เหลี่ยมรักมัดใจ
ในความคิดเขา... เธอเป็นเด็กหัวรั้น ทำตามใจตัวเอง
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน
นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน
นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน 8
ณิชามัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการย้ายกลับมาพักผ่อนที่บ้านของคุณปู่จึงไม่ได้ติดต่ออัญชลีหลายวัน ทั้งๆ ที่ปกติสองสาวจะคุยกันทุกวันจนกลายเป็นเพื่อนสนิทต่างวัย ท้ายที่สุดเจ้าของร้านเบเกอรี่ก็ทนไม่ได้ ต้องโทรมาถามข่าวคราว รวมถึงถามความคืบหน้าเรื่องการคืนดีกับสามีของณิชาเสียเอง
“ใหม่วุ่นๆ ค่ะพักนี้ คุณปู่กำลังจะออกจากโรงพยาบาลเลยต้องมาดูแลเป็นพิเศษ งานที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ทำแล้วนะคะ ลาออกมาอยู่บ้านอย่างเดียวเลย”
“แล้ว ดอกเตอร์หินล่ะคะ เขาว่ายังไงเรื่องคุกกี้ของใหม่ ไม่เห็นโทรมารายงานความคืบหน้าเรื่องนี้เลย เขาประทับใจกับของฝากของใหม่บ้างไหม”
หญิงสาวร่างเล็กทำเสียง ‘ฮึ’ ในลำคอทันที เธอเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว พอถูกถามก็เหมือนถูกสะกิดความรู้สึกขุ่นมัวขึ้นมาอีก
“ตรงข้ามเลยค่ะพี่อัญ ปรากฏว่า นายดอกเตอร์พิชญ์ เอ๊ย ดอกเตอร์หินนี่เค้าเป็นพวกเกลียดถั่วเข้าไส้ค่ะ ใหม่หน้าแตกเพราะไม่รู้เลยว่าเขาแพ้ถั่ว ยัยเลขาฯ ต่อว่าใหม่ยับ ขนมของใหม่คงทำให้เขาเกลียดเพิ่มขึ้นมากกว่าประทับใจ เลิกหวังที่จะขอคืนดีกับเขาเพื่อให้ปู่สบายใจแล้วล่ะ ใช้วิธีมาดูแลท่านใกล้ชิดเพื่อไถ่โทษความผิดน่าจะได้ผลกว่า”
“เดี๋ยวๆๆ ใหม่ว่าอะไรนะ สามีของใหม่นี่แพ้ถั่วเหรอ”
“ค่ะ”
เสียงอัญชลีร้อง “เฮ้อ” มาจากปลายสายแบบดังๆ
“แล้วนี่จะทำยังไงต่อไปกันดี”
“ไม่ทำยังไงค่ะ รอให้คุณปู่พอโอเคแล้ว ใหม่จะไปขอหย่าจากเขาให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่คิดจะคืนดีแล้วล่ะ”
“ใครอนุญาตให้ใหม่ทำแบบนั้น!”
เสียงดังจากเบื้องหลังกราดเกรี้ยว ณิชาหันไป คุณปู่ลุกจากเตียงมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ท่านเดินมาเกาะประตู และคงได้ยินบทสนทนาของเธอและอัญชลีเข้าโดยบังเอิญ
“คุณปู่คะ ลุกมาทำไม หมอยัง….”
“ปู่สบายดี” น้ำเสียงคนพูดยังหอบนิดๆ หน้าก็ซีดเซียวกว่าตอนที่เธอเห็นเมื่อชั่วโมงก่อนมาก
“พี่อัญคะ ขอโทษจริงๆ เดี๋ยวใหม่โทรกลับนะคะ มีเรื่องด่วน สวัสดีค่ะ” หญิงสาวกดวางสาย รีบเดินมาหาคนป่วยโดยเร็ว “ปู่ยังไม่หายดีนะคะ หมอบอกว่าให้นอนพัก สั่งกำชับใหม่มาให้คอยดูไม่ให้ปู่ทำอะไรที่เหนื่อยมาก นี่ปู่เดินออกมาจากห้องได้ไงคะเนี่ย คุณพยาบาลไปไหน”
“ปู่ไล่กลับไปแล้ว บอกแล้วไงล่ะว่าปู่หายแล้ว”
ปู่เนี่ยเวลาจะดื้อ ก็ดื้อสุดๆ นิสัยแบบนี้แหละที่ตกมาถึงหลานสาวคนสุดท้อง เจ้าตัวนึกในใจแต่ไม่กล้าพูด เดี๋ยวจะพานโกรธเอาอีก
พยาบาลคนนี้ดูจะไม่ถูกใจท่านนัก เพราะออกแนวเจ้ากี้เจ้าการ ห้ามไปเสียทุกเรื่อง
“แล้วนี่ปู่จะไปไหนคะ ทางนี้มันทางออกไปสวนนี่”
“ปู่อยากดูสวนของปู่ว่ามันเป็นยังไงบ้าง ได้กลับมาบ้านแต่พวกเจ้าก็ให้นอนอยู่แต่ในห้อง”
“เดี๋ยวใหม่พานั่งรถเข็นมาตอนเย็นก็ได้”
“ก็ปู่อยากเดินดูตอนนี้ ไม่รู้พวกคนสวนดูแลมันดีเหมือนตอนที่ปู่คอยกำกับหรือเปล่า”
“ปู่ไม่สบายอยู่นี่นา จะลงไปในสวนได้ไงล่ะ ร้อนตายเลย”
“ปู่สบายดีแล้ว นี่ไง เดินมาได้เองถึงนี่ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย หมอรึจะมารู้ดีเท่าตัวปู่เอง”
ผู้เป็นหลานกับปู่ยืนเถียงกันอย่างเอาจริงเอาจัง
“ให้ตายสิ ปู่นี่ดื้อจริงๆ เลย”
“ใหม่ก็ดื้อ” คนป่วยเท้าเอว ลืมเจ็บขึ้นมาทันใด
“ปู่นั่นแหละ…”
ก่อนที่จะเถียงกันไปมากกว่านั้น คุณลัดดาแม่บ้านก็เดินมาขัดจังหวะบทสนทนาอันทำท่าจะเป็นการทะเลาะแบบเอาจริงเอาจังของปู่และหลานบอกว่ามีแขกมารอพบอยู่ที่ห้องรับแขก
“ใคร”
“เขาบอกว่าชื่อพิชญ์ค่ะ”
ปู่และหลานสบตากัน
“มาแล้วรึ ดีแล้วปู่จะได้จัดการเรื่องของใหม่ให้เรียบร้อย” ผู้สูงวัยผละจากกรอบประตู ตั้งใจจะก้าวไปในทิศที่เป็นห้องรับแขก ทันใดนั้นก็รู้สึกหน้ามืด เซไปสองก้าวติดๆ กัน ณิชาใจหายวูบ รีบวิ่งมาพยุงเกือบไม่ทัน เธอร้องเรียกแม่บ้านเพื่อให้มาช่วยพยุงท่านด้วยอีกคน
“ปู่นัดดอกเตอร์พิชญ์มาหรือคะ”
“ใช่ ปู่อยากรู้ว่าเขาจะจัดการเรื่องการแต่งงานระหว่างใหม่กับเขายังไงต่อไป จะมาปล่อยให้คาราคาซังอยู่แบบนี้ไม่ได้”
หลานสาวลอบถอนหายใจ …
“ไปห้องดีกว่าค่ะปู่ เดี๋ยวใหม่จะให้น้าลัดดาไปเชิญดอกเตอร์พิชญ์ไปหาปู่ที่ห้อง ปู่จะได้นอนพัก”
“ปู่ไหว”
“ปู่อย่าเถียงสิคะ ดูสิ มือเย็น เหงื่อซึมเชียว อย่าฝืนดีกว่าค่ะ เป็นอะไรไป ใหม่โดนพี่หนึ่งจัดการขั้นเด็ดขาดแน่ๆ นะคะ แล้วใหม่จะพาปู่ไปเดินในสวนตอนเย็นๆ เอ้า สัญญา”
หลานสาวทำเหมือนปู่เป็นเด็กชายตัวเล็ก
“ก็ได้” คนป่วยยอมในที่สุด เมื่อคิดว่าผลที่ได้คุ้มกว่าเสีย ดร.พิชญ์มาก็ดีแล้ว จะได้สะสางเรื่องที่ค้างคากันให้เรียบร้อย
ณิชาพาคุณปู่ไปห้องพัก และบอกให้แม่บ้านเชิญแขกไปที่นั่น พอแขกเดินเข้ามาในห้อง ปู่กลับขอร้องให้ณิชาออกไปก่อนเพราะมีเรื่องอยากคุยกับพิชญ์ตามลำพัง
“แต่ว่า…” หญิงสาวมองคนร่างสูง เขาก็มองกลับมาเหมือนกัน ตาสบตา เจ้าตัวต้องรีบเมินหลบ เพราะไม่เคยสู้สายตาคมดุของอีกฝ่ายได้สักที
อยู่ต่อหน้านาย ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเด็กกะโปโล ทำอะไรไม่ค่อยถูก คิดอะไรไม่ค่อยออกทุกทีก็ไม่รู้
“ไม่มีแต่อะไรทั้งสิ้น เราออกไปแล้วบอกให้ลัดดาเตรียมข้าวเย็นเพิ่มที่หนึ่งด้วย วันนี้จะให้พิชญ์อยู่กินข้าวเย็นกับปู่สักวัน” เสียงปู่ปลุกภวังค์ของหญิงสาว
ไม่รู้ปู่ไปถูกชะตานาย ดร.หน้าเฉยสนิทได้ยังไง หญิงสาวคิดในใจขณะเดินทำหน้าเซ็งๆ ออกจากห้อง เดินไปสั่งแม่บ้านเรื่องทำอาหารเย็นเพิ่มสำหรับแขกอีกหนึ่งที่
“โทรไปคุยกับพี่อัญต่อดีกว่า” หญิงสาวหลบออกมาที่สวนหน้าบ้าน กดโทรศัพท์ถึงศิราณีส่วนตัว คราวนี้เธอเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวเองในอาทิตย์ที่ผ่านมาให้อัญชลีฟังอย่างเปิดใจ
“ใหม่ถอดใจแล้วจริง ๆ ค่ะพี่อัญ เรื่อง ดอกเตอร์หิน อย่างที่เล่าไว้น่ะ เขามีแฟนอยู่แล้ว แถมเป็นเลขาฯ หน้าห้องที่ทั้งสวยทั้งเปรี้ยว มีโอกาสได้เจอกันทุกวัน มีคุณสมบัติเหมาะสมกับเขาทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องของเขา ใหม่สิ ไม่รู้อะไรสักอย่าง แถมตอนนี้ใหม่ก็มาดูแลปู่เอง ท่านก็เหมือนจะลืมๆ เรื่องที่ใหม่ทำผิดไว้หมดแล้ว ต่อไปท่านคงให้อภัย และยอมให้ใหม่หย่ากับ ดอกเตอร์หินนี่ในไม่ช้าค่ะ”
