ร้อยเล่ห์...นายเหมันต์
เขียนนิยายรักแนวหวานมาหลายเรื่อง อยากลองแนวอิโรติกดูบ้าง มาดูกันว่าจะได้แค่ไหน
Tags: สิรินดา, รักเล่ห์, นิยายรัก
ตอน: 6: เรื่องบังเอิญ
"คุณนลินครับ เจ้าหน้าที่จากบริษัท... ที่นัดไว้มาแล้วครับ" เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลคอนโดโทรเข้ามาที่ห้อง ขณะที่ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จและยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยนัก
วันนี้เป็นวันหยุดยาวฉันจึงนอนตื่นสาย เที่ยงกว่าแล้ว แต่ฉันเพิ่งตื่นได้ไม่นานนัก เมื่อคืนคุยโทรศัพท์กับปรเมศเสียดึก จากนั้นก็ต้องรีบส่งงานค้างก่อนจะปิดยาวอีกหลายวันในช่วงนี้
"ส่งเขาขึ้นมาได้เลยค่ะ" ฉันตอบ วางสายแล้วรีบแต่งตัว อีกราวห้านาที เสียงกริ่งประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น
ฉันเดินไปเปิดประตู สองหนุ่มในชุดเครื่องแบบบริษัทยืนอยู่พร้อมกล่องเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เขาส่งเอกสารการจ้างและรายละเอียดเกี่ยวกับงานให้เพื่อยืนยันตัวตน
"มาเร็วดีจัง ไปที่ระเบียงเลยค่ะ" ฉันรับเอกสารมาตรวจคร่าวๆ คราวนี้ฉันสั่งให้บริษัทมาติดตั้งอุปกรณ์ที่เอาไว้ทำสวนแนวตั้ง ซึ่งจะติดอยู่คนละมุมกับโรงเรือนขนาดเล็กที่ใช้ปลูกต้นไม้อัตโนมัติที่ติดตั้งไปก่อนล่วงหน้า บริษัทรับจะมาติดตั้งให้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อน แต่พนักงานไม่พอ ทำให้ฉันรอเก้อและเขาขอมาติดให้วันนี้แทน
'พวกคุณทำงานวันหยุดกันด้วยเหรอ' ช่วงนนี้เป็นวันหยุดสงกรานต์
'วันเสาร์ยังทำอยู่อีกวันนึงครับ แต่ตั้งแต่พรุ่งนี้หยุดยาวไปสามวันเลย บริษัทอยากปิดเคสก่อนหยุดยาวให้มากที่สุดครับ' เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องบอก
ส่วนหนึ่งที่ฉันซื้อคอนโดมิเนียมแห่งนี้เพราะระเบียงกว้างกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป และมีที่พอสำหรับนั่งเล่นหรือปลูกต้นไม้
"มันยังใช้ได้ดีไหมครับ" คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นโรงเรือนของบริษัทตั้งอยู่อีกมุมหนึ่ง "ต้นไม้ดูเหมือนไม่ค่อยงามนะครับ"
"ใช้ดีค่ะ แต่ต้นไม้ที่ปลูกมันไม่โตเท่าไหร่เลย สงสัยฉันจะมือร้อน ปลูกอะไรก็ไม่งาม" ฉันตอบ
