ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 9 -60%
“ป้าคะ จันทน์ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ต้องเดือดร้อนกันไปหมด”
จันทน์กะพ้อเอ่ย เมื่อป้ามาลีเดินมาหาที่ห้องหลังจากที่ตรีเมฆบอกกล่าวเรื่องการล่องหนของตนในช่วงที่พ่อของหล่อนมาเยี่ยม ป้ามาลียกมือโบกไปมา
“ขอโทษเรื่องอะไรกันหนูจันทน์ ถ้าหนูไม่เชิญพ่อมาพักที่นี่แล้วยังย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแบบนั้นสิป้าจะโกรธมาก เราอยู่ด้วยกันมาจะครบปีแล้วนะลูก ป้าเองก็อยากพบพ่อของหนูเหมือนกัน”
“ค่ะ แต่คุณเมฆต้องมาเดือดร้อนไปด้วย ดูสิคะ เลยต้องย้ายลงไปอยู่ห้องเก็บของข้างล่าง” จันทน์กะพ้อมองแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังรื้อค้นของฝุ่นเขรอะออกจากห้องเก็บของข้างโรงรถอย่างไม่พูดไม่จา
“ช่างเขาเถอะ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ป้าเห็นว่าเมฆเขาทำถูกแล้ว” ป้ามาลีเอ่ยแล้วก็เดินเข้าห้องไปอาบน้ำอาบท่า พ่อคำจันทร์โทร.มาบอกเมื่อเช้าว่าจะมารถรอบค่ำวันนี้ นั่นหมายความว่าพ่อคงมาถึงสถานีขน ส่งหมอชิตช่วงเช้าในวันพรุ่งนี้ จันทน์กะพ้อรู้สึกถึงความรีบร้อนผิดวิสัยพ่อ แต่ก็ไม่กล้าทัดทานใดๆ และทันทีที่หล่อนบอกเขา ตรีเมฆก็วางมือจากการคุมงานก่อสร้างมารื้อห้องเก็บของทันที หล่อนเดินมารีๆ รอๆ อยู่หน้าห้องเก็บของจนเขาปัดมือปัดไม้หลังจากเลื่อนแคร่ไม้ที่เคยอยู่ใต้ถุนบ้านเข้าไปชิดผนัง โชคยังดีที่ห้องเก็บของนั้นเพดานค่อนข้างสูงและมีหน้าต่างระบายอากาศ ด้านหลังติดกับสวนผักสวนสมุนไพรของแม่มาลีจึงค่อนข้างเย็นสบาย
“แค่นี้ก็เรียบร้อย”
เขากดสวิตช์เปิดไฟให้คนที่มาคอยมองดูได้เห็นชัดขึ้นกับตา
หล่อนก้าวเข้ามาด้านในห้องที่ไม่กว้างไปกว่าขนาดของแคร่เท่าใดนัก พื้นกระเบื้องที่ปูไว้นานนมกระดำกระด่าง เพราะร่องรอยการขูดขีดของข้าวของหนักๆ ที่ขนเข้าออกบ่อยครั้ง สีที่ผนังเริ่มกะเทาะออก เป็นภาพที่ไม่ค่อยเจริญตาเท่าใดนัก จันทน์กะพ้อทอดถอนใจ
ห้องนอนใหม่ของลูกชายเจ้าของบ้าน เมื่อเทียบกับห้องนอนไม้สักอันโอ่โถงแสนสะดวกสบายของเขาแล้ว นี่มันรูหนูชัดๆ
“ดูดีไหมล่ะ สำหรับห้องพักหัวหน้าคนงานก่อสร้างคนใหม่”
เขากอดอกเดินตามหล่อน ซึ่งเดินไปได้ไม่เท่าไรก็ต้องหยุดเพราะความคับแคบของห้อง
