เหลี่ยมรักมัดใจ
ในความคิดเขา... เธอเป็นเด็กหัวรั้น ทำตามใจตัวเอง
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน
นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
ใครได้ไปเป็นภรรยาถือว่าทำบุญมาไม่ดี
ในความคิดเธอ... เขาช่างน่าเบื่อ ทื่อมะลื่อ
เป็นก้อนหิน ใครได้ไปเป็นสามีคงชีช้ำตาย
คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด เกลียดอย่างไหน
มักได้อย่างนั้น สองคนที่เข้ากันไม่ได้เอาซะเลยจึงต้อง
มาลงเอยด้วยการแต่งงาน
นิยายเรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์เมามันมากๆ รู้สึกสนุก
ปนเครียดเพราะแต่งตาม concept แต่ก็ผ่านมาได้ในที่สุด
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน 10
ชายหนุ่มร่างสูงยังไม่ปล่อยมือคนข้างตัวเมื่อออกจากห้องของคุณปฐม
“ฉันไปดูทีวีที่ห้องต่อนะ” เธอเตรียมผละหนี
“ของของผมอยู่ที่ไหน”
“ห้องข้างบน ขวามือ ตรงไปสุดทาง ห้องนั้นใหญ่เหมาะกับคุณเพราะมีส่วนที่แบ่งเป็นที่ทำงานส่วนตัวได้”
พิชญ์ยอมปล่อยมืออีกฝ่ายเดินขึ้นห้องตัวเอง เขาไม่คิดว่าจะพบสภาพห้องที่ไม่ได้จัด ข้าวของของเขาทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนที่เขาแพ็กลงกล่องส่งมา ในขณะที่อีกฝ่ายเดินกลับห้องของตัวเอง ล็อกประตู
ผ่านไปครู่หนึ่งมีโทรศัพท์จากเพื่อนของหญิงสาวมาตามตัว วันนี้พวกเพื่อนๆ มีนัดไปปาร์ตี้ฉลองรับปริญญากันที่ผับแห่งหนึ่ง คราวนี้เธอไม่ปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง
“มารับด้วยก็แล้วกัน ไม่อยากเอารถออก เดี๋ยวที่บ้านรู้” ได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศฟังเพลงดังๆ อาจจะรู้สึกดีขึ้น หญิงสาวกลับไปแต่งตัว
ผ่านไปราวสิบนาที มีเสียงเคาะประตูห้องของเธอเบาๆ สองสามครั้ง เจ้าของห้องซึ่งกำลังแต่งตัวใหม่สะดุ้งสุดตัว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร
“ฉันจะนอนแล้ว”
“จะเปิด หรือให้ผมพังเข้าไปแล้วปู่คุณได้ยิน” เขาถามผ่านประตูเข้ามา น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดังนัก แต่มันหนักแน่น เอาจริง
“ไม่เปิด”
“แน่ใจนะ”
หญิงสาวเม้มปาก “แน่ใจ”
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ ณิชาได้ยินเสียงเท้าเขาเดินจากไปแล้วก็อมยิ้ม ...ฉันรู้หรอกว่านายไม่กล้า
เธอแต่งตัวต่อ
ผ่านไปราวห้านาที มีเสียงไขประตูห้อง หญิงสาวชะงักมือที่กำลังทาลิปสติก เพียงไม่กี่อึดใจ ร่างสูงของคนที่เธอไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใครก็ตระหง่านอยู่หน้าประตู เขาปิดประตู กดล็อกดังคลิก
“คุณ...”
“โชคดีนะที่แม่บ้านเขาเชื่อผมว่าเราลืมล็อกกุญแจห้องคุณไว้ ก็เลยให้กุญแจสำรองมา” เสียงคนพูดเป็นต่อก่อนจะก้าวตรงมาคนที่อยู่นั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง “จะไปไหน”
“ฉัน…นัดกับเพื่อนเอาไว้” ชุดกระโปรงติดกันซึ่งมีด้านบนเป็นแขนกุดสีดำที่เธอสวมดูเปิดเผยมากเกินไปในความคิดของชายหนุ่ม ชายกระโปรงนั่นมันเหนือเข่ากว่าห้านิ้วแน่ๆ
“คุณปู่รู้หรือเปล่า หนีเที่ยวแบบนี้บ่อยๆ ใช่ไหม”
หญิงสาวไม่ตอบ ลุกขึ้น ตั้งใจจะไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางไว้บนเตียง แต่คนร่างสูงยืนกันไว้ก่อน “ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของเรานี่ว่าฉันจะเที่ยวกับเพื่อนไม่ได้ หลบไปสิ”
“ผมไม่อนุญาตให้คุณไปไหนทั้งนั้น”
“แต่ฉันนัดเพื่อนไว้แล้ว พวกเขาจะมารับแล้วด้วย”
“โทรไปบอกว่าไม่ไป ไปไม่ได้ สามีไม่อนุญาต” น้ำเสียงของคนพูดเฉียบขาด เอาจริง
“เอ๊ะ คุณไม่มีสิทธิ์นะ”
