ร้อยเล่ห์...นายเหมันต์
เขียนนิยายรักแนวหวานมาหลายเรื่อง อยากลองแนวอิโรติกดูบ้าง มาดูกันว่าจะได้แค่ไหน
Tags: สิรินดา, รักเล่ห์, นิยายรัก
ตอน: 12: หมดเวลาแล้ว!
สิบเอ็ดโมงครึ่ง หลังจากตรวจข้อมูลที่ทำให้เรียบร้อยอีกรอบก่อนจะคลิกอีเมลส่งงานไปให้เจ้านาย โชคดีที่มีข้อมูลอยู่บ้างแล้วทำให้ไม่ต้องใช้เวลามากกว่าที่คิด
"เรียบร้อยแล้วไข่ไหมพี่" เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ช่วยทำข้อมูลกันตั้งแต่เช้าเอ่ยถามพลางลุกขึ้น "คือ เที่ยงนี้ผมมีนัด จะออกเร็วหน่อยได้ไหม เจ้านายจะตามข้อมูลอีกไหมพี่"
"ไม่น่าจะนะ ไม่เป็นไรหรอกลงไปเถอะ พี่มีงานค้างอีกนิดหน่อย ว่าจะลงไปหลังเที่ยง ถ้าเจ้านายโทรมาเอาอะไรอีกเดี๋ยวพี่จัดการให้"
"ขอบคุณครับ" เด็กหนุ่มยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะกุลีกุจอเก็บของและเดินหายไปอย่างรวดเร็ว
...สงสัยจะนัดแฟน...
ฉันพลิกข้อมือ ดูนาฬิกาอีกรอบ
เหลืออีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ยังมีเวลาส่งข้อมูลให้ปรเมศ เอกสารมีรายละเอียดทั้งชื่อทีม ข้อมูลผลงาน ความก้าวหน้า และสรุปคะแนน ทำให้รวมกันมีถึงสี่หน้า...อาจจะต้องไปสแกนเอกสารก่อน
จังหวะที่ลุกขึ้น ประตูห้องทำงานก็เปิดออก พี่กัญญาพนักงานอาวุโสซึ่งอยู่แผนกติดกันเปิดประตูเข้ามา
"ลิน มีคนมาหาแน่ะ เดินเข้าไปผิดฝ่าย พี่เลยเดินมาส่งให้" เธอพูดพร้อมกับเปิดประตูออกกว้าง
ฉันแทบหยุดหายใจ
อย่าบอกนะว่า...ปรเมศมาถึงที่...เขาไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่แผนกไหน ชั้นไหน ไม่มีทาง...
เด็กหนุ่มร่างสูงผิวเข้มในชุดพนักงานของบริษัทที่เขาทำงานอยู่เดินผ่านประตูเข้ามา เราสบตากัน...ฉันอ้าปากจะทัก แต่สายตาเข้มๆ นั่นบอกว่าอย่าเชียวนะ
"คุณนลินใช่ไหมครับ"
"ค่ะ"
"มีของมาส่งครับ รบกวนรับของแล้วเซ็นต์รับด้วยนะครับ"
ในมือของเขามีโหลแก้วขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางซักแปดนิ้วข้างในมีต้นไม้ขนาดจิ๋วจัดตกแต่งอย่างสวยงามลงตัว มันเป็นสวนโหลแก้วประดับโต๊ะทำงานที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าราคาไม่น้อย
"เอามาวางไว้ที่นี่เลยค่ะ" ฉันชี้มือไปที่ชั้นวางเอกสารขนาดเล็กข้างโต๊ะทำงาน รีบรวบกองเอกสารที่วางอยู่บนนั้นออกมาวางที่โต๊ะแทน
พี่กัญญาเดินตามคนส่งของเข้ามาด้วย เธอชะโงกหน้ามายังสวนในโหลแก้วนั้นอย่างสนใจ "ใครส่งมาให้น้า สวยจัง" เสียงคนนำทางเอ่ยขึ้นลอยๆ
"อ้อ ผมลืมไปรับ มีการ์ด" คนส่งของหยิบซองกระดาษสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็กสีเขียวอ่อนออกมาจากกระเป๋าเป้ ส่งให้ฉันพร้อมกับชาร์ตที่ดูเหมือนเป็นเอกสารลงชื่อรับของ
'เรื่องสำคัญมาก เราต้องคุยกัน' บนกระดาษเขียนสั้นๆ แบบนั้น ไม่ลงชื่อ ไม่ใช่ลายมือของปรเมศ ฉ้นเงยหน้ามองอีกฝ่าย เขาจ้องเขม็งมาที่ฉันอยู่แล้ว
"ไม่เปิดอ่านหน่อยเหรอ ว่าใครส่งมาน่ะ"
"ก็..." ฉันทำเป็นก้มหน้า "บอกไม่ได้ค่ะความลับ" ตอบไปแบบให้คนฟังคิดเอาเอง "อ้อ คุณอย่าเพิ่งกลับนะ รอแป๊บ ฉันมีเอกสารจะให้คุณส่งไปให้คนที่ส่งของมาให้เหมือนกัน นั่งรอที่โต๊ะตัวนั้นก่อนได้ไหมสักสิบนาที
"งั้นพี่ไปก่อนนะ" พี่กัญญาเห็นว่าฉันก้มลงไปค้นของในลิ้นชัก จึงผละออกจากโต๊ะก่อนจะปิดประตูกลับออกไป ปล่อยให้ฉันอยู่ในห้องกับคนส่งของสองต่อสอง
....สิบโมงสี่สิบห้านาที...
