เหลี่ยมรักมัดใจ
ในความคิดเขา... เธอเป็นเด็กหัวรั้น ทำตามใจตัวเอง
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน
นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน
นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน 5
นภัทรพี่ชายของณิชาออกไปทำงานพร้อมภรรยา โดยมีรถโรงเรียนมารับลูกๆ แต่เช้า น้องสาวของเขาตื่นมารับหน้าพี่ชายและส่งหลานๆ ไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่ผิดวิสัยปกติ เธอประจบบอกว่าจะขอติดรถไปเยี่ยมปู่ที่โรงพยาบาล แต่กลับถูกพี่ชายตอกกลับว่าปู่ยังเยี่ยมไม่ได้ไปก็ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเปล่าๆ หญิงสาวจึงได้แต่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี งบประมาณที่ยังเหลือในกระเป๋าไม่เท่าไหร่หากจะโทรหาเพื่อนๆ ชวนออกเที่ยวก็กลัว เจ้าตัวรู้สึกจะขายหน้าเกินไปไปหาหากและถูกจับได้ว่าตัวเองถูกพี่ชายจำกัดงบประมาณในแต่ละเดือนให้เหลือใช้อย่างจำกัด
เพราะนายพิชญ์แท้ๆ ที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้
เมื่อไม่มีจิตใจจะทำเรื่องสนุกสนาน จึงตัดสินใจโทรไปส่งข่าวสำคัญเรื่องการง้อขอคืนดีกับสามีกับอัญชลีพร้อมขอความช่วยเหลือเพิ่ม
“เขาเป็นผู้ชายที่งี่เง่าที่สุดเลยค่ะ ไม่สนใจจะรู้ด้วยซ้ำว่าใหม่ไปหาเขาทำไม ทำเมินเฉย เย็นชา สารพัด นี่ใหม่ยังไม่มีโอกาสบอกเขาเลยนะคะว่าคุณปู่ป่วยหนัก” ณิชาบ่นๆๆ กับคนปลายสาย “สงสัยงานนี้จะไม่สำเร็จแล้ว”
“อย่าเพิ่งท้อสิคะน้อง” เสียงอัญชลีหัวเราะ “มันเพิ่งเริ่มต้นเองนะ”
“แต่ใหม่…”
“อย่างน้อยขั้นตอนนี้ก็ถือว่าทำได้ไม่เลวนัก เพราะมีคนที่มหาวิทยาลัยเห็นว่าน้องใหม่ไปกินข้าวกับสามี โดยเฉพาะเลขาฯ ของเขา แค่นั้นก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายไประดับหนึ่งแล้วค่ะ ต่อจากนี้เราก็ต้องดำเนินการตามสเต็ปต่อไป”
“ทำอะไรคะ ไม่ได้หมายความว่าใหม่จะต้องไปงอนง้อเขาอีกทีนะ โนเวย์เลย”
“ไม่หรอก สเต็ปที่สามใหม่ต้องหาทางไปใกล้ชิดเขาอีกครั้งเพื่อให้เขาสนใจเราให้ได้ โดยที่ต้องแสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนมีความสามารถ เพราะคนที่เป็นดอกเตอร์น่ะเขาต้องชอบคนเก่งอยู่แล้ว”
“แล้วใหม่จะแสดงให้เขาเห็นได้ยังไงล่ะคะว่ามีความสามารถ ทำยังไงถึงจะไปใกล้ชิดเขาได้น่ะ” ณิชายังคิดไม่ออก “จะให้ใหม่ไปทำงานวิจัยแบบที่เขาทำ คงไม่ได้แน่ๆ” งานน่าเบื่อแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก
“มันต้องมีอะไรสักอย่างสิที่น้องใหม่ทำได้ เขาทำงานในมหาวิทยาลัยใช่ไหมคะ ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยมักจะประกาศหาผู้ช่วยหรือเจ้าหน้าที่พิเศษมาทำงานเฉพาะกิจเสมอๆ น้องใหม่ลองไปติดต่อดูสิคะ อาจจะมีสักงานที่เหมาะกับเรา ได้ทำงานแสดงความสามารถ แถมได้ไปแสดงตัวบ่อยๆ ด้วยนะคะ จะได้ถือโอกาสกีดกันผู้หญิงคนอื่นของเขาด้วยพร้อมๆ กัน” อัญชลีให้ความหวัง
