โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ตอน: บทที่ 17 -70%
พิมริสาออกมานั่งเล่นที่ม้านั่งหินอ่อนที่ลานบ้าน ที่ตรงนี้เป็นมุมโปรดที่เธอจะต้องออกมานั่งย่อยอาหารค่ำเป็นประจำ บางคืนก็มีคนอื่นๆ มานั่งด้วย แต่บางคืนเช่นคืนนี้ มีแต่เธอตามลำพัง
ลมราตรีพัดโชยมาต้องรุกขชาติบรรดาพันธุ์ที่อยู่แถวๆ นั้นแล้วพระพายก็พัดพาเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกราตรีมาแตะจมูก หญิงสาวสูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกชื่นใจไม่พอ ต้องเดินไปเด็ดดอกเล็กๆ ของมันมานั่งสูดๆ ดมๆ พลางมองไปยังท้องฟ้าที่มืดดำ ห่างไกลออกไปจากแสงสว่างหน้าบ้านของเธอ ที่ตรงนั้นมีดวงดาวสีขาวแต่งแต้ม เจ้าดอกราตรีดอกสีขาวเล็กๆ ในกระถางใหญ่นี้ มองไปมองมาก็คล้ายหมู่ดาวเช่นกัน
สรรพสิ่งช่างเหมาะเจาะในค่ำคืนที่เธอไม่มีใครเคียง...กระทั่งจะขอเพียงได้ยินเสียงของคนคนนั้น เธอก็หมดปัญญา
เจ้าโทรศัพท์มือถือของเธอ บทแบตจะหมดมันก็หมดเอาดื้อๆ ทั้งที่คิดว่าน่าจะใช้ต่อไปได้อีกเล็กน้อย แล้วนี่จะทำอย่างไรดี เจ็ดวันที่เธอถูกตัดขาดจากเขา จะติดต่อวิธีไหน ให้ไปเข้าดูคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่เพื่อส่งข้อความหาอย่างนั้นหรือ ดูพยายามมากเกินไปหรือเปล่า อีกประการหนึ่ง เธอรู้ว่าภาณุรุจแทบไม่เคยสนใจเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กทั้งหลายเลย ขนาดเขาและเธอต่างมีไลน์ แต่พี่ไผ่ก็ไม่เล่นไลน์ เขาเลือกโทรศัพท์สถานเดียว
‘ไม่รู้จะพิมพ์กันไปกันมาให้เมื่อยมือทำไม โทร.เลย หมดเรื่อง’
เขาเคยพูดแบบนั้นสักครั้งตอนที่คุยกันในรถ และเธอก็เห็นด้วย
พิมริสานั่งขบคิดเรื่องโทรศัพท์เจ้าปัญหาต่อ เธอจะไปซื้อแบตใหม่ในเมืองก็กระไรอยู่ เพราะฝากเขาซื้อไปแล้วตั้งสองก้อน จะไปซื้อใหม่ให้ซ้ำซ้อนทำไม แค่อดทนรอไปอีกหน่อย อีกไม่กี่วัน เขาก็จะกลับมาแล้ว...
