ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 5 -40%
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่สวนของครูตรีเนตรกลับคึกคักกว่าปกติ เพราะมีลูกค้าที่เป็นอาจารย์และเจ้าหน้าที่ในวิทยาลัยที่จันทน์กะพ้อสอนอยู่สั่งซื้อมะม่วงรสชาติดีจากสวนของป้ามาลีไปหลายสิบกิโล
เหตุก็เพราะความมีน้ำใจของป้ามาลีที่ให้อาจารย์สาวหอบหิ้วผลไม้ไปฝากที่สาขาวิชาอยู่เสมอๆ
‘ยังไงๆ คนไทยก็ชอบของฝากนะลูก เราเป็นผู้มาใหม่ เป็นผู้น้อย มีอะไรติดไม้ติดมือไปฝากผู้ใหญ่บ่อยๆ เขาจะได้เอ็นดูสนับสนุน งานราชการมันก็อย่างนี้ละ นี่ป้าเรียนรู้มาจากลุงเนตรเขานะ ตลอดชีวิตราชการของแกจึงมีแต่คนรักใคร่ สนับสนุน’
ป้ามองในมุมนั้น แต่จันทน์กะพ้อมองเป็นการตลาด เมื่อมีมะม่วงติดมือไปทำงานหล่อนจะให้แม่บ้านฝานจัดใส่กล่องไปแจกตามแผนกต่างๆ ให้ลองชิมกันบ่อยครั้ง จนพากันติดอกติดใจกันแบบนี้
“เขาไม่ได้สั่งแค่มะม่วงสุกอย่างเดียวนะคะป้า สั่งมะม่วงมัน น้ำปลาหวานด้วย”
“อย่างนั้นเหรอลูก”
“ค่ะ” หญิงสาวก้มลงอ่านกระดาษจดรายการในมืออีกครั้ง
“รวมทั้งหมด สามสิบสองกิโลค่ะ ขนุนอีกห้าลูก น้ำปลาหวานสิบกล่อง” หญิงสาวไล่อ่านรายการด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ดวงตากลมโตดำสนิทดังนิลเนื้อดีเป็นประกาย
“เลือกลูกสวยๆ ให้อาจารย์ท่านนะเจ้าเพชร เลือกดีๆ มือเบาๆ เดี๋ยวช้ำหมด” ป้ามาลีสอนเด็กชายที่นั่งช่วยงานอยู่ข้างเข่งใส่มะม่วงที่ตรีเมฆขนใส่ท้ายรถมาให้ เข่งที่เต็มไปด้วยมะม่วงหลากหลายพันธุ์วางเรียงรายอยู่ใต้ต้นมะม่วงต้นใหญ่ข้างกระท่อมปีกไม้ ตรีเมฆขนมาให้หลายรอบแล้วก็ออกไปเก็บมาเพิ่มอีก
“ลูกไหนไม่ค่อยสวยหรือสุกเกินไป เราเก็บมากวนดีไหมจ๊ะป้า กวนดีๆ ใส่กล่องสวยๆ แล้วก็ขายเป็นของกินเล่นก็ยังได้นะคะ”
“อืม ความคิดดีลูก” ป้ามาลีคนชอบเก็บหอมรอมริบพยักหน้าเห็นด้วย แกมองแผ่นหลังกว้างเปื้อนเหงื่อของลูกชายที่แบกเข่งเดินตากแดดออกไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าว
เอ็งจะทำดีได้สักกี่วัน เจ้าเมฆเอ๊ย ดีเท่าไรแล้วที่ไม่พาผู้หญิงบาร์มาเป็นสะใภ้ให้แม่
“ยายครับ เพชรชอบกินมะม่วงกวนที่สุดในโลกเลย” เด็กชายตรีเพชรวาดมือกว้างใหญ่ ยิ้มแก้มแทบแตกน่าหยิก
“แล้วก็ชอบมะยมกวน มะขามกวนที่สุดด้วยใช่ไหมล่ะเพชร”
