ร้อยเล่ห์...นายเหมันต์
เขียนนิยายรักแนวหวานมาหลายเรื่อง อยากลองแนวอิโรติกดูบ้าง มาดูกันว่าจะได้แค่ไหน
Tags: สิรินดา, รักเล่ห์, นิยายรัก
ตอน: 5: ฉัน...เธอ และเรื่องเผลอใจ
ฉันวางกระเป๋าสะพายลงบนเตียง ทรุดตัวลงนั่ง...หลับตา พยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ...แต่มันก็ไม่ง่ายเลย พยายามบอกตัวเองว่าต้องใจเย็น และระมัดระวังตัว ให้มากกว่านี้ ฉันมีตำแหน่ง หน้าที่การงาน และภาพพจน์ ที่ต้องรักษาไว้ จะมาทำอะไรตามใจ ทำอะไรวู่วามแบบที่เพิ่งทำไปเมื่อสักครู่ ไม่ได้
เมื่อเย็นที่ผ่านมา หลังจากดื่มกาแฟเสร็จ ฉันและปรเมศยังนั่งคุยกันที่ร้านแห่งนั้นอยู่อีกพักใหญ่ จนเป็นเวลาเกือบสามทุ่ม ปรเมศบ่นว่ายังไม่อยากกลับที่พัก ฉันเสนอว่าแถวๆ นั้นมีร้านฟังเพลงเพิ่งเปิดใหม่ บรรยากาศดี ปรเมศชวนฉันทันที เขาย้ำอีกรอบว่ายังอยากคุยกับฉันต่อ
"พี่ก็ว่าจะชวนเราเหมือนกัน แต่เมศไม่ต้องไปเตรียมตัวทำงานส่งเหรอ"
"ผมอยากอยู่ตรงนี้มากกว่า" เขาตอบทันทีแบบชัดถ้อยชัดคำ "ส่วนเรื่องงาน ผมว่าให้เจ้าเหนือทำส่วนของมันบ้าง วันนี้ขอเป็นคนไม่ดีเพื่อพี่บ้าง"
ฉันอมยิ้มกับประโยคน่ารักๆ นั่น
เราเดินตามกันผ่านซอยเล็กๆ แทนที่จะเดินไปตามถนนใหญ่ เวลาสามทุ่ม คนไม่มากนัก พอเดินเข้าซอย ปรเมศก็ดึงมือฉันไปกุมไว้ ฉันแกล้งทำเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยากรู้เหมือนกันว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะกล้าไปถึงไหน จนเกือบจะพ้นซอย มือที่กุมฉันอยู่ก็ดึงให้ฉันหยุด
"มีอะไรเหรอ"
"ผม...ขอกอดพี่ทีนึงได้ไหม" ร่างสูงยืนแยกขานิดๆ อย่างมั่นใจตัวเอง เขาไม่ปล่อยให้ฉันคิดแม้เพียงวินาที ร่างที่เล็กกว่าของฉันถูกดึงเข้าไปหาร่างสูงทันใด
"เมศ..." ฉันกอดตอบ และรับรู้ได้ว่าอ้อมกอดนั้นมากกว่าพี่น้องกอดกันธรรมดาแน่ๆ
มากกว่านั้น ชายหนุ่มรุนหลังฉันชิดติดกับผนังตึก และอย่างรวดเร็ว เขาก้มริมฝีปากลงมาประกบปากฉันอย่างรวดเร็ว
ฉันรู้ว่ามันไม่สมควร แต่ร่างอุ่นๆ ที่แนบชิดอยู่มีกลิ่นบางอย่างที่เร้าอารมณ์เหลือเกิน อาจจะเป็นน้ำหอม หรืออะไรสักอย่าง เขาเลื่อนริมฝีปากมาที่ซอกคอและข้างหู พร้อมๆ กับที่นิ้วมือไล่ดะไปทั่ว
"เมศ...." ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด ฉันผลักเขาออกเบาๆ "ไม่เอาน่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"
"ผมห้ามใจไม่ได้" เขาบ่น "ผม...ขอโทษ" อีกฝ่ายตอบ โดยที่ขืนตัวไว้ไม่ยอมออกห่างจากตัว
