ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 14 -100%
มื้อเย็นผ่านไปเรียบร้อย หลังจากเก็บกวาดโต๊ะอาหารช่วยกันจนเรียบร้อย ทุกคนก็มานั่งสนทนาสัพเพเหระกันอยู่รายรอบแคร่ของตรีเมฆ วันนี้พ่อคำจันทร์ใช้ไฟอ่อนและบอกว่าคงใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น หลังจากตรีเมฆนั่งย่อยอาหารอยู่ครู่ใหญ่ เขาก็กระดกเหล้าขาวไปหนึ่งก๊งก่อนขึ้นมาเอนนั่งกึ่งนอนบนแคร่ที่อุ่นจนร้อน
“รู้สึกเหมือนแม่ลูกอ่อนไหมหัวหน้า อยู่ไฟแบบนี้มดลูกเข้าอู่ไวแน่”
“ไอ้เอก เอ็งเอาเหล้าไปกินไกลๆ ตีนเลยไป” สองนายกับลูกน้องส่งเสียงดุกันเอะอะ นางมาลีรำคาญเลยหันไปหาศมาผู้เงียบขรึม
“อีกนานไหมพ่อศมา หอพักถึงจะสร้างเสร็จ”
“สามสี่เดือนครับแม่ พรุ่งนี้ของก็คงมาส่งแล้ว”
“ดีๆ มีนักศึกษาแวะมาถามเหมือนกันว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ เขาว่าหอพักของเรามันใกล้ดี เขาเลยสนใจมาเข้าพัก”
“งั้นเหรอครับ แต่หอพักตรีเนตรก็ทำเลดีจริงๆ นะครับ แต่ที่ทำเลดียิ่งกว่าเห็นจะเป็นที่สวนครับ”
“ที่สวนมะม่วงน่ะเหรอลูก”
“ครับ ผมเคยบอกเมฆแล้วว่า ท่าน ผอ. ของวิทยาลัยสนใจซื้อที่ตรงนั้นสักสิบห้าไร่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนท่านจะสนใจซื้อทั้งหมดเลย”
“อย่างงั้นหรือ” นางมาลีเอ่ย
“บอกไปแล้วไงว่าไม่ขาย” ตรีเมฆบอกเสียงเรียบ นางมาลีปรายตามองลูกชายเป็นเชิงตำหนิที่ไม่เคยเอาเรื่องนี้มาปรึกษานางเลย
“เขาให้ราคาเท่าไรล่ะพ่อศมา”
คำถามของนางมาลีทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ โดยเฉพาะตรีเมฆ เขาคิดอยู่เสมอว่า แม่จะไม่มีทางขายสมบัติของพ่อกินเป็นแน่ แต่ดูท่าเขาคงคิดผิดไป
“ผมเองก็ยังไม่ทราบครับ แต่ถ้าแม่สนใจ ผมจะลองถามท่านให้”
“ไม่ต้องหรอกศมา...ผมว่าเราไม่มีความจำเป็นต้องขายที่กินหรอกครับ พอหอพักนี่สร้างเสร็จก็มีกินไปทั้งชาติ” เสียงของตรีเมฆแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ศมาขยับตัวอย่างอึดอัด
“ฉันอยากมีเงินสักก้อน ฝากไว้ให้เจ้าเพชร” เสียงของป้ามาลีสั่นระริก
“คนแก่อย่างเราก็อย่างนี้แหละนะแม่มาลี ฉันเข้าใจ สมบัตินอกกายหวงไว้ก็เอาไปไม่ได้ ฉันเองยังยกให้ลูกหลาน เขาอยากขายก็ขายไป เอาไปตั้งเนื้อตั้งตัว” พ่อคำจันทร์เอ่ยเสียงนุ่ม จันทน์กะพ้อมองใบหน้าหม่นหมองของพ่อด้วยความเห็นใจ
“ผมไม่อยากขายสมบัติของพ่อ” ตรีเมฆโพล่งออกไปทันควัน
“เออ สมบัติของพ่อแกทั้งนั้นล่ะ เขาทูนหัวทูนเกล้าให้แกคนเดียว ฉันสิไม่มีอะไรสักอย่าง ถ้าฉันตายไปไอ้เพชรมันก็คงต้องเป็นเด็กจรจัด ฉันผิดเองที่เอามันมาเลี้ยง” ป้ามาลีผุดลุกขึ้นยืนเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอ
“ป้าคะ ใจเย็นๆ” จันทน์กะพ้อลูบแขนเหี่ยวย่น ศมารู้สึกผิดที่เอาเรื่องที่ดินขึ้นมาพูดจนเป็นเรื่องทะเลาะกันใหญ่โต
“แม่คิดว่าผมใจดำขนาดที่จะทิ้งขว้างมันเหรอ”
“ถ้าเอ็งไม่ใจดำ แล้วพ่อเอ็งตายเพราะใคร” ป้ามาลีเหมือนระเบิดเวลาที่ถึงกำหนดของมัน นางระเบิดอารมณ์ออกไปอย่างไม่ไว้หน้า
“แม่!”
“ยายจ๋า” ตรีเพชรร้องไห้จ้าด้วยความตกใจ วิ่งเข้าสวมกอดเอวยาย
“ฉันมันคนอาภัพ มีผัวผัวก็รักแต่ลูก อยู่กันมาตั้งเท่าไรแล้วพอตายไปมันก็ยังห่วงลูกมันคนเดียว ไม่รู้ล่ะ ฉันไม่รู้ใจใครทั้งนั้น รู้แต่ว่าก่อนตายฉันจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่ให้ไอ้เด็กกำพร้านี่มันต้องลำบาก มีอะไรให้มันได้ฉันก็จะให้ ไหนๆ ก็เลี้ยงมันมาแล้วตั้งหกเจ็ดปี”
ป้ามาลีพูดจบก็ดึงแขนเด็กชายตรีเพชรสาวเท้าขึ้นบ้านไปทั้งน้ำตา
จันทน์กะพ้อรีบวิ่งตามขึ้นไปด้วