Cause of Love...เล่ห์อำพรางใจ: เอบิช (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะความจำเป็นในชีวิต บีบบังคับให้ ‘มิวาร์’
ต้องทำสัญญาเงินกู้กับ ‘อีรอส ไททัน’ โดยแลกกับการเป็นผู้หญิงของเขา
อีรอสเป็นนักธุรกิจไฟแรง ติดโผชายในฝันของสาวๆ ทั่วทั้งนครนิวยอร์ก
และมีดีกรีเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
แต่ในสายตาของมิวาร์ เขาก็เป็นแค่อีตาหื่นจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ที่จ้องจะหิ้วเธอขึ้นเตียงทุกวินาที!
เรื่องงาน ‘แพทย์หญิงมิวาร์ กรุณา เกรแฮม’ ไม่เคยเป็นสองรองใคร
แต่เรื่องความรัก...เธอขออยู่ให้ห่าง ช่างต่างจากเขา...อีรอส...กามเทพตัวพ่อ
ที่ฟ้าจงใจส่งลงมาตามไล่ล่าเอาความรักจากเธอชัดๆ
การทำสัญญากับเขาในครั้งนี้ จึงเดือดร้อนมิวาร์ต้องงัดสารพัดวิธีมาชิ่งหนีเขา
โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ในเวลาเดียวกันนั้น
เธอกำลังถูกดึงเข้าไปพัวพันในวังวนของการฆาตกรรมอำพราง
เนื่องจากวิชาชีพของเธอเอง...
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ เธอจะเอาตัวรอดเช่นไร
อำพรางหัวใจ หรือยอมสยบให้กับเล่ห์กลของเขาดี!?
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "เอบิช" และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing) " ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบพระเอกหล่อ รวย และหื่นตัวพ่อ จัดไปค่ะ 555+ ขอบอกว่าฮีเปย์หนักมากกกกก แถมฉลาดและเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง! แต่ขณะเดียวกันก็คอยปกป้องนางเอกสุดฤทธิ์ เรื่องนี้มีความโรแมนติกพาฝันนิดๆ และมีปมฆาตกรรมให้ติดตามด้วย
ท้องเรื่องอยู่ในยุค 2023 #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง)
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน shopee ร้าน plaipakkabooks_officialshop (ส่งฟรีทุกเล่ม)
หนังสือพร้อมส่ง
จำนวน 372 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
ราคา 349฿ จากราคาปก 389฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 394฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 419฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ต้องทำสัญญาเงินกู้กับ ‘อีรอส ไททัน’ โดยแลกกับการเป็นผู้หญิงของเขา
อีรอสเป็นนักธุรกิจไฟแรง ติดโผชายในฝันของสาวๆ ทั่วทั้งนครนิวยอร์ก
และมีดีกรีเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
แต่ในสายตาของมิวาร์ เขาก็เป็นแค่อีตาหื่นจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ที่จ้องจะหิ้วเธอขึ้นเตียงทุกวินาที!
เรื่องงาน ‘แพทย์หญิงมิวาร์ กรุณา เกรแฮม’ ไม่เคยเป็นสองรองใคร
แต่เรื่องความรัก...เธอขออยู่ให้ห่าง ช่างต่างจากเขา...อีรอส...กามเทพตัวพ่อ
ที่ฟ้าจงใจส่งลงมาตามไล่ล่าเอาความรักจากเธอชัดๆ
การทำสัญญากับเขาในครั้งนี้ จึงเดือดร้อนมิวาร์ต้องงัดสารพัดวิธีมาชิ่งหนีเขา
โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ในเวลาเดียวกันนั้น
เธอกำลังถูกดึงเข้าไปพัวพันในวังวนของการฆาตกรรมอำพราง
เนื่องจากวิชาชีพของเธอเอง...
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ เธอจะเอาตัวรอดเช่นไร
อำพรางหัวใจ หรือยอมสยบให้กับเล่ห์กลของเขาดี!?
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "เอบิช" และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing) " ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบพระเอกหล่อ รวย และหื่นตัวพ่อ จัดไปค่ะ 555+ ขอบอกว่าฮีเปย์หนักมากกกกก แถมฉลาดและเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง! แต่ขณะเดียวกันก็คอยปกป้องนางเอกสุดฤทธิ์ เรื่องนี้มีความโรแมนติกพาฝันนิดๆ และมีปมฆาตกรรมให้ติดตามด้วย
ท้องเรื่องอยู่ในยุค 2023 #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง)
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน shopee ร้าน plaipakkabooks_officialshop (ส่งฟรีทุกเล่ม)
หนังสือพร้อมส่ง
จำนวน 372 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
ราคา 349฿ จากราคาปก 389฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 394฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 419฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 7 -35%
