เหลี่ยมรักมัดใจ
ในความคิดเขา... เธอเป็นเด็กหัวรั้น ทำตามใจตัวเอง
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน
นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน
นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน 3
บ้านสวนหลังเล็กหลังนั้นซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่น้อย ตัวบ้านมีเนื้อที่เพียงหกสิบตารางวา แต่โดยรวมแล้ว หากนับสวนกล้วยไม้ด้านข้าง สวนผักขนาดเล็กด้านหลัง เรือนคนงาน และสระน้ำด้านหน้า เนื้อที่ทั้งหมดรอบบริเวณกว่าสามไร่
รถแท็กซี่สีขาวค่อยๆ เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าบ้านสวนแห่งนั้น ผู้โดยสารที่ก้าวลงจากรถนุ่งกางเกงยีนขาสั้น เผยให้เห็นท่อนขาเรียว เสื้อยืดคอกลมสีขาวเนื้อดี กับรองเท้าบูตครึ่งน่อง เธอหยิบกระเป๋าสะพายใบโตของตนเองออกจากรถ จ่ายเงิน และก้าวเร็วๆ ตรงไปยังตัวบ้าน
“คุณปู่นะคุณปู่ มาอยู่อะไรแถวนี้เนี่ย ไกลๆ ก็ไกล หาก็ยาก” แขกผู้มาใหม่บ่นพึมพำกับตัวเอง เธอหยุดนิดหนึ่งเมื่อชายหนุ่มร่างสันทัดเดินออกมาทำความเคารพ
“มาพบท่านหรือครับ”
คงเป็นคนใหม่ ไม่รู้จักว่าเธอเป็นใคร
“ฉันณิชา เป็นหลานของท่าน เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ “คุณปู่อยู่ไหน”
“น่าจะอยู่ที่สวนหลังบ้านครับ” คนตอบทำความเคารพผู้อ่อนวัยกว่าแต่มีศักดิ์เป็นถึงหลานของเจ้านาย ก่อนจะผายมือไปทางตัวบ้าน “คุณต้องผ่านเข้าไปแล้วออกประตูด้านหลัง”
“ขอบใจ” ณิชาไม่ถอดรองเท้าเพราะไม่เห็นความจำเป็น เธอเดินเข้าบ้านและตรงไปยังสถานที่ที่ต้องการทันที จากปลายสายตาเธอพบว่าบ้านหลังใหม่ของคุณปู่ตกแต่งด้วยวัสดุเรียบง่าย พื้นเป็นกระเบื้องหยาบสีน้ำตาลอ่อน ผนังห้องรับแขกเป็นสีเหลืองมะนาวสดใส ในขณะที่มีห้องครัวขนาดเล็กในตัวบ้านทาสีฟ้าสดใสเช่นเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำจากไม้ทาสีโทนเดียวกับสีห้อง หญิงสาวรู้สึกเหมือนเหยียบเข้ามาในบ้านของเจ้าของที่เป็นวัยรุ่นมากกว่าคุณปู่วัยหกสิบปลายๆ ของตนเอง
คุณปู่ของเธอเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง มีธุรกิจในความดูแลหลายประเภท ท่านประกาศตัวที่จะเกษียณตัวเองเมื่อไม่นานนี้ จากนั้นใช้เวลามาสร้างบ้านสวนชานเมืองกรุงเทพฯ แห่งนี้เงียบๆ ควบคุมดูแลทุกขั้นตอนด้วยตนเอง บ้านหลังนี้จึงถือได้ว่ามีขนาดเล็กและดูธรรมดาเหลือเกินเมื่อเทียบกับทรัพย์สินของท่านทั้งหมดที่มี
“คุณปู่คะ คุณปู่” หญิงสาวเดินผ่านห้องครัวมายังบริเวณสวนหลังบ้าน ซึ่งจัดเป็นสวนครัวแบบเรือนกระจก ด้านในมีตั้งแต่แปลงผัก พืชสวนครัว ดอกไม้พันธุ์แปลกตา (ซึ่งณิชาเดาเอาว่าคงเป็นประเภทหนึ่งของพืชสวนครัว) และพืชเถาพวกตำลึง ทุกอย่างถูกจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ ราวกับสวนในนิตยสาร
มีคนงานสองสามคนกำลังทำงานอยู่ไกลๆ หญิงสาวมองรอบตัวอีกครั้ง ก่อนจะตะโกน
“คุณปู่คะ...”
