กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์
ตอน: บทที่ 25 -60% + Gift Sets ปีใหม่
รีดเดอร์จ๋า วันนี้ขออนุญาตแจ้ง Gift Sets ล่าสุดของสนพ.นะคะเผื่อมีใครอยากสั่งซื้อไปเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเองและเพื่อนๆ จ้า ฉลองส่งท้ายปี โปรฯ นี้คือการนำเล่มสุดฮิตมาจับคู่กันในราคาพิเศษ ลด 15% จากปก!
มีทั้งกระซิบรัก ฝนเมษา รักรออุ้ม ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และนาฏกรรมลวง จับคู่กันต่าง set กันไป
สำหรับกระซิบรักอยู่ set 1 และ 2 นะคะ รายละเอียดดูได้ในเพจสนพ. หรือคลิกลิงก์ในกล่องคอมเมนต์ด้านล่าง ใส่ไว้ให้เรียบร้อยค่ะ^^
**ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2562 เท่านั้น!!!
#ช่องทางสั่งซื้อ
-inbox หาแอดมินเพจสนพ.
-เมล์ plaipakkabooks@gmail.com
-line: plaipakkabooks
(((ได้ของแถมเป็นถุงผ้าน่ารักๆ ร่วมด้วยนะคะ)))
ไปสั่งซื้อกันน้าาาาาาา ในเล่มมีตกแต่งน่ารักๆ ตามธีมเรื่องด้วยค่ะ แต่ละเล่มของปลายปากกาจะต่างกันไปนะ มีความเป็นเฉพาะตัว อิอิ
********************
หยาดฝนโปรยปรายยามเช้ามืดทำให้อากาศเย็นกว่าปกติ แสงอาทิตย์ยังคงสลัวรางหลังกลุ่มเมฆฝนสีเทาทะมึนปกคลุม ลมเย็นภายนอกพัดผ่านเข้ามาแผ่วเบาทำให้ผ้าม่านผืนบางพลิ้วไหว
อติมาสะดุ้งตื่นขึ้นมามองสามีที่ละเมอหลายครั้ง เหงื่อไหลโทรมกาย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นมีแววเคร่งเครียดกระสับกระส่าย หล่อนได้แต่จ้องมองครุ่นคิด ครั้นจะเรียกปลุกให้รู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงละเมออะไรบางอย่างที่แปลก แต่ก็พอจะจับใจความได้
“คุณหนู ระวัง! อย่าไป พ่อขอโทษ...เอริน”
“พ่อ! เป็นอะไรไป แม่ชักจะใจคอไม่ดีแล้วนะ”
อติมาร้องเรียกแล้วเขย่าแขนสามีแรงขึ้นเพื่อปลุกให้รู้สึกตัวทันทีที่ใบหน้ากร้านตามวัยของเขาสะบัดไปมาอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
พัชระลืมตา เหงื่อผุดเต็มใบหน้าซีดเผือด อติมามองดูด้วยความตกตะลึงเพราะไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของสามีมาก่อน
“อะ...อะไรแม่!”
“พ่อเรียกหาลูกซะเสียงดัง มีอะไรรึเปล่า” อติมาโอบกอดสามีเอาไว้แนบแน่นเป็นหลักให้เขาพักพิงกายเอนมาอย่างอ่อนแรง
“เป็นห่วงลูกหรือจ๊ะ”
“พ่อรู้สึกเป็นห่วงลูกเรายังไงก็ไม่รู้สิแม่”
พัชระมีแววตาสับสน จิตใต้สำนึกที่คอยตามหลอกหลอนมาตลอดกว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่...เด็กคนหนึ่ง...หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และเป็นเวลาเดียวกันกับที่บิดามารดาของเด็กคนนั้นเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ พัชระไม่ได้นึกถึงมันมานานมากแล้ว แต่ขณะนี้ความทรงจำเหล่านั้นย้อนกลับเข้ามาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง
เขาช่วยชีวิตเด็กคนนั้นไว้ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย แต่แค่วันต่อมากลับได้รับรู้ว่า เด็กหายออกจากโรงพยาบาลไปแล้วทั้งที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาถามไถ่คนใกล้ชิดทั้งแพทย์และพยาบาลแต่ก็ไร้ประโยชน์ จนวันเวลาล่วงเลยผ่านไปราวสายลม เรื่องราวของเด็กคนนั้นและอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจึงถูกลืมเลือนเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...
