เหลี่ยมรักมัดใจ
ในความคิดเขา... เธอเป็นเด็กหัวรั้น ทำตามใจตัวเอง
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน
นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน
นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน 2
บ้านสวนหลังเล็กหลังนั้นซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่น้อย ตัวบ้านมีเนื้อที่เพียงหกสิบตารางวา แต่โดยรวมแล้ว หากนับสวนกล้วยไม้ด้านข้าง สวนผักขนาดเล็กด้านหลัง เรือนคนงาน และสระน้ำด้านหน้า เนื้อที่ทั้งหมดรอบบริเวณกว่าสามไร่
รถแท็กซี่สีขาวค่อยๆ เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าบ้านสวนแห่งนั้น ผู้โดยสารที่ก้าวลงจากรถนุ่งกางเกงยีนขาสั้น เผยให้เห็นท่อนขาเรียว เสื้อยืดคอกลมสีขาวเนื้อดี กับรองเท้าบูตครึ่งน่อง เธอหยิบกระเป๋าสะพายใบโตของตนเองออกจากรถ จ่ายเงิน และก้าวเร็วๆ ตรงไปยังตัวบ้าน
“คุณปู่นะคุณปู่ มาอยู่อะไรแถวนี้เนี่ย ไกลๆ ก็ไกล หาก็ยาก” แขกผู้มาใหม่บ่นพึมพำกับตัวเอง เธอหยุดนิดหนึ่งเมื่อชายหนุ่มร่างสันทัดเดินออกมาทำความเคารพ
“มาพบท่านหรือครับ”
คงเป็นคนใหม่ ไม่รู้จักว่าเธอเป็นใคร
“ฉันณิชา เป็นหลานของท่าน เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ “คุณปู่อยู่ไหน”
“น่าจะอยู่ที่สวนหลังบ้านครับ” คนตอบทำความเคารพผู้อ่อนวัยกว่าแต่มีศักดิ์เป็นถึงหลานของเจ้านาย ก่อนจะผายมือไปทางตัวบ้าน “คุณต้องผ่านเข้าไปแล้วออกประตูด้านหลัง”
“ขอบใจ” ณิชาไม่ถอดรองเท้าเพราะไม่เห็นความจำเป็น เธอเดินเข้าบ้านและตรงไปยังสถานที่ที่ต้องการทันที จากปลายสายตาเธอพบว่าบ้านหลังใหม่ของคุณปู่ตกแต่งด้วยวัสดุเรียบง่าย พื้นเป็นกระเบื้องหยาบสีน้ำตาลอ่อน ผนังห้องรับแขกเป็นสีเหลืองมะนาวสดใส ในขณะที่มีห้องครัวขนาดเล็กในตัวบ้านทาสีฟ้าสดใสเช่นเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำจากไม้ทาสีโทนเดียวกับสีห้อง หญิงสาวรู้สึกเหมือนเหยียบเข้ามาในบ้านของเจ้าของที่เป็นวัยรุ่นมากกว่าคุณปู่วัยหกสิบปลายๆ ของตนเอง
คุณปู่ของเธอเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง มีธุรกิจในความดูแลหลายประเภท ท่านประกาศตัวที่จะเกษียณตัวเองเมื่อไม่นานนี้ จากนั้นใช้เวลามาสร้างบ้านสวนชานเมืองกรุงเทพฯ แห่งนี้เงียบๆ ควบคุมดูแลทุกขั้นตอนด้วยตนเอง บ้านหลังนี้จึงถือได้ว่ามีขนาดเล็กและดูธรรมดาเหลือเกินเมื่อเทียบกับทรัพย์สินของท่านทั้งหมดที่มี
“คุณปู่คะ คุณปู่” หญิงสาวเดินผ่านห้องครัวมายังบริเวณสวนหลังบ้าน ซึ่งจัดเป็นสวนครัวแบบเรือนกระจก ด้านในมีตั้งแต่แปลงผัก พืชสวนครัว ดอกไม้พันธุ์แปลกตา (ซึ่งณิชาเดาเอาว่าคงเป็นประเภทหนึ่งของพืชสวนครัว) และพืชเถาพวกตำลึง ทุกอย่างถูกจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ ราวกับสวนในนิตยสาร
มีคนงานสองสามคนกำลังทำงานอยู่ไกลๆ หญิงสาวมองรอบตัวอีกครั้ง ก่อนจะตะโกน
“คุณปู่คะ...”
“ปู่อยู่นี่” ชายสูงอายุซึ่งใส่เสื้อเชิ้ตตาหมากรุกสีหม่นเก่า กับกางเกงยีนซีดๆ ยืดตัวขึ้นจากสวนครัวใกล้ๆ เดินตรงมาหาผู้มาใหม่
“อ๊ายย ใหม่คิดว่า...” หญิงสาวชะงักก่อนจะพูดความจริงออกมา
“คิดว่าปู่เป็นคนสวนล่ะสิ” คุณปฐมถอดหมวกสานออกจากศีรษะ “มาทำไม ไม่รู้รึว่าบ้านนี้ไม่รับแขก” น้ำเสียงคนพูดห้วนสั้น
“แต่…ใหม่ไม่ใช่แขกนี่คะ” ณิชาก้มหน้างุด รู้ว่าท่านยังโกรธ แต่ไม่คิดว่าจะดูโกรธมากแบบนี้
“ใครบอกว่าปู่อยู่ที่นี่ ไม่รู้รึว่าปู่ไม่ต้องการพบใคร!”
“พี่หนึ่งค่ะ” หลานสาวคนสุดท้องเฉลย แล้วรีบทำความเคารพผู้สูงวัยกว่า และได้รับการตอบกลับเพียงการมองนิ่งๆ เท่านั้น “ใหม่คิดถึงปู่ ก็เลยรบเร้าพี่หนึ่ง ปู่อย่าโกรธพี่นะคะ” หลานสาวทำท่าจะเข้ามากอด แต่ผู้สูงวัยกลับรีบเดินนำผ่านไปเสียก่อนด้วยสีหน้าเมินเฉย
“ถ้าใหม่คิดถึงปู่จริง คงไม่ทิ้งเวลาเกือบอาทิตย์ถึงเพิ่งมาหา” คนพูดเดินตรงไปที่ระเบียงบ้าน ซึ่งมีโต๊ะและม้านั่งรับลมตั้งอยู่ “คิดว่าปู่ไม่รู้รึไงว่ากลับมาเมื่อไหร่”
ณิชาเดินตามไปโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เธอไม่เห็นสีหน้าของคนพูด น้ำเสียงของปู่ก็เดาอารมณ์ได้ยากชะมัด แต่ที่แน่ๆ ท่านไม่ได้รู้สึกดีนักกับการกลับมาจากต่างประเทศของเธอ
ไม่เป็นไร เดี๋ยวปู่ก็จะให้อภัยหลานสาวคนนี้เอง...