“จริงๆ ด้วย พี่อัญนี่เก่งจริงๆ ขอบคุณค่ะ ใหม่จะลองดู”
“สู้ๆ นะน้องใหม่ แล้วคุณปู่เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยังคะ”
“ยังไม่ดีขึ้นเลยค่ะ หมอยังห้ามเยี่ยม ไปเยี่ยมก็อยู่ได้แต่นอกห้อง” เสียงของหลานสาวเศร้าลงถนัดใจ “หมอบอกว่าต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์แบบห้ามเยี่ยมอีกเป็นอาทิตย์ หากท่านอาการดีขึ้นกว่านี้อีกนิด พอรู้สึกตัวก็จะย้ายท่านมาห้องคนไข้พิเศษได้”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ยังมีเวลาให้ใหม่ดำเนินการตามแผนต่อไปค่ะ แต่คงต้องทำอย่างเร็วด้วย เมื่อคุณปู่ฟื้นใหม่จะได้พาสามีไปเยี่ยมท่าน”
“ขอบคุณค่ะ ถ้ามีความคืบหน้า ใหม่จะโทรมาเล่าเพิ่มเติมนะคะ”
ณิชาวางสาย แล้วรีบเข้าห้องทำงานของพี่ชาย เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อท่องโลกอินเทอร์เน็ต ข้อเสนอแนะของอัญชลีน่าสนใจทีเดียว มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ แบบนั้นจะต้องมีงานอะไรสักอย่างที่เธอสามารถทำได้ เพื่อแสดงให้ ดร.พิชญ์เห็นว่าเธอเป็นคนมีค่า และน่าสนใจ
ณิชาใช้เวลาในการค้นคว้าข้อมูลในเว็บไซต์อยู่ราวหนึ่งชั่วโมง เป็นเวลานานที่สุดเท่าที่เธอเคยเข้าไปดูเว็บไซต์เกี่ยวกับสถาบันการศึกษา และสิ่งที่ค้นพบก็คือ…ความล้มเหลวอีกรอบ
“ทำไมฉันต้องมาทำความดีให้นายเห็นด้วยนะ อยากรู้นักว่าถ้าเสนอให้สักล้านสองล้านนายจะโอเคไหม คนงกเงิน” ณิชาบ่นกับตัวเอง เกือบจะปิดคอมพิวเตอร์แล้วสายจาก็ไปพบกับข้อความเล็กๆ ที่มุมหนึ่งของเว็บไซต์ เธอคลิกเข้าไป อ่านข้อมูลอย่างรวดเร็ว
…ฉันค้นพบงานที่จะทำได้แล้วล่ะ… เธอบอกตัวเองก่อนจะหยิบปากกามาจดเบอร์โทรศัพท์ที่ทิ้งไว้ที่หน้าเว็บไซต์
ดร.พิชญ์เพิ่งสตาร์ตรถ เสียงเคาะกระจกเบาๆ ด้านข้างทำให้เขาหันไป แต่เพราะความสลัวของบริเวณโดยรอบทำให้เขาเห็นหน้าคนที่ยืนตรงนั้นไม่ถนัด เมื่อคิดได้ว่าบริเวณลานจอดรถมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลอยู่ตลอดเวลา และส่วนนี้ก็เป็นลานจอดรถของอาจารย์ มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ไม่น่าจะเป็นคนร้ายไปได้ จึงตัดสินใจลดกระจกลง พร้อมๆ กับที่คนที่ยืนอยู่ถอดหมวกออก เผยให้เห็นดวงหน้ารูปไข่ที่กำลังส่งยิ้มแบบร่าเริงสุดๆ มาให้
เธอมาอีกแล้ว คงจะเรื่องเดิม อยากเป็นอิสระเต็มที แล้วก็หาทางประนีประนอมให้เขาหย่าให้อย่างเร็วที่สุด
สงสัยเราจะได้เป็นโสดอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แตะต้องเมียแม้ปลายเล็บ…
“จะกลับบ้านแล้วหรือคะ”
“ใช่” คนพูดรู้สึกหงุดหงิดกับน้ำเสียงหวานๆ ของเธอเมื่อเดาได้ว่าเจ้าตัวมีจุดมุ่งหมายอะไร แต่พยายามเก็บอารมณ์ไว้
“ฉันกลับด้วยได้ไหม ไม่ได้เอารถมา” ณิชาสวมเสื้อกีฬาเนื้อนิ่มแขนยาวที่มีฮู้ดอยู่ด้านหลัง
“ไม่...”