“แปลก แปลกมาก ลูกไปแค่ใกล้ๆ แต่พ่อกลับห่วงมากกว่าตอนลูกไปเมืองนอกเสียอีก”
พัชระพึมพำกับตัวเองสีหน้าวิตกกังวล จนอติมาต้องเอ่ยปลอบ
“ลูกไปไม่กี่วันเองพ่อ ถ้าพ่อไม่สบายใจ พรุ่งนี้ก็โทร.หาลูกสิจ๊ะ เผื่อจะสบายใจขึ้น”
“แม่ให้กรณ์ช่วยหาไกด์มือดีมาแทนลูกเราไม่ได้เหรอ”
“แต่เรารับปากกับเขาไปแล้ว จู่ๆ มาเปลี่ยนกลางคันจะไม่ดีนะพ่อ”
อติมาแย้ง
“เอางี้ ลองดูอีกสักวันสองวัน ถ้าพ่อยังกังวลจริงๆ แม่จะโทร.บอกกรณ์ให้”
“อืม...”
พัชระได้แต่พรูลมหายใจหนักหน่วงออกมา ขณะที่อติมาลูบไหล่ลูบหลังปลอบสามีอยู่สักพักก็ลุกไปอาบน้ำเตรียมพร้อมทำงาน พัชระยังมีสีหน้าไม่สู้ดีจึงทอดมองไกลออกไปนอกหน้าต่าง สายตาหยุดที่ผืนทะเลกว้างเบื้องหน้า...รู้สึกเป็นห่วงลูกสาวเพียงคนเดียวจับใจ
*****************
ในเวลาเดียวกันนั้น เอรินยังคงนอนหลับคุดคู้อย่างมีความสุขอยู่ภายในห้องพักวิลลาบนเนินเขา ชานนท์เกาะบันไดสระว่ายน้ำหน้าห้องมองสาวน้อยที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนาหลับตาพริ้มแล้วลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ ด้วยความที่สระว่ายน้ำหน้าห้องพักของทั้งสองมีบันไดเชื่อมขึ้นลงถึงกันได้ เขาเลยถือวิสาสะข้ามมา เมื่อขึ้นมาถึงระเบียงห้องพักของเอรินเรียบร้อย ก็เคาะประตูเรียกรัวๆ
“เอริน ตื่นได้แล้ว เอริน!”
เอรินทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งขยี้ตามองคนเรียก แต่แล้วถึงกับตาโต
“คุณ! เอ๊ะ กี่โมงแล้วเนี่ย”
เมื่อเหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้องพบว่าหกโมงครึ่งแล้ว เอรินแทบจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง รีบตาลีตาเหลือกลงจากที่นอนมาเปิดประตูระเบียงคุยกับชานนท์ที่ยืนตัวสั่นอยู่นอกห้อง เขามีแค่ผ้าขนหนูพันปิดกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วเอาไว้
“นึกยังไงคุณ ตื่นมาว่ายน้ำแต่เช้า แทนที่จะรีบแต่งตัว”
“ผมขอเข้าไปหน่อยนะ” พูดจบชานนท์ก็แทรกตัวเข้ามาในห้องเอรินอย่างรวดเร็ว กว่าหล่อนจะรู้สึกตัวตื่นได้เล่นเอาเขาหนาวไม่ไหวแล้ว ยิ่งเห็นสาวน้อยมองมาหน้าเหลอหลา ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเพราะเพิ่งตื่นก็ให้เอ็นดู
“คุณอเล็กซ์! เข้ามาไม่ได้นะคะ นี่มันห้องฉัน”
“ก็ผมหนาวนี่คุณ ยืนรอตั้งนาน”
ชายหนุ่มทำเสียงออดอ้อน แต่สาวเจ้าของห้องไม่ยอมท่าเดียว ถลึงตาใส่เขาทั้งที่หน้าแดงก่ำ พยายามดันแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขาให้กลับออกไปที่ระเบียง แต่ชานนท์ขืนตัวไว้ หันกลับมาทำเนียนกอดร่างเล็กในชุดกางเกงนอนเนื้อนิ่มแนบอก
“ขอกอดหน่อยจะได้หายหนาว”
เขาพูดไปกอดไป ยิ่งหล่อนโวยวายเขาก็ยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นจนดวงหน้านวลจมกับแผงอกเปลือยเปล่าเย็นเยียบ เอรินถึงกับหน้าร้อนผ่าว
“แล้วคุณจะมารอฉันที่ระเบียงทำไม เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี คุณรีบกลับห้องไปอาบน้ำอุ่นซะจะได้หายหนาวนะคะ ฉันยังอยากเป็นไกด์ ไม่ใช่พยาบาลคนป่วย”
“งั้นผมขออาบห้องคุณไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ค่ะ!”