“ครับผม” เด็กชายทำท่าเอียงอายจนผู้ที่ตนเรียกว่ายายอดยิ้มออกมาไม่ได้
ไกลออกไปจากมะม่วงเฒ่าต้นใหญ่ที่เผื่อแผ่ร่มเงาต้นนั้น ตรีเมฆหลังจากที่เทียวขนเข่งมะม่วงให้ทั้งสาม กำลังฟาดฟันกับกอหญ้าสูงท่วมหัว จนเข้าไม่ถึงมะม่วงอกร่องโบราณต้นที่ตนหมายตาเอาไว้ เขาเห็นแผ่นหลังผอมเกร็งในเสื้อแขนยาวตัวใหม่ที่เขาเพิ่งนำมาให้เมื่อสัปดาห์ก่อน กำลังฟาดฟันอยู่กับหญ้าสูงมิดหัวอย่างไม่ลดละเช่นกัน
“ลุงเกิด ไปพักกินน้ำก่อนเถอะ”
ตรีเมฆเรียก มือผอมแห้งของแกแทบจะถือพร้าไว้ไม่ไหว ใบหน้าซีกขวาบวมเป่ง เขียวช้ำ ตาข้างหนึ่งแทบปิดสนิท เวลาที่เหงื่อเค็มไหลเข้าตาแกต้องกัดฟันข่มความเจ็บแสบ
“ซัดกันกับไอ้จอมมาอีกแล้วละสิ”
“เออ ไอ้ลูกระยำ เมายามาแล้วกระทืบเมีย ทั้งๆ ที่มันท้องโย้ใกล้จะคลอดอยู่แล้ว ข้าอดไม่ได้จริงๆ”
“แจ้งตำรวจสิลุง”
“ข้าทำไม่ได้ว่ะ มันลูกแท้ๆ ของข้านะ”
พูดจบแกก็ก้มหน้าก้มตาถางหญ้าต่อไป ปล่อยให้ตรีเมฆยืนนิ่งงัน รู้สึกชาไปทั้งหน้าราวกับถูกมือแห้งเหี่ยวของชายชราที่ยืนแทบไม่ไหวนั้นฟาดลงมาเต็มแรง
เขากับไอ้จอม...ต่างกันตรงไหน ถึงเขาจะไม่เคยลงไม้ลงมือกับพ่อ แต่เขาก็เป็นเหตุให้พ่อตาย
**************
ใกล้เที่ยงแล้วจันทน์กะพ้อกำลังช่วยป้ามาลีอุ่นอาหารที่เอามาจากบ้าน ป้ามาลีตำน้ำพริกเพิ่มอีกสองสามอย่าง หล่อนจึงอาสาไปเด็ดผักกินกับน้ำพริกมาให้ ครั้งก่อนที่มาสวนนี้หล่อนเล็งสะเดาข้างรั้วเอาไว้ กะว่าจะเด็ดมาชิมเสียหน่อย หากเป็นสะเดาหวานจะได้ทำสะเดาน้ำปลาหวานไปให้ลิ้มลองกันอีกสักรายการ ไม่รู้ว่าแตกใบแก่ไปหมดหรือยัง ทันทีที่เห็นคุณครูคนโปรดขยับลุก เด็กชายตรีเพชรก็ขยับตามออกไปในทันที
“สะเดาเกือบจะแก่เกินกินแล้วละเพชร แต่น่าจะพอลวกกินกับน้ำพริกได้บ้าง” จันทน์กะพ้อชวนเด็กชายคุย ขณะที่ค่อยๆ แหวกกอหญ้าเข้าไปใกล้ๆ สะเดาต้นใหญ่แต่ไม่สูงมากนักนั่น กิ่งต่ำๆ ของมันน่าจะเอื้อมเด็ดได้ไม่ยากนัก
“เพชรไม่ต้องเข้ามานะคะ ระวังงู มันรก”
“ครับ เพชรจะช่วยเก็บให้ คุณครูโยนมาทางนี้นะครับ”
“ได้จ้ะ ว้า กิ่งนี้แก่ไปแล้ว เห็นทีครูต้องปีนขึ้นไปเก็บกิ่งโน้น” ครูสาวพับแขนเสื้อเชิ้ต ขยับขาเรียวในกางเกงยีนตัวเก่าสีซีดเหยียบบนกิ่งต่ำๆของสะเดาก่อนจะค่อยๆ เหนี่ยวตัวขึ้นไปยืนอยู่บนกิ่งใหญ่ๆ ที่หมายตาไว้
“ครูปีนต้นไม้เก่งจังครับ”