"เหนือไปดูโรงเรือนให้พี่เขาหน่อยสิ อาจจะรดน้ำเยอะเกินไปหรือไม่ก็ต้นไม้ปลูกไม่เหมาะ ถ้ายังไงจะได้แนะนำให้พี่เขา เดี๋ยวพี่เตรียมของตรงนี้เอง" คนพูดหันมายิ้มกับฉัน "ลูกน้องผมเป็นคนมือเย็นครับ โรงเรือนที่บริษัทเขาก็เป็นคนปลูกต้นไม้เอาไว้โชว์ อย่างงาม ไม่กี่เดือนก็ออกลูกได้กินแล้ว เผื่อจะแนะนำคุณได้"
ฉันพยักหน้า มองไปที่ด้านหลังของชายหนุ่มร่างสูงที่ยังไม่ได้ยินเสียงพูดสักคำ เขาวุ่นอยู่กับการเปิดมันออกมาดู จากนั้นก็หยิบพลั่วเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ มาพรวนดิน ฉันเดินไปหยุดอยู่ด้านหลัง ดูเขาทำงานเงียบๆ
"ตกลงต้นไม้เป็นอะไร"
"คุณใส่ปุ๋ยมันบ้างหรือเปล่า" คนที่กำลังพรวนดินถาม "พรวนดินก็ไม่ทำ ดินเกาะกันแข็ง"
ฉันเม้มปาก "ตอนแรกตั้งใจจะทำ แต่ก็ลืมทุกที"
"ข้ออ้างมากกว่า นี่ปลูกอีกไม่ตายกันหมดเลยหรือไง" เสียงเบาเหมือนบ่นกับตัวเอง
"อะไรนะ"
คนที่กำลังพรวนดินไม่ตอบทำงานของตัวเองเงียบๆ พักเดียวก็เก็บของ เดินไปช่วยอีกคน ฉันเดินกลับเข้าห้อง ปล่อยให้ทั้งสองคนทำงานไป กำลังจะยกน้ำเย็นไปเสิร์ฟให้พนักงานรุ่นพี่ก็เดินสวนเข้ามาด้านใน
"ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ บริษัทโทรมาเรียกตัวด่วน อีกนิดเดียวเสร็จแล้วผมจะทิ้งให้น้องทำต่อ"
"ดื่มน้ำก่อนไหมคะ"
"ขอบคุณครับ" เขารับแก้วน้ำดื่มรวดเดียวหมด "มีอะไรให้น้องจัดการให้เลยนะครับ" คนพูดส่งแก้วคืนรีบเดินออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว ฉันจึงยกน้ำเพียงแก้วเดียวออกไปที่ระเบียง
วางแก้วน้ำ และถอยกลับมาเปิดคอมพิวเตอร์นั่งทำงานเงียบๆ การติดตั้งสวนแนวตั้งคราวนี้ทำแบบมั่นคงถาวรด้วยการวางโครงไม้ ราวเหล็ก และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ติดผนังตึกส่วนที่แดดส่องถึง ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ฉันชะโงกหน้าออกไปดู โครงร่างของสวนแนวตั้งซึ่งหน้าตาเหมือนรังผึ้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เอาอุปกรณ์ปลูกต้นไม้พวกกระถางไปวางและจัดตำแหน่ง
กริ่งประตูหน้าห้องดังขึ้น ฉันคิดว่าเป็นพนักงานคนเดิมลืมของจึงเดินไปเปิดโดยที่ลืมมองที่ตาแมวก่อน
"คิดถึงจัง ไม่ว่ากันนะครับที่ขึ้นมาหาแบบนี้ ผมรอให้ถึงค่ำวันนี้ไม่ไหวจริงๆ พี่" ปรเมศสวมเสื้อลายดอกสีน้ำเงินเข้มทับเสื้อยืดคอกลมสีขาว เขาแทรกเข้าห้องมาแบบไม่ให้ฉันตั้งตัว เขารั้งร่างของฉันเข้าไปหากอดและจูบอย่างรวดเร็ว ร่างสูงกำยำนั่นคงจะทำให้ฉันรู้สึกอะไรมากกว่านี้ถ้า...
