ มา ให้พาฝรั่งแวะร้านหนูเกดก่อน”
ภาณุรุจพยักหน้ารับรู้ แล้วโบกมือให้ปื๊ดไปทำงานต่อได้ ได้คนไม่เป็นงานมา เขาจะโทษใครเล่า นอกจากตัวเองที่ไม่ดูให้ดี ที่จริงวันนั้นที่ปื๊ดมากับชด เขาน่าจะสัมภาษณ์ให้ละเอียดกว่านี้ อารามดีใจที่จะได้คนมาทำ งาน แถมเป็นคนที่ชดการันตีให้ ทำให้เขาซักถามไปไม่กี่คำ
แต่ข้อดีของนายปื๊ดก็ใช่ว่าไม่มี ดูจากคำตอบเมื่อครู่ก็รู้ว่าเป็นคนซื่อสัตย์จริงๆ เพราะแทนที่จะสมรับสมอ้างว่าเป็นความคิดตัวเองเรื่องพาฝรั่งเข้าร้าน เพื่อหาคะแนนให้ตัวเองบ้างหลังจากถูกว้ากชุดใหญ่ แต่ปื๊ดกลับพูดความจริงว่าชดเป็นคนบอก จุดนี้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ชายหนุ่มเชื่อว่าความรู้นั้น คนเราเรียนทันกันหมด แต่ความซื่อหรือความคด สิ่งนี้แก้ไม่ได้
ภาณุรุจเดินเข้าไปในร้านของเกดแก้ว เจ้าของร้านสาวที่ต้อนรับลูก ค้าง่วนอยู่เงยหน้าส่งยิ้มหวานเจี๊ยบให้เขา แล้วรีบเดินมาคุยด้วย
“วันนี้คนเต็มร้านเลยค่ะคุณไผ่ ถ้าได้แบบนี้ทุกวัน เกดก็สบาย ก็ไม่รู้ไกด์ใหม่คิดยังไง ถึงพาฝรั่งเข้าร้าน ปกติก็เห็นพาไปลงแพเลย”
“พี่ชดใช้ให้พี่ปื๊ดทำนะสิครับ เรื่องนี้ต้องยกความดีให้พี่ชด”
เกดแก้วเลิกคิ้วร้อง อ้อ! แล้วพูดต่อ “น้าชดดีกับเกดมาก เสียดายนะคะที่ต้องลาออกไปทำไร่ คุณไผ่เลยขาดมือขวาไป”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเกด ที่เขาออกไปก็ไปเป็นมือขวาให้หลาน สาวเขาเอง ผมก็ยินดีกับพิมเขาด้วยใจจริง มือใหม่อย่างเพื่อนคุณก็ต้องเจอกับมือเก๋าๆ แบบพี่ชดนี่ละ พิมโชคดีมากเรื่องคน พม่าที่ชื่อเดงข่ายนั่นก็ได้ข่าวว่าทำงานดีมาก ไม่รู้เขาไปหามาจากไหน ผมเอง กว่าจะได้มาแต่ละคนแสนลำบาก ได้มาแล้วก็ไม่ค่อยดีเท่าไร”
เขาพูดพลางหัวเราะหึ ตามองไปที่ปื๊ดที่กำลังพาลูกค้าฝรั่งลงแพ ท่าทางปื๊ดจากที่เคยดูเหมือนไล่ต้อนวัวควาย เปลี่ยนเป็นสุภาพขึ้น
“พิมเขาละเอียดมากเรื่องเลือกคนเข้าทำงานค่ะ เคยมาคุยกับเกดที่ร้าน เกดยังอึ้ง เฮ้ย เพื่อนฉันคิดไปถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“จริงครับ เห็นท่าทางเหมือนจะเหยาะแหยะ แต่เก่งเอาเรื่อง เรียก ว่ามีวิสัยทัศน์ก็ได้ คิดดูแล้วกัน เธอมาไม่นา ธารรุ้งก็มีไร่ปทุมมาใหญ่ขนาดนั้น ก่อนนี้ไม่ยักจะมีใครคิดทำ”
