ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 7 -60%
จันทน์กะพ้องานยุ่งมากที่วิทยาลัยจนไม่มีเวลามาวุ่นวายกับปัญหาที่ตรีเมฆก่อ หล่อนเพียงหุงหาอาหารให้ป้ามาลีตามปกติ ช่วยทำบัญชีตอนเย็นทุกวัน และคอยรับฟังเรื่องที่ป้าเอามาปรับทุกข์เป็นครั้งคราวไป
ดูเหมือนป้ามาลีเองก็เหนื่อยใจเกินกว่าจะขัดใจลูกชาย นานวันเข้านางก็ไม่เอ่ยถึงมันอีก ได้แต่มองผู้เช่าที่อยู่กันมาเป็นปีๆ ทยอยจากไปทีละคนสองคนอย่างน่าใจหาย บรรยากาศอึมครึมในเรือนครูตรีเนตรดำเนินไปเรื่อยๆ อย่างน่าอึดอัด จนกระทั่งผู้เช่าคนสุดท้ายขนของออกไป
ตรีเมฆกับลุงเกิด จัดการเก็บกวาดรอบๆ ห้องแถว ขนเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ เศษขยะที่ผู้เช่าจงใจทิ้งไว้ออกมาทิ้งอยู่ถึงสามวันจึงได้เรียบร้อย บัดนี้สภาพของห้องแถวว่างเปล่า ไร้เงาผู้เช่า รถมอเตอร์ไซค์ที่เคยจอดเรียงรายหายไปเหลือเพียงลานโล่งๆ ตรีเมฆมองมันด้วยความพอใจ ก่อนจะขับรถออกไปส่งลุงเกิดและลูกสะใภ้ของแก
แต่ทว่า...ลับหลังตรีเมฆออกไปไม่นาน รถกระบะขับเคลื่อนสี่ประตูค่อนข้างใหม่คันหนึ่ง ก็วิ่งเข้ามาจอดที่ลานโล่งนั่น
ตรีเพชรวิ่งออกมาชะเง้อคอมองที่ระเบียงบ้าน เพราะแปลกเสียง
“ใครมาเจ้าเพชร”
“ไม่รู้ครับยาย ผู้ชายครับ” เด็กชายเอ่ยบอก ดวงตาหยีๆ ยังจับจ้อง ‘ผู้ชาย’ คนนั้น เขารูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้ตรีเมฆ และสวมแว่นตากันแดดแบบเท่ๆ ที่ตรีเพชรชอบเสียด้วย
“ลงไปถามเขาดูซิว่ามาเช่าห้องหรือเปล่า เขาอาจจะไม่เห็นป้ายที่ปิดประกาศไว้ก็ได้”
“ครับยาย” ตรีเพชรรับคำแล้ววิ่งปรู๊ดลงจากเรือนชนิดที่จันทน์กะพ้อซึ่งกำลังตำน้ำพริกอยู่ในครัวต้องส่ายหัว
“ระวังตกบันไดนะเพชร” เสียงร้องเตือนดังไล่หลังมา
“สวัสดีครับ มาเช่าห้องเหรอครับ” เด็กชายถาม ชายคนที่กำลังยืนมองห้องแถวอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาหันมายิ้มให้เจ้าหนูพลางถอดแว่น
“เปล่าหรอกไอ้หนู ฉันมาหาเจ้าของห้องแถวน่ะ”
“มาหายายเหรอครับ ยาย ยายครับยาย” เด็กชายป้องปากเรียก
ชายหนุ่มผู้นั้นคว้าไหล่อวบอ้วนไว้ พลางส่ายหน้า “ไม่ต้องตะโกนหรอก ไปบอกคุณยายดีๆ ว่าศมา เพื่อนตรีเมฆมาหา”
“ครับ” เด็กชายหมุนตัวขวับ
“เดี๋ยว แล้วนี่คุณตรีเมฆไม่อยู่หรือ”
“ไม่อยู่ครับ แต่เดี๋ยวก็กลับ รออยู่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมไปตามยายให้” เด็กชายชี้จุดที่ชายหนุ่มยืนอยู่พลางมองตาเขานิ่ง ราวกับจะกำชับไม่ให้เขาก้าวล้ำเข้ามาด้านในโดยไม่ได้รับอนุญาต พฤติกรรมระแวดระวังแบบนี้เกิดจากคุณครูคนสวยที่พร่ำสอนให้เขาเป็นผู้ใหญ่ และรู้จักดูแลยายมาลี ตั้งแต่ครั้งที่มีคนเลวขึ้นบ้านไปทำร้ายคุณครู ตรีเพชรก็จดจำได้ไม่ลืม