"ดะ...เดี๋ยวสิ" รีบขืนตัวออก ไม่คิดว่าจะถูกจู่โจมรวดเร็วแบบนั้น ปรเมศไม่เคยขึ้นมาที่นี่ แต่เขาเคยถามว่าฉันอยู่ห้องไหนเพราะเคยส่งดอกไม้มาให้
ค่ำวันนี้เรามีนัดกินข้าวเย็นฉลองวันหยุดยาวด้วยกัน...ฉันแอบคิดเหมือนกันว่ามันอาจจะมาลงเอยที่ห้อง แต่ไม่ได้คิดว่าเขาจะ...มาก่อน
"ทำไมล่ะ ผมคิดถึงพี่จะแย่ ให้ผมอยู่...ด้วยคนนะครับ ผมว่างเหมือนกัน คืนนี้เราฉลองวันหยุดยาวที่นี่กันดีไหม ไม่ต้องไปหาร้านอาหารให้เสียเวลา" เสียงของคนพูดอู้อี้อยู่ข้างหู ทำท่าว่าจะดึงตัวฉันไปกอดอีกรอบถ้าฉันไม่ดันร่างสูงออกอย่างจริงจังเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูระเบียง
"เหนือ!!!" สายตาของปรเมศพุ่งไปที่ร่างสูงซึ่งตอนนี้ถอดชุดเครื่องแบบออกจนเหลือแต่เสื้อกล้าม เดินเข้ามาในห้อง และคงชะงักยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นฉันยืนกอดแบบแนบชิดกับเพื่อร่วมทีมของเขา
"นายมาที่นี่ได้ยังไง" คนพูดทำเสียงเข้ม จากนั้นจึงมองฉันอย่างคาดคั้น "พี่นัดมันมาใช่ไหม..."
"ใช่พี่เขานัดฉันมา" เสียงอีกฝ่ายตอบเรียบๆ ด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก เลื่อนสายตามาหาผม "ขอน้ำอีกแก้วสิ ข้างนอกร้อนมาก"
น้ำเสียงคนพูดราวกับว่าเราคุ้นเคยกัน ไม่ฟังคำตอบเขาก็เดินไปที่ตู้เย็น เปิดมันออกและรินน้ำใส่แก้วดื่มมันรวดเดียวหมดแก้ว
"ไหนวันนี้นายบอกว่าทำงานไงล่ะ" ปรเมศถาม
"วันนี้นายก็บอกจะไปแก้เอกสารรายงานของโครงงานที่มหา'ลัยให้เสร็จก่อนจะหยุดยาว" อีกฝ่ายตอบกลับมาโดยไม่หันหน้ามา
"มันเรื่องของฉัน ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ บอกมานายมาทำไมที่นี่!"
"พี่เขาเรียกฉันมาก็เลย...ไม่ปฏิเสธ"
"นาย!" ฉันอุทานเสียงสูง มาพูดแบบนี้ได้ยังไง ปรเมศเข้าใจผิดกันพอดี "นี่มันอะไรกัน เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วนะ เพื่อนของเมศแค่มาติดตั้งสวนให้พี่เท่านั้นนะ"
"พี่เรียกมันมาใช่ไหม! บอกผมว่าต้องทำงานทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวัดหยุดเพราะนัดมันมาใช่ไหม" เสียงปรเมศกราดเกรี้ยว "เพราะแบบนี้สิ มาหาพี่ทีไรถึงไม่ยอมให้ผมขึ้นห้องสักที เพราะพี่กินกับมันอยู่ใช่ไหม ไอ้เพื่อนเลวชอบเอาของเพื่อน ไอ้..."