หญิงสาวเป็นน้องสุดท้องของบ้านที่มีพี่ชายซึ่งอายุห่างจากน้องคนเล็กมาก ด้วยความที่เป็นเด็กหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้ท่านมักจะสนับสนุนทุกอย่างที่หลานคนนี้ขอร้อง ถ้ามันไม่ยากเกินความสามารถและเงินของท่านจะหามาให้ได้ นั่นทำให้การถูกปู่ทำมึนตึงใส่แบบนี้จึงเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก
พ่อแม่ของณิชาเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบินระหว่างเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ในขณะนั้นณิชายังเรียนอยู่มัธยม หลังจากพ่อและแม่จากไป เธอถูกส่งมาอยู่ในความดูแลของปู่เพราะพี่ชายเพิ่งสร้างครอบครัว
เมื่อปู่มีธุรกิจมากมาย ล้วนเป็นธุรกิจที่ต้องการการเอาใจใส่ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ณิชาจึงเหมือนถูกเลี้ยงแบบปล่อยๆ และตามใจ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ นั่นทำให้เธอกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ถือตัวเองเป็นใหญ่อย่างช่วยไม่ได้
“ใหม่อยากมาหาปู่ทันทีที่กลับมานะคะ แต่พี่หนึ่งบอกว่าปู่วางมือจากธุรกิจ อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากให้ใครกวน ใหม่ก็เลยคิดว่าให้จัดการเรื่องของเข้าที่พักกับเรื่องอะไรๆ ให้เรียบร้อยแล้วค่อยมากราบคุณปู่จะดีกว่า” หลานสาวเดินตามไปเกาะแขนปู่อย่างเอาใจ “แล้วนี่ปู่ไม่ร้อนหรือคะ ออกมากลางแจ้งแบบนี้ ไหนพี่หนึ่งบอกว่า...”
‘ระยะหลังสุขภาพของปู่ไม่ค่อยดีนัก อยากให้แกไปขอโทษท่านเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่หายเงียบไปเสียเฉยๆ’
“เจ้าหนึ่งมันคิดมาก คิดว่าปู่แก่เสียจนทำอะไรไม่ได้ เป็นอะไรนิดๆ หน่อยๆ ไม่ตายง่ายๆ หรอก ขนาดหลานหนีไปต่างประเทศไม่บอกสักคำปู่ยังไม่รู้สึกอะไร นับประสาอะไรกับเรื่องไม่สบายแค่นี้” น้ำเสียงคนพูดเข้มขึ้นตามแรงอารมณ์ ตัดสินใจไม่เล่าให้หลานสาวฟังถึงผลการตรวจล่าสุดที่เพิ่งได้รับจากแพทย์ประจำตัวเมื่อไม่นานมานี้
“ใหม่…ไม่ได้ตั้งใจค่ะ ตอนนั้นมัน…” หลานสาวอ้ำอึ้งน้ำตาคลอ เจ้าตัวรู้ว่าตัวเองผิด จึงอับจนหนทางที่จะอธิบายให้ท่านเข้าใจ
ผู้สูงวัยเกือบจะใช้มือลูบศีรษะหลานสาวอย่างเอ็นดู แต่ห้ามใจไว้ บอกตนเองว่ายังไม่อยากทำให้หลานรู้สึกว่าถูกให้อภัยในเรื่องที่ตนทำผิดไว้ง่ายๆ
อย่างน้อยเจ้าควรจะมีบทเรียนกับความดื้อรั้นของเจ้าเสียที ณิชา
“ร้อนจัง หิวน้ำด้วย ปู่จะไม่เลี้ยงน้ำเย็นๆ สักแก้วหรือคะ” หลานเปลี่ยนเรื่อง
“เดี๋ยวจะให้แม่บ้านเอาน้ำมาให้” คนพูดเรียกแม่บ้านจากด้านในตัวบ้าน แต่ยังไม่มีใครออกมา “วันนี้เห็นทำน้ำตะไคร้แช่เย็นไว้หลายขวด”
หลานสาวหน้าเบ้ “ขอเป็นน้ำอย่างอื่น เช่นน้ำส้มไม่ได้หรือคะ ใหม่ไม่...”
“เคยลองหรือยัง”
คนฟังส่ายหน้าผมกระจาย “ไม่เคย แต่ไม่อยากลอง”
“ถ้าอย่างนั้น ลองก่อนแล้วค่อยพูดว่าชอบหรือไม่ชอบ”
หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่าน้ำเสียงของคนพูดไม่ได้หมายความเฉพาะน้ำตะไคร้อย่างเดียว จึงรีบปิดปากเงียบไม่ต่อความอีก
“นั่งรอก่อน ปู่จะไปตามแม่บ้าน แล้วค่อยมาคุยกันว่าเรามีอะไรถึงได้มาหาปู่ถึงนี่” ชายสูงวัยเดินหายไปในครัว หลานสาวได้ยินเสียงสั่งงานแม่บ้านดังลั่น
น้ำสีเขียวจางๆ ถูกเสิร์ฟ พร้อมขนมไทยอบหน้าตาไม่คุ้นเคย รสชาติของเครื่องดื่มไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ณิชาลองมันอึกแรก แล้วก็ดื่มรวดเดียวครึ่งแก้วเมื่อเห็นว่าปู่ตั้งใจดูอยู่
“อร่อยค่ะ” หลานสาวยิ้มตาหยี อ้อนนิด อ้อนหน่อย เดี๋ยวปู่ก็ใจอ่อน
“ดีมาก รู้จักดื่มอะไรที่เป็นประโยชน์เสียบ้าง”
“ปู่ไม่เบื่อหรือคะ อยู่ที่นี่คนเดียว เงียบก็เงียบ ใหม่เห็นคนรับใช้ไม่กี่คน” หญิงสาวมองไปรอบกาย มีแต่ต้นไม้ ใบไม้ ลม และแสงแดด
เมื่อเทียบกับชีวิตอันรุ่งโรจน์มีชื่อเสียงว่าเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย ที่นี่มันเงียบเหงาชะมัด
“สบายดีเสียอีก ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับใคร ไม่ต้องสนใจด้วยว่าจะมีคนกลับมาจากเมืองนอกเมื่อไหร่ จะไปจะมา ไม่บอกปู่สักคำนะ”
หลานสาวหลบตาทันที คำว่า ‘ไม่บอกปู่สักคำ’ และน้ำเสียงหมางเมินของท่านกินความหมายมากกว่าคำพูดลอยๆ
“ใหม่ขอโทษค่ะ” ณิชาเข้าใจดีกว่าปู่หมายถึงอะไร การหายตัวไปเมืองนอกของเธอหลังจากแต่งงานไม่กี่ชั่วโมงคงเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ง่ายๆ นัก
หญิงสาวขยับเก้าอี้ให้พ้นทาง ทรุดตัวคุกเข่าลงข้างเก้าอี้ของผู้เป็นญาติผู้ใหญ่ใกล้ชิดคนเดียวที่เหลืออยู่หลังจากพ่อและแม่เสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน พนมมือกราบกับตักของท่านแล้วกอดเอวเอาศีรษะซุกลงบนตักอย่างเอาใจ
แปลก ปู่ไม่ยักจะกอดตอบเธอแรงๆ อย่างที่เคยทำ...