“ตามข้อตกลงของเรา ผมคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์นะ”
ณิชากระโดดขึ้นเตียงและตั้งใจจะข้ามไปอีกฝั่งเพื่อหลบให้ไกลเขามากที่สุด แต่เจ้าตัวก็ช้ากว่าคนร่างสูง แขนยาว ที่เดาได้ตั้งแต่ต้นว่าเธอจะหนีไปทางไหน เขาดึงชายชุด และรั้งให้ร่างทั้งร่างร่วงลงมานอนบนที่นอน
ร่างบางขยับหนี แต่มีหรือเขาจะปล่อยให้เธอมีโอกาส รีบทาบตัวลงมากั้นไว้ทันที
“เอ๊ะ คุณนี่ จะทำอะไรนะ” ถามปนหอบ
“ทำโทษเด็กเกเรที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีตามข้อตกลงสักอย่าง ไม่ได้จัดของให้ แถมยังจะหนีเที่ยวอีก” คนที่ทาบร่างลงมาทับเพื่อไม่ให้เจ้าของดิ้นหลุดไปได้บอกเสียงนิ่งเบา แต่แววตามเข้มจัดนั่นจริงจัง “ทำเป็นลืมไปแล้วหรือไงว่าเรามีสัญญาอะไรกันไว้”
พิชญ์ไม่คิดว่าตนเองจะเป็นคนวู่วาม โหดร้าย หรือใช้ความรุนแรง เดิมนั้น เขาวางแผนไว้ว่า จะทำความรู้จักคุ้นเคยกันระยะหนึ่ง ซึ่งอาจจะหนึ่งหรือสองอาทิตย์ แล้วค่อยอธิบายเรื่องที่เธอเข้าใจผิดเกี่ยวกับเลขาฯ หน้าห้องของเขา หาทางผูกมัดให้เธอยอมเป็นภรรยาของเขาอย่างแท้จริงเสียที ชายหนุ่มเชื่อว่าความรู้สึกแปลกๆ เมื่อสัมผัสร่างกายณิชาแสดงว่าเธอกับเขาก็จูนกันไปทางเดียวกันได้ในเรื่องนี้ ที่เหลือก็คือทำให้เธอเข้าใจเสียทีว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายใจร้าย โลเลหลายใจอย่างที่คิด
แต่เมื่อพบว่าข้าวของของตนเองยังไม่ถูกแกะออกจากกล่อง จึงตั้งใจจะมาตกลงกับเธอให้รู้เรื่องว่ามีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง พอมาเจออีกฝ่ายกำลังจะหนีเที่ยวก็เลยหมดความอดทนเสียเฉยๆ
ร่างกายใต้ร่างเขาขยับอย่างอึดอัด แสดงอาการต่อต้านความใกล้ชิดระหว่างเขาและเธอเต็มที่
“สัญญาแบบเสียเปรียบแบบนั้นน่ะ ใครจะไปตกลง”
“แสดงว่าตั้งใจผิดสัญญาตั้งแต่เซ็นลงไปแล้วสิ” ไม่เปลี่ยนจากเมื่อก่อนเลยนะ
อีกฝ่ายไม่ตอบ เบือนหน้าหนี
“หรืออยากให้บังคับสัญญาด้วยวิธีอื่น” คนพูดไล่สายตาไปตามลำคอระหงที่ห่างจากริมฝีปากเขาแค่คืบ เรือนผมประบ่าที่เริ่มยุ่งจนอยากจะเอานิ้วไปสางเล่น
“อย่านะ คุณสัญญาแล้วว่าจะไม่บังคับฝืนใจกัน”
เสียงหัวเราะหึ หึ “ใครผิดสัญญาก่อน” เขาทบทวน สัมผัสใกล้ชิดทำให้เขาคิดอะไรไม่ค่อยออก อยากจะกดริมฝีปากลงข้างใบหู และใช้จมูกซึมซับความหอมจากเรือนผมของเธอเหลือเกิน อยากรู้นักว่ามันจะให้ความรู้สึกแบบที่เคยคิดฝันมานานหรือเปล่า
“ฉัน…”
“อย่าบอกนะว่าไม่ได้ตั้งใจ”
คราวนี้คนที่กำลังจะอ้าปากพูดประโยคนั้นปิดปากเงียบ
“อย่าโกหก ถ้าไม่เนียน”
อีกฝ่ายเบือนหน้า หลบสายตาคมกล้าของเขา ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเสมอเมื่ออยู่ใกล้เขาเกิดขึ้นอีกครั้ง
“ปล่อยนะ” เจ้าตัวยังทำเสียงแข็ง ปลายนิ้วของมือแข็งแรงจับคางของเธอให้หันหน้ามา
“ผมจะไม่บังคับให้คุณขึ้นเตียงด้วย แต่ไม่ได้บอกว่าจะจูงใจให้คุณยอม”
ตาสบตา และอย่างที่ไม่ได้คิดไว้ก่อน เขาไล้ปลายนิ้วของตัวเองไปที่หูของคนตรงหน้า มันพบเส้นผมนุ่มๆ ของเธอ เขาจึงเอานิ้วพันมันเล่น ...ให้ความรู้สึกเกินกว่าที่เคยนึกฝันไว้มากนัก สัมผัสที่เปลี่ยนเป็นนุ่มนวลกับแววตาเข้มลึกนั่นทำให้หญิงสาวคิดคำพูดที่จะโต้เถียงเขาไม่ออกเสียดื้อๆ ร่างกายอุ่นๆ ของเขามีกลิ่นสบู่จากการอาบน้ำหมาดๆ และกลิ่นเฉพาะตัวของเจ้าของที่ทำให้เธอหน้ามืดตาลายทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ช่วยด้วย! เราเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมถึงได้รู้สึกดีกับการอยู่ใกล้นาย ดร.สติเฟื่องหน้าเข้มนี่ เขาต้องการทำร้ายเธอมากกว่าสัมผัสเธอแบบคนมีใจรักกันเขาทำ … แต่ทำไมเธอยัง...