"มาทำไม มีธุระอะไร หรือปรเมศให้มา"
"พูดเหมือนคุณคิดว่าผมอยู่ข้างเดียวกันกับมัน"
"...."
"มันให้พี่ส่งอะไรให้" คนพูดกอดอกยืนพิงโต๊ะทำงานใกล้ๆ
"ก็น่าจะรู้กันแล้วไม่ใช่รึ"
"บอกแล้วว่าผมไม่ใช่พวกมัน" เขาตอบ น้ำเสียงจริงจัง "หรือคุณคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนของผม กับ...เจ้านั่น"
"เรื่องมันทำให้คิดไปอย่างนั้นไม่ใช่รึ"
เหมันต์ส่ายหน้า
"ถ้าเป็นแผนของผม คงไม่ทำอะไรมักง่าย เลวๆ แบบนี้หรอก"
แล้วที่หาผลประโยชน์จากความเมาของฉันนั่นมันไม่ได้เรียกว่าเลวหรือไง ฉันคิด สูดหายใจเข้าปอดลึก ณ เวลานี้ไม่รู้จะเชื่อใครอีกต่อไปแล้ว
"ผมโทรหาคุณหลายครั้ง โทรเข้าคอนโดด้วย ทำไมไม่รับ"
น้ำเสียง แววตา ดูเหมือนจะเป็นห่วง
ฉันยักไหล่ บอกตัวเองว่าจะไม่เชื่อใจใครอีกแล้ว
"ฉันไม่อยากรับสายคนแปลกหน้า" เบอร์แปลกๆ นั่นเป็นเบอร์ของคนตรงหน้าสินะ ฉันคิดว่าปรเมศใช้มือถือเบอร์อื่นโทรมาป่วนเสียอีก
"บอกมา ว่ามันขู่อะไรคุณ มีอะไรให้ผมช่วยได้บ้าง" คนตรงหน้าขยับมายืนชิดโต๊ะ "อย่าให้เรื่องมันสายเกินไปจนช่วยอะไรกันไม่ได้" คนพูดเอามือกอดอก หน้าตาจริงจังกว่าครั้งที่ไหนๆ ที่ฉันเคยเห็น
เมื่อยืนใกล้กันแบบนี้ ฉันรู้สึกได้เลยว่าเหมันต์ตัวสูงกว่าที่คิด และร่างของเขาไม่ได้บอบบางแบบปรเมศ มันทำให้เขาดูน่าเกรงขามกว่าอีกคนมาก
"จะบอก หรือให้ผมเค้นเอาจากตัวคุณเอง" ก้าวเดียว ชายหนุ่มก็ถึงตัว เขาจับแขนทั้งสองข้างของฉันเขย่า "อยากให้เพื่อนร่วมงานของคุณแห่กันมาเห็นหรือไง"
"ปละ ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ"
"และคุณจะเจ็บกว่านี้ ถ้าไม่บอกทุกอย่างกับผมมา เดี๋ยวนี้! ผมช่วยคุณได้นะ ถ้าคุณจะให้ช่วย"
ช่วย...งั้นหรือ
"ทำไมนายจะต้องช่วยฉัน นายมันพวกเดียวกัน ทีมเดียวกัน ได้ผลคะแนนไป นายก็จะได้เตรียมตัวแก้ไข เพื่อให้ชนะ!"