"หยุดเลยเมศ!! ไม่มีใครเอาของใครทั้งนั้นแหละ"
ฉันตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทำไมปรเมศไม่ฟังอะไรก่อนนะ มาก็ไม่บอก มาถึงแล้วก็โวยวายเหมือนฉันทำอะไรผิดมากมาย
"กลับไปก่อนเมศ เพื่อนของเธอยังทำงานไม่เสร็จ"
ปรเมศหันมาหาฉันอย่างโกรธๆ "แสดงว่าพี่เลือกมัน ทำไมอ่ะ หรือชอบดำๆ โหดๆ ไม่รู้นะว่าชอบแบบนี้ ไม่อย่างนั้นผมจะ...ได้ไม่ยุ่งกับพี่ตั้งแต่แรก"
"เมศ!! นายพูดเกินไปแล้วนะ" เสียงชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในห้องตอบ เดินตรงมาหาเพื่อน "ให้เกียรติพี่เขาด้วย"
ปรเมศหันมาที่ฉัน ยิ้มเยาะ "กรรมการคนอื่นจะว่ายังไงนะ ถ้ารู้ว่าพี่อยู่ในห้องสองต่อสองกับเพื่อนผม"
"เมศ" ฉันเบิกตากว้าง
"กลับละ" พูดจบก็เปิดประตูออกกว้างและปิดมันด้วยเสียงอันดัง
ห้องทั้งห้องเงียบสนิท ผู้ชายอีกคนที่อยู่ในห้องยังยืนอยู่หน้าตู้เย็นถือแก้วน้ำ ส่วนฉันยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ใกล้ประตู
"ผมจะไปทำงานให้เสร็จ" อีกฝ่ายซึ่งแม้แต่ชื่อของเขาฉันยังจำไม่ได้เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น ส่วนฉันก็พยักหน้า อย่างที่ไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านั้น
เพื่อนของปรเมศเดินกลับไปที่ระเบียง ส่วนฉัน เอนหลังพิงประตู สมองคิดวุ่นวายว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อจากนี้
ฉันกับปรเมศแอบคบกัน เราสัญญากันว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับจนกว่าการตัดสินการประกวดจะจบลง ซึ่งเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว
ปรเมศเข้าใจผิดว่าฉันมีอะไรกับเพื่อนร่วมทีมของเขา
และ...เขากำลังจะประจานฉัน
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น...เพราะฉันคนเดียวแท้ๆ ฉันที่ปล่อยใจไปกับความเย้ายวนใจของเด็กหนุ่มคนนั้น ต่อจากนี้จะเกิดอะไรที่ร้ายแรงมากน้อยแค่ไหน ก็ยังเดาถึงผลของมันไม่ได้เลย
วันนี้เป็นวันหยุดยาวฉันจึงนอนตื่นสาย เที่ยงกว่าแล้ว แต่ฉันเพิ่งตื่นได้ไม่นานนัก เมื่อคืนคุยโทรศัพท์กับปรเมศเสียดึก จากนั้นก็ต้องรีบส่งงานค้างก่อนจะปิดยาวอีกหลายวันในช่วงนี้
"ส่งเขาขึ้นมาได้เลยค่ะ" ฉันตอบ วางสายแล้วรีบแต่งตัว อีกราวห้านาที เสียงกริ่งประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น
ฉันเดินไปเปิดประตู สองหนุ่มในชุดเครื่องแบบบริษัทยืนอยู่พร้อมกล่องเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เขาส่งเอกสารการจ้างและรายละเอียดเกี่ยวกับงานให้เพื่อยืนยันตัวตน
"มาเร็วดีจัง ไปที่ระเบียงเลยค่ะ" ฉันรับเอกสารมาตรวจคร่าวๆ คราวนี้ฉันสั่งให้บริษัทมาติดตั้งอุปกรณ์ที่เอาไว้ทำสวนแนวตั้ง ซึ่งจะติดอยู่คนละมุมกับโรงเรือนขนาดเล็กที่ใช้ปลูกต้นไม้อัตโนมัติที่ติดตั้งไปก่อนล่วงหน้า บริษัทรับจะมาติดตั้งให้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อน แต่พนักงานไม่พอ ทำให้ฉันรอเก้อและเขาขอมาติดให้วันนี้แทน
'พวกคุณทำงานวันหยุดกันด้วยเหรอ' ช่วงนนี้เป็นวันหยุดสงกรานต์