เจ็บใจนัก เจ้าร่างกายของเธอมันดันตอบสนองต่อการกระทำของเขาด้วยสิ อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ทำไมถึงไม่รู้สึกขยะแขยง หรือเกลียดการสัมผัสของเขาอย่างที่เคยคิดไว้เลย แถมจู่ๆ มันก็รู้สึกอ่อนเปลี้ยไม่มีแรงซะดื้อๆ
ยิ่งตอนที่เขาไล้ริมฝีปากลงไปที่ต้นคอด้วยแล้ว …
เสียงโทรศัพท์มือถือของณิชาดังขึ้น มันดังติดกันหลายครั้ง
“ปละ...ปล่อยสิ”
ด้วยสติอันน้อยนิด เธอพลิกตัวหลบริมฝีปากที่กำลังจะต่ำไปกว่าต้นคอของตนเองได้อย่างหวุดหวิด
ได้ยินเหมือนเสียงถอนหายใจ ก่อนที่ ดร.พิชญ์ก็ปล่อยเธอเป็นอิสระ
“รับสายแล้วบอกเพื่อนว่าคุณเปลี่ยนใจแล้ว” เขาส่งมือถือให้ “ไม่อย่างนั้นผมอาจทำอะไรที่คุณเสียใจมากกว่านี้”
ณิชาทำตามคำสั่งนั้นอย่างมึนตึง
“จำไว้แล้วกันว่าผมมีความอดทนต่อคุณจำกัด” คนพูดยังรักษาระดับความเข้มของน้ำเสียงไว้ได้ตามเดิม “คืนนี้ผมจะนอนที่นี่ เพราะบนเตียงมีแต่ของใช้ของผมเต็มไปหมด พรุ่งนี้ ช่วยไปจัดของให้เรียบร้อยด้วย ไม่อย่างนั้นจะถือว่าคุณอยากให้ผมนอนที่นี่ ทุกคืน”
ชายหนุ่มหยิบหมอนใบเล็กที่เธอเอาไว้กอดเล่นมาหนุนศีรษะ มองอีกฝ่ายที่ลนลานลุกออกจากเตียง “เรียบร้อยแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมานอนซะ นับแต่นี้ต่อไป ผมไม่อนุญาตให้คุณเที่ยวดึกอีก คุณไม่ใช่เด็กๆ ที่อยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจแล้วนะ”
“ฉัน”
“หรือจะต้องให้ลุกไปจัดการ”
อีกฝ่ายกระแทกเท้าเดินเข้าห้องน้ำ อยากจะเอาอะไรทุ่มใส่เขาสักที แต่ก็ไม่กล้า เมื่อนึกถึงแววตาเอาจริง และแรงอันมหาศาลของอีกฝ่าย
วันนี้ฉันยอมนายไปก่อนแล้วกัน เธอคิดอย่างเจ็บใจ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า และกลับมานอนอีกฟากหนึ่งของเตียงอย่างไม่สมัครใจอย่างที่สุด
ณิชาคิดว่าตัวเองกำลังฝัน เธอกำลังล่องลอยตามจังหวะอยู่บนเวทีกว้างที่จัดขึ้นสำหรับการแสดงการเต้นรำประกอบดนตรี ร่างเล็กๆ ของเธอกำลังหมุนอยู่ท่ามกลางเสียงเพลงแผ่วหวานที่ไม่คุ้นเคย แต่เจ้าตัวรู้สึกว่ามันเพราะจับใจ
เธอหมุนตัวเขย่งปลายเท้า ปล่อยให้สายลมที่พัดจากเครื่องปรับอากาศ หรือไม่ก็พัดลมประกอบฉากจากเบื้องหลังพัดมากระทบร่าง หญิงสาวหลับตา ปล่อยความรู้สึกให้ล่องลอยไปตามจังหวะ เหมือนกับมีปลายนิ้วของชายหนุ่มนิรนามค่อยๆ ลูบไล้อยู่ข้างแก้ม
สายลมยังลูบไล้ตัวเธออย่างเบามือ จากข้างแก้ม ลงมาต่ำที่กลางแอ่งชีพจรเหนือต้นคอ ไม่ว่าเธอจะหันไปทางไหน เจ้าสายลมก็ยังตามมาลูบไล้ไปทั่วตัวอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อหนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น เธอจึงยอมแพ้ต่อมันเสียเปิดรับเอาความรู้สึกอบอุ่นแบบไม่คุ้นเคยนั่นอย่างเต็มใจ
“อื้อ…” เธอส่ายหน้าหนีลืมตาเมื่อรู้สึกว่าสัมผัสของสายลมรุนแรงและรุกเร้ามากขึ้น ความมืดของบรรยากาศรอบตัวทำให้เธอชะงักไปชั่วครู่ นี่เธอฝันไปใช่ไหม…เธอยังนอนอยู่บนเตียงนุ่มของตัวเองนี่นา ไม่ใช่บนเวทีการแสดง
“ตื่นได้หรือยัง ผมขยับตัวไม่ได้” เสียงกระซิบเบาๆ จากข้างหู จังหวะที่หญิงสาวหันไปตามเสียง เธอก็พบว่าแก้มของตนเองชนเข้ากับจมูกของใครสักคนอย่างจัง!
