Cause of Love...เล่ห์อำพรางใจ: เอบิช (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะความจำเป็นในชีวิต บีบบังคับให้ ‘มิวาร์’
ต้องทำสัญญาเงินกู้กับ ‘อีรอส ไททัน’ โดยแลกกับการเป็นผู้หญิงของเขา
อีรอสเป็นนักธุรกิจไฟแรง ติดโผชายในฝันของสาวๆ ทั่วทั้งนครนิวยอร์ก
และมีดีกรีเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
แต่ในสายตาของมิวาร์ เขาก็เป็นแค่อีตาหื่นจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ที่จ้องจะหิ้วเธอขึ้นเตียงทุกวินาที!
เรื่องงาน ‘แพทย์หญิงมิวาร์ กรุณา เกรแฮม’ ไม่เคยเป็นสองรองใคร
แต่เรื่องความรัก...เธอขออยู่ให้ห่าง ช่างต่างจากเขา...อีรอส...กามเทพตัวพ่อ
ที่ฟ้าจงใจส่งลงมาตามไล่ล่าเอาความรักจากเธอชัดๆ
การทำสัญญากับเขาในครั้งนี้ จึงเดือดร้อนมิวาร์ต้องงัดสารพัดวิธีมาชิ่งหนีเขา
โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ในเวลาเดียวกันนั้น
เธอกำลังถูกดึงเข้าไปพัวพันในวังวนของการฆาตกรรมอำพราง
เนื่องจากวิชาชีพของเธอเอง...
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ เธอจะเอาตัวรอดเช่นไร
อำพรางหัวใจ หรือยอมสยบให้กับเล่ห์กลของเขาดี!?
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "เอบิช" และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing) " ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบพระเอกหล่อ รวย และหื่นตัวพ่อ จัดไปค่ะ 555+ ขอบอกว่าฮีเปย์หนักมากกกกก แถมฉลาดและเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง! แต่ขณะเดียวกันก็คอยปกป้องนางเอกสุดฤทธิ์ เรื่องนี้มีความโรแมนติกพาฝันนิดๆ และมีปมฆาตกรรมให้ติดตามด้วย
ท้องเรื่องอยู่ในยุค 2023 #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง)
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน shopee ร้าน plaipakkabooks_officialshop (ส่งฟรีทุกเล่ม)
หนังสือพร้อมส่ง
จำนวน 372 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
ราคา 349฿ จากราคาปก 389฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 394฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 419฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ต้องทำสัญญาเงินกู้กับ ‘อีรอส ไททัน’ โดยแลกกับการเป็นผู้หญิงของเขา
อีรอสเป็นนักธุรกิจไฟแรง ติดโผชายในฝันของสาวๆ ทั่วทั้งนครนิวยอร์ก
และมีดีกรีเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
แต่ในสายตาของมิวาร์ เขาก็เป็นแค่อีตาหื่นจอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง
ที่จ้องจะหิ้วเธอขึ้นเตียงทุกวินาที!
เรื่องงาน ‘แพทย์หญิงมิวาร์ กรุณา เกรแฮม’ ไม่เคยเป็นสองรองใคร
แต่เรื่องความรัก...เธอขออยู่ให้ห่าง ช่างต่างจากเขา...อีรอส...กามเทพตัวพ่อ
ที่ฟ้าจงใจส่งลงมาตามไล่ล่าเอาความรักจากเธอชัดๆ
การทำสัญญากับเขาในครั้งนี้ จึงเดือดร้อนมิวาร์ต้องงัดสารพัดวิธีมาชิ่งหนีเขา
โดยไม่อาจล่วงรู้เลยว่า ในเวลาเดียวกันนั้น
เธอกำลังถูกดึงเข้าไปพัวพันในวังวนของการฆาตกรรมอำพราง
เนื่องจากวิชาชีพของเธอเอง...
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ เธอจะเอาตัวรอดเช่นไร
อำพรางหัวใจ หรือยอมสยบให้กับเล่ห์กลของเขาดี!?
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "เอบิช" และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing) " ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบพระเอกหล่อ รวย และหื่นตัวพ่อ จัดไปค่ะ 555+ ขอบอกว่าฮีเปย์หนักมากกกกก แถมฉลาดและเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง! แต่ขณะเดียวกันก็คอยปกป้องนางเอกสุดฤทธิ์ เรื่องนี้มีความโรแมนติกพาฝันนิดๆ และมีปมฆาตกรรมให้ติดตามด้วย
ท้องเรื่องอยู่ในยุค 2023 #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun และร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง)
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน shopee ร้าน plaipakkabooks_officialshop (ส่งฟรีทุกเล่ม)
หนังสือพร้อมส่ง
จำนวน 372 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
ราคา 349฿ จากราคาปก 389฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 394฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 419฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 10 -65%
ทั้งสามไปถึงรังรักของอีริกกับมิเชลในยี่สิบห้านาทีถัดมา บ้านของมิเชลปิดตาย ตัวเธอไปอาศัยนอนในโรงแรมย่านชานเมือง แต่แดเนียลมีกุญ แจสำรองสำหรับเข้าบ้านหลังนี้อยู่แล้ว เพราะเจ้าของบ้านจะต้องมอบกุญแจชุดหนึ่งให้กับทางตำรวจในกรณีเกิดเหตุอาชญากรรมขึ้นภายในบ้านของตนเพื่อความสะดวกในการทำงานของเจ้าหน้าที่
แต่เมื่อมิวาร์ลองตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุจริง ทั้งจุดที่อีริกนอนเสียชีวิตบนพื้นหินอ่อน จุดที่ขวดยากลิ้งตกอยู่ และบริเวณแวดล้อมโดยรอบ นอกจากนั้นแล้วเธอก็ไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม เรียกว่าช่วยอะไรไม่ได้เลย มันดูเหมือนเป็นจุดที่อีริกนอนเสียชีวิตไปเฉยๆ เพราะกินยาเกินขนาดจริงๆ นอกจากนี้...เธอยังขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบนของทั้งคู่เพื่อค้นหาแหวนเพชรเจ็ดกะรัต แต่ก็ไม่พบ
“บางทีมิเชลอาจจะเอาแหวนไปซ่อนไว้ที่อื่นไม่ก็ขายไปแล้ว” เธอเอ่ยออกมา
แต่แม้จะไม่ได้ร่องรอยหลักฐานอะไรเพิ่มเติม กระนั้น...มิวาร์ก็เชื่อ มั่นผลการชันสูตรศพที่เธอลงมือตรวจดูด้วยตนเองอีกครั้งเป็นอย่างมาก!