'วันเสาร์ยังทำอยู่อีกวันนึงครับ แต่ตั้งแต่พรุ่งนี้หยุดยาวไปสามวันเลย บริษัทอยากปิดเคสก่อนหยุดยาวให้มากที่สุดครับ' เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องบอก
ส่วนหนึ่งที่ฉันซื้อคอนโดมิเนียมแห่งนี้เพราะระเบียงกว้างกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป และมีที่พอสำหรับนั่งเล่นหรือปลูกต้นไม้
"มันยังใช้ได้ดีไหมครับ" คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นโรงเรือนของบริษัทตั้งอยู่อีกมุมหนึ่ง "ต้นไม้ดูเหมือนไม่ค่อยงามนะครับ"
"ใช้ดีค่ะ แต่ต้นไม้ที่ปลูกมันไม่โตเท่าไหร่เลย สงสัยฉันจะมือร้อน ปลูกอะไรก็ไม่งาม" ฉันตอบ
"เหนือไปดูโรงเรือนให้พี่เขาหน่อยสิ อาจจะรดน้ำเยอะเกินไปหรือไม่ก็ต้นไม้ปลูกไม่เหมาะ ถ้ายังไงจะได้แนะนำให้พี่เขา เดี๋ยวพี่เตรียมของตรงนี้เอง" คนพูดหันมายิ้มกับฉัน "ลูกน้องผมเป็นคนมือเย็นครับ โรงเรือนที่บริษัทเขาก็เป็นคนปลูกต้นไม้เอาไว้โชว์ อย่างงาม ไม่กี่เดือนก็ออกลูกได้กินแล้ว เผื่อจะแนะนำคุณได้"
ฉันพยักหน้า มองไปที่ด้านหลังของชายหนุ่มร่างสูงที่ยังไม่ได้ยินเสียงพูดสักคำ เขาวุ่นอยู่กับการเปิดมันออกมาดู จากนั้นก็หยิบพลั่วเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ มาพรวนดิน ฉันเดินไปหยุดอยู่ด้านหลัง ดูเขาทำงานเงียบๆ
"ตกลงต้นไม้เป็นอะไร"
"คุณใส่ปุ๋ยมันบ้างหรือเปล่า" คนที่กำลังพรวนดินถาม "พรวนดินก็ไม่ทำ ดินเกาะกันแข็ง"
ฉันเม้มปาก "ตอนแรกตั้งใจจะทำ แต่ก็ลืมทุกที"
"ข้ออ้างมากกว่า นี่ปลูกอีกไม่ตายกันหมดเลยหรือไง" เสียงเบาเหมือนบ่นกับตัวเอง
"อะไรนะ"
คนที่กำลังพรวนดินไม่ตอบทำงานของตัวเองเงียบๆ พักเดียวก็เก็บของ เดินไปช่วยอีกคน ฉันเดินกลับเข้าห้อง ปล่อยให้ทั้งสองคนทำงานไป กำลังจะยกน้ำเย็นไปเสิร์ฟให้พนักงานรุ่นพี่ก็เดินสวนเข้ามาด้านใน
"ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ บริษัทโทรมาเรียกตัวด่วน อีกนิดเดียวเสร็จแล้วผมจะทิ้งให้น้องทำต่อ"
"ดื่มน้ำก่อนไหมคะ"
"ขอบคุณครับ" เขารับแก้วน้ำดื่มรวดเดียวหมด "มีอะไรให้น้องจัดการให้เลยนะครับ" คนพูดส่งแก้วคืนรีบเดินออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว ฉันจึงยกน้ำเพียงแก้วเดียวออกไปที่ระเบียง
วางแก้วน้ำ และถอยกลับมาเปิดคอมพิวเตอร์นั่งทำงานเงียบๆ การติดตั้งสวนแนวตั้งคราวนี้ทำแบบมั่นคงถาวรด้วยการวางโครงไม้ ราวเหล็ก และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ติดผนังตึกส่วนที่แดดส่องถึง ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ฉันชะโงกหน้าออกไปดู โครงร่างของสวนแนวตั้งซึ่งหน้าตาเหมือนรังผึ้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เอาอุปกรณ์ปลูกต้นไม้พวกกระถางไปวางและจัดตำแหน่ง
กริ่งประตูหน้าห้องดังขึ้น ฉันคิดว่าเป็นพนักงานคนเดิมลืมของจึงเดินไปเปิดโดยที่ลืมมองที่ตาแมวก่อน
"คิดถึงจัง ไม่ว่ากันนะครับที่ขึ้นมาหาแบบนี้ ผมรอให้ถึงค่ำวันนี้ไม่ไหวจริงๆ พี่" ปรเมศสวมเสื้อลายดอกสีน้ำเงินเข้มทับเสื้อยืดคอกลมสีขาว เขาแทรกเข้าห้องมาแบบไม่ให้ฉันตั้งตัว เขารั้งร่างของฉันเข้าไปหากอดและจูบอย่างรวดเร็ว ร่างสูงกำยำนั่นคงจะทำให้ฉันรู้สึกอะไรมากกว่านี้ถ้า...
