ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 6 -25%
ราวเจ็ดโมงเช้า รถกระบะของบ้านครูตรีเนตรก็แล่นเลี้ยวออกจากห้องแถวตามถนนใหญ่ไปจนถึงประตูรั้ววิทยาลัย ผ่านตัวตึกคณะวิชาต่างๆ ไปเรื่อยๆ นักศึกษายังมากันบางตา เจ้าหน้าที่ก็เริ่มทยอยมากันบ้างแล้ว บรรดาคณาจารย์ส่วนใหญ่จะมาช้าที่สุด บ้างก็มาถึงวิทยาลัยในคาบสอนของตนเองเสียเลย วันนี้อาจารย์จันทน์กะพ้อนั่งรถกระบะขนผลไม้มาพร้อมสารถีผู้ทำหน้าที่เป็นพ่อค้าไปในคราวเดียวกันเป็นครั้งแรกในชีวิต จันทน์กะพ้อเหลือบมองใบหน้าบึ้งตึง ผมเผ้ายุ่งเหยิงและเสื้อยืดหลวมๆ กับกางเกงยีนสีซีดที่เขาใส่แล้วก็เหนื่อยใจ
“ส่งที่คณะบัญชีก่อนค่ะ คุณเมฆจอดตรงนี้ได้เลย มีไม่กี่ถุงเดี๋ยวจันทน์เอาลงไปให้เอง รอสักครู่นะคะ” หล่อนพูดจบก็ไม่รอคำตอบ ลงจากรถไปคว้าถุงใส่ผลไม้ที่กระบะท้ายรถได้ก็เดินลิ่วๆ ในรองเท้าส้นสูงขึ้นไปบนตึก วันนี้หล่อนรวบผมเป็นมวยเรียบร้อย เผยรูปศีรษะสวยน่ามองและลำคอระหง รูปร่างบอบบางซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีเรียบๆ กับกระโปรงทรงเอพอดีตัว
ไปไม่นานหล่อนก็กลับมาพร้อมเงินสดในมือ หล่อนใส่ไว้ในช่องเก็บของเล็กๆ ในรถให้เขาเห็น ตรีเมฆมองเมินไปแล้วก็หันพวงมาลัยรถไปตามที่หล่อนบอก
“ตึกนี้ส่งขนุนสามลูกค่ะ”
“เดี๋ยวฉันยกเอง”
“แต่หัวไหล่คุณ...”
“หรือว่าคุณจะยกเองล่ะ”
“เปล่าค่ะ ฉันจะไปตามพี่ รปภ. มาช่วยยกค่ะ มันของพี่หัวหน้าฝ่ายวิชาการที่ตึกนี้ เขายกให้แน่”
“ไม่ต้องยุ่งยากหรอกน่า ไหน เข่งไหน อันนี้ใช่ไหม” เขาชี้ไปที่เข่งที่มีขนุนสามลูก
“ใช่ค่ะ อ๊ะ เดี๋ยวค่ะ เอามะม่วงน้ำปลาหวานฝากไปให้พี่แกชิมด้วย เผื่อสั่งเพิ่ม” หล่อนหยิบมะม่วงน้ำปลาหวานชุดหนึ่งมาถือไว้ มองสังเกตสีหน้าคนแบกเข่ง อากาศเริ่มร้อน เหงื่อเขาก็เริ่มไหลมากขึ้นทุกที
“เดินนำไปสิ” เขาดุ
กว่าทั้งสองจะมาถึงคณะที่จันทน์กะพ้อสอนอยู่ เวลาก็เกือบแปดโมงเช้าแล้ว หล่อนเรียกน้า รปภ. ที่คุ้นเคยกันมาช่วยยกเข่งผลไม้เพราะยังต้องไปส่งอีกหลายสาขา ให้ รปภ. พาตรีเมฆไปน่าจะสะดวกมากกว่า ส่วนตัวจันทน์กะพ้อเองขึ้นไปเซ็นชื่อที่ฝ่ายบุคคลก่อนพร้อมกับส่งมะม่วงน้ำปลาหวานสามสี่ชุด
“อาจารย์ตวงทอง มาแต่เช้าเลยนะคะ” พี่ฉวีหัวหน้าฝ่ายบุคคลผู้คุมการลงชื่อเข้าทำงานของทุกคนในตึกผละจากมะม่วงน้ำปลาหวานไปเอ่ยทัก