“โอเคๆ ปฏิเสธเร็วเชียวนะ” ชานนท์ตอบกลั้วหัวเราะ แต่ยังไม่ยอมปล่อย
“ผมเห็นคุณกำลังหลับสบายก็เลยเผลอมองเพลิน” เขากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูคนตัวเล็ก แล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก “อุ่นจัง ตัวนุ่มด้วย”
“คุณหายหนาวแล้วก็ปล่อยได้แล้วค่ะ” หล่อนยังคงพยายามดันเขาออกห่าง ทำเสียงเข้ม แต่ใจหล่อนนั้นแทบละลายไปกับอกอุ่นๆ ของเขาแล้ว ไปๆ มาๆ เลยยืนตัวแข็งทื่อให้คนตัวโตกอดอยู่สักพัก
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ เราสายแล้ว”
“ไม่อยากเลย” ชายหนุ่มอิดออด “เปลี่ยนใจไม่ไปยังทันไหม”
“คุณจะทิ้งเงินอีกแล้วนะคะ” หล่อนติง “ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา”
“กอดคุณอุ่นกว่าอาบน้ำอีก”
ชานนท์ยังคงกระซิบที่ข้างหู ริมฝีปากคลอเคลียแก้มนวลไม่ห่าง
“กอดกันแน่นๆ แบบนี้อุ่นไปถึงหัวใจเลย”
“หืม คุณไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหน หรือว่าพูดแบบนี้กับสาวๆ ของคุณอยู่บ่อยๆ”
“ใครว่า ผมพูดแบบนี้แค่กับคุณเท่านั้นละ ไม่เจอกันตั้งปีคุณคิดถึงผมบ้างไหม”
เอรินแค่พยักหน้า คำหวานของเขาทำให้สาวน้อยหัวใจพองโต จากที่คิดจะดันเขาออกห่างอีกเลยใจอ่อนยวบ ซุกหน้านิ่งในอ้อมอกชายหนุ่ม และเมื่อได้ยินเขาเอื้อนเอ่ยประโยคต่อมา สาวน้อยในอ้อมแขนก็ยิ่งอายม้วนไปกับคำพูดนั้น
“ถ้าได้อยู่ห้องเดียวกันทั้งคืนเหมือนวันนั้นจะอุ่นขนาดไหนก็ไม่รู้นะ ผมอยากอยู่กับคุณทุกวัน อยากเห็นคุณทั้งยามหลับยามตื่น”
“คุณพูดง่าย แต่ชีวิตจริงไม่ใช่มีแค่เราสองคนนะคะ”
“ผมรู้...”
“งั้นคุณควรกลับมาในโลกความเป็นจริง และไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ”
เอรินต้องใจแข็งผละออกห่าง กลัวเขารู้ว่าหัวใจของหล่อนกำลังเต้นแรงอย่างยากที่จะควบคุม โชคดีที่คราวนี้เขาว่าง่ายยอมปล่อย หล่อนเลยรีบดุนหลังชายหนุ่มให้ออกจากห้องไปในที่สุด
*****************
ทว่าหนึ่งชั่วโมงถัดมา ชานนท์ที่อารมณ์ดีเป็นทุนก็ต้องกุมขมับทันทีที่รู้ว่า เรือยอร์ชที่เขาควรจะได้กลับมีนักท่องเที่ยวกิจกรรมตกปลาน้ำลึกขอเช่าเหมาลำในราคาเพิ่มเป็นสองเท่า ตัดหน้าเขาไปแบบฉิวเฉียด และจะแล่นกลับฝั่งในอีกสองวันถัดไป
ชีวินซึ่งเป็นคนของลุงกองวิ่งแจ้นมาบอก เพราะรับหน้าที่จัดหาเรือให้ เลยแก้ปัญหาด้วยการเสนอสปีดโบ้ทลำใหญ่แบบเหมาลำให้ชานนท์แทน
“ให้มันได้อย่างนี้สิ”
ชานนท์เสียงขุ่น มองสปีดโบ้ทแบบสี่เครื่องยนต์ที่จอดลอยลำรออยู่ไม่ไกลอย่างไม่พอใจ
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบสปีดโบ้ท มันกระแทกกระทั้นน่ารำคาญ”
“ฉันขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน ก็ลุงกองแกรับปากไว้เสียดิบดี” เอรินหน้าเสีย หล่อนทั้งเกรงใจเขาทั้งยังเสียหน้าที่ถูกต่อว่าต่อหน้าชีวิน แต่รายนั้นส่งยิ้มบางๆ มาให้ พลางมองสาวรุ่นราวคราวเดียวกันในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีดำเข้ารูปสอดในกางเกงขาสั้นเหนือเข่าไม่วางตา
“งั้นเอางี้นะคุณ สองวันนี้เราก็ไปแค่ใกล้ๆ แถวนี้พอ วันมะรืนค่อยไปเรือไฮโซของคุณ”
“ใช่ๆ” ชีวินรีบพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับเอริน
“วันนี้คงต้องใช้เจ้าลำนี้ไปก่อน ผมขับให้คุณอยู่แล้วไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“ก็ต้องงั้นน่ะสิ จะทำไงได้” ชานนท์ตอบเสียงห้วน ขณะเดียวกันก็ลอบรู้สึกแปลกๆ ต่อสายตาของชีวินที่มองเอรินเมื่อครู่
ผู้ชายด้วยกันมองกันออก!
