ร้อยเล่ห์...นายเหมันต์
เขียนนิยายรักแนวหวานมาหลายเรื่อง อยากลองแนวอิโรติกดูบ้าง มาดูกันว่าจะได้แค่ไหน
Tags: สิรินดา, รักเล่ห์, นิยายรัก

ตอน: 9: แค่กินอาหารญี่ปุ่นเท่านั้นนะ

มือถือมีเสียงข้อความเข้ารัวๆ ฉันรีบปิดและเปลี่ยนเป็นโหมดสั่นเตือนก่อนที่ทุกคนในห้องประชุมจะหันมามอง เจ้านายกำลังตามงานทีละแผนก มือถือยังสั่นอีกสองสามครั้ง แต่ฉันไม่กล้าก้มลงอ่านข้อความ ได้แต่หวังว่าคงไม่มีเรื่องด่วนจนเกินไป

"วันนี้เจ้านายเป็นอะไร ดูอารมณ์เสียจัง" เพื่อนร่วมงานอีกแผนกเดินออกมาจากห้องประชุมและหันมากระซิบ ฉันส่ายหน้า ไม่ได้ตอบเพราะมัวแต่ดูข้อความที่ส่งเข้ามา 

ฉันเบิกตากว้าง เอานี้วไถรูปที่อยู่ในข้อความขึ้นดูทีละรูป

"มีอะไรหรือเปล่า" คนข้างตัวถาม ฉันสะดุ้งสุดตัวและจังหวะนั้นเองที่ลิฟต์หยุด คนที่ยืนอยู่ด้านหลังพายามเดินแทรกตัวออกมาจากลิฟต์อย่างเร่งรีบและชนเข้ากับมือของฉันอย่างไม่ได้ตั้งใจ

มือถือขอฉันตก มันหยุดลงตรงหน้าเพื่อนร่วมงาน จังหวะที่ฉันกำลังจะก้มลงไปหยิบ เธอก็คว้ามันได้ก่อน

"หน้าจอแตกไหมเนี่ย"

"เอิ่ม...ขอ..."

อีกฝ่ายส่งมือถือคืน แต่ก่อนที่เธอจะก้มลงดูรูปที่เปิดหราอยู่ที่หน้าจอ

"เอ๊ะ!"

ฉันหูแดง หน้าแดง แล้วก็รีบก้มหัว เดินเร็วๆ กลับเข้าแผนก ได้แต่ภาวนาว่า...เธอไม่เห็น

รูปถ่ายนั้นกลุ่มนั้นยังถูกส่งมาที่ inbox facebook ส่วนตัวของฉันอีกในครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึก เดินตรงไปยังทางที่ไปห้องน้ำซึ่งอยู่ในจุดที่ห่างห้องทำงานและสงบพอสมควร

เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่า หน้าจอโทรโทรศัพท์ซึ่งติดฟิล์มกระจกไว้แตก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันกังวลในตอนนี้ รูปที่ถูกส่งเข้ามือถือและเพื่อนร่วมงานอาจจะเห็นจากหน้าจอนั้นต่างหากที่น่าเป็นห่วง เพราะมันบอกได้ชัดเกินไปว่าเป็นฉันกำลังอยู่ในสถานที่บันเทิงที่ไหนสักแห่งและมีใครอีกคนที่เห็นแค่เพียงใบหน้าครึ่งซีกครึ่งแนบอยู่กับใบหน้าของฉัน

โชคดีที่ในห้องน้ำไม่มีคนไม่อย่างนั้นพวกเขาคงเห็นว่ามือของฉันกำลังสั่น

ไม่แน่ใจว่าปรเมศถ่ายรูปพวกนั้นตอนไหน แต่ดูจากท่าทางแล้ว...มันคงเป็นผับสักแห่งที่เรานัดไปฟังเพลงด้วยกัน ชุดทำงานถูกปลดกระดุมออกอย่างน้อย 2 เม็ด เผยให้เห็นลูกไม้สีดำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบรา

ดูเซ็กซี่ และไม่ใช่ ดร. นลิน ในวันทำงานเอาเสียเลย

ฉันกดไล่หาเบอร์ของคนที่ส่งรูปเข้ามาแล้วกดสายโทรกลับไป 

"ต้องการอะไร" ถามด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น ทันทีที่อีกฝ่ายรับสายโดยไม่ได้แนะนำตัวเองว่าเป็นใคร

"ต้องการคุย อยากเจอ" เขาตอบสั้นๆ เช่นกัน

"ทำไมจะต้องเจอ" ฉันถาม "แล้วไปถ่ายรูปนี้ตอนไหนทำไมพี่ไม่รู้"

