ล่า | หลอน | เลือด
ในชีวิตจริงบางครั้งก็โหดร้าย พลิกผัน เปลี่ยนแปลงเกินความคาดหมาย เหตุอันตรายเกิดขึ้นได้ทุกที่ กับทุกคน และหลายครั้งเป็นคนใกล้ชิดของเราเองนั่นแหละที่เป็นต้นเรื่อง "ล่า หลอน เลือด" นี้เป็นรวมเรื่องเล่าจากเค้าโครงเรื่องจริง เรื่องบางเรื่องเกิดในพื้นที่ ประเทศ เชื้อชาติ ที่แตกต่างกัน แต่กลับมีความคล้ายกันโดยน่าประหลาด หวังว่านอกจากความบันเทิงที่ได้จากการอ่าน เรื่องราวทั้งหลายต่อไปนี้ อาจใช้เป็นบทเรียนให้กับผู้อ่านได้
Tags: คดี, ฆาตกรรม, สยองขวัญ
ตอน: แฟ้มคดีที่ 2: I have to kill them #2
ผมอยู่ระหว่างออกลาดตระเวนไปรอบๆ เมือง ตอนที่ได้รับข้อมูลจากศูนย์แจ้งความ มอบหมายให้ไปยังที่เกิดเหตุ โชคดีที่วันนี้เป็นวันจันทร์ การจราจรรอบๆ เมืองไม่ติดขัด และยังไม่มีคิวงานเข้ามาเยอะมากนัก สถานที่เกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้นสีอิฐ มองจากภายนอกผมรู้สึกว่ามันเป็นบ้านที่ใหญ่โตหรูหราพอควร พอไปถึง หญิงร่างท้วมนิดๆ ความสูงคงไม่เกินร้อยหกสิบเซนติเมตร ซอยผมสั้น หน้าตาเป็นกังวลยืนรออยู่หน้าบ้าน ถัดไปเป็นรถเก๋งสีขาว และเด็กหนุ่มอีกคนยืนอยู่
"คุณนิโคลใช่ไหมครับ"
"ค่ะ ฉันเอง ขอบคุณค่ะ พวกคุณมาไวมากๆ" เธอหมายถึงผมและคู่หูของผม
"พวกเรากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่แถวนี้พอดี มีอะไรหรือครับ ช่วยเล่าให้ผมทราบอีกที"
ผู้หญิงที่ชื่อนิโคล เดินนำผมไปยังตัวบ้าน ระหว่างนั้นเธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว บ้านหลังนี้ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของครอบครัวเพื่อนสนิท เมื่อเช้ามืดเธอเพิ่งมาส่งเพื่อนที่นี่ และมีนัดกันอีกทีราวเที่ยง หรือหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้จะไปหาหมอด้วยกัน หญิงสาวที่หายไปท้องได้สิบห้าอาทิตย์ และมีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ จึงต้องนัดหมอเช็กเป็นระยะๆ
การหายไปของคนท้องทำให้เพื่อนของเธอกังวลมากๆ เมื่อส่งข้อความ หรือโทรหา แต่ก็ไม่มีใครรับ เธอจึงต้องมาดูถึงบ้าน
"สามีของเธอล่ะครับ" ผมเดินสำรวจไปรอบบริเวณบ้าน พยายามเคาะประตู ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง เงียบสนิท
"เขาไปทำงานค่ะ ฉันเห็นรองเท้าแตะของเพื่อนยังอยู่ข้างใน รถของเธอก็ยังอยู่ car seat ของลูกๆ เธอก็ยังอยู่ จึงร้อนใจอยากเข้าไปดูในบ้าน แต่เขาบอกว่ารหัสเข้าบ้านมันเสีย ก็เลยตัดสินใจโทรหาตำรวจ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง ฉันกังวลว่าเธอจะป่วย ไม่รู้ว่าหมดสติอยู่ในบ้านหรือเปล่า แล้วเด็กๆ คือลูกของเธออีกสองคนจะทำยังไงถ้าเธอหมดสติอยู่"
คนพูดดูท่าทางกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ผมเดินไปรอบๆ บ้าน เคาะหน้าต่าง ประตู พยายามเรียก เผื่อว่าจะมีเสียงตอบมา แต่ไม่เลย เสียงของผมคงดังพอสมควร เพื่อนบ้านซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างท้วมจึงเดินออกมา
"คุณเห็นเจ้าของบ้านหลังนี้ไหมครับ คนที่เป็นผู้หญิง" ผมหันไปถามหลังจากแนะนำตัวเรียบร้อย
"ไม่ครับ ตั้งแต่เช้าผมก็ยังไม่เห็นใครออกจากบ้านหลังนี้เลย เท่าที่ผมเห็นนะครับ แต่ปกติผมก็จะอยู่ในบ้านไม่ได้ออกมาเท่าไหร่"