“งั้นไปกันเลยครับ” ชีวินกุลีกุจอเข้ามาช่วยเอรินลุยน้ำถือสัมภาระไปหย่อนไว้ท้ายเรือ และเดินกลับมาจะจูงหล่อน แต่ชานนท์ไวกว่าคว้ามือสาวน้อยมากุมไว้มั่นและพาลุยทะเลไปขึ้นเรือด้วยตัวเอง
ชีวินมองตามได้แต่นึกขำในใจ ก่อนจะดึงสมอที่ปักทรายออกรีบมาขึ้นเรืออย่างรวดเร็ว
“นั่งระวังๆ นะครับ”
สองหนุ่มสาวนั่งคนละฝั่งซึ่งเป็นเบาะที่นั่งตัวยาว โดยมีชีวินประจำที่นั่งคนขับ พร้อมเด็กท้ายเรืออีกหนึ่งคนระวังหลังให้
ตลอดการเดินทางบนท้องทะเล ชานนท์เอาแต่จ้องมองหน้าหวานๆ ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่เจ้าหล่อนดูจะขัดเขิน คอยหลบสายตาเขาอยู่เรื่อยจนน่าขัดใจ
“ทำไมเงียบไป” เขาถามขึ้น
“ไม่รู้จะคุยอะไรนี่คะ เสียงเครื่องยนต์ดัง”
“ผมบอกแล้วไม่เชื่อว่ามันน่าเบื่อ” ว่าแล้วชานนท์ก็กระตุกยิ้มหยันไขว่ห้างจิบเบียร์สบายอารมณ์ ท่าทางเขาจะหายหงุดหงิดแล้ว ผิดกับเอริน ที่หน้าง้ำกับคำพูดนั้นของเขา และออกอาการหัวเสียเองที่ต้องมานั่งประจันหน้ากันบนเรือแบบนี้ สายตาที่ชายหนุ่มมองมาทำให้หล่อนไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย!
“ผมว่าพรุ่งนี้เราเช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเกาะดีกว่า วันนี้ไปดำน้ำซะให้ทั่วก็แล้วกัน”
“คุณจะเอายังไงแน่คะ เมื่อกี้บอกว่าจะเช่าสปีดโบ้ทสองวันแล้วรอเรือยอร์ช” เอรินถามกลับ
ชานนท์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ยกเลิกก็แล้วกัน เช่าวันนี้วันเดียวก็พอ แค่นี้ผมก็หัวสั่นหัวคลอนจนหมดสนุกละ พรุ่งนี้อยู่แถวๆ รีสอร์ต มะรืนไปสมุยกัน”
“ก็แล้วแต่คุณค่ะ เงินคุณนี่ ใครจะลำบากยังไงคุณก็คงไม่สนหรอก”
เอรินถอนใจหนักหน่วงเมื่อคิดถึงเรื่องยุ่งยากที่จะต้องตามมา ก็เขาเล่นเปลี่ยนแผนกะทันหันตลอด หล่อนก็ต้องไปบอกปฏิเสธกองเพ็ชรเรื่องเรือที่ให้ช่วยหาให้อีก
“มีหน้าที่อะไรก็ทำไป ไม่ต้องขัดใจมากจะได้ไหม คุณไกด์ที่รัก”
ชานนท์ค่อนขอด ‘คุณไกด์ที่รัก’ หน้าตึงขึ้นมาทันที แต่ไม่ต่อความยาวสาวความยืดด้วย มองเมินไปทางอื่นดื้อๆ
ระหว่างนั้นคนขับเรือซึ่งก็คือชีวินได้แต่คอยฟังและสังเกตการณ์สองหนุ่มสาวผ่านกระจกมองหลังอยู่เงียบๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
มีทั้งกระซิบรัก ฝนเมษา รักรออุ้ม ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และนาฏกรรมลวง จับคู่กันต่าง set กันไป
สำหรับกระซิบรักอยู่ set 1 และ 2 นะคะ รายละเอียดดูได้ในเพจสนพ. หรือคลิกลิงก์ในกล่องคอมเมนต์ด้านล่าง ใส่ไว้ให้เรียบร้อยค่ะ^^
**ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2562 เท่านั้น!!!
#ช่องทางสั่งซื้อ
-inbox หาแอดมินเพจสนพ.