“ค่ะ เราทำแต่สวนผักสวนผลไม้กันอย่างเดียว” เกดแก้วเออออไปตามเรื่องตามราว
“ถึงแม้พิมเขาจะเน้นปลูกดอกไม้เพื่อการเกษตร แต่ผมมั่นใจว่า ต่อไปนี้ไร่นั้นจะเป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งได้เลย ไม่ธรรมดาเลยนะครับ เพื่อนคุณอาจเป็นผู้จุดประกายอะไรใหม่ๆ แต่ผมว่าตรงนี้เจ้าตัวอาจคิดไม่ถึงมั้ง”
น้ำเสียงและแววตาคนพูดฉายแววทั้งทึ่งทั้งเอ็นดูพิมริสาจนเกดแก้วแทบทนไม่ไหว เธออยากร้องกรี๊ดให้สุดเสียง ลางสังหรณ์ของเธอเป็นจริงถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์แล้ว ภาณุรุจสนใจแม่เพื่อนสาวชาวไร่ มากกว่าเธอจริงๆ ขืนเธอยังเอื่อยเฉื่อยหรือชะล่าใจ ไม่แคล้วต้องกินน้ำตา
ในที่สุดเธอก็เอ่ยขึ้น
“เออ คุณไผ่คะ ช่วงนี้เกดเหนื่อยๆ ยังไงไม่รู้ค่ะ อยากพักผ่อนบ้าง ว่างๆ เราไปเที่ยวในเมือง หรือไปไหนกันบ้างดีไหมคะ” เธอชวนเขาดื้อๆ เมื่อเห็นเขานิ่งไป เกดแก้วก็รีบขยายความ “ตั้งแต่เริ่มโพรเจกต์ใหม่กัน เกดเห็นคุณเองก็วุ่นแต่กับงานนี้ ระวังพอถึงวันเข้าจริงๆ สุขภาพจะทรุดไปก่อนนะคะ เกดว่าก่อนที่เราจะลุยกันต่อ เราไปพักสมองกันหน่อยดีไหมคะ”
“เอาสิครับ ไปกันหลายๆ คน น่าสนุก”
เขาตอบกลางๆ รู้สึกแปร่งหูกับคำว่า ‘เรา’ เหลือเกิน
“เกดไม่อยากวุ่นวาย อยากไปกับคุณแค่สองคน ก็เหมือนที่เราไปติดต่อเรื่องงานต่างๆ ที่ผ่านมา เกดไปกับคุณแล้วมัน เอ่อ สะดวกใจทุกอย่าง รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่เกร็ง...ได้ไหมคะ ไปเที่ยวแบบวันเดียวกลับก็ได้ จังหวัดใกล้ๆ อะไรแบบนี้”
ภาณุรุจคิดหนัก เกดแก้วไม่เคยเอ่ยปากร้องขอเรื่องแบบนี้กับเขามาก่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาอาจรับปากไปแล้ว แค่เธอมาขอให้พาเที่ยวเช้าไปเย็นกลับทำไมเขาจะทำให้ไม่ได้
แต่นั่นมันต้องเป็นเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่เขาไม่อยากไปไหนกับสาวอื่น นอกจาก...