ศมายืนทิ้งขาอมยิ้ม มองตามร่างอวบที่วิ่งลับขึ้นบ้านไป เขากวาดสายตามองไปรอบๆ เรือนครูตรีเนตรยังร่มรื่นไม่เปลี่ยน สร้างอยู่บนที่ดินเกือบสิบไร่ ศมาไม่เคยลืมว่าการมาเที่ยวบ้านตรีเมฆนั้นสนุกสนานขนาดไหนก่อนที่เพื่อนสนิทจะริอ่านหาความสนุกอย่างอื่นจนละเลยครอบครัว
ศมาเคยอิจฉาตรีเมฆมากที่มีพร้อมทุกอย่าง ในขณะที่เขากับพ่อแม่พี่น้องต้องปากกัดตีนถีบ อาศัยแออัดยัดเยียดอยู่ในห้องเช่าริมคลองที่แสนสกปรก เหม็นเน่า เขาโกรธตรีเมฆแทนพ่อแม่ที่ชายหนุ่มลุ่มหลงอบายมุขเสียจนละทิ้งความโชคดีทั้งหลายเสีย ตรีเมฆโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ไยดีและจบชีวิตวัยเรียนได้อย่างน่าอดสูยิ่งนัก
ศมารู้สึกขอบคุณความข้นแค้นทั้งหลายที่เป็นแรงผลักดันให้เขาถีบตัวขึ้นมาจนถึงวันนี้
“ศมารึ” เสียงแหบแห้งร้องถามมาจากหัวบันไดบ้าน ศมากำลังอยู่ในภวังค์หันขวับไปมอง
ร่างผอมจนแทบปลิวลมของผู้หญิงที่เคยเลี้ยงดูปูเสื่อเด็กบ้านนอกยากไร้อย่างเขาหลายปีนั้น ทำให้ชายหนุ่มใจหาย ความตรอมใจคร่าชีวิตครูตรีเนตร และแม้มันจะไม่ได้พรากชีวิตป้ามาลีไปด้วย แต่มันก็บั่นทอนจนนางกลายเป็นหญิงชราที่เศร้าหมองยิ่งนัก
“สวัสดีครับป้ามาลี” เขาก้าวยาวๆ เข้าไปยืนอยู่ตรงหน้ายกมือไหว้ค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อม ท่าทีนุ่มนวลนั้นทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังป้ามาลีอดพิศมองเขาอย่างชื่นชมไม่ได้
“ศมาจริงๆ ด้วย”
“ครับ ผมเอง”
“โตเป็นหนุ่มใหญ่แล้วสินะ มีสง่าราศีเหลือเกินพ่อ”
“ขอบคุณครับป้า”
“มาหาตรีเมฆเรอะ” นางถามเสียงสั่น อดดีใจไม่ได้ที่ยังมีคนคิดมาเยี่ยมเยืยนลูกชายของนาง
ศมาพยักหน้า “ครับ เมฆนัดให้ผมมาดูห้องแถวที่จะรื้อทำใหม่”
“อ้อ...” ป้ามาลีชะงักไป แล้วพยักหน้าเอ่ยเบาๆ “ก็ดีๆ ถ้าศมามาช่วย ป้าก็เบาใจ”
“ครับ”
“ขึ้นบ้านมากินข้าวกินปลากันก่อน เดี๋ยวตรีเมฆก็คงกลับมา” นางเดินนำเขาขึ้นไปบนบ้าน ตรงไปยังครัว และโต๊ะกินข้าวที่มีกับข้าวมากมายหลายอย่างเรียงรายส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนให้คนที่ทำงานหนักจนลืมมื้อเที่ยงท้องร้องจ๊อกๆ
“นี่หนูจันทน์กะพ้อ เป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยนี่ล่ะ หนูจันทน์มาเป็นที่พึ่งให้ป้ามาจะครบปีละใช่ไหมลูก”