ณิชาไม่ได้เล่าว่าปู่ได้ยินเรื่องที่เธอบอกอัญชลีทางโทรศัพท์ว่าจะหย่า แล้วท่านก็ทำท่าทางไม่พอใจอย่างชัดเจน
“พี่เข้าใจค่ะว่าใหม่น่าจะท้อ สถานการณ์มันไม่ช่วยใหม่เลยนี่นา”
“ค่ะ”
“แล้วถอยอย่างนี้ ใหม่ไม่เสียดายดอกเตอร์หินหรือคะ ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเราแล้ว ถึงแม้จะ...เอ่อ ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยก็ตาม”
แววตาคมดุ เดาความรู้สึกได้ยากของพิชญ์ผุดขึ้นมาในความคิดของณิชา หน้าตาแบบนั้นใครจะไปเสียดาย
“ผู้ชายดีๆ สมัยนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะคะ”
“ไม่เห็นจะอยากได้” หญิงสาวตอบกลับ
“ว้า ก็เลยไม่ได้ทำขั้นตอนต่อไปของพี่เลยสิคะ น้องใหม่ล้มเลิกโปรเจ็กต์กลางทางแบบนี้”
“ขั้นตอนต่อไปคืออะไรคะ” ณิชาถามด้วยความอยากรู้ “อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าใหม่ทำตามแผนต่อไปต้องทำอะไร คุณศิราณีเฉลยหน่อยสิคะ เผื่อจะเอาไปใช้กับสามีคนอื่นๆ ในอนาคต”
“ยังจะล้อเล่นอีก”
“ถามจริงๆ บอกหน่อยสิคะ สเต็ปต่อไปของใหม่คืออะไรถ้ายังต้องง้อคืนดีกับเขาต่อน่ะ”
อีกฝ่ายเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบ “ยั่วให้หัวปั่นค่ะ”
“อะไรนะ!”
“เบาๆ น้องใหม่ พี่ตกใจหมด เล่นตะโกนใส่กันแบบนี้”
“ขอโทษค่ะ ใหม่ตกใจนี่นา” คนพูดละล่ำละลักบอก แล้วก็หัวเราะ “ดีใจจังที่ยกเลิกแผน ไม่ต้องยั่วนายหินผานั่น ถ้าต้องทำตามแผนใหม่ต้องไปเรียนระบำเปลื้องผ้าแน่ๆ ถึงจะทำให้เขารู้สึกอะไรกับใหม่ได้”
คราวนี้ปลายสายอีกด้านหัวเราะเสียงดังแบบเอาเป็นเอาตาย “ใหม่นี่ตลกดีจัง”
“เรื่องจริงนะคะ เรื่องทำขนมว่าแย่แล้ว ใหม่ว่าเรื่องยั่วผู้ชายนี่ใหม่คงทำได้เลวกว่าสองสเต็ปแรกมากๆ เลยค่ะ ไม่มีประสบการณ์ ทำไม่เป็นจริงๆ”
“ของแบบนี้มันไม่ยากค่ะ พี่แนะนำได้” เสียงคนพูดยังเต็มด้วยความขบขัน
“ไม่เอาดีกว่า ทางใครทางมันดีกว่าค่ะ ต่อไปนี้ใหม่จะประจบเอาใจปู่อย่างเดียว สักพักท่านคงยกโทษให้ แล้วค่อยตะล่อมขอตังค์ท่านทีหลัง แบบนี้ยังจะมีหวังกว่าง้อคืนดีนายสามีขี้เก๊กนั่นเป็นไหนๆ” เงินแค่สิบล้าน ปู่ให้ใหม่ได้อยู่แล้ว ผู้เป็นหลานสาวคิดคำนวณในใจ
ณิชาใช้เวลาอ้อยอิ่งคุยกับอัญชลีอีกพักใหญ่ แม่บ้านจึงเดินมาตาม บอกว่าคุณปู่ต้องการพบตัว
“ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวรีบวางสาย ลุกขึ้นเดินกลับเข้าตัวบ้าน นาย ดร.นั่นไปพูดอะไรให้ท่านไม่พอใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ท่าทางพูดจาไม่เข้าหูคนแบบนั้น
ถึงห้องคนป่วย เธอก็ต้องแปลกใจที่คนป่วยกับคนสุขภาพดีนั่งคุยกันอย่างออกรส
เป็นครั้งแรกที่ณิชาเห็นชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มอย่างเต็มที่ เป็นรอยยิ้มแบบที่ไม่มีทางส่งให้เธอเด็ดขาด ร่างสูงหันมาเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ทั้งคู่สบตากันชั่วครู่ และรอยยิ้มบนใบหน้าคมเข้มนั้นแทบจะหายวับไปทันที
“ปู่เรียกใหม่เหรอคะ” คนเข้ามาใหม่เบือนหน้าไปหาคนป่วย
คุณปฐมพยักหน้า “มานั่งนี่สิ” ชี้ไปที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้างผู้ชายอีกคนในห้อง “ปู่มีอะไรจะถามใหม่สักหน่อย”
ณิชานั่งลง อดที่จะมองคนนั่งข้างๆ ไม่ได้ “เขามาฟ้องอะไรปู่หรือเปล่าคะ”
จากปลายสายตา เธอรู้สึกได้ว่า ดร.พิชญ์ หันขวับมามองเธอ ถ้าหากแววตาของเขากลายเป็นของมีคมได้ มันคงบาดผิวของเธอเข้าเนื้อจนได้เลือดไปเรียบร้อยแล้ว
“ใครจะกล้าฟ้อง ไม่ได้ทำผิดอะไรไม่ใช่รึ” เสียงทุ้ม นิ่ง ตอบเบาๆ
ณิชาเม้มปาก
“ปู่หิวไหมคะ แม่บ้านบอกว่าอีกสักสิบนาทีอาหารเย็นก็พร้อม หรือว่าจะกินอะไรรองท้องไปก่อน” หญิงสาวชักจะชินติดกับการเอาใจปู่เสียแล้ว เธอเองก็ต้องแปลกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าตัวเองจะทำแบบนี้ได้
“ปู่ยังไม่หิวหรอก นั่งๆ นอนๆ ไม่ได้ใช้พลังงานอะไรเลย ที่เรียกมาเพราะว่าปู่มีอะไรจะถามใหม่…”
“เอ่อ ท่านครับ...คือให้ผมคุยกับคุณใหม่เองจะดีกว่าไหมครับ ผมคิดว่าเราต้องคุยกัน…ให้เข้าใจกันก่อน เรื่องแบบนี้ผมไม่อยากให้ท่านบังคับเธอครับ”
น้ำเสียงนุ่มนวลนั่นทำให้อีกคนที่ยืนอยู่แอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
คุณปฐมมองหน้าชายหนุ่มร่างสูง แววตานิ่งลึกของเขาทำให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่พยักหน้า
“ตามใจ ไปคุยกันเองก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยพูดกับหลาน คุยกันให้เรียบร้อยแล้วมากินข้าวเย็นด้วยกันนะพิชญ์ อย่าเพิ่งกลับไปก่อน”
“ครับ เอ่อ คุณปฐมเรียกผมว่าเข้มก็ได้ครับ คุณย่าก็เรียกผมแบบนั้น”
อ๋อชื่อเข้ม…เหมาะสมกับหน้าตาแล้วล่ะ
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องเรียกฉันว่าปู่ เลิกเรียกคุณปฐมได้แล้ว”
ดอกเตอร์พิชญ์ค้อมหัว “ได้ครับคุณปู่” แล้วเขาก็ลุกขึ้นหันมาหาคนที่ยืนทำหน้าเบื่ออยู่ “คุณใหม่ ไปคุยกัน”
อะไรกันเนี่ย เรียกเรามาหาปู่ แล้วก็ลากเราออกจากห้อง นายนี่ทำอะไรลึกลับชะมัด หญิงสาวเดินตามคนร่างสูงออกมาอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
ฉันไม่ใช้เลขาฯ ในคอนโทรลของนายนะ จะได้สั่งเอาๆ แบบนี้
จากข้อมูลที่คุยกับคุณปฐมยิ่งตอกย้ำความเข้าใจของตัวเองว่าถูกต้อง ณิชาถึงพยายามไปหาเขาเพื่อขอหย่าจริงๆ แต่คุณปฐมไม่เห็นด้วย และขอร้องให้เขากลับมาทดลองมาใช้ชีวิตอยู่กับหลานสาวของท่านสักระยะ
หมดเวลาเป็นสามีใจดีเสียทีเจ้าพิชญ์ ในสายตาของณิชา เขาคงเป็นแค่คนที่ต้องมาผูกติดกันไว้ด้วยสัญญาทางกฎหมาย ถ้าหากเลือกได้ เธอคงเลือกไปไกลๆ ไม่ต้องไปข้องแวะ ไม่ต้องไปง้อพูดจาดีๆ กับเขาแบบที่ทำไปแล้ว
‘พิชญ์ยังไม่มีใครใช่ไหม’
‘ผมยังแต่งงานและยังไม่ได้เลิกกับคุณณิชานะครับ จะให้มีคนใหม่ได้ยังไง’
‘ถ้าอย่างนั้นยัยใหม่ก็เข้าใจผิดเรื่องที่คุณมีคนใหม่สินะ’
เขาพยักหน้า ไม่ตอบ
‘ถ้าอย่างนั้นจะรังเกียจหรือเปล่าหากฉันจะขอให้รับหลานฉันไปดูแลอีกครั้ง’
ชายหนุ่มนิ่ง ไม่อยากจะตอบรับผู้สูงวัยเร็วนัก เพราะมันเหมือนจะแบไต๋ความในใจของตนเองมากเกินไป