"พี่คงเมามั้งครับ" เสียงปลายสายกลั้วหัวเราะหึหึ "ผมไม่อยากบอกเลยว่า รูปที่ส่งให้วันนี้เป็นรูปที่พอจะเปิดเผยได้เท่านั้น ผมยังมีรูปอยู่ในมือถืออีกหลายรูปเลยล่ะ...รู้ไหม"

"เมศทำอย่างนี้ต้องการอะไรพี่ไม่เข้าใจ" ฉันขึ้นเสียงสูง แล้วก็รีบลดเสียงลงอย่างรวดเร็ว

"เดี๋ยวพี่ก็รู้ครับว่าผมต้องการอะไร แล้วอย่าคิดนะว่าเจ้าเหนือมันจะช่วยอะไรพี่ได้ มันก็อาจจะเหมือนผมนั่นแหละ เห็นอะไรใกล้มือหน่อยก็หยิบฉวยเอา ของอะไรได้มาง่ายๆ มันก็เบื่อง่ายเชื่อผมเถอะ"

ฉันกลืนน้ำลาย...ภาพที่ตัวเองตื่นขึ้นมาบนเตียงกลางดึก

มันจะมีภาพอย่างนี้อีกสักกี่ภาพ

จังหวะเดียวกันนั้นมีเสียงเปิดประตูห้องน้ำเข้ามา

"แค่นี้ก่อนนะเอาไว้คุยกัน"

"เมื่อไหร่ดีล่ะครับ ผมไม่ชอบรออะไรนาน อีกไม่กี่วันก็จะตัดสินประกวดแล้ว พี่คงไม่อยากให้ข่าวนี้ออกไปถึงหูกรรมการคนอื่นใช่ไหมครับ"

ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นลงตาตุ่ม...พูดอะไรไม่ได้เนื่องจากยังมีอีกคนซึ่งกำลังล้างมืออยู่ในห้องน้ำ รีบกดตัดสายแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ

...เวลาที่เหลือทั้งวันฉันทำงานไม่ปกติสุขเลย

ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วปรเมศต้องการอะไรกันแน่

ไม่ว่าจะเป็นรูปที่เราถ่ายคู่กันตอนไปกินข้าว รูปที่อยู่ที่ร้านกาแฟ รูปที่เขาเดินตามฉันในซอยเล็กๆ ก่อนขึ้นคอนโด ช่วงนั้นฉันมองทุกอย่างสวยงามไปหมด เห็นเขายกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายบ้างเป็นบางครั้ง ก็เห็นแต่เป็นการถ่ายอาหารแก้วกาแฟ เท่านั้นเอง

ไม่รู้ว่าเมศต้องการขู่เพราะโกรธเรื่องของฉันกับเหมันต์ หรือเขาต้องการอย่างอื่น เช่นเงิน...ถ้าเป็นเรื่องหลัง ไม่มากนักก็พอไหวจ่ายแล้วจบ ก็อาจจะดีที่สุด

ถือว่าเป็นการจ่ายค่าไม่ระมัดระวังตัวเองของฉันก็แล้วกัน

ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่เคยคิดและไม่เคยเอะใจแม้แต่นิดเดียวว่าทุกเวลาที่ฉันอยู่กับเด็กหนุ่มหน้าตาดีอัธยาศัยดี ขี้อ้อนคนนั้น เขาได้เก็บข้อมูลทุกอย่างของความสัมพันธ์ของเราไว้รวมถึงข้อมูลแชททางไลน์ที่บางครั้งก็มีข้อความชวนวาบหวามซ่อนอยู่ด้วย

ฉันจะทำยังไงดีนะ...จะทำยังไงดี

จินตนาการในหัวเห็นข้อมูลเหล่านี้ถึงมือเจ้านาย ผ่านตาผู้ร่วมงาน แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น

เจ้านายกำลังเลือกคนที่จะไปรับงานใหม่ที่มีความท้าทายมากกว่าเดิม ซึ่งฉันเป็นหนึ่งในคนที่ท่านมองว่าอยากให้ทำโครงการนี้ ถ้าข้อมูลพวกนี้รั่วไหลออกไป คงไม่มีหวังกับเรื่องเหล่านั้นแน่ๆ

ที่สำคัญจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ฉันจะมาทำงานได้อย่างไร ผู้บริหารอุตสาห์ไว้ใจส่งให้ไปทำงานนอกออฟฟิศในนามของบริษัทแต่กลับไปทำเรื่องเกิดขึ้นจนได้

แถมมันไม่ใช่เรื่องธรรมดาธรรมดาเสียด้วย เจ้านายคงรับไม่ได้ที่รู้ว่าฉันไม่มีเรื่องชู้สาวกับเด็กรุ่นน้องแบบนั้น

ยิ่งคิดยิ่งวุ่นวายแทบจะทำงานที่ค้างอยู่ในช่วงบ่ายไม่ได้ ร้อนใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี

...ผมรออยู่ที่ร้านกาแฟหน้าออฟฟิศเจอกันวันนี้ 5:30 น...