“เอาแคร่ออกดีไหมคะ ยกเตียงลงมาเถอะ นอนแคร่แบบนี้ดูไม่สบายเลย”
“ลำบากเปล่าๆ เอาที่นอนมาปูๆ ก็นอนได้แล้ว คิงไซซ์ชัดๆ เห็นไหม นอนด้วยกันก็ยังได้” เขาพูดไปเรื่อย เหมือนไม่มีอะไรแอบแฝง จันทน์กะพ้อสะดุดหู แต่สีหน้าเรียบเฉยของเขาทำให้หล่อนเดาทางไม่ค่อยถูก
“แล้วจะอาบน้ำอาบท่า ใช้ห้องน้ำยังไงล่ะคะ”
“กับคนงานที่แคมป์นั่นไง ไม่เห็นจะยาก”
“คุณเมฆคะ”
“ทำไม จำไม่ได้เหรอว่าผมเคยติดคุกมาก่อน”
ดวงตาของเขาวาววับ สิ่งสุดท้ายที่ตรีเมฆต้องการจากใครสักคนคือความสงสาร จันทน์กะพ้ออ้าปากค้าง ไม่คิดสักนิดว่าเขาจะแปรเจตนาหล่อนไปในทางนั้น หล่อนถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า
“ถ้าอย่างนั้นคุณเมฆหลบไปก่อนค่ะ ขอฉันทำความสะอาดเช็ดถูให้อีกสักรอบ”
“ตามใจ” เขาเอ่ยแล้วเดินปัดฝุ่นตามตัวออกตรงไปทางไซต์งานก่อสร้างโดยไม่พูดไม่จาอะไรอีก
จันทน์กะพ้อขลุกอยู่ในห้องนั้นจนถึงเวลาทำอาหารค่ำ สองชั่วโมงกว่าที่ผ่านไปทำให้ห้องกระดำกระด่างของตรีเมฆสะอาดสะอ้านขึ้น มันไม่ได้ดูดีขึ้นมามากนักแต่ก็ไม่มีกลิ่นเหม็นอับเหลืออยู่อีกเลย แม้กระทั่งแคร่หล่อนก็ยังขัดจนสะอาดเอี่ยม
ตรีเมฆกลับขึ้นบ้านไปอาบน้ำอาบท่า ร่วมโต๊ะอาหารเย็นแล้วก็หอบที่นอนและผ้าห่มบางๆ ลงมาในที่ซุกหัวนอนใหม่ของตนที่งับประตูไว้ ทันทีที่เขาเปิดประตูออกก็ต้องประหลาดใจกับความสะอาดเอี่ยมของห้องทุกซอกทุกมุม ดูเหมือนหล่อนจะขัดถูจนหมดสิ้น น่าแปลกใจที่ยังอุตส่าห์มีเรี่ยวแรงกลับขึ้นบ้านไปเข้าครัวทำอาหารเย็นได้อีก
เขาจัดการปูที่นอนใหม่บนแคร่กว้าง เหวี่ยงกายขึ้นนอน แคร่กว้างจนแผ่แขนขาออกได้อย่างสบายจริงๆ
บอกแล้วยังไงล่ะว่านอนด้วยกันก็ยังได้ หึๆ เขานึกขันสีหน้าของหล่อนเมื่อตอนที่เขาพูดหน้าตายออกไปแบบนั้น แปลกดีที่การหยอกล้อแบบนี้ทำให้หัวใจเขาชุ่มชื่นพิกล
ก๊อกๆๆ
“ลุงยักษ์ครับ” เสียงตรีเพชรดังอยู่หน้าห้อง
ตรีเมฆยังไม่ทันหลับดีดีดกายลุกขึ้น เสยผมที่เริ่มยาวปรกหน้าขึ้น ซึ่งศมาเคยติงว่าใกล้จะเหมือนขุนโจรมากขึ้นทุกที
“ว่าไงไอ้เสือ” เขาผลักประตูออกกว้าง ลมเย็นกรูเข้ามา ตรีเพชรยืนอยู่ตรงนั้นในแสงไฟสลัว ด้านหลังคือคุณครูของเขากับพัดลมตั้งโต๊ะตัวใหญ่ที่เขาจำได้ว่ามันนอนเอียงกระเท่เร่อยู่ในห้องนี้และเขาเองเป็นคนขนมันออก ไปทิ้งไว้ในโรงรถ