“ขอติดรถไปลงกลางทางก็ได้ นะคะ คงไม่ลำบาก ไม่ได้ออกนอกเส้นทางนี่นา”
“…”
ประตูเปิดออกโดยที่คนขับยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ หญิงสาวที่ได้ชื่อว่ายังเป็นภรรยาตามกฎหมายของพิชญ์พาตัวเองมานั่งที่นั่งข้างคนขับพร้อมกระเป๋าสะพายใบโตที่หน้าตาเหมือนกระเป๋านักกีฬาเรียบร้อย
“เรียบร้อยแล้ว ไปได้ค่ะ”
คนขับสตาร์ตรถและขับออกจากที่นั่น
ส่วนณิชาหันไปสังเกตรอบๆ ตัว รถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ของเขาดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนกับเจ้าของ เบาะที่นั่งด้านหลังมีหนังสือและกระเป๋าเอกสารวางอยู่จนแทบไม่มีที่นั่ง แทนที่มันจะระเกะระกะ มันกลับเป็นระเบียบจนน่าหมั่นไส้ อดแปลกใจไม่ได้ที่เขายังใช้รถรุ่นนี้ ตอนแรกคิดว่าได้เงินจากคุณปู่ไปหลายล้านนึกว่าจะเอาไปเปลี่ยนรถรุ่นใหม่ๆ สักคัน
“จะลงที่ไหน”
“ฉันมาทำงานที่นี่ค่ะ วันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรก” ณิชาไม่ได้ตอบคำถามอันไร้ความรู้สึกของคนขับ
“แต่งชุดนี้น่ะเหรอ มาทำงาน เหมือนคุณมาเล่นกีฬา”
“ค่ะ ชุดนี้ล่ะชุดทำงานของฉัน”
คนขับเลิกคิ้ว เธอจะมาไม้ไหนกันอีกนะ เลขาฯ ของเขาบอกว่าเธอแวะเวียนพยายามมาหาเขาอีกหลายครั้งในวันสองวันนี้ แต่ก็มีเหตุให้คลาดกันทุกครั้ง
“มหาวิทยาลัยกำลังฟอร์มทีมสำหรับการแข่งขันเชียร์ลีดเดอร์ระหว่างมหาวิทยาลัย ทีมต้องการผู้ช่วยฝึกพอดี ฉันก็เลยได้งานที่นี่” หญิงสาวบอกอย่างภูมิใจ “ฉันจบมาทางแดนซ์ ก็เลยมีเบสิกเกี่ยวกับการเต้นแบบเชียร์นิดหน่อย” เธอยังพูดไปเรื่อยๆ “ผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่นี่หัวก้าวหน้ามากเลยนะคะ ให้ทุนสนับสนุนกิจกรรมของเด็กสูงดีจัง อย่างนี้เด็กๆ มีกำลังใจทำกันเต็มที่แน่ๆ คุณเคยไปดูทีมเชียร์ของที่นี่ไหม เขาทำงานเป็นระบบดีนะคะ ทั้งๆ ที่เพิ่งฟอร์มทีมกันได้ไม่นาน”
“ผมไม่ได้มีเวลามานั่งฟังคุณเล่าสิ่งที่ผมไม่สนใจตลอดเวลาขับรถของผมหรอกนะ ช่วยอยู่เงียบๆ ด้วย ผมกำลังคิดงานอยู่”
“เวลาขับรถเนี่ยนะ”
“เวลาแบบนี้นั่นแหละเป็นเวลาที่เราจะได้อยู่กับตัวเองมากที่สุด ถ้าไม่มีเสียงแจ้วๆ ของคุณอยู่ในหัวตอนนี้ผมอาจจะแก้สมการที่ค้างอยู่ในใจออกแล้วก็ได้” คนขับรถตอบ “จะให้ไปส่งที่ไหน บอกมา”
เขาไม่สนใจสักนิดว่าเธอจะทำงานอะไร ไม่สนใจด้วยว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ ณิชาเม้มปาก แสดงว่านายมีคนใหม่ และพร้อมที่จะเลิกกับฉันแล้วใช่ไหม
“ฉันจะไปโรงพยาบาล….” หญิงสาวบอกชื่อโรงพยาบาลที่ปู่พักรักษาตัวอยู่ แอบหวังว่าคนฟังจะสะดุดใจสงสัยว่าใครกันที่ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล เธอจะได้หาเรื่องคุยกับเขาเรื่องคุณปู่เสียที