-เมล์ plaipakkabooks@gmail.com
-line: plaipakkabooks
(((ได้ของแถมเป็นถุงผ้าน่ารักๆ ร่วมด้วยนะคะ)))
ไปสั่งซื้อกันน้าาาาาาา ในเล่มมีตกแต่งน่ารักๆ ตามธีมเรื่องด้วยค่ะ แต่ละเล่มของปลายปากกาจะต่างกันไปนะ มีความเป็นเฉพาะตัว อิอิ
********************
หยาดฝนโปรยปรายยามเช้ามืดทำให้อากาศเย็นกว่าปกติ แสงอาทิตย์ยังคงสลัวรางหลังกลุ่มเมฆฝนสีเทาทะมึนปกคลุม ลมเย็นภายนอกพัดผ่านเข้ามาแผ่วเบาทำให้ผ้าม่านผืนบางพลิ้วไหว
อติมาสะดุ้งตื่นขึ้นมามองสามีที่ละเมอหลายครั้ง เหงื่อไหลโทรมกาย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นมีแววเคร่งเครียดกระสับกระส่าย หล่อนได้แต่จ้องมองครุ่นคิด ครั้นจะเรียกปลุกให้รู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงละเมออะไรบางอย่างที่แปลก แต่ก็พอจะจับใจความได้
“คุณหนู ระวัง! อย่าไป พ่อขอโทษ...เอริน”
“พ่อ! เป็นอะไรไป แม่ชักจะใจคอไม่ดีแล้วนะ”
อติมาร้องเรียกแล้วเขย่าแขนสามีแรงขึ้นเพื่อปลุกให้รู้สึกตัวทันทีที่ใบหน้ากร้านตามวัยของเขาสะบัดไปมาอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
พัชระลืมตา เหงื่อผุดเต็มใบหน้าซีดเผือด อติมามองดูด้วยความตกตะลึงเพราะไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของสามีมาก่อน
“อะ...อะไรแม่!”
“พ่อเรียกหาลูกซะเสียงดัง มีอะไรรึเปล่า” อติมาโอบกอดสามีเอาไว้แนบแน่นเป็นหลักให้เขาพักพิงกายเอนมาอย่างอ่อนแรง
“เป็นห่วงลูกหรือจ๊ะ”
“พ่อรู้สึกเป็นห่วงลูกเรายังไงก็ไม่รู้สิแม่”
พัชระมีแววตาสับสน จิตใต้สำนึกที่คอยตามหลอกหลอนมาตลอดกว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่...เด็กคนหนึ่ง...หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และเป็นเวลาเดียวกันกับที่บิดามารดาของเด็กคนนั้นเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ พัชระไม่ได้นึกถึงมันมานานมากแล้ว แต่ขณะนี้ความทรงจำเหล่านั้นย้อนกลับเข้ามาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง
เขาช่วยชีวิตเด็กคนนั้นไว้ตามคำสั่งของผู้เป็นนาย แต่แค่วันต่อมากลับได้รับรู้ว่า เด็กหายออกจากโรงพยาบาลไปแล้วทั้งที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาถามไถ่คนใกล้ชิดทั้งแพทย์และพยาบาลแต่ก็ไร้ประโยชน์ จนวันเวลาล่วงเลยผ่านไปราวสายลม เรื่องราวของเด็กคนนั้นและอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจึงถูกลืมเลือนเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...
“แปลก แปลกมาก ลูกไปแค่ใกล้ๆ แต่พ่อกลับห่วงมากกว่าตอนลูกไปเมืองนอกเสียอีก”
พัชระพึมพำกับตัวเองสีหน้าวิตกกังวล จนอติมาต้องเอ่ยปลอบ
“ลูกไปไม่กี่วันเองพ่อ ถ้าพ่อไม่สบายใจ พรุ่งนี้ก็โทร.หาลูกสิจ๊ะ เผื่อจะสบายใจขึ้น”
“แม่ให้กรณ์ช่วยหาไกด์มือดีมาแทนลูกเราไม่ได้เหรอ”
“แต่เรารับปากกับเขาไปแล้ว จู่ๆ มาเปลี่ยนกลางคันจะไม่ดีนะพ่อ”
อติมาแย้ง
“เอางี้ ลองดูอีกสักวันสองวัน ถ้าพ่อยังกังวลจริงๆ แม่จะโทร.บอกกรณ์ให้”
“อืม...”