"พี่รู้จ๊ะ พี่รู้" ฉันยกมือขึ้นลูบข้างแก้มของเด็กหนุ่มอย่างห้ามใจไม่อยู่ ได้อยู่ใกล้ชิดกันอย่างนี้รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาช่างแข็งแรงเหลือเกิน "แต่เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า มันไม่ดี"
"ผมแค่อยากคุยกับพี่ครับ" เขาตอบอยู่ข้างหู
"แต่อย่างนี้มันไม่ใช่คุยนี่" ฉันเอ่ยเสียงเบา อดสั่นนิดๆ ไม่ได้
มืออีกข้างนึงของเขาเอื้อมมากอดฉันไว้ ทำให้กายของเราแนบชิดกันยิ่งขึ้น
"บอกว่า อย่าทำอย่างนี้ ...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"
"ถ้าไม่มีใครเห็นก็ได้ใช่ไหมครับ" เขากระซิบ และไม่ฟังคำตอบเขากดจมูกลงมาที่กลางแก้ม
ความรู้สึกต่างๆ ท่วมท้น เด็กหนุ่มคนนี้ มีร่างกายที่แข็งแรง กลิ่นกายของเขา เป็นกลิ่น ของความหนุ่ม ความทะเยอทะยาน ร้อนรุ่ม ความรู้สึกอันหลากหลาย ที่ฉัน ไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว แน่ละ การเป็นนักศึกษาปริญญาเอก ทำให้ฉันต้องหมกมุ่นวุ่นวายอยู่กับเรื่องของการเรียน พอจบมาก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำงาน ความรู้สึกในด้านนี้ของฉันจึงถูกกับเก็บไว้มานานแล้ว
และตอนนี้มันถูกกระตุ้นด้วยหนุ่มน้อยซึ่งมีหน้าตาท่าทาง ชวนให้หลงใหล มันก็เหมือนเชื้อไฟ ที่เติมลงไปในกองฟืนที่ยังไม่มอดสนิทดี
ปรเมศเหมือนน้ำมันเย็น ซึ่งตอนแรก มันจะจุดไม่ติด แต่พอติดแล้ว มันก็ยากที่จะดับ ที่สำคัญ ฉันเองก็ไม่รู้สึกอยากจะดับมันเสียด้วยสิ พระเจ้า ฉันจะทำอย่างไรกับอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ดีนะ
ฉันต้องเป็นโค้ชให้เขา ในอีกไม่กี่วันนี้ ฉัน ดร. นลิน ควรทำตัวให้น่าเชื่อถือ คุณเป็นคนใจเย็น ควรและควรอะไรอีกหลายอย่าง แต่ไม่ควรอยู่ใกล้ชิดและจุกตอบเขาแบบนี้ แต่ฉันก็ห้ามตัวเองไม่ได้ ที่จะเลื่อนมือไปโอบ รอบคอเขาและรั้งร่างสูงกำยำนั้นให้ใกล้ตัวขึ้นมาอีกนิด ใบหน้าของเขาเหมือนของแปลกใหม่เหมือนดินแดนมหัศจรรย์ ที่ฉันเพิ่งเคยค้นพบ
ร่างกายอันแข็งแรงล่ำสันนั้นน่าสำรวจไปเสียหมด พระเจ้า ฉันเลื่อนมือลงมา จากลำคอเป็นหลัง ต่ำไปกว่านั้น สัมผัสทุกส่วน เพื่อให้แน่ใจว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่นี่ ฝัน หรือความจริงกันแน่ ลิ้นร้อนๆ ของปรเมศวร์ฉกเข้าที่ปลายลิ้นของฉันอีกรอบ คราวนี้เราแลกจูบกันพัลวัน ลืมความคิด ลืมทุกอย่าง
เราทั้งสองสนใจ แค่กันและกันเท่านั้น
"ตัวพี่หอมเหลือเกิน" เสียงปรเมศคราง
ฉันใช้การจูบเป็นการตอบแทนที่เขาชม ร่างกายส่วนร่างของเราแนบกัน เหมือนไม่มีเสื้อผ้ากั้น ฉันได้ยินเสียงหายใจ อันร้อนรุ่มของเขาอย่างชัดเจน
"พี่ครับ ผมขึ้นไปที่ห้องพี่ได้ไหม" มือของหนุ่มน้อยสำรวจไปทั่วด้านหลังของฉัน "ไม่อยากไปที่ไหนแล้ว ผมอยาก..."