ข้อความจากผู้ชายที่ส่งรูปส่วนตัวของฉันมาให้นั่นแหละ มันเหมือนคำสั่ง มากกว่าคำชักชวน

'ไม่' ฉันตอบสวนกลับไปทันที บอกตัวเองว่าไม่ควรจะยอมเขาง่ายๆ ถ้ายอมครั้งที่หนึ่ง ก็ต้องยอมในครั้งต่อไปอยู่เรื่อยๆ

'แน่ใจนะว่าจะไม่มา คุณยอมรับความเสียหายของเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้จริงๆ หรือ'

'....'

'ผมไม่ได้ขู่ แต่จะทำจริงๆ'

ฉันเงียบไปหลายนาที 

'จะให้ผมส่งรูปไปที่อีเมลแผนกรับลูกค้าของบริษัทคุณไหม'

'อย่า' ฉันตอบ

'ถ้าอย่างนั้น... รู้นะว่าต้องไปที่ไหน เย็นนี้' ข้อความนั้นตอบ

ฉันกดตอบว่า 'OK'

ฉันเคยมีความสุขทุกครั้งที่ออกไปแอบไปพบปรเมศ...แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ มันเป็นการนับถอยหลังไปสู่เวลาแห่งความทุกข์

เลิกงาน...ห้าโมงกว่านิดๆ ฉันเก็บของ เดินไปทำธุระในห้องน้ำและลงลิฟต์มาพร้อมผู้ร่วมงาน 2-3 คน โดยปกติแล้วออฟฟิศของฉันจะไม่ค่อยมีคนกลับตรงเวลานัก ส่วนใหญ่จะอยู่เคลียร์งานต่างๆ ประจำวันให้เสร็จ คนที่ลงลิฟต์กับฉันจึงทำหน้าแปลกใจ

"วันนี้มีธุระค่ะ"

ทั้งๆ ที่จริงๆ ไม่ต้องบอกก็ได้แต่ก็เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี หรือบางทีอาจจะเพราะว่ากลัวอีกฝ่ายสงสัยว่าฉันจะลงไปทำอะไร

ฉันเดินตรงจากตึกสำนักงานของตัวเองไปอีก 2 ตึกซึ่งเป็นร้านกาแฟ ที่เคยนัดเจอกับปรเมศครั้งสองครั้งก่อนเราไปหาที่เงียบๆ คุยกันที่อื่น มันเป็นเวลาก่อนเวลานัดแต่เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษานั่งรออยู่แล้ว

ฉันลากเก้าอี้แล้วนั่งลงตรงข้าม

เด็กหนุ่มคนนี้เคยเป็นคนมีนิสัยน่ารัก ช่างเอาอกเอาใจ มีความสุขสดใส น่าเอ็นดูไปเสียทุกอย่าง แต่วันนี้ฉันนั่งมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

แววตาขี้เล่นของเด็กหนุ่มกลายเป็นความโกรธกรุ่นอยู่ภายใน และใบหน้านั้นก็ดูเหมือนจะมีความเจ้าเล่ห์อยู่มากทีเดียว เขามองตอบ และคลี่ยิ้มอย่างเป็นต่อ

"เรียกพี่ออกมาทำไม" ถามโดยพยายามทำเสียงให้นิ่งมากที่สุด แต่มันก็ทำได้ง่ายๆ เลย

"ผมแค่อยากคุยกับพี่เหมือนที่เราเคยคุยกันบ่อยๆ ไม่ได้หรือยังไงครับ" ปรเมศถามกลับยิ้มเยาะ "หรือว่าตอนนี้พี่มีเวลาให้เจ้าเหนือจนไม่มีเวลาให้ผมแล้ว"

"เพื่อนของเมศไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ เมศเข้าใจผิด" ฉันตอบ "พี่ไม่ได้มีอะไรกับนายเหนือ จริงๆ นะ วันนั้น..."