เมื่อเดินทางออกจากบ้านของมิเชล มันก็เป็นเวลาสี่โมงครึ่งแล้ว ทั้งสามจึงมุ่งหน้าไปยังสำนักงานชันสูตรศพของมิวาร์เพื่อจะพูดคุยถึงรายละ เอียดที่เธอค้นพบร่วมกับอัยการเขตซึ่งได้ติดต่อไว้ล่วงหน้า พวกเขาพบอัยการเขตชื่อ ริชาร์ด สมิธ ตอนห้าโมงตรง และต่างลงความเห็นว่าไปรับประ ทานมื้อเย็นกันที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งแล้วค่อยปรึกษาหารือกันถึงสาเหตุการเสียชีวิตของอีริกน่าจะดีกว่า
แดเนียลทิ้งรถประจำตำแหน่งของเขาไว้ที่สำนักงานของมิวาร์แล้วขออาศัยรถของเธอไปยังภัตตาคารโดยอาสาเป็นคนขับรถเอง ส่วนนักสืบกอสส์นั่งรถของอัยการเขตไปด้วยกัน
“ฉันพบความผิดพลาดในส่วนการรายงานด้านพิษวิทยาฉบับสำเนาค่ะ” มิวาร์เริ่มพูด หลังจากนั่งดื่มน้ำส้มเพียงคนเดียวในขณะคนที่เหลือต่างดื่มไวน์แดงพร้อมกับลงมือหั่นเนื้อสเต๊กของพวกเขากินกันอย่างช้าๆ
“ทางสำนักงานนิติเวชแห่งนั้นเล่นไม่ซื่ออย่างงั้นหรือ” อัยการเขตพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดที่บ่งบอกความไม่พอใจอย่างแรง
“เราไม่มีหลักฐานค่ะ มันอาจจะเป็นความผิดพลาดของคนเขียนราย งานก็ได้ แต่ที่แน่ๆ...ฉันคิดว่ามิเชลมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ”
“มันผิดพลาดตรงไหนครับ” แดเนียลตรงเข้าประเด็น
“ในรายงานต้นฉบับลงรายการยาซาแน็กซ์ที่พบในระดับเป็นหน่วยนาโนกรัมต่อมิลลิลิตร แต่ในสำเนาเขียนเป็นมิลลิกรัมค่ะ”
“ห่างกันสูงนะนั่น” อัยการเขตอุทาน ก่อนรีบกลืนเนื้อสันกึ่งสุกกึ่งดิบลงคออย่างรวดเร็ว
“ค่ะ ในฉบับจริงพิมพ์ตัวอักษร ‘นก.’ แต่ในสำเนาพิมพ์ ‘มก.’ ค่ะ”
“เขาพิมพ์พลาดหรือเปล่า” แดเนียลพยายามมองอย่างมีเหตุผล
“ถ้าหมอมาร์เวลสรุปว่าอีริกกินยาเกินขนาด มันอาจไม่ใช่ความผิด พลาดในการพิมพ์ลงในรายงานหรอกค่ะ แต่เป็นการจงใจกระทำมากกว่า”
“ผมเห็นด้วย” นักสืบกอสส์สนับสนุน
“จากการตรวจสอบปริมาณยาในร่างกายอีริกตามความเห็นของฉัน ปริมาณยาที่พบในตัวผู้ตายอยู่ในระดับการใช้รักษาอาการค่ะ และคนส่วนใหญ่รับปริมาณนี้ได้สบายมาก”
“แล้วถ้ามองในมุมกลับกันล่ะครับ หากต้นฉบับจริงพิมพ์ค่าหน่วยผิดพลาด แต่ฉบับสำเนาเกิดพิมพ์ค่าหน่วยถูกต้องขึ้นมา” แดเนียลถามขึ้น มาอย่างมีเหตุผลมากทีเดียว เป็นคำถามที่ก่อให้เกิดความสงสัยขึ้นในแววตาของอัยการเขตและนักสืบบนโต๊ะ
มิวาร์ยิ้มและตอบ “จากประสบการณ์ของฉัน มันยากมากๆ ที่จะบังคับให้ใครสักคนกลืนบางอย่างลงคอในปริมาณที่มากค่ะ ฉันพูดในแง่ที่ว่าเรารู้แล้วว่าท่านวุฒิสมาชิกถูกฆาตกรรมนะคะ แต่ก็อย่างว่า ฉันเคยทำคดีหนึ่งค่ะเมื่อสองปีก่อน คนร้ายบังคับให้ผู้หญิงคนหนึ่งกลืนยานอนหลับลงไปในจำ นวนที่มากพอที่จะทำให้เธอเสียชีวิต ปรากฏว่ายาพวกนั้นไม่ได้ลงไปในคอ และมันไม่ทำให้เธอตาย คนร้ายคิดว่าเธอกินยาจนตายทั้งที่เธอแค่สลบไป หลังจากนั้นเธอก็ฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลและทำให้คนร้ายถูกตัดสินลงโทษ”