“ฉันเอาพัดลมมาให้ค่ะ ห้องนี้อาจจะร้อนไปหรือมียุง”
จันทน์กะพ้อยื่นพัดลมที่หล่อนแกะออกเช็ดถูปัดฝุ่นจนสะอาดเรียบร้อยแล้วให้เขา ตรีเมฆจึงรับมาถือไว้พลางเอ่ยขอบใจ ตรีเพชรมองลอดท่อนแขนชายหนุ่มเข้าไปในห้องนอนใหม่
“เป็นไงไอ้เสือ ชอบห้องนอนใหม่ของข้าไหม”
“ไม่เห็นมีทีวี ตู้เย็นเลยลุงยักษ์ แคบด้วย” ตรีเพชรติอย่างไม่เกรงใจ นั่นยิ่งทำให้จันทน์กะพ้อใจเสียมากยิ่งขึ้น
“ทีวีข้าก็ไปดูกับพวกคนงานสิวะ สนุกดีออก ดูกันไปกินเหล้ากันไป หลายๆ คนสนุกดี ตู้เย็นทำไมต้องมี เดี๋ยวข้าอยากกินอะไรก็ให้เอ็งไปเอามาให้ได้ไหมล่ะ”
“ได้ครับได้ สบายมาก”
“เออ นี่ล่ะห้องพักนายเมฆ หัวหน้าคนงานก่อสร้าง จำไว้ไอ้หนู”
“ครับผม” ทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย จันทน์กะพ้อถอดทอนใจเป็นครั้งที่ร้อย ละอายใจยิ่งนัก
“พรุ่งนี้พ่อคุณมาถึงกี่โมง”
“ราวๆ ตีสี่ตีห้าค่ะ”
“แล้วจะมาที่นี่ยังไง”
“พ่อคงนั่งแท็กซี่มาค่ะ สมัยหนุ่มๆ พ่อเคยมากรุงเทพฯ บ่อยๆ”
“แต่สมัยนี้มันไม่เหมือนกัน มิจฉาชีพมันเยอะ พ่อคุณเองก็คงอายุมากแล้ว เดี๋ยวผมไปรับเอง” ตรีเมฆเอ่ยง่ายๆ
“แต่ว่า...” จันทน์กะพ้อจะท้วง แต่ไม่ทันจบประโยค ตรีเมฆก็เอ่ยขึ้นว่า
“เออ จริงสิ ท่านไม่รู้จักผม คงไม่มาด้วยแน่ คุณนั่งไปด้วยก็แล้วกันนะ ท่านคงไม่ว่าถ้าคุณจะให้หัวหน้าคนงานขับรถให้”
“โธ่...คุณเมฆ” จันทน์กะพ้ออุทานอย่างจนปัญญา คิดอะไรไม่ทันเขาเลยสักนิด ตรีเพชรอ้าปากอยากขอไปด้วย แต่พอเห็นสายตาคมของตรีเมฆก็หยุดปากเสีย
“พรุ่งนี้เช้ามาปลุกก็แล้วกัน” เขาสั่งกรายๆ แล้วทำท่าราวกับหมดธุระแล้ว จันทน์กะพ้อกับตรีเพชรจึงได้ออกมาจากห้องของหัวหน้าคนงานอุปโลกน์แล้วเดินขึ้นบ้านไป
*****************
จันทน์กะพ้อเก็บกวาดห้องของตนอยู่พักหนึ่ง สายหยุดพี่สาวคนโตก็โทรศัพท์มาหาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างขุ่นมัว
“รถที่พ่อนั่ง ออกไปแล้วนะจันทน์ ไม่รู้ว่าพ่อรีบร้อนอะไรนักหนา ปุบปับก็จะลงกรุงเทพฯ เตรียมอะไรให้ไม่ทันเลย แถมไม่บอกอีกด้วยว่าจะไปอยู่กับเธอนานแค่ไหน”