“ปู่ยกโทษใหม่นะคะ ตอนนั้นใหม่ทำไปเพราะความโกรธ แล้วก็ยังเด็กมากจริงๆ”
“แปลว่าตอนนี้ใหม่โตขึ้น พร้อมจะรับผิดชอบครอบครัวของใหม่แล้วใช่ไหม”
หญิงสาวย่นจมูก แน่ใจว่าปู่จะไม่เห็นอาการของเธอแน่ๆ “ใช่ค่ะ” คนพูดค่อยช้อนสายตาขึ้นมองปู่อย่างประจบ
ผู้เป็นปู่ยิ้มรับแต่ดวงตาไม่ยิ้มด้วย “จริงหรือ”
“จริงสิคะ ตอนนี้ใหม่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตของตัวเองแล้ว หากปู่จะให้โอกาสใหม่สักครั้ง นะคะ”
“หมายความว่ายังไง”
หญิงสาวแกล้งถอนหายใจ ก่อนจะตอบด้วยประโยคที่ท่องมาขึ้นใจ “ไปเมืองนอก ใหม่ไม่ได้เกเรนะคะ ไปเรียนเต้นรำอย่างที่ฝันไว้ ตนนี้จบและสามารถทำงานเลี้ยงตัวเองได้แล้ว กลับมาเพราะอยากขอทุนสำหรับเริ่มต้นชีวิตใหม่สักสิบล้านค่ะ”
หลานสาวเห็นสีหน้าแปลกใจของผู้เป็นปู่วูบหนึ่ง “เอาไปทำอะไร”
เงินจำนวนนั้นมีมูลค่าไม่มากนักสำหรับคนถาม แต่ความโกรธที่จู่ๆ หลานสาวเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งๆ ที่เพิ่งพบกันทำให้แทบระงับอารมณ์ทำสีหน้าให้เป็นปกติไม่ได้
“ใหม่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองค่ะ” คนพูดทำตาฝันๆ “อยากเปิดสตูดิโอสอนเต้นที่ได้มาตรฐานในกรุงเทพฯ สักแห่ง แล้วถ้าธุรกิจไปด้วยดีก็ค่อยขยายกิจการไปจังหวัดใหญ่ๆ อย่างเชียงใหม่หรือภูเก็ต”
“เจ้าแน่ใจนะ แล้วพิชญ์ล่ะว่ายังไง ไปพบเขาแล้วหรือยัง” ถามย้ำถึงอีกคนที่ได้รับผลกระทบจากการหายไปจากเมืองไทยของณิชาไม่น้อย
ณิชายิ้ม มันเป็นยิ้มด้วยความสมใจ เพราะเจ้าตัวรอให้ปู่เอ่ยประโยคนี้ออกมา...
“เขาจะว่ายังไงล่ะคะ” คนพูดจงใจทำเสียงเหนื่อยอ่อน “เขาก็คงดีใจและพร้อมที่จะหย่ากับใหม่” ทั้งๆ ที่น้ำเสียงคนพูดเหมือนจะเสียใจ แต่แววตาของคนพูดกับมีร่องรอยของความดีใจฉายชัดจนเจ้าตัวเกือบปิดไม่มิด “กลับจากเมืองนอกใหม่ๆ ใหม่ตั้งใจไปหาเขาก่อนเลย แต่เขาก็ทำมึนตึงใส่ ตอนแรกก็คิดว่าคงยังโกรธอยู่ แต่ที่ไหนได้ คุณปู่รู้ไหมคะ เขามีแฟนใหม่เป็นตัวเป็นตน ทำหวานอวดใหม่ให้ช้ำใจจนกลับมาเกือบไม่ทันแน่ะ ปู่ไม่เชื่อก็โทรไปหาเขาเลยสิคะ ดูซิว่าเขาจะยังมีหน้ากล้ารับโทรศัพท์ของปู่อีกหรือเปล่า”
คนพูดใส่ไฟอย่างสนุกปาก
ไชโย้...การไปได้พบ ดร.พิชญ์ และแฟนคนใหม่ของเขาทำให้แผนการกลับมาเมืองไทยของเธอง่ายกว่าที่คิด จากที่ตั้งใจจะมาตกลงกับสามีเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานให้เป็นที่เรียบร้อยเพื่อให้คุณปู่ให้อภัยกับความผิดทั้งหมดที่ตัวเองทำไป
พอรู้ว่าเขามีคนใหม่แบบนี้เธอก็สามารถอ้างกับปู่ และบอกได้เต็มปากว่าจะหย่า ในที่สุดเขาก็จะเป็นฝ่ายผิด ไม่ใช่เธอ...เสร็จฉันล่ะ นายดอกเตอร์ขี้เก๊ก
ชายสูงวัยนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ หากหลานสาวของเขายังดูเป็นเด็กเอาแต่ใจ อยากทำอะไร อยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้ ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นอย่างที่เจ้าตัวคิดสักนิด ไม่รู้หรือไงว่าการทำธุรกิจจริงๆ น่ะมันยากมากขนาดไหน ที่เปลี่ยนก็คงเปลี่ยนจากณิชาคนเดิมที่เอาแต่เที่ยวเตร่ใช้เงินไปวันๆ เป็นเด็กที่คิดการใหญ่จะมีธุรกิจของตัวเองเท่านั้น
“ใหม่มีแฟน หรือคนรักคนใหม่หรือเปล่า”
หลานสาวส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิด ผมที่ยาวประบ่าและดัดหยิกเป็นลอนใหญ่ตรงปลายกระจาย อยู่ต่างประเทศมีหนุ่มๆ มาจีบเธอหลายราย แต่สุดท้ายหญิงสาวมัวแต่สนุกอยู่กับการเรียน ปาร์ตี้ และเพื่อนๆ ในชั้นเรียนที่เป็นเกย์เสียร้อยละเก้าสิบเก้า จึงยังไม่มีใครเป็นตัวตนจริงจัง
“ใหม่เพียงแต่อยากจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง ทำงานที่ตัวเองเรียนมา ไม่ใช่มาเป็นแม่บ้านให้อาจารย์น่าเบื่อๆ คนหนึ่ง” คนพูดซบศีรษะกับตักของคุณปู่อย่างเอาใจ
ผู้เป็นปู่เบือนหน้าออกมองไปยังสวนสวยที่ตนเองใช้เวลาสร้างสรรค์มาหลายปี ก่อนการปลูกบ้านหลังนี้เสียอีก นึกเสียใจว่าเขาเกษียณตัวเองช้าไปนิด ถ้าเร็วกว่านี้จะได้มีเวลามาฟูมฟัก ใส่ใจหลานคนนี้มากพอ อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์หลายๆ อย่างขึ้น รวมถึงการที่หลานหนีไปต่างประเทศ และอาจจะต้องหย่าแบบนี้
“สรุปว่า เจ้าอยากหย่า ก่อนที่เขาจะขอหย่าเจ้าเสียเองงั้นสิ”
“ค่ะ” คนที่นั่งอยู่ตอบรับเสียงใส คิดในใจว่าปู่เข้าใจอะไรง่ายดีจัง แผนที่พี่อัญชลีช่วยเธอคิดมันสำเร็จง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ
ผู้สูงวัยถอนหายใจหนักหน่วง “ก็ดีแล้วละ เป็นลูกผู้หญิงถูกผู้ชายขอหย่ามันก็ดูยังไงก็ไม่รู้นะ ตระกูลของเราไม่เคยมีเรื่องพวกนี้ ทั้งเจ้าหนึ่งแต่งงานไปแล้วก็อยู่กันยั่งยืน จะมีข่าวสมัยเจ้านี่แหละ” คนพูดดึงให้หลานสาวกลับไปนั่งที่เดิม