“เขามีเมียน้อย มิวาร์ เขาตายในอ้อมกอดของเมียน้อย ไม่ใช่ฉัน” เสียงของเฮเลนเต็มไปด้วยความขมขื่นและความเกลียดชัง นางกำลังนอนบนเตียงนุ่มสุดหรูภายในห้องส่วนตัวของนางกับสามีผู้วายชนม์
มิวาร์มาหาเฮเลนทันทีที่ชันสูตรศพเสร็จกับไปเยี่ยมไคลด์จนแน่ใจว่าเขาไม่ได้รับเชื้อ ทันทีที่เธอมาถึงคฤหาสน์แมคคอยล์ ซาแมนธาก็นำเธอมายังห้องนอนของเฮเลน ซึ่งสภาพของนางทำให้มิวาร์ถึงกับร้องอุทานในใจด้วยความตกตะลึง เฮเลนดูโทรมสุดๆ ด้วยสภาพผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ใบหน้าขาวซีดจนเกือบเทา ดวงตาแดงช้ำจนเห็นเส้นเลือดฝอยดูน่ากลัว แต่กระนั้น...สภาพร่างกายของนางก็ดูเหมือนคนปกติมิได้ผ่ายผอมลงมากนักจากการตรอมใจ
มิวาร์ก้าวเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ฝังมุกที่ซาแมนธาเลื่อนออกให้ใกล้กับร่างที่นอนคร่ำครวญของเฮเลน เธอคว้ามือของนางขึ้นมากอบกุมปลอบประโลม และเฮเลนก็พูดประโยคข้างต้นทันทีที่ลืมตาเห็นเธอ
“ฉันไม่เคยรู้เลยว่าอีริกมีผู้หญิงอื่น เขาทรยศฉันได้อย่างไรกัน ทั้งๆ ที่ฉันทำตัวเป็นเมียที่ดีของเขามาโดยตลอด” เฮเลนฟูมฟายไม่หยุด
“ให้อภัยคุณอีริกเถอะนะคะ” คำพูดของมิวาร์จุดประกายไฟในดวง ตาเฮเลนให้ลุกวาวขึ้นอย่างน่ากลัว
“ไม่! เขาจะต้องชดใช้ที่ทำกับฉันแบบนี้”
“โธ่...คุณคะ”
“ฉันรึ อุตส่าห์รักเขามากขนาดนี้ รักเขามากจริงๆ นะ หนูมิวาร์” เฮเลนคร่ำครวญตามเดิมพร้อมกับสะอึกสะอื้นจนกายสั่นสะท้านไปหมด
“ตอนนี้ฉันอยากจะรู้ผลชันสูตรศพว่าเขาตายเพราะสาเหตุอะไร แต่อีเมียน้อยมันให้ข่าวว่าอีริกฆ่าตัวตาย ฉันไม่เชื่อหรอก”
“รอผลการชันสูตรศพออกมาก่อนนะคะ” มิวาร์ทราบมาแล้วว่าตอน นี้เฮเลนสั่งทนายความให้ดำเนินคดีกับมิเชล กราแตงค์ ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการตายของอีริกเป็นการฆาตกรรม
เฮเลนยังฟูมฟายอีกหลายประโยคก่อนความอ่อนเพลียจากการโศก เศร้าจะทำให้นางผล็อยหลับไปง่ายๆ
“แซมคะ เฮเลน่ากับแชนนิ่งไปไหน”
มิวาร์หันไปกระซิบถามแม่บ้านที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ แปลกใจมากที่พบว่าเฮเลนอยู่คนเดียวในระหว่างที่มีสภาพจิตใจบอบช้ำเช่นนี้
“คุณเฮเลน่าไปบริษัทค่ะ ส่วนคุณแชนนิ่ง...หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน ฉันเห็นคุณแชนนิ่งครั้งสุดท้ายเมื่อเช้าวาน”
“ติดต่อเขาได้ไหม”
“ดิฉันไม่มีเบอร์คุณแชนนิ่งค่ะ แต่ดูเหมือนเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนคุณแชนนิ่งจะโทร.มาหามาดาม แต่มาดามก็ไม่ได้มีอาการดีขึ้นเลย”
“นี่ก็จะหนึ่งทุ่มแล้ว เฮเลน่าน่าจะกลับมาถึงบ้านแล้วนะ”
“ตั้งแต่นายท่านเสีย คุณหนูก็กลับบ้านดึกมากค่ะ เธอคงสะเทือนใจที่รู้ว่าพ่อคบชู้ คุณหมอคงทราบว่าข่าวของครอบครัวมาดามกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่เรื่องผัวๆ เมียๆ มากกว่าเป็นข่าวสะเทือนใจกับการตายเสียอีก”
มิวาร์พยักหน้ารับ บอกซาแมนธาว่า
“ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ ถ้ามาดามตื่นขึ้นมา บอกเธอด้วยว่าฉันจะหาเวลามาเยี่ยมใหม่ค่ะ”
“ได้ค่ะ...แต่คุณหมอคะ ดิฉันมีบางอย่างอยากจะให้คุณหมอดูสักเล็กน้อยค่ะ”
“อะไรหรือคะ”
แม่บ้านร่างอ้วนไม่ตอบ แต่เดินนำมิวาร์ลงไปยังชั้นล่าง ตรงดิ่งไปยังห้องห้องหนึ่งซึ่งสร้างติดกับสวนทางขวามือของบ้าน เมื่อซาแมนธาใช้กุญแจไขเข้าไป มิวาร์ก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
มันเป็นห้องนอนของผู้ชายขนาดกลางซึ่งมีประตูกระจกบานเลื่อนเปิดออกไปสู่ระเบียง มองเห็นสวนสวยกับเหล่าพรรณไม้ดอกนานาชนิดที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเข้ามาในห้อง แต่สิ่งที่ทำให้เธอตื่นตกใจมิใช่การตกแต่งที่ดูอบอุ่นของห้องนี้ หากแต่เป็นผนังฟากหนึ่งของห้องที่มีภาพถ่ายของมิเชล กราแตงค์ในอิริยาบถต่างๆ ติดอยู่เต็มพื้นที่ของผนังนั่น และภาพทุกภาพถูกมีดกรีดกากบาทโดยเฉพาะบนใบหน้าสะสวยของนางแบบสาว
“ห้องของคุณแชนนิ่งค่ะ” ซาแมนธาบอกเบาๆ
“แชนนิ่งนอนห้องนี้หรือคะ ฉันคิดว่าเขาจะนอนชั้นบนเสียอีก”
“เปล่าค่ะ คุณแชนนิ่งเลือกห้องนี้เป็นห้องนอนมาแต่เล็กแล้ว บางทีก็จะหลบหนีออกทางระเบียงห้องไปเที่ยวเล่นตอนกลางคืนค่ะ”
“คุณรู้?”