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่สายหยุด พ่อคงเหงา หลานๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมดแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่น่ะสิ พี่ยศเขารับส่งไม่ไหวหรอก สามคนสองโรงเรียน ไกลตั้งสามสิบสี่สิบกิโล ไม่กล้าให้ไปรถรับส่งด้วย อันตรายทั้งนั้น พ่อคงไม่พอใจที่พี่ขายบ้านขายที่ จะให้พี่ทำยังไงล่ะจันทน์ ผัวพี่ทำงานก็เหนื่อยพออยู่แล้ว พี่ก็อยากอยู่ใกล้เขา จะได้ดูแลทั้งผัวทั้งลูกได้”
“อย่าคิดมากไปเลยน่าพี่ พ่อบอกจันทน์แล้วว่าตามใจพี่ๆ เพราะพ่อยกให้แล้ว ไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ เดี๋ยวน้องรับหน้าที่ดูแลพ่อต่อเองนะ”
“อืม ยังไงๆ แกก็ลูกสาวคนโปรดอยู่แล้วนี่นา” พี่สาวแขวะแกมล้อเล่นก่อนจะวางสายไป จันทน์กะพ้อทอดถอนใจ ที่คิดไว้ไม่มีผิดเลย...พ่อคงน้อยใจลูกสาวที่ขายสมบัติทิ้งแล้วยังพาหลานๆ ไปอยู่เสียไกลอีกด้วย
จันทน์กะพ้อจัดเตรียมที่นอนสำหรับตนเองไว้บนเสื่อที่ปูไว้ข้างเตียง หล่อนปฏิเสธที่จะเปิดห้องนอนอีกห้องสำหรับพ่อคำจันทร์ตามที่ป้ามาลีเอ่ยบอก หล่อนอยากนอนคุยกับพ่อเหมือนสมัยก่อน ที่สำคัญหล่อนไม่อยากรบกวนป้ามาลีไปมากกว่านี้แล้ว แค่เพียงการมาเยี่ยมของพ่อทำให้ลูกชายของนางต้องระเห็จลงไปนอนในห้องเก็บของก็มากพออยู่แล้ว
จันทน์กะพ้อเอ่ย เมื่อป้ามาลีเดินมาหาที่ห้องหลังจากที่ตรีเมฆบอกกล่าวเรื่องการล่องหนของตนในช่วงที่พ่อของหล่อนมาเยี่ยม ป้ามาลียกมือโบกไปมา
“ขอโทษเรื่องอะไรกันหนูจันทน์ ถ้าหนูไม่เชิญพ่อมาพักที่นี่แล้วยังย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแบบนั้นสิป้าจะโกรธมาก เราอยู่ด้วยกันมาจะครบปีแล้วนะลูก ป้าเองก็อยากพบพ่อของหนูเหมือนกัน”
“ค่ะ แต่คุณเมฆต้องมาเดือดร้อนไปด้วย ดูสิคะ เลยต้องย้ายลงไปอยู่ห้องเก็บของข้างล่าง” จันทน์กะพ้อมองแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังรื้อค้นของฝุ่นเขรอะออกจากห้องเก็บของข้างโรงรถอย่างไม่พูดไม่จา
“ช่างเขาเถอะ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ป้าเห็นว่าเมฆเขาทำถูกแล้ว” ป้ามาลีเอ่ยแล้วก็เดินเข้าห้องไปอาบน้ำอาบท่า พ่อคำจันทร์โทร.มาบอกเมื่อเช้าว่าจะมารถรอบค่ำวันนี้ นั่นหมายความว่าพ่อคงมาถึงสถานีขน ส่งหมอชิตช่วงเช้าในวันพรุ่งนี้ จันทน์กะพ้อรู้สึกถึงความรีบร้อนผิดวิสัยพ่อ แต่ก็ไม่กล้าทัดทานใดๆ และทันทีที่หล่อนบอกเขา ตรีเมฆก็วางมือจากการคุมงานก่อสร้างมารื้อห้องเก็บของทันที หล่อนเดินมารีๆ รอๆ อยู่หน้าห้องเก็บของจนเขาปัดมือปัดไม้หลังจากเลื่อนแคร่ไม้ที่เคยอยู่ใต้ถุนบ้านเข้าไปชิดผนัง โชคยังดีที่ห้องเก็บของนั้นเพดานค่อนข้างสูงและมีหน้าต่างระบายอากาศ ด้านหลังติดกับสวนผักสวนสมุนไพรของแม่มาลีจึงค่อนข้างเย็นสบาย