‘หากอยู่กันไม่ได้จริงๆ ฉันก็จะอนุญาตให้หลานหย่า แต่นี่ยังไม่ได้ลองอยู่ด้วยกันเลย ยัยใหม่ก็บอกจะหย่าเพราะเข้ากับพิชญ์ไม่ได้ อยากไปทำอย่างอื่น ฉันคิดว่ามันไม่เหมาะ แล้วก็ไม่ยุติธรรมกับพิชญ์ด้วย’ คนป่วยเฉลยความรู้สึกของตัวเอง
“มีที่ไหนที่เราคุยกันได้เงียบๆ ไหม” จู่ๆ คนที่เดินข้างๆ ก้มลงมากระซิบถาม
“คุยที่นี่ก็ได้” เธอหมายถึงทางเดินก่อนไปถึงห้องรับแขก
“ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ อยากพูดอะไรก็พูดออกมาสิ เรื่องที่คุณจะคุยคงไม่เกินห้านาทีนะ ฉันปล่อยปู่ไว้คนเดียวนานๆ ไม่ได้”
“แต่ผมไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัวตรงทางเดินแบบนี้”
เรื่องมาก ท่ามาก จริงๆ
“ระเบียงหน้าบ้านก็แล้วกัน”
“มันเป็นจุดเด่นเกินไป”
“เอ๊ะ จะเอายังไงกันแน่ ที่โน่นก็ไม่ได้ ที่นี่ก็ไม่ได้ คุณนี่”
“คุณจะให้คุยเรื่องที่เราจะกลับมาอยู่ด้วยกันตรงนี้หรือไงล่ะ”
“อะ…อะไรนะ”
“มานี่” ในที่สุดชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว เขาจับข้อมือของคู่กรณี “ห้องคุณอยู่ไหน”
ณิชาสะดุ้ง นิ้วเรียวที่รวบอยู่ที่ข้อมือของเธออุ่นจนเกือบร้อน ปลายนิ้วของเขาเหมือนมีประจุไฟฟ้าที่สามารถให้ความรู้สึกประหลาด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอรู้สึกหายใจสะดุด สมองมึนชา ทำอะไรไม่ถูก มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสแตะต้อง
“เอ๊ะ”
“ที่นั่นน่าจะเป็นที่ส่วนตัวที่สุด อยากให้ใครมาได้ยินเราทะเลาะกันแล้วเอาไปพูดเข้าหูคนป่วยรึ”
คนฟังเม้มปาก “ก็ได้ ชั้นสอง ห้องซ้ายมือ”
ชายหนุ่มก้าวเร็วๆ ขึ้นบันไดโดยลากอีกฝ่ายไปด้วย เธอมีเวลาคิดเพียงเสี้ยววินาที ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าห้อง เขาเปิดประตูและผลักอีกฝ่ายเข้าไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวถือโอกาสสะบัดข้อมือออกทันทีที่พิชญ์ปิดประตู
“มีอะไรก็ว่ามาสิคะ ทำไมต้องทำลึกลับนัก”
พิชญ์กวาดสายตาไปรอบห้อง ไม่เป็นระเบียบแต่ก็ไม่ถึงกับรก ท่าทางบอกได้เลยว่าเป็นห้องนอนที่เพิ่งจัดใหม่ได้ไม่นานนัก
“คุณปู่ของคุณต้องการให้เรากลับมาอยู่ด้วยกัน” คนพูดหันกลับมาที่คนร่างเล็กตรงหน้า แววตาของเขานิ่งลึก ยากจะเข้าใจ “ท่านบอกผมว่าท่านเชื่อว่าเวลาของตัวเองเหลือไม่มาก”
หญิงสาวก้มหน้า หลบตา เป็นเรื่องที่เธอเดาเอาไว้แล้ว
“แล้วคุณว่ายังไงล่ะคะ”
“ถ้าผมเลือกได้น่ะเหรอ” ปลายเสียงมีแววเยาะ “ผมไม่ชอบคนที่ไม่รับผิดชอบ ไม่ชอบเด็กเอาแต่ใจ คิดอะไรง่ายๆ จะทำอะไรก็เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่”
“ไม่ต้องมาหลอกด่ากันหรอก สรุปว่าคุณไม่ตกลงใช่ไหม”
อีกฝ่ายเอามือล้วงกระเป๋า หันหลังให้ ตัดสินใจตอบตรงข้ามกับความจริง อย่างน้อยขอเก็บศักดิ์ศรีของตัวเองไว้บ้าง “ผมอยากหย่า”
มันเป็นสิ่งที่ณิชาอยากให้เกิดขึ้นเป็นสิ่งแรกที่กลับมาถึงเมืองไทย แต่พอได้ยินจากปากของสามีของตนเอง ทำไมถึงรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ ก็ไม่รู้ ในสายตาของเขาเธอคงเป็นเด็กที่ไร้สาระ ไม่ได้เรื่องได้ราว และน่าเบื่อเต็มทีสินะ
“แต่…ถ้าเราจะแยกกันตามกฎหมายตอนนี้ คุณปฐมคงจะเสียใจมาก” น้ำเสียงของคนพูดยังนิ่งเหมือนเรื่องที่พูดมันเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศมากกว่าการตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน “ท่านตั้งความหวังให้เรากลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของผมนะที่จะต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้”
ไม่รู้จะมาพูดให้ช้ำใจกันทำไม ยิ่งพูดยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิด เป็นพวกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นหรือไง
“ให้พูดตรงๆ นะ เราแทบไม่มีเยื่อใยอะไรกันเลย ถ้ามาอยู่ด้วยกันแบบที่คุณปู่คุณฝันไว้คงต้องปรับตัวกันเยอะมาก”
“คุณจะมาพูดให้ฉันช้ำใจทำไม รู้แล้วว่าทำผิด ฉันผิดคนเดียวที่ทำเรื่องทั้งหมดขึ้นมา พอใจหรือยัง!” คนพูดน้ำตาคลอด้วยความเจ็บใจ เอ่ยออกมาในที่สุด ทั้งๆ ที่ตอนแรกคิดว่าจะฟังเรื่องนี้เงียบๆ ยอมรับข้อสรุปแต่โดยดี “ฉันรู้ว่ายังไงๆ เราก็ต้องหย่ากัน ฉันเองก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน”
“แล้วคุณแต่งกับผมทำไม”
“คุณปู่บังคับน่ะสิ” หญิงสาวตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด “ถ้ากลับไปเลือกได้อีกครั้ง ฉันจะเลือกอีกอย่าง แต่ตอนนั้นทางเลือกของฉันไม่ได้มีมากนักหรอก”
ความจริงมักจะเจ็บปวดเสมอ พิชญ์บอกตัวเอง แต่คราวนี้เขาจะไม่ยอมเจ็บปวดอยู่คนเดียวโดยไม่ทำอะไรกับมันอีกแล้ว คุณปฐมเปิดโอกาสให้เขากลับมาอยู่กับภรรยา เขาจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ถึงแม้มันจะแค่เดือนเดียว สองเดือน ครึ่งปี หรือมากกว่านั้น เขาจะต้องทำให้เธอหลงรักและเปลี่ยนใจจนไม่สามารถทิ้งเขาไปได้ง่ายๆ ให้ได้
หากเขาทำดีที่สุดแล้ว ณิชายังอยากจะหย่า ถึงตอนนั้น เขาจะยอมหย่าแต่โดยดี
“สรุปว่าเราตอนนี้เราไม่เต็มใจกับการแต่งงานของเราทั้งคู่ ปัญหามันมีอยู่อย่างเดียวคือเอกสารทางกฎหมาย”
อีกฝ่ายพยักหน้า
“ผมมีข้อเสนอ”
“อะไร”
“เราจะอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง แสดงให้คุณปู่เห็นว่าเราเข้ากันได้ เพื่อให้ท่านสบายใจก่อนเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งผมจะให้เพื่อนที่เป็นหมอมือหนึ่งของประเทศช่วยในด้านนี้ ให้เขาดูแลท่านให้เป็นพิเศษ ทั้งหมดน่าจะกินเวลาไม่เกินครึ่งปี”
คนฟังเบิกตากว้าง แววแห่งความหวังเรืองรองอยู่ในนั้น หมายความว่า ปู่มีโอกาสที่จะ…หายเป็นปกติ และเธอมีโอกาสที่จะเป็นอิสระโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากด้วยตนเอง
“ผมจะต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ ทำทุกอย่างที่ทำให้ท่านรู้สึกว่าเราเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ซึ่งมันไม่น่าจะยากเพราะงานที่แล็บของผมจะยุ่งอยู่ตลอดเวลา คงไม่มีเวลามาค้างที่นี่ได้บ่อยๆ นัก”
นั่นก็ดีมากแล้ว…
“มีข้อแลกเปลี่ยนอย่างเดียวที่ผมจะทำเรื่องนี้”
“คุณได้ไปยี่สิบล้านแล้ว ยังไม่พออีกเรอะ” อีกฝ่ายโพล่งออกไปตามที่คิด
เธอถอยหลังไปสองก้าวเมื่อเห็นแววตาคุกรุ่นของสามี ตายแน่ยัยใหม่ ดันไปจี้ใจดำ คราวนี้โกรธของจริงละ