“แหม...จะหาว่าคุยนะเพชร สมัยเด็กๆ ครูเป็นมือปีนของบ้าน พี่ๆ อยากได้ลูกอะไร ต้องให้ครูปีนไปเก็บให้ทุกที” พูดพลางหล่อนก็เด็ดสะเดาที่ไม่เหลือช่อดอกแต่ยังแตกใบอ่อนน่ากินไปพลางใจนึกเสียดายที่ไม่ได้เก็บไปลวกใส่ตู้เย็นไว้กินตั้งแต่ครั้งก่อนโน้น
“เจ้าหมูอ้วน มาทำอะไรตรงนี้”
“ลุงยักษ์” เด็กชายตรีเพชรคราง หน้าซีดราวกับถูกจับผิดได้ สายตานำทางตรีเมฆไปยังร่างบางที่เกาะเกี่ยวอยู่อย่างหมิ่นเหม่อยู่บนต้นสะเดา
“เล่นซนอะไรกัน”
“เปล่าเล่นครับ มาเก็บสะเดากับคุณครู คุณครูครับ” เด็กชายหันไปป้องปากเรียกครูสาวที่กำลังเหนี่ยวกิ่งสะเดาจนชายเสื้อเชิ้ตยกสูง เผยหน้าท้องขาวเนียนแบนราบและแอ่งสะดือเล็กๆ เหนือขอบกางเกงยีนตัวเก่ง
“ว่าไงจ๊ะเพชร” เสียงขานรับดังขึ้นโดยที่ไม่ได้หันมามอง
“อุ๊ย มดแดงเยอะจัง ไม่ไหวแล้วจ้ะเพชร ครูจะลงละ”
“ลุงยักษ์ เดี๋ยว” เด็กชายพยายามห้ามร่างสูงที่เดินลุยหญ้าเข้าไปใต้สะเดาต้นใหญ่ อาการดิ้นหยุกหยิกอยู่บนกิ่งไม้เพราะโดนกองทัพมดแดงโจมตีนั้น ดูไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย เขาเดินไปยืนอยู่ใต้ร่างหล่อน กอดอกแหงนหน้ามอง
“โอ๊ย มดกัด”
“ครูลงมาสิครับ ลุงยักษ์มาตามแล้ว”
“คุณ!”
“ลงมา”
“ว้าย พ่อจ๋า!”
ตุ้บ!
“โอ๊ย!”
ร่างบางหล่นลงมาจากกิ่งสะเดาอย่างไม่เป็นท่า ยอดสะเดากระจายไปในอากาศและหล่นกระจัดกระจายอยู่ในพงหญ้าสูงรายรอบมือเก็บสะเดาที่ยังหลับตาปี๋ หัวใจเต้นระรัว หัวหมุนติ้วจับต้นชนปลายไม่ถูก
หญ้าใช่ไหม หล่อนคงหล่นลงบนพงหญ้า แขนขาถึงไม่หัก ใต้ผืนหญ้าคงเป็นเนินดินแข็งๆ โชคดีที่ไม่ใช่ตอไม้หรืออะไรสักอย่างที่จะเสียบร่างหล่อนได้
“คุณพระคุ้มครอง” หล่อนคราง หัวหมุนไม่หาย
“ลืมตา” เสียงลึกทุ้มดังอยู่ชิดใบหู จันทน์กะพ้อเปิดเปลือกตาขึ้นทันควัน หล่อนเห็นท่อนแขนของตนพาดอยู่บนอกกว้าง เห็นเสื้อสีน้ำเงินเข้มชุ่มเหงื่อของเขา หมวกที่เอียงกระเท่เร่ และดวงตาดุแข็งกร้าวที่จ้องมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อในระยะประชิด
“ลุกขึ้น” เขาสั่ง กัดฟันกรอด ขยับตัวดันกายตัวเองขึ้นจากกอหญ้าที่แบนราบเป็นรูปคน เขารู้สึกปวดปลาบที่หัวไหล่
ไหล่เคล็ดแล้วแน่ แบบนี้เสียงานแย่
“ขะ...ขอโทษค่ะ คุณเมฆเป็นอะไรไหมคะ คือว่ามดมันรุมกัดแล้วจันทน์ก็...”