ดร.พิชญ์ เธอกำลังนอนทับครึ่งๆ อยู่บนตัวเขา แถมสวมกอดเขาเอาไว้ทั้งตัว
“ว้าย…” คราวนี้หญิงสาวแทบจะกระโดดออกจากเตียง แต่มือหนาของคนที่ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ข้างๆ รวบข้อมือของเธอไว้เสียก่อน และไม่ปล่อยให้ทำอย่างนั้นได้
เพราะตอนหัวค่ำเธอนอนไม่ค่อยหลับ มัวแต่ระวังคนที่นอนอยู่อีกฟากของเตียง พอตกดึกเธอจึงหลับสนิท และฝันวุ่นวายเป็นเรื่องราวแปลกๆ ...หญิงสาวยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก เบิกตากว้าง…แล้วที่เราฝันไปเมื่อครู่ล่ะ เราฝันว่าถูกสายลมกอดเอาไว้ แล้วก็สัมผัสเราไปแทบทุกตารางนิ้ว นี่มัน...
” คุณทำอะไรฉัน” หญิงสาวสะบัดแขนออกจากการควบคุมของคนข้างๆ ควานหาสวิตช์ไว้ที่หัวเตียง
แสงไฟทำให้เธอต้องหรี่ตาในตอนแรก เมื่อสายตาชินกับความสว่างสายตาก็พบกันสามีของเธอนั่งกอดอกทำตาวาวอยู่ หมอนที่ใช้คั่นกลางระหว่างเขาและเธอตกลงไปอยู่ข้างเตียงเรียบร้อย
“คุณ…” คราวนี้ณิชาขยับถอยหลังไปชนหัวเตียง “คุณปล้ำฉัน”
รอยยิ้มของคนหน้าเข้มเปิดกว้างแบบที่เธอไม่เคยเห็น
“มีใครก็ไม่รู้ขยับมากอดผมกลางดึก จะหาว่าผมปล้ำได้ยังไง”
“โกหก”
“แถมละเมอเกี่ยวกับการเต้นรำอะไรสักอย่าง ผมฟังไม่ถนัด”
หญิงสาวหรี่ตา คิดทบทวนความทรงจำอันน้อยนิด “ฉันเป็นคนนอนดิ้น อาจจะ…”
“งั้นรึ ไม่รู้สิ ผมคิดว่าคุณอยากจะทำหน้าที่ภรรยาของตัวเองกลางดึก แกล้งกลิ้งมากอดผมเอาไว้ก็เลยไม่ปฏิเสธ”
คราวนี้ณิชากระโดดลงจากเตียงทันที เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอของคนที่ยังนั่งสบายอยู่บนเตียง รู้สึกเสียดายร่างนุ่มนิ่มที่ยอมให้เขาสัมผัสไปทั่วร่าง
“จะไปไหนล่ะ ยังเช้าอยู่เลยคุณ มานอนก่อนเถอะ”
“ไปนอนคุณก็ปล้ำเอาสิ”
“บอกแล้วไง ผมไม่ทำอะไรที่ฝืนใจคุณหรอก ที่ทำไปก็แค่แตะนิดๆ หน่อยๆ มันไม่ทำให้บุบสลายหรอกน่า”
“พูดเอาแต่ได้” ณิชาพึมพำกับตัวเอง เตรียมผละหนี
“ผมยังไม่ได้ทวงสัญญาที่คุณรับปากจะเป็นภรรยาที่ดีตลอดหกเดือนเลยนะ”
หญิงสาวเม้มปาก “มันไม่ได้รวมการที่คุณจะปล้ำฉันไว้ด้วยนี่”
“เราตกลงกันแล้วว่าถ้าคุณสมยอม ก็ถือว่าไม่เป็นการผิดสัญญา คราวนี้คุณมาหาผมเองด้วยนะ แล้วนั่นจะไปไหน”
“ออกกำลังกายแล้วก็หาของเช้ากิน ถ้าอยากทำหน้าที่หลานเขยที่ดี อีกสักชั่วโมงคุณก็ควรลงไปดื่มกาแฟเป็นเพื่อนคุณปู่เหมือนกัน” มันยังเช้าอยู่มาก ปกติหญิงสาวตื่นสายกว่านี้หลายชั่วโมง แต่เอาเถอะ ออกนอกห้องตอนนี้ยังดีกว่าต้องมานอนใจเต้นอยู่ข้างๆ ร่างสูงเต็มเตียงของใครอีกคน
“ฉันไปดูทีวีที่ห้องต่อนะ” เธอเตรียมผละหนี
“ของของผมอยู่ที่ไหน”
“ห้องข้างบน ขวามือ ตรงไปสุดทาง ห้องนั้นใหญ่เหมาะกับคุณเพราะมีส่วนที่แบ่งเป็นที่ทำงานส่วนตัวได้”
พิชญ์ยอมปล่อยมืออีกฝ่ายเดินขึ้นห้องตัวเอง เขาไม่คิดว่าจะพบสภาพห้องที่ไม่ได้จัด ข้าวของของเขาทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนที่เขาแพ็กลงกล่องส่งมา ในขณะที่อีกฝ่ายเดินกลับห้องของตัวเอง ล็อกประตู