“ผมอยากให้คุณรับผิดชอบสิ่งที่คุณทำกับผมไว้ ทั้งหมด” น้ำเสียงคนพูดจริงจังไม่แพ้สีหน้าและแววตา มันทำให้คนฟังรู้สึกหนาวเยือก หญิงสาวรู้สึกว่า ดร.พิชญ์ ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอมีความซับซ้อนอย่างที่ไม่อาจเข้าถึงได้ง่ายๆ ภายนอกดูเหมือนเขาเป็นคนนิ่งๆ ไม่ใส่ใจอะไร แต่จากสีหน้าและแววตาที่เห็นมันตรงข้าม
“และสำหรับยี่สิบล้าน ผมคืนให้คุณปฐมแล้ว เราจึงไม่มีพันธะผูกพันต่อกันเรื่องหนี้สิน”
นิ้วเรียวแข็งแรงของคนตรงหน้าณิชาแตะที่ต้นแขนทั้งสองข้าง ก่อนจะกระชับรวบและดึงร่างของเธอเข้าหาตัวอย่ารวดเร็ว หญิงสาวมัวแต่ตะลึงและไม่เข้าใจในความหมายของคนพูด จึงไม่มีโอกาสคิดอะไรแม้แต่เสี้ยววินาทีเมื่อคนร่างสูงก้มหน้าลงมา
“ผมจ่ายหนี้คืน แต่ยังไม่ได้อะไรเลยจากการแต่งงาน ยกเว้นเมียที่หนีไป ทิ้งให้ผมขายหน้าอยู่เมืองไทย”
มือหนึ่งของเขาเคลื่อนไปที่กลางหลัง อีกมือหนึ่งจับปลายคาง ริมฝีปากกดทับลงมาที่ริมฝีปากของเธออย่างจงใจทำให้อีกฝ่ายเจ็บ เหมือนจะย้ำว่าการเอาคืนของเขาเริ่มต้นขึ้นแล้ว หญิงสาวสะดุ้งพยายามขืนตัวออก แต่มือที่จับต้นแขนและทาบหลังอยู่ไม่อนุญาตให้ทำอย่างนั้นได้
“ผมไม่เคยคาดหวังว่าการแต่งงานระหว่างเราจะเป็นเรื่องที่ดี หรืออยู่ตลอดรอดฝั่ง แต่ผมก็ตั้งใจรักษาสัญญาที่ให้ไว้ตอนแต่งงานอย่างดีที่สุด เป็นสามีที่ดีเท่าที่คนแบบผมจะเป็นได้ ไม่เหมือนคุณ! ที่คิดว่าจะผิดสัญญาตั้งแต่ก่อนแต่ง” คำพูดดุดันชิดริมฝีปาก “ผมเกลียดคนประเภทนี้ที่สุด”
ณิชาดิ้นขืนตัวออกมายืนหอบอยู่ห่างไปหลายก้าว
“ฉัน...เอ่อ...ไม่ได้ตั้งใจ” เธอโกหก
“มันง่ายไป” น้ำเสียงคนพูดมีแววเยาะหยัน “รับผิดชอบน้อยไป”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ถึงจะสาแก่ใจคุณน่ะ”
รอยยิ้มที่ริมฝีปากผุดขึ้น มันดูน่ากลัวเหมือนสัตว์ร้ายจ้องตะครุบเหยื่อมากกว่าผู้ชายมาดนิ่ง ๆ อย่างที่แสดงให้คนอื่นเห็น
“ผมอยากได้ภรรยาที่ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟัง และปฏิบัติตามคำสั่งของผม…ทุกๆ เรื่อง”
ณิชาเบิกตากว้าง ถอยหลังไปสองก้าว
“ถ้าคุณสั่งให้ฉันไปตาย ฉันไม่ต้องทำตามรึ”
อีกฝ่ายักไหล่ “ผมไม่ทำอะไรที่ไร้สาระแบบนั้นหรอก บอกแล้วไงล่ะว่าผมต้องการให้คุณรับผิดชอบคืนชีวิตแต่งงานให้ผม ทำทุกอย่างที่คุณควรจะทำในฐานะภรรยา แค่หกเดือนเท่านั้น แล้วเราจะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก”
ผมจะทำให้รู้ว่าคุณพลาดอะไรไปบ้างเพราะการหนีผมไปแบบนั้น และท้ายที่สุด คุณจะต้องเสียใจที่เป็นฝ่ายหนีไปตั้งแต่แรก...ณิชา
หมดเวลาเสียทีกับการเป็นคนดี คราวนี้ เขาจะใช้วิชามารดึงเธอกลับมาซบแทบเท้าของเขาให้ได้ หนึ่ง เพื่อล้างแค้นที่เธอจากไปแบบไม่มีเยื่อใย สองเพื่อช่วยให้คุณปฐมสบายใจ อย่างน้อยก็ระยะหนึ่ง
“ทำแบบนี้คุณมั่นใจว่าจะทำให้คุณปู่กลับมาเป็นปกติได้งั้นหรือ”
“ไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าท่านจะมีความสุขระหว่างนั้น แบบที่หลานแบบคุณไม่เคยคิดจะทำอะไรเลย”
เหมือนโดนตบหน้า ณิชาเม้มปาก ไม่คิดมาก่อนเลยว่านาย ดร.ที่ดูขรึมเฉย ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกจะซ่อนความร้ายลึกและเจ้าคิดเจ้าแค้นไว้ได้แนบเนียนแบบนี้
“ฉันต้องการเวลาคิด”
“ตามสบาย แต่หวังว่าจะไม่คิดนานจนผมเปลี่ยนใจเสียก่อนนะ” คนพูดก้มมองนาฬิกาข้อมือ “น่าจะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ไปกันเถอะ” เขาจบบทสนทนา
“เดี๋ยว”
“อะไร”
“หากเรา เอ่อ กลับมาอยู่ด้วยกัน คุณจะจัดการยังไงกับคนรักของคุณล่ะ เธอจะยอมรึ”
“หมายถึงใคร”
“คุณผึ้ง เลขาฯ คุณไงล่ะ เธอกันคุณตลอดเวลาที่ฉันแวะไปหา แถมคุณยังส่งดอกไม้ช่อเบ้อเริ่มให้เธออีก อย่างนี้ไม่ใช่แฟนก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้วล่ะ”
คนพูดไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย จึงไม่เห็นแววตาแปลกใจของ ดร.พิชญ์ แล้วเขาก็ลอบยิ้ม คนนี้สินะที่ทำให้เธอเข้าใจผิดเอาไปบอกปู่เป็นคุ้งเป็นแควว่าเขามีคนใหม่
“ผมจัดการคนของผมได้ ไม่ต้องห่วง” คนพูดตั้งใจจะให้ข้อความดูกำกวมซะอย่างนั้น
“หมายความว่าคุณจะมีทั้งฉัน ทั้งยัยนั่นน่ะเหรอ…ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
“ทำไม”
“ฉันไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียหลวง” คนพูดเชิดหน้าจ้องตาอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง “ถ้ามีฉัน ต้องไม่มีคนอื่น เข้าใจไหมคุณพิชญ์”
“ผมไม่คิดว่าคุณจะเลือกอะไรได้นะ คุณณิชา” คนพูดยิ้มด้วยปาก แต่ไม่ยิ้มด้วยสายตา เขาล้วงกระเป๋ากางเกง เดินผ่านหน้าเธอไปเปิดประตู “ถ้าเงื่อนไขนี้มาพร้อมกับการแต่งงานเมื่อปีก่อน ผมจะยอมรับไว้ แต่ตอนนี้เสียใจด้วย ผมอยากทำอะไรผมก็จะทำ แล้วช่วยตามมาเร็วๆ ด้วย ผมหิว เดี๋ยวต้องกลับไปแล็บสะสางงานอีก” น้ำเสียงคนพูดดูรื่นรมย์เกินปรกติ ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนเม้มปากนิ่งอยู่ตรงนั้น
นายมันซาตานชัดๆ
“ใหม่วุ่นๆ ค่ะพักนี้ คุณปู่กำลังจะออกจากโรงพยาบาลเลยต้องมาดูแลเป็นพิเศษ งานที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ทำแล้วนะคะ ลาออกมาอยู่บ้านอย่างเดียวเลย”
“แล้ว ดอกเตอร์หินล่ะคะ เขาว่ายังไงเรื่องคุกกี้ของใหม่ ไม่เห็นโทรมารายงานความคืบหน้าเรื่องนี้เลย เขาประทับใจกับของฝากของใหม่บ้างไหม”
หญิงสาวร่างเล็กทำเสียง ‘ฮึ’ ในลำคอทันที เธอเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว พอถูกถามก็เหมือนถูกสะกิดความรู้สึกขุ่นมัวขึ้นมาอีก
“ตรงข้ามเลยค่ะพี่อัญ ปรากฏว่า นายดอกเตอร์พิชญ์ เอ๊ย ดอกเตอร์หินนี่เค้าเป็นพวกเกลียดถั่วเข้าไส้ค่ะ ใหม่หน้าแตกเพราะไม่รู้เลยว่าเขาแพ้ถั่ว ยัยเลขาฯ ต่อว่าใหม่ยับ ขนมของใหม่คงทำให้เขาเกลียดเพิ่มขึ้นมากกว่าประทับใจ เลิกหวังที่จะขอคืนดีกับเขาเพื่อให้ปู่สบายใจแล้วล่ะ ใช้วิธีมาดูแลท่านใกล้ชิดเพื่อไถ่โทษความผิดน่าจะได้ผลกว่า”
“เดี๋ยวๆๆ ใหม่ว่าอะไรนะ สามีของใหม่นี่แพ้ถั่วเหรอ”
“ค่ะ”
เสียงอัญชลีร้อง “เฮ้อ” มาจากปลายสายแบบดังๆ
“แล้วนี่จะทำยังไงต่อไปกันดี”
“ไม่ทำยังไงค่ะ รอให้คุณปู่พอโอเคแล้ว ใหม่จะไปขอหย่าจากเขาให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่คิดจะคืนดีแล้วล่ะ”
“ใครอนุญาตให้ใหม่ทำแบบนั้น!”