“แก้ตัวเป็นเด็กๆ ไปได้” เขาบ่น ยันกายลุกขึ้นนั่ง
“เจ้าอ้วน มาเก็บสะเดาสิ อยากกินกันมากไม่ใช่เรอะ ยืนตาค้างอยู่ได้”
“ครับๆ เพชรแค่ทึ่ง ลุงยักษ์รับคุณครูมากอดไว้ได้ยังไงอะ สุดยอดมากเลย เพชรนึกว่าแย่แล้วเสียอีก”
“ไม่ได้รับมากอด ครูของนายหล่นลงมาทับฉันต่างหากล่ะ”
“ขอโทษค่ะ” หล่อนประนมมือไหว้เขา เกาะแขนเจ้าเพชรลุกขึ้นยืน ปัดเสื้อปัดผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังขยับลุกขึ้นช้าๆ
“คุณเมฆเจ็บตรงไหนไหมคะ”
“ไหล่เคล็ด อาจจะหลุด เจ็บสะโพก ก้นกบ ถามทำไม เธอเป็นหมอเรอะ”
“ปะ...เปล่าค่ะ แต่ฉันพาคุณไปหาหมอได้”
หล่อนหน้าแดงกับคำพูดโต้งๆ ของเขา ใจนึกฉุนขึ้นมาบ้าง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมต้องใช้ถ้อยคำ และสายตาหยาบคาบแบบนั้นด้วย
“แค่นี้ไม่ตายหรอก แต่หิวข้าวฉิบหาย แม่ให้มาตาม ป่านนี้คนแก่หิวเป็นลมกันไปหมดแล้วมั้ง”
“ตายจริง ขอโทษด้วยค่ะ ไปกันเถอะเพชร”
สามครั้ง สามครั้งแล้วนะที่หล่อนพูดคำว่า ขอโทษ!
เหตุก็เพราะความมีน้ำใจของป้ามาลีที่ให้อาจารย์สาวหอบหิ้วผลไม้ไปฝากที่สาขาวิชาอยู่เสมอๆ
‘ยังไงๆ คนไทยก็ชอบของฝากนะลูก เราเป็นผู้มาใหม่ เป็นผู้น้อย มีอะไรติดไม้ติดมือไปฝากผู้ใหญ่บ่อยๆ เขาจะได้เอ็นดูสนับสนุน งานราชการมันก็อย่างนี้ละ นี่ป้าเรียนรู้มาจากลุงเนตรเขานะ ตลอดชีวิตราชการของแกจึงมีแต่คนรักใคร่ สนับสนุน’
ป้ามองในมุมนั้น แต่จันทน์กะพ้อมองเป็นการตลาด เมื่อมีมะม่วงติดมือไปทำงานหล่อนจะให้แม่บ้านฝานจัดใส่กล่องไปแจกตามแผนกต่างๆ ให้ลองชิมกันบ่อยครั้ง จนพากันติดอกติดใจกันแบบนี้
“เขาไม่ได้สั่งแค่มะม่วงสุกอย่างเดียวนะคะป้า สั่งมะม่วงมัน น้ำปลาหวานด้วย”
“อย่างนั้นเหรอลูก”
“ค่ะ” หญิงสาวก้มลงอ่านกระดาษจดรายการในมืออีกครั้ง
“รวมทั้งหมด สามสิบสองกิโลค่ะ ขนุนอีกห้าลูก น้ำปลาหวานสิบกล่อง” หญิงสาวไล่อ่านรายการด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ดวงตากลมโตดำสนิทดังนิลเนื้อดีเป็นประกาย