"มันจะเอาคะแนน?"
ฉันพยักหน้า พยายามดิ้นออกจากอุ้งมือที่แข็งเป็นคีมเหล็กนั่น สงสัยจะทำงานพิเศษที่ออกกลางแจ้งมากไป เขาจึงดูแข็งแรง บึกบึนมากกว่านักศึกษามหาวิทยาลัย หรือเด็กหนุ่มทั่วไป
เสียงข้อความเข้าติดกันสามครั้งจากโทรศัพท์ที่วางไว้หน้าคอมพิวเตอร์ คนที่กำลังดึงฉันเข้าหาตัวชะงัก ฉันเองก็หันไปมองมือถือ และมองนาฬิกาติดผนัง
"ไม่มีเวลาแล้ว ปล่อยฉันนะ"
แทนที่จะปล่อย เหมันต์จับแขนข้างหนึ่งของฉันไว้ และเอามืออีกข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ถึงแม้หน้าจอจะล็อกอยู่ แต่ข้อความจาก LINE ก็อ่านได้
"ไอ้เมศ" เหมันต์ขบฟัน "นิสัยไม่เคยเปลี่ยน" เสียงคำราม ก่อนจะส่งมือถือมาให้ฉัน "ปลดล็อกให้ที ผมต้องอ่านทั้งหมดที่มันส่งมา"
"แต่ว่า...."
เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่แล้ว
"ปลดล็อก เดี๋ยวนี้!"
"ก็ปล่อยก่อนสิ"
ฉันดึงแขนออกจากมืออีกฝ่าย ปลดล็อกโทรศัพท์แล้วส่งให้ เหมันต์เปิดอ่านข้อความอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขากราดเกรี้ยว และเห็นได้ชัดว่ากำลังขบฟันเข้าหากัน ริมฝีปากเม้มแน่น
"เลว..." มีเพียงคำพูดสั้นๆ ออกมาจากปาก
"ขอโทรศัพท์คืนเถอะ ฉันต้องส่งข้อมูลให้เมศ ไม่เช่นนั้น..."
"ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ผมจัดการเอง" อีกฝ่ายส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้ ก่อนจะหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา
"จะทำอะไรก็รีบทำนะ เพื่อนร่วมงานของฉันไปธุระชั้นล่าง น่าจะกลับมาในอีกสักสิบนาที
เหมันต์พยักหน้า แล้วกรอกเสียงเบาๆ คุยกับปลายสายอีกด้าน
"เอ้ด จำเรื่องที่ฉันเคยขอให้ช่วยได้ไหม ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วล่ะ นายอยู่หน้าคอมพ์หรือเปล่า จัดการได้เลย ด่วนด้วยนะ มีเวลาห้านาที อะไรนะ นายต้องใช้เวลามากกว่านั้น"
เหมันต์หันมาหาฉัน "ถ้าอย่างนั้น นายต้องทำแผนสองไปก่อน ใช่ แบบที่คุยกันไว้ นายมีข้อมูลอยู่แล้วนี่"
ชายหนุ่มวางสายแรก แล้วก็กดสายที่สอง "เก้...ฉันมีเรื่องให้นายช่วย วันนี้นายเจอปรเมศไหม มันมาเรียนไหม..." เหมันต์คุยกับเพื่อนอีกสองนาที แล้วก็วางสาย
"นายจะทำอะไร"
"จัดการเรื่องนี้ให้คุณไง" เขาตอบ
จังหวะเดียวกับที่เพื่อนร่วมงานอีกคนเดินเข้ามา เธอชะงักเมื่อเห็นเด็กส่งของตัวสูงยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของฉัน
"น้องเขามาส่งของให้น่ะ...น้อง ลงไปข้างล่างกับพี่หน่อยได้ไหม พี่มีอะไรจะให้ช่วยทำอีกนิดหน่อย รอพี่เก็บของแป๊บ" ฉันหยิบกระดาษผลคะแนน กระเป๋าเงินและมือถือ "อร เราไปธุระแป๊บนึงนะ แล้วจะเลยไปกินข้าวกลางวัน กลับมาบ่ายเลย ถ้าเจ้านายโทรมาบอกให้โทรเข้ามือถือนะ หรืออรโทรไปบอกเราก็ได้"
เพื่อนร่วมงานพยักหน้า ไม่ได้แสดงอาการว่าสงสัยอะไร ส่วนฉัน ได้ของแล้ว ก็เดินนำเหมันต์ออกมานอกห้อง ตรงไปที่ลิฟต์ทันที
นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาสิบเอ็ดโมงสามนาที...หมดเวลาแล้ว!