“นะคะคุณไผ่ นะคะ” เธออ้อนวอนทั้งคำพูดและแววตา
“ก็ได้ครับ แต่คงไม่ใช่ช่วงนี้ พอดีผมว่าจะกลับบ้านที่กรุงเทพฯ สักอาทิตย์ เอาไว้ผมกลับมา แล้วค่อยดูกันอีกทีดีไหม ว่าจะไปไหนกันดี”
เกดแก้วพยักหน้ารับคำ ซ่อนความผิดหวังไว้ในอก เธอจะชวนเขาไปวันสองวันนี้ด้วยซ้ำ แต่เขาก็ดัน...จะกลับบ้านขึ้นมา ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่เขาจงใจเลี่ยงหรือซื้อเวลาหรือเปล่า
ภาณุรุจเหมือนจะรู้ว่าหญิงสาวคิดอะไร เขารีบบอก
“ผมแจ้งที่บ้านไว้ก่อนแล้วน่ะครับ...พรุ่งนี้วันเกิดคุณพ่อ ปกติผมก็ต้องกลับไปหาท่านทุกปี”
คนฟังค่อยมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น อย่างน้อยภาณุรุจก็ไม่ได้จงใจหลบเธอ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“พี่ปี๊ด ไอ้ภาษาอังกฤษปนไทยของพี่นี่ ผมก็ไม่ได้ติดใจเท่าไรนะ แต่ต่อไป ห้ามเรียกฝรั่งว่า เฮ้ ยู เด็ดขาด มันไม่สุภาพ ดูเล่นหัวเขามากไปหน่อย แล้วทางที่ดีก็ไม่ต้องแหกปากตะโกนอะไรแบบนี้หรอก พี่เดินเข้าไปบอกเขาใกล้ๆ ดีกว่ามั้ง เรื่องพวกนี้ผมนึกว่าพี่จะรู้แล้วนะ เพราะพี่ก็เคยทำมาก่อน ผมไม่น่าต้องมาสอนอะไรกันอีก”
ปื้ดหน้าจ๋อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้ง แล้วยกมือไหว้ปลกๆ ท่ายืนกอดอกกางขากับใบหน้าที่บึ้งตึงของเจ้านาย ทำให้ปื๊ดเย็นสันหลังวาบ คนที่ไม่ค่อยดุ เมื่อดุขึ้นมาก็เหมือนพายุเฮอริเคนในหนังฝรั่งที่เคยดูไม่มีผิด มันพัดพาทุกอย่างพินาศในพริบตา
“ขอโทษครับคุณไผ่ ต่อไปผมจะระวัง จะไม่เรียกฝรั่งอย่างนั้นอีก”
“ดี!” ชายหนุ่มกระแทกเสียง “ไปหัดเรียนภาษามาใหม่ เรียนเอากับชดก็ได้ กิริยามารยาทด้วย พี่ต้องดีกว่านี้ ผมไม่ได้บอกว่าพี่ต้องไปนบนอบหมอบอะไรเขานะ เพราะคนเรายังไงก็เท่าเทียมกัน แต่พี่ต้องเคารพ ให้เกียรติเขาในฐานะที่เขาให้เกียรติเราก่อนด้วยการเป็นลูกค้าเรา เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ” ปื๊ดตอบเสียงเศร้า คอตก
“ช่วงนี้เป็นช่วงโปรสามเดือนแรกนะพี่ปื้ด ถ้าพี่ไม่ดีขึ้น ผมไม่ผ่านโปรให้ พี่จะหาว่าผมใจร้ายไม่ได้นา” เขาขู่เสียงเข้ม
“ครับๆ ผมสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวใหม่ เพราะถ้าคุณไผ่ไล่ผมออก ผมคงอดตาย อายุเท่านี้แล้ว ไม่มีใครเขารับเข้าทำงานที่ไหนแน่ ผมมันคนหัวทึบ เรียนน้อย คิดช้า ตะ...แต่รับรองว่าซื่อสัตย์ยิ่งกว่าหมาอีกครับ คุณไผ่ไม่ต้องกลัวเรื่องอื่นเลย”
“เอาละๆ ไปได้แล้ว ที่จริงวันนี้พี่ก็ทำดีอยู่ที่เรียกให้ฝรั่งเข้าร้านคุณเกด” ภาณุรุจตบหัวแล้วลูบหลัง เห็นท่าทางปื๊ดแล้วเขาก็อดสงสารไม่ได้ แต่งานก็ต้องเป็นงาน “เพราะเราก็อยากให้เขาช่วยซื้อของที่ระลึก หรือกินอะไรอยู่แล้ว รายได้จะได้ตกกับชาวบ้านบ้าง อันนี้พี่คิดเองใช่ไหม ดีมากที่รู้จักคิด”