“ค่ะ ดิฉันเคยเห็นครั้งหนึ่ง ตอนที่คุณแชนนิ่งหนีออกจากบ้าน ตอนนั้นน่าจะอายุราวๆ สิบห้าปีค่ะ”
“เรื่องนั้นคงไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญคือภาพที่ติดบนผนังห้อง”
“ดิฉันกลัวคุณแชนนิ่งจะไปทำร้ายมิเชลค่ะ” ซาแมนธาบอกน้ำเสียงหวาดหวั่น
“คุณเห็นภาพพวกนี้มานานแค่ไหนแล้วคะ”
“เกือบสองเดือนแล้วค่ะ ดิฉันเป็นคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำความสะอาดในห้อง”
“คุณอยากให้ฉันทำอะไรคะ แซม” มิวาร์หันไปสบตาหญิงแม่บ้านตรงๆ
“ดิฉันก็ไม่รู้ค่ะ ไม่รู้จริงๆ ดิฉันแค่คิดว่าคุณควรจะรู้เรื่องนี้”
“แล้วมาดามทราบไหมคะ”
“ไม่ค่ะ ดิฉันไม่กล้าบอก สิ่งเดียวที่ดิฉันห่วงก็คือที่บอกไปเมื่อครู่นี้ มาดามทุกข์มากพอแล้ว ไม่สมควรที่จะมีความทุกข์เพิ่มเพราะลูกชายติดคุกค่ะ”
“ฉันเข้าใจค่ะ เอาเถอะ...ฉันจะพยายามหาทางติดต่อแชนนิ่งและกล่อมเขาไม่ให้ไปทำร้ายมิเชล”
“ขอบคุณมากๆ ค่ะคุณหมอ”
*****************
ข่าวการตายของท่านวุฒิสมาชิกค่อยๆ เงียบหายไปจากกระแสสังคมเพราะมีข่าวใหม่ที่น่าสนใจและโด่งดังมากกว่า มิวาร์ยังคงทำงานในสำนักงานชันสูตรศพต่อไปสลับกับการขึ้นให้การในศาลในฐานะผู้เชี่ยวชาญฝ่ายโจทก์ ซ้ำดูเหมือนอีรอสจะหายตัวไปเฉยๆ อีกด้วย มันทำให้เธอมั่นใจว่าเขาคงรังเกียจผลกระทบของอาชีพที่เธอทำ ถึงจะดีใจที่ไม่ถูกเขาตามรบกวนแต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธว่ามีความรู้สึกเหงาลึกๆ เกาะกุมหัวใจ
สัปดาห์หนึ่งแล้วที่เธอไม่ได้ไปหาเฮเลนเพราะติดเรื่องงาน และยังไม่ได้หาทางติดต่อกับแชนนิ่ง แอบดีใจที่ไม่พบข่าวของแชนนิ่งว่าไปทำร้ายใคร กระนั้น...เธอจะหมั่นโทรศัพท์ไปคุยกับเฮเลนเพื่อปลอบใจเธอเป็นเวลาประมาณสิบห้านาทีแทบทุกวัน เฮเลนเล่าในครั้งหนึ่งว่าแชนนิ่งขอลาพักร้อนยาวเพื่อเดินทางท่องเที่ยวในเอเชียระบายความเศร้าเรื่องการตายของบิดา และนางก็เข้าใจลูกชายคนนี้เป็นอย่างดี มิวาร์จึงสบายใจขึ้นที่แชนนิ่งไม่ได้คิดจะทำร้ายมิเชลอย่างที่เธอนึกหวั่น แม้จะยังสงสัยอยู่บ้างว่าแชนนิ่งหาปืนไปทำไม และผู้หญิงที่เขาพูดถึงก็น่าจะเป็นมิเชล แต่ในเมื่อเขาไม่ได้ทำร้ายนางแบบสาว มิวาร์ก็ปัดความคิดเหล่านั้นออกจากใจในที่สุด
จนกระทั่ง...เช้าวันรุ่งขึ้น สื่อทุกช่องทางออกข่าวให้ทั่วว่า อีริก แมคคอยล์ เสียชีวิตจากการกินยาเกินขนาดตามผลการชันสูตรศพของแพทย์ชันสูตรในเขตที่อีริกเสียชีวิต มิวาร์มิได้แปลกใจเท่าใดนัก เพราะตอนแรกๆ ที่ออกข่าวก็บอกว่าพบศพของวุฒิสมาชิกข้างขวดยาเปล่า เธอจึงพอเดาได้ว่าการตายของอีริกจะต้องลงเอยในรูปแบบนี้
ขณะที่เธอกำลังเตรียมตัวจะไปชันสูตรศพอีกราย เธอก็ต้องรับฟังข่าวร้ายทางโทรศัพท์
“จอยซ์อาการทรุดหนัก มิวาร์ น้องแทบจะไม่หายใจและอยู่ดีๆ ตาของน้องก็เริ่มปิด แม่กับพ่อพาน้องไปโรง’บาล หมอบอกว่าปอดของน้องเริ่มบวมจะต้องทำการผ่าตัดโดยด่วน แต่...” เสียงของเกรซเป็นเสียงร่ำไห้ของแม่ผู้ระทมทุกข์อย่างหนัก
“แต่อะไรคะแม่” มิวาร์รู้สึกใจคอไม่ดีเอาซะเลย
“ผู้อำนวยการแผนกศัลยศาสตร์หัวใจบอกเราว่า ต้องซื้อลิ้นหัวใจเทียมคู่หนึ่ง ร่วมกับค่ารักษา ค่าดูแลหลังผ่าตัด และอื่นๆ อีก...ตกแล้วอยู่ที่สามแสนเหรียญ”
คุณพระ! ครอบครัวของเธอ ณ เวลานี้ไม่มีเงินมากพอขนาดนั้นอีกแล้ว
“ประกันชีวิตที่พ่อทำล่ะคะ ช่วยได้ไหม”
“ประกันชีวิตที่พ่อทำไม่ครอบคลุมถึงจอยซ์ เพราะตอนนั้นจอยซ์ยังไม่เกิดเลย ที่สำคัญมันไม่ครอบคลุมถึงโรคที่จอยซ์เป็นด้วย” เกรซสะอึกสะอื้นหนักขึ้น
“มิวาร์ แม่ไม่อยากให้จอยซ์จากเราไป หมอจะทำการผ่าตัดให้ก็ต่อ เมื่อเราจ่ายเงินก้อนแรกแล้ว หมอบอกว่าต้องทำการผ่าตัดให้เร็วที่สุดภายในสี่วันนี้เท่านั้น และ...” คราวนี้...เสียงของมารดาบุญธรรมเลือนหายไปจนมิวาร์ตื่นตระหนก