พัชระได้แต่พรูลมหายใจหนักหน่วงออกมา ขณะที่อติมาลูบไหล่ลูบหลังปลอบสามีอยู่สักพักก็ลุกไปอาบน้ำเตรียมพร้อมทำงาน พัชระยังมีสีหน้าไม่สู้ดีจึงทอดมองไกลออกไปนอกหน้าต่าง สายตาหยุดที่ผืนทะเลกว้างเบื้องหน้า...รู้สึกเป็นห่วงลูกสาวเพียงคนเดียวจับใจ
*****************
ในเวลาเดียวกันนั้น เอรินยังคงนอนหลับคุดคู้อย่างมีความสุขอยู่ภายในห้องพักวิลลาบนเนินเขา ชานนท์เกาะบันไดสระว่ายน้ำหน้าห้องมองสาวน้อยที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนาหลับตาพริ้มแล้วลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ ด้วยความที่สระว่ายน้ำหน้าห้องพักของทั้งสองมีบันไดเชื่อมขึ้นลงถึงกันได้ เขาเลยถือวิสาสะข้ามมา เมื่อขึ้นมาถึงระเบียงห้องพักของเอรินเรียบร้อย ก็เคาะประตูเรียกรัวๆ
“เอริน ตื่นได้แล้ว เอริน!”
เอรินทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งขยี้ตามองคนเรียก แต่แล้วถึงกับตาโต
“คุณ! เอ๊ะ กี่โมงแล้วเนี่ย”
เมื่อเหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้องพบว่าหกโมงครึ่งแล้ว เอรินแทบจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง รีบตาลีตาเหลือกลงจากที่นอนมาเปิดประตูระเบียงคุยกับชานนท์ที่ยืนตัวสั่นอยู่นอกห้อง เขามีแค่ผ้าขนหนูพันปิดกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วเอาไว้
“นึกยังไงคุณ ตื่นมาว่ายน้ำแต่เช้า แทนที่จะรีบแต่งตัว”
“ผมขอเข้าไปหน่อยนะ” พูดจบชานนท์ก็แทรกตัวเข้ามาในห้องเอรินอย่างรวดเร็ว กว่าหล่อนจะรู้สึกตัวตื่นได้เล่นเอาเขาหนาวไม่ไหวแล้ว ยิ่งเห็นสาวน้อยมองมาหน้าเหลอหลา ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเพราะเพิ่งตื่นก็ให้เอ็นดู
“คุณอเล็กซ์! เข้ามาไม่ได้นะคะ นี่มันห้องฉัน”
“ก็ผมหนาวนี่คุณ ยืนรอตั้งนาน”
ชายหนุ่มทำเสียงออดอ้อน แต่สาวเจ้าของห้องไม่ยอมท่าเดียว ถลึงตาใส่เขาทั้งที่หน้าแดงก่ำ พยายามดันแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเขาให้กลับออกไปที่ระเบียง แต่ชานนท์ขืนตัวไว้ หันกลับมาทำเนียนกอดร่างเล็กในชุดกางเกงนอนเนื้อนิ่มแนบอก
“ขอกอดหน่อยจะได้หายหนาว”
เขาพูดไปกอดไป ยิ่งหล่อนโวยวายเขาก็ยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นจนดวงหน้านวลจมกับแผงอกเปลือยเปล่าเย็นเยียบ เอรินถึงกับหน้าร้อนผ่าว
“แล้วคุณจะมารอฉันที่ระเบียงทำไม เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี คุณรีบกลับห้องไปอาบน้ำอุ่นซะจะได้หายหนาวนะคะ ฉันยังอยากเป็นไกด์ ไม่ใช่พยาบาลคนป่วย”
“งั้นผมขออาบห้องคุณไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ค่ะ!”