พรผกาเห็นน้องสาวนั่งอยู่คนเดียว ท่าทางกำลังเคลิ้มๆ กับบรรยากาศ เธอก็หยุดคิดเล็กน้อยว่าจะเข้าไปคุยเรื่องนทีดีไหม เอาเรื่องช้างที่น้องเกลียดเข้าไป จะทำลายความสุขยามนี้ของพิมริสาหรือเปล่า
แต่ถ้าไม่พูดตอนนี้ ก็ไม่มีเวลาอีกแล้ว พรุ่งนี้เช้าเธอต้องไปโรงเรียนน้องสาวก็รีบออกไปในไร่ และนทีก็กำลังรอคอยคำตอบอยู่อย่างด่วน เขาอยากให้พิมริสารีบไปวันนี้พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ
ในที่สุดครูสาวก็ตัดสินใจเข้าไปนั่งใกล้ๆ พิมริสาแล้วเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง จริงดังคาด ความสุขของน้องหายไปไม่เหลือซาก เธอนิ่วหน้า แววตาขุ่นข้นขึ้นมาทันที แต่พรผกาใจเย็นที่จะอธิบายต่อ
“ทีแรกพี่ก็ไม่เห็นด้วยหรอก พี่บอกปัดคุณนทีไปแล้วด้วยซ้ำแต่พอเขาชี้แจงเหตุผลมา พี่กลับคิดว่า ใช่เลย คุณนทีคิดถูก”
แล้วพรผกาก็ยกเหตุผลเดียวกับที่นทีเคยบอกเธอมาบอกต่อ พร้อมทั้งขยายเพิ่มเติมให้มีน้ำหนักขึ้นอีก
“พี่ว่า ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้วที่พิมพ์จะได้หายกลัวช้าง เมื่อครู่นี้ พี่ได้คุยเรื่องนี้กับคนอื่นๆ แล้ว ทุกคนก็เห็นด้วย โดยเฉพาะพ่อกับแม่เป็นห่วง พิมมาก ถ้าพิมยังมีอาการหวาดผวาอยู่แบบนี้ พิมจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร เพราะแต่ละวันพิมมีสิทธิ์ที่จะเจอช้างพวกนี้ได้ตลอดเวลา ยิ่งกลัวก็ยิ่งเจอนะ เห็นไหม อยู่ดีๆ ไปเจอตั้งโขลงใหญ่ ทั้งๆ ที่พี่ภพบอกว่าคนอื่นๆ เขาแทบไม่เคยเจอมันเลยเจ้าช้างโขลงนั้น”
พิมริสายังคงนั่งเงียบ หน้าซีดลงตามลำดับเพราะนึกถึงภาพวันก่อน และนึกถึงภาพที่เธอจะต้องไปเจอมันใกล้ๆ อีกที ถึงจะเป็นช้างบ้านก็เถอะ แต่หน้าตามันต่างกับช้างป่าเสียที่ไหน
“น้องจ๋า” พรผกาจับมือน้องสาวมาเกาะกุมแล้วพูดเสียงอ่อนโยน ความเป็นครูทำให้เธอมีความสามารถพิเศษในเรื่องแบบนี้
“เราต้องกล้าเผชิญกับความกลัวนะจ๊ะ แล้วพิมจะพบว่า ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง มันไม่มีตัวตนจริงๆ หรอก อีกอย่างเจ้าช้างที่พิมจะไปเจอนี้ มันเป็นช้างทารก มันน่ารักมาก พิมน่าจะรักมันด้วยซ้ำ”
พี่สาวชักแม่น้ำทั้งห้ามาตะล่อม จนพิมริสามีสีหน้าที่ผ่อนคลายลง
“แล้วก็อีกอย่าง...”
“อะไรอีกคะพี่พร แหม เหตุผลพี่นี่เยอะจริง เป็นร้อยแล้วมั้ง แล้วพิมก็ค้านไม่ออกสักเรื่อง”
พิมริสาบ่นอู้ แต่แววตาอ่อนลง ใบหน้าผุดรอยยิ้ม
พรผกาเห็นว่างานนี้น้องสาวยอมแพ้แน่แล้ว แต่เธอก็ยังอยาก ‘ขยี้’ ต่ออีกเล็กน้อยเพื่อให้พิมริสายอมไปแบบเบ็ดเสร็จ
“พิมลองคิดดู คุณนทีเขาดีต่อพิมแค่ไหน เขาไม่เคยขออะไรเราเลย มีแต่จะเป็นฝ่ายให้เราตลอด อย่างเรื่องช้างที่พิมเคยขอให้เขาเปลี่ยนเส้นทาง ทีแรกคุณไผ่ไม่ยอม จริงไหมล่ะ แต่กลายเป็นคุณนทีด้วยซ้ำที่เขายอมเสีย สละธุรกิจท่องเที่ยวที่ทำเงินของเขาเพื่อพิม งานนี้เมื่อเขาออกปาก พิมจะ...”