“และอะไรคะแม่ ฮัลโหล แม่ยังฟังหนูพูดอยู่หรือเปล่าคะ”
“ฟะ...ฟังอยู่ แม่แค่...แม่แค่พูดไม่ออก มันทรมานใจเหลือเกิน”
คราวนี้ มิวาร์เดาได้แล้วว่ามารดาพูดไม่ออกด้วยเรื่องอะไร
“หมอไม่รับปากใช่ไหมคะว่า จะผ่าตัดรักษาจอยซ์ให้หายได้” เธอถามออกไปด้วยเสียงที่นุ่มเบาที่สุด ขณะที่หัวใจของเธอกลวงโบ๋ลงเรื่อยๆ เมื่อคิดว่าน้องสาวผู้น่ารักจะต้องตายจากไป
“จ้ะ”
“สวดอ้อนวอนค่ะแม่ สวดถึงพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงฟังเรา”
“แม่จะสวดจ้ะ แล้วเรื่องเงินค่าผ่าตัดรักษาจอยซ์ละจ๊ะ” น้ำเสียงของเกรซฟังดูดีขึ้นมานิดนึง มิวาร์รู้ว่ามารดาบุญธรรมมีศรัทธาอันแรงกล้ามาก กว่าเธอเสียอีก
“หนูจะหามาให้เองค่ะ ตอนเย็นหนูจะรีบไปหาพ่อกับแม่ที่โรงพยาบาลนะคะ เชื่อหนู...เราจะมีเงินจ่ายค่ารักษาจอยซ์แน่นอนค่ะ”
หลังจากวางสายมารดา มิวาร์ก็รีบลงมือชันสูตรศพชายผู้เคราะห์ร้ายกับแองเจลลิก้า ซึ่งดีเนอร์สาวก็ทราบเรื่องของจอยซ์เป็นอย่างดี แม้จะทุกข์ใจอย่างหนักแต่มิวาร์ก็ตั้งใจชันสูตรศพอย่างเต็มที่ โชคดีที่ศพของชายคนนี้ตรวจชันสูตรได้ง่ายเพราะเขาจมน้ำตาย มิวาร์จึงออกจากสำนักงานในช่วงเที่ยง เธอฝากคาร่าให้รับเรื่องต่างๆ แทนเธอสักหนึ่งวัน และเธอจะกลับเข้ามาในสำนักงานอีกตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น คาร่าถามว่า...ถ้าหากมีคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้เธอไปตรวจสอบสภาพศพยังสถานที่เกิดเหตุ เธอจะว่าอย่างไร มิวาร์ตอบว่าให้พวกเขาติดต่อมายังเธอโดยตรงแล้วกัน แล้วเธอก็จากไปเพื่อมุ่งหน้าสู่ธนาคารใจกลางเมืองนิวยอร์ก
...แต่มันไม่ง่ายเลยสำหรับการขอกู้เงินโดยไม่มีหลักทรัพย์ใดๆ ค้ำประกัน...
มิวาร์เดินลากเท้าด้วยความอ่อนล้าตรงไปยังธนาคารเอเมอร์สัน เธอก่นด่าความกล้าบ้าบิ่นของตัวเองที่ทำให้ต้องสูญเสียดูคาติแสนรักซึ่งสามารถนำมาใช้ค้ำประกันเงินกู้ของเธอได้ เธอเอาแต่ด่าตัวเองแต่ไม่ยักนึกพาดพิงไปถึงใครอีกคนที่เก็บดูคาติของเธอไว้
หลายธนาคารที่เธอบากหน้าเข้าไปขอกู้เงินโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ล้วนแล้วแต่ตอกเธอหน้าหงายออกจากธนาคารทั้งหมด แถมทุกวันนี้แต่ละแห่งยังได้ยกเลิกการใช้ตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ระดับสูงค้ำประกันวงเงินกู้แล้วด้วย
มิวาร์แหงนคอมองตึกสูงเสียดฟ้าแห่งนี้ด้วยความหวังที่เหลือเพียงน้อยนิด หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความหนักอึ้งเมื่อคิดว่าจะต้องมาอ้อนวอนผู้จัดการธนาคารแห่งนี้เป็นแห่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ เธอรู้ดีว่า...หมดหวัง แต่เธอก็ยังคง...หวัง เธอไม่ใช่คนที่สิ้นหวังกับอะไรง่ายๆ เสียด้วย
ทว่า...สุดท้าย
“พวกคุณจะใจยักษ์ใจมารไปถึงไหน กะอีแค่เงินก้อนหนึ่งสำหรับช่วยชีวิตเด็กทารกคนหนึ่งพวกคุณก็ให้ไม่ได้ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าธนาคารที่มีลูกชายประธานาธิบดีเป็นเจ้าของจะไม่มีหลักมนุษยธรรมตราขึ้นมาเป็นกฎประจำธนาคาร ทั้งๆ ที่ฉันเห็นท่านผู้นำคอยแต่จะโอบอุ้มค้ำจุนคนยากไร้ขัดสนจนเป็นข่าวแทบทุกวัน” มิวาร์ตวาดลั่นด้วยความกราดเกรี้ยวเมื่อผู้จัดการธนาคารปฏิเสธการให้เงินกู้กับเธอด้วยน้ำเสียงมึนชา
ดูเหมือนเสียงของเธอจะดังทะลุบานกระจกที่กรุเป็นผนังของห้องทำงานเล็กๆ แห่งนี้ออกไป เพราะผู้คนที่มาติดต่อเรื่องเงินอยู่ด้านนอกต่างพากันเหลียวมองเข้ามาในห้องนี้กันเป็นทิวแถว
“ชีวิตของเด็กคนหนึ่งสำคัญน้อยกว่ากฎบ้าบอคอแตกของพวกคุณหรือไง ให้ตาย...ตอนเลือกตั้ง ฉันไม่น่าเลือกเฮลิออส ไททันเลยจริงๆ สิ”
เธอโวยวายด้วยเสียงดังลั่นจนน่ากลัวว่ากระจกจะร้าว