เสียงดังจากเบื้องหลังกราดเกรี้ยว ณิชาหันไป คุณปู่ลุกจากเตียงมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ท่านเดินมาเกาะประตู และคงได้ยินบทสนทนาของเธอและอัญชลีเข้าโดยบังเอิญ
“คุณปู่คะ ลุกมาทำไม หมอยัง….”
“ปู่สบายดี” น้ำเสียงคนพูดยังหอบนิดๆ หน้าก็ซีดเซียวกว่าตอนที่เธอเห็นเมื่อชั่วโมงก่อนมาก
“พี่อัญคะ ขอโทษจริงๆ เดี๋ยวใหม่โทรกลับนะคะ มีเรื่องด่วน สวัสดีค่ะ” หญิงสาวกดวางสาย รีบเดินมาหาคนป่วยโดยเร็ว “ปู่ยังไม่หายดีนะคะ หมอบอกว่าให้นอนพัก สั่งกำชับใหม่มาให้คอยดูไม่ให้ปู่ทำอะไรที่เหนื่อยมาก นี่ปู่เดินออกมาจากห้องได้ไงคะเนี่ย คุณพยาบาลไปไหน”
“ปู่ไล่กลับไปแล้ว บอกแล้วไงล่ะว่าปู่หายแล้ว”
ปู่เนี่ยเวลาจะดื้อ ก็ดื้อสุดๆ นิสัยแบบนี้แหละที่ตกมาถึงหลานสาวคนสุดท้อง เจ้าตัวนึกในใจแต่ไม่กล้าพูด เดี๋ยวจะพานโกรธเอาอีก
พยาบาลคนนี้ดูจะไม่ถูกใจท่านนัก เพราะออกแนวเจ้ากี้เจ้าการ ห้ามไปเสียทุกเรื่อง
“แล้วนี่ปู่จะไปไหนคะ ทางนี้มันทางออกไปสวนนี่”
“ปู่อยากดูสวนของปู่ว่ามันเป็นยังไงบ้าง ได้กลับมาบ้านแต่พวกเจ้าก็ให้นอนอยู่แต่ในห้อง”
“เดี๋ยวใหม่พานั่งรถเข็นมาตอนเย็นก็ได้”
“ก็ปู่อยากเดินดูตอนนี้ ไม่รู้พวกคนสวนดูแลมันดีเหมือนตอนที่ปู่คอยกำกับหรือเปล่า”
“ปู่ไม่สบายอยู่นี่นา จะลงไปในสวนได้ไงล่ะ ร้อนตายเลย”
“ปู่สบายดีแล้ว นี่ไง เดินมาได้เองถึงนี่ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย หมอรึจะมารู้ดีเท่าตัวปู่เอง”
ผู้เป็นหลานกับปู่ยืนเถียงกันอย่างเอาจริงเอาจัง
“ให้ตายสิ ปู่นี่ดื้อจริงๆ เลย”
“ใหม่ก็ดื้อ” คนป่วยเท้าเอว ลืมเจ็บขึ้นมาทันใด
“ปู่นั่นแหละ…”
ก่อนที่จะเถียงกันไปมากกว่านั้น คุณลัดดาแม่บ้านก็เดินมาขัดจังหวะบทสนทนาอันทำท่าจะเป็นการทะเลาะแบบเอาจริงเอาจังของปู่และหลานบอกว่ามีแขกมารอพบอยู่ที่ห้องรับแขก
“ใคร”
“เขาบอกว่าชื่อพิชญ์ค่ะ”
ปู่และหลานสบตากัน
“มาแล้วรึ ดีแล้วปู่จะได้จัดการเรื่องของใหม่ให้เรียบร้อย” ผู้สูงวัยผละจากกรอบประตู ตั้งใจจะก้าวไปในทิศที่เป็นห้องรับแขก ทันใดนั้นก็รู้สึกหน้ามืด เซไปสองก้าวติดๆ กัน ณิชาใจหายวูบ รีบวิ่งมาพยุงเกือบไม่ทัน เธอร้องเรียกแม่บ้านเพื่อให้มาช่วยพยุงท่านด้วยอีกคน
“ปู่นัดดอกเตอร์พิชญ์มาหรือคะ”
“ใช่ ปู่อยากรู้ว่าเขาจะจัดการเรื่องการแต่งงานระหว่างใหม่กับเขายังไงต่อไป จะมาปล่อยให้คาราคาซังอยู่แบบนี้ไม่ได้”
หลานสาวลอบถอนหายใจ …
“ไปห้องดีกว่าค่ะปู่ เดี๋ยวใหม่จะให้น้าลัดดาไปเชิญดอกเตอร์พิชญ์ไปหาปู่ที่ห้อง ปู่จะได้นอนพัก”
“ปู่ไหว”
“ปู่อย่าเถียงสิคะ ดูสิ มือเย็น เหงื่อซึมเชียว อย่าฝืนดีกว่าค่ะ เป็นอะไรไป ใหม่โดนพี่หนึ่งจัดการขั้นเด็ดขาดแน่ๆ นะคะ แล้วใหม่จะพาปู่ไปเดินในสวนตอนเย็นๆ เอ้า สัญญา”
หลานสาวทำเหมือนปู่เป็นเด็กชายตัวเล็ก
“ก็ได้” คนป่วยยอมในที่สุด เมื่อคิดว่าผลที่ได้คุ้มกว่าเสีย ดร.พิชญ์มาก็ดีแล้ว จะได้สะสางเรื่องที่ค้างคากันให้เรียบร้อย
ณิชาพาคุณปู่ไปห้องพัก และบอกให้แม่บ้านเชิญแขกไปที่นั่น พอแขกเดินเข้ามาในห้อง ปู่กลับขอร้องให้ณิชาออกไปก่อนเพราะมีเรื่องอยากคุยกับพิชญ์ตามลำพัง
“แต่ว่า…” หญิงสาวมองคนร่างสูง เขาก็มองกลับมาเหมือนกัน ตาสบตา เจ้าตัวต้องรีบเมินหลบ เพราะไม่เคยสู้สายตาคมดุของอีกฝ่ายได้สักที
อยู่ต่อหน้านาย ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเด็กกะโปโล ทำอะไรไม่ค่อยถูก คิดอะไรไม่ค่อยออกทุกทีก็ไม่รู้
“ไม่มีแต่อะไรทั้งสิ้น เราออกไปแล้วบอกให้ลัดดาเตรียมข้าวเย็นเพิ่มที่หนึ่งด้วย วันนี้จะให้พิชญ์อยู่กินข้าวเย็นกับปู่สักวัน” เสียงปู่ปลุกภวังค์ของหญิงสาว
ไม่รู้ปู่ไปถูกชะตานาย ดร.หน้าเฉยสนิทได้ยังไง หญิงสาวคิดในใจขณะเดินทำหน้าเซ็งๆ ออกจากห้อง เดินไปสั่งแม่บ้านเรื่องทำอาหารเย็นเพิ่มสำหรับแขกอีกหนึ่งที่
“โทรไปคุยกับพี่อัญต่อดีกว่า” หญิงสาวหลบออกมาที่สวนหน้าบ้าน กดโทรศัพท์ถึงศิราณีส่วนตัว คราวนี้เธอเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวเองในอาทิตย์ที่ผ่านมาให้อัญชลีฟังอย่างเปิดใจ
“ใหม่ถอดใจแล้วจริง ๆ ค่ะพี่อัญ เรื่อง ดอกเตอร์หิน อย่างที่เล่าไว้น่ะ เขามีแฟนอยู่แล้ว แถมเป็นเลขาฯ หน้าห้องที่ทั้งสวยทั้งเปรี้ยว มีโอกาสได้เจอกันทุกวัน มีคุณสมบัติเหมาะสมกับเขาทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องของเขา ใหม่สิ ไม่รู้อะไรสักอย่าง แถมตอนนี้ใหม่ก็มาดูแลปู่เอง ท่านก็เหมือนจะลืมๆ เรื่องที่ใหม่ทำผิดไว้หมดแล้ว ต่อไปท่านคงให้อภัย และยอมให้ใหม่หย่ากับ ดอกเตอร์หินนี่ในไม่ช้าค่ะ”
ณิชาไม่ได้เล่าว่าปู่ได้ยินเรื่องที่เธอบอกอัญชลีทางโทรศัพท์ว่าจะหย่า แล้วท่านก็ทำท่าทางไม่พอใจอย่างชัดเจน
“พี่เข้าใจค่ะว่าใหม่น่าจะท้อ สถานการณ์มันไม่ช่วยใหม่เลยนี่นา”
“ค่ะ”
“แล้วถอยอย่างนี้ ใหม่ไม่เสียดายดอกเตอร์หินหรือคะ ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเราแล้ว ถึงแม้จะ...เอ่อ ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยก็ตาม”
แววตาคมดุ เดาความรู้สึกได้ยากของพิชญ์ผุดขึ้นมาในความคิดของณิชา หน้าตาแบบนั้นใครจะไปเสียดาย
“ผู้ชายดีๆ สมัยนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะคะ”
“ไม่เห็นจะอยากได้” หญิงสาวตอบกลับ
“ว้า ก็เลยไม่ได้ทำขั้นตอนต่อไปของพี่เลยสิคะ น้องใหม่ล้มเลิกโปรเจ็กต์กลางทางแบบนี้”
“ขั้นตอนต่อไปคืออะไรคะ” ณิชาถามด้วยความอยากรู้ “อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าใหม่ทำตามแผนต่อไปต้องทำอะไร คุณศิราณีเฉลยหน่อยสิคะ เผื่อจะเอาไปใช้กับสามีคนอื่นๆ ในอนาคต”