วันนี้อาจารย์ตวงทองสวมเบลเซอร์สีเทาอ่อนๆ ทับชุดเดรสเก๋ไก๋สีชมพูขลิบเทาเล็กๆ รองเท้าส้นสูงแบบถนอมเท้าที่แค่มองก็เดาได้ว่าราคาไม่น่าจะน้อยกว่าสี่ห้าหลัก เข้าชุดกับกระเป๋าสีเดียวกัน กลิ่นน้ำหอมเจือจางอ้อยอิ่งชวนให้อยากเข้าชิดใกล้เพื่อดอมดมและชมชื่น สนนราคาก็คงไม่เบาเหมือนกัน ในมือหล่อนอุ้มโน้ตบุ๊กบางจิ๋วใหม่เอี่ยม ใบหน้าแต่งบางเบาเผยผิวเนียนละมุนไร้ไฝฝ้าราคี แตะริมฝีปากอิ่มด้วยสีชมพูระเรื่อ
“สวัสดีค่ะ”
หล่อนประนมมือไหว้ทุกคนในคราวเดียวกัน จันทน์กะพ้อยืนอยู่ตรงนั้นด้วยในมือยังหิ้วถุงมะม่วงน้ำปลาหวานสองสามถุง เลยหันไปกระซิบกับพี่ฉวีเบาๆ
“พี่หวี จันทน์ฝากให้น้าน้อยหน่อยนะคะ จะตามไปดูที่แผนกช่างอุตสาหกรรมว่าเจ้าของสวนไปส่งให้ถูกไหม”
“จ้ะ ไปเถอะ ขอบใจนะจ๊ะที่เอามาให้ชิม รสเด็ดมากๆ”
“ไม่หวานไปใช่ไหมคะ”
“ไม่จ้ะ กำลังดี”
“ค่ะ” จันทน์กะพ้อเบี่ยงตัวออกไปเมื่อสาวๆ ในสำนักงานไปรุมล้อมพูดคุยกับอาจารย์ตวงทอง
เวลาถัดมา จันทน์กะพ้อก็ไปเจอตรีเมฆที่แผนกช่างอุตสาหกรรมจริงๆ หล่อนไปทันสถานการณ์ตอนที่กำลังอึมครึมราวกับฝนจะตกนั่นด้วย
“พี่ พวกผมถามพี่ดีๆ นะว่าพี่มาหาใคร”
“เออ ถามดีๆ ทำไมไม่ตอบ” นักศึกษาช่างที่กำลังเชื่อมเหล็กอะไรสักอย่างอยู่หน้าตึกกรูเข้ามาหาคนที่แบกเข่งอยู่บนหลัง หน้าตาบึ้งตึง เขาทั้งร้อนทั้งเหนียวตัวเพราะยางมะม่วง ยางขนุนสารพัด แล้วยังต้องมาเจอไอ้เด็กเวรพวกนี้อีกเรอะ!
“ทำไมต้องตอบ คนที่ฉันมาหาไม่ใช่พวกแกแน่”
“อ้าว นี่มันถิ่นใครเพ่ พูดแบบนี้ก็สวยดิ”
“ไม่ยักรู้ว่ามีใครเยี่ยวรดถิ่นนี้ไว้นี่”
“ไอ้!”
“เดี๋ยว!” เสียงหวานแหลมดังขึ้นขัดก่อนที่เด็กช่างกลุ่มนั้นจะกรูเข้ามาหาตรีเมฆ และก่อนที่เขาจะยกเข่งมะม่วงทุ่มใส่หัวพวกมันให้รู้แล้วรู้รอดกันไป
“อาจารย์ สวัสดีครับ”
“พวกเธอจะทำอะไรเขาน่ะ”
“เปล่าครับ เอ๊ะ แฟนอาจารย์เหรอครับ”
“เปล่า”
“ผมก็ว่าไม่น่าใช่ งั้นเล่นมันเลยพวกเรา”
“หยุด หยุดก่อน” เสียงแหบห้าวสูงวัยดังมาจากด้านหลัง
“อาจารย์ลุง” พวกนักศึกษาย่นคอ ถอยออกห่างเมื่อชายสูงวัยร่างท้วมผู้นั้นเดินออกมา
“หาเรื่องอะไรอีกวะพวกเอ็ง นี่เจ้าของสวนมะม่วง เขาเอามะม่วงมาส่งให้ข้า ใครมีปัญหาอะไรไหม”
“มะ...ไม่มีครับ คือพวกผมถามแล้วพี่เขาไม่ตอบดีๆ นี่ครับ”
“แล้วพวกเอ็งเป็น รปภ. หรือไงวะถึงเที่ยวไปสอบถามแขกไปใครมาเขาน่ะ”
“ก็พี่เขากวน...”
“ไอ้พวกนี้ ยังอีก! ไปเลย ไสหัวไปทำงานมาส่ง ไป!”
“ครับจารย์ลุง โทษทีนะเพ่ หน้าตาเพ่มันน่า...” ประโยคทิ้งท้ายนั้นทำให้ตรีเมฆแสยะยิ้มเหี้ยม เขาเห็นตัวเองเมื่อสมัยก่อนในหมู่หนุ่มๆ นักศึกษาเลือดร้อนเหล่านี้
“แบกไปใส่หลังรถให้เลยได้ไหมคุณ ผมแก่แล้วยกไม่ไหว”
“ได้ครับ”
*****************
สายมากแล้ว...จันทน์กะพ้ออยู่ดูตรีเมฆจนกระทั่งส่งของเจ้าสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย หล่อนก็ขอตัวเดินขึ้นตึกไปเตรียมการสอน เมื่อเดินเข้าไปที่สาขาวิชา หล่อนก็พบว่าอาจารย์ทั้งหลายที่มีสอนเช้าต่างกำลังรับประทานอาหารเช้าบ้าง ดื่มกาแฟบ้าง หรือไม่ก็เตรียมการสอนกันอยู่เงียบๆ หล่อนเดินผ่านโต๊ะทำงานของตวงทองเพื่อเดินไปที่โต๊ะทำงานของตนที่อยู่มุมในสุด
ภาพสาวน้อยแสนสวยกำลังยกแก้วกาแฟขึ้นจิบพร้อมกับเขี่ยนิ้วเรียวไปมาบนจอโทรศัพท์มือถือเครื่องบางในแสงแดดยามเช้า มุมที่ดีที่สุดของสำนักงาน เป็นภาพที่น่าอิจฉานัก แต่ตอนนี้จันทน์กะพ้อไม่มีเวลาแม้แต่จะแวะทักทาย หล่อนเดินลงส้นเบาๆ ผ่านอีกฝ่ายไปยังโต๊ะของตนเอง
หางตางอนสวยของคนที่นั่งละเลียดกาแฟอยู่ที่โต๊ะกระตุกเล็กน้อย ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง อาจารย์สาวท่าทางเรียบๆ เชยๆ คนนี้เมินหล่อนมาสองรอบแล้วหรือ ตวงทองหยัดกายลุกขึ้นยืน มองออกไปนอกกระจกเพื่อคลายความขุ่นใจเล็กๆ น่ารำคาญนั่น หล่อนมองสวนหย่อมหลังตึกที่กำลังชุ่มฉ่ำด้วยสปริงเกลอร์ที่หมุนวนรดลงบนหญ้าเขียวๆ และกลุ่มไม้ใบสวยงาม แลเรื่อยไปยังม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นอินทนิลที่กำลังออกดอกสีม่วงสวย
ใครคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น เขาลากสายยางรดน้ำไปราดรดลงบนตัวจนชุ่มโชก เสื้อยืดสีหม่นแนบเนื้ออกกว้างแกร่ง มือเสยผมเผ้าที่ค่อน ข้างยาวรุงรังไปข้างหลัง เผยใบหน้าคมเข้ม ดุดัน
“ตาย ตายจริงนั่นใครน่ะ”
ตวงทองอุทานเสียงดังเมื่อเขากระชากเสื้อยืดออกทางศีรษะ
“อุจาดตา รปภ. ไปไหนคะ” เสียงของหล่อนไม่เบานัก จันทน์กะพ้อที่อยู่ใกล้ที่สุดรีบรุดเข้ามายืนข้างๆ หล่อน
“ดูสิคะ ทุเรศจังเลย คนอะไรมาถอดเสื้อผ้าในสถานศึกษาได้”