"เรียบร้อยแล้วไข่ไหมพี่" เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ช่วยทำข้อมูลกันตั้งแต่เช้าเอ่ยถามพลางลุกขึ้น "คือ เที่ยงนี้ผมมีนัด จะออกเร็วหน่อยได้ไหม เจ้านายจะตามข้อมูลอีกไหมพี่"
"ไม่น่าจะนะ ไม่เป็นไรหรอกลงไปเถอะ พี่มีงานค้างอีกนิดหน่อย ว่าจะลงไปหลังเที่ยง ถ้าเจ้านายโทรมาเอาอะไรอีกเดี๋ยวพี่จัดการให้"
"ขอบคุณครับ" เด็กหนุ่มยิ้มอย่างยินดี ก่อนจะกุลีกุจอเก็บของและเดินหายไปอย่างรวดเร็ว
...สงสัยจะนัดแฟน...
ฉันพลิกข้อมือ ดูนาฬิกาอีกรอบ
เหลืออีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ยังมีเวลาส่งข้อมูลให้ปรเมศ เอกสารมีรายละเอียดทั้งชื่อทีม ข้อมูลผลงาน ความก้าวหน้า และสรุปคะแนน ทำให้รวมกันมีถึงสี่หน้า...อาจจะต้องไปสแกนเอกสารก่อน
จังหวะที่ลุกขึ้น ประตูห้องทำงานก็เปิดออก พี่กัญญาพนักงานอาวุโสซึ่งอยู่แผนกติดกันเปิดประตูเข้ามา
"ลิน มีคนมาหาแน่ะ เดินเข้าไปผิดฝ่าย พี่เลยเดินมาส่งให้" เธอพูดพร้อมกับเปิดประตูออกกว้าง
ฉันแทบหยุดหายใจ
อย่าบอกนะว่า...ปรเมศมาถึงที่...เขาไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่แผนกไหน ชั้นไหน ไม่มีทาง...
เด็กหนุ่มร่างสูงผิวเข้มในชุดพนักงานของบริษัทที่เขาทำงานอยู่เดินผ่านประตูเข้ามา เราสบตากัน...ฉันอ้าปากจะทัก แต่สายตาเข้มๆ นั่นบอกว่าอย่าเชียวนะ
"คุณนลินใช่ไหมครับ"
"ค่ะ"
"มีของมาส่งครับ รบกวนรับของแล้วเซ็นต์รับด้วยนะครับ"
ในมือของเขามีโหลแก้วขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางซักแปดนิ้วข้างในมีต้นไม้ขนาดจิ๋วจัดตกแต่งอย่างสวยงามลงตัว มันเป็นสวนโหลแก้วประดับโต๊ะทำงานที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าราคาไม่น้อย
"เอามาวางไว้ที่นี่เลยค่ะ" ฉันชี้มือไปที่ชั้นวางเอกสารขนาดเล็กข้างโต๊ะทำงาน รีบรวบกองเอกสารที่วางอยู่บนนั้นออกมาวางที่โต๊ะแทน
พี่กัญญาเดินตามคนส่งของเข้ามาด้วย เธอชะโงกหน้ามายังสวนในโหลแก้วนั้นอย่างสนใจ "ใครส่งมาให้น้า สวยจัง" เสียงคนนำทางเอ่ยขึ้นลอยๆ
"อ้อ ผมลืมไปรับ มีการ์ด" คนส่งของหยิบซองกระดาษสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็กสีเขียวอ่อนออกมาจากกระเป๋าเป้ ส่งให้ฉันพร้อมกับชาร์ตที่ดูเหมือนเป็นเอกสารลงชื่อรับของ
'เรื่องสำคัญมาก เราต้องคุยกัน' บนกระดาษเขียนสั้นๆ แบบนั้น ไม่ลงชื่อ ไม่ใช่ลายมือของปรเมศ ฉ้นเงยหน้ามองอีกฝ่าย เขาจ้องเขม็งมาที่ฉันอยู่แล้ว
"ไม่เปิดอ่านหน่อยเหรอ ว่าใครส่งมาน่ะ"
"ก็..." ฉันทำเป็นก้มหน้า "บอกไม่ได้ค่ะความลับ" ตอบไปแบบให้คนฟังคิดเอาเอง "อ้อ คุณอย่าเพิ่งกลับนะ รอแป๊บ ฉันมีเอกสารจะให้คุณส่งไปให้คนที่ส่งของมาให้เหมือนกัน นั่งรอที่โต๊ะตัวนั้นก่อนได้ไหมสักสิบนาที
"งั้นพี่ไปก่อนนะ" พี่กัญญาเห็นว่าฉันก้มลงไปค้นของในลิ้นชัก จึงผละออกจากโต๊ะก่อนจะปิดประตูกลับออกไป ปล่อยให้ฉันอยู่ในห้องกับคนส่งของสองต่อสอง
....สิบโมงสี่สิบห้านาที...