“ค่ะป้า แต่ความจริงคือจันทน์มาอาศัยป้าอยู่ รบกวนป้ามากกว่า” หล่อนยิ้มบาง ดวงตาดำขลับแวววับเป็นประกายสุกใส ใบหน้านวลลออกระจ่างขึ้นในแสงไฟนุ่มๆ ผมยาวรวบไว้เป็นมวยง่ายๆ ปล่อยลูกผมเล็กๆ ระลำ คอขาวผ่อง
ศมาฉงนไม่น้อยกับความสัมพันธ์ของสมาชิกใหม่บ้านครูตรีเนตรและเจ้าของบ้าน เด็กชายร่างอวบอ้วนที่มาต้อนรับเขาเมื่อสักครู่ และตอนนี้ ก็ยังยืนอยู่ด้วย ท่าทางเฉลียวฉลาด เอาแต่จ้องมองเขา แถมยังเรียกป้ามาลีว่า ‘ยาย’ แสดงว่าเจ้าหนูคงไม่ใช่ผลผลิตของตรีเมฆ ส่วนหญิงสาวผู้งามลออไปทั้งตัวที่ชื่อจันทน์กะพ้อ เรียกมาลีว่า ‘ป้า’ นั่นก็คงหมายความว่าหล่อนไม่น่าจะใช่คนรักของตรีเมฆ
ไม่ใช่หรอกกระมัง...เขานึก
“วันนี้มีอะไรเลี้ยงแขกของเราบ้างหนูจันทน์”
“ลุงเกิดได้แมงดามาฝาก วันนี้เลยมีน้ำพริกแมงดาค่ะ แล้วก็ห่อหมกปลาช่อนด้วยอีกอย่าง มีไข่เจียวฟูๆ ของเพชร ของหวานก็เป็นผลไม้จากสวนของเราค่ะ” จันทน์กะพ้อสาธยายรายการอาหาร พลางเปิดฝาชีให้ชม หล่อนชอบทำอาหารให้ครอบครัวมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว แม้จะอาภัพ เกิดมาแม่ก็มาด่วนจากไปกะทันหัน แต่จันทน์กะพ้อก็มีพี่สาวที่อายุห่างกันเกือบรอบที่เอางานบ้านงานเรือนถึงสองคน จันทน์กะพ้อจึงไม่เคยเห็นว่าการหุงหาอาหารเลี้ยงดูครอบครัวเป็นเรื่องยากลำบาก หล่อนสุขใจที่สมาชิกในบ้านได้กินอาหารดีๆ มากกว่า
“ลุงยักษ์มาแล้วครับ” ความที่หนุ่มน้อยเคยเป็นหนึ่งเดียวของบ้านเสมอมาตรีเพชรจึงหูไวตาไวเสมอเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘ผู้ชาย’ อีกคนของบ้าน
“พอดีเลยจะได้กินข้าวพร้อมกัน” นางมาลีเอ่ย
ศมารอจนทุกคนนั่งลงรอบโต๊ะอาหารอันอุดมแล้วจึงได้นั่งลงข้างๆ ตรีเพชร เหลือที่นั่งอีกที่หนึ่งข้างจันทน์กะพ้อไว้สำหรับสมาชิกคนสุดท้ายของมื้อค่ำที่เดินหัวยุ่ง ฝุ่นเขรอะเนื้อตัวขึ้นบ้านมา เขาโผล่หน้าเข้ามาในครัวเพื่อทักทายสหาย
“มาเร็วทันใจดีนะไอ้เสือ หิวก็ทานกันก่อนเลยนะ ขอไปล้างเนื้อล้างตัวแป๊บ” โผล่หน้าเข้ามาแล้วเขาก็ผลุบหายไป ทิ้งไว้แต่รอยเปื้อนฝุ่นที่กรอบประตู นางมาลียิ้มอ่อนๆ พยักหน้าให้จันทน์กะพ้อตักข้าวได้
“ที่บ้านยังทำนาอยู่ไหมศมา ป้าจำได้ว่าสมัยก่อนพ่อแม่เราเคยสีข้าวใหม่หอมๆ มาฝากทีละสองสามกระสอบ”
“ให้เช่าทำครับ ตอนนี้พ่อแม่ผมแก่มากแล้ว อีกอย่างน้องๆ ก็เรียนจบหมดแล้ว ผมเลยเปิดบริษัทเล็กๆ รับจ้างรับเหมาก่อสร้างทั่วไปครับ”
“แหม...ดีจริง พ่อแม่สบายแล้วสินะ”