“ค่ะ พี่พร ตกลงพิมจะไปปางช้างเขาพรุ่งนี้ ไปตั้งชื่อช้างให้เขา ยังไม่รู้เลยว่าจะให้ชื่ออะไรดี เดี๋ยวคืนนี้ไปนอนคิดดูก่อน”
พรพกายิ้มอย่างโล่งอกที่พิมริสารับคำในที่สุด พิมริสาเป็นคนดื้อดึงก็จริง แต่ถ้ายกเหตุผลน่าเชื่อถือมาอ้าง เธอก็ไม่ใช่คนดื้อรั้นอะไร
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ลมราตรีพัดโชยมาต้องรุกขชาติบรรดาพันธุ์ที่อยู่แถวๆ นั้นแล้วพระพายก็พัดพาเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกราตรีมาแตะจมูก หญิงสาวสูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกชื่นใจไม่พอ ต้องเดินไปเด็ดดอกเล็กๆ ของมันมานั่งสูดๆ ดมๆ พลางมองไปยังท้องฟ้าที่มืดดำ ห่างไกลออกไปจากแสงสว่างหน้าบ้านของเธอ ที่ตรงนั้นมีดวงดาวสีขาวแต่งแต้ม เจ้าดอกราตรีดอกสีขาวเล็กๆ ในกระถางใหญ่นี้ มองไปมองมาก็คล้ายหมู่ดาวเช่นกัน
สรรพสิ่งช่างเหมาะเจาะในค่ำคืนที่เธอไม่มีใครเคียง...กระทั่งจะขอเพียงได้ยินเสียงของคนคนนั้น เธอก็หมดปัญญา
เจ้าโทรศัพท์มือถือของเธอ บทแบตจะหมดมันก็หมดเอาดื้อๆ ทั้งที่คิดว่าน่าจะใช้ต่อไปได้อีกเล็กน้อย แล้วนี่จะทำอย่างไรดี เจ็ดวันที่เธอถูกตัดขาดจากเขา จะติดต่อวิธีไหน ให้ไปเข้าดูคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่เพื่อส่งข้อความหาอย่างนั้นหรือ ดูพยายามมากเกินไปหรือเปล่า อีกประการหนึ่ง เธอรู้ว่าภาณุรุจแทบไม่เคยสนใจเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กทั้งหลายเลย ขนาดเขาและเธอต่างมีไลน์ แต่พี่ไผ่ก็ไม่เล่นไลน์ เขาเลือกโทรศัพท์สถานเดียว
‘ไม่รู้จะพิมพ์กันไปกันมาให้เมื่อยมือทำไม โทร.เลย หมดเรื่อง’
เขาเคยพูดแบบนั้นสักครั้งตอนที่คุยกันในรถ และเธอก็เห็นด้วย
พิมริสานั่งขบคิดเรื่องโทรศัพท์เจ้าปัญหาต่อ เธอจะไปซื้อแบตใหม่ในเมืองก็กระไรอยู่ เพราะฝากเขาซื้อไปแล้วตั้งสองก้อน จะไปซื้อใหม่ให้ซ้ำซ้อนทำไม แค่อดทนรอไปอีกหน่อย อีกไม่กี่วัน เขาก็จะกลับมาแล้ว...
พรผกาเห็นน้องสาวนั่งอยู่คนเดียว ท่าทางกำลังเคลิ้มๆ กับบรรยากาศ เธอก็หยุดคิดเล็กน้อยว่าจะเข้าไปคุยเรื่องนทีดีไหม เอาเรื่องช้างที่น้องเกลียดเข้าไป จะทำลายความสุขยามนี้ของพิมริสาหรือเปล่า
แต่ถ้าไม่พูดตอนนี้ ก็ไม่มีเวลาอีกแล้ว พรุ่งนี้เช้าเธอต้องไปโรงเรียนน้องสาวก็รีบออกไปในไร่ และนทีก็กำลังรอคอยคำตอบอยู่อย่างด่วน เขาอยากให้พิมริสารีบไปวันนี้พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ
ในที่สุดครูสาวก็ตัดสินใจเข้าไปนั่งใกล้ๆ พิมริสาแล้วเริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง จริงดังคาด ความสุขของน้องหายไปไม่เหลือซาก เธอนิ่วหน้า แววตาขุ่นข้นขึ้นมาทันที แต่พรผกาใจเย็นที่จะอธิบายต่อ