ทุกคนในที่นั่นพยักหน้าเห็นพ้อง
“ผลตรวจสอบเนื้อเยื่อทำให้คุณหมอเชื่อใช่ไหมครับว่าอีริกถูกฆาตกรรม” อัยการเขตถามขึ้นมา เขาเป็นคนแรกที่กินสเต๊กหมดเกลี้ยง
“ใช่ค่ะ...มีรอยช้ำหนึ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับฉัน มันคือรอยช้ำเหนือซี่โครงตอนล่าง ฉันขอเนื้อเยื่อจากรอยช้ำนั้นจากหมอมาร์เวลมาส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ตอนแรกฉันคิดว่ารอยช้ำนี้ต้องเกิดขึ้นก่อนเวลาตายไม่นาน แล้วผลจากการส่องกล้องมันก็ยืนยันทฤษฎีของฉันจริงๆ” แล้วมิวาร์ก็อธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ตามผลของการส่องกล้องจุลทรรศน์ดูเนื้อ เยื่อให้คนทั้งหมดฟัง
“ถ้าท่านวุฒิสมาชิกยังมีชีวิตอยู่ต่อมาได้ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังเกิดรอยช้ำ ฉันก็คงจะเห็นเซลล์ร่างกายพยายามซ่อมแซมตัวเองผ่านกล้องจุลทรรศน์ แต่ฉันกลับไม่พบค่ะ”
“หมายความว่าท่านวุฒิสมาชิกเสียชีวิตภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงหลัง จากถูกทำให้เกิดรอยช้ำอย่างนั้นหรือครับ” แดเนียลถาม
“ค่ะ...มันบ่งชี้ว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นด้วย”
“คุณบอกว่ามีรอยช้ำรอบข้อมือ เหมือนรอยใส่กุญแจมือใช่ไหม”
แดเนียลถามต่อ
“ใช่ค่ะ”
“งั้นก็ตัดประเด็นออกไปได้เลยว่ามันเป็นรอยช้ำที่เกิดจากการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต”
“คุณมีความรู้เรื่องนี้ดีเหมือนกันนะคะ” มิวาร์เอ่ยชมจากใจจริง
“ผลของการเข้าไปยุ่งวุ่นวายในห้องชันสูตรศพบ่อยๆ น่ะครับ” แดเนียลยิ้มเขิน
“สรุปรอยช้ำทั้งหมด คุณหมอคิดว่าเกิดจากการทำร้ายร่างกายและผลของการต่อสู้ของท่านวุฒิสมาชิกใช่ไหมครับ” อัยการเขตเอ่ยขึ้น
“ค่ะ รอยช้ำรอบริมฝีปากฉันมั่นใจว่าเป็นรอยกดของหมอนหรือมือที่ปิดปากปิดจมูกค่ะ ข้อสันนิษฐานของฉันคืออีริกถูกสวมกุญแจมือ แล้วคนร้ายขึ้นนั่งคร่อมหน้าอกของเขา จากนั้นก็เอาบางอย่างปิดปากปิดจมูก ซึ่งในที่นี้ฉันคิดว่าเป็นหมอน จนในที่สุดเขาก็ขาดใจตาย จากภาพถ่ายระหว่างการชันสูตรศพภาพหนึ่ง ฉันเห็นรอยช้ำเล็กๆ เป็นรูวงกลมตรงหน้าอกเขาด้วยค่ะ เหมือนรอยลูกกระดุม ถ้าวิธีฆ่าเป็นไปตามที่ฉันสันนิษฐาน คนร้ายนั่งคร่อมหน้าอกอีริกที่สวมเสื้อเชิ้ต บริเวณที่เขานั่งบางส่วนเป็นกระดุมเสื้อ มันจึงเกิดรอยกดทับของกระดุมขึ้นมา”
“ผมเห็นด้วยกับความคิดของคุณหมอครับ” กอสส์สนับสนุนอีกครั้ง
“วิธีการฆ่านี้เหมือนเคยมีมาก่อน” อัยการเขตพูดอย่างใช้ความคิด
“เขาเรียกคดีเบิร์กค่ะ เป็นการฆาตกรรมด้วยการทำให้หายใจไม่ออกและเกิดร่องรอยของความรุนแรงเพียงเล็กน้อยจนถึงไม่มีเลย”
“ผมว่าการฆ่าคนแบบนี้มิเชลทำด้วยตัวเองไม่ได้หรอกครับ” กอสส์พูดขึ้นในสิ่งที่ตรงกับใจทุกคนรอบโต๊ะอาหาร
“อยู่ดีๆ คนรูปร่างบอบบางอย่างเธอจะใส่กุญแจมือคนร่างใหญ่และแข็งแรงอย่างท่านวุฒิสมาชิกได้ยังไงกัน จริงไหมล่ะครับ” เขาพูดต่อ