“ก็สบายขึ้นบ้างครับ” ศมากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม ไม่มีสำเนียงอวดโอ้แม้แต่น้อย
“ของพ่อศมา ข้าวเยอะๆ ใช่ไหมลูก ป้าจำได้”
“ครับ ขอบคุณครับ” ศมามองมือขาวๆ ข้อมือบาง นิ้วเรียวสวยที่หยิบจับทุกอย่างคล่องแคล่วอย่างเพลินตา
“ลาภปากนะเอ็ง มาได้เวลาอาหารเย็นพอดี” ตรีเมฆเดินด้วยท่วงท่าสบายๆ พาดผ้าเช็ดผมไว้ที่พนักเก้าอี้แล้วนั่งลงข้างๆ จันทน์กะพ้อ ทำให้เจ้าหล่อนต้องหยิบทัพพีมาตักข้าวใส่จานให้เขาอีกรอบ
“ก็กะไว้แล้ว” ศมาต่อมุกให้เพื่อนยิ้มๆ ตักน้ำพริกแมงดาหอมฉุยรสจัดเข้าปากคำแรกก็ต้องเลิกคิ้ว เหลือบมองสาวน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
น้ำพริกถึงเครื่อง รสเผ็ดจัด...ช่างแตกต่างจากบุคลิกคนตำโดยสิ้นเชิง
“ความจริงเพิ่งเลิกงาน ประมูลได้งานปรับปรุงโรงอาหารในวิทยาลัยนี่พอดี เลยแวะมาหา”
“ล่ำซำนี่หว่า” ตรีเมฆเอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนแรงๆ จนน่ากลัวอีกฝ่ายจะสำลักข้าว
“คุณจันทน์สอนที่วิทยาลัยนี่เหรอครับ”
“ค่ะ เพิ่งทำงานได้ไม่ถึงปีดีหรอกค่ะ”
“ดีจังเลยครับ ดูท่าทางอายุยังน้อย ได้เป็นถึงอาจารย์แล้ว”
“โอ ไม่หรอกค่ะ จันทน์ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเลย”
ตรีเมฆกลอกตาไปมา รู้สึกคันยิบๆ กับความเป็นสุภาพชนของทั้งสอง หลังจากที่เคี้ยวดอกแคต้มรสหวานปนขมนิดๆ ลงคอแล้วเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบนาบว่า
“อะไรที่ไม่รู้ ไม่เคย ก็หัดบ่อยๆ เข้าก็เก่งเอง จริงไหมไอ้เสือ” เขาพยักพเยิดข้ามโต๊ะ ศมาได้แต่พยักหน้าอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ มีแต่จันทน์ กะพ้อที่หน้าร้อนผ่าว นั่งตัวเกร็ง เกรงว่าแขนจะไปเสียดสีกับแขนแกร่งที่ขยันหยิบโน่นจับนี่เข้าปากอย่างเจริญอาหาร
“แล้วนี่นายจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่ล่ะ” เขาถามต่อทั้งๆ ไม่มองหน้าเพราะกำลังเจริญอาหารอย่างยิ่ง
ศมาเอ่ยตอบว่า “ขอเวลาหน่อยสิครับท่าน วันนี้จะมาขอข้อมูลว่าท่านจะเอาแบบไหนยังไงครับ”
“ดี จะได้ตั้งวง” ตรีเมฆเอ่ย ดูเหมือนจะอิ่มขึ้นมาทันที เขาเช็ดปากลวกๆ แล้วหันไปทางมารดา
“ขออนุญาตนะครับ ไม่ได้เจอศมานานมากแล้ว”
“ตามสบายเถอะ รบกวนหนูจันทน์หากับแกล้มอะไรให้พี่ๆ เขาสักหน่อยนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะป้า” หล่อนตอบพลางนึกถึงเนื้อแดดเดียวที่ทำเอาไว้แก้ขัดในตู้กับข้าว แล้วยังมีถั่วลิสง อีกอย่างก็ข้าวเกรียบที่พี่สาวทำแล้วส่งมาให้ก็ยังมีพอทอดได้สักจานสองจานกระมัง