"ดะ...เดี๋ยวสิ" รีบขืนตัวออก ไม่คิดว่าจะถูกจู่โจมรวดเร็วแบบนั้น ปรเมศไม่เคยขึ้นมาที่นี่ แต่เขาเคยถามว่าฉันอยู่ห้องไหนเพราะเคยส่งดอกไม้มาให้
ค่ำวันนี้เรามีนัดกินข้าวเย็นฉลองวันหยุดยาวด้วยกัน...ฉันแอบคิดเหมือนกันว่ามันอาจจะมาลงเอยที่ห้อง แต่ไม่ได้คิดว่าเขาจะ...มาก่อน
"ทำไมล่ะ ผมคิดถึงพี่จะแย่ ให้ผมอยู่...ด้วยคนนะครับ ผมว่างเหมือนกัน คืนนี้เราฉลองวันหยุดยาวที่นี่กันดีไหม ไม่ต้องไปหาร้านอาหารให้เสียเวลา" เสียงของคนพูดอู้อี้อยู่ข้างหู ทำท่าว่าจะดึงตัวฉันไปกอดอีกรอบถ้าฉันไม่ดันร่างสูงออกอย่างจริงจังเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูระเบียง
"เหนือ!!!" สายตาของปรเมศพุ่งไปที่ร่างสูงซึ่งตอนนี้ถอดชุดเครื่องแบบออกจนเหลือแต่เสื้อกล้าม เดินเข้ามาในห้อง และคงชะงักยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นฉันยืนกอดแบบแนบชิดกับเพื่อร่วมทีมของเขา
"นายมาที่นี่ได้ยังไง" คนพูดทำเสียงเข้ม จากนั้นจึงมองฉันอย่างคาดคั้น "พี่นัดมันมาใช่ไหม..."
"ใช่พี่เขานัดฉันมา" เสียงอีกฝ่ายตอบเรียบๆ ด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก เลื่อนสายตามาหาผม "ขอน้ำอีกแก้วสิ ข้างนอกร้อนมาก"
น้ำเสียงคนพูดราวกับว่าเราคุ้นเคยกัน ไม่ฟังคำตอบเขาก็เดินไปที่ตู้เย็น เปิดมันออกและรินน้ำใส่แก้วดื่มมันรวดเดียวหมดแก้ว
"ไหนวันนี้นายบอกว่าทำงานไงล่ะ" ปรเมศถาม
"วันนี้นายก็บอกจะไปแก้เอกสารรายงานของโครงงานที่มหา'ลัยให้เสร็จก่อนจะหยุดยาว" อีกฝ่ายตอบกลับมาโดยไม่หันหน้ามา
"มันเรื่องของฉัน ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ บอกมานายมาทำไมที่นี่!"