“ตายจริง คุณเมฆ” จันทน์กะพ้อครางในลำคอ มองลูกชายผู้มีพระคุณกำลังสะบัดเสื้อสองสามทีก่อนจะสวมกลับเข้าทางหัวแล้วเดินลับหายไป
“อาจารย์รู้จักเขาเหรอคะ”
“กะ...ก็พอรู้จักค่ะ”
“แบบนี้ควรเรียก รปภ. ไปคุยตักเตือนนะคะ” ตวงทองเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง
“อย่าเลยค่ะ”
“ทำไมล่ะคะ”
“คือว่าคุณเมฆเขาสติไม่ค่อยดีน่ะค่ะ นี่ก็คงไปแล้วละ นั่นไงคะ รถวิ่งออกไปแล้ว”
“ค่ะ แต่ตวงจำทะเบียนรถได้ เดี๋ยวต้องให้ รปภ. ที่ประตูใหญ่บันทึกไว้ว่าห้ามเข้ามาอีกนะคะ”
“ค่ะ เอ่อ อาจารย์ตวงทองมีสอนไหมคะเช้านี้”
จันทน์กะพ้อรีบเปลี่ยนเรื่อง
“มีค่ะ แต่สอนที่ตึกนี้ละค่ะ ใช้ห้องบรรยายรวมเลยชิลหน่อย ไม่ไหวค่ะร้อนมาก” หล่อนไม่ได้มองหน้าคนฟังเต็มตาในขณะที่พูด เพียงแค่ปรายตามองกรายๆ เท่านั้น
ทว่า...คนฟังอย่างจันทน์กะพ้อได้ยินถึงกับกลืนน้ำลายฝืดคอ การที่อาจารย์เด็กๆ รุ่นเดียวกันจะได้ใช้ห้องบรรยายรวมในการสอนวิชาส่วนตัวนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะขนาดและความหรูหราของห้องนั้นมันเกินความจำเป็นสำหรับวิชาเล็กๆ จันทน์กะพ้อเองหรือแม้แต่อาจารย์ผู้ใหญ่บางท่านอย่างอาจารย์รวิวรรณและหัวหน้าสาขาเอง ยังต้องตระเวนเดินตากแดดท่อมๆ ไปสอนตามตึกคณะหรือสาขาอื่นๆ อยู่ทุกวี่วัน
ถ้าเส้นไม่ใหญ่จริงทำไม่ได้หรอกนะ
โธ่! อีตาคุณเมฆเกือบทำเสียเรื่องแล้วสิ
ebook ดุจจันทร์ดั้นเมฆ โปรฯ เปิดตัวลด 26% เหลืออีกแค่ 2 วันนะคะ^^ หมดเที่ยงคืนวันจันทร์นะ มาเตือนนนนน (เฉพาะเว็บ mebmarket)
“ส่งที่คณะบัญชีก่อนค่ะ คุณเมฆจอดตรงนี้ได้เลย มีไม่กี่ถุงเดี๋ยวจันทน์เอาลงไปให้เอง รอสักครู่นะคะ” หล่อนพูดจบก็ไม่รอคำตอบ ลงจากรถไปคว้าถุงใส่ผลไม้ที่กระบะท้ายรถได้ก็เดินลิ่วๆ ในรองเท้าส้นสูงขึ้นไปบนตึก วันนี้หล่อนรวบผมเป็นมวยเรียบร้อย เผยรูปศีรษะสวยน่ามองและลำคอระหง รูปร่างบอบบางซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีเรียบๆ กับกระโปรงทรงเอพอดีตัว
ไปไม่นานหล่อนก็กลับมาพร้อมเงินสดในมือ หล่อนใส่ไว้ในช่องเก็บของเล็กๆ ในรถให้เขาเห็น ตรีเมฆมองเมินไปแล้วก็หันพวงมาลัยรถไปตามที่หล่อนบอก
“ตึกนี้ส่งขนุนสามลูกค่ะ”
“เดี๋ยวฉันยกเอง”
“แต่หัวไหล่คุณ...”