วันนี้เธอเพียรแวะเวียนไปหาเขาหลายครั้งตอนมีเวลาว่าง เลิกจากซ้อมหญิงสาวอุตส่าห์มานั่งรอเขาใกล้ๆ ลานจอดรถเกือบครึ่งชั่วโมง ถ้างานวันนี้ไม่สนุกและเอาเรี่ยวแรงของเธอไปจนหมด เธอคงระเบิดเสียงใส่คนข้างๆ ก็ได้ เจ้าตัวคิดเล่นๆ ว่าบางทีแผนของอัญชลีจะใช้ไม่ได้ผลกับผู้ชายที่นิ่งลึกเหมือนไม่มีความรู้สึกคนนี้เลยก็ได้ เขาไม่ใช่คนปกติที่จะใช้ทฤษฎีการเรียกร้องความสนใจจากสามีมาใช้
“จะไปเยี่ยมใคร” รถออกจากรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว เจ้าของรถจึงได้เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
ณิชาลอบยิ้ม ในที่สุดเขาก็เอ่ยถามออกมาเสียที
“คุณปฐมหรือเปล่าที่ไม่สบาย”
พิชญ์เองก็ไม่ได้ติดต่อกับคุณปฐมนานแล้ว ระยะหลังท่านเก็บตัวและไม่ติดต่อกับบุคคลภายนอกเลย นับแต่เมื่อเรื่องกันเมื่อครั้งนั้นท่านเรียกเขาไปคุย และขอโทษเป็นทางการสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น
‘ยัยใหม่ยังเด็กและคิดน้อยเกินไป ฉันคิดว่าพอแกโตขึ้นแกจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี่เอง ฉันคุยกับพี่ชายของใหม่แล้ว จะปล่อยเขาไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองพัก หลังจากนั้นใหม่คงจะพร้อมมาจัดการเรื่องที่แกทิ้งค้างไว้ที่นี่ได้’
‘ครับ’
ตอนนั้นพิชญ์ได้แต่รับคำ บอกตัวเองว่าเขาจะทำอะไรได้ คุณปฐมเป็นผู้มีประคุณอย่างที่สุดสำหรับเขา ถ้าหากไม่มีท่าน ป่านนี้คงเรียนไม่จบปริญญาเอก เพราะสาขาที่เขาอยากเรียนนั้นแทบหาทุนรัฐบาลไม่ได้เลยในสมัยนั้น
ไหนจะเงินทุนสำหรับงานวิจัยอีกหลายล้านที่บริษัทในเครือของท่านร่วมสนับสนุน และเงินก้อนสุดท้ายถึงยี่สิบล้านสำหรับการร่วมพัฒนาศูนย์วิจัยที่ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
“ผมไม่ได้เจอท่านนานแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่สบายค่ะ เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง ต้องผ่าตัดโดยด่วน แต่สุขภาพไม่ดีพอที่จะผ่าตัดได้” หญิงสาวบอกเรียบๆ
“จริงเหรอ แล้วตอนนี้…”
“หมอยังห้ามเยี่ยมค่ะ ฉันแค่จะแวะไปถามอาการกับคุณหมอ และดูท่านนิดหน่อย ได้เห็นว่าท่านยังโอเคอยู่ก็ยังดี” ได้เห็นท่านนอกห้อง ยังดีกว่าฟังอาการทางโทรศัพท์
คนฟังนิ่งเงียบไปหลายวินาที เขาไม่รู้เรื่องเลยว่าคุณปฐมจะเจ็บป่วยอย่างรุนแรงขนาดนี้ นับแต่เกิดเรื่องและรู้ว่าเจ้าสาวหนีไป เขาก็ติดต่อกับท่านเฉพาะเรื่องรายงานผลการวิจัยที่ท่านให้ทุนสนับสนุนซึ่งเป็นการติดต่อผ่านสำนักงานที่ดูแลผลประโยชน์ของท่านมากกว่าพบกันโดยตรง ชายหนุ่มไปพบท่านอีกเพียงครั้งเดียวคือช่วงปีใหม่ปีก่อน และได้คุยกันน้อยมากเพราะมีแขกคนอื่นๆ รอพบอยู่เช่นกัน