“เธอจะต้องร่วมมือกับชู้รักของเธอ เฮนดริก ฮาร์เปอร์ และเรื่องนี้มีเงินจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง” แดเนียลเสริมขึ้นอีกคน
“ผมจะออกหมายจับมิเชล กราแตงค์กับเฮนดริก ฮาร์เปอร์ ทันทีที่กลับถึงสำนักงาน!” อัยการเขตประกาศขึ้นกลางโต๊ะด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“ฉันกับแดเนียลจะส่งเอกสารและหลักฐานประกอบไปให้พรุ่งนี้เช้านะคะ แล้วคุณก็นำเสนอคณะลูกขุนใหญ่ได้เลย”
แล้วเธอก็หันไปทางนักสืบกอสส์ พูดว่า “นักสืบกอสส์คะ...ฉันวานคุณช่วยบอกเรื่องที่เราได้รับรู้ในวันนี้กับมาดามด้วยนะคะ ฉันยังมีธุระต้องทำคงไปแจ้งเธอเองในวันนี้ไม่ได้ บอกเธอต่อหน้าดีกว่าคุยกันทางโทรศัพท์ค่ะ”
“ยินดีครับ”
“คุณคิดว่าปมสาเหตุของการฆาตกรรมนี้เกิดจากเรื่องอะไร”
อัยการเขตหันไปถามนายตำรวจหนุ่มที่นั่งจิบไวน์ด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“อย่างที่บอกล่ะครับว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคำตอบขึ้นอยู่กับการสอบสวนและพยานหลักฐานทั้งเอกสารและบุคคลครับ”
ทุกคนต่างขบคิดหาสาเหตุการฆาตกรรมในครั้งนี้ และสรุปตรงกันว่าต้องมีเงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการลงมือสังหารอีริกอย่างเลือด เย็นจากนั้นพวกเขาก็คุยกันอีกครู่หนึ่งถึงการเตรียมตัวขึ้นให้การในคดีนี้ของพวกเขาเมื่อศาลออกคำสั่งฟ้อง จนกระทั่ง...เตรียมจะลุกขึ้นอำลากัน
ผู้จัดการภัตตาคารก็ตรงเข้ามาหามิวาร์พร้อมกระดาษแผ่นเล็กๆ ในมือ
“มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งส่งสิ่งนี้มาถึงคุณผู้หญิงครับ”
เขาโน้มตัวลงกระซิบกระซาบอย่างเป็นการส่วนตัว ก่อนจะก้าวจากไปเงียบๆ ครั้นมิวาร์อ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้น หน้าของเธอก็ค่อยๆ แดงซ่านและร้อนผ่าว
‘ผมไม่ชอบใจที่คุณให้ไอ้ตำรวจหอกหักนั่น ขับรถที่ผมซื้อให้คุณ ถ้าไม่อยากให้ผมตามราวีมัน มาหาผม...ผมคอยคุณอยู่ที่ห้องวีไอพีทิศเหนือ...
อีรอส’
“ฉันขอตัวไปพบเพื่อนก่อนนะคะ พอดีเขาอยู่อีกส่วนหนึ่งของภัต ตาคารค่ะ” มิวาร์ผุดลุกและรีบขอตัวด้วยสีหน้าจืดเจื่อน
“แดเนียลคะ...คุณกลับพร้อมกับอัยการเขตและกอสส์ได้ไหมคะ”
“ไม่มีปัญหาครับ” แม้จะยิ้มรับ แต่แดเนียลก็มีสีหน้าสงสัยใคร่รู้ดูจากคิ้วที่ขมวดเป็นปม
มิวาร์ก้าวฉับๆ ตรงไปหาผู้จัดการภัตตาคารซึ่งเหมือนยืนรอเธออยู่แล้ว และเดินตามการนำทางของเขาไปยังห้องวีไอพีแห่งนั้น ทันทีที่ประตูไม้แกะสลักเปิดออกกว้าง เธอก็พบว่าอีรอสไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่มีผู้หญิงแต่ง ตัวหรูหราท่าทางเก๋ไก๋นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทานอาหารทรงสี่เหลี่ยมที่ปูผ้าสีแดงเลือดนก และมีอาหารเรียกน้ำย่อยวางอยู่สองสามอย่างกับแก้วไวน์แดงก้านยาวสองแก้ว และแก้วของเธอ...น้ำตะไคร้ที่เห็นสีออกทองๆ มาแต่ไกล