“เลือกลูกสวยๆ ให้อาจารย์ท่านนะเจ้าเพชร เลือกดีๆ มือเบาๆ เดี๋ยวช้ำหมด” ป้ามาลีสอนเด็กชายที่นั่งช่วยงานอยู่ข้างเข่งใส่มะม่วงที่ตรีเมฆขนใส่ท้ายรถมาให้ เข่งที่เต็มไปด้วยมะม่วงหลากหลายพันธุ์วางเรียงรายอยู่ใต้ต้นมะม่วงต้นใหญ่ข้างกระท่อมปีกไม้ ตรีเมฆขนมาให้หลายรอบแล้วก็ออกไปเก็บมาเพิ่มอีก
“ลูกไหนไม่ค่อยสวยหรือสุกเกินไป เราเก็บมากวนดีไหมจ๊ะป้า กวนดีๆ ใส่กล่องสวยๆ แล้วก็ขายเป็นของกินเล่นก็ยังได้นะคะ”
“อืม ความคิดดีลูก” ป้ามาลีคนชอบเก็บหอมรอมริบพยักหน้าเห็นด้วย แกมองแผ่นหลังกว้างเปื้อนเหงื่อของลูกชายที่แบกเข่งเดินตากแดดออกไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าว
เอ็งจะทำดีได้สักกี่วัน เจ้าเมฆเอ๊ย ดีเท่าไรแล้วที่ไม่พาผู้หญิงบาร์มาเป็นสะใภ้ให้แม่
“ยายครับ เพชรชอบกินมะม่วงกวนที่สุดในโลกเลย” เด็กชายตรีเพชรวาดมือกว้างใหญ่ ยิ้มแก้มแทบแตกน่าหยิก
“แล้วก็ชอบมะยมกวน มะขามกวนที่สุดด้วยใช่ไหมล่ะเพชร”
“ครับผม” เด็กชายทำท่าเอียงอายจนผู้ที่ตนเรียกว่ายายอดยิ้มออกมาไม่ได้
ไกลออกไปจากมะม่วงเฒ่าต้นใหญ่ที่เผื่อแผ่ร่มเงาต้นนั้น ตรีเมฆหลังจากที่เทียวขนเข่งมะม่วงให้ทั้งสาม กำลังฟาดฟันกับกอหญ้าสูงท่วมหัว จนเข้าไม่ถึงมะม่วงอกร่องโบราณต้นที่ตนหมายตาเอาไว้ เขาเห็นแผ่นหลังผอมเกร็งในเสื้อแขนยาวตัวใหม่ที่เขาเพิ่งนำมาให้เมื่อสัปดาห์ก่อน กำลังฟาดฟันอยู่กับหญ้าสูงมิดหัวอย่างไม่ลดละเช่นกัน
“ลุงเกิด ไปพักกินน้ำก่อนเถอะ”
ตรีเมฆเรียก มือผอมแห้งของแกแทบจะถือพร้าไว้ไม่ไหว ใบหน้าซีกขวาบวมเป่ง เขียวช้ำ ตาข้างหนึ่งแทบปิดสนิท เวลาที่เหงื่อเค็มไหลเข้าตาแกต้องกัดฟันข่มความเจ็บแสบ
“ซัดกันกับไอ้จอมมาอีกแล้วละสิ”
“เออ ไอ้ลูกระยำ เมายามาแล้วกระทืบเมีย ทั้งๆ ที่มันท้องโย้ใกล้จะคลอดอยู่แล้ว ข้าอดไม่ได้จริงๆ”
“แจ้งตำรวจสิลุง”
“ข้าทำไม่ได้ว่ะ มันลูกแท้ๆ ของข้านะ”
พูดจบแกก็ก้มหน้าก้มตาถางหญ้าต่อไป ปล่อยให้ตรีเมฆยืนนิ่งงัน รู้สึกชาไปทั้งหน้าราวกับถูกมือแห้งเหี่ยวของชายชราที่ยืนแทบไม่ไหวนั้นฟาดลงมาเต็มแรง
เขากับไอ้จอม...ต่างกันตรงไหน ถึงเขาจะไม่เคยลงไม้ลงมือกับพ่อ แต่เขาก็เป็นเหตุให้พ่อตาย