“แค่นี้ก็เรียบร้อย”
เขากดสวิตช์เปิดไฟให้คนที่มาคอยมองดูได้เห็นชัดขึ้นกับตา
หล่อนก้าวเข้ามาด้านในห้องที่ไม่กว้างไปกว่าขนาดของแคร่เท่าใดนัก พื้นกระเบื้องที่ปูไว้นานนมกระดำกระด่าง เพราะร่องรอยการขูดขีดของข้าวของหนักๆ ที่ขนเข้าออกบ่อยครั้ง สีที่ผนังเริ่มกะเทาะออก เป็นภาพที่ไม่ค่อยเจริญตาเท่าใดนัก จันทน์กะพ้อทอดถอนใจ
ห้องนอนใหม่ของลูกชายเจ้าของบ้าน เมื่อเทียบกับห้องนอนไม้สักอันโอ่โถงแสนสะดวกสบายของเขาแล้ว นี่มันรูหนูชัดๆ
“ดูดีไหมล่ะ สำหรับห้องพักหัวหน้าคนงานก่อสร้างคนใหม่”
เขากอดอกเดินตามหล่อน ซึ่งเดินไปได้ไม่เท่าไรก็ต้องหยุดเพราะความคับแคบของห้อง
“เอาแคร่ออกดีไหมคะ ยกเตียงลงมาเถอะ นอนแคร่แบบนี้ดูไม่สบายเลย”
“ลำบากเปล่าๆ เอาที่นอนมาปูๆ ก็นอนได้แล้ว คิงไซซ์ชัดๆ เห็นไหม นอนด้วยกันก็ยังได้” เขาพูดไปเรื่อย เหมือนไม่มีอะไรแอบแฝง จันทน์กะพ้อสะดุดหู แต่สีหน้าเรียบเฉยของเขาทำให้หล่อนเดาทางไม่ค่อยถูก
“แล้วจะอาบน้ำอาบท่า ใช้ห้องน้ำยังไงล่ะคะ”
“กับคนงานที่แคมป์นั่นไง ไม่เห็นจะยาก”
“คุณเมฆคะ”
“ทำไม จำไม่ได้เหรอว่าผมเคยติดคุกมาก่อน”
ดวงตาของเขาวาววับ สิ่งสุดท้ายที่ตรีเมฆต้องการจากใครสักคนคือความสงสาร จันทน์กะพ้ออ้าปากค้าง ไม่คิดสักนิดว่าเขาจะแปรเจตนาหล่อนไปในทางนั้น หล่อนถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า
“ถ้าอย่างนั้นคุณเมฆหลบไปก่อนค่ะ ขอฉันทำความสะอาดเช็ดถูให้อีกสักรอบ”
“ตามใจ” เขาเอ่ยแล้วเดินปัดฝุ่นตามตัวออกตรงไปทางไซต์งานก่อสร้างโดยไม่พูดไม่จาอะไรอีก
จันทน์กะพ้อขลุกอยู่ในห้องนั้นจนถึงเวลาทำอาหารค่ำ สองชั่วโมงกว่าที่ผ่านไปทำให้ห้องกระดำกระด่างของตรีเมฆสะอาดสะอ้านขึ้น มันไม่ได้ดูดีขึ้นมามากนักแต่ก็ไม่มีกลิ่นเหม็นอับเหลืออยู่อีกเลย แม้กระทั่งแคร่หล่อนก็ยังขัดจนสะอาดเอี่ยม
ตรีเมฆกลับขึ้นบ้านไปอาบน้ำอาบท่า ร่วมโต๊ะอาหารเย็นแล้วก็หอบที่นอนและผ้าห่มบางๆ ลงมาในที่ซุกหัวนอนใหม่ของตนที่งับประตูไว้ ทันทีที่เขาเปิดประตูออกก็ต้องประหลาดใจกับความสะอาดเอี่ยมของห้องทุกซอกทุกมุม ดูเหมือนหล่อนจะขัดถูจนหมดสิ้น น่าแปลกใจที่ยังอุตส่าห์มีเรี่ยวแรงกลับขึ้นบ้านไปเข้าครัวทำอาหารเย็นได้อีก