"พี่เขาเรียกฉันมาก็เลย...ไม่ปฏิเสธ"
"นาย!" ฉันอุทานเสียงสูง มาพูดแบบนี้ได้ยังไง ปรเมศเข้าใจผิดกันพอดี "นี่มันอะไรกัน เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วนะ เพื่อนของเมศแค่มาติดตั้งสวนให้พี่เท่านั้นนะ"
"พี่เรียกมันมาใช่ไหม! บอกผมว่าต้องทำงานทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวัดหยุดเพราะนัดมันมาใช่ไหม" เสียงปรเมศกราดเกรี้ยว "เพราะแบบนี้สิ มาหาพี่ทีไรถึงไม่ยอมให้ผมขึ้นห้องสักที เพราะพี่กินกับมันอยู่ใช่ไหม ไอ้เพื่อนเลวชอบเอาของเพื่อน ไอ้..."
"หยุดเลยเมศ!! ไม่มีใครเอาของใครทั้งนั้นแหละ"
ฉันตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทำไมปรเมศไม่ฟังอะไรก่อนนะ มาก็ไม่บอก มาถึงแล้วก็โวยวายเหมือนฉันทำอะไรผิดมากมาย
"กลับไปก่อนเมศ เพื่อนของเธอยังทำงานไม่เสร็จ"
ปรเมศหันมาหาฉันอย่างโกรธๆ "แสดงว่าพี่เลือกมัน ทำไมอ่ะ หรือชอบดำๆ โหดๆ ไม่รู้นะว่าชอบแบบนี้ ไม่อย่างนั้นผมจะ...ได้ไม่ยุ่งกับพี่ตั้งแต่แรก"
"เมศ!! นายพูดเกินไปแล้วนะ" เสียงชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ในห้องตอบ เดินตรงมาหาเพื่อน "ให้เกียรติพี่เขาด้วย"
ปรเมศหันมาที่ฉัน ยิ้มเยาะ "กรรมการคนอื่นจะว่ายังไงนะ ถ้ารู้ว่าพี่อยู่ในห้องสองต่อสองกับเพื่อนผม"
"เมศ" ฉันเบิกตากว้าง
"กลับละ" พูดจบก็เปิดประตูออกกว้างและปิดมันด้วยเสียงอันดัง
ห้องทั้งห้องเงียบสนิท ผู้ชายอีกคนที่อยู่ในห้องยังยืนอยู่หน้าตู้เย็นถือแก้วน้ำ ส่วนฉันยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ใกล้ประตู
"ผมจะไปทำงานให้เสร็จ" อีกฝ่ายซึ่งแม้แต่ชื่อของเขาฉันยังจำไม่ได้เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น ส่วนฉันก็พยักหน้า อย่างที่ไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านั้น
เพื่อนของปรเมศเดินกลับไปที่ระเบียง ส่วนฉัน เอนหลังพิงประตู สมองคิดวุ่นวายว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อจากนี้
ฉันกับปรเมศแอบคบกัน เราสัญญากันว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับจนกว่าการตัดสินการประกวดจะจบลง ซึ่งเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว
ปรเมศเข้าใจผิดว่าฉันมีอะไรกับเพื่อนร่วมทีมของเขา
และ...เขากำลังจะประจานฉัน
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น...เพราะฉันคนเดียวแท้ๆ ฉันที่ปล่อยใจไปกับความเย้ายวนใจของเด็กหนุ่มคนนั้น ต่อจากนี้จะเกิดอะไรที่ร้ายแรงมากน้อยแค่ไหน ก็ยังเดาถึงผลของมันไม่ได้เลย
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 เม.ย. 2563, 17:15:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 เม.ย. 2563, 17:15:12 น.
จำนวนการเข้าชม : 705
<< 5: ฉัน...เธอ และเรื่องเผลอใจ | 7: เรื่องที่เป็นเรื่อง >> |