“ขอโทษนะครับ คุณผู้หญิง ผมจำเป็นต้องทำตามกฎบ้าบอคอแตกอย่างที่คุณด่าประณามนั่นแหละครับ เพราะถ้าเราเห็นแก่หลักมนุษยธรรม ธนาคารของเราคงเติบโตก้าวหน้ากว่าธนาคารอื่นไม่ได้ นี่เป็นนโยบายที่เด็ดขาดมากๆ ของท่านประธาน”
มิวาร์แค่นเสียงหัวเราะหยามหยัน
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เจ้าของธนาคารอย่างมิสเตอร์อีรอส ไททัน จะมีนิสัยแตกต่างจากพ่อของเขาสุดขั้วแบบนี้”
มิวาร์ไม่ได้ลืมไปหรอกว่าธนาคารเอเมอร์สันอยู่ภายใต้การบริหารของอีรอส ไททัน แต่เธอเพียงแค่หวังว่าการมาขอกู้เงินในครั้งนี้เรื่องจะไม่ไปถึงหูเขา และธนาคารของเขาน่าจะมีความยืดหยุ่นมากพอ
“เอ่อ ขอโทษนะครับ มิสเกรแฮม ท่านประธานยืนอยู่ข้างหลังคุณแล้วครับ”
มิวาร์สะดุ้งโหยงกับคำพูดต่อมาของผู้จัดการธนาคาร เธอค่อยๆเหลียวหลังไปมองผู้มาใหม่ซึ่งยืนสูงตระหง่านโดดเด่นเหนือใครอยู่ด้านหลังเธอเหมือนป้อมปราการหินผา
ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนรูปแกะสลักนั้นเฉยชาจนดูเป็นมึนตึง เธอพบว่าเขาอยู่ในชุดสูทสั่งตัดสีเทาที่พอดีตัวและส่งเสริมให้ช่วงไหล่กับบ่าของเขากว้างผึ่งผายน่าซบ และตอนนี้กำลังยืนกอดอกมองเธอด้วยนัยน์ตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มพลิ้วไหวเหมือนระลอกคลื่นในมหาสมุทร
มิวาร์สูดลมหายใจลึกเพื่อบรรเทาความหวั่นเกรงเพราะดูเหมือนเธอกำลังถูกชายตัวโตคุกคามยังไงชอบกล ทั้งๆ ที่ความจริงเธอมา ‘คุกคาม’ ถึงถิ่นของเขาต่างหาก
“ฉันต้องการกู้เงิน แต่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน” เธอบอกออกไปตรงๆ มีแววละอายเจือจางในน้ำเสียงกระนั้นก็ไม่ยอมหลบสายตาคมปลาบที่จ้องเขม็ง
“ไปคุยกันที่ห้องทำงานผมดีกว่า มิวาร์”
นั่นเป็นคำสั่ง!
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
มิวาร์มาหาเฮเลนทันทีที่ชันสูตรศพเสร็จกับไปเยี่ยมไคลด์จนแน่ใจว่าเขาไม่ได้รับเชื้อ ทันทีที่เธอมาถึงคฤหาสน์แมคคอยล์ ซาแมนธาก็นำเธอมายังห้องนอนของเฮเลน ซึ่งสภาพของนางทำให้มิวาร์ถึงกับร้องอุทานในใจด้วยความตกตะลึง เฮเลนดูโทรมสุดๆ ด้วยสภาพผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ใบหน้าขาวซีดจนเกือบเทา ดวงตาแดงช้ำจนเห็นเส้นเลือดฝอยดูน่ากลัว แต่กระนั้น...สภาพร่างกายของนางก็ดูเหมือนคนปกติมิได้ผ่ายผอมลงมากนักจากการตรอมใจ
มิวาร์ก้าวเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ฝังมุกที่ซาแมนธาเลื่อนออกให้ใกล้กับร่างที่นอนคร่ำครวญของเฮเลน เธอคว้ามือของนางขึ้นมากอบกุมปลอบประโลม และเฮเลนก็พูดประโยคข้างต้นทันทีที่ลืมตาเห็นเธอ
“ฉันไม่เคยรู้เลยว่าอีริกมีผู้หญิงอื่น เขาทรยศฉันได้อย่างไรกัน ทั้งๆ ที่ฉันทำตัวเป็นเมียที่ดีของเขามาโดยตลอด” เฮเลนฟูมฟายไม่หยุด
“ให้อภัยคุณอีริกเถอะนะคะ” คำพูดของมิวาร์จุดประกายไฟในดวง ตาเฮเลนให้ลุกวาวขึ้นอย่างน่ากลัว
“ไม่! เขาจะต้องชดใช้ที่ทำกับฉันแบบนี้”
“โธ่...คุณคะ”
“ฉันรึ อุตส่าห์รักเขามากขนาดนี้ รักเขามากจริงๆ นะ หนูมิวาร์” เฮเลนคร่ำครวญตามเดิมพร้อมกับสะอึกสะอื้นจนกายสั่นสะท้านไปหมด
“ตอนนี้ฉันอยากจะรู้ผลชันสูตรศพว่าเขาตายเพราะสาเหตุอะไร แต่อีเมียน้อยมันให้ข่าวว่าอีริกฆ่าตัวตาย ฉันไม่เชื่อหรอก”
“รอผลการชันสูตรศพออกมาก่อนนะคะ” มิวาร์ทราบมาแล้วว่าตอน นี้เฮเลนสั่งทนายความให้ดำเนินคดีกับมิเชล กราแตงค์ ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการตายของอีริกเป็นการฆาตกรรม
เฮเลนยังฟูมฟายอีกหลายประโยคก่อนความอ่อนเพลียจากการโศก เศร้าจะทำให้นางผล็อยหลับไปง่ายๆ
“แซมคะ เฮเลน่ากับแชนนิ่งไปไหน”
มิวาร์หันไปกระซิบถามแม่บ้านที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ แปลกใจมากที่พบว่าเฮเลนอยู่คนเดียวในระหว่างที่มีสภาพจิตใจบอบช้ำเช่นนี้