“เปล่าหรอกครับ ผมไม่ได้คิดเอง ชดเป็นคนบอกครับว่าทุกครั้งที่ มา ให้พาฝรั่งแวะร้านหนูเกดก่อน”
ภาณุรุจพยักหน้ารับรู้ แล้วโบกมือให้ปื๊ดไปทำงานต่อได้ ได้คนไม่เป็นงานมา เขาจะโทษใครเล่า นอกจากตัวเองที่ไม่ดูให้ดี ที่จริงวันนั้นที่ปื๊ดมากับชด เขาน่าจะสัมภาษณ์ให้ละเอียดกว่านี้ อารามดีใจที่จะได้คนมาทำ งาน แถมเป็นคนที่ชดการันตีให้ ทำให้เขาซักถามไปไม่กี่คำ
แต่ข้อดีของนายปื๊ดก็ใช่ว่าไม่มี ดูจากคำตอบเมื่อครู่ก็รู้ว่าเป็นคนซื่อสัตย์จริงๆ เพราะแทนที่จะสมรับสมอ้างว่าเป็นความคิดตัวเองเรื่องพาฝรั่งเข้าร้าน เพื่อหาคะแนนให้ตัวเองบ้างหลังจากถูกว้ากชุดใหญ่ แต่ปื๊ดกลับพูดความจริงว่าชดเป็นคนบอก จุดนี้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ชายหนุ่มเชื่อว่าความรู้นั้น คนเราเรียนทันกันหมด แต่ความซื่อหรือความคด สิ่งนี้แก้ไม่ได้
ภาณุรุจเดินเข้าไปในร้านของเกดแก้ว เจ้าของร้านสาวที่ต้อนรับลูก ค้าง่วนอยู่เงยหน้าส่งยิ้มหวานเจี๊ยบให้เขา แล้วรีบเดินมาคุยด้วย
“วันนี้คนเต็มร้านเลยค่ะคุณไผ่ ถ้าได้แบบนี้ทุกวัน เกดก็สบาย ก็ไม่รู้ไกด์ใหม่คิดยังไง ถึงพาฝรั่งเข้าร้าน ปกติก็เห็นพาไปลงแพเลย”
“พี่ชดใช้ให้พี่ปื๊ดทำนะสิครับ เรื่องนี้ต้องยกความดีให้พี่ชด”
เกดแก้วเลิกคิ้วร้อง อ้อ! แล้วพูดต่อ “น้าชดดีกับเกดมาก เสียดายนะคะที่ต้องลาออกไปทำไร่ คุณไผ่เลยขาดมือขวาไป”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเกด ที่เขาออกไปก็ไปเป็นมือขวาให้หลาน สาวเขาเอง ผมก็ยินดีกับพิมเขาด้วยใจจริง มือใหม่อย่างเพื่อนคุณก็ต้องเจอกับมือเก๋าๆ แบบพี่ชดนี่ละ พิมโชคดีมากเรื่องคน พม่าที่ชื่อเดงข่ายนั่นก็ได้ข่าวว่าทำงานดีมาก ไม่รู้เขาไปหามาจากไหน ผมเอง กว่าจะได้มาแต่ละคนแสนลำบาก ได้มาแล้วก็ไม่ค่อยดีเท่าไร”
เขาพูดพลางหัวเราะหึ ตามองไปที่ปื๊ดที่กำลังพาลูกค้าฝรั่งลงแพ ท่าทางปื๊ดจากที่เคยดูเหมือนไล่ต้อนวัวควาย เปลี่ยนเป็นสุภาพขึ้น
“พิมเขาละเอียดมากเรื่องเลือกคนเข้าทำงานค่ะ เคยมาคุยกับเกดที่ร้าน เกดยังอึ้ง เฮ้ย เพื่อนฉันคิดไปถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“จริงครับ เห็นท่าทางเหมือนจะเหยาะแหยะ แต่เก่งเอาเรื่อง เรียก ว่ามีวิสัยทัศน์ก็ได้ คิดดูแล้วกัน เธอมาไม่นา ธารรุ้งก็มีไร่ปทุมมาใหญ่ขนาดนั้น ก่อนนี้ไม่ยักจะมีใครคิดทำ”
“ค่ะ เราทำแต่สวนผักสวนผลไม้กันอย่างเดียว” เกดแก้วเออออไปตามเรื่องตามราว
“ถึงแม้พิมเขาจะเน้นปลูกดอกไม้เพื่อการเกษตร แต่ผมมั่นใจว่า ต่อไปนี้ไร่นั้นจะเป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งได้เลย ไม่ธรรมดาเลยนะครับ เพื่อนคุณอาจเป็นผู้จุดประกายอะไรใหม่ๆ แต่ผมว่าตรงนี้เจ้าตัวอาจคิดไม่ถึงมั้ง”