นิโคลเดินมาสมทบ เธอคุยกับเพื่อนบ้าน เล่าเรื่องความกังวลของเธอซ้ำอีกรอบ ดูเรื่องของเธอจะน่าสนใจไม่น้อย เพื่อนบ้านจึงเดินออกจากบ้าน พยายามมาช่วยด้วยอีกคน
"คุณมีเบอร์ของสามีเธอไหม ผมโทรหาเขาดีกว่า" ในที่สุดผมก็ตัดสินใจ เพราะวนไปวนมารอบบ้าน ก็ยังเข้าบ้านไม่ได้ และภายในบ้านยังเงียบกริบ
มิสเตอร์คริส เจ้าของบ้านชาย หรือชื่อเต็มๆ ของเขาคือ คริสโตเฟอร์ วัตต์ รับสาย หลังจากคุยกันได้สองสามประโยค เขาก็บอกว่ากำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน และประมาณว่าอีกไม่ถึงห้านาทีก็จะถึงแล้ว
ในที่สุดเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดี และดูเหมือนเป็นคนดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี ก็มาถึง เขาจอดรถกระบะคันใหญ่ เดินตรงมาที่พวกเรายืนอยู่ จากนั้นยื่นมือให้ผมจับ และเดินนำไปเปิดประตูโรงรถ
"ประตูทางเข้าเสียครับ มันต้องเปิดแบบนี้ หรือไม่ก็ต้องเปิดจากในบ้าน" เขาบอก
"เข้าไปนะครับ" ผมขออนุญาต
"เชิญครับ" เขาเปิดประตูด้านหน้าบ้าน แล้วเดินตรงเข้าไปในบ้านอย่างร้อนรน เดินผ่านห้องโน้น ห้องนี้ราวจะสำรวจว่าภรรยาของตนเองและลูกๆ อยู่ที่ไหน
เพื่อนของชาแนนและลูกชาย เดินตามพวกเราเข้ามาด้วย ผมและเพื่อนตำรวจพบว่าในห้องทุกห้องว่างเปล่า ทั้งในห้องนอน ห้องครัว และห้องใต้ดิน ไม่มีแม่ลูกทั้งสามอยู่เลย
"มือถือของเธออยู่นี่" นิโคลพบมือถือและหยิบมาวางที่กลางบ้าน "เธอไม่น่าจะไปไหนโดยไม่มีมือถือของตัวเองนะ" น้ำเสียงของคนพูดกังวล
คริสบอกพวกเราว่า เมียของเขากลับมาถึงบ้านประมาณตีสอง เขาง่วงนอนมากในตอนนั้น จึงหลับไปหลังปลดล็อกเปิดประตูให้ เขาตื่นมาอีกทีตอนตีห้า เพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ชาแนนนอนตื่นมา และเขาคุยกับเธอเรื่องหย่าที่คุยค้างไว้ก่อนที่เธอจะไปทำงานต่างเมือง ทั้งคู่ทะเลาะกันเล็กน้อย ชาแนนบอกว่าเธอจะพาลูกไปหาเพื่อนเช้านี้ ส่วนเขาก็เอาเครื่องมือขึ้นรถและเตรียมตัวไปทำงาน
"เมียคุณไปหาเพื่อนคนไหน พอจะทราบไหมครับ"
อีกฝ่ายส่ายหน้า "ไม่เลยครับ เราทะเลาะกันอยู่ ผมเลยไม่ได้ซักอะไรเธอ"
คริสออกไปทำงานที่บ่อน้ำมันที่อยู่ห่างจากบ้านไปเกือบชั่วโมง เขาบอกว่าในรถของเขาซึ่งเป็นรถบริษัท มี GPS สามารถตรวจสอบได้ว่าไปจริงหรือไม่
หลังจากให้เจ้าของบ้านเซ็นยินยอมให้ตรวจค้นที่เกิดเหตุโดยละเอียดแล้ว ผมและเพื่อนตำรวจที่ถูกส่งมาสมทบเพิ่มอีกสองสามคนก็ตรวจบริเวณบ้านโดยทั่ว แน่นอน ของใช้ของผู้ที่หายตัวไปดูยังอยู่ครบถ้วน ยาของลูกสาว ซึ่งเป็นภูมิแพ้อาหารอย่างแรงก็ยังอยู่ การหายตัวไปของทั้งสามคนดูมีเงื่อนงำจริงๆ
"เธอไปไหนนะชาแนน" นิโคลซึ่งยังอยู่กับพวกเราตลอดเวลาบ่นอย่างหมดหนทาง
"ลองดูคลิปจากกล้องวงจรปิดที่บ้านผมไหม เผื่อจะเห็นบ้างว่าเธอไปไหน กับใคร" จู่ๆ เพื่อนบ้านตัวโต ซึ่งเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ก็เอ่ยขึ้น "แต่...กล้องมันอาจไม่เห็นอะไรมากนะครับ เพราะว่ามีต้นไม้บัง และจริงๆ ผมตั้งใจส่องแค่หน้าบ้านตัวเอง"
ณ เวลาที่เริ่มอับจนหนทางแบบนี้ แค่ข้อมูลอันริบหรี่ ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย...