“ยังจะล้อเล่นอีก”
“ถามจริงๆ บอกหน่อยสิคะ สเต็ปต่อไปของใหม่คืออะไรถ้ายังต้องง้อคืนดีกับเขาต่อน่ะ”
อีกฝ่ายเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบ “ยั่วให้หัวปั่นค่ะ”
“อะไรนะ!”
“เบาๆ น้องใหม่ พี่ตกใจหมด เล่นตะโกนใส่กันแบบนี้”
“ขอโทษค่ะ ใหม่ตกใจนี่นา” คนพูดละล่ำละลักบอก แล้วก็หัวเราะ “ดีใจจังที่ยกเลิกแผน ไม่ต้องยั่วนายหินผานั่น ถ้าต้องทำตามแผนใหม่ต้องไปเรียนระบำเปลื้องผ้าแน่ๆ ถึงจะทำให้เขารู้สึกอะไรกับใหม่ได้”
คราวนี้ปลายสายอีกด้านหัวเราะเสียงดังแบบเอาเป็นเอาตาย “ใหม่นี่ตลกดีจัง”
“เรื่องจริงนะคะ เรื่องทำขนมว่าแย่แล้ว ใหม่ว่าเรื่องยั่วผู้ชายนี่ใหม่คงทำได้เลวกว่าสองสเต็ปแรกมากๆ เลยค่ะ ไม่มีประสบการณ์ ทำไม่เป็นจริงๆ”
“ของแบบนี้มันไม่ยากค่ะ พี่แนะนำได้” เสียงคนพูดยังเต็มด้วยความขบขัน
“ไม่เอาดีกว่า ทางใครทางมันดีกว่าค่ะ ต่อไปนี้ใหม่จะประจบเอาใจปู่อย่างเดียว สักพักท่านคงยกโทษให้ แล้วค่อยตะล่อมขอตังค์ท่านทีหลัง แบบนี้ยังจะมีหวังกว่าง้อคืนดีนายสามีขี้เก๊กนั่นเป็นไหนๆ” เงินแค่สิบล้าน ปู่ให้ใหม่ได้อยู่แล้ว ผู้เป็นหลานสาวคิดคำนวณในใจ
ณิชาใช้เวลาอ้อยอิ่งคุยกับอัญชลีอีกพักใหญ่ แม่บ้านจึงเดินมาตาม บอกว่าคุณปู่ต้องการพบตัว
“ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวรีบวางสาย ลุกขึ้นเดินกลับเข้าตัวบ้าน นาย ดร.นั่นไปพูดอะไรให้ท่านไม่พอใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ท่าทางพูดจาไม่เข้าหูคนแบบนั้น
ถึงห้องคนป่วย เธอก็ต้องแปลกใจที่คนป่วยกับคนสุขภาพดีนั่งคุยกันอย่างออกรส
เป็นครั้งแรกที่ณิชาเห็นชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มอย่างเต็มที่ เป็นรอยยิ้มแบบที่ไม่มีทางส่งให้เธอเด็ดขาด ร่างสูงหันมาเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ทั้งคู่สบตากันชั่วครู่ และรอยยิ้มบนใบหน้าคมเข้มนั้นแทบจะหายวับไปทันที
“ปู่เรียกใหม่เหรอคะ” คนเข้ามาใหม่เบือนหน้าไปหาคนป่วย
คุณปฐมพยักหน้า “มานั่งนี่สิ” ชี้ไปที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้างผู้ชายอีกคนในห้อง “ปู่มีอะไรจะถามใหม่สักหน่อย”
ณิชานั่งลง อดที่จะมองคนนั่งข้างๆ ไม่ได้ “เขามาฟ้องอะไรปู่หรือเปล่าคะ”
จากปลายสายตา เธอรู้สึกได้ว่า ดร.พิชญ์ หันขวับมามองเธอ ถ้าหากแววตาของเขากลายเป็นของมีคมได้ มันคงบาดผิวของเธอเข้าเนื้อจนได้เลือดไปเรียบร้อยแล้ว
“ใครจะกล้าฟ้อง ไม่ได้ทำผิดอะไรไม่ใช่รึ” เสียงทุ้ม นิ่ง ตอบเบาๆ
ณิชาเม้มปาก
“ปู่หิวไหมคะ แม่บ้านบอกว่าอีกสักสิบนาทีอาหารเย็นก็พร้อม หรือว่าจะกินอะไรรองท้องไปก่อน” หญิงสาวชักจะชินติดกับการเอาใจปู่เสียแล้ว เธอเองก็ต้องแปลกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าตัวเองจะทำแบบนี้ได้
“ปู่ยังไม่หิวหรอก นั่งๆ นอนๆ ไม่ได้ใช้พลังงานอะไรเลย ที่เรียกมาเพราะว่าปู่มีอะไรจะถามใหม่…”
“เอ่อ ท่านครับ...คือให้ผมคุยกับคุณใหม่เองจะดีกว่าไหมครับ ผมคิดว่าเราต้องคุยกัน…ให้เข้าใจกันก่อน เรื่องแบบนี้ผมไม่อยากให้ท่านบังคับเธอครับ”
น้ำเสียงนุ่มนวลนั่นทำให้อีกคนที่ยืนอยู่แอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
คุณปฐมมองหน้าชายหนุ่มร่างสูง แววตานิ่งลึกของเขาทำให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่พยักหน้า
“ตามใจ ไปคุยกันเองก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยพูดกับหลาน คุยกันให้เรียบร้อยแล้วมากินข้าวเย็นด้วยกันนะพิชญ์ อย่าเพิ่งกลับไปก่อน”
“ครับ เอ่อ คุณปฐมเรียกผมว่าเข้มก็ได้ครับ คุณย่าก็เรียกผมแบบนั้น”
อ๋อชื่อเข้ม…เหมาะสมกับหน้าตาแล้วล่ะ
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องเรียกฉันว่าปู่ เลิกเรียกคุณปฐมได้แล้ว”
ดอกเตอร์พิชญ์ค้อมหัว “ได้ครับคุณปู่” แล้วเขาก็ลุกขึ้นหันมาหาคนที่ยืนทำหน้าเบื่ออยู่ “คุณใหม่ ไปคุยกัน”
อะไรกันเนี่ย เรียกเรามาหาปู่ แล้วก็ลากเราออกจากห้อง นายนี่ทำอะไรลึกลับชะมัด หญิงสาวเดินตามคนร่างสูงออกมาอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
ฉันไม่ใช้เลขาฯ ในคอนโทรลของนายนะ จะได้สั่งเอาๆ แบบนี้
จากข้อมูลที่คุยกับคุณปฐมยิ่งตอกย้ำความเข้าใจของตัวเองว่าถูกต้อง ณิชาถึงพยายามไปหาเขาเพื่อขอหย่าจริงๆ แต่คุณปฐมไม่เห็นด้วย และขอร้องให้เขากลับมาทดลองมาใช้ชีวิตอยู่กับหลานสาวของท่านสักระยะ
หมดเวลาเป็นสามีใจดีเสียทีเจ้าพิชญ์ ในสายตาของณิชา เขาคงเป็นแค่คนที่ต้องมาผูกติดกันไว้ด้วยสัญญาทางกฎหมาย ถ้าหากเลือกได้ เธอคงเลือกไปไกลๆ ไม่ต้องไปข้องแวะ ไม่ต้องไปง้อพูดจาดีๆ กับเขาแบบที่ทำไปแล้ว
‘พิชญ์ยังไม่มีใครใช่ไหม’
‘ผมยังแต่งงานและยังไม่ได้เลิกกับคุณณิชานะครับ จะให้มีคนใหม่ได้ยังไง’
‘ถ้าอย่างนั้นยัยใหม่ก็เข้าใจผิดเรื่องที่คุณมีคนใหม่สินะ’
เขาพยักหน้า ไม่ตอบ
‘ถ้าอย่างนั้นจะรังเกียจหรือเปล่าหากฉันจะขอให้รับหลานฉันไปดูแลอีกครั้ง’
ชายหนุ่มนิ่ง ไม่อยากจะตอบรับผู้สูงวัยเร็วนัก เพราะมันเหมือนจะแบไต๋ความในใจของตนเองมากเกินไป
‘หากอยู่กันไม่ได้จริงๆ ฉันก็จะอนุญาตให้หลานหย่า แต่นี่ยังไม่ได้ลองอยู่ด้วยกันเลย ยัยใหม่ก็บอกจะหย่าเพราะเข้ากับพิชญ์ไม่ได้ อยากไปทำอย่างอื่น ฉันคิดว่ามันไม่เหมาะ แล้วก็ไม่ยุติธรรมกับพิชญ์ด้วย’ คนป่วยเฉลยความรู้สึกของตัวเอง
“มีที่ไหนที่เราคุยกันได้เงียบๆ ไหม” จู่ๆ คนที่เดินข้างๆ ก้มลงมากระซิบถาม
“คุยที่นี่ก็ได้” เธอหมายถึงทางเดินก่อนไปถึงห้องรับแขก
“ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ อยากพูดอะไรก็พูดออกมาสิ เรื่องที่คุณจะคุยคงไม่เกินห้านาทีนะ ฉันปล่อยปู่ไว้คนเดียวนานๆ ไม่ได้”
“แต่ผมไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัวตรงทางเดินแบบนี้”
เรื่องมาก ท่ามาก จริงๆ
“ระเบียงหน้าบ้านก็แล้วกัน”
“มันเป็นจุดเด่นเกินไป”
“เอ๊ะ จะเอายังไงกันแน่ ที่โน่นก็ไม่ได้ ที่นี่ก็ไม่ได้ คุณนี่”
“คุณจะให้คุยเรื่องที่เราจะกลับมาอยู่ด้วยกันตรงนี้หรือไงล่ะ”
“อะ…อะไรนะ”
“มานี่” ในที่สุดชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว เขาจับข้อมือของคู่กรณี “ห้องคุณอยู่ไหน”
ณิชาสะดุ้ง นิ้วเรียวที่รวบอยู่ที่ข้อมือของเธออุ่นจนเกือบร้อน ปลายนิ้วของเขาเหมือนมีประจุไฟฟ้าที่สามารถให้ความรู้สึกประหลาด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอรู้สึกหายใจสะดุด สมองมึนชา ทำอะไรไม่ถูก มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสแตะต้อง
“เอ๊ะ”
“ที่นั่นน่าจะเป็นที่ส่วนตัวที่สุด อยากให้ใครมาได้ยินเราทะเลาะกันแล้วเอาไปพูดเข้าหูคนป่วยรึ”
คนฟังเม้มปาก “ก็ได้ ชั้นสอง ห้องซ้ายมือ”
ชายหนุ่มก้าวเร็วๆ ขึ้นบันไดโดยลากอีกฝ่ายไปด้วย เธอมีเวลาคิดเพียงเสี้ยววินาที ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าห้อง เขาเปิดประตูและผลักอีกฝ่ายเข้าไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวถือโอกาสสะบัดข้อมือออกทันทีที่พิชญ์ปิดประตู
“มีอะไรก็ว่ามาสิคะ ทำไมต้องทำลึกลับนัก”
พิชญ์กวาดสายตาไปรอบห้อง ไม่เป็นระเบียบแต่ก็ไม่ถึงกับรก ท่าทางบอกได้เลยว่าเป็นห้องนอนที่เพิ่งจัดใหม่ได้ไม่นานนัก
“คุณปู่ของคุณต้องการให้เรากลับมาอยู่ด้วยกัน” คนพูดหันกลับมาที่คนร่างเล็กตรงหน้า แววตาของเขานิ่งลึก ยากจะเข้าใจ “ท่านบอกผมว่าท่านเชื่อว่าเวลาของตัวเองเหลือไม่มาก”
หญิงสาวก้มหน้า หลบตา เป็นเรื่องที่เธอเดาเอาไว้แล้ว
“แล้วคุณว่ายังไงล่ะคะ”
“ถ้าผมเลือกได้น่ะเหรอ” ปลายเสียงมีแววเยาะ “ผมไม่ชอบคนที่ไม่รับผิดชอบ ไม่ชอบเด็กเอาแต่ใจ คิดอะไรง่ายๆ จะทำอะไรก็เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่”
“ไม่ต้องมาหลอกด่ากันหรอก สรุปว่าคุณไม่ตกลงใช่ไหม”
อีกฝ่ายเอามือล้วงกระเป๋า หันหลังให้ ตัดสินใจตอบตรงข้ามกับความจริง อย่างน้อยขอเก็บศักดิ์ศรีของตัวเองไว้บ้าง “ผมอยากหย่า”
มันเป็นสิ่งที่ณิชาอยากให้เกิดขึ้นเป็นสิ่งแรกที่กลับมาถึงเมืองไทย แต่พอได้ยินจากปากของสามีของตนเอง ทำไมถึงรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ ก็ไม่รู้ ในสายตาของเขาเธอคงเป็นเด็กที่ไร้สาระ ไม่ได้เรื่องได้ราว และน่าเบื่อเต็มทีสินะ
“แต่…ถ้าเราจะแยกกันตามกฎหมายตอนนี้ คุณปฐมคงจะเสียใจมาก” น้ำเสียงของคนพูดยังนิ่งเหมือนเรื่องที่พูดมันเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศมากกว่าการตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน “ท่านตั้งความหวังให้เรากลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของผมนะที่จะต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้”
ไม่รู้จะมาพูดให้ช้ำใจกันทำไม ยิ่งพูดยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิด เป็นพวกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นหรือไง
“ให้พูดตรงๆ นะ เราแทบไม่มีเยื่อใยอะไรกันเลย ถ้ามาอยู่ด้วยกันแบบที่คุณปู่คุณฝันไว้คงต้องปรับตัวกันเยอะมาก”
“คุณจะมาพูดให้ฉันช้ำใจทำไม รู้แล้วว่าทำผิด ฉันผิดคนเดียวที่ทำเรื่องทั้งหมดขึ้นมา พอใจหรือยัง!” คนพูดน้ำตาคลอด้วยความเจ็บใจ เอ่ยออกมาในที่สุด ทั้งๆ ที่ตอนแรกคิดว่าจะฟังเรื่องนี้เงียบๆ ยอมรับข้อสรุปแต่โดยดี “ฉันรู้ว่ายังไงๆ เราก็ต้องหย่ากัน ฉันเองก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน”
“แล้วคุณแต่งกับผมทำไม”
“คุณปู่บังคับน่ะสิ” หญิงสาวตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด “ถ้ากลับไปเลือกได้อีกครั้ง ฉันจะเลือกอีกอย่าง แต่ตอนนั้นทางเลือกของฉันไม่ได้มีมากนักหรอก”
ความจริงมักจะเจ็บปวดเสมอ พิชญ์บอกตัวเอง แต่คราวนี้เขาจะไม่ยอมเจ็บปวดอยู่คนเดียวโดยไม่ทำอะไรกับมันอีกแล้ว คุณปฐมเปิดโอกาสให้เขากลับมาอยู่กับภรรยา เขาจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ถึงแม้มันจะแค่เดือนเดียว สองเดือน ครึ่งปี หรือมากกว่านั้น เขาจะต้องทำให้เธอหลงรักและเปลี่ยนใจจนไม่สามารถทิ้งเขาไปได้ง่ายๆ ให้ได้
หากเขาทำดีที่สุดแล้ว ณิชายังอยากจะหย่า ถึงตอนนั้น เขาจะยอมหย่าแต่โดยดี
“สรุปว่าเราตอนนี้เราไม่เต็มใจกับการแต่งงานของเราทั้งคู่ ปัญหามันมีอยู่อย่างเดียวคือเอกสารทางกฎหมาย”
อีกฝ่ายพยักหน้า
“ผมมีข้อเสนอ”
“อะไร”
“เราจะอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง แสดงให้คุณปู่เห็นว่าเราเข้ากันได้ เพื่อให้ท่านสบายใจก่อนเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งผมจะให้เพื่อนที่เป็นหมอมือหนึ่งของประเทศช่วยในด้านนี้ ให้เขาดูแลท่านให้เป็นพิเศษ ทั้งหมดน่าจะกินเวลาไม่เกินครึ่งปี”
คนฟังเบิกตากว้าง แววแห่งความหวังเรืองรองอยู่ในนั้น หมายความว่า ปู่มีโอกาสที่จะ…หายเป็นปกติ และเธอมีโอกาสที่จะเป็นอิสระโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากด้วยตนเอง
“ผมจะต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ ทำทุกอย่างที่ทำให้ท่านรู้สึกว่าเราเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ซึ่งมันไม่น่าจะยากเพราะงานที่แล็บของผมจะยุ่งอยู่ตลอดเวลา คงไม่มีเวลามาค้างที่นี่ได้บ่อยๆ นัก”
