ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 14 -75%
ภาพจันทน์กะพ้อยืนอยู่หน้าตึกคณะในยามเย็นก่อนที่รถกระบะคันใหม่เอี่ยมจะแล่นเข้ามารับ พร้อมคนขับที่กุลีกุจอวิ่งมาเปิดประตูรถให้หล่อนขึ้นไปนั่งนั้น เริ่มคุ้นตาเพื่อนร่วมงานในวิทยาลัย แต่ภาพที่จันทน์กะพ้อยืนคุยอยู่กับตวงทองผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานและเป็นกันเองนั้นเป็นเรื่องใหม่ยิ่งนัก ศมาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นอาจารย์สาวทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกัน เมื่อเขาเปิดประตูรับหล่อน เสียงหวานของตวงทองยังแว่วมาว่า
“จันทน์ วันหลังตวงขอติดรถไปเที่ยวบ้านสวนด้วยนะ”
“ค่ะ” จันทน์กะพ้อรับคำ หันมายิ้มแห้งๆ ให้สารถีหนุ่มที่ทำตาโตมองมาด้วยความสงสัย
“ไปสนิทกันตอนไหนครับนี่”
“วันนี้อาจารย์ตวงทองมาคุยด้วยค่ะ ก็เลยลงจากตึกมาด้วยกัน”
“เหรอครับ แปลก”
“ทำไมคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” ศมาเอ่ยยิ้มๆ เขาไม่นิยมนินทาใครลับหลัง โดยเฉพาะผู้หญิง จันทน์กะพ้อเองก็เช่นกัน ระหว่างที่ทั้งสองนั่งรถออกมาจากวิทยาลัยจึงพูดคุยกันแต่เรื่องสัพเพเหระจนถึงบ้านโดยแทบไม่รู้ตัว
พ่อคำจันทร์และลุงเกิดสหายรู้ใจคู่ใหม่กำลังง่วนกับการเตรียมท่อนไม้สมุนไพรบนแคร่ ตรีเมฆนั่งกอดอกมองทั้งสองอยู่ที่เก้าอี้เอนนอนที่ช่างเอกไปขนมาจากไหนไม่รู้มาบริการให้หัวหน้า จันทน์กะพ้อที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านมองเขาปราดเดียวก็รู้ว่า เขาไปโรงพยาบาลมาเรียบร้อยแล้ว หล่อนระบายลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก
“ลุงเกิด พ่อคำจันทร์ครับ วันนี้ผมได้เนื้อหมูป่ามาจากคนงานที่แคมป์ แกงป่ากันนะครับเย็นนี้”
“เอาสินายช่าง ลาภปากละ” ลุงเกิดเอ่ย
“เนื้อหมูป่ามาจากไหนวะ” คนที่นั่งหน้าตึงอยู่ถามขึ้น อาการเบื่อข้าวต้มกำลังรุมเร้าเขาอย่างหนัก
“คนงานเขากลับบ้านที่เมืองกาญจน์มา เลยเอามาฝาก เป็นยังไงบ้างวะวันนี้” ศมานั่งลงข้างๆ รินเบียร์เย็นๆ ที่ช่างเอกยกมาให้ให้ตนเอง
“เบื่อ”
“เออ ป่วยก็อย่างนี้แหละวะ อยู่นิ่งๆ เสียบ้าง”
“อืม ขอบใจมากเรื่องของ พรุ่งนี้จะได้เริ่มงานเสียที”