+++eBook โหลดได้ที่ mebmarket+++
ดูเหมือนป้ามาลีเองก็เหนื่อยใจเกินกว่าจะขัดใจลูกชาย นานวันเข้านางก็ไม่เอ่ยถึงมันอีก ได้แต่มองผู้เช่าที่อยู่กันมาเป็นปีๆ ทยอยจากไปทีละคนสองคนอย่างน่าใจหาย บรรยากาศอึมครึมในเรือนครูตรีเนตรดำเนินไปเรื่อยๆ อย่างน่าอึดอัด จนกระทั่งผู้เช่าคนสุดท้ายขนของออกไป
ตรีเมฆกับลุงเกิด จัดการเก็บกวาดรอบๆ ห้องแถว ขนเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ เศษขยะที่ผู้เช่าจงใจทิ้งไว้ออกมาทิ้งอยู่ถึงสามวันจึงได้เรียบร้อย บัดนี้สภาพของห้องแถวว่างเปล่า ไร้เงาผู้เช่า รถมอเตอร์ไซค์ที่เคยจอดเรียงรายหายไปเหลือเพียงลานโล่งๆ ตรีเมฆมองมันด้วยความพอใจ ก่อนจะขับรถออกไปส่งลุงเกิดและลูกสะใภ้ของแก
แต่ทว่า...ลับหลังตรีเมฆออกไปไม่นาน รถกระบะขับเคลื่อนสี่ประตูค่อนข้างใหม่คันหนึ่ง ก็วิ่งเข้ามาจอดที่ลานโล่งนั่น
ตรีเพชรวิ่งออกมาชะเง้อคอมองที่ระเบียงบ้าน เพราะแปลกเสียง
“ใครมาเจ้าเพชร”
“ไม่รู้ครับยาย ผู้ชายครับ” เด็กชายเอ่ยบอก ดวงตาหยีๆ ยังจับจ้อง ‘ผู้ชาย’ คนนั้น เขารูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้ตรีเมฆ และสวมแว่นตากันแดดแบบเท่ๆ ที่ตรีเพชรชอบเสียด้วย
“ลงไปถามเขาดูซิว่ามาเช่าห้องหรือเปล่า เขาอาจจะไม่เห็นป้ายที่ปิดประกาศไว้ก็ได้”
“ครับยาย” ตรีเพชรรับคำแล้ววิ่งปรู๊ดลงจากเรือนชนิดที่จันทน์กะพ้อซึ่งกำลังตำน้ำพริกอยู่ในครัวต้องส่ายหัว
“ระวังตกบันไดนะเพชร” เสียงร้องเตือนดังไล่หลังมา
“สวัสดีครับ มาเช่าห้องเหรอครับ” เด็กชายถาม ชายคนที่กำลังยืนมองห้องแถวอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาหันมายิ้มให้เจ้าหนูพลางถอดแว่น
“เปล่าหรอกไอ้หนู ฉันมาหาเจ้าของห้องแถวน่ะ”
“มาหายายเหรอครับ ยาย ยายครับยาย” เด็กชายป้องปากเรียก
ชายหนุ่มผู้นั้นคว้าไหล่อวบอ้วนไว้ พลางส่ายหน้า “ไม่ต้องตะโกนหรอก ไปบอกคุณยายดีๆ ว่าศมา เพื่อนตรีเมฆมาหา”
“ครับ” เด็กชายหมุนตัวขวับ
“เดี๋ยว แล้วนี่คุณตรีเมฆไม่อยู่หรือ”
“ไม่อยู่ครับ แต่เดี๋ยวก็กลับ รออยู่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมไปตามยายให้” เด็กชายชี้จุดที่ชายหนุ่มยืนอยู่พลางมองตาเขานิ่ง ราวกับจะกำชับไม่ให้เขาก้าวล้ำเข้ามาด้านในโดยไม่ได้รับอนุญาต พฤติกรรมระแวดระวังแบบนี้เกิดจากคุณครูคนสวยที่พร่ำสอนให้เขาเป็นผู้ใหญ่ และรู้จักดูแลยายมาลี ตั้งแต่ครั้งที่มีคนเลวขึ้นบ้านไปทำร้ายคุณครู ตรีเพชรก็จดจำได้ไม่ลืม