“จะเป็นอะไรไหมถ้าวันนี้ผมจะไปเยี่ยมด้วย”
คนฟังรีบส่ายหน้า
“อย่าเลยค่ะ ท่านยังอยู่ในห้องไอซียู คุณขึ้นไปท่านก็ไม่รู้ เอาไว้รอท่านดีขึ้นแล้วจะดีกว่า” คนพูดทำเหมือนหยุดคิดนิดหนึ่ง “ถ้าหากหมออนุญาตให้เยี่ยมแล้ว ฉันจะบอกคุณอีกทีนะคะ” บางที เราอาจได้มาเยี่ยมท่านด้วยกัน แล้วคุณปู่จะได้ไม่รู้สึกแย่กับฉันอีก เธอคิด แต่ไม่กล้าพูดออกมา
คนขับรถพยักหน้า ขับรถต่อไปโดยไม่พูดอะไรอีก
เอาเถอะ ถือว่าแผนของเธอสำเร็จไปอีกขั้น เธอได้ทำงานใกล้เขา เขารู้ว่าปู่ไม่สบาย ต่อไปคงจะตะล่อมให้เขายอมกลับมาคืนดีด้วยเพื่อเอาใจปู่ได้ง่ายเข้า
เพราะนายพิชญ์แท้ๆ ที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้
เมื่อไม่มีจิตใจจะทำเรื่องสนุกสนาน จึงตัดสินใจโทรไปส่งข่าวสำคัญเรื่องการง้อขอคืนดีกับสามีกับอัญชลีพร้อมขอความช่วยเหลือเพิ่ม
“เขาเป็นผู้ชายที่งี่เง่าที่สุดเลยค่ะ ไม่สนใจจะรู้ด้วยซ้ำว่าใหม่ไปหาเขาทำไม ทำเมินเฉย เย็นชา สารพัด นี่ใหม่ยังไม่มีโอกาสบอกเขาเลยนะคะว่าคุณปู่ป่วยหนัก” ณิชาบ่นๆๆ กับคนปลายสาย “สงสัยงานนี้จะไม่สำเร็จแล้ว”
“อย่าเพิ่งท้อสิคะน้อง” เสียงอัญชลีหัวเราะ “มันเพิ่งเริ่มต้นเองนะ”
“แต่ใหม่…”
“อย่างน้อยขั้นตอนนี้ก็ถือว่าทำได้ไม่เลวนัก เพราะมีคนที่มหาวิทยาลัยเห็นว่าน้องใหม่ไปกินข้าวกับสามี โดยเฉพาะเลขาฯ ของเขา แค่นั้นก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายไประดับหนึ่งแล้วค่ะ ต่อจากนี้เราก็ต้องดำเนินการตามสเต็ปต่อไป”
“ทำอะไรคะ ไม่ได้หมายความว่าใหม่จะต้องไปงอนง้อเขาอีกทีนะ โนเวย์เลย”
“ไม่หรอก สเต็ปที่สามใหม่ต้องหาทางไปใกล้ชิดเขาอีกครั้งเพื่อให้เขาสนใจเราให้ได้ โดยที่ต้องแสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนมีความสามารถ เพราะคนที่เป็นดอกเตอร์น่ะเขาต้องชอบคนเก่งอยู่แล้ว”
“แล้วใหม่จะแสดงให้เขาเห็นได้ยังไงล่ะคะว่ามีความสามารถ ทำยังไงถึงจะไปใกล้ชิดเขาได้น่ะ” ณิชายังคิดไม่ออก “จะให้ใหม่ไปทำงานวิจัยแบบที่เขาทำ คงไม่ได้แน่ๆ” งานน่าเบื่อแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก
“มันต้องมีอะไรสักอย่างสิที่น้องใหม่ทำได้ เขาทำงานในมหาวิทยาลัยใช่ไหมคะ ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยมักจะประกาศหาผู้ช่วยหรือเจ้าหน้าที่พิเศษมาทำงานเฉพาะกิจเสมอๆ น้องใหม่ลองไปติดต่อดูสิคะ อาจจะมีสักงานที่เหมาะกับเรา ได้ทำงานแสดงความสามารถ แถมได้ไปแสดงตัวบ่อยๆ ด้วยนะคะ จะได้ถือโอกาสกีดกันผู้หญิงคนอื่นของเขาด้วยพร้อมๆ กัน” อัญชลีให้ความหวัง
“จริงๆ ด้วย พี่อัญนี่เก่งจริงๆ ขอบคุณค่ะ ใหม่จะลองดู”
“สู้ๆ นะน้องใหม่ แล้วคุณปู่เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยังคะ”