“ทีแรกพี่ก็ไม่เห็นด้วยหรอก พี่บอกปัดคุณนทีไปแล้วด้วยซ้ำแต่พอเขาชี้แจงเหตุผลมา พี่กลับคิดว่า ใช่เลย คุณนทีคิดถูก”
แล้วพรผกาก็ยกเหตุผลเดียวกับที่นทีเคยบอกเธอมาบอกต่อ พร้อมทั้งขยายเพิ่มเติมให้มีน้ำหนักขึ้นอีก
“พี่ว่า ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้วที่พิมพ์จะได้หายกลัวช้าง เมื่อครู่นี้ พี่ได้คุยเรื่องนี้กับคนอื่นๆ แล้ว ทุกคนก็เห็นด้วย โดยเฉพาะพ่อกับแม่เป็นห่วง พิมมาก ถ้าพิมยังมีอาการหวาดผวาอยู่แบบนี้ พิมจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร เพราะแต่ละวันพิมมีสิทธิ์ที่จะเจอช้างพวกนี้ได้ตลอดเวลา ยิ่งกลัวก็ยิ่งเจอนะ เห็นไหม อยู่ดีๆ ไปเจอตั้งโขลงใหญ่ ทั้งๆ ที่พี่ภพบอกว่าคนอื่นๆ เขาแทบไม่เคยเจอมันเลยเจ้าช้างโขลงนั้น”
พิมริสายังคงนั่งเงียบ หน้าซีดลงตามลำดับเพราะนึกถึงภาพวันก่อน และนึกถึงภาพที่เธอจะต้องไปเจอมันใกล้ๆ อีกที ถึงจะเป็นช้างบ้านก็เถอะ แต่หน้าตามันต่างกับช้างป่าเสียที่ไหน
“น้องจ๋า” พรผกาจับมือน้องสาวมาเกาะกุมแล้วพูดเสียงอ่อนโยน ความเป็นครูทำให้เธอมีความสามารถพิเศษในเรื่องแบบนี้
“เราต้องกล้าเผชิญกับความกลัวนะจ๊ะ แล้วพิมจะพบว่า ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง มันไม่มีตัวตนจริงๆ หรอก อีกอย่างเจ้าช้างที่พิมจะไปเจอนี้ มันเป็นช้างทารก มันน่ารักมาก พิมน่าจะรักมันด้วยซ้ำ”
พี่สาวชักแม่น้ำทั้งห้ามาตะล่อม จนพิมริสามีสีหน้าที่ผ่อนคลายลง
“แล้วก็อีกอย่าง...”
“อะไรอีกคะพี่พร แหม เหตุผลพี่นี่เยอะจริง เป็นร้อยแล้วมั้ง แล้วพิมก็ค้านไม่ออกสักเรื่อง”
พิมริสาบ่นอู้ แต่แววตาอ่อนลง ใบหน้าผุดรอยยิ้ม
พรผกาเห็นว่างานนี้น้องสาวยอมแพ้แน่แล้ว แต่เธอก็ยังอยาก ‘ขยี้’ ต่ออีกเล็กน้อยเพื่อให้พิมริสายอมไปแบบเบ็ดเสร็จ
“พิมลองคิดดู คุณนทีเขาดีต่อพิมแค่ไหน เขาไม่เคยขออะไรเราเลย มีแต่จะเป็นฝ่ายให้เราตลอด อย่างเรื่องช้างที่พิมเคยขอให้เขาเปลี่ยนเส้นทาง ทีแรกคุณไผ่ไม่ยอม จริงไหมล่ะ แต่กลายเป็นคุณนทีด้วยซ้ำที่เขายอมเสีย สละธุรกิจท่องเที่ยวที่ทำเงินของเขาเพื่อพิม งานนี้เมื่อเขาออกปาก พิมจะ...”
“ค่ะ พี่พร ตกลงพิมจะไปปางช้างเขาพรุ่งนี้ ไปตั้งชื่อช้างให้เขา ยังไม่รู้เลยว่าจะให้ชื่ออะไรดี เดี๋ยวคืนนี้ไปนอนคิดดูก่อน”
พรพกายิ้มอย่างโล่งอกที่พิมริสารับคำในที่สุด พิมริสาเป็นคนดื้อดึงก็จริง แต่ถ้ายกเหตุผลน่าเชื่อถือมาอ้าง เธอก็ไม่ใช่คนดื้อรั้นอะไร
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2563, 09:19:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2563, 09:19:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 423
<< บทที่ 17 -40% | บทที่ 17 -100% >> |