“พิชญ์คงโกรธมากที่ใหม่หายตัวไปเสียเฉยๆ หลังแต่งงานแบบนั้น ผู้ชายคนไหนๆ ก็ต้องโกรธ เขาตามหาใหม่ให้ควั่กอยู่เป็นอาทิตย์ เพราะคิดว่าอาจเกิดเรื่องร้ายแรง จนใหม่ติดต่อกลับมาแล้วบอกว่าอยู่ต่างประเทศนั่นแหละเขาจึงได้เลิกตาม แล้วมันก็ปีกว่ามาแล้ว พิชญ์คงไม่อยากอยู่ในสภาพนี้หรอก”
ยังจะเห็นใจเขาอีก ใหม่สิคะเดือดร้อน ปู่ต้องเข้าข้างใหม่สิคะ นายนั่นเป็นใคร ทำไมปู่ถึงได้ดูรักเขามากขนาดนั้นนะ แล้วใหม่ล่ะ...เธอเป็นหลานสาวของคุณปู่นะ
“คุณปู่ไม่ว่านะคะที่ใหม่จะเปิดสตูดิโอสอนเต้น...” หลานสาวรีบดึงความสนใจของผู้สูงวัยเข้าสู่เรื่องของตนเองทันที
พี่อัญบอกว่าให้ใจเย็นๆ แต่เธอไม่อยากรอแล้วนี่นา อยากตกลงกับปู่ให้เรียบร้อย จะได้รู้กันไปเลย
“เจ้าจะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า” น้ำเสียงของผู้สูงวัยบอกได้ว่าระดับความสำคัญของเรื่องที่หลานสาวพูดแทบจะไม่มีเลย สำหรับคนที่เป็นที่รักของปู่แทบไม่เคยเห็นท่านอารมณ์เสียใส่จึงสะดุ้งไปเล็กน้อย
“ปู่เบื่อที่จะคอยห้ามปรามเจ้าแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ แต่...อย่าหวังว่าปู่จะสนับสนุนอะไรเจ้าอีกนะ พอกันที นับแต่เจ้าจากเมืองไทยไปเมื่อปีก่อน ปู่ก็ได้คิดว่าต่อไปนี้ เจ้าจะต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ยืนอยู่ด้วยขาของตนเองเสียที”
ณิชาเม้มปากเมื่อรู้สึกว่าปู่ลดระดับความรักของท่านที่มีต่อเธอลงไปกว่าที่คาดไว้มาก
“ปู่ไม่เคยขัดใจเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ต่อไปนี้ก็จะไม่ขัดใจอีก แต่จะไม่สนับสนุนเจ้าแล้ว...ทุกเรื่อง”
น้ำเสียงของผู้สูงวัยทำให้หญิงสาวร่างเล็กนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่
“คนอย่างเจ้าไม่เหมาะกับพิชญ์หรอก ปู่ผิดเองที่ไปบังคับให้เจ้าสองคนแต่งงานกัน”
“แต่...คุณปู่คะ ดอกเตอร์พิชญ์เป็นคนผิดนะคะ เขามีคนใหม่...ใหม่ไม่ผิด” คนพูดขึ้นเสียงสูงแบบลืมความผิดของตนเองที่ทำไว้จนหมดสิ้น คิดง่ายๆ เพียงว่ายังไงๆ ปู่ที่เคยรักตัวเองยิ่งกว่าใครจะไม่มีทางเห็นคนอื่นดีกว่าตนเองแน่ๆ
ดร.พิชญ์เป็นหนึ่งในนักเรียนทุนที่ปู่ส่งเสียจนได้ดี ท่านภูมิใจกับเขามากจนเอาเรื่องของเขามาเล่าให้หลานๆ ฟังอย่างสม่ำเสมอ ณิชาเองถึงไม่เคยพบเขา แต่ก็แทบจะรู้เรื่องราวในชีวิตของผู้ชายคนนั้นผ่านปู่ตลอดเวลา
ประวัติชีวิตด้านการเรียนของณิชาเป็นอีกด้านหนึ่งที่ตรงข้ามกันเมื่อเทียบกับชายหนุ่มคนนั้น เธอจบมหาวิทยาลัยได้อย่างทุลักทุเลและเกรดต่ำติดดิน วันสุดท้ายของการเรียนก็ไปฉลองกับเพื่อนจนดึก และเป็นคนขับรถผิดทางทำให้เกิดอุบัติเหตุ รถพลิกคว่ำ เพื่อนบาดเจ็บสาหัส รถคู่กรณีพังยับ จนเป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ
หลังจากมั่นใจว่าเพื่อนปลอดภัยดีเธอขอไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อหนีข่าว และทำตามฝันที่อยากเรียนด้านเต้นรำมานานแล้ว แต่ปู่ไม่อนุญาต กลับยื่นคำขาดให้แต่งงานกับพิชญ์ เพราะอยากให้หลานสาวมีคนดูแล และทำตัวเป็นผู้ใหญ่เสียที ไม่ใช่เอาแต่เที่ยวและเล่นสนุกไปวันๆ
ณิชาคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระมากที่ถูกจับคลุมถุงชน ปู่ของเธอเป็นคนหัวสมัยใหม่ในหลายเรื่อง แต่เรื่องครอบครัวท่านมักมีความคิดว่าผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมาก่อนจะมองอะไรได้ไกลกว่า คราวของพี่ชายท่านก็เป็นตัวตั้งตัวตีหาคู่ให้มาครั้งหนึ่งแล้ว
หญิงสาวอยากค้าน อยากปฏิเสธ แต่เพราะความผิดของตนเองยังสดใหม่อยู่จึงไม่กล้า เธอไม่เคยเห็นปู่โกรธมากมายขนาดนี้มาก่อน จึงไม่กล้าเสียง ไหนจะเรื่องเรียนที่กว่าจะจบได้ก็ฉิวเฉียดเต็มที ไหนจะคดีความเรื่องอุบัติเหตุที่ปู่ต้องจ่ายค่าเสียหายหลายล้านและวิ่งเต้นอยู่นาน จึงจำใจยอมแต่งงานแต่โดยดีและวางแผนซ้อนแผนไว้ด้วยการหนีไปต่างประเทศหลังแต่งงาน
“ยังจะกล้าพูดแบบนี้อีกหรือ” น้ำเสียงคนพูดแผ่วเบาลง แต่อีกฝ่ายไม่ได้สังเกต “ไม่คิดบ้างหรือว่า ตัวเองอาจเป็นต้นเหตุให้พิชญ์เป็นแบบนั้นก็ได้ ไม่พอใจอะไร ไม่อยากทำอะไรทำไมไม่พาบอกเขาดีๆ ไม่ใช่หนีไปแบบนี้”
“ปู่ใจร้าย ทำไมไม่เข้าใจใหม่บ้างเลย รู้อย่างนี้ใหม่ไม่กลับมาก็ดีหรอก” หลานสาวเอ่ยด้วยแรงอารมณ์ ลืมตัวไปสนิทว่าตนเองต้องการมาง้อคืนดีเพื่อขอเงินทุนทำธุรกิจ ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรอีกชายสูงวัยตรงหน้าจับที่หน้าอกตัวเอง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้หลับตาเหมือนหมดแรง
“ปู่…ปู่คะ เป็นอะไรไป”
“ตามเจ้าหนึ่ง ตามหมอด่วน…” คนพูดเอ่ยได้เพียงเสียงแผ่วเบาๆ ปนหอบ
รถแท็กซี่สีขาวค่อยๆ เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าบ้านสวนแห่งนั้น ผู้โดยสารที่ก้าวลงจากรถนุ่งกางเกงยีนขาสั้น เผยให้เห็นท่อนขาเรียว เสื้อยืดคอกลมสีขาวเนื้อดี กับรองเท้าบูตครึ่งน่อง เธอหยิบกระเป๋าสะพายใบโตของตนเองออกจากรถ จ่ายเงิน และก้าวเร็วๆ ตรงไปยังตัวบ้าน