“ปู่อยู่นี่” ชายสูงอายุซึ่งใส่เสื้อเชิ้ตตาหมากรุกสีหม่นเก่า กับกางเกงยีนซีดๆ ยืดตัวขึ้นจากสวนครัวใกล้ๆ เดินตรงมาหาผู้มาใหม่
“อ๊ายย ใหม่คิดว่า...” หญิงสาวชะงักก่อนจะพูดความจริงออกมา
“คิดว่าปู่เป็นคนสวนล่ะสิ” คุณปฐมถอดหมวกสานออกจากศีรษะ “มาทำไม ไม่รู้รึว่าบ้านนี้ไม่รับแขก” น้ำเสียงคนพูดห้วนสั้น
“แต่…ใหม่ไม่ใช่แขกนี่คะ” ณิชาก้มหน้างุด รู้ว่าท่านยังโกรธ แต่ไม่คิดว่าจะดูโกรธมากแบบนี้
“ใครบอกว่าปู่อยู่ที่นี่ ไม่รู้รึว่าปู่ไม่ต้องการพบใคร!”
“พี่หนึ่งค่ะ” หลานสาวคนสุดท้องเฉลย แล้วรีบทำความเคารพผู้สูงวัยกว่า และได้รับการตอบกลับเพียงการมองนิ่งๆ เท่านั้น “ใหม่คิดถึงปู่ ก็เลยรบเร้าพี่หนึ่ง ปู่อย่าโกรธพี่นะคะ” หลานสาวทำท่าจะเข้ามากอด แต่ผู้สูงวัยกลับรีบเดินนำผ่านไปเสียก่อนด้วยสีหน้าเมินเฉย
“ถ้าใหม่คิดถึงปู่จริง คงไม่ทิ้งเวลาเกือบอาทิตย์ถึงเพิ่งมาหา” คนพูดเดินตรงไปที่ระเบียงบ้าน ซึ่งมีโต๊ะและม้านั่งรับลมตั้งอยู่ “คิดว่าปู่ไม่รู้รึไงว่ากลับมาเมื่อไหร่”
ณิชาเดินตามไปโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เธอไม่เห็นสีหน้าของคนพูด น้ำเสียงของปู่ก็เดาอารมณ์ได้ยากชะมัด แต่ที่แน่ๆ ท่านไม่ได้รู้สึกดีนักกับการกลับมาจากต่างประเทศของเธอ
ไม่เป็นไร เดี๋ยวปู่ก็จะให้อภัยหลานสาวคนนี้เอง...