ศมายืนทิ้งขาอมยิ้ม มองตามร่างอวบที่วิ่งลับขึ้นบ้านไป เขากวาดสายตามองไปรอบๆ เรือนครูตรีเนตรยังร่มรื่นไม่เปลี่ยน สร้างอยู่บนที่ดินเกือบสิบไร่ ศมาไม่เคยลืมว่าการมาเที่ยวบ้านตรีเมฆนั้นสนุกสนานขนาดไหนก่อนที่เพื่อนสนิทจะริอ่านหาความสนุกอย่างอื่นจนละเลยครอบครัว
ศมาเคยอิจฉาตรีเมฆมากที่มีพร้อมทุกอย่าง ในขณะที่เขากับพ่อแม่พี่น้องต้องปากกัดตีนถีบ อาศัยแออัดยัดเยียดอยู่ในห้องเช่าริมคลองที่แสนสกปรก เหม็นเน่า เขาโกรธตรีเมฆแทนพ่อแม่ที่ชายหนุ่มลุ่มหลงอบายมุขเสียจนละทิ้งความโชคดีทั้งหลายเสีย ตรีเมฆโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ไยดีและจบชีวิตวัยเรียนได้อย่างน่าอดสูยิ่งนัก
ศมารู้สึกขอบคุณความข้นแค้นทั้งหลายที่เป็นแรงผลักดันให้เขาถีบตัวขึ้นมาจนถึงวันนี้
“ศมารึ” เสียงแหบแห้งร้องถามมาจากหัวบันไดบ้าน ศมากำลังอยู่ในภวังค์หันขวับไปมอง
ร่างผอมจนแทบปลิวลมของผู้หญิงที่เคยเลี้ยงดูปูเสื่อเด็กบ้านนอกยากไร้อย่างเขาหลายปีนั้น ทำให้ชายหนุ่มใจหาย ความตรอมใจคร่าชีวิตครูตรีเนตร และแม้มันจะไม่ได้พรากชีวิตป้ามาลีไปด้วย แต่มันก็บั่นทอนจนนางกลายเป็นหญิงชราที่เศร้าหมองยิ่งนัก
“สวัสดีครับป้ามาลี” เขาก้าวยาวๆ เข้าไปยืนอยู่ตรงหน้ายกมือไหว้ค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อม ท่าทีนุ่มนวลนั้นทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังป้ามาลีอดพิศมองเขาอย่างชื่นชมไม่ได้
“ศมาจริงๆ ด้วย”
“ครับ ผมเอง”
“โตเป็นหนุ่มใหญ่แล้วสินะ มีสง่าราศีเหลือเกินพ่อ”
“ขอบคุณครับป้า”
“มาหาตรีเมฆเรอะ” นางถามเสียงสั่น อดดีใจไม่ได้ที่ยังมีคนคิดมาเยี่ยมเยืยนลูกชายของนาง
ศมาพยักหน้า “ครับ เมฆนัดให้ผมมาดูห้องแถวที่จะรื้อทำใหม่”
“อ้อ...” ป้ามาลีชะงักไป แล้วพยักหน้าเอ่ยเบาๆ “ก็ดีๆ ถ้าศมามาช่วย ป้าก็เบาใจ”
“ครับ”
“ขึ้นบ้านมากินข้าวกินปลากันก่อน เดี๋ยวตรีเมฆก็คงกลับมา” นางเดินนำเขาขึ้นไปบนบ้าน ตรงไปยังครัว และโต๊ะกินข้าวที่มีกับข้าวมากมายหลายอย่างเรียงรายส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนให้คนที่ทำงานหนักจนลืมมื้อเที่ยงท้องร้องจ๊อกๆ
“นี่หนูจันทน์กะพ้อ เป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยนี่ล่ะ หนูจันทน์มาเป็นที่พึ่งให้ป้ามาจะครบปีละใช่ไหมลูก”
“ค่ะป้า แต่ความจริงคือจันทน์มาอาศัยป้าอยู่ รบกวนป้ามากกว่า” หล่อนยิ้มบาง ดวงตาดำขลับแวววับเป็นประกายสุกใส ใบหน้านวลลออกระจ่างขึ้นในแสงไฟนุ่มๆ ผมยาวรวบไว้เป็นมวยง่ายๆ ปล่อยลูกผมเล็กๆ ระลำ คอขาวผ่อง