เขาจัดการปูที่นอนใหม่บนแคร่กว้าง เหวี่ยงกายขึ้นนอน แคร่กว้างจนแผ่แขนขาออกได้อย่างสบายจริงๆ
บอกแล้วยังไงล่ะว่านอนด้วยกันก็ยังได้ หึๆ เขานึกขันสีหน้าของหล่อนเมื่อตอนที่เขาพูดหน้าตายออกไปแบบนั้น แปลกดีที่การหยอกล้อแบบนี้ทำให้หัวใจเขาชุ่มชื่นพิกล
ก๊อกๆๆ
“ลุงยักษ์ครับ” เสียงตรีเพชรดังอยู่หน้าห้อง
ตรีเมฆยังไม่ทันหลับดีดีดกายลุกขึ้น เสยผมที่เริ่มยาวปรกหน้าขึ้น ซึ่งศมาเคยติงว่าใกล้จะเหมือนขุนโจรมากขึ้นทุกที
“ว่าไงไอ้เสือ” เขาผลักประตูออกกว้าง ลมเย็นกรูเข้ามา ตรีเพชรยืนอยู่ตรงนั้นในแสงไฟสลัว ด้านหลังคือคุณครูของเขากับพัดลมตั้งโต๊ะตัวใหญ่ที่เขาจำได้ว่ามันนอนเอียงกระเท่เร่อยู่ในห้องนี้และเขาเองเป็นคนขนมันออก ไปทิ้งไว้ในโรงรถ
“ฉันเอาพัดลมมาให้ค่ะ ห้องนี้อาจจะร้อนไปหรือมียุง”
จันทน์กะพ้อยื่นพัดลมที่หล่อนแกะออกเช็ดถูปัดฝุ่นจนสะอาดเรียบร้อยแล้วให้เขา ตรีเมฆจึงรับมาถือไว้พลางเอ่ยขอบใจ ตรีเพชรมองลอดท่อนแขนชายหนุ่มเข้าไปในห้องนอนใหม่
“เป็นไงไอ้เสือ ชอบห้องนอนใหม่ของข้าไหม”
“ไม่เห็นมีทีวี ตู้เย็นเลยลุงยักษ์ แคบด้วย” ตรีเพชรติอย่างไม่เกรงใจ นั่นยิ่งทำให้จันทน์กะพ้อใจเสียมากยิ่งขึ้น
“ทีวีข้าก็ไปดูกับพวกคนงานสิวะ สนุกดีออก ดูกันไปกินเหล้ากันไป หลายๆ คนสนุกดี ตู้เย็นทำไมต้องมี เดี๋ยวข้าอยากกินอะไรก็ให้เอ็งไปเอามาให้ได้ไหมล่ะ”
“ได้ครับได้ สบายมาก”
“เออ นี่ล่ะห้องพักนายเมฆ หัวหน้าคนงานก่อสร้าง จำไว้ไอ้หนู”
“ครับผม” ทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย จันทน์กะพ้อถอดทอนใจเป็นครั้งที่ร้อย ละอายใจยิ่งนัก
“พรุ่งนี้พ่อคุณมาถึงกี่โมง”
“ราวๆ ตีสี่ตีห้าค่ะ”
“แล้วจะมาที่นี่ยังไง”
“พ่อคงนั่งแท็กซี่มาค่ะ สมัยหนุ่มๆ พ่อเคยมากรุงเทพฯ บ่อยๆ”
“แต่สมัยนี้มันไม่เหมือนกัน มิจฉาชีพมันเยอะ พ่อคุณเองก็คงอายุมากแล้ว เดี๋ยวผมไปรับเอง” ตรีเมฆเอ่ยง่ายๆ
“แต่ว่า...” จันทน์กะพ้อจะท้วง แต่ไม่ทันจบประโยค ตรีเมฆก็เอ่ยขึ้นว่า
“เออ จริงสิ ท่านไม่รู้จักผม คงไม่มาด้วยแน่ คุณนั่งไปด้วยก็แล้วกันนะ ท่านคงไม่ว่าถ้าคุณจะให้หัวหน้าคนงานขับรถให้”