“คุณปู่นะคุณปู่ มาอยู่อะไรแถวนี้เนี่ย ไกลๆ ก็ไกล หาก็ยาก” แขกผู้มาใหม่บ่นพึมพำกับตัวเอง เธอหยุดนิดหนึ่งเมื่อชายหนุ่มร่างสันทัดเดินออกมาทำความเคารพ
“มาพบท่านหรือครับ”
คงเป็นคนใหม่ ไม่รู้จักว่าเธอเป็นใคร
“ฉันณิชา เป็นหลานของท่าน เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ “คุณปู่อยู่ไหน”
“น่าจะอยู่ที่สวนหลังบ้านครับ” คนตอบทำความเคารพผู้อ่อนวัยกว่าแต่มีศักดิ์เป็นถึงหลานของเจ้านาย ก่อนจะผายมือไปทางตัวบ้าน “คุณต้องผ่านเข้าไปแล้วออกประตูด้านหลัง”
“ขอบใจ” ณิชาไม่ถอดรองเท้าเพราะไม่เห็นความจำเป็น เธอเดินเข้าบ้านและตรงไปยังสถานที่ที่ต้องการทันที จากปลายสายตาเธอพบว่าบ้านหลังใหม่ของคุณปู่ตกแต่งด้วยวัสดุเรียบง่าย พื้นเป็นกระเบื้องหยาบสีน้ำตาลอ่อน ผนังห้องรับแขกเป็นสีเหลืองมะนาวสดใส ในขณะที่มีห้องครัวขนาดเล็กในตัวบ้านทาสีฟ้าสดใสเช่นเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำจากไม้ทาสีโทนเดียวกับสีห้อง หญิงสาวรู้สึกเหมือนเหยียบเข้ามาในบ้านของเจ้าของที่เป็นวัยรุ่นมากกว่าคุณปู่วัยหกสิบปลายๆ ของตนเอง
คุณปู่ของเธอเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง มีธุรกิจในความดูแลหลายประเภท ท่านประกาศตัวที่จะเกษียณตัวเองเมื่อไม่นานนี้ จากนั้นใช้เวลามาสร้างบ้านสวนชานเมืองกรุงเทพฯ แห่งนี้เงียบๆ ควบคุมดูแลทุกขั้นตอนด้วยตนเอง บ้านหลังนี้จึงถือได้ว่ามีขนาดเล็กและดูธรรมดาเหลือเกินเมื่อเทียบกับทรัพย์สินของท่านทั้งหมดที่มี
“คุณปู่คะ คุณปู่” หญิงสาวเดินผ่านห้องครัวมายังบริเวณสวนหลังบ้าน ซึ่งจัดเป็นสวนครัวแบบเรือนกระจก ด้านในมีตั้งแต่แปลงผัก พืชสวนครัว ดอกไม้พันธุ์แปลกตา (ซึ่งณิชาเดาเอาว่าคงเป็นประเภทหนึ่งของพืชสวนครัว) และพืชเถาพวกตำลึง ทุกอย่างถูกจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ ราวกับสวนในนิตยสาร
มีคนงานสองสามคนกำลังทำงานอยู่ไกลๆ หญิงสาวมองรอบตัวอีกครั้ง ก่อนจะตะโกน
“คุณปู่คะ...”
“ปู่อยู่นี่” ชายสูงอายุซึ่งใส่เสื้อเชิ้ตตาหมากรุกสีหม่นเก่า กับกางเกงยีนซีดๆ ยืดตัวขึ้นจากสวนครัวใกล้ๆ เดินตรงมาหาผู้มาใหม่
“อ๊ายย ใหม่คิดว่า...” หญิงสาวชะงักก่อนจะพูดความจริงออกมา
“คิดว่าปู่เป็นคนสวนล่ะสิ” คุณปฐมถอดหมวกสานออกจากศีรษะ “มาทำไม ไม่รู้รึว่าบ้านนี้ไม่รับแขก” น้ำเสียงคนพูดห้วนสั้น
“แต่…ใหม่ไม่ใช่แขกนี่คะ” ณิชาก้มหน้างุด รู้ว่าท่านยังโกรธ แต่ไม่คิดว่าจะดูโกรธมากแบบนี้
“ใครบอกว่าปู่อยู่ที่นี่ ไม่รู้รึว่าปู่ไม่ต้องการพบใคร!”
“พี่หนึ่งค่ะ” หลานสาวคนสุดท้องเฉลย แล้วรีบทำความเคารพผู้สูงวัยกว่า และได้รับการตอบกลับเพียงการมองนิ่งๆ เท่านั้น “ใหม่คิดถึงปู่ ก็เลยรบเร้าพี่หนึ่ง ปู่อย่าโกรธพี่นะคะ” หลานสาวทำท่าจะเข้ามากอด แต่ผู้สูงวัยกลับรีบเดินนำผ่านไปเสียก่อนด้วยสีหน้าเมินเฉย
“ถ้าใหม่คิดถึงปู่จริง คงไม่ทิ้งเวลาเกือบอาทิตย์ถึงเพิ่งมาหา” คนพูดเดินตรงไปที่ระเบียงบ้าน ซึ่งมีโต๊ะและม้านั่งรับลมตั้งอยู่ “คิดว่าปู่ไม่รู้รึไงว่ากลับมาเมื่อไหร่”
ณิชาเดินตามไปโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เธอไม่เห็นสีหน้าของคนพูด น้ำเสียงของปู่ก็เดาอารมณ์ได้ยากชะมัด แต่ที่แน่ๆ ท่านไม่ได้รู้สึกดีนักกับการกลับมาจากต่างประเทศของเธอ
ไม่เป็นไร เดี๋ยวปู่ก็จะให้อภัยหลานสาวคนนี้เอง...
หญิงสาวเป็นน้องสุดท้องของบ้านที่มีพี่ชายซึ่งอายุห่างจากน้องคนเล็กมาก ด้วยความที่เป็นเด็กหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้ท่านมักจะสนับสนุนทุกอย่างที่หลานคนนี้ขอร้อง ถ้ามันไม่ยากเกินความสามารถและเงินของท่านจะหามาให้ได้ นั่นทำให้การถูกปู่ทำมึนตึงใส่แบบนี้จึงเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก
พ่อแม่ของณิชาเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบินระหว่างเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ในขณะนั้นณิชายังเรียนอยู่มัธยม หลังจากพ่อและแม่จากไป เธอถูกส่งมาอยู่ในความดูแลของปู่เพราะพี่ชายเพิ่งสร้างครอบครัว
เมื่อปู่มีธุรกิจมากมาย ล้วนเป็นธุรกิจที่ต้องการการเอาใจใส่ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ณิชาจึงเหมือนถูกเลี้ยงแบบปล่อยๆ และตามใจ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ นั่นทำให้เธอกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ถือตัวเองเป็นใหญ่อย่างช่วยไม่ได้
“ใหม่อยากมาหาปู่ทันทีที่กลับมานะคะ แต่พี่หนึ่งบอกว่าปู่วางมือจากธุรกิจ อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากให้ใครกวน ใหม่ก็เลยคิดว่าให้จัดการเรื่องของเข้าที่พักกับเรื่องอะไรๆ ให้เรียบร้อยแล้วค่อยมากราบคุณปู่จะดีกว่า” หลานสาวเดินตามไปเกาะแขนปู่อย่างเอาใจ “แล้วนี่ปู่ไม่ร้อนหรือคะ ออกมากลางแจ้งแบบนี้ ไหนพี่หนึ่งบอกว่า...”