ศมาฉงนไม่น้อยกับความสัมพันธ์ของสมาชิกใหม่บ้านครูตรีเนตรและเจ้าของบ้าน เด็กชายร่างอวบอ้วนที่มาต้อนรับเขาเมื่อสักครู่ และตอนนี้ ก็ยังยืนอยู่ด้วย ท่าทางเฉลียวฉลาด เอาแต่จ้องมองเขา แถมยังเรียกป้ามาลีว่า ‘ยาย’ แสดงว่าเจ้าหนูคงไม่ใช่ผลผลิตของตรีเมฆ ส่วนหญิงสาวผู้งามลออไปทั้งตัวที่ชื่อจันทน์กะพ้อ เรียกมาลีว่า ‘ป้า’ นั่นก็คงหมายความว่าหล่อนไม่น่าจะใช่คนรักของตรีเมฆ
ไม่ใช่หรอกกระมัง...เขานึก
“วันนี้มีอะไรเลี้ยงแขกของเราบ้างหนูจันทน์”
“ลุงเกิดได้แมงดามาฝาก วันนี้เลยมีน้ำพริกแมงดาค่ะ แล้วก็ห่อหมกปลาช่อนด้วยอีกอย่าง มีไข่เจียวฟูๆ ของเพชร ของหวานก็เป็นผลไม้จากสวนของเราค่ะ” จันทน์กะพ้อสาธยายรายการอาหาร พลางเปิดฝาชีให้ชม หล่อนชอบทำอาหารให้ครอบครัวมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว แม้จะอาภัพ เกิดมาแม่ก็มาด่วนจากไปกะทันหัน แต่จันทน์กะพ้อก็มีพี่สาวที่อายุห่างกันเกือบรอบที่เอางานบ้านงานเรือนถึงสองคน จันทน์กะพ้อจึงไม่เคยเห็นว่าการหุงหาอาหารเลี้ยงดูครอบครัวเป็นเรื่องยากลำบาก หล่อนสุขใจที่สมาชิกในบ้านได้กินอาหารดีๆ มากกว่า
“ลุงยักษ์มาแล้วครับ” ความที่หนุ่มน้อยเคยเป็นหนึ่งเดียวของบ้านเสมอมาตรีเพชรจึงหูไวตาไวเสมอเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘ผู้ชาย’ อีกคนของบ้าน
“พอดีเลยจะได้กินข้าวพร้อมกัน” นางมาลีเอ่ย
ศมารอจนทุกคนนั่งลงรอบโต๊ะอาหารอันอุดมแล้วจึงได้นั่งลงข้างๆ ตรีเพชร เหลือที่นั่งอีกที่หนึ่งข้างจันทน์กะพ้อไว้สำหรับสมาชิกคนสุดท้ายของมื้อค่ำที่เดินหัวยุ่ง ฝุ่นเขรอะเนื้อตัวขึ้นบ้านมา เขาโผล่หน้าเข้ามาในครัวเพื่อทักทายสหาย
“มาเร็วทันใจดีนะไอ้เสือ หิวก็ทานกันก่อนเลยนะ ขอไปล้างเนื้อล้างตัวแป๊บ” โผล่หน้าเข้ามาแล้วเขาก็ผลุบหายไป ทิ้งไว้แต่รอยเปื้อนฝุ่นที่กรอบประตู นางมาลียิ้มอ่อนๆ พยักหน้าให้จันทน์กะพ้อตักข้าวได้
“ที่บ้านยังทำนาอยู่ไหมศมา ป้าจำได้ว่าสมัยก่อนพ่อแม่เราเคยสีข้าวใหม่หอมๆ มาฝากทีละสองสามกระสอบ”
“ให้เช่าทำครับ ตอนนี้พ่อแม่ผมแก่มากแล้ว อีกอย่างน้องๆ ก็เรียนจบหมดแล้ว ผมเลยเปิดบริษัทเล็กๆ รับจ้างรับเหมาก่อสร้างทั่วไปครับ”
“แหม...ดีจริง พ่อแม่สบายแล้วสินะ”
“ก็สบายขึ้นบ้างครับ” ศมากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม ไม่มีสำเนียงอวดโอ้แม้แต่น้อย
“ของพ่อศมา ข้าวเยอะๆ ใช่ไหมลูก ป้าจำได้”
“ครับ ขอบคุณครับ” ศมามองมือขาวๆ ข้อมือบาง นิ้วเรียวสวยที่หยิบจับทุกอย่างคล่องแคล่วอย่างเพลินตา