ผ่านไปครู่หนึ่งมีโทรศัพท์จากเพื่อนของหญิงสาวมาตามตัว วันนี้พวกเพื่อนๆ มีนัดไปปาร์ตี้ฉลองรับปริญญากันที่ผับแห่งหนึ่ง คราวนี้เธอไม่ปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง
“มารับด้วยก็แล้วกัน ไม่อยากเอารถออก เดี๋ยวที่บ้านรู้” ได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศฟังเพลงดังๆ อาจจะรู้สึกดีขึ้น หญิงสาวกลับไปแต่งตัว
ผ่านไปราวสิบนาที มีเสียงเคาะประตูห้องของเธอเบาๆ สองสามครั้ง เจ้าของห้องซึ่งกำลังแต่งตัวใหม่สะดุ้งสุดตัว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร
“ฉันจะนอนแล้ว”
“จะเปิด หรือให้ผมพังเข้าไปแล้วปู่คุณได้ยิน” เขาถามผ่านประตูเข้ามา น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดังนัก แต่มันหนักแน่น เอาจริง
“ไม่เปิด”
“แน่ใจนะ”
หญิงสาวเม้มปาก “แน่ใจ”
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ ณิชาได้ยินเสียงเท้าเขาเดินจากไปแล้วก็อมยิ้ม ...ฉันรู้หรอกว่านายไม่กล้า
เธอแต่งตัวต่อ
ผ่านไปราวห้านาที มีเสียงไขประตูห้อง หญิงสาวชะงักมือที่กำลังทาลิปสติก เพียงไม่กี่อึดใจ ร่างสูงของคนที่เธอไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใครก็ตระหง่านอยู่หน้าประตู เขาปิดประตู กดล็อกดังคลิก
“คุณ...”
“โชคดีนะที่แม่บ้านเขาเชื่อผมว่าเราลืมล็อกกุญแจห้องคุณไว้ ก็เลยให้กุญแจสำรองมา” เสียงคนพูดเป็นต่อก่อนจะก้าวตรงมาคนที่อยู่นั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง “จะไปไหน”
“ฉัน…นัดกับเพื่อนเอาไว้” ชุดกระโปรงติดกันซึ่งมีด้านบนเป็นแขนกุดสีดำที่เธอสวมดูเปิดเผยมากเกินไปในความคิดของชายหนุ่ม ชายกระโปรงนั่นมันเหนือเข่ากว่าห้านิ้วแน่ๆ
“คุณปู่รู้หรือเปล่า หนีเที่ยวแบบนี้บ่อยๆ ใช่ไหม”
หญิงสาวไม่ตอบ ลุกขึ้น ตั้งใจจะไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางไว้บนเตียง แต่คนร่างสูงยืนกันไว้ก่อน “ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของเรานี่ว่าฉันจะเที่ยวกับเพื่อนไม่ได้ หลบไปสิ”
“ผมไม่อนุญาตให้คุณไปไหนทั้งนั้น”
“แต่ฉันนัดเพื่อนไว้แล้ว พวกเขาจะมารับแล้วด้วย”
“โทรไปบอกว่าไม่ไป ไปไม่ได้ สามีไม่อนุญาต” น้ำเสียงของคนพูดเฉียบขาด เอาจริง
“เอ๊ะ คุณไม่มีสิทธิ์นะ”
“ตามข้อตกลงของเรา ผมคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์นะ”
ณิชากระโดดขึ้นเตียงและตั้งใจจะข้ามไปอีกฝั่งเพื่อหลบให้ไกลเขามากที่สุด แต่เจ้าตัวก็ช้ากว่าคนร่างสูง แขนยาว ที่เดาได้ตั้งแต่ต้นว่าเธอจะหนีไปทางไหน เขาดึงชายชุด และรั้งให้ร่างทั้งร่างร่วงลงมานอนบนที่นอน
ร่างบางขยับหนี แต่มีหรือเขาจะปล่อยให้เธอมีโอกาส รีบทาบตัวลงมากั้นไว้ทันที
“เอ๊ะ คุณนี่ จะทำอะไรนะ” ถามปนหอบ
“ทำโทษเด็กเกเรที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีตามข้อตกลงสักอย่าง ไม่ได้จัดของให้ แถมยังจะหนีเที่ยวอีก” คนที่ทาบร่างลงมาทับเพื่อไม่ให้เจ้าของดิ้นหลุดไปได้บอกเสียงนิ่งเบา แต่แววตามเข้มจัดนั่นจริงจัง “ทำเป็นลืมไปแล้วหรือไงว่าเรามีสัญญาอะไรกันไว้”