"มาทำไม มีธุระอะไร หรือปรเมศให้มา"
"พูดเหมือนคุณคิดว่าผมอยู่ข้างเดียวกันกับมัน"
"...."
"มันให้พี่ส่งอะไรให้" คนพูดกอดอกยืนพิงโต๊ะทำงานใกล้ๆ
"ก็น่าจะรู้กันแล้วไม่ใช่รึ"
"บอกแล้วว่าผมไม่ใช่พวกมัน" เขาตอบ น้ำเสียงจริงจัง "หรือคุณคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนของผม กับ...เจ้านั่น"
"เรื่องมันทำให้คิดไปอย่างนั้นไม่ใช่รึ"
เหมันต์ส่ายหน้า
"ถ้าเป็นแผนของผม คงไม่ทำอะไรมักง่าย เลวๆ แบบนี้หรอก"
แล้วที่หาผลประโยชน์จากความเมาของฉันนั่นมันไม่ได้เรียกว่าเลวหรือไง ฉันคิด สูดหายใจเข้าปอดลึก ณ เวลานี้ไม่รู้จะเชื่อใครอีกต่อไปแล้ว
"ผมโทรหาคุณหลายครั้ง โทรเข้าคอนโดด้วย ทำไมไม่รับ"
น้ำเสียง แววตา ดูเหมือนจะเป็นห่วง
ฉันยักไหล่ บอกตัวเองว่าจะไม่เชื่อใจใครอีกแล้ว
"ฉันไม่อยากรับสายคนแปลกหน้า" เบอร์แปลกๆ นั่นเป็นเบอร์ของคนตรงหน้าสินะ ฉันคิดว่าปรเมศใช้มือถือเบอร์อื่นโทรมาป่วนเสียอีก
"บอกมา ว่ามันขู่อะไรคุณ มีอะไรให้ผมช่วยได้บ้าง" คนตรงหน้าขยับมายืนชิดโต๊ะ "อย่าให้เรื่องมันสายเกินไปจนช่วยอะไรกันไม่ได้" คนพูดเอามือกอดอก หน้าตาจริงจังกว่าครั้งที่ไหนๆ ที่ฉันเคยเห็น
เมื่อยืนใกล้กันแบบนี้ ฉันรู้สึกได้เลยว่าเหมันต์ตัวสูงกว่าที่คิด และร่างของเขาไม่ได้บอบบางแบบปรเมศ มันทำให้เขาดูน่าเกรงขามกว่าอีกคนมาก
"จะบอก หรือให้ผมเค้นเอาจากตัวคุณเอง" ก้าวเดียว ชายหนุ่มก็ถึงตัว เขาจับแขนทั้งสองข้างของฉันเขย่า "อยากให้เพื่อนร่วมงานของคุณแห่กันมาเห็นหรือไง"
"ปละ ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ"
"และคุณจะเจ็บกว่านี้ ถ้าไม่บอกทุกอย่างกับผมมา เดี๋ยวนี้! ผมช่วยคุณได้นะ ถ้าคุณจะให้ช่วย"
ช่วย...งั้นหรือ
"ทำไมนายจะต้องช่วยฉัน นายมันพวกเดียวกัน ทีมเดียวกัน ได้ผลคะแนนไป นายก็จะได้เตรียมตัวแก้ไข เพื่อให้ชนะ!"
"มันจะเอาคะแนน?"