“ลาภปากนะเอ็ง มาได้เวลาอาหารเย็นพอดี” ตรีเมฆเดินด้วยท่วงท่าสบายๆ พาดผ้าเช็ดผมไว้ที่พนักเก้าอี้แล้วนั่งลงข้างๆ จันทน์กะพ้อ ทำให้เจ้าหล่อนต้องหยิบทัพพีมาตักข้าวใส่จานให้เขาอีกรอบ
“ก็กะไว้แล้ว” ศมาต่อมุกให้เพื่อนยิ้มๆ ตักน้ำพริกแมงดาหอมฉุยรสจัดเข้าปากคำแรกก็ต้องเลิกคิ้ว เหลือบมองสาวน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
น้ำพริกถึงเครื่อง รสเผ็ดจัด...ช่างแตกต่างจากบุคลิกคนตำโดยสิ้นเชิง
“ความจริงเพิ่งเลิกงาน ประมูลได้งานปรับปรุงโรงอาหารในวิทยาลัยนี่พอดี เลยแวะมาหา”
“ล่ำซำนี่หว่า” ตรีเมฆเอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนแรงๆ จนน่ากลัวอีกฝ่ายจะสำลักข้าว
“คุณจันทน์สอนที่วิทยาลัยนี่เหรอครับ”
“ค่ะ เพิ่งทำงานได้ไม่ถึงปีดีหรอกค่ะ”
“ดีจังเลยครับ ดูท่าทางอายุยังน้อย ได้เป็นถึงอาจารย์แล้ว”
“โอ ไม่หรอกค่ะ จันทน์ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเลย”
ตรีเมฆกลอกตาไปมา รู้สึกคันยิบๆ กับความเป็นสุภาพชนของทั้งสอง หลังจากที่เคี้ยวดอกแคต้มรสหวานปนขมนิดๆ ลงคอแล้วเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบนาบว่า
“อะไรที่ไม่รู้ ไม่เคย ก็หัดบ่อยๆ เข้าก็เก่งเอง จริงไหมไอ้เสือ” เขาพยักพเยิดข้ามโต๊ะ ศมาได้แต่พยักหน้าอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ มีแต่จันทน์ กะพ้อที่หน้าร้อนผ่าว นั่งตัวเกร็ง เกรงว่าแขนจะไปเสียดสีกับแขนแกร่งที่ขยันหยิบโน่นจับนี่เข้าปากอย่างเจริญอาหาร
“แล้วนี่นายจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่ล่ะ” เขาถามต่อทั้งๆ ไม่มองหน้าเพราะกำลังเจริญอาหารอย่างยิ่ง
ศมาเอ่ยตอบว่า “ขอเวลาหน่อยสิครับท่าน วันนี้จะมาขอข้อมูลว่าท่านจะเอาแบบไหนยังไงครับ”
“ดี จะได้ตั้งวง” ตรีเมฆเอ่ย ดูเหมือนจะอิ่มขึ้นมาทันที เขาเช็ดปากลวกๆ แล้วหันไปทางมารดา
“ขออนุญาตนะครับ ไม่ได้เจอศมานานมากแล้ว”
“ตามสบายเถอะ รบกวนหนูจันทน์หากับแกล้มอะไรให้พี่ๆ เขาสักหน่อยนะจ๊ะ”
“ได้ค่ะป้า” หล่อนตอบพลางนึกถึงเนื้อแดดเดียวที่ทำเอาไว้แก้ขัดในตู้กับข้าว แล้วยังมีถั่วลิสง อีกอย่างก็ข้าวเกรียบที่พี่สาวทำแล้วส่งมาให้ก็ยังมีพอทอดได้สักจานสองจานกระมัง
+++eBook โหลดได้ที่ mebmarket+++
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ค. 2563, 13:42:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ค. 2563, 13:42:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 462
<< บทที่ 7 -40% | บทที่ 7 -100% >> |