“ไม่เป็นไร ให้ช่างเอกมันคุมไปก่อน ข้าจะวิ่งมาดูเป็นระยะๆ”
“ไม่เป็นไร แค่สั่งงานทำไมจะทำไม่ได้” ตรีเมฆเอ่ยตามองเบียร์เย็นเป็นวุ้นที่เพื่อนยกกระดกดื่มแล้วรู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันที
“เอานี่” พ่อคำจันทร์ยกกาน้ำร้อนควันพวยพุ่งมาตั้งตรงหน้า
“อะไรครับลุง” ศมาเป็นคนถามแทน
“ต้มน้ำใบบัวบก แก้ช้ำใน ป้องกันแผลอักเสบ นี่ไม่ได้ต้มง่ายๆ นะเว้ย ต้มน้ำจากสามแก้ว เคี่ยวไฟอ่อนจนเหลือแก้วเดียวนี่ เอ้า ดื่มเข้าไป”
“ขม เหม็นเขียว” คนที่ถูกบังคับดื่มมาทั้งวันทำหน้าบูดบึ้ง
“หวานเป็นลม ขมเป็นยา เอ็งไม่รู้เรอะ”
“งั้นกินเหล้าแทนได้ไหมครับลุง เหล้าก็ขมเหมือนกัน”
“ไอ้หอกหักเอก รอเอ็งเจ็บก่อนสิวะ ข้าจะเอาเหล้ากรอกปากให้”
“โธ่ลุง ผมพูดเล่น”
ช่างเอกโอดครวญ มองหัวหน้าช่างยกแก้วน้ำใบบัวบกขึ้นกระดกไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วทำหน้าฝืดเฝื่อนด้วยความเห็นอกเห็นใจ
*****************
มื้อค่ำวันนั้น จัดกันบนโต๊ะที่ลานกว้างหน้าบ้านใต้ต้นมะม่วงเย็นสบายเพื่อความสะดวกของคนป่วย ศมากุลีกุจอขึ้นไปช่วยจันทน์กะพ้อยกสำรับทยอยลงมาจากเรือน น่าเอ็นดูจนนางมาลีมองยิ้มๆ ตรีเพชรหอบการบ้านไปทำข้างๆ ลุงยักษ์ของตนเหมือนเดิมจนถึงเวลาอาหารเย็น จึงได้เอาหนังสือไปเก็บแล้วไปล้างไม้ล้างมือมากินข้าว
บนโต๊ะอุดมไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด ตั้งแต่แกงป่าชามใหญ่ของศมาสองชาม ต้มส้มปลา ปลานึ่งผักนานาชนิด ยำหัวปลีไข่ต้มยางมะตูม และผักสดๆ เขียวๆ ล้างสะอาดจัดเรียงไว้เป็นช่อน่ารับประทาน
“ใบบัวบกตามรังควานถึงมื้อค่ำเลยนะหัวหน้า” ช่างเอกเย้า
“เอ็งจะไปรู้อะไร ใบบัวบกนี่ยาดีนัก กินสามเดือนริดสีดวงหาย กินสี่เดือนเลือดลมดี กินครึ่งปีไม่มีเมื่อยขบ โรคร้ายทุเลา”
“อย่าให้ถึงเดือนเลย แค่สองวันก็จะตายแล้ว” ตรีเมฆบ่นงึมงำ มองแก้วน้ำคั้นใบบัวบกสด เขียวสวยมีก้อนน้ำแข็งลอยฟ่องตาขุ่น จันทน์กะพ้อเกือบเผลอหัวเราะออกมา
“จันทน์เหยาะน้ำตาลลงไปนิดนึง น่าจะดื่มง่ายขึ้น ลองชิมดูสิคะ” เสียงหวานใสระรื่นด้วยอารมณ์คนพูด
ศมาเงยหน้าจากจานข้าวมองกิริยาของทั้งสอง ตรีเมฆยกแก้วเครื่องดื่มสีใสขึ้นจิบอย่างว่าง่าย คราเดียวพร่องไปเกือบครึ่งแก้วแล้วก็วางลงแล้วเอื้อมมือไปหมายจะตักแกงป่ากลางโต๊ะ