เสียงประตูที่อ้ากว้างดึงความสนใจของคนทั้งสองให้พุ่งตรงมายังเธอ อีรอสลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีและตรงดิ่งมาหา เขาทำในสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงด้วยการคว้ามือของเธอขึ้นมาจุมพิตและวางลงบนข้อพับศอกที่กางออกแล้วพาเธอเดินไปหาหญิงสาวคนนั้น
“ว่าที่คู่หมั้นของผมครับ มิสบราวน์”
“คุณพระช่วย...คุณหมอเกรแฮมน่ะหรือคะ” มิสบราวน์อุทานด้วยท่าทางตื่นเต้นมากกว่าจะตกใจ หล่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาพร้อมกับยื่นมือออกไป คุณหมอสาวสัมผัสมือกับสตรีผู้นี้อย่างงุนงงเพราะยังไม่รู้ว่าหล่อนเป็นใคร
“เจ้าของคอลัมน์ คู่รักคนดังน่ะ หวังว่าคุณคงเคยได้ยินนะ” อีรอสแนะนำเมื่อเห็นมิวาร์เงยหน้าขึ้นมองเป็นเชิงถาม
“คุณ เอ่อ จะเปิดเผยตัวฉันอย่างนั้นหรือคะ” มิวาร์จงใจกระซิบถาม สายตามองไปยังมิสบราวน์ซึ่งยืนยิ้มแย้มอยู่ตรงหน้า
“ช่วยผมหน่อยก็แล้วกันนะ ที่รัก” เขาโน้มหน้าลงกระซิบข้างใบหูของเธอ จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้นักข่าวสาว
“ไปนั่งที่โต๊ะกันดีไหมครับ จะได้เริ่มต้นสัมภาษณ์ไปด้วย ทานไปด้วย”
“โอ...เยี่ยมค่ะ”
มิสบราวน์รีบหมุนตัวก้าวฉับๆ กลับไปที่โต๊ะเป็นรายแรก
มิวาร์เดินตามแรงจูงของอีรอส ในตอนแรกเธอแปลกใจกับบางสิ่งที่เปลี่ยนไปบนใบหน้าของเขา ใบหน้าคมคายนั้นเป็นสีแทนเข้มขึ้นกว่าที่เคยเห็น รอยช้ำรอบดวงตาก็เลือนหายไปซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะหายไปในแค่วันเดียว เธอจึงเข้าใจว่าเขาใช้เมกอัพปกปิดอำพรางร่องรอยเหล่านั้น
อีรอสบังคับให้เธอต้องนั่งลงบนเก้าอี้ตัวติดกัน เธอฝืนยิ้มให้นักข่าวสาวผู้นั่งฝั่งตรงกันข้าม
**************
นักอ่านจ๋า สำหรับเรื่องนี้ขออัปจบที่ “บทที่ 10 -100%” นะคะ (ซึ่งก็คือตอนหน้าแล้ว) เพราะมีปมฆาตกรรมถ้าลงมากกว่านี้เดี๋ยวจะไม่ค่อยดีกับคนที่ซื้อเล่มไปแล้วค่า
อ่านแล้วติดใจกันอุดหนุนได้ตามช่องทางออนไลน์ และหน้าร้านมีที่ “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ” นะคะ
eBook โหลดได้ที่ mebmarket
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
แต่เมื่อมิวาร์ลองตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุจริง ทั้งจุดที่อีริกนอนเสียชีวิตบนพื้นหินอ่อน จุดที่ขวดยากลิ้งตกอยู่ และบริเวณแวดล้อมโดยรอบ นอกจากนั้นแล้วเธอก็ไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม เรียกว่าช่วยอะไรไม่ได้เลย มันดูเหมือนเป็นจุดที่อีริกนอนเสียชีวิตไปเฉยๆ เพราะกินยาเกินขนาดจริงๆ นอกจากนี้...เธอยังขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบนของทั้งคู่เพื่อค้นหาแหวนเพชรเจ็ดกะรัต แต่ก็ไม่พบ
“บางทีมิเชลอาจจะเอาแหวนไปซ่อนไว้ที่อื่นไม่ก็ขายไปแล้ว” เธอเอ่ยออกมา
แต่แม้จะไม่ได้ร่องรอยหลักฐานอะไรเพิ่มเติม กระนั้น...มิวาร์ก็เชื่อ มั่นผลการชันสูตรศพที่เธอลงมือตรวจดูด้วยตนเองอีกครั้งเป็นอย่างมาก!