พิชญ์ไม่คิดว่าตนเองจะเป็นคนวู่วาม โหดร้าย หรือใช้ความรุนแรง เดิมนั้น เขาวางแผนไว้ว่า จะทำความรู้จักคุ้นเคยกันระยะหนึ่ง ซึ่งอาจจะหนึ่งหรือสองอาทิตย์ แล้วค่อยอธิบายเรื่องที่เธอเข้าใจผิดเกี่ยวกับเลขาฯ หน้าห้องของเขา หาทางผูกมัดให้เธอยอมเป็นภรรยาของเขาอย่างแท้จริงเสียที ชายหนุ่มเชื่อว่าความรู้สึกแปลกๆ เมื่อสัมผัสร่างกายณิชาแสดงว่าเธอกับเขาก็จูนกันไปทางเดียวกันได้ในเรื่องนี้ ที่เหลือก็คือทำให้เธอเข้าใจเสียทีว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายใจร้าย โลเลหลายใจอย่างที่คิด
แต่เมื่อพบว่าข้าวของของตนเองยังไม่ถูกแกะออกจากกล่อง จึงตั้งใจจะมาตกลงกับเธอให้รู้เรื่องว่ามีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง พอมาเจออีกฝ่ายกำลังจะหนีเที่ยวก็เลยหมดความอดทนเสียเฉยๆ
ร่างกายใต้ร่างเขาขยับอย่างอึดอัด แสดงอาการต่อต้านความใกล้ชิดระหว่างเขาและเธอเต็มที่
“สัญญาแบบเสียเปรียบแบบนั้นน่ะ ใครจะไปตกลง”
“แสดงว่าตั้งใจผิดสัญญาตั้งแต่เซ็นลงไปแล้วสิ” ไม่เปลี่ยนจากเมื่อก่อนเลยนะ
อีกฝ่ายไม่ตอบ เบือนหน้าหนี
“หรืออยากให้บังคับสัญญาด้วยวิธีอื่น” คนพูดไล่สายตาไปตามลำคอระหงที่ห่างจากริมฝีปากเขาแค่คืบ เรือนผมประบ่าที่เริ่มยุ่งจนอยากจะเอานิ้วไปสางเล่น
“อย่านะ คุณสัญญาแล้วว่าจะไม่บังคับฝืนใจกัน”
เสียงหัวเราะหึ หึ “ใครผิดสัญญาก่อน” เขาทบทวน สัมผัสใกล้ชิดทำให้เขาคิดอะไรไม่ค่อยออก อยากจะกดริมฝีปากลงข้างใบหู และใช้จมูกซึมซับความหอมจากเรือนผมของเธอเหลือเกิน อยากรู้นักว่ามันจะให้ความรู้สึกแบบที่เคยคิดฝันมานานหรือเปล่า
“ฉัน…”
“อย่าบอกนะว่าไม่ได้ตั้งใจ”
คราวนี้คนที่กำลังจะอ้าปากพูดประโยคนั้นปิดปากเงียบ
“อย่าโกหก ถ้าไม่เนียน”
อีกฝ่ายเบือนหน้า หลบสายตาคมกล้าของเขา ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเสมอเมื่ออยู่ใกล้เขาเกิดขึ้นอีกครั้ง
“ปล่อยนะ” เจ้าตัวยังทำเสียงแข็ง ปลายนิ้วของมือแข็งแรงจับคางของเธอให้หันหน้ามา
“ผมจะไม่บังคับให้คุณขึ้นเตียงด้วย แต่ไม่ได้บอกว่าจะจูงใจให้คุณยอม”
ตาสบตา และอย่างที่ไม่ได้คิดไว้ก่อน เขาไล้ปลายนิ้วของตัวเองไปที่หูของคนตรงหน้า มันพบเส้นผมนุ่มๆ ของเธอ เขาจึงเอานิ้วพันมันเล่น ...ให้ความรู้สึกเกินกว่าที่เคยนึกฝันไว้มากนัก สัมผัสที่เปลี่ยนเป็นนุ่มนวลกับแววตาเข้มลึกนั่นทำให้หญิงสาวคิดคำพูดที่จะโต้เถียงเขาไม่ออกเสียดื้อๆ ร่างกายอุ่นๆ ของเขามีกลิ่นสบู่จากการอาบน้ำหมาดๆ และกลิ่นเฉพาะตัวของเจ้าของที่ทำให้เธอหน้ามืดตาลายทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ช่วยด้วย! เราเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมถึงได้รู้สึกดีกับการอยู่ใกล้นาย ดร.สติเฟื่องหน้าเข้มนี่ เขาต้องการทำร้ายเธอมากกว่าสัมผัสเธอแบบคนมีใจรักกันเขาทำ … แต่ทำไมเธอยัง...