“คุณเฮเลน่าไปบริษัทค่ะ ส่วนคุณแชนนิ่ง...หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน ฉันเห็นคุณแชนนิ่งครั้งสุดท้ายเมื่อเช้าวาน”
“ติดต่อเขาได้ไหม”
“ดิฉันไม่มีเบอร์คุณแชนนิ่งค่ะ แต่ดูเหมือนเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนคุณแชนนิ่งจะโทร.มาหามาดาม แต่มาดามก็ไม่ได้มีอาการดีขึ้นเลย”
“นี่ก็จะหนึ่งทุ่มแล้ว เฮเลน่าน่าจะกลับมาถึงบ้านแล้วนะ”
“ตั้งแต่นายท่านเสีย คุณหนูก็กลับบ้านดึกมากค่ะ เธอคงสะเทือนใจที่รู้ว่าพ่อคบชู้ คุณหมอคงทราบว่าข่าวของครอบครัวมาดามกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่เรื่องผัวๆ เมียๆ มากกว่าเป็นข่าวสะเทือนใจกับการตายเสียอีก”
มิวาร์พยักหน้ารับ บอกซาแมนธาว่า
“ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ ถ้ามาดามตื่นขึ้นมา บอกเธอด้วยว่าฉันจะหาเวลามาเยี่ยมใหม่ค่ะ”
“ได้ค่ะ...แต่คุณหมอคะ ดิฉันมีบางอย่างอยากจะให้คุณหมอดูสักเล็กน้อยค่ะ”
“อะไรหรือคะ”
แม่บ้านร่างอ้วนไม่ตอบ แต่เดินนำมิวาร์ลงไปยังชั้นล่าง ตรงดิ่งไปยังห้องห้องหนึ่งซึ่งสร้างติดกับสวนทางขวามือของบ้าน เมื่อซาแมนธาใช้กุญแจไขเข้าไป มิวาร์ก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น
มันเป็นห้องนอนของผู้ชายขนาดกลางซึ่งมีประตูกระจกบานเลื่อนเปิดออกไปสู่ระเบียง มองเห็นสวนสวยกับเหล่าพรรณไม้ดอกนานาชนิดที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเข้ามาในห้อง แต่สิ่งที่ทำให้เธอตื่นตกใจมิใช่การตกแต่งที่ดูอบอุ่นของห้องนี้ หากแต่เป็นผนังฟากหนึ่งของห้องที่มีภาพถ่ายของมิเชล กราแตงค์ในอิริยาบถต่างๆ ติดอยู่เต็มพื้นที่ของผนังนั่น และภาพทุกภาพถูกมีดกรีดกากบาทโดยเฉพาะบนใบหน้าสะสวยของนางแบบสาว
“ห้องของคุณแชนนิ่งค่ะ” ซาแมนธาบอกเบาๆ
“แชนนิ่งนอนห้องนี้หรือคะ ฉันคิดว่าเขาจะนอนชั้นบนเสียอีก”
“เปล่าค่ะ คุณแชนนิ่งเลือกห้องนี้เป็นห้องนอนมาแต่เล็กแล้ว บางทีก็จะหลบหนีออกทางระเบียงห้องไปเที่ยวเล่นตอนกลางคืนค่ะ”
“คุณรู้?”
“ค่ะ ดิฉันเคยเห็นครั้งหนึ่ง ตอนที่คุณแชนนิ่งหนีออกจากบ้าน ตอนนั้นน่าจะอายุราวๆ สิบห้าปีค่ะ”
“เรื่องนั้นคงไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญคือภาพที่ติดบนผนังห้อง”
“ดิฉันกลัวคุณแชนนิ่งจะไปทำร้ายมิเชลค่ะ” ซาแมนธาบอกน้ำเสียงหวาดหวั่น
“คุณเห็นภาพพวกนี้มานานแค่ไหนแล้วคะ”
“เกือบสองเดือนแล้วค่ะ ดิฉันเป็นคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำความสะอาดในห้อง”
“คุณอยากให้ฉันทำอะไรคะ แซม” มิวาร์หันไปสบตาหญิงแม่บ้านตรงๆ
“ดิฉันก็ไม่รู้ค่ะ ไม่รู้จริงๆ ดิฉันแค่คิดว่าคุณควรจะรู้เรื่องนี้”
“แล้วมาดามทราบไหมคะ”
“ไม่ค่ะ ดิฉันไม่กล้าบอก สิ่งเดียวที่ดิฉันห่วงก็คือที่บอกไปเมื่อครู่นี้ มาดามทุกข์มากพอแล้ว ไม่สมควรที่จะมีความทุกข์เพิ่มเพราะลูกชายติดคุกค่ะ”
“ฉันเข้าใจค่ะ เอาเถอะ...ฉันจะพยายามหาทางติดต่อแชนนิ่งและกล่อมเขาไม่ให้ไปทำร้ายมิเชล”
“ขอบคุณมากๆ ค่ะคุณหมอ”
*****************
ข่าวการตายของท่านวุฒิสมาชิกค่อยๆ เงียบหายไปจากกระแสสังคมเพราะมีข่าวใหม่ที่น่าสนใจและโด่งดังมากกว่า มิวาร์ยังคงทำงานในสำนักงานชันสูตรศพต่อไปสลับกับการขึ้นให้การในศาลในฐานะผู้เชี่ยวชาญฝ่ายโจทก์ ซ้ำดูเหมือนอีรอสจะหายตัวไปเฉยๆ อีกด้วย มันทำให้เธอมั่นใจว่าเขาคงรังเกียจผลกระทบของอาชีพที่เธอทำ ถึงจะดีใจที่ไม่ถูกเขาตามรบกวนแต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธว่ามีความรู้สึกเหงาลึกๆ เกาะกุมหัวใจ