หนุ่มน้อยยังพูดไม่จบ จังหวะนั้นเอง มีแสงสว่างวาบขึ้นมา คงเป็นรถที่ขับผ่านต้นซอย อาจจะเลี้ยวผิดทางหรืออะไรสักอย่าง เสียงของรถใกล้เข้ามา ฉันผลักปรเมศออกจากตัวโดยอัตโนมัติ ก่อนจะหันหลังให้แสงไฟจากหน้ารถ และจูงมือชายหนุ่มข้างตัวให้เดินเร็วๆ จนพ้นซอย
....ถ้าไม่มีรถคันนั้น คำตอบของฉันจะเป็นอะไรนะ...
เมื่อเย็นที่ผ่านมา หลังจากดื่มกาแฟเสร็จ ฉันและปรเมศยังนั่งคุยกันที่ร้านแห่งนั้นอยู่อีกพักใหญ่ จนเป็นเวลาเกือบสามทุ่ม ปรเมศบ่นว่ายังไม่อยากกลับที่พัก ฉันเสนอว่าแถวๆ นั้นมีร้านฟังเพลงเพิ่งเปิดใหม่ บรรยากาศดี ปรเมศชวนฉันทันที เขาย้ำอีกรอบว่ายังอยากคุยกับฉันต่อ
"พี่ก็ว่าจะชวนเราเหมือนกัน แต่เมศไม่ต้องไปเตรียมตัวทำงานส่งเหรอ"
"ผมอยากอยู่ตรงนี้มากกว่า" เขาตอบทันทีแบบชัดถ้อยชัดคำ "ส่วนเรื่องงาน ผมว่าให้เจ้าเหนือทำส่วนของมันบ้าง วันนี้ขอเป็นคนไม่ดีเพื่อพี่บ้าง"
ฉันอมยิ้มกับประโยคน่ารักๆ นั่น
เราเดินตามกันผ่านซอยเล็กๆ แทนที่จะเดินไปตามถนนใหญ่ เวลาสามทุ่ม คนไม่มากนัก พอเดินเข้าซอย ปรเมศก็ดึงมือฉันไปกุมไว้ ฉันแกล้งทำเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยากรู้เหมือนกันว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะกล้าไปถึงไหน จนเกือบจะพ้นซอย มือที่กุมฉันอยู่ก็ดึงให้ฉันหยุด
"มีอะไรเหรอ"
"ผม...ขอกอดพี่ทีนึงได้ไหม" ร่างสูงยืนแยกขานิดๆ อย่างมั่นใจตัวเอง เขาไม่ปล่อยให้ฉันคิดแม้เพียงวินาที ร่างที่เล็กกว่าของฉันถูกดึงเข้าไปหาร่างสูงทันใด
"เมศ..." ฉันกอดตอบ และรับรู้ได้ว่าอ้อมกอดนั้นมากกว่าพี่น้องกอดกันธรรมดาแน่ๆ
มากกว่านั้น ชายหนุ่มรุนหลังฉันชิดติดกับผนังตึก และอย่างรวดเร็ว เขาก้มริมฝีปากลงมาประกบปากฉันอย่างรวดเร็ว
ฉันรู้ว่ามันไม่สมควร แต่ร่างอุ่นๆ ที่แนบชิดอยู่มีกลิ่นบางอย่างที่เร้าอารมณ์เหลือเกิน อาจจะเป็นน้ำหอม หรืออะไรสักอย่าง เขาเลื่อนริมฝีปากมาที่ซอกคอและข้างหู พร้อมๆ กับที่นิ้วมือไล่ดะไปทั่ว
"เมศ...." ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด ฉันผลักเขาออกเบาๆ "ไม่เอาน่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"
"ผมห้ามใจไม่ได้" เขาบ่น "ผม...ขอโทษ" อีกฝ่ายตอบ โดยที่ขืนตัวไว้ไม่ยอมออกห่างจากตัว
"พี่รู้จ๊ะ พี่รู้" ฉันยกมือขึ้นลูบข้างแก้มของเด็กหนุ่มอย่างห้ามใจไม่อยู่ ได้อยู่ใกล้ชิดกันอย่างนี้รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาช่างแข็งแรงเหลือเกิน "แต่เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า มันไม่ดี"
"ผมแค่อยากคุยกับพี่ครับ" เขาตอบอยู่ข้างหู
"แต่อย่างนี้มันไม่ใช่คุยนี่" ฉันเอ่ยเสียงเบา อดสั่นนิดๆ ไม่ได้
มืออีกข้างนึงของเขาเอื้อมมากอดฉันไว้ ทำให้กายของเราแนบชิดกันยิ่งขึ้น
"บอกว่า อย่าทำอย่างนี้ ...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"