“อ๊ะๆๆ ไม่ได้นะช่างเมฆ เจ็บป่วยอยู่ห้ามกินของแสลง ของมันของเผ็ดจัด ห้าม” เสียงพ่อคำจันทร์ดังขึ้น ตรีเมฆหดมือกลับแต่ปากยังถาม
“กินยาดีตำรับลุงเยอะขนาดนี้แล้วยังต้องกลัวด้วยเรอะ”
“ของแสลงกินเข้าไปก็ไปต้านการรักษา หายช้า แผลเน่า ต้องนอนซมไปอีกนาน เอาไหมล่ะ”
“แล้วผมกินอะไรได้บ้างนอกจากไอ้หญ้าเขียวๆ นี่” ตรีเมฆขยุ้มใบบัวบกมาใส่จานตนเอง
“ปลานึ่ง ปลาย่าง ผักนึ่งกินได้ น้ำพริกไก่อ่อนนั่น ข้าให้หนูจันทน์ตำมาให้เป็นพิเศษ กินได้”
“น้ำพริกอะไรนะลุง ฮ่าๆๆ” ช่างเอกเปิดปากหัวเราะอย่างลืมรักษามารยาท พานทำให้คนอื่นอดหัวเราะไปด้วยไม่ได้
“น้ำพริกไก่อ่อนไง ใช้พริกอ่อนตำไม่เผ็ด ใส่เกลือ เหยาะซีอิ๊วขาว ใส่เนื้อปลานิดหน่อย กินไปก่อน” พ่อคำจันทร์อธิบายไปก็อมยิ้มไป ทั้งขันทั้งสงสารคนที่ตักน้ำพริกเข้าปากทีละช้อน กินเท่าไรก็ยังไม่ได้รสเผ็ดที่คุ้นลิ้น จนต้องหันไปคาดโทษแม่ครัวด้วยสายตาคมดุวาววับ
สาบานได้ว่าถ้าเขาเห็นหล่อนหัวเราะ
เขาจะอาละวาดเสียเดี๋ยวนี้เลย!
จันทน์กะพ้อแค่ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ทานแบบนี้ไปก่อนนะคะ ไว้หายแล้วจันทน์จะตำน้ำพริกรสจัดๆ ที่คุณเมฆชอบให้ทาน”
ตรีเมฆแสร้งทำหน้าเหนื่อยหน่าย ทั้งที่หัวใจชุ่มฉ่ำเสียจนแทบเผยยิ้มออกมา
“จันทน์ วันหลังตวงขอติดรถไปเที่ยวบ้านสวนด้วยนะ”
“ค่ะ” จันทน์กะพ้อรับคำ หันมายิ้มแห้งๆ ให้สารถีหนุ่มที่ทำตาโตมองมาด้วยความสงสัย
“ไปสนิทกันตอนไหนครับนี่”
“วันนี้อาจารย์ตวงทองมาคุยด้วยค่ะ ก็เลยลงจากตึกมาด้วยกัน”
“เหรอครับ แปลก”
“ทำไมคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” ศมาเอ่ยยิ้มๆ เขาไม่นิยมนินทาใครลับหลัง โดยเฉพาะผู้หญิง จันทน์กะพ้อเองก็เช่นกัน ระหว่างที่ทั้งสองนั่งรถออกมาจากวิทยาลัยจึงพูดคุยกันแต่เรื่องสัพเพเหระจนถึงบ้านโดยแทบไม่รู้ตัว
พ่อคำจันทร์และลุงเกิดสหายรู้ใจคู่ใหม่กำลังง่วนกับการเตรียมท่อนไม้สมุนไพรบนแคร่ ตรีเมฆนั่งกอดอกมองทั้งสองอยู่ที่เก้าอี้เอนนอนที่ช่างเอกไปขนมาจากไหนไม่รู้มาบริการให้หัวหน้า จันทน์กะพ้อที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านมองเขาปราดเดียวก็รู้ว่า เขาไปโรงพยาบาลมาเรียบร้อยแล้ว หล่อนระบายลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก
“ลุงเกิด พ่อคำจันทร์ครับ วันนี้ผมได้เนื้อหมูป่ามาจากคนงานที่แคมป์ แกงป่ากันนะครับเย็นนี้”
“เอาสินายช่าง ลาภปากละ” ลุงเกิดเอ่ย
“เนื้อหมูป่ามาจากไหนวะ” คนที่นั่งหน้าตึงอยู่ถามขึ้น อาการเบื่อข้าวต้มกำลังรุมเร้าเขาอย่างหนัก
“คนงานเขากลับบ้านที่เมืองกาญจน์มา เลยเอามาฝาก เป็นยังไงบ้างวะวันนี้” ศมานั่งลงข้างๆ รินเบียร์เย็นๆ ที่ช่างเอกยกมาให้ให้ตนเอง
“เบื่อ”
“เออ ป่วยก็อย่างนี้แหละวะ อยู่นิ่งๆ เสียบ้าง”
“อืม ขอบใจมากเรื่องของ พรุ่งนี้จะได้เริ่มงานเสียที”
“ไม่เป็นไร ให้ช่างเอกมันคุมไปก่อน ข้าจะวิ่งมาดูเป็นระยะๆ”
“ไม่เป็นไร แค่สั่งงานทำไมจะทำไม่ได้” ตรีเมฆเอ่ยตามองเบียร์เย็นเป็นวุ้นที่เพื่อนยกกระดกดื่มแล้วรู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันที
“เอานี่” พ่อคำจันทร์ยกกาน้ำร้อนควันพวยพุ่งมาตั้งตรงหน้า
“อะไรครับลุง” ศมาเป็นคนถามแทน
“ต้มน้ำใบบัวบก แก้ช้ำใน ป้องกันแผลอักเสบ นี่ไม่ได้ต้มง่ายๆ นะเว้ย ต้มน้ำจากสามแก้ว เคี่ยวไฟอ่อนจนเหลือแก้วเดียวนี่ เอ้า ดื่มเข้าไป”
“ขม เหม็นเขียว” คนที่ถูกบังคับดื่มมาทั้งวันทำหน้าบูดบึ้ง
“หวานเป็นลม ขมเป็นยา เอ็งไม่รู้เรอะ”
“งั้นกินเหล้าแทนได้ไหมครับลุง เหล้าก็ขมเหมือนกัน”
“ไอ้หอกหักเอก รอเอ็งเจ็บก่อนสิวะ ข้าจะเอาเหล้ากรอกปากให้”
“โธ่ลุง ผมพูดเล่น”
ช่างเอกโอดครวญ มองหัวหน้าช่างยกแก้วน้ำใบบัวบกขึ้นกระดกไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วทำหน้าฝืดเฝื่อนด้วยความเห็นอกเห็นใจ
*****************
มื้อค่ำวันนั้น จัดกันบนโต๊ะที่ลานกว้างหน้าบ้านใต้ต้นมะม่วงเย็นสบายเพื่อความสะดวกของคนป่วย ศมากุลีกุจอขึ้นไปช่วยจันทน์กะพ้อยกสำรับทยอยลงมาจากเรือน น่าเอ็นดูจนนางมาลีมองยิ้มๆ ตรีเพชรหอบการบ้านไปทำข้างๆ ลุงยักษ์ของตนเหมือนเดิมจนถึงเวลาอาหารเย็น จึงได้เอาหนังสือไปเก็บแล้วไปล้างไม้ล้างมือมากินข้าว
บนโต๊ะอุดมไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด ตั้งแต่แกงป่าชามใหญ่ของศมาสองชาม ต้มส้มปลา ปลานึ่งผักนานาชนิด ยำหัวปลีไข่ต้มยางมะตูม และผักสดๆ เขียวๆ ล้างสะอาดจัดเรียงไว้เป็นช่อน่ารับประทาน