เมื่อเดินทางออกจากบ้านของมิเชล มันก็เป็นเวลาสี่โมงครึ่งแล้ว ทั้งสามจึงมุ่งหน้าไปยังสำนักงานชันสูตรศพของมิวาร์เพื่อจะพูดคุยถึงรายละ เอียดที่เธอค้นพบร่วมกับอัยการเขตซึ่งได้ติดต่อไว้ล่วงหน้า พวกเขาพบอัยการเขตชื่อ ริชาร์ด สมิธ ตอนห้าโมงตรง และต่างลงความเห็นว่าไปรับประ ทานมื้อเย็นกันที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งแล้วค่อยปรึกษาหารือกันถึงสาเหตุการเสียชีวิตของอีริกน่าจะดีกว่า
แดเนียลทิ้งรถประจำตำแหน่งของเขาไว้ที่สำนักงานของมิวาร์แล้วขออาศัยรถของเธอไปยังภัตตาคารโดยอาสาเป็นคนขับรถเอง ส่วนนักสืบกอสส์นั่งรถของอัยการเขตไปด้วยกัน
“ฉันพบความผิดพลาดในส่วนการรายงานด้านพิษวิทยาฉบับสำเนาค่ะ” มิวาร์เริ่มพูด หลังจากนั่งดื่มน้ำส้มเพียงคนเดียวในขณะคนที่เหลือต่างดื่มไวน์แดงพร้อมกับลงมือหั่นเนื้อสเต๊กของพวกเขากินกันอย่างช้าๆ
“ทางสำนักงานนิติเวชแห่งนั้นเล่นไม่ซื่ออย่างงั้นหรือ” อัยการเขตพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดที่บ่งบอกความไม่พอใจอย่างแรง
“เราไม่มีหลักฐานค่ะ มันอาจจะเป็นความผิดพลาดของคนเขียนราย งานก็ได้ แต่ที่แน่ๆ...ฉันคิดว่ามิเชลมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ”
“มันผิดพลาดตรงไหนครับ” แดเนียลตรงเข้าประเด็น
“ในรายงานต้นฉบับลงรายการยาซาแน็กซ์ที่พบในระดับเป็นหน่วยนาโนกรัมต่อมิลลิลิตร แต่ในสำเนาเขียนเป็นมิลลิกรัมค่ะ”
“ห่างกันสูงนะนั่น” อัยการเขตอุทาน ก่อนรีบกลืนเนื้อสันกึ่งสุกกึ่งดิบลงคออย่างรวดเร็ว
“ค่ะ ในฉบับจริงพิมพ์ตัวอักษร ‘นก.’ แต่ในสำเนาพิมพ์ ‘มก.’ ค่ะ”
“เขาพิมพ์พลาดหรือเปล่า” แดเนียลพยายามมองอย่างมีเหตุผล
“ถ้าหมอมาร์เวลสรุปว่าอีริกกินยาเกินขนาด มันอาจไม่ใช่ความผิด พลาดในการพิมพ์ลงในรายงานหรอกค่ะ แต่เป็นการจงใจกระทำมากกว่า”
“ผมเห็นด้วย” นักสืบกอสส์สนับสนุน
“จากการตรวจสอบปริมาณยาในร่างกายอีริกตามความเห็นของฉัน ปริมาณยาที่พบในตัวผู้ตายอยู่ในระดับการใช้รักษาอาการค่ะ และคนส่วนใหญ่รับปริมาณนี้ได้สบายมาก”
“แล้วถ้ามองในมุมกลับกันล่ะครับ หากต้นฉบับจริงพิมพ์ค่าหน่วยผิดพลาด แต่ฉบับสำเนาเกิดพิมพ์ค่าหน่วยถูกต้องขึ้นมา” แดเนียลถามขึ้น มาอย่างมีเหตุผลมากทีเดียว เป็นคำถามที่ก่อให้เกิดความสงสัยขึ้นในแววตาของอัยการเขตและนักสืบบนโต๊ะ
มิวาร์ยิ้มและตอบ “จากประสบการณ์ของฉัน มันยากมากๆ ที่จะบังคับให้ใครสักคนกลืนบางอย่างลงคอในปริมาณที่มากค่ะ ฉันพูดในแง่ที่ว่าเรารู้แล้วว่าท่านวุฒิสมาชิกถูกฆาตกรรมนะคะ แต่ก็อย่างว่า ฉันเคยทำคดีหนึ่งค่ะเมื่อสองปีก่อน คนร้ายบังคับให้ผู้หญิงคนหนึ่งกลืนยานอนหลับลงไปในจำ นวนที่มากพอที่จะทำให้เธอเสียชีวิต ปรากฏว่ายาพวกนั้นไม่ได้ลงไปในคอ และมันไม่ทำให้เธอตาย คนร้ายคิดว่าเธอกินยาจนตายทั้งที่เธอแค่สลบไป หลังจากนั้นเธอก็ฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลและทำให้คนร้ายถูกตัดสินลงโทษ”
ทุกคนในที่นั่นพยักหน้าเห็นพ้อง
“ผลตรวจสอบเนื้อเยื่อทำให้คุณหมอเชื่อใช่ไหมครับว่าอีริกถูกฆาตกรรม” อัยการเขตถามขึ้นมา เขาเป็นคนแรกที่กินสเต๊กหมดเกลี้ยง
“ใช่ค่ะ...มีรอยช้ำหนึ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับฉัน มันคือรอยช้ำเหนือซี่โครงตอนล่าง ฉันขอเนื้อเยื่อจากรอยช้ำนั้นจากหมอมาร์เวลมาส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ตอนแรกฉันคิดว่ารอยช้ำนี้ต้องเกิดขึ้นก่อนเวลาตายไม่นาน แล้วผลจากการส่องกล้องมันก็ยืนยันทฤษฎีของฉันจริงๆ” แล้วมิวาร์ก็อธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ตามผลของการส่องกล้องจุลทรรศน์ดูเนื้อ เยื่อให้คนทั้งหมดฟัง
“ถ้าท่านวุฒิสมาชิกยังมีชีวิตอยู่ต่อมาได้ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังเกิดรอยช้ำ ฉันก็คงจะเห็นเซลล์ร่างกายพยายามซ่อมแซมตัวเองผ่านกล้องจุลทรรศน์ แต่ฉันกลับไม่พบค่ะ”