“โธ่...คุณเมฆ” จันทน์กะพ้ออุทานอย่างจนปัญญา คิดอะไรไม่ทันเขาเลยสักนิด ตรีเพชรอ้าปากอยากขอไปด้วย แต่พอเห็นสายตาคมของตรีเมฆก็หยุดปากเสีย
“พรุ่งนี้เช้ามาปลุกก็แล้วกัน” เขาสั่งกรายๆ แล้วทำท่าราวกับหมดธุระแล้ว จันทน์กะพ้อกับตรีเพชรจึงได้ออกมาจากห้องของหัวหน้าคนงานอุปโลกน์แล้วเดินขึ้นบ้านไป
*****************
จันทน์กะพ้อเก็บกวาดห้องของตนอยู่พักหนึ่ง สายหยุดพี่สาวคนโตก็โทรศัพท์มาหาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างขุ่นมัว
“รถที่พ่อนั่ง ออกไปแล้วนะจันทน์ ไม่รู้ว่าพ่อรีบร้อนอะไรนักหนา ปุบปับก็จะลงกรุงเทพฯ เตรียมอะไรให้ไม่ทันเลย แถมไม่บอกอีกด้วยว่าจะไปอยู่กับเธอนานแค่ไหน”
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่สายหยุด พ่อคงเหงา หลานๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมดแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่น่ะสิ พี่ยศเขารับส่งไม่ไหวหรอก สามคนสองโรงเรียน ไกลตั้งสามสิบสี่สิบกิโล ไม่กล้าให้ไปรถรับส่งด้วย อันตรายทั้งนั้น พ่อคงไม่พอใจที่พี่ขายบ้านขายที่ จะให้พี่ทำยังไงล่ะจันทน์ ผัวพี่ทำงานก็เหนื่อยพออยู่แล้ว พี่ก็อยากอยู่ใกล้เขา จะได้ดูแลทั้งผัวทั้งลูกได้”
“อย่าคิดมากไปเลยน่าพี่ พ่อบอกจันทน์แล้วว่าตามใจพี่ๆ เพราะพ่อยกให้แล้ว ไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ เดี๋ยวน้องรับหน้าที่ดูแลพ่อต่อเองนะ”
“อืม ยังไงๆ แกก็ลูกสาวคนโปรดอยู่แล้วนี่นา” พี่สาวแขวะแกมล้อเล่นก่อนจะวางสายไป จันทน์กะพ้อทอดถอนใจ ที่คิดไว้ไม่มีผิดเลย...พ่อคงน้อยใจลูกสาวที่ขายสมบัติทิ้งแล้วยังพาหลานๆ ไปอยู่เสียไกลอีกด้วย
จันทน์กะพ้อจัดเตรียมที่นอนสำหรับตนเองไว้บนเสื่อที่ปูไว้ข้างเตียง หล่อนปฏิเสธที่จะเปิดห้องนอนอีกห้องสำหรับพ่อคำจันทร์ตามที่ป้ามาลีเอ่ยบอก หล่อนอยากนอนคุยกับพ่อเหมือนสมัยก่อน ที่สำคัญหล่อนไม่อยากรบกวนป้ามาลีไปมากกว่านี้แล้ว แค่เพียงการมาเยี่ยมของพ่อทำให้ลูกชายของนางต้องระเห็จลงไปนอนในห้องเก็บของก็มากพออยู่แล้ว
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ค. 2563, 21:51:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ค. 2563, 21:51:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 449
<< บทที่ 9 -40% | บทที่ 9 -80% >> |