เจ็บใจนัก เจ้าร่างกายของเธอมันดันตอบสนองต่อการกระทำของเขาด้วยสิ อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ทำไมถึงไม่รู้สึกขยะแขยง หรือเกลียดการสัมผัสของเขาอย่างที่เคยคิดไว้เลย แถมจู่ๆ มันก็รู้สึกอ่อนเปลี้ยไม่มีแรงซะดื้อๆ
ยิ่งตอนที่เขาไล้ริมฝีปากลงไปที่ต้นคอด้วยแล้ว …
เสียงโทรศัพท์มือถือของณิชาดังขึ้น มันดังติดกันหลายครั้ง
“ปละ...ปล่อยสิ”
ด้วยสติอันน้อยนิด เธอพลิกตัวหลบริมฝีปากที่กำลังจะต่ำไปกว่าต้นคอของตนเองได้อย่างหวุดหวิด
ได้ยินเหมือนเสียงถอนหายใจ ก่อนที่ ดร.พิชญ์ก็ปล่อยเธอเป็นอิสระ
“รับสายแล้วบอกเพื่อนว่าคุณเปลี่ยนใจแล้ว” เขาส่งมือถือให้ “ไม่อย่างนั้นผมอาจทำอะไรที่คุณเสียใจมากกว่านี้”
ณิชาทำตามคำสั่งนั้นอย่างมึนตึง
“จำไว้แล้วกันว่าผมมีความอดทนต่อคุณจำกัด” คนพูดยังรักษาระดับความเข้มของน้ำเสียงไว้ได้ตามเดิม “คืนนี้ผมจะนอนที่นี่ เพราะบนเตียงมีแต่ของใช้ของผมเต็มไปหมด พรุ่งนี้ ช่วยไปจัดของให้เรียบร้อยด้วย ไม่อย่างนั้นจะถือว่าคุณอยากให้ผมนอนที่นี่ ทุกคืน”
ชายหนุ่มหยิบหมอนใบเล็กที่เธอเอาไว้กอดเล่นมาหนุนศีรษะ มองอีกฝ่ายที่ลนลานลุกออกจากเตียง “เรียบร้อยแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมานอนซะ นับแต่นี้ต่อไป ผมไม่อนุญาตให้คุณเที่ยวดึกอีก คุณไม่ใช่เด็กๆ ที่อยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจแล้วนะ”
“ฉัน”
“หรือจะต้องให้ลุกไปจัดการ”
อีกฝ่ายกระแทกเท้าเดินเข้าห้องน้ำ อยากจะเอาอะไรทุ่มใส่เขาสักที แต่ก็ไม่กล้า เมื่อนึกถึงแววตาเอาจริง และแรงอันมหาศาลของอีกฝ่าย
วันนี้ฉันยอมนายไปก่อนแล้วกัน เธอคิดอย่างเจ็บใจ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า และกลับมานอนอีกฟากหนึ่งของเตียงอย่างไม่สมัครใจอย่างที่สุด
ณิชาคิดว่าตัวเองกำลังฝัน เธอกำลังล่องลอยตามจังหวะอยู่บนเวทีกว้างที่จัดขึ้นสำหรับการแสดงการเต้นรำประกอบดนตรี ร่างเล็กๆ ของเธอกำลังหมุนอยู่ท่ามกลางเสียงเพลงแผ่วหวานที่ไม่คุ้นเคย แต่เจ้าตัวรู้สึกว่ามันเพราะจับใจ
เธอหมุนตัวเขย่งปลายเท้า ปล่อยให้สายลมที่พัดจากเครื่องปรับอากาศ หรือไม่ก็พัดลมประกอบฉากจากเบื้องหลังพัดมากระทบร่าง หญิงสาวหลับตา ปล่อยความรู้สึกให้ล่องลอยไปตามจังหวะ เหมือนกับมีปลายนิ้วของชายหนุ่มนิรนามค่อยๆ ลูบไล้อยู่ข้างแก้ม
สายลมยังลูบไล้ตัวเธออย่างเบามือ จากข้างแก้ม ลงมาต่ำที่กลางแอ่งชีพจรเหนือต้นคอ ไม่ว่าเธอจะหันไปทางไหน เจ้าสายลมก็ยังตามมาลูบไล้ไปทั่วตัวอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อหนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น เธอจึงยอมแพ้ต่อมันเสียเปิดรับเอาความรู้สึกอบอุ่นแบบไม่คุ้นเคยนั่นอย่างเต็มใจ
“อื้อ…” เธอส่ายหน้าหนีลืมตาเมื่อรู้สึกว่าสัมผัสของสายลมรุนแรงและรุกเร้ามากขึ้น ความมืดของบรรยากาศรอบตัวทำให้เธอชะงักไปชั่วครู่ นี่เธอฝันไปใช่ไหม…เธอยังนอนอยู่บนเตียงนุ่มของตัวเองนี่นา ไม่ใช่บนเวทีการแสดง
“ตื่นได้หรือยัง ผมขยับตัวไม่ได้” เสียงกระซิบเบาๆ จากข้างหู จังหวะที่หญิงสาวหันไปตามเสียง เธอก็พบว่าแก้มของตนเองชนเข้ากับจมูกของใครสักคนอย่างจัง!