‘ระยะหลังสุขภาพของปู่ไม่ค่อยดีนัก อยากให้แกไปขอโทษท่านเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่หายเงียบไปเสียเฉยๆ’
“เจ้าหนึ่งมันคิดมาก คิดว่าปู่แก่เสียจนทำอะไรไม่ได้ เป็นอะไรนิดๆ หน่อยๆ ไม่ตายง่ายๆ หรอก ขนาดหลานหนีไปต่างประเทศไม่บอกสักคำปู่ยังไม่รู้สึกอะไร นับประสาอะไรกับเรื่องไม่สบายแค่นี้” น้ำเสียงคนพูดเข้มขึ้นตามแรงอารมณ์ ตัดสินใจไม่เล่าให้หลานสาวฟังถึงผลการตรวจล่าสุดที่เพิ่งได้รับจากแพทย์ประจำตัวเมื่อไม่นานมานี้
“ใหม่…ไม่ได้ตั้งใจค่ะ ตอนนั้นมัน…” หลานสาวอ้ำอึ้งน้ำตาคลอ เจ้าตัวรู้ว่าตัวเองผิด จึงอับจนหนทางที่จะอธิบายให้ท่านเข้าใจ
ผู้สูงวัยเกือบจะใช้มือลูบศีรษะหลานสาวอย่างเอ็นดู แต่ห้ามใจไว้ บอกตนเองว่ายังไม่อยากทำให้หลานรู้สึกว่าถูกให้อภัยในเรื่องที่ตนทำผิดไว้ง่ายๆ
อย่างน้อยเจ้าควรจะมีบทเรียนกับความดื้อรั้นของเจ้าเสียที ณิชา
“ร้อนจัง หิวน้ำด้วย ปู่จะไม่เลี้ยงน้ำเย็นๆ สักแก้วหรือคะ” หลานเปลี่ยนเรื่อง
“เดี๋ยวจะให้แม่บ้านเอาน้ำมาให้” คนพูดเรียกแม่บ้านจากด้านในตัวบ้าน แต่ยังไม่มีใครออกมา “วันนี้เห็นทำน้ำตะไคร้แช่เย็นไว้หลายขวด”
หลานสาวหน้าเบ้ “ขอเป็นน้ำอย่างอื่น เช่นน้ำส้มไม่ได้หรือคะ ใหม่ไม่...”
“เคยลองหรือยัง”
คนฟังส่ายหน้าผมกระจาย “ไม่เคย แต่ไม่อยากลอง”
“ถ้าอย่างนั้น ลองก่อนแล้วค่อยพูดว่าชอบหรือไม่ชอบ”
หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่าน้ำเสียงของคนพูดไม่ได้หมายความเฉพาะน้ำตะไคร้อย่างเดียว จึงรีบปิดปากเงียบไม่ต่อความอีก
“นั่งรอก่อน ปู่จะไปตามแม่บ้าน แล้วค่อยมาคุยกันว่าเรามีอะไรถึงได้มาหาปู่ถึงนี่” ชายสูงวัยเดินหายไปในครัว หลานสาวได้ยินเสียงสั่งงานแม่บ้านดังลั่น
น้ำสีเขียวจางๆ ถูกเสิร์ฟ พร้อมขนมไทยอบหน้าตาไม่คุ้นเคย รสชาติของเครื่องดื่มไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ณิชาลองมันอึกแรก แล้วก็ดื่มรวดเดียวครึ่งแก้วเมื่อเห็นว่าปู่ตั้งใจดูอยู่
“อร่อยค่ะ” หลานสาวยิ้มตาหยี อ้อนนิด อ้อนหน่อย เดี๋ยวปู่ก็ใจอ่อน
“ดีมาก รู้จักดื่มอะไรที่เป็นประโยชน์เสียบ้าง”
“ปู่ไม่เบื่อหรือคะ อยู่ที่นี่คนเดียว เงียบก็เงียบ ใหม่เห็นคนรับใช้ไม่กี่คน” หญิงสาวมองไปรอบกาย มีแต่ต้นไม้ ใบไม้ ลม และแสงแดด
เมื่อเทียบกับชีวิตอันรุ่งโรจน์มีชื่อเสียงว่าเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย ที่นี่มันเงียบเหงาชะมัด
“สบายดีเสียอีก ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับใคร ไม่ต้องสนใจด้วยว่าจะมีคนกลับมาจากเมืองนอกเมื่อไหร่ จะไปจะมา ไม่บอกปู่สักคำนะ”
หลานสาวหลบตาทันที คำว่า ‘ไม่บอกปู่สักคำ’ และน้ำเสียงหมางเมินของท่านกินความหมายมากกว่าคำพูดลอยๆ
“ใหม่ขอโทษค่ะ” ณิชาเข้าใจดีกว่าปู่หมายถึงอะไร การหายตัวไปเมืองนอกของเธอหลังจากแต่งงานไม่กี่ชั่วโมงคงเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ง่ายๆ นัก
หญิงสาวขยับเก้าอี้ให้พ้นทาง ทรุดตัวคุกเข่าลงข้างเก้าอี้ของผู้เป็นญาติผู้ใหญ่ใกล้ชิดคนเดียวที่เหลืออยู่หลังจากพ่อและแม่เสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน พนมมือกราบกับตักของท่านแล้วกอดเอวเอาศีรษะซุกลงบนตักอย่างเอาใจ
แปลก ปู่ไม่ยักจะกอดตอบเธอแรงๆ อย่างที่เคยทำ...