หญิงสาวเป็นน้องสุดท้องของบ้านที่มีพี่ชายซึ่งอายุห่างจากน้องคนเล็กมาก ด้วยความที่เป็นเด็กหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้ท่านมักจะสนับสนุนทุกอย่างที่หลานคนนี้ขอร้อง ถ้ามันไม่ยากเกินความสามารถและเงินของท่านจะหามาให้ได้ นั่นทำให้การถูกปู่ทำมึนตึงใส่แบบนี้จึงเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก
พ่อแม่ของณิชาเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบินระหว่างเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ในขณะนั้นณิชายังเรียนอยู่มัธยม หลังจากพ่อและแม่จากไป เธอถูกส่งมาอยู่ในความดูแลของปู่เพราะพี่ชายเพิ่งสร้างครอบครัว
เมื่อปู่มีธุรกิจมากมาย ล้วนเป็นธุรกิจที่ต้องการการเอาใจใส่ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ณิชาจึงเหมือนถูกเลี้ยงแบบปล่อยๆ และตามใจ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ นั่นทำให้เธอกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ถือตัวเองเป็นใหญ่อย่างช่วยไม่ได้
“ใหม่อยากมาหาปู่ทันทีที่กลับมานะคะ แต่พี่หนึ่งบอกว่าปู่วางมือจากธุรกิจ อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากให้ใครกวน ใหม่ก็เลยคิดว่าให้จัดการเรื่องของเข้าที่พักกับเรื่องอะไรๆ ให้เรียบร้อยแล้วค่อยมากราบคุณปู่จะดีกว่า” หลานสาวเดินตามไปเกาะแขนปู่อย่างเอาใจ “แล้วนี่ปู่ไม่ร้อนหรือคะ ออกมากลางแจ้งแบบนี้ ไหนพี่หนึ่งบอกว่า...”
‘ระยะหลังสุขภาพของปู่ไม่ค่อยดีนัก อยากให้แกไปขอโทษท่านเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่หายเงียบไปเสียเฉยๆ’
“เจ้าหนึ่งมันคิดมาก คิดว่าปู่แก่เสียจนทำอะไรไม่ได้ เป็นอะไรนิดๆ หน่อยๆ ไม่ตายง่ายๆ หรอก ขนาดหลานหนีไปต่างประเทศไม่บอกสักคำปู่ยังไม่รู้สึกอะไร นับประสาอะไรกับเรื่องไม่สบายแค่นี้” น้ำเสียงคนพูดเข้มขึ้นตามแรงอารมณ์ ตัดสินใจไม่เล่าให้หลานสาวฟังถึงผลการตรวจล่าสุดที่เพิ่งได้รับจากแพทย์ประจำตัวเมื่อไม่นานมานี้
“ใหม่…ไม่ได้ตั้งใจค่ะ ตอนนั้นมัน…” หลานสาวอ้ำอึ้งน้ำตาคลอ เจ้าตัวรู้ว่าตัวเองผิด จึงอับจนหนทางที่จะอธิบายให้ท่านเข้าใจ
ผู้สูงวัยเกือบจะใช้มือลูบศีรษะหลานสาวอย่างเอ็นดู แต่ห้ามใจไว้ บอกตนเองว่ายังไม่อยากทำให้หลานรู้สึกว่าถูกให้อภัยในเรื่องที่ตนทำผิดไว้ง่ายๆ
อย่างน้อยเจ้าควรจะมีบทเรียนกับความดื้อรั้นของเจ้าเสียที ณิชา
“ร้อนจัง หิวน้ำด้วย ปู่จะไม่เลี้ยงน้ำเย็นๆ สักแก้วหรือคะ” หลานเปลี่ยนเรื่อง
“เดี๋ยวจะให้แม่บ้านเอาน้ำมาให้” คนพูดเรียกแม่บ้านจากด้านในตัวบ้าน แต่ยังไม่มีใครออกมา “วันนี้เห็นทำน้ำตะไคร้แช่เย็นไว้หลายขวด”
หลานสาวหน้าเบ้ “ขอเป็นน้ำอย่างอื่น เช่นน้ำส้มไม่ได้หรือคะ ใหม่ไม่...”