ดร.พิชญ์ เธอกำลังนอนทับครึ่งๆ อยู่บนตัวเขา แถมสวมกอดเขาเอาไว้ทั้งตัว
“ว้าย…” คราวนี้หญิงสาวแทบจะกระโดดออกจากเตียง แต่มือหนาของคนที่ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ข้างๆ รวบข้อมือของเธอไว้เสียก่อน และไม่ปล่อยให้ทำอย่างนั้นได้
เพราะตอนหัวค่ำเธอนอนไม่ค่อยหลับ มัวแต่ระวังคนที่นอนอยู่อีกฟากของเตียง พอตกดึกเธอจึงหลับสนิท และฝันวุ่นวายเป็นเรื่องราวแปลกๆ ...หญิงสาวยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก เบิกตากว้าง…แล้วที่เราฝันไปเมื่อครู่ล่ะ เราฝันว่าถูกสายลมกอดเอาไว้ แล้วก็สัมผัสเราไปแทบทุกตารางนิ้ว นี่มัน...
” คุณทำอะไรฉัน” หญิงสาวสะบัดแขนออกจากการควบคุมของคนข้างๆ ควานหาสวิตช์ไว้ที่หัวเตียง
แสงไฟทำให้เธอต้องหรี่ตาในตอนแรก เมื่อสายตาชินกับความสว่างสายตาก็พบกันสามีของเธอนั่งกอดอกทำตาวาวอยู่ หมอนที่ใช้คั่นกลางระหว่างเขาและเธอตกลงไปอยู่ข้างเตียงเรียบร้อย
“คุณ…” คราวนี้ณิชาขยับถอยหลังไปชนหัวเตียง “คุณปล้ำฉัน”
รอยยิ้มของคนหน้าเข้มเปิดกว้างแบบที่เธอไม่เคยเห็น
“มีใครก็ไม่รู้ขยับมากอดผมกลางดึก จะหาว่าผมปล้ำได้ยังไง”
“โกหก”
“แถมละเมอเกี่ยวกับการเต้นรำอะไรสักอย่าง ผมฟังไม่ถนัด”
หญิงสาวหรี่ตา คิดทบทวนความทรงจำอันน้อยนิด “ฉันเป็นคนนอนดิ้น อาจจะ…”
“งั้นรึ ไม่รู้สิ ผมคิดว่าคุณอยากจะทำหน้าที่ภรรยาของตัวเองกลางดึก แกล้งกลิ้งมากอดผมเอาไว้ก็เลยไม่ปฏิเสธ”
คราวนี้ณิชากระโดดลงจากเตียงทันที เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอของคนที่ยังนั่งสบายอยู่บนเตียง รู้สึกเสียดายร่างนุ่มนิ่มที่ยอมให้เขาสัมผัสไปทั่วร่าง
“จะไปไหนล่ะ ยังเช้าอยู่เลยคุณ มานอนก่อนเถอะ”
“ไปนอนคุณก็ปล้ำเอาสิ”
“บอกแล้วไง ผมไม่ทำอะไรที่ฝืนใจคุณหรอก ที่ทำไปก็แค่แตะนิดๆ หน่อยๆ มันไม่ทำให้บุบสลายหรอกน่า”
“พูดเอาแต่ได้” ณิชาพึมพำกับตัวเอง เตรียมผละหนี
“ผมยังไม่ได้ทวงสัญญาที่คุณรับปากจะเป็นภรรยาที่ดีตลอดหกเดือนเลยนะ”
หญิงสาวเม้มปาก “มันไม่ได้รวมการที่คุณจะปล้ำฉันไว้ด้วยนี่”
“เราตกลงกันแล้วว่าถ้าคุณสมยอม ก็ถือว่าไม่เป็นการผิดสัญญา คราวนี้คุณมาหาผมเองด้วยนะ แล้วนั่นจะไปไหน”
“ออกกำลังกายแล้วก็หาของเช้ากิน ถ้าอยากทำหน้าที่หลานเขยที่ดี อีกสักชั่วโมงคุณก็ควรลงไปดื่มกาแฟเป็นเพื่อนคุณปู่เหมือนกัน” มันยังเช้าอยู่มาก ปกติหญิงสาวตื่นสายกว่านี้หลายชั่วโมง แต่เอาเถอะ ออกนอกห้องตอนนี้ยังดีกว่าต้องมานอนใจเต้นอยู่ข้างๆ ร่างสูงเต็มเตียงของใครอีกคน
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ค. 2563, 20:26:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ค. 2563, 20:26:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 619
<< ตอน 9 | ตอน 11 >> |