"ถ้าไม่มีใครเห็นก็ได้ใช่ไหมครับ" เขากระซิบ และไม่ฟังคำตอบเขากดจมูกลงมาที่กลางแก้ม
ความรู้สึกต่างๆ ท่วมท้น เด็กหนุ่มคนนี้ มีร่างกายที่แข็งแรง กลิ่นกายของเขา เป็นกลิ่น ของความหนุ่ม ความทะเยอทะยาน ร้อนรุ่ม ความรู้สึกอันหลากหลาย ที่ฉัน ไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว แน่ละ การเป็นนักศึกษาปริญญาเอก ทำให้ฉันต้องหมกมุ่นวุ่นวายอยู่กับเรื่องของการเรียน พอจบมาก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำงาน ความรู้สึกในด้านนี้ของฉันจึงถูกกับเก็บไว้มานานแล้ว
และตอนนี้มันถูกกระตุ้นด้วยหนุ่มน้อยซึ่งมีหน้าตาท่าทาง ชวนให้หลงใหล มันก็เหมือนเชื้อไฟ ที่เติมลงไปในกองฟืนที่ยังไม่มอดสนิทดี
ปรเมศเหมือนน้ำมันเย็น ซึ่งตอนแรก มันจะจุดไม่ติด แต่พอติดแล้ว มันก็ยากที่จะดับ ที่สำคัญ ฉันเองก็ไม่รู้สึกอยากจะดับมันเสียด้วยสิ พระเจ้า ฉันจะทำอย่างไรกับอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ดีนะ
ฉันต้องเป็นโค้ชให้เขา ในอีกไม่กี่วันนี้ ฉัน ดร. นลิน ควรทำตัวให้น่าเชื่อถือ คุณเป็นคนใจเย็น ควรและควรอะไรอีกหลายอย่าง แต่ไม่ควรอยู่ใกล้ชิดและจุกตอบเขาแบบนี้ แต่ฉันก็ห้ามตัวเองไม่ได้ ที่จะเลื่อนมือไปโอบ รอบคอเขาและรั้งร่างสูงกำยำนั้นให้ใกล้ตัวขึ้นมาอีกนิด ใบหน้าของเขาเหมือนของแปลกใหม่เหมือนดินแดนมหัศจรรย์ ที่ฉันเพิ่งเคยค้นพบ
ร่างกายอันแข็งแรงล่ำสันนั้นน่าสำรวจไปเสียหมด พระเจ้า ฉันเลื่อนมือลงมา จากลำคอเป็นหลัง ต่ำไปกว่านั้น สัมผัสทุกส่วน เพื่อให้แน่ใจว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่นี่ ฝัน หรือความจริงกันแน่ ลิ้นร้อนๆ ของปรเมศวร์ฉกเข้าที่ปลายลิ้นของฉันอีกรอบ คราวนี้เราแลกจูบกันพัลวัน ลืมความคิด ลืมทุกอย่าง
เราทั้งสองสนใจ แค่กันและกันเท่านั้น
"ตัวพี่หอมเหลือเกิน" เสียงปรเมศคราง
ฉันใช้การจูบเป็นการตอบแทนที่เขาชม ร่างกายส่วนร่างของเราแนบกัน เหมือนไม่มีเสื้อผ้ากั้น ฉันได้ยินเสียงหายใจ อันร้อนรุ่มของเขาอย่างชัดเจน
"พี่ครับ ผมขึ้นไปที่ห้องพี่ได้ไหม" มือของหนุ่มน้อยสำรวจไปทั่วด้านหลังของฉัน "ไม่อยากไปที่ไหนแล้ว ผมอยาก..."
หนุ่มน้อยยังพูดไม่จบ จังหวะนั้นเอง มีแสงสว่างวาบขึ้นมา คงเป็นรถที่ขับผ่านต้นซอย อาจจะเลี้ยวผิดทางหรืออะไรสักอย่าง เสียงของรถใกล้เข้ามา ฉันผลักปรเมศออกจากตัวโดยอัตโนมัติ ก่อนจะหันหลังให้แสงไฟจากหน้ารถ และจูงมือชายหนุ่มข้างตัวให้เดินเร็วๆ จนพ้นซอย
....ถ้าไม่มีรถคันนั้น คำตอบของฉันจะเป็นอะไรนะ...
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 เม.ย. 2563, 17:14:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 เม.ย. 2563, 17:14:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 614
<< 4: ผมอยากทำอย่างนี้ทั้งคืนเลยรู้ไหม | 6: เรื่องบังเอิญ >> |