สัปดาห์หนึ่งแล้วที่เธอไม่ได้ไปหาเฮเลนเพราะติดเรื่องงาน และยังไม่ได้หาทางติดต่อกับแชนนิ่ง แอบดีใจที่ไม่พบข่าวของแชนนิ่งว่าไปทำร้ายใคร กระนั้น...เธอจะหมั่นโทรศัพท์ไปคุยกับเฮเลนเพื่อปลอบใจเธอเป็นเวลาประมาณสิบห้านาทีแทบทุกวัน เฮเลนเล่าในครั้งหนึ่งว่าแชนนิ่งขอลาพักร้อนยาวเพื่อเดินทางท่องเที่ยวในเอเชียระบายความเศร้าเรื่องการตายของบิดา และนางก็เข้าใจลูกชายคนนี้เป็นอย่างดี มิวาร์จึงสบายใจขึ้นที่แชนนิ่งไม่ได้คิดจะทำร้ายมิเชลอย่างที่เธอนึกหวั่น แม้จะยังสงสัยอยู่บ้างว่าแชนนิ่งหาปืนไปทำไม และผู้หญิงที่เขาพูดถึงก็น่าจะเป็นมิเชล แต่ในเมื่อเขาไม่ได้ทำร้ายนางแบบสาว มิวาร์ก็ปัดความคิดเหล่านั้นออกจากใจในที่สุด
จนกระทั่ง...เช้าวันรุ่งขึ้น สื่อทุกช่องทางออกข่าวให้ทั่วว่า อีริก แมคคอยล์ เสียชีวิตจากการกินยาเกินขนาดตามผลการชันสูตรศพของแพทย์ชันสูตรในเขตที่อีริกเสียชีวิต มิวาร์มิได้แปลกใจเท่าใดนัก เพราะตอนแรกๆ ที่ออกข่าวก็บอกว่าพบศพของวุฒิสมาชิกข้างขวดยาเปล่า เธอจึงพอเดาได้ว่าการตายของอีริกจะต้องลงเอยในรูปแบบนี้
ขณะที่เธอกำลังเตรียมตัวจะไปชันสูตรศพอีกราย เธอก็ต้องรับฟังข่าวร้ายทางโทรศัพท์
“จอยซ์อาการทรุดหนัก มิวาร์ น้องแทบจะไม่หายใจและอยู่ดีๆ ตาของน้องก็เริ่มปิด แม่กับพ่อพาน้องไปโรง’บาล หมอบอกว่าปอดของน้องเริ่มบวมจะต้องทำการผ่าตัดโดยด่วน แต่...” เสียงของเกรซเป็นเสียงร่ำไห้ของแม่ผู้ระทมทุกข์อย่างหนัก
“แต่อะไรคะแม่” มิวาร์รู้สึกใจคอไม่ดีเอาซะเลย
“ผู้อำนวยการแผนกศัลยศาสตร์หัวใจบอกเราว่า ต้องซื้อลิ้นหัวใจเทียมคู่หนึ่ง ร่วมกับค่ารักษา ค่าดูแลหลังผ่าตัด และอื่นๆ อีก...ตกแล้วอยู่ที่สามแสนเหรียญ”
คุณพระ! ครอบครัวของเธอ ณ เวลานี้ไม่มีเงินมากพอขนาดนั้นอีกแล้ว
“ประกันชีวิตที่พ่อทำล่ะคะ ช่วยได้ไหม”
“ประกันชีวิตที่พ่อทำไม่ครอบคลุมถึงจอยซ์ เพราะตอนนั้นจอยซ์ยังไม่เกิดเลย ที่สำคัญมันไม่ครอบคลุมถึงโรคที่จอยซ์เป็นด้วย” เกรซสะอึกสะอื้นหนักขึ้น
“มิวาร์ แม่ไม่อยากให้จอยซ์จากเราไป หมอจะทำการผ่าตัดให้ก็ต่อ เมื่อเราจ่ายเงินก้อนแรกแล้ว หมอบอกว่าต้องทำการผ่าตัดให้เร็วที่สุดภายในสี่วันนี้เท่านั้น และ...” คราวนี้...เสียงของมารดาบุญธรรมเลือนหายไปจนมิวาร์ตื่นตระหนก
“และอะไรคะแม่ ฮัลโหล แม่ยังฟังหนูพูดอยู่หรือเปล่าคะ”
“ฟะ...ฟังอยู่ แม่แค่...แม่แค่พูดไม่ออก มันทรมานใจเหลือเกิน”
คราวนี้ มิวาร์เดาได้แล้วว่ามารดาพูดไม่ออกด้วยเรื่องอะไร
“หมอไม่รับปากใช่ไหมคะว่า จะผ่าตัดรักษาจอยซ์ให้หายได้” เธอถามออกไปด้วยเสียงที่นุ่มเบาที่สุด ขณะที่หัวใจของเธอกลวงโบ๋ลงเรื่อยๆ เมื่อคิดว่าน้องสาวผู้น่ารักจะต้องตายจากไป
“จ้ะ”
“สวดอ้อนวอนค่ะแม่ สวดถึงพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงฟังเรา”
“แม่จะสวดจ้ะ แล้วเรื่องเงินค่าผ่าตัดรักษาจอยซ์ละจ๊ะ” น้ำเสียงของเกรซฟังดูดีขึ้นมานิดนึง มิวาร์รู้ว่ามารดาบุญธรรมมีศรัทธาอันแรงกล้ามาก กว่าเธอเสียอีก
“หนูจะหามาให้เองค่ะ ตอนเย็นหนูจะรีบไปหาพ่อกับแม่ที่โรงพยาบาลนะคะ เชื่อหนู...เราจะมีเงินจ่ายค่ารักษาจอยซ์แน่นอนค่ะ”
หลังจากวางสายมารดา มิวาร์ก็รีบลงมือชันสูตรศพชายผู้เคราะห์ร้ายกับแองเจลลิก้า ซึ่งดีเนอร์สาวก็ทราบเรื่องของจอยซ์เป็นอย่างดี แม้จะทุกข์ใจอย่างหนักแต่มิวาร์ก็ตั้งใจชันสูตรศพอย่างเต็มที่ โชคดีที่ศพของชายคนนี้ตรวจชันสูตรได้ง่ายเพราะเขาจมน้ำตาย มิวาร์จึงออกจากสำนักงานในช่วงเที่ยง เธอฝากคาร่าให้รับเรื่องต่างๆ แทนเธอสักหนึ่งวัน และเธอจะกลับเข้ามาในสำนักงานอีกตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น คาร่าถามว่า...ถ้าหากมีคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้เธอไปตรวจสอบสภาพศพยังสถานที่เกิดเหตุ เธอจะว่าอย่างไร มิวาร์ตอบว่าให้พวกเขาติดต่อมายังเธอโดยตรงแล้วกัน แล้วเธอก็จากไปเพื่อมุ่งหน้าสู่ธนาคารใจกลางเมืองนิวยอร์ก
...แต่มันไม่ง่ายเลยสำหรับการขอกู้เงินโดยไม่มีหลักทรัพย์ใดๆ ค้ำประกัน...