น้ำเสียงและแววตาคนพูดฉายแววทั้งทึ่งทั้งเอ็นดูพิมริสาจนเกดแก้วแทบทนไม่ไหว เธออยากร้องกรี๊ดให้สุดเสียง ลางสังหรณ์ของเธอเป็นจริงถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์แล้ว ภาณุรุจสนใจแม่เพื่อนสาวชาวไร่ มากกว่าเธอจริงๆ ขืนเธอยังเอื่อยเฉื่อยหรือชะล่าใจ ไม่แคล้วต้องกินน้ำตา
ในที่สุดเธอก็เอ่ยขึ้น
“เออ คุณไผ่คะ ช่วงนี้เกดเหนื่อยๆ ยังไงไม่รู้ค่ะ อยากพักผ่อนบ้าง ว่างๆ เราไปเที่ยวในเมือง หรือไปไหนกันบ้างดีไหมคะ” เธอชวนเขาดื้อๆ เมื่อเห็นเขานิ่งไป เกดแก้วก็รีบขยายความ “ตั้งแต่เริ่มโพรเจกต์ใหม่กัน เกดเห็นคุณเองก็วุ่นแต่กับงานนี้ ระวังพอถึงวันเข้าจริงๆ สุขภาพจะทรุดไปก่อนนะคะ เกดว่าก่อนที่เราจะลุยกันต่อ เราไปพักสมองกันหน่อยดีไหมคะ”
“เอาสิครับ ไปกันหลายๆ คน น่าสนุก”
เขาตอบกลางๆ รู้สึกแปร่งหูกับคำว่า ‘เรา’ เหลือเกิน
“เกดไม่อยากวุ่นวาย อยากไปกับคุณแค่สองคน ก็เหมือนที่เราไปติดต่อเรื่องงานต่างๆ ที่ผ่านมา เกดไปกับคุณแล้วมัน เอ่อ สะดวกใจทุกอย่าง รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่เกร็ง...ได้ไหมคะ ไปเที่ยวแบบวันเดียวกลับก็ได้ จังหวัดใกล้ๆ อะไรแบบนี้”
ภาณุรุจคิดหนัก เกดแก้วไม่เคยเอ่ยปากร้องขอเรื่องแบบนี้กับเขามาก่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาอาจรับปากไปแล้ว แค่เธอมาขอให้พาเที่ยวเช้าไปเย็นกลับทำไมเขาจะทำให้ไม่ได้
แต่นั่นมันต้องเป็นเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่เขาไม่อยากไปไหนกับสาวอื่น นอกจาก...
“นะคะคุณไผ่ นะคะ” เธออ้อนวอนทั้งคำพูดและแววตา
“ก็ได้ครับ แต่คงไม่ใช่ช่วงนี้ พอดีผมว่าจะกลับบ้านที่กรุงเทพฯ สักอาทิตย์ เอาไว้ผมกลับมา แล้วค่อยดูกันอีกทีดีไหม ว่าจะไปไหนกันดี”
เกดแก้วพยักหน้ารับคำ ซ่อนความผิดหวังไว้ในอก เธอจะชวนเขาไปวันสองวันนี้ด้วยซ้ำ แต่เขาก็ดัน...จะกลับบ้านขึ้นมา ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่เขาจงใจเลี่ยงหรือซื้อเวลาหรือเปล่า
ภาณุรุจเหมือนจะรู้ว่าหญิงสาวคิดอะไร เขารีบบอก
“ผมแจ้งที่บ้านไว้ก่อนแล้วน่ะครับ...พรุ่งนี้วันเกิดคุณพ่อ ปกติผมก็ต้องกลับไปหาท่านทุกปี”
คนฟังค่อยมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น อย่างน้อยภาณุรุจก็ไม่ได้จงใจหลบเธอ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ค. 2563, 13:22:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ค. 2563, 13:22:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 445
<< บทที่ 15 -35% | บทที่ 15 -100% >> |