“เคยลองหรือยัง”
คนฟังส่ายหน้าผมกระจาย “ไม่เคย แต่ไม่อยากลอง”
“ถ้าอย่างนั้น ลองก่อนแล้วค่อยพูดว่าชอบหรือไม่ชอบ”
หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่าน้ำเสียงของคนพูดไม่ได้หมายความเฉพาะน้ำตะไคร้อย่างเดียว จึงรีบปิดปากเงียบไม่ต่อความอีก
“นั่งรอก่อน ปู่จะไปตามแม่บ้าน แล้วค่อยมาคุยกันว่าเรามีอะไรถึงได้มาหาปู่ถึงนี่” ชายสูงวัยเดินหายไปในครัว หลานสาวได้ยินเสียงสั่งงานแม่บ้านดังลั่%E
รถแท็กซี่สีขาวค่อยๆ เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าบ้านสวนแห่งนั้น ผู้โดยสารที่ก้าวลงจากรถนุ่งกางเกงยีนขาสั้น เผยให้เห็นท่อนขาเรียว เสื้อยืดคอกลมสีขาวเนื้อดี กับรองเท้าบูตครึ่งน่อง เธอหยิบกระเป๋าสะพายใบโตของตนเองออกจากรถ จ่ายเงิน และก้าวเร็วๆ ตรงไปยังตัวบ้าน
“คุณปู่นะคุณปู่ มาอยู่อะไรแถวนี้เนี่ย ไกลๆ ก็ไกล หาก็ยาก” แขกผู้มาใหม่บ่นพึมพำกับตัวเอง เธอหยุดนิดหนึ่งเมื่อชายหนุ่มร่างสันทัดเดินออกมาทำความเคารพ
“มาพบท่านหรือครับ”
คงเป็นคนใหม่ ไม่รู้จักว่าเธอเป็นใคร
“ฉันณิชา เป็นหลานของท่าน เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบ “คุณปู่อยู่ไหน”
“น่าจะอยู่ที่สวนหลังบ้านครับ” คนตอบทำความเคารพผู้อ่อนวัยกว่าแต่มีศักดิ์เป็นถึงหลานของเจ้านาย ก่อนจะผายมือไปทางตัวบ้าน “คุณต้องผ่านเข้าไปแล้วออกประตูด้านหลัง”
“ขอบใจ” ณิชาไม่ถอดรองเท้าเพราะไม่เห็นความจำเป็น เธอเดินเข้าบ้านและตรงไปยังสถานที่ที่ต้องการทันที จากปลายสายตาเธอพบว่าบ้านหลังใหม่ของคุณปู่ตกแต่งด้วยวัสดุเรียบง่าย พื้นเป็นกระเบื้องหยาบสีน้ำตาลอ่อน ผนังห้องรับแขกเป็นสีเหลืองมะนาวสดใส ในขณะที่มีห้องครัวขนาดเล็กในตัวบ้านทาสีฟ้าสดใสเช่นเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำจากไม้ทาสีโทนเดียวกับสีห้อง หญิงสาวรู้สึกเหมือนเหยียบเข้ามาในบ้านของเจ้าของที่เป็นวัยรุ่นมากกว่าคุณปู่วัยหกสิบปลายๆ ของตนเอง
คุณปู่ของเธอเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง มีธุรกิจในความดูแลหลายประเภท ท่านประกาศตัวที่จะเกษียณตัวเองเมื่อไม่นานนี้ จากนั้นใช้เวลามาสร้างบ้านสวนชานเมืองกรุงเทพฯ แห่งนี้เงียบๆ ควบคุมดูแลทุกขั้นตอนด้วยตนเอง บ้านหลังนี้จึงถือได้ว่ามีขนาดเล็กและดูธรรมดาเหลือเกินเมื่อเทียบกับทรัพย์สินของท่านทั้งหมดที่มี
“คุณปู่คะ คุณปู่” หญิงสาวเดินผ่านห้องครัวมายังบริเวณสวนหลังบ้าน ซึ่งจัดเป็นสวนครัวแบบเรือนกระจก ด้านในมีตั้งแต่แปลงผัก พืชสวนครัว ดอกไม้พันธุ์แปลกตา (ซึ่งณิชาเดาเอาว่าคงเป็นประเภทหนึ่งของพืชสวนครัว) และพืชเถาพวกตำลึง ทุกอย่างถูกจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ ราวกับสวนในนิตยสาร
มีคนงานสองสามคนกำลังทำงานอยู่ไกลๆ หญิงสาวมองรอบตัวอีกครั้ง ก่อนจะตะโกน
“คุณปู่คะ...”