“หรือว่าคุณจะยกเองล่ะ”
“เปล่าค่ะ ฉันจะไปตามพี่ รปภ. มาช่วยยกค่ะ มันของพี่หัวหน้าฝ่ายวิชาการที่ตึกนี้ เขายกให้แน่”
“ไม่ต้องยุ่งยากหรอกน่า ไหน เข่งไหน อันนี้ใช่ไหม” เขาชี้ไปที่เข่งที่มีขนุนสามลูก
“ใช่ค่ะ อ๊ะ เดี๋ยวค่ะ เอามะม่วงน้ำปลาหวานฝากไปให้พี่แกชิมด้วย เผื่อสั่งเพิ่ม” หล่อนหยิบมะม่วงน้ำปลาหวานชุดหนึ่งมาถือไว้ มองสังเกตสีหน้าคนแบกเข่ง อากาศเริ่มร้อน เหงื่อเขาก็เริ่มไหลมากขึ้นทุกที
“เดินนำไปสิ” เขาดุ
กว่าทั้งสองจะมาถึงคณะที่จันทน์กะพ้อสอนอยู่ เวลาก็เกือบแปดโมงเช้าแล้ว หล่อนเรียกน้า รปภ. ที่คุ้นเคยกันมาช่วยยกเข่งผลไม้เพราะยังต้องไปส่งอีกหลายสาขา ให้ รปภ. พาตรีเมฆไปน่าจะสะดวกมากกว่า ส่วนตัวจันทน์กะพ้อเองขึ้นไปเซ็นชื่อที่ฝ่ายบุคคลก่อนพร้อมกับส่งมะม่วงน้ำปลาหวานสามสี่ชุด
“อาจารย์ตวงทอง มาแต่เช้าเลยนะคะ” พี่ฉวีหัวหน้าฝ่ายบุคคลผู้คุมการลงชื่อเข้าทำงานของทุกคนในตึกผละจากมะม่วงน้ำปลาหวานไปเอ่ยทัก
วันนี้อาจารย์ตวงทองสวมเบลเซอร์สีเทาอ่อนๆ ทับชุดเดรสเก๋ไก๋สีชมพูขลิบเทาเล็กๆ รองเท้าส้นสูงแบบถนอมเท้าที่แค่มองก็เดาได้ว่าราคาไม่น่าจะน้อยกว่าสี่ห้าหลัก เข้าชุดกับกระเป๋าสีเดียวกัน กลิ่นน้ำหอมเจือจางอ้อยอิ่งชวนให้อยากเข้าชิดใกล้เพื่อดอมดมและชมชื่น สนนราคาก็คงไม่เบาเหมือนกัน ในมือหล่อนอุ้มโน้ตบุ๊กบางจิ๋วใหม่เอี่ยม ใบหน้าแต่งบางเบาเผยผิวเนียนละมุนไร้ไฝฝ้าราคี แตะริมฝีปากอิ่มด้วยสีชมพูระเรื่อ
“สวัสดีค่ะ”
หล่อนประนมมือไหว้ทุกคนในคราวเดียวกัน จันทน์กะพ้อยืนอยู่ตรงนั้นด้วยในมือยังหิ้วถุงมะม่วงน้ำปลาหวานสองสามถุง เลยหันไปกระซิบกับพี่ฉวีเบาๆ
“พี่หวี จันทน์ฝากให้น้าน้อยหน่อยนะคะ จะตามไปดูที่แผนกช่างอุตสาหกรรมว่าเจ้าของสวนไปส่งให้ถูกไหม”
“จ้ะ ไปเถอะ ขอบใจนะจ๊ะที่เอามาให้ชิม รสเด็ดมากๆ”
“ไม่หวานไปใช่ไหมคะ”
“ไม่จ้ะ กำลังดี”
“ค่ะ” จันทน์กะพ้อเบี่ยงตัวออกไปเมื่อสาวๆ ในสำนักงานไปรุมล้อมพูดคุยกับอาจารย์ตวงทอง
เวลาถัดมา จันทน์กะพ้อก็ไปเจอตรีเมฆที่แผนกช่างอุตสาหกรรมจริงๆ หล่อนไปทันสถานการณ์ตอนที่กำลังอึมครึมราวกับฝนจะตกนั่นด้วย
“พี่ พวกผมถามพี่ดีๆ นะว่าพี่มาหาใคร”
“เออ ถามดีๆ ทำไมไม่ตอบ” นักศึกษาช่างที่กำลังเชื่อมเหล็กอะไรสักอย่างอยู่หน้าตึกกรูเข้ามาหาคนที่แบกเข่งอยู่บนหลัง หน้าตาบึ้งตึง เขาทั้งร้อนทั้งเหนียวตัวเพราะยางมะม่วง ยางขนุนสารพัด แล้วยังต้องมาเจอไอ้เด็กเวรพวกนี้อีกเรอะ!