“ปู่ยกโทษใหม่นะคะ ตอนนั้นใหม่ทำไปเพราะความโกรธ แล้วก็ยังเด็กมากจริงๆ”
“แปลว่าตอนนี้ใหม่โตขึ้น พร้อมจะรับผิดชอบครอบครัวของใหม่แล้วใช่ไหม”
หญิงสาวย่นจมูก แน่ใจว่าปู่จะไม่เห็นอาการของเธอแน่ๆ “ใช่ค่ะ” คนพูดค่อยช้อนสายตาขึ้นมองปู่อย่างประจบ
ผู้เป็นปู่ยิ้มรับแต่ดวงตาไม่ยิ้มด้วย “จริงหรือ”
“จริงสิคะ ตอนนี้ใหม่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตของตัวเองแล้ว หากปู่จะให้โอกาสใหม่สักครั้ง นะคะ”
“หมายความว่ายังไง”
หญิงสาวแกล้งถอนหายใจ ก่อนจะตอบด้วยประโยคที่ท่องมาขึ้นใจ “ไปเมืองนอก ใหม่ไม่ได้เกเรนะคะ ไปเรียนเต้นรำอย่างที่ฝันไว้ ตนนี้จบและสามารถทำงานเลี้ยงตัวเองได้แล้ว กลับมาเพราะอยากขอทุนสำหรับเริ่มต้นชีวิตใหม่สักสิบล้านค่ะ”
หลานสาวเห็นสีหน้าแปลกใจของผู้เป็นปู่วูบหนึ่ง “เอาไปทำอะไร”
เงินจำนวนนั้นมีมูลค่าไม่มากนักสำหรับคนถาม แต่ความโกรธที่จู่ๆ หลานสาวเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งๆ ที่เพิ่งพบกันทำให้แทบระงับอารมณ์ทำสีหน้าให้เป็นปกติไม่ได้
“ใหม่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองค่ะ” คนพูดทำตาฝันๆ “อยากเปิดสตูดิโอสอนเต้นที่ได้มาตรฐานในกรุงเทพฯ สักแห่ง แล้วถ้าธุรกิจไปด้วยดีก็ค่อยขยายกิจการไปจังหวัดใหญ่ๆ อย่างเชียงใหม่หรือภูเก็ต”
“เจ้าแน่ใจนะ แล้วพิชญ์ล่ะว่ายังไง ไปพบเขาแล้วหรือยัง” ถามย้ำถึงอีกคนที่ได้รับผลกระทบจากการหายไปจากเมืองไทยของณิชาไม่น้อย
ณิชายิ้ม มันเป็นยิ้มด้วยความสมใจ เพราะเจ้าตัวรอให้ปู่เอ่ยประโยคนี้ออกมา...
“เขาจะว่ายังไงล่ะคะ” คนพูดจงใจทำเสียงเหนื่อยอ่อน “เขาก็คงดีใจและพร้อมที่จะหย่ากับใหม่” ทั้งๆ ที่น้ำเสียงคนพูดเหมือนจะเสียใจ แต่แววตาของคนพูดกับมีร่องรอยของความดีใจฉายชัดจนเจ้าตัวเกือบปิดไม่มิด “กลับจากเมืองนอกใหม่ๆ ใหม่ตั้งใจไปหาเขาก่อนเลย แต่เขาก็ทำมึนตึงใส่ ตอนแรกก็คิดว่าคงยังโกรธอยู่ แต่ที่ไหนได้ คุณปู่รู้ไหมคะ เขามีแฟนใหม่เป็นตัวเป็นตน ทำหวานอวดใหม่ให้ช้ำใจจนกลับมาเกือบไม่ทันแน่ะ ปู่ไม่เชื่อก็โทรไปหาเขาเลยสิคะ ดูซิว่าเขาจะยังมีหน้ากล้ารับโทรศัพท์ของปู่อีกหรือเปล่า”
คนพูดใส่ไฟอย่างสนุกปาก
ไชโย้...การไปได้พบ ดร.พิชญ์ และแฟนคนใหม่ของเขาทำให้แผนการกลับมาเมืองไทยของเธอง่ายกว่าที่คิด จากที่ตั้งใจจะมาตกลงกับสามีเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานให้เป็นที่เรียบร้อยเพื่อให้คุณปู่ให้อภัยกับความผิดทั้งหมดที่ตัวเองทำไป
พอรู้ว่าเขามีคนใหม่แบบนี้เธอก็สามารถอ้างกับปู่ และบอกได้เต็มปากว่าจะหย่า ในที่สุดเขาก็จะเป็นฝ่ายผิด ไม่ใช่เธอ...เสร็จฉันล่ะ นายดอกเตอร์ขี้เก๊ก
ชายสูงวัยนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ หากหลานสาวของเขายังดูเป็นเด็กเอาแต่ใจ อยากทำอะไร อยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้ ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นอย่างที่เจ้าตัวคิดสักนิด ไม่รู้หรือไงว่าการทำธุรกิจจริงๆ น่ะมันยากมากขนาดไหน ที่เปลี่ยนก็คงเปลี่ยนจากณิชาคนเดิมที่เอาแต่เที่ยวเตร่ใช้เงินไปวันๆ เป็นเด็กที่คิดการใหญ่จะมีธุรกิจของตัวเองเท่านั้น
“ใหม่มีแฟน หรือคนรักคนใหม่หรือเปล่า”
หลานสาวส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิด ผมที่ยาวประบ่าและดัดหยิกเป็นลอนใหญ่ตรงปลายกระจาย อยู่ต่างประเทศมีหนุ่มๆ มาจีบเธอหลายราย แต่สุดท้ายหญิงสาวมัวแต่สนุกอยู่กับการเรียน ปาร์ตี้ และเพื่อนๆ ในชั้นเรียนที่เป็นเกย์เสียร้อยละเก้าสิบเก้า จึงยังไม่มีใครเป็นตัวตนจริงจัง
“ใหม่เพียงแต่อยากจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง ทำงานที่ตัวเองเรียนมา ไม่ใช่มาเป็นแม่บ้านให้อาจารย์น่าเบื่อๆ คนหนึ่ง” คนพูดซบศีรษะกับตักของคุณปู่อย่างเอาใจ
ผู้เป็นปู่เบือนหน้าออกมองไปยังสวนสวยที่ตนเองใช้เวลาสร้างสรรค์มาหลายปี ก่อนการปลูกบ้านหลังนี้เสียอีก นึกเสียใจว่าเขาเกษียณตัวเองช้าไปนิด ถ้าเร็วกว่านี้จะได้มีเวลามาฟูมฟัก ใส่ใจหลานคนนี้มากพอ อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์หลายๆ อย่างขึ้น รวมถึงการที่หลานหนีไปต่างประเทศ และอาจจะต้องหย่าแบบนี้
“สรุปว่า เจ้าอยากหย่า ก่อนที่เขาจะขอหย่าเจ้าเสียเองงั้นสิ”
“ค่ะ” คนที่นั่งอยู่ตอบรับเสียงใส คิดในใจว่าปู่เข้าใจอะไรง่ายดีจัง แผนที่พี่อัญชลีช่วยเธอคิดมันสำเร็จง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ
ผู้สูงวัยถอนหายใจหนักหน่วง “ก็ดีแล้วละ เป็นลูกผู้หญิงถูกผู้ชายขอหย่ามันก็ดูยังไงก็ไม่รู้นะ ตระกูลของเราไม่เคยมีเรื่องพวกนี้ ทั้งเจ้าหนึ่งแต่งงานไปแล้วก็อยู่กันยั่งยืน จะมีข่าวสมัยเจ้านี่แหละ” คนพูดดึงให้หลานสาวกลับไปนั่งที่เดิม