“ปู่อยู่นี่” ชายสูงอายุซึ่งใส่เสื้อเชิ้ตตาหมากรุกสีหม่นเก่า กับกางเกงยีนซีดๆ ยืดตัวขึ้นจากสวนครัวใกล้ๆ เดินตรงมาหาผู้มาใหม่
“อ๊ายย ใหม่คิดว่า...” หญิงสาวชะงักก่อนจะพูดความจริงออกมา
“คิดว่าปู่เป็นคนสวนล่ะสิ” คุณปฐมถอดหมวกสานออกจากศีรษะ “มาทำไม ไม่รู้รึว่าบ้านนี้ไม่รับแขก” น้ำเสียงคนพูดห้วนสั้น
“แต่…ใหม่ไม่ใช่แขกนี่คะ” ณิชาก้มหน้างุด รู้ว่าท่านยังโกรธ แต่ไม่คิดว่าจะดูโกรธมากแบบนี้
“ใครบอกว่าปู่อยู่ที่นี่ ไม่รู้รึว่าปู่ไม่ต้องการพบใคร!”
“พี่หนึ่งค่ะ” หลานสาวคนสุดท้องเฉลย แล้วรีบทำความเคารพผู้สูงวัยกว่า และได้รับการตอบกลับเพียงการมองนิ่งๆ เท่านั้น “ใหม่คิดถึงปู่ ก็เลยรบเร้าพี่หนึ่ง ปู่อย่าโกรธพี่นะคะ” หลานสาวทำท่าจะเข้ามากอด แต่ผู้สูงวัยกลับรีบเดินนำผ่านไปเสียก่อนด้วยสีหน้าเมินเฉย
“ถ้าใหม่คิดถึงปู่จริง คงไม่ทิ้งเวลาเกือบอาทิตย์ถึงเพิ่งมาหา” คนพูดเดินตรงไปที่ระเบียงบ้าน ซึ่งมีโต๊ะและม้านั่งรับลมตั้งอยู่ “คิดว่าปู่ไม่รู้รึไงว่ากลับมาเมื่อไหร่”
ณิชาเดินตามไปโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เธอไม่เห็นสีหน้าของคนพูด น้ำเสียงของปู่ก็เดาอารมณ์ได้ยากชะมัด แต่ที่แน่ๆ ท่านไม่ได้รู้สึกดีนักกับการกลับมาจากต่างประเทศของเธอ
ไม่เป็นไร เดี๋ยวปู่ก็จะให้อภัยหลานสาวคนนี้เอง...
หญิงสาวเป็นน้องสุดท้องของบ้านที่มีพี่ชายซึ่งอายุห่างจากน้องคนเล็กมาก ด้วยความที่เป็นเด็กหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้ท่านมักจะสนับสนุนทุกอย่างที่หลานคนนี้ขอร้อง ถ้ามันไม่ยากเกินความสามารถและเงินของท่านจะหามาให้ได้ นั่นทำให้การถูกปู่ทำมึนตึงใส่แบบนี้จึงเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก
พ่อแม่ของณิชาเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบินระหว่างเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ในขณะนั้นณิชายังเรียนอยู่มัธยม หลังจากพ่อและแม่จากไป เธอถูกส่งมาอยู่ในความดูแลของปู่เพราะพี่ชายเพิ่งสร้างครอบครัว
เมื่อปู่มีธุรกิจมากมาย ล้วนเป็นธุรกิจที่ต้องการการเอาใจใส่ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ณิชาจึงเหมือนถูกเลี้ยงแบบปล่อยๆ และตามใจ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ นั่นทำให้เธอกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ถือตัวเองเป็นใหญ่อย่างช่วยไม่ได้
“ใหม่อยากมาหาปู่ทันทีที่กลับมานะคะ แต่พี่หนึ่งบอกว่าปู่วางมือจากธุรกิจ อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากให้ใครกวน ใหม่ก็เลยคิดว่าให้จัดการเรื่องของเข้าที่พักกับเรื่องอะไรๆ ให้เรียบร้อยแล้วค่อยมากราบคุณปู่จะดีกว่า” หลานสาวเดินตามไปเกาะแขนปู่อย่างเอาใจ “แล้วนี่ปู่ไม่ร้อนหรือคะ ออกมากลางแจ้งแบบนี้ ไหนพี่หนึ่งบอกว่า...”