“ทำไมต้องตอบ คนที่ฉันมาหาไม่ใช่พวกแกแน่”
“อ้าว นี่มันถิ่นใครเพ่ พูดแบบนี้ก็สวยดิ”
“ไม่ยักรู้ว่ามีใครเยี่ยวรดถิ่นนี้ไว้นี่”
“ไอ้!”
“เดี๋ยว!” เสียงหวานแหลมดังขึ้นขัดก่อนที่เด็กช่างกลุ่มนั้นจะกรูเข้ามาหาตรีเมฆ และก่อนที่เขาจะยกเข่งมะม่วงทุ่มใส่หัวพวกมันให้รู้แล้วรู้รอดกันไป
“อาจารย์ สวัสดีครับ”
“พวกเธอจะทำอะไรเขาน่ะ”
“เปล่าครับ เอ๊ะ แฟนอาจารย์เหรอครับ”
“เปล่า”
“ผมก็ว่าไม่น่าใช่ งั้นเล่นมันเลยพวกเรา”
“หยุด หยุดก่อน” เสียงแหบห้าวสูงวัยดังมาจากด้านหลัง
“อาจารย์ลุง” พวกนักศึกษาย่นคอ ถอยออกห่างเมื่อชายสูงวัยร่างท้วมผู้นั้นเดินออกมา
“หาเรื่องอะไรอีกวะพวกเอ็ง นี่เจ้าของสวนมะม่วง เขาเอามะม่วงมาส่งให้ข้า ใครมีปัญหาอะไรไหม”
“มะ...ไม่มีครับ คือพวกผมถามแล้วพี่เขาไม่ตอบดีๆ นี่ครับ”
“แล้วพวกเอ็งเป็น รปภ. หรือไงวะถึงเที่ยวไปสอบถามแขกไปใครมาเขาน่ะ”
“ก็พี่เขากวน...”
“ไอ้พวกนี้ ยังอีก! ไปเลย ไสหัวไปทำงานมาส่ง ไป!”
“ครับจารย์ลุง โทษทีนะเพ่ หน้าตาเพ่มันน่า...” ประโยคทิ้งท้ายนั้นทำให้ตรีเมฆแสยะยิ้มเหี้ยม เขาเห็นตัวเองเมื่อสมัยก่อนในหมู่หนุ่มๆ นักศึกษาเลือดร้อนเหล่านี้
“แบกไปใส่หลังรถให้เลยได้ไหมคุณ ผมแก่แล้วยกไม่ไหว”
“ได้ครับ”
*****************
สายมากแล้ว...จันทน์กะพ้ออยู่ดูตรีเมฆจนกระทั่งส่งของเจ้าสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย หล่อนก็ขอตัวเดินขึ้นตึกไปเตรียมการสอน เมื่อเดินเข้าไปที่สาขาวิชา หล่อนก็พบว่าอาจารย์ทั้งหลายที่มีสอนเช้าต่างกำลังรับประทานอาหารเช้าบ้าง ดื่มกาแฟบ้าง หรือไม่ก็เตรียมการสอนกันอยู่เงียบๆ หล่อนเดินผ่านโต๊ะทำงานของตวงทองเพื่อเดินไปที่โต๊ะทำงานของตนที่อยู่มุมในสุด
ภาพสาวน้อยแสนสวยกำลังยกแก้วกาแฟขึ้นจิบพร้อมกับเขี่ยนิ้วเรียวไปมาบนจอโทรศัพท์มือถือเครื่องบางในแสงแดดยามเช้า มุมที่ดีที่สุดของสำนักงาน เป็นภาพที่น่าอิจฉานัก แต่ตอนนี้จันทน์กะพ้อไม่มีเวลาแม้แต่จะแวะทักทาย หล่อนเดินลงส้นเบาๆ ผ่านอีกฝ่ายไปยังโต๊ะของตนเอง
หางตางอนสวยของคนที่นั่งละเลียดกาแฟอยู่ที่โต๊ะกระตุกเล็กน้อย ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง อาจารย์สาวท่าทางเรียบๆ เชยๆ คนนี้เมินหล่อนมาสองรอบแล้วหรือ ตวงทองหยัดกายลุกขึ้นยืน มองออกไปนอกกระจกเพื่อคลายความขุ่นใจเล็กๆ น่ารำคาญนั่น หล่อนมองสวนหย่อมหลังตึกที่กำลังชุ่มฉ่ำด้วยสปริงเกลอร์ที่หมุนวนรดลงบนหญ้าเขียวๆ และกลุ่มไม้ใบสวยงาม แลเรื่อยไปยังม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นอินทนิลที่กำลังออกดอกสีม่วงสวย
ใครคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น เขาลากสายยางรดน้ำไปราดรดลงบนตัวจนชุ่มโชก เสื้อยืดสีหม่นแนบเนื้ออกกว้างแกร่ง มือเสยผมเผ้าที่ค่อน ข้างยาวรุงรังไปข้างหลัง เผยใบหน้าคมเข้ม ดุดัน
“ตาย ตายจริงนั่นใครน่ะ”
ตวงทองอุทานเสียงดังเมื่อเขากระชากเสื้อยืดออกทางศีรษะ
“อุจาดตา รปภ. ไปไหนคะ” เสียงของหล่อนไม่เบานัก จันทน์กะพ้อที่อยู่ใกล้ที่สุดรีบรุดเข้ามายืนข้างๆ หล่อน
“ดูสิคะ ทุเรศจังเลย คนอะไรมาถอดเสื้อผ้าในสถานศึกษาได้”
“ตายจริง คุณเมฆ” จันทน์กะพ้อครางในลำคอ มองลูกชายผู้มีพระคุณกำลังสะบัดเสื้อสองสามทีก่อนจะสวมกลับเข้าทางหัวแล้วเดินลับหายไป
“อาจารย์รู้จักเขาเหรอคะ”
“กะ...ก็พอรู้จักค่ะ”
“แบบนี้ควรเรียก รปภ. ไปคุยตักเตือนนะคะ” ตวงทองเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง
“อย่าเลยค่ะ”
“ทำไมล่ะคะ”
“คือว่าคุณเมฆเขาสติไม่ค่อยดีน่ะค่ะ นี่ก็คงไปแล้วละ นั่นไงคะ รถวิ่งออกไปแล้ว”
“ค่ะ แต่ตวงจำทะเบียนรถได้ เดี๋ยวต้องให้ รปภ. ที่ประตูใหญ่บันทึกไว้ว่าห้ามเข้ามาอีกนะคะ”
“ค่ะ เอ่อ อาจารย์ตวงทองมีสอนไหมคะเช้านี้”
จันทน์กะพ้อรีบเปลี่ยนเรื่อง
“มีค่ะ แต่สอนที่ตึกนี้ละค่ะ ใช้ห้องบรรยายรวมเลยชิลหน่อย ไม่ไหวค่ะร้อนมาก” หล่อนไม่ได้มองหน้าคนฟังเต็มตาในขณะที่พูด เพียงแค่ปรายตามองกรายๆ เท่านั้น
ทว่า...คนฟังอย่างจันทน์กะพ้อได้ยินถึงกับกลืนน้ำลายฝืดคอ การที่อาจารย์เด็กๆ รุ่นเดียวกันจะได้ใช้ห้องบรรยายรวมในการสอนวิชาส่วนตัวนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะขนาดและความหรูหราของห้องนั้นมันเกินความจำเป็นสำหรับวิชาเล็กๆ จันทน์กะพ้อเองหรือแม้แต่อาจารย์ผู้ใหญ่บางท่านอย่างอาจารย์รวิวรรณและหัวหน้าสาขาเอง ยังต้องตระเวนเดินตากแดดท่อมๆ ไปสอนตามตึกคณะหรือสาขาอื่นๆ อยู่ทุกวี่วัน
ถ้าเส้นไม่ใหญ่จริงทำไม่ได้หรอกนะ
โธ่! อีตาคุณเมฆเกือบทำเสียเรื่องแล้วสิ
ebook ดุจจันทร์ดั้นเมฆ โปรฯ เปิดตัวลด 26% เหลืออีกแค่ 2 วันนะคะ^^ หมดเที่ยงคืนวันจันทร์นะ มาเตือนนนนน (เฉพาะเว็บ mebmarket)
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 เม.ย. 2563, 12:19:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 เม.ย. 2563, 12:22:57 น.
จำนวนการเข้าชม : 506
<< บทที่ 5 -100% | บทที่ 6 -50% >> |