"จะให้ผมเชื่ออย่างนั้นรึ" เขาแค่นยิ้ม "ผมรู้ว่าเจ้าเหนือมันคอยจะจ้องพี่อยู่มาตั้งนานแล้ว ...มันคงโกรธที่ผม..." ปรเมศหยุดไว้แค่นั้นไม่ได้พูดอะไรต่อ

"วันนี้ผมอยากกินอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ สักมื้อพี่พาผมไปเลี้ยงได้ไหม" เด็กหนุ่มถาม

"พี่ไม่หิว ไม่มีอารมณ์อะไรทั้งนั้น อยากจะมาตกลงกับเราเรื่องรูปทั้งหมด บอกมาว่าพี่ต้องทำยังไงเราถึงจะลบรูปพวกนั้นทิ้ง เมศถ่ายรูปพวกนั้นโดยที่พี่ไม่ยินยอมนะ พี่จะเอาเรื่องกับเมศก็ได้"

"พี่จะเอาเรื่องกับผมยังไงครับ" เขาถามกลับมาหน้าตายียวนนิดๆ "แจ้งตำรวจหรือไง ว่าถ่ายรูปกับคนที่มีอะไรด้วยแบบไม่รู้ตัว"

"เรายังไม่มีอะไรกันนะ" ฉันขึ้นเสียงดัง

"ก็ ไม่รู้สินะ มันก็แล้วแต่คนจะคิดไป รูปแบบนี้ คนดูจะคิดแบบไหน อันนี้ผมก็ช่วยไม่ได้"

"เมศ!" ฉันเผลอตะโกนเสียงดังและพบว่าคนในร้านต่างหันมามองที่เราเป็นจุดเดียว

ปรเมศลุกขึ้น ก้มตัวลงกระซิบใกล้หูของฉัน "ผมอยากกินอาหารญี่ปุ่นพี่เลี้ยงผมสักมื้อได้ไหม"

ฉันกัดริมฝีปาก บอกตัวเอง ถามกับตัวเองว่าจะต้องถูกบังคับแบบนี้อีกกี่ครั้ง แล้วก็ตอบไม่ได้เลย

"แค่กินอาหารญี่ปุ่นเท่านั้นนะ"

"ก็ไม่รู้สิครับ...อย่างอื่นผมยังไม่ได้คิด แล้วเราค่อยไปคุยกันตอนกินอาหารก็ได้ วันนี้ผมมีเวลาอีกทั้งคืน"

พูดจบเด็กหนุ่มก็เดินออกจากร้าน ปล่อยให้ฉันซึ่งไม่รู้จะทำอะไร ก่อนนั้นเดินตามเขาออกไป

กำลังจะออกจากร้าน โทรศัพท์อีกสายหนึ่งเข้า เบอร์ไม่คุ้นเคย ฉันกดรับ ปล่อยให้ปรเมศยืนรออยู่หน้าร้าน

"สวัสดี วันนี้พี่อยู่ที่ไหน"

เสียงปลายสายไม่ได้แนะนำตัว...แต่ฉันรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

ความรู้สึกแรกคือเหมือนหัวใจตกลงไปที่ปลายเท้า...อีกคนแล้วหรือ

"โทรมาทำไม" ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท

"ผม..."

"อยากได้อะไรอีกล่ะ ถ่ายรูปไว้และอยากได้เงินอีกหรือไง หรือว่า...จะให้ทำอะไรให้" ฉันถามกลับไปอย่างกราดเกรี้ยว  "อยากได้อะไรก็ว่ามาต้องทำยังไงจะเลิกราวีกันก็ส่งข้อความมาก็แล้วกัน ทำให้ได้ก็จะทำให้ แต่บอกไว้ก่อนนะ ความอดทนของพี่จำกัด อย่าให้พี่ซัดพวกเรากลับบ้างก็แล้วกัน" ฉันกดวางสายอย่างหงุดหงิดเต็มที พลาดทีเดียวสองครั้ง มันเกินจะรับไหวจริงๆ 

จังหวะที่ฉันเดินออกจากร้านไปหาปรเมศนั้นเองเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ชั้นเดียวกับฉันเดินสวนเพื่อจะเข้าร้าน เธอไม่ได้ทักแต่ยิ้มให้และมองเลยไปที่ปรเมศอย่างสนใจใคร่รู้

...ทำไมวันนี้มันโชคร้ายซ้ำซากอย่างนี้นะ...

แล้ว...ฉันจะจัดการเรื่องพวกนี้อย่างไรดี

คิดไม่ออก สมองตื้อไปหมด



สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2563, 16:49:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2563, 16:50:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 604





<< 8: จำไว้ว่าผมชื่อเหมันต์   10: เมศขอพี่มากไป >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account