นั่นก็ดีมากแล้ว…
“มีข้อแลกเปลี่ยนอย่างเดียวที่ผมจะทำเรื่องนี้”
“คุณได้ไปยี่สิบล้านแล้ว ยังไม่พออีกเรอะ” อีกฝ่ายโพล่งออกไปตามที่คิด
เธอถอยหลังไปสองก้าวเมื่อเห็นแววตาคุกรุ่นของสามี ตายแน่ยัยใหม่ ดันไปจี้ใจดำ คราวนี้โกรธของจริงละ
“ผมอยากให้คุณรับผิดชอบสิ่งที่คุณทำกับผมไว้ ทั้งหมด” น้ำเสียงคนพูดจริงจังไม่แพ้สีหน้าและแววตา มันทำให้คนฟังรู้สึกหนาวเยือก หญิงสาวรู้สึกว่า ดร.พิชญ์ ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอมีความซับซ้อนอย่างที่ไม่อาจเข้าถึงได้ง่ายๆ ภายนอกดูเหมือนเขาเป็นคนนิ่งๆ ไม่ใส่ใจอะไร แต่จากสีหน้าและแววตาที่เห็นมันตรงข้าม
“และสำหรับยี่สิบล้าน ผมคืนให้คุณปฐมแล้ว เราจึงไม่มีพันธะผูกพันต่อกันเรื่องหนี้สิน”
นิ้วเรียวแข็งแรงของคนตรงหน้าณิชาแตะที่ต้นแขนทั้งสองข้าง ก่อนจะกระชับรวบและดึงร่างของเธอเข้าหาตัวอย่ารวดเร็ว หญิงสาวมัวแต่ตะลึงและไม่เข้าใจในความหมายของคนพูด จึงไม่มีโอกาสคิดอะไรแม้แต่เสี้ยววินาทีเมื่อคนร่างสูงก้มหน้าลงมา
“ผมจ่ายหนี้คืน แต่ยังไม่ได้อะไรเลยจากการแต่งงาน ยกเว้นเมียที่หนีไป ทิ้งให้ผมขายหน้าอยู่เมืองไทย”
มือหนึ่งของเขาเคลื่อนไปที่กลางหลัง อีกมือหนึ่งจับปลายคาง ริมฝีปากกดทับลงมาที่ริมฝีปากของเธออย่างจงใจทำให้อีกฝ่ายเจ็บ เหมือนจะย้ำว่าการเอาคืนของเขาเริ่มต้นขึ้นแล้ว หญิงสาวสะดุ้งพยายามขืนตัวออก แต่มือที่จับต้นแขนและทาบหลังอยู่ไม่อนุญาตให้ทำอย่างนั้นได้
“ผมไม่เคยคาดหวังว่าการแต่งงานระหว่างเราจะเป็นเรื่องที่ดี หรืออยู่ตลอดรอดฝั่ง แต่ผมก็ตั้งใจรักษาสัญญาที่ให้ไว้ตอนแต่งงานอย่างดีที่สุด เป็นสามีที่ดีเท่าที่คนแบบผมจะเป็นได้ ไม่เหมือนคุณ! ที่คิดว่าจะผิดสัญญาตั้งแต่ก่อนแต่ง” คำพูดดุดันชิดริมฝีปาก “ผมเกลียดคนประเภทนี้ที่สุด”
ณิชาดิ้นขืนตัวออกมายืนหอบอยู่ห่างไปหลายก้าว
“ฉัน...เอ่อ...ไม่ได้ตั้งใจ” เธอโกหก
“มันง่ายไป” น้ำเสียงคนพูดมีแววเยาะหยัน “รับผิดชอบน้อยไป”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ถึงจะสาแก่ใจคุณน่ะ”
รอยยิ้มที่ริมฝีปากผุดขึ้น มันดูน่ากลัวเหมือนสัตว์ร้ายจ้องตะครุบเหยื่อมากกว่าผู้ชายมาดนิ่ง ๆ อย่างที่แสดงให้คนอื่นเห็น
“ผมอยากได้ภรรยาที่ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟัง และปฏิบัติตามคำสั่งของผม…ทุกๆ เรื่อง”
ณิชาเบิกตากว้าง ถอยหลังไปสองก้าว
“ถ้าคุณสั่งให้ฉันไปตาย ฉันไม่ต้องทำตามรึ”
อีกฝ่ายักไหล่ “ผมไม่ทำอะไรที่ไร้สาระแบบนั้นหรอก บอกแล้วไงล่ะว่าผมต้องการให้คุณรับผิดชอบคืนชีวิตแต่งงานให้ผม ทำทุกอย่างที่คุณควรจะทำในฐานะภรรยา แค่หกเดือนเท่านั้น แล้วเราจะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก”
ผมจะทำให้รู้ว่าคุณพลาดอะไรไปบ้างเพราะการหนีผมไปแบบนั้น และท้ายที่สุด คุณจะต้องเสียใจที่เป็นฝ่ายหนีไปตั้งแต่แรก...ณิชา
หมดเวลาเสียทีกับการเป็นคนดี คราวนี้ เขาจะใช้วิชามารดึงเธอกลับมาซบแทบเท้าของเขาให้ได้ หนึ่ง เพื่อล้างแค้นที่เธอจากไปแบบไม่มีเยื่อใย สองเพื่อช่วยให้คุณปฐมสบายใจ อย่างน้อยก็ระยะหนึ่ง
“ทำแบบนี้คุณมั่นใจว่าจะทำให้คุณปู่กลับมาเป็นปกติได้งั้นหรือ”
“ไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าท่านจะมีความสุขระหว่างนั้น แบบที่หลานแบบคุณไม่เคยคิดจะทำอะไรเลย”
เหมือนโดนตบหน้า ณิชาเม้มปาก ไม่คิดมาก่อนเลยว่านาย ดร.ที่ดูขรึมเฉย ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกจะซ่อนความร้ายลึกและเจ้าคิดเจ้าแค้นไว้ได้แนบเนียนแบบนี้
“ฉันต้องการเวลาคิด”
“ตามสบาย แต่หวังว่าจะไม่คิดนานจนผมเปลี่ยนใจเสียก่อนนะ” คนพูดก้มมองนาฬิกาข้อมือ “น่าจะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ไปกันเถอะ” เขาจบบทสนทนา
“เดี๋ยว”
“อะไร”
“หากเรา เอ่อ กลับมาอยู่ด้วยกัน คุณจะจัดการยังไงกับคนรักของคุณล่ะ เธอจะยอมรึ”
“หมายถึงใคร”
“คุณผึ้ง เลขาฯ คุณไงล่ะ เธอกันคุณตลอดเวลาที่ฉันแวะไปหา แถมคุณยังส่งดอกไม้ช่อเบ้อเริ่มให้เธออีก อย่างนี้ไม่ใช่แฟนก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้วล่ะ”
คนพูดไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย จึงไม่เห็นแววตาแปลกใจของ ดร.พิชญ์ แล้วเขาก็ลอบยิ้ม คนนี้สินะที่ทำให้เธอเข้าใจผิดเอาไปบอกปู่เป็นคุ้งเป็นแควว่าเขามีคนใหม่
“ผมจัดการคนของผมได้ ไม่ต้องห่วง” คนพูดตั้งใจจะให้ข้อความดูกำกวมซะอย่างนั้น
“หมายความว่าคุณจะมีทั้งฉัน ทั้งยัยนั่นน่ะเหรอ…ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
“ทำไม”
“ฉันไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียหลวง” คนพูดเชิดหน้าจ้องตาอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง “ถ้ามีฉัน ต้องไม่มีคนอื่น เข้าใจไหมคุณพิชญ์”
“ผมไม่คิดว่าคุณจะเลือกอะไรได้นะ คุณณิชา” คนพูดยิ้มด้วยปาก แต่ไม่ยิ้มด้วยสายตา เขาล้วงกระเป๋ากางเกง เดินผ่านหน้าเธอไปเปิดประตู “ถ้าเงื่อนไขนี้มาพร้อมกับการแต่งงานเมื่อปีก่อน ผมจะยอมรับไว้ แต่ตอนนี้เสียใจด้วย ผมอยากทำอะไรผมก็จะทำ แล้วช่วยตามมาเร็วๆ ด้วย ผมหิว เดี๋ยวต้องกลับไปแล็บสะสางงานอีก” น้ำเสียงคนพูดดูรื่นรมย์เกินปรกติ ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนเม้มปากนิ่งอยู่ตรงนั้น
นายมันซาตานชัดๆ
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ค. 2563, 20:24:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ค. 2563, 20:24:31 น.
จำนวนการเข้าชม : 708
<< ตอน 7 | ตอน 9 >> |