“ยังไม่ดีขึ้นเลยค่ะ หมอยังห้ามเยี่ยม ไปเยี่ยมก็อยู่ได้แต่นอกห้อง” เสียงของหลานสาวเศร้าลงถนัดใจ “หมอบอกว่าต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์แบบห้ามเยี่ยมอีกเป็นอาทิตย์ หากท่านอาการดีขึ้นกว่านี้อีกนิด พอรู้สึกตัวก็จะย้ายท่านมาห้องคนไข้พิเศษได้”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ยังมีเวลาให้ใหม่ดำเนินการตามแผนต่อไปค่ะ แต่คงต้องทำอย่างเร็วด้วย เมื่อคุณปู่ฟื้นใหม่จะได้พาสามีไปเยี่ยมท่าน”
“ขอบคุณค่ะ ถ้ามีความคืบหน้า ใหม่จะโทรมาเล่าเพิ่มเติมนะคะ”
ณิชาวางสาย แล้วรีบเข้าห้องทำงานของพี่ชาย เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อท่องโลกอินเทอร์เน็ต ข้อเสนอแนะของอัญชลีน่าสนใจทีเดียว มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ แบบนั้นจะต้องมีงานอะไรสักอย่างที่เธอสามารถทำได้ เพื่อแสดงให้ ดร.พิชญ์เห็นว่าเธอเป็นคนมีค่า และน่าสนใจ
ณิชาใช้เวลาในการค้นคว้าข้อมูลในเว็บไซต์อยู่ราวหนึ่งชั่วโมง เป็นเวลานานที่สุดเท่าที่เธอเคยเข้าไปดูเว็บไซต์เกี่ยวกับสถาบันการศึกษา และสิ่งที่ค้นพบก็คือ…ความล้มเหลวอีกรอบ
“ทำไมฉันต้องมาทำความดีให้นายเห็นด้วยนะ อยากรู้นักว่าถ้าเสนอให้สักล้านสองล้านนายจะโอเคไหม คนงกเงิน” ณิชาบ่นกับตัวเอง เกือบจะปิดคอมพิวเตอร์แล้วสายจาก็ไปพบกับข้อความเล็กๆ ที่มุมหนึ่งของเว็บไซต์ เธอคลิกเข้าไป อ่านข้อมูลอย่างรวดเร็ว
…ฉันค้นพบงานที่จะทำได้แล้วล่ะ… เธอบอกตัวเองก่อนจะหยิบปากกามาจดเบอร์โทรศัพท์ที่ทิ้งไว้ที่หน้าเว็บไซต์
ดร.พิชญ์เพิ่งสตาร์ตรถ เสียงเคาะกระจกเบาๆ ด้านข้างทำให้เขาหันไป แต่เพราะความสลัวของบริเวณโดยรอบทำให้เขาเห็นหน้าคนที่ยืนตรงนั้นไม่ถนัด เมื่อคิดได้ว่าบริเวณลานจอดรถมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลอยู่ตลอดเวลา และส่วนนี้ก็เป็นลานจอดรถของอาจารย์ มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ไม่น่าจะเป็นคนร้ายไปได้ จึงตัดสินใจลดกระจกลง พร้อมๆ กับที่คนที่ยืนอยู่ถอดหมวกออก เผยให้เห็นดวงหน้ารูปไข่ที่กำลังส่งยิ้มแบบร่าเริงสุดๆ มาให้
เธอมาอีกแล้ว คงจะเรื่องเดิม อยากเป็นอิสระเต็มที แล้วก็หาทางประนีประนอมให้เขาหย่าให้อย่างเร็วที่สุด
สงสัยเราจะได้เป็นโสดอีกครั้งทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แตะต้องเมียแม้ปลายเล็บ…
“จะกลับบ้านแล้วหรือคะ”
“ใช่” คนพูดรู้สึกหงุดหงิดกับน้ำเสียงหวานๆ ของเธอเมื่อเดาได้ว่าเจ้าตัวมีจุดมุ่งหมายอะไร แต่พยายามเก็บอารมณ์ไว้
“ฉันกลับด้วยได้ไหม ไม่ได้เอารถมา” ณิชาสวมเสื้อกีฬาเนื้อนิ่มแขนยาวที่มีฮู้ดอยู่ด้านหลัง
“ไม่...”