........................
** เรื่องนี้แต่งขึ้นบนพื้นฐานของเรื่องจริง โดยมีการแต่งเติมเสริมรายละเอียดเพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่าน อ้างอิงข้อมูลหลังจาก https://www.documentcloud.org/documents/5219206-Christopher-Watts-REDACTED-FINAL.html
"คุณนิโคลใช่ไหมครับ"
"ค่ะ ฉันเอง ขอบคุณค่ะ พวกคุณมาไวมากๆ" เธอหมายถึงผมและคู่หูของผม
"พวกเรากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่แถวนี้พอดี มีอะไรหรือครับ ช่วยเล่าให้ผมทราบอีกที"
ผู้หญิงที่ชื่อนิโคล เดินนำผมไปยังตัวบ้าน ระหว่างนั้นเธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว บ้านหลังนี้ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของครอบครัวเพื่อนสนิท เมื่อเช้ามืดเธอเพิ่งมาส่งเพื่อนที่นี่ และมีนัดกันอีกทีราวเที่ยง หรือหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้จะไปหาหมอด้วยกัน หญิงสาวที่หายไปท้องได้สิบห้าอาทิตย์ และมีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ จึงต้องนัดหมอเช็กเป็นระยะๆ
การหายไปของคนท้องทำให้เพื่อนของเธอกังวลมากๆ เมื่อส่งข้อความ หรือโทรหา แต่ก็ไม่มีใครรับ เธอจึงต้องมาดูถึงบ้าน
"สามีของเธอล่ะครับ" ผมเดินสำรวจไปรอบบริเวณบ้าน พยายามเคาะประตู ทั้งด้านหน้าและด้านข้าง เงียบสนิท
"เขาไปทำงานค่ะ ฉันเห็นรองเท้าแตะของเพื่อนยังอยู่ข้างใน รถของเธอก็ยังอยู่ car seat ของลูกๆ เธอก็ยังอยู่ จึงร้อนใจอยากเข้าไปดูในบ้าน แต่เขาบอกว่ารหัสเข้าบ้านมันเสีย ก็เลยตัดสินใจโทรหาตำรวจ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง ฉันกังวลว่าเธอจะป่วย ไม่รู้ว่าหมดสติอยู่ในบ้านหรือเปล่า แล้วเด็กๆ คือลูกของเธออีกสองคนจะทำยังไงถ้าเธอหมดสติอยู่"
คนพูดดูท่าทางกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ผมเดินไปรอบๆ บ้าน เคาะหน้าต่าง ประตู พยายามเรียก เผื่อว่าจะมีเสียงตอบมา แต่ไม่เลย เสียงของผมคงดังพอสมควร เพื่อนบ้านซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างท้วมจึงเดินออกมา
"คุณเห็นเจ้าของบ้านหลังนี้ไหมครับ คนที่เป็นผู้หญิง" ผมหันไปถามหลังจากแนะนำตัวเรียบร้อย
"ไม่ครับ ตั้งแต่เช้าผมก็ยังไม่เห็นใครออกจากบ้านหลังนี้เลย เท่าที่ผมเห็นนะครับ แต่ปกติผมก็จะอยู่ในบ้านไม่ได้ออกมาเท่าไหร่"
นิโคลเดินมาสมทบ เธอคุยกับเพื่อนบ้าน เล่าเรื่องความกังวลของเธอซ้ำอีกรอบ ดูเรื่องของเธอจะน่าสนใจไม่น้อย เพื่อนบ้านจึงเดินออกจากบ้าน พยายามมาช่วยด้วยอีกคน
"คุณมีเบอร์ของสามีเธอไหม ผมโทรหาเขาดีกว่า" ในที่สุดผมก็ตัดสินใจ เพราะวนไปวนมารอบบ้าน ก็ยังเข้าบ้านไม่ได้ และภายในบ้านยังเงียบกริบ
มิสเตอร์คริส เจ้าของบ้านชาย หรือชื่อเต็มๆ ของเขาคือ คริสโตเฟอร์ วัตต์ รับสาย หลังจากคุยกันได้สองสามประโยค เขาก็บอกว่ากำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน และประมาณว่าอีกไม่ถึงห้านาทีก็จะถึงแล้ว