“พิชญ์คงโกรธมากที่ใหม่หายตัวไปเสียเฉยๆ หลังแต่งงานแบบนั้น ผู้ชายคนไหนๆ ก็ต้องโกรธ เขาตามหาใหม่ให้ควั่กอยู่เป็นอาทิตย์ เพราะคิดว่าอาจเกิดเรื่องร้ายแรง จนใหม่ติดต่อกลับมาแล้วบอกว่าอยู่ต่างประเทศนั่นแหละเขาจึงได้เลิกตาม แล้วมันก็ปีกว่ามาแล้ว พิชญ์คงไม่อยากอยู่ในสภาพนี้หรอก”
ยังจะเห็นใจเขาอีก ใหม่สิคะเดือดร้อน ปู่ต้องเข้าข้างใหม่สิคะ นายนั่นเป็นใคร ทำไมปู่ถึงได้ดูรักเขามากขนาดนั้นนะ แล้วใหม่ล่ะ...เธอเป็นหลานสาวของคุณปู่นะ
“คุณปู่ไม่ว่านะคะที่ใหม่จะเปิดสตูดิโอสอนเต้น...” หลานสาวรีบดึงความสนใจของผู้สูงวัยเข้าสู่เรื่องของตนเองทันที
พี่อัญบอกว่าให้ใจเย็นๆ แต่เธอไม่อยากรอแล้วนี่นา อยากตกลงกับปู่ให้เรียบร้อย จะได้รู้กันไปเลย
“เจ้าจะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า” น้ำเสียงของผู้สูงวัยบอกได้ว่าระดับความสำคัญของเรื่องที่หลานสาวพูดแทบจะไม่มีเลย สำหรับคนที่เป็นที่รักของปู่แทบไม่เคยเห็นท่านอารมณ์เสียใส่จึงสะดุ้งไปเล็กน้อย
“ปู่เบื่อที่จะคอยห้ามปรามเจ้าแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ แต่...อย่าหวังว่าปู่จะสนับสนุนอะไรเจ้าอีกนะ พอกันที นับแต่เจ้าจากเมืองไทยไปเมื่อปีก่อน ปู่ก็ได้คิดว่าต่อไปนี้ เจ้าจะต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ยืนอยู่ด้วยขาของตนเองเสียที”
ณิชาเม้มปากเมื่อรู้สึกว่าปู่ลดระดับความรักของท่านที่มีต่อเธอลงไปกว่าที่คาดไว้มาก
“ปู่ไม่เคยขัดใจเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ต่อไปนี้ก็จะไม่ขัดใจอีก แต่จะไม่สนับสนุนเจ้าแล้ว...ทุกเรื่อง”
น้ำเสียงของผู้สูงวัยทำให้หญิงสาวร่างเล็กนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่
“คนอย่างเจ้าไม่เหมาะกับพิชญ์หรอก ปู่ผิดเองที่ไปบังคับให้เจ้าสองคนแต่งงานกัน”
“แต่...คุณปู่คะ ดอกเตอร์พิชญ์เป็นคนผิดนะคะ เขามีคนใหม่...ใหม่ไม่ผิด” คนพูดขึ้นเสียงสูงแบบลืมความผิดของตนเองที่ทำไว้จนหมดสิ้น คิดง่ายๆ เพียงว่ายังไงๆ ปู่ที่เคยรักตัวเองยิ่งกว่าใครจะไม่มีทางเห็นคนอื่นดีกว่าตนเองแน่ๆ
ดร.พิชญ์เป็นหนึ่งในนักเรียนทุนที่ปู่ส่งเสียจนได้ดี ท่านภูมิใจกับเขามากจนเอาเรื่องของเขามาเล่าให้หลานๆ ฟังอย่างสม่ำเสมอ ณิชาเองถึงไม่เคยพบเขา แต่ก็แทบจะรู้เรื่องราวในชีวิตของผู้ชายคนนั้นผ่านปู่ตลอดเวลา
ประวัติชีวิตด้านการเรียนของณิชาเป็นอีกด้านหนึ่งที่ตรงข้ามกันเมื่อเทียบกับชายหนุ่มคนนั้น เธอจบมหาวิทยาลัยได้อย่างทุลักทุเลและเกรดต่ำติดดิน วันสุดท้ายของการเรียนก็ไปฉลองกับเพื่อนจนดึก และเป็นคนขับรถผิดทางทำให้เกิดอุบัติเหตุ รถพลิกคว่ำ เพื่อนบาดเจ็บสาหัส รถคู่กรณีพังยับ จนเป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ
หลังจากมั่นใจว่าเพื่อนปลอดภัยดีเธอขอไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อหนีข่าว และทำตามฝันที่อยากเรียนด้านเต้นรำมานานแล้ว แต่ปู่ไม่อนุญาต กลับยื่นคำขาดให้แต่งงานกับพิชญ์ เพราะอยากให้หลานสาวมีคนดูแล และทำตัวเป็นผู้ใหญ่เสียที ไม่ใช่เอาแต่เที่ยวและเล่นสนุกไปวันๆ
ณิชาคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระมากที่ถูกจับคลุมถุงชน ปู่ของเธอเป็นคนหัวสมัยใหม่ในหลายเรื่อง แต่เรื่องครอบครัวท่านมักมีความคิดว่าผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมาก่อนจะมองอะไรได้ไกลกว่า คราวของพี่ชายท่านก็เป็นตัวตั้งตัวตีหาคู่ให้มาครั้งหนึ่งแล้ว
หญิงสาวอยากค้าน อยากปฏิเสธ แต่เพราะความผิดของตนเองยังสดใหม่อยู่จึงไม่กล้า เธอไม่เคยเห็นปู่โกรธมากมายขนาดนี้มาก่อน จึงไม่กล้าเสียง ไหนจะเรื่องเรียนที่กว่าจะจบได้ก็ฉิวเฉียดเต็มที ไหนจะคดีความเรื่องอุบัติเหตุที่ปู่ต้องจ่ายค่าเสียหายหลายล้านและวิ่งเต้นอยู่นาน จึงจำใจยอมแต่งงานแต่โดยดีและวางแผนซ้อนแผนไว้ด้วยการหนีไปต่างประเทศหลังแต่งงาน
“ยังจะกล้าพูดแบบนี้อีกหรือ” น้ำเสียงคนพูดแผ่วเบาลง แต่อีกฝ่ายไม่ได้สังเกต “ไม่คิดบ้างหรือว่า ตัวเองอาจเป็นต้นเหตุให้พิชญ์เป็นแบบนั้นก็ได้ ไม่พอใจอะไร ไม่อยากทำอะไรทำไมไม่พาบอกเขาดีๆ ไม่ใช่หนีไปแบบนี้”
“ปู่ใจร้าย ทำไมไม่เข้าใจใหม่บ้างเลย รู้อย่างนี้ใหม่ไม่กลับมาก็ดีหรอก” หลานสาวเอ่ยด้วยแรงอารมณ์ ลืมตัวไปสนิทว่าตนเองต้องการมาง้อคืนดีเพื่อขอเงินทุนทำธุรกิจ ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรอีกชายสูงวัยตรงหน้าจับที่หน้าอกตัวเอง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้หลับตาเหมือนหมดแรง
“ปู่…ปู่คะ เป็นอะไรไป”
“ตามเจ้าหนึ่ง ตามหมอด่วน…” คนพูดเอ่ยได้เพียงเสียงแผ่วเบาๆ ปนหอบ
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มี.ค. 2563, 17:57:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มี.ค. 2563, 17:58:49 น.
จำนวนการเข้าชม : 656
<< ตอน 1 | ตอน 3 >> |
พระจันทร์สีชมพู 9 มี.ค. 2563, 16:20:21 น.
ชอบเลยอ่ะ อยากอ่านต่อค่ะ
ชอบเลยอ่ะ อยากอ่านต่อค่ะ