มิวาร์เดินลากเท้าด้วยความอ่อนล้าตรงไปยังธนาคารเอเมอร์สัน เธอก่นด่าความกล้าบ้าบิ่นของตัวเองที่ทำให้ต้องสูญเสียดูคาติแสนรักซึ่งสามารถนำมาใช้ค้ำประกันเงินกู้ของเธอได้ เธอเอาแต่ด่าตัวเองแต่ไม่ยักนึกพาดพิงไปถึงใครอีกคนที่เก็บดูคาติของเธอไว้
หลายธนาคารที่เธอบากหน้าเข้าไปขอกู้เงินโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ล้วนแล้วแต่ตอกเธอหน้าหงายออกจากธนาคารทั้งหมด แถมทุกวันนี้แต่ละแห่งยังได้ยกเลิกการใช้ตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ระดับสูงค้ำประกันวงเงินกู้แล้วด้วย
มิวาร์แหงนคอมองตึกสูงเสียดฟ้าแห่งนี้ด้วยความหวังที่เหลือเพียงน้อยนิด หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความหนักอึ้งเมื่อคิดว่าจะต้องมาอ้อนวอนผู้จัดการธนาคารแห่งนี้เป็นแห่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ เธอรู้ดีว่า...หมดหวัง แต่เธอก็ยังคง...หวัง เธอไม่ใช่คนที่สิ้นหวังกับอะไรง่ายๆ เสียด้วย
ทว่า...สุดท้าย
“พวกคุณจะใจยักษ์ใจมารไปถึงไหน กะอีแค่เงินก้อนหนึ่งสำหรับช่วยชีวิตเด็กทารกคนหนึ่งพวกคุณก็ให้ไม่ได้ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าธนาคารที่มีลูกชายประธานาธิบดีเป็นเจ้าของจะไม่มีหลักมนุษยธรรมตราขึ้นมาเป็นกฎประจำธนาคาร ทั้งๆ ที่ฉันเห็นท่านผู้นำคอยแต่จะโอบอุ้มค้ำจุนคนยากไร้ขัดสนจนเป็นข่าวแทบทุกวัน” มิวาร์ตวาดลั่นด้วยความกราดเกรี้ยวเมื่อผู้จัดการธนาคารปฏิเสธการให้เงินกู้กับเธอด้วยน้ำเสียงมึนชา
ดูเหมือนเสียงของเธอจะดังทะลุบานกระจกที่กรุเป็นผนังของห้องทำงานเล็กๆ แห่งนี้ออกไป เพราะผู้คนที่มาติดต่อเรื่องเงินอยู่ด้านนอกต่างพากันเหลียวมองเข้ามาในห้องนี้กันเป็นทิวแถว
“ชีวิตของเด็กคนหนึ่งสำคัญน้อยกว่ากฎบ้าบอคอแตกของพวกคุณหรือไง ให้ตาย...ตอนเลือกตั้ง ฉันไม่น่าเลือกเฮลิออส ไททันเลยจริงๆ สิ”
เธอโวยวายด้วยเสียงดังลั่นจนน่ากลัวว่ากระจกจะร้าว
“ขอโทษนะครับ คุณผู้หญิง ผมจำเป็นต้องทำตามกฎบ้าบอคอแตกอย่างที่คุณด่าประณามนั่นแหละครับ เพราะถ้าเราเห็นแก่หลักมนุษยธรรม ธนาคารของเราคงเติบโตก้าวหน้ากว่าธนาคารอื่นไม่ได้ นี่เป็นนโยบายที่เด็ดขาดมากๆ ของท่านประธาน”
มิวาร์แค่นเสียงหัวเราะหยามหยัน
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เจ้าของธนาคารอย่างมิสเตอร์อีรอส ไททัน จะมีนิสัยแตกต่างจากพ่อของเขาสุดขั้วแบบนี้”
มิวาร์ไม่ได้ลืมไปหรอกว่าธนาคารเอเมอร์สันอยู่ภายใต้การบริหารของอีรอส ไททัน แต่เธอเพียงแค่หวังว่าการมาขอกู้เงินในครั้งนี้เรื่องจะไม่ไปถึงหูเขา และธนาคารของเขาน่าจะมีความยืดหยุ่นมากพอ
“เอ่อ ขอโทษนะครับ มิสเกรแฮม ท่านประธานยืนอยู่ข้างหลังคุณแล้วครับ”
มิวาร์สะดุ้งโหยงกับคำพูดต่อมาของผู้จัดการธนาคาร เธอค่อยๆเหลียวหลังไปมองผู้มาใหม่ซึ่งยืนสูงตระหง่านโดดเด่นเหนือใครอยู่ด้านหลังเธอเหมือนป้อมปราการหินผา
ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนรูปแกะสลักนั้นเฉยชาจนดูเป็นมึนตึง เธอพบว่าเขาอยู่ในชุดสูทสั่งตัดสีเทาที่พอดีตัวและส่งเสริมให้ช่วงไหล่กับบ่าของเขากว้างผึ่งผายน่าซบ และตอนนี้กำลังยืนกอดอกมองเธอด้วยนัยน์ตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มพลิ้วไหวเหมือนระลอกคลื่นในมหาสมุทร
มิวาร์สูดลมหายใจลึกเพื่อบรรเทาความหวั่นเกรงเพราะดูเหมือนเธอกำลังถูกชายตัวโตคุกคามยังไงชอบกล ทั้งๆ ที่ความจริงเธอมา ‘คุกคาม’ ถึงถิ่นของเขาต่างหาก
“ฉันต้องการกู้เงิน แต่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน” เธอบอกออกไปตรงๆ มีแววละอายเจือจางในน้ำเสียงกระนั้นก็ไม่ยอมหลบสายตาคมปลาบที่จ้องเขม็ง
“ไปคุยกันที่ห้องทำงานผมดีกว่า มิวาร์”
นั่นเป็นคำสั่ง!
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2563, 12:26:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ส.ค. 2563, 12:26:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 455
<< บทที่ 6 -100% + หนังสือวางจำหน่าย | บทที่ 7 -70% >> |