“โอเคๆ ปฏิเสธเร็วเชียวนะ” ชานนท์ตอบกลั้วหัวเราะ แต่ยังไม่ยอมปล่อย
“ผมเห็นคุณกำลังหลับสบายก็เลยเผลอมองเพลิน” เขากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูคนตัวเล็ก แล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก “อุ่นจัง ตัวนุ่มด้วย”
“คุณหายหนาวแล้วก็ปล่อยได้แล้วค่ะ” หล่อนยังคงพยายามดันเขาออกห่าง ทำเสียงเข้ม แต่ใจหล่อนนั้นแทบละลายไปกับอกอุ่นๆ ของเขาแล้ว ไปๆ มาๆ เลยยืนตัวแข็งทื่อให้คนตัวโตกอดอยู่สักพัก
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ เราสายแล้ว”
“ไม่อยากเลย” ชายหนุ่มอิดออด “เปลี่ยนใจไม่ไปยังทันไหม”
“คุณจะทิ้งเงินอีกแล้วนะคะ” หล่อนติง “ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา”
“กอดคุณอุ่นกว่าอาบน้ำอีก”
ชานนท์ยังคงกระซิบที่ข้างหู ริมฝีปากคลอเคลียแก้มนวลไม่ห่าง
“กอดกันแน่นๆ แบบนี้อุ่นไปถึงหัวใจเลย”
“หืม คุณไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหน หรือว่าพูดแบบนี้กับสาวๆ ของคุณอยู่บ่อยๆ”
“ใครว่า ผมพูดแบบนี้แค่กับคุณเท่านั้นละ ไม่เจอกันตั้งปีคุณคิดถึงผมบ้างไหม”
เอรินแค่พยักหน้า คำหวานของเขาทำให้สาวน้อยหัวใจพองโต จากที่คิดจะดันเขาออกห่างอีกเลยใจอ่อนยวบ ซุกหน้านิ่งในอ้อมอกชายหนุ่ม และเมื่อได้ยินเขาเอื้อนเอ่ยประโยคต่อมา สาวน้อยในอ้อมแขนก็ยิ่งอายม้วนไปกับคำพูดนั้น
“ถ้าได้อยู่ห้องเดียวกันทั้งคืนเหมือนวันนั้นจะอุ่นขนาดไหนก็ไม่รู้นะ ผมอยากอยู่กับคุณทุกวัน อยากเห็นคุณทั้งยามหลับยามตื่น”
“คุณพูดง่าย แต่ชีวิตจริงไม่ใช่มีแค่เราสองคนนะคะ”
“ผมรู้...”
“งั้นคุณควรกลับมาในโลกความเป็นจริง และไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ”
เอรินต้องใจแข็งผละออกห่าง กลัวเขารู้ว่าหัวใจของหล่อนกำลังเต้นแรงอย่างยากที่จะควบคุม โชคดีที่คราวนี้เขาว่าง่ายยอมปล่อย หล่อนเลยรีบดุนหลังชายหนุ่มให้ออกจากห้องไปในที่สุด
*****************
ทว่าหนึ่งชั่วโมงถัดมา ชานนท์ที่อารมณ์ดีเป็นทุนก็ต้องกุมขมับทันทีที่รู้ว่า เรือยอร์ชที่เขาควรจะได้กลับมีนักท่องเที่ยวกิจกรรมตกปลาน้ำลึกขอเช่าเหมาลำในราคาเพิ่มเป็นสองเท่า ตัดหน้าเขาไปแบบฉิวเฉียด และจะแล่นกลับฝั่งในอีกสองวันถัดไป
ชีวินซึ่งเป็นคนของลุงกองวิ่งแจ้นมาบอก เพราะรับหน้าที่จัดหาเรือให้ เลยแก้ปัญหาด้วยการเสนอสปีดโบ้ทลำใหญ่แบบเหมาลำให้ชานนท์แทน
“ให้มันได้อย่างนี้สิ”
ชานนท์เสียงขุ่น มองสปีดโบ้ทแบบสี่เครื่องยนต์ที่จอดลอยลำรออยู่ไม่ไกลอย่างไม่พอใจ
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบสปีดโบ้ท มันกระแทกกระทั้นน่ารำคาญ”
“ฉันขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน ก็ลุงกองแกรับปากไว้เสียดิบดี” เอรินหน้าเสีย หล่อนทั้งเกรงใจเขาทั้งยังเสียหน้าที่ถูกต่อว่าต่อหน้าชีวิน แต่รายนั้นส่งยิ้มบางๆ มาให้ พลางมองสาวรุ่นราวคราวเดียวกันในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีดำเข้ารูปสอดในกางเกงขาสั้นเหนือเข่าไม่วางตา
“งั้นเอางี้นะคุณ สองวันนี้เราก็ไปแค่ใกล้ๆ แถวนี้พอ วันมะรืนค่อยไปเรือไฮโซของคุณ”
“ใช่ๆ” ชีวินรีบพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับเอริน
“วันนี้คงต้องใช้เจ้าลำนี้ไปก่อน ผมขับให้คุณอยู่แล้วไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“ก็ต้องงั้นน่ะสิ จะทำไงได้” ชานนท์ตอบเสียงห้วน ขณะเดียวกันก็ลอบรู้สึกแปลกๆ ต่อสายตาของชีวินที่มองเอรินเมื่อครู่
ผู้ชายด้วยกันมองกันออก!