“หมายความว่าท่านวุฒิสมาชิกเสียชีวิตภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงหลัง จากถูกทำให้เกิดรอยช้ำอย่างนั้นหรือครับ” แดเนียลถาม
“ค่ะ...มันบ่งชี้ว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นด้วย”
“คุณบอกว่ามีรอยช้ำรอบข้อมือ เหมือนรอยใส่กุญแจมือใช่ไหม”
แดเนียลถามต่อ
“ใช่ค่ะ”
“งั้นก็ตัดประเด็นออกไปได้เลยว่ามันเป็นรอยช้ำที่เกิดจากการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต”
“คุณมีความรู้เรื่องนี้ดีเหมือนกันนะคะ” มิวาร์เอ่ยชมจากใจจริง
“ผลของการเข้าไปยุ่งวุ่นวายในห้องชันสูตรศพบ่อยๆ น่ะครับ” แดเนียลยิ้มเขิน
“สรุปรอยช้ำทั้งหมด คุณหมอคิดว่าเกิดจากการทำร้ายร่างกายและผลของการต่อสู้ของท่านวุฒิสมาชิกใช่ไหมครับ” อัยการเขตเอ่ยขึ้น
“ค่ะ รอยช้ำรอบริมฝีปากฉันมั่นใจว่าเป็นรอยกดของหมอนหรือมือที่ปิดปากปิดจมูกค่ะ ข้อสันนิษฐานของฉันคืออีริกถูกสวมกุญแจมือ แล้วคนร้ายขึ้นนั่งคร่อมหน้าอกของเขา จากนั้นก็เอาบางอย่างปิดปากปิดจมูก ซึ่งในที่นี้ฉันคิดว่าเป็นหมอน จนในที่สุดเขาก็ขาดใจตาย จากภาพถ่ายระหว่างการชันสูตรศพภาพหนึ่ง ฉันเห็นรอยช้ำเล็กๆ เป็นรูวงกลมตรงหน้าอกเขาด้วยค่ะ เหมือนรอยลูกกระดุม ถ้าวิธีฆ่าเป็นไปตามที่ฉันสันนิษฐาน คนร้ายนั่งคร่อมหน้าอกอีริกที่สวมเสื้อเชิ้ต บริเวณที่เขานั่งบางส่วนเป็นกระดุมเสื้อ มันจึงเกิดรอยกดทับของกระดุมขึ้นมา”
“ผมเห็นด้วยกับความคิดของคุณหมอครับ” กอสส์สนับสนุนอีกครั้ง
“วิธีการฆ่านี้เหมือนเคยมีมาก่อน” อัยการเขตพูดอย่างใช้ความคิด
“เขาเรียกคดีเบิร์กค่ะ เป็นการฆาตกรรมด้วยการทำให้หายใจไม่ออกและเกิดร่องรอยของความรุนแรงเพียงเล็กน้อยจนถึงไม่มีเลย”
“ผมว่าการฆ่าคนแบบนี้มิเชลทำด้วยตัวเองไม่ได้หรอกครับ” กอสส์พูดขึ้นในสิ่งที่ตรงกับใจทุกคนรอบโต๊ะอาหาร
“อยู่ดีๆ คนรูปร่างบอบบางอย่างเธอจะใส่กุญแจมือคนร่างใหญ่และแข็งแรงอย่างท่านวุฒิสมาชิกได้ยังไงกัน จริงไหมล่ะครับ” เขาพูดต่อ
“เธอจะต้องร่วมมือกับชู้รักของเธอ เฮนดริก ฮาร์เปอร์ และเรื่องนี้มีเงินจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้อง” แดเนียลเสริมขึ้นอีกคน
“ผมจะออกหมายจับมิเชล กราแตงค์กับเฮนดริก ฮาร์เปอร์ ทันทีที่กลับถึงสำนักงาน!” อัยการเขตประกาศขึ้นกลางโต๊ะด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“ฉันกับแดเนียลจะส่งเอกสารและหลักฐานประกอบไปให้พรุ่งนี้เช้านะคะ แล้วคุณก็นำเสนอคณะลูกขุนใหญ่ได้เลย”
แล้วเธอก็หันไปทางนักสืบกอสส์ พูดว่า “นักสืบกอสส์คะ...ฉันวานคุณช่วยบอกเรื่องที่เราได้รับรู้ในวันนี้กับมาดามด้วยนะคะ ฉันยังมีธุระต้องทำคงไปแจ้งเธอเองในวันนี้ไม่ได้ บอกเธอต่อหน้าดีกว่าคุยกันทางโทรศัพท์ค่ะ”
“ยินดีครับ”
“คุณคิดว่าปมสาเหตุของการฆาตกรรมนี้เกิดจากเรื่องอะไร”
อัยการเขตหันไปถามนายตำรวจหนุ่มที่นั่งจิบไวน์ด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“อย่างที่บอกล่ะครับว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคำตอบขึ้นอยู่กับการสอบสวนและพยานหลักฐานทั้งเอกสารและบุคคลครับ”
ทุกคนต่างขบคิดหาสาเหตุการฆาตกรรมในครั้งนี้ และสรุปตรงกันว่าต้องมีเงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการลงมือสังหารอีริกอย่างเลือด เย็นจากนั้นพวกเขาก็คุยกันอีกครู่หนึ่งถึงการเตรียมตัวขึ้นให้การในคดีนี้ของพวกเขาเมื่อศาลออกคำสั่งฟ้อง จนกระทั่ง...เตรียมจะลุกขึ้นอำลากัน
ผู้จัดการภัตตาคารก็ตรงเข้ามาหามิวาร์พร้อมกระดาษแผ่นเล็กๆ ในมือ
“มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งส่งสิ่งนี้มาถึงคุณผู้หญิงครับ”
เขาโน้มตัวลงกระซิบกระซาบอย่างเป็นการส่วนตัว ก่อนจะก้าวจากไปเงียบๆ ครั้นมิวาร์อ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้น หน้าของเธอก็ค่อยๆ แดงซ่านและร้อนผ่าว
‘ผมไม่ชอบใจที่คุณให้ไอ้ตำรวจหอกหักนั่น ขับรถที่ผมซื้อให้คุณ ถ้าไม่อยากให้ผมตามราวีมัน มาหาผม...ผมคอยคุณอยู่ที่ห้องวีไอพีทิศเหนือ...