**************
ใกล้เที่ยงแล้วจันทน์กะพ้อกำลังช่วยป้ามาลีอุ่นอาหารที่เอามาจากบ้าน ป้ามาลีตำน้ำพริกเพิ่มอีกสองสามอย่าง หล่อนจึงอาสาไปเด็ดผักกินกับน้ำพริกมาให้ ครั้งก่อนที่มาสวนนี้หล่อนเล็งสะเดาข้างรั้วเอาไว้ กะว่าจะเด็ดมาชิมเสียหน่อย หากเป็นสะเดาหวานจะได้ทำสะเดาน้ำปลาหวานไปให้ลิ้มลองกันอีกสักรายการ ไม่รู้ว่าแตกใบแก่ไปหมดหรือยัง ทันทีที่เห็นคุณครูคนโปรดขยับลุก เด็กชายตรีเพชรก็ขยับตามออกไปในทันที
“สะเดาเกือบจะแก่เกินกินแล้วละเพชร แต่น่าจะพอลวกกินกับน้ำพริกได้บ้าง” จันทน์กะพ้อชวนเด็กชายคุย ขณะที่ค่อยๆ แหวกกอหญ้าเข้าไปใกล้ๆ สะเดาต้นใหญ่แต่ไม่สูงมากนักนั่น กิ่งต่ำๆ ของมันน่าจะเอื้อมเด็ดได้ไม่ยากนัก
“เพชรไม่ต้องเข้ามานะคะ ระวังงู มันรก”
“ครับ เพชรจะช่วยเก็บให้ คุณครูโยนมาทางนี้นะครับ”
“ได้จ้ะ ว้า กิ่งนี้แก่ไปแล้ว เห็นทีครูต้องปีนขึ้นไปเก็บกิ่งโน้น” ครูสาวพับแขนเสื้อเชิ้ต ขยับขาเรียวในกางเกงยีนตัวเก่าสีซีดเหยียบบนกิ่งต่ำๆของสะเดาก่อนจะค่อยๆ เหนี่ยวตัวขึ้นไปยืนอยู่บนกิ่งใหญ่ๆ ที่หมายตาไว้
“ครูปีนต้นไม้เก่งจังครับ”
“แหม...จะหาว่าคุยนะเพชร สมัยเด็กๆ ครูเป็นมือปีนของบ้าน พี่ๆ อยากได้ลูกอะไร ต้องให้ครูปีนไปเก็บให้ทุกที” พูดพลางหล่อนก็เด็ดสะเดาที่ไม่เหลือช่อดอกแต่ยังแตกใบอ่อนน่ากินไปพลางใจนึกเสียดายที่ไม่ได้เก็บไปลวกใส่ตู้เย็นไว้กินตั้งแต่ครั้งก่อนโน้น
“เจ้าหมูอ้วน มาทำอะไรตรงนี้”
“ลุงยักษ์” เด็กชายตรีเพชรคราง หน้าซีดราวกับถูกจับผิดได้ สายตานำทางตรีเมฆไปยังร่างบางที่เกาะเกี่ยวอยู่อย่างหมิ่นเหม่อยู่บนต้นสะเดา
“เล่นซนอะไรกัน”
“เปล่าเล่นครับ มาเก็บสะเดากับคุณครู คุณครูครับ” เด็กชายหันไปป้องปากเรียกครูสาวที่กำลังเหนี่ยวกิ่งสะเดาจนชายเสื้อเชิ้ตยกสูง เผยหน้าท้องขาวเนียนแบนราบและแอ่งสะดือเล็กๆ เหนือขอบกางเกงยีนตัวเก่ง
“ว่าไงจ๊ะเพชร” เสียงขานรับดังขึ้นโดยที่ไม่ได้หันมามอง
“อุ๊ย มดแดงเยอะจัง ไม่ไหวแล้วจ้ะเพชร ครูจะลงละ”
“ลุงยักษ์ เดี๋ยว” เด็กชายพยายามห้ามร่างสูงที่เดินลุยหญ้าเข้าไปใต้สะเดาต้นใหญ่ อาการดิ้นหยุกหยิกอยู่บนกิ่งไม้เพราะโดนกองทัพมดแดงโจมตีนั้น ดูไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย เขาเดินไปยืนอยู่ใต้ร่างหล่อน กอดอกแหงนหน้ามอง
“โอ๊ย มดกัด”
“ครูลงมาสิครับ ลุงยักษ์มาตามแล้ว”
“คุณ!”