“งั้นไปกันเลยครับ” ชีวินกุลีกุจอเข้ามาช่วยเอรินลุยน้ำถือสัมภาระไปหย่อนไว้ท้ายเรือ และเดินกลับมาจะจูงหล่อน แต่ชานนท์ไวกว่าคว้ามือสาวน้อยมากุมไว้มั่นและพาลุยทะเลไปขึ้นเรือด้วยตัวเอง
ชีวินมองตามได้แต่นึกขำในใจ ก่อนจะดึงสมอที่ปักทรายออกรีบมาขึ้นเรืออย่างรวดเร็ว
“นั่งระวังๆ นะครับ”
สองหนุ่มสาวนั่งคนละฝั่งซึ่งเป็นเบาะที่นั่งตัวยาว โดยมีชีวินประจำที่นั่งคนขับ พร้อมเด็กท้ายเรืออีกหนึ่งคนระวังหลังให้
ตลอดการเดินทางบนท้องทะเล ชานนท์เอาแต่จ้องมองหน้าหวานๆ ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่เจ้าหล่อนดูจะขัดเขิน คอยหลบสายตาเขาอยู่เรื่อยจนน่าขัดใจ
“ทำไมเงียบไป” เขาถามขึ้น
“ไม่รู้จะคุยอะไรนี่คะ เสียงเครื่องยนต์ดัง”
“ผมบอกแล้วไม่เชื่อว่ามันน่าเบื่อ” ว่าแล้วชานนท์ก็กระตุกยิ้มหยันไขว่ห้างจิบเบียร์สบายอารมณ์ ท่าทางเขาจะหายหงุดหงิดแล้ว ผิดกับเอริน ที่หน้าง้ำกับคำพูดนั้นของเขา และออกอาการหัวเสียเองที่ต้องมานั่งประจันหน้ากันบนเรือแบบนี้ สายตาที่ชายหนุ่มมองมาทำให้หล่อนไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย!
“ผมว่าพรุ่งนี้เราเช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเกาะดีกว่า วันนี้ไปดำน้ำซะให้ทั่วก็แล้วกัน”
“คุณจะเอายังไงแน่คะ เมื่อกี้บอกว่าจะเช่าสปีดโบ้ทสองวันแล้วรอเรือยอร์ช” เอรินถามกลับ
ชานนท์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ยกเลิกก็แล้วกัน เช่าวันนี้วันเดียวก็พอ แค่นี้ผมก็หัวสั่นหัวคลอนจนหมดสนุกละ พรุ่งนี้อยู่แถวๆ รีสอร์ต มะรืนไปสมุยกัน”
“ก็แล้วแต่คุณค่ะ เงินคุณนี่ ใครจะลำบากยังไงคุณก็คงไม่สนหรอก”
เอรินถอนใจหนักหน่วงเมื่อคิดถึงเรื่องยุ่งยากที่จะต้องตามมา ก็เขาเล่นเปลี่ยนแผนกะทันหันตลอด หล่อนก็ต้องไปบอกปฏิเสธกองเพ็ชรเรื่องเรือที่ให้ช่วยหาให้อีก
“มีหน้าที่อะไรก็ทำไป ไม่ต้องขัดใจมากจะได้ไหม คุณไกด์ที่รัก”
ชานนท์ค่อนขอด ‘คุณไกด์ที่รัก’ หน้าตึงขึ้นมาทันที แต่ไม่ต่อความยาวสาวความยืดด้วย มองเมินไปทางอื่นดื้อๆ
ระหว่างนั้นคนขับเรือซึ่งก็คือชีวินได้แต่คอยฟังและสังเกตการณ์สองหนุ่มสาวผ่านกระจกมองหลังอยู่เงียบๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2562, 20:35:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2562, 20:35:22 น.
จำนวนการเข้าชม : 704
<< บทที่ 24 -100% | บทที่ 25 -100% >> |
ปลายปากกาสำนักพิมพ์ 19 ธ.ค. 2562, 20:38:02 น.
รายละเอียด Gift Sets ปีใหม่
>>>https://www.facebook.com/plaipakkabooks/photos/a.566243647100598/1115717062153251/?type=3
รายละเอียด Gift Sets ปีใหม่
>>>https://www.facebook.com/plaipakkabooks/photos/a.566243647100598/1115717062153251/?type=3