“ขอติดรถไปลงกลางทางก็ได้ นะคะ คงไม่ลำบาก ไม่ได้ออกนอกเส้นทางนี่นา”
“…”
ประตูเปิดออกโดยที่คนขับยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ หญิงสาวที่ได้ชื่อว่ายังเป็นภรรยาตามกฎหมายของพิชญ์พาตัวเองมานั่งที่นั่งข้างคนขับพร้อมกระเป๋าสะพายใบโตที่หน้าตาเหมือนกระเป๋านักกีฬาเรียบร้อย
“เรียบร้อยแล้ว ไปได้ค่ะ”
คนขับสตาร์ตรถและขับออกจากที่นั่น
ส่วนณิชาหันไปสังเกตรอบๆ ตัว รถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ของเขาดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนกับเจ้าของ เบาะที่นั่งด้านหลังมีหนังสือและกระเป๋าเอกสารวางอยู่จนแทบไม่มีที่นั่ง แทนที่มันจะระเกะระกะ มันกลับเป็นระเบียบจนน่าหมั่นไส้ อดแปลกใจไม่ได้ที่เขายังใช้รถรุ่นนี้ ตอนแรกคิดว่าได้เงินจากคุณปู่ไปหลายล้านนึกว่าจะเอาไปเปลี่ยนรถรุ่นใหม่ๆ สักคัน
“จะลงที่ไหน”
“ฉันมาทำงานที่นี่ค่ะ วันนี้เป็นวันเริ่มงานวันแรก” ณิชาไม่ได้ตอบคำถามอันไร้ความรู้สึกของคนขับ
“แต่งชุดนี้น่ะเหรอ มาทำงาน เหมือนคุณมาเล่นกีฬา”
“ค่ะ ชุดนี้ล่ะชุดทำงานของฉัน”
คนขับเลิกคิ้ว เธอจะมาไม้ไหนกันอีกนะ เลขาฯ ของเขาบอกว่าเธอแวะเวียนพยายามมาหาเขาอีกหลายครั้งในวันสองวันนี้ แต่ก็มีเหตุให้คลาดกันทุกครั้ง
“มหาวิทยาลัยกำลังฟอร์มทีมสำหรับการแข่งขันเชียร์ลีดเดอร์ระหว่างมหาวิทยาลัย ทีมต้องการผู้ช่วยฝึกพอดี ฉันก็เลยได้งานที่นี่” หญิงสาวบอกอย่างภูมิใจ “ฉันจบมาทางแดนซ์ ก็เลยมีเบสิกเกี่ยวกับการเต้นแบบเชียร์นิดหน่อย” เธอยังพูดไปเรื่อยๆ “ผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่นี่หัวก้าวหน้ามากเลยนะคะ ให้ทุนสนับสนุนกิจกรรมของเด็กสูงดีจัง อย่างนี้เด็กๆ มีกำลังใจทำกันเต็มที่แน่ๆ คุณเคยไปดูทีมเชียร์ของที่นี่ไหม เขาทำงานเป็นระบบดีนะคะ ทั้งๆ ที่เพิ่งฟอร์มทีมกันได้ไม่นาน”
“ผมไม่ได้มีเวลามานั่งฟังคุณเล่าสิ่งที่ผมไม่สนใจตลอดเวลาขับรถของผมหรอกนะ ช่วยอยู่เงียบๆ ด้วย ผมกำลังคิดงานอยู่”
“เวลาขับรถเนี่ยนะ”
“เวลาแบบนี้นั่นแหละเป็นเวลาที่เราจะได้อยู่กับตัวเองมากที่สุด ถ้าไม่มีเสียงแจ้วๆ ของคุณอยู่ในหัวตอนนี้ผมอาจจะแก้สมการที่ค้างอยู่ในใจออกแล้วก็ได้” คนขับรถตอบ “จะให้ไปส่งที่ไหน บอกมา”
เขาไม่สนใจสักนิดว่าเธอจะทำงานอะไร ไม่สนใจด้วยว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ ณิชาเม้มปาก แสดงว่านายมีคนใหม่ และพร้อมที่จะเลิกกับฉันแล้วใช่ไหม
“ฉันจะไปโรงพยาบาล….” หญิงสาวบอกชื่อโรงพยาบาลที่ปู่พักรักษาตัวอยู่ แอบหวังว่าคนฟังจะสะดุดใจสงสัยว่าใครกันที่ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล เธอจะได้หาเรื่องคุยกับเขาเรื่องคุณปู่เสียที
วันนี้เธอเพียรแวะเวียนไปหาเขาหลายครั้งตอนมีเวลาว่าง เลิกจากซ้อมหญิงสาวอุตส่าห์มานั่งรอเขาใกล้ๆ ลานจอดรถเกือบครึ่งชั่วโมง ถ้างานวันนี้ไม่สนุกและเอาเรี่ยวแรงของเธอไปจนหมด เธอคงระเบิดเสียงใส่คนข้างๆ ก็ได้ เจ้าตัวคิดเล่นๆ ว่าบางทีแผนของอัญชลีจะใช้ไม่ได้ผลกับผู้ชายที่นิ่งลึกเหมือนไม่มีความรู้สึกคนนี้เลยก็ได้ เขาไม่ใช่คนปกติที่จะใช้ทฤษฎีการเรียกร้องความสนใจจากสามีมาใช้