ในที่สุดเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดี และดูเหมือนเป็นคนดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี ก็มาถึง เขาจอดรถกระบะคันใหญ่ เดินตรงมาที่พวกเรายืนอยู่ จากนั้นยื่นมือให้ผมจับ และเดินนำไปเปิดประตูโรงรถ
"ประตูทางเข้าเสียครับ มันต้องเปิดแบบนี้ หรือไม่ก็ต้องเปิดจากในบ้าน" เขาบอก
"เข้าไปนะครับ" ผมขออนุญาต
"เชิญครับ" เขาเปิดประตูด้านหน้าบ้าน แล้วเดินตรงเข้าไปในบ้านอย่างร้อนรน เดินผ่านห้องโน้น ห้องนี้ราวจะสำรวจว่าภรรยาของตนเองและลูกๆ อยู่ที่ไหน
เพื่อนของชาแนนและลูกชาย เดินตามพวกเราเข้ามาด้วย ผมและเพื่อนตำรวจพบว่าในห้องทุกห้องว่างเปล่า ทั้งในห้องนอน ห้องครัว และห้องใต้ดิน ไม่มีแม่ลูกทั้งสามอยู่เลย
"มือถือของเธออยู่นี่" นิโคลพบมือถือและหยิบมาวางที่กลางบ้าน "เธอไม่น่าจะไปไหนโดยไม่มีมือถือของตัวเองนะ" น้ำเสียงของคนพูดกังวล
คริสบอกพวกเราว่า เมียของเขากลับมาถึงบ้านประมาณตีสอง เขาง่วงนอนมากในตอนนั้น จึงหลับไปหลังปลดล็อกเปิดประตูให้ เขาตื่นมาอีกทีตอนตีห้า เพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ชาแนนนอนตื่นมา และเขาคุยกับเธอเรื่องหย่าที่คุยค้างไว้ก่อนที่เธอจะไปทำงานต่างเมือง ทั้งคู่ทะเลาะกันเล็กน้อย ชาแนนบอกว่าเธอจะพาลูกไปหาเพื่อนเช้านี้ ส่วนเขาก็เอาเครื่องมือขึ้นรถและเตรียมตัวไปทำงาน
"เมียคุณไปหาเพื่อนคนไหน พอจะทราบไหมครับ"
อีกฝ่ายส่ายหน้า "ไม่เลยครับ เราทะเลาะกันอยู่ ผมเลยไม่ได้ซักอะไรเธอ"
คริสออกไปทำงานที่บ่อน้ำมันที่อยู่ห่างจากบ้านไปเกือบชั่วโมง เขาบอกว่าในรถของเขาซึ่งเป็นรถบริษัท มี GPS สามารถตรวจสอบได้ว่าไปจริงหรือไม่
หลังจากให้เจ้าของบ้านเซ็นยินยอมให้ตรวจค้นที่เกิดเหตุโดยละเอียดแล้ว ผมและเพื่อนตำรวจที่ถูกส่งมาสมทบเพิ่มอีกสองสามคนก็ตรวจบริเวณบ้านโดยทั่ว แน่นอน ของใช้ของผู้ที่หายตัวไปดูยังอยู่ครบถ้วน ยาของลูกสาว ซึ่งเป็นภูมิแพ้อาหารอย่างแรงก็ยังอยู่ การหายตัวไปของทั้งสามคนดูมีเงื่อนงำจริงๆ
"เธอไปไหนนะชาแนน" นิโคลซึ่งยังอยู่กับพวกเราตลอดเวลาบ่นอย่างหมดหนทาง
"ลองดูคลิปจากกล้องวงจรปิดที่บ้านผมไหม เผื่อจะเห็นบ้างว่าเธอไปไหน กับใคร" จู่ๆ เพื่อนบ้านตัวโต ซึ่งเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ก็เอ่ยขึ้น "แต่...กล้องมันอาจไม่เห็นอะไรมากนะครับ เพราะว่ามีต้นไม้บัง และจริงๆ ผมตั้งใจส่องแค่หน้าบ้านตัวเอง"
ณ เวลาที่เริ่มอับจนหนทางแบบนี้ แค่ข้อมูลอันริบหรี่ ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย...
........................
** เรื่องนี้แต่งขึ้นบนพื้นฐานของเรื่องจริง โดยมีการแต่งเติมเสริมรายละเอียดเพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่าน อ้างอิงข้อมูลหลังจาก https://www.documentcloud.org/documents/5219206-Christopher-Watts-REDACTED-FINAL.html
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ม.ค. 2563, 16:29:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2563, 16:29:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 685
<< แฟ้มคดีที่ 2: I have to kill them #1 | แฟ้มคดีที่ 2: I have to kill them #3 >> |