“ใบบัวบกตามรังควานถึงมื้อค่ำเลยนะหัวหน้า” ช่างเอกเย้า
“เอ็งจะไปรู้อะไร ใบบัวบกนี่ยาดีนัก กินสามเดือนริดสีดวงหาย กินสี่เดือนเลือดลมดี กินครึ่งปีไม่มีเมื่อยขบ โรคร้ายทุเลา”
“อย่าให้ถึงเดือนเลย แค่สองวันก็จะตายแล้ว” ตรีเมฆบ่นงึมงำ มองแก้วน้ำคั้นใบบัวบกสด เขียวสวยมีก้อนน้ำแข็งลอยฟ่องตาขุ่น จันทน์กะพ้อเกือบเผลอหัวเราะออกมา
“จันทน์เหยาะน้ำตาลลงไปนิดนึง น่าจะดื่มง่ายขึ้น ลองชิมดูสิคะ” เสียงหวานใสระรื่นด้วยอารมณ์คนพูด
ศมาเงยหน้าจากจานข้าวมองกิริยาของทั้งสอง ตรีเมฆยกแก้วเครื่องดื่มสีใสขึ้นจิบอย่างว่าง่าย คราเดียวพร่องไปเกือบครึ่งแก้วแล้วก็วางลงแล้วเอื้อมมือไปหมายจะตักแกงป่ากลางโต๊ะ
“อ๊ะๆๆ ไม่ได้นะช่างเมฆ เจ็บป่วยอยู่ห้ามกินของแสลง ของมันของเผ็ดจัด ห้าม” เสียงพ่อคำจันทร์ดังขึ้น ตรีเมฆหดมือกลับแต่ปากยังถาม
“กินยาดีตำรับลุงเยอะขนาดนี้แล้วยังต้องกลัวด้วยเรอะ”
“ของแสลงกินเข้าไปก็ไปต้านการรักษา หายช้า แผลเน่า ต้องนอนซมไปอีกนาน เอาไหมล่ะ”
“แล้วผมกินอะไรได้บ้างนอกจากไอ้หญ้าเขียวๆ นี่” ตรีเมฆขยุ้มใบบัวบกมาใส่จานตนเอง
“ปลานึ่ง ปลาย่าง ผักนึ่งกินได้ น้ำพริกไก่อ่อนนั่น ข้าให้หนูจันทน์ตำมาให้เป็นพิเศษ กินได้”
“น้ำพริกอะไรนะลุง ฮ่าๆๆ” ช่างเอกเปิดปากหัวเราะอย่างลืมรักษามารยาท พานทำให้คนอื่นอดหัวเราะไปด้วยไม่ได้
“น้ำพริกไก่อ่อนไง ใช้พริกอ่อนตำไม่เผ็ด ใส่เกลือ เหยาะซีอิ๊วขาว ใส่เนื้อปลานิดหน่อย กินไปก่อน” พ่อคำจันทร์อธิบายไปก็อมยิ้มไป ทั้งขันทั้งสงสารคนที่ตักน้ำพริกเข้าปากทีละช้อน กินเท่าไรก็ยังไม่ได้รสเผ็ดที่คุ้นลิ้น จนต้องหันไปคาดโทษแม่ครัวด้วยสายตาคมดุวาววับ
สาบานได้ว่าถ้าเขาเห็นหล่อนหัวเราะ
เขาจะอาละวาดเสียเดี๋ยวนี้เลย!
จันทน์กะพ้อแค่ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ทานแบบนี้ไปก่อนนะคะ ไว้หายแล้วจันทน์จะตำน้ำพริกรสจัดๆ ที่คุณเมฆชอบให้ทาน”
ตรีเมฆแสร้งทำหน้าเหนื่อยหน่าย ทั้งที่หัวใจชุ่มฉ่ำเสียจนแทบเผยยิ้มออกมา
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ย. 2563, 17:04:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ย. 2563, 17:04:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 509
<< บทที่ 14 -50% | บทที่ 14 -100% >> |