‘ระยะหลังสุขภาพของปู่ไม่ค่อยดีนัก อยากให้แกไปขอโทษท่านเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่หายเงียบไปเสียเฉยๆ’
“เจ้าหนึ่งมันคิดมาก คิดว่าปู่แก่เสียจนทำอะไรไม่ได้ เป็นอะไรนิดๆ หน่อยๆ ไม่ตายง่ายๆ หรอก ขนาดหลานหนีไปต่างประเทศไม่บอกสักคำปู่ยังไม่รู้สึกอะไร นับประสาอะไรกับเรื่องไม่สบายแค่นี้” น้ำเสียงคนพูดเข้มขึ้นตามแรงอารมณ์ ตัดสินใจไม่เล่าให้หลานสาวฟังถึงผลการตรวจล่าสุดที่เพิ่งได้รับจากแพทย์ประจำตัวเมื่อไม่นานมานี้
“ใหม่…ไม่ได้ตั้งใจค่ะ ตอนนั้นมัน…” หลานสาวอ้ำอึ้งน้ำตาคลอ เจ้าตัวรู้ว่าตัวเองผิด จึงอับจนหนทางที่จะอธิบายให้ท่านเข้าใจ
ผู้สูงวัยเกือบจะใช้มือลูบศีรษะหลานสาวอย่างเอ็นดู แต่ห้ามใจไว้ บอกตนเองว่ายังไม่อยากทำให้หลานรู้สึกว่าถูกให้อภัยในเรื่องที่ตนทำผิดไว้ง่ายๆ
อย่างน้อยเจ้าควรจะมีบทเรียนกับความดื้อรั้นของเจ้าเสียที ณิชา
“ร้อนจัง หิวน้ำด้วย ปู่จะไม่เลี้ยงน้ำเย็นๆ สักแก้วหรือคะ” หลานเปลี่ยนเรื่อง
“เดี๋ยวจะให้แม่บ้านเอาน้ำมาให้” คนพูดเรียกแม่บ้านจากด้านในตัวบ้าน แต่ยังไม่มีใครออกมา “วันนี้เห็นทำน้ำตะไคร้แช่เย็นไว้หลายขวด”
หลานสาวหน้าเบ้ “ขอเป็นน้ำอย่างอื่น เช่นน้ำส้มไม่ได้หรือคะ ใหม่ไม่...”
“เคยลองหรือยัง”
คนฟังส่ายหน้าผมกระจาย “ไม่เคย แต่ไม่อยากลอง”
“ถ้าอย่างนั้น ลองก่อนแล้วค่อยพูดว่าชอบหรือไม่ชอบ”
หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่าน้ำเสียงของคนพูดไม่ได้หมายความเฉพาะน้ำตะไคร้อย่างเดียว จึงรีบปิดปากเงียบไม่ต่อความอีก
“นั่งรอก่อน ปู่จะไปตามแม่บ้าน แล้วค่อยมาคุยกันว่าเรามีอะไรถึงได้มาหาปู่ถึงนี่” ชายสูงวัยเดินหายไปในครัว หลานสาวได้ยินเสียงสั่งงานแม่บ้านดังลั่%E
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2563, 21:02:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2563, 21:05:59 น.
จำนวนการเข้าชม : 574
<< ตอน 2 | ตอน 4 >> |