“ลงมา”
“ว้าย พ่อจ๋า!”
ตุ้บ!
“โอ๊ย!”
ร่างบางหล่นลงมาจากกิ่งสะเดาอย่างไม่เป็นท่า ยอดสะเดากระจายไปในอากาศและหล่นกระจัดกระจายอยู่ในพงหญ้าสูงรายรอบมือเก็บสะเดาที่ยังหลับตาปี๋ หัวใจเต้นระรัว หัวหมุนติ้วจับต้นชนปลายไม่ถูก
หญ้าใช่ไหม หล่อนคงหล่นลงบนพงหญ้า แขนขาถึงไม่หัก ใต้ผืนหญ้าคงเป็นเนินดินแข็งๆ โชคดีที่ไม่ใช่ตอไม้หรืออะไรสักอย่างที่จะเสียบร่างหล่อนได้
“คุณพระคุ้มครอง” หล่อนคราง หัวหมุนไม่หาย
“ลืมตา” เสียงลึกทุ้มดังอยู่ชิดใบหู จันทน์กะพ้อเปิดเปลือกตาขึ้นทันควัน หล่อนเห็นท่อนแขนของตนพาดอยู่บนอกกว้าง เห็นเสื้อสีน้ำเงินเข้มชุ่มเหงื่อของเขา หมวกที่เอียงกระเท่เร่ และดวงตาดุแข็งกร้าวที่จ้องมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อในระยะประชิด
“ลุกขึ้น” เขาสั่ง กัดฟันกรอด ขยับตัวดันกายตัวเองขึ้นจากกอหญ้าที่แบนราบเป็นรูปคน เขารู้สึกปวดปลาบที่หัวไหล่
ไหล่เคล็ดแล้วแน่ แบบนี้เสียงานแย่
“ขะ...ขอโทษค่ะ คุณเมฆเป็นอะไรไหมคะ คือว่ามดมันรุมกัดแล้วจันทน์ก็...”
“แก้ตัวเป็นเด็กๆ ไปได้” เขาบ่น ยันกายลุกขึ้นนั่ง
“เจ้าอ้วน มาเก็บสะเดาสิ อยากกินกันมากไม่ใช่เรอะ ยืนตาค้างอยู่ได้”
“ครับๆ เพชรแค่ทึ่ง ลุงยักษ์รับคุณครูมากอดไว้ได้ยังไงอะ สุดยอดมากเลย เพชรนึกว่าแย่แล้วเสียอีก”
“ไม่ได้รับมากอด ครูของนายหล่นลงมาทับฉันต่างหากล่ะ”
“ขอโทษค่ะ” หล่อนประนมมือไหว้เขา เกาะแขนเจ้าเพชรลุกขึ้นยืน ปัดเสื้อปัดผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังขยับลุกขึ้นช้าๆ
“คุณเมฆเจ็บตรงไหนไหมคะ”
“ไหล่เคล็ด อาจจะหลุด เจ็บสะโพก ก้นกบ ถามทำไม เธอเป็นหมอเรอะ”
“ปะ...เปล่าค่ะ แต่ฉันพาคุณไปหาหมอได้”
หล่อนหน้าแดงกับคำพูดโต้งๆ ของเขา ใจนึกฉุนขึ้นมาบ้าง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมต้องใช้ถ้อยคำ และสายตาหยาบคาบแบบนั้นด้วย
“แค่นี้ไม่ตายหรอก แต่หิวข้าวฉิบหาย แม่ให้มาตาม ป่านนี้คนแก่หิวเป็นลมกันไปหมดแล้วมั้ง”
“ตายจริง ขอโทษด้วยค่ะ ไปกันเถอะเพชร”
สามครั้ง สามครั้งแล้วนะที่หล่อนพูดคำว่า ขอโทษ!
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 เม.ย. 2563, 16:29:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 เม.ย. 2563, 16:29:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 540
<< บทที่ 5 -20% | บทที่ 5 -60% + แจ้งข่าวสั่งจอง >> |