อีรอส’
“ฉันขอตัวไปพบเพื่อนก่อนนะคะ พอดีเขาอยู่อีกส่วนหนึ่งของภัต ตาคารค่ะ” มิวาร์ผุดลุกและรีบขอตัวด้วยสีหน้าจืดเจื่อน
“แดเนียลคะ...คุณกลับพร้อมกับอัยการเขตและกอสส์ได้ไหมคะ”
“ไม่มีปัญหาครับ” แม้จะยิ้มรับ แต่แดเนียลก็มีสีหน้าสงสัยใคร่รู้ดูจากคิ้วที่ขมวดเป็นปม
มิวาร์ก้าวฉับๆ ตรงไปหาผู้จัดการภัตตาคารซึ่งเหมือนยืนรอเธออยู่แล้ว และเดินตามการนำทางของเขาไปยังห้องวีไอพีแห่งนั้น ทันทีที่ประตูไม้แกะสลักเปิดออกกว้าง เธอก็พบว่าอีรอสไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่มีผู้หญิงแต่ง ตัวหรูหราท่าทางเก๋ไก๋นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทานอาหารทรงสี่เหลี่ยมที่ปูผ้าสีแดงเลือดนก และมีอาหารเรียกน้ำย่อยวางอยู่สองสามอย่างกับแก้วไวน์แดงก้านยาวสองแก้ว และแก้วของเธอ...น้ำตะไคร้ที่เห็นสีออกทองๆ มาแต่ไกล
เสียงประตูที่อ้ากว้างดึงความสนใจของคนทั้งสองให้พุ่งตรงมายังเธอ อีรอสลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีและตรงดิ่งมาหา เขาทำในสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงด้วยการคว้ามือของเธอขึ้นมาจุมพิตและวางลงบนข้อพับศอกที่กางออกแล้วพาเธอเดินไปหาหญิงสาวคนนั้น
“ว่าที่คู่หมั้นของผมครับ มิสบราวน์”
“คุณพระช่วย...คุณหมอเกรแฮมน่ะหรือคะ” มิสบราวน์อุทานด้วยท่าทางตื่นเต้นมากกว่าจะตกใจ หล่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาพร้อมกับยื่นมือออกไป คุณหมอสาวสัมผัสมือกับสตรีผู้นี้อย่างงุนงงเพราะยังไม่รู้ว่าหล่อนเป็นใคร
“เจ้าของคอลัมน์ คู่รักคนดังน่ะ หวังว่าคุณคงเคยได้ยินนะ” อีรอสแนะนำเมื่อเห็นมิวาร์เงยหน้าขึ้นมองเป็นเชิงถาม
“คุณ เอ่อ จะเปิดเผยตัวฉันอย่างนั้นหรือคะ” มิวาร์จงใจกระซิบถาม สายตามองไปยังมิสบราวน์ซึ่งยืนยิ้มแย้มอยู่ตรงหน้า
“ช่วยผมหน่อยก็แล้วกันนะ ที่รัก” เขาโน้มหน้าลงกระซิบข้างใบหูของเธอ จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้นักข่าวสาว
“ไปนั่งที่โต๊ะกันดีไหมครับ จะได้เริ่มต้นสัมภาษณ์ไปด้วย ทานไปด้วย”
“โอ...เยี่ยมค่ะ”
มิสบราวน์รีบหมุนตัวก้าวฉับๆ กลับไปที่โต๊ะเป็นรายแรก
มิวาร์เดินตามแรงจูงของอีรอส ในตอนแรกเธอแปลกใจกับบางสิ่งที่เปลี่ยนไปบนใบหน้าของเขา ใบหน้าคมคายนั้นเป็นสีแทนเข้มขึ้นกว่าที่เคยเห็น รอยช้ำรอบดวงตาก็เลือนหายไปซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะหายไปในแค่วันเดียว เธอจึงเข้าใจว่าเขาใช้เมกอัพปกปิดอำพรางร่องรอยเหล่านั้น
อีรอสบังคับให้เธอต้องนั่งลงบนเก้าอี้ตัวติดกัน เธอฝืนยิ้มให้นักข่าวสาวผู้นั่งฝั่งตรงกันข้าม
**************
นักอ่านจ๋า สำหรับเรื่องนี้ขออัปจบที่ “บทที่ 10 -100%” นะคะ (ซึ่งก็คือตอนหน้าแล้ว) เพราะมีปมฆาตกรรมถ้าลงมากกว่านี้เดี๋ยวจะไม่ค่อยดีกับคนที่ซื้อเล่มไปแล้วค่า
อ่านแล้วติดใจกันอุดหนุนได้ตามช่องทางออนไลน์ และหน้าร้านมีที่ “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ” นะคะ
eBook โหลดได้ที่ mebmarket
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ย. 2563, 08:47:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ย. 2563, 08:47:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 365
<< บทที่ 10 -30% + แจ้งข่าวงานหนังสือ | บทที่ 10 -100% (ตอนสุดท้าย) >> |