“จะไปเยี่ยมใคร” รถออกจากรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว เจ้าของรถจึงได้เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
ณิชาลอบยิ้ม ในที่สุดเขาก็เอ่ยถามออกมาเสียที
“คุณปฐมหรือเปล่าที่ไม่สบาย”
พิชญ์เองก็ไม่ได้ติดต่อกับคุณปฐมนานแล้ว ระยะหลังท่านเก็บตัวและไม่ติดต่อกับบุคคลภายนอกเลย นับแต่เมื่อเรื่องกันเมื่อครั้งนั้นท่านเรียกเขาไปคุย และขอโทษเป็นทางการสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น
‘ยัยใหม่ยังเด็กและคิดน้อยเกินไป ฉันคิดว่าพอแกโตขึ้นแกจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี่เอง ฉันคุยกับพี่ชายของใหม่แล้ว จะปล่อยเขาไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองพัก หลังจากนั้นใหม่คงจะพร้อมมาจัดการเรื่องที่แกทิ้งค้างไว้ที่นี่ได้’
‘ครับ’
ตอนนั้นพิชญ์ได้แต่รับคำ บอกตัวเองว่าเขาจะทำอะไรได้ คุณปฐมเป็นผู้มีประคุณอย่างที่สุดสำหรับเขา ถ้าหากไม่มีท่าน ป่านนี้คงเรียนไม่จบปริญญาเอก เพราะสาขาที่เขาอยากเรียนนั้นแทบหาทุนรัฐบาลไม่ได้เลยในสมัยนั้น
ไหนจะเงินทุนสำหรับงานวิจัยอีกหลายล้านที่บริษัทในเครือของท่านร่วมสนับสนุน และเงินก้อนสุดท้ายถึงยี่สิบล้านสำหรับการร่วมพัฒนาศูนย์วิจัยที่ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
“ผมไม่ได้เจอท่านนานแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่สบายค่ะ เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง ต้องผ่าตัดโดยด่วน แต่สุขภาพไม่ดีพอที่จะผ่าตัดได้” หญิงสาวบอกเรียบๆ
“จริงเหรอ แล้วตอนนี้…”
“หมอยังห้ามเยี่ยมค่ะ ฉันแค่จะแวะไปถามอาการกับคุณหมอ และดูท่านนิดหน่อย ได้เห็นว่าท่านยังโอเคอยู่ก็ยังดี” ได้เห็นท่านนอกห้อง ยังดีกว่าฟังอาการทางโทรศัพท์
คนฟังนิ่งเงียบไปหลายวินาที เขาไม่รู้เรื่องเลยว่าคุณปฐมจะเจ็บป่วยอย่างรุนแรงขนาดนี้ นับแต่เกิดเรื่องและรู้ว่าเจ้าสาวหนีไป เขาก็ติดต่อกับท่านเฉพาะเรื่องรายงานผลการวิจัยที่ท่านให้ทุนสนับสนุนซึ่งเป็นการติดต่อผ่านสำนักงานที่ดูแลผลประโยชน์ของท่านมากกว่าพบกันโดยตรง ชายหนุ่มไปพบท่านอีกเพียงครั้งเดียวคือช่วงปีใหม่ปีก่อน และได้คุยกันน้อยมากเพราะมีแขกคนอื่นๆ รอพบอยู่เช่นกัน
“จะเป็นอะไรไหมถ้าวันนี้ผมจะไปเยี่ยมด้วย”
คนฟังรีบส่ายหน้า
“อย่าเลยค่ะ ท่านยังอยู่ในห้องไอซียู คุณขึ้นไปท่านก็ไม่รู้ เอาไว้รอท่านดีขึ้นแล้วจะดีกว่า” คนพูดทำเหมือนหยุดคิดนิดหนึ่ง “ถ้าหากหมออนุญาตให้เยี่ยมแล้ว ฉันจะบอกคุณอีกทีนะคะ” บางที เราอาจได้มาเยี่ยมท่านด้วยกัน แล้วคุณปู่จะได้ไม่รู้สึกแย่กับฉันอีก เธอคิด แต่ไม่กล้าพูดออกมา
คนขับรถพยักหน้า ขับรถต่อไปโดยไม่พูดอะไรอีก
เอาเถอะ ถือว่าแผนของเธอสำเร็จไปอีกขั้น เธอได้ทำงานใกล้เขา เขารู้ว่าปู่ไม่สบาย ต่อไปคงจะตะล่อมให้เขายอมกลับมาคืนดีด้วยเพื่อเอาใจปู่ได้ง่ายเข้า
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2563, 21:04:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2563, 21:06:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 722
<< ตอน 4 | ตอน ุ6 >> |