ฉันพยักหน้า พยายามดิ้นออกจากอุ้งมือที่แข็งเป็นคีมเหล็กนั่น สงสัยจะทำงานพิเศษที่ออกกลางแจ้งมากไป เขาจึงดูแข็งแรง บึกบึนมากกว่านักศึกษามหาวิทยาลัย หรือเด็กหนุ่มทั่วไป
เสียงข้อความเข้าติดกันสามครั้งจากโทรศัพท์ที่วางไว้หน้าคอมพิวเตอร์ คนที่กำลังดึงฉันเข้าหาตัวชะงัก ฉันเองก็หันไปมองมือถือ และมองนาฬิกาติดผนัง
"ไม่มีเวลาแล้ว ปล่อยฉันนะ"
แทนที่จะปล่อย เหมันต์จับแขนข้างหนึ่งของฉันไว้ และเอามืออีกข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ถึงแม้หน้าจอจะล็อกอยู่ แต่ข้อความจาก LINE ก็อ่านได้
"ไอ้เมศ" เหมันต์ขบฟัน "นิสัยไม่เคยเปลี่ยน" เสียงคำราม ก่อนจะส่งมือถือมาให้ฉัน "ปลดล็อกให้ที ผมต้องอ่านทั้งหมดที่มันส่งมา"
"แต่ว่า...."
เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่แล้ว
"ปลดล็อก เดี๋ยวนี้!"
"ก็ปล่อยก่อนสิ"
ฉันดึงแขนออกจากมืออีกฝ่าย ปลดล็อกโทรศัพท์แล้วส่งให้ เหมันต์เปิดอ่านข้อความอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขากราดเกรี้ยว และเห็นได้ชัดว่ากำลังขบฟันเข้าหากัน ริมฝีปากเม้มแน่น
"เลว..." มีเพียงคำพูดสั้นๆ ออกมาจากปาก
"ขอโทรศัพท์คืนเถอะ ฉันต้องส่งข้อมูลให้เมศ ไม่เช่นนั้น..."
"ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ผมจัดการเอง" อีกฝ่ายส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้ ก่อนจะหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา
"จะทำอะไรก็รีบทำนะ เพื่อนร่วมงานของฉันไปธุระชั้นล่าง น่าจะกลับมาในอีกสักสิบนาที
เหมันต์พยักหน้า แล้วกรอกเสียงเบาๆ คุยกับปลายสายอีกด้าน
"เอ้ด จำเรื่องที่ฉันเคยขอให้ช่วยได้ไหม ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วล่ะ นายอยู่หน้าคอมพ์หรือเปล่า จัดการได้เลย ด่วนด้วยนะ มีเวลาห้านาที อะไรนะ นายต้องใช้เวลามากกว่านั้น"
เหมันต์หันมาหาฉัน "ถ้าอย่างนั้น นายต้องทำแผนสองไปก่อน ใช่ แบบที่คุยกันไว้ นายมีข้อมูลอยู่แล้วนี่"
ชายหนุ่มวางสายแรก แล้วก็กดสายที่สอง "เก้...ฉันมีเรื่องให้นายช่วย วันนี้นายเจอปรเมศไหม มันมาเรียนไหม..." เหมันต์คุยกับเพื่อนอีกสองนาที แล้วก็วางสาย
"นายจะทำอะไร"
"จัดการเรื่องนี้ให้คุณไง" เขาตอบ
จังหวะเดียวกับที่เพื่อนร่วมงานอีกคนเดินเข้ามา เธอชะงักเมื่อเห็นเด็กส่งของตัวสูงยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของฉัน
"น้องเขามาส่งของให้น่ะ...น้อง ลงไปข้างล่างกับพี่หน่อยได้ไหม พี่มีอะไรจะให้ช่วยทำอีกนิดหน่อย รอพี่เก็บของแป๊บ" ฉันหยิบกระดาษผลคะแนน กระเป๋าเงินและมือถือ "อร เราไปธุระแป๊บนึงนะ แล้วจะเลยไปกินข้าวกลางวัน กลับมาบ่ายเลย ถ้าเจ้านายโทรมาบอกให้โทรเข้ามือถือนะ หรืออรโทรไปบอกเราก็ได้"
เพื่อนร่วมงานพยักหน้า ไม่ได้แสดงอาการว่าสงสัยอะไร ส่วนฉัน ได้ของแล้ว ก็เดินนำเหมันต์ออกมานอกห้อง ตรงไปที่ลิฟต์ทันที
นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาสิบเอ็ดโมงสามนาที...หมดเวลาแล้ว!
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มิ.ย. 2563, 10:56:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2563, 10:57:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 702
<< 11: วันที่โชคไม่เข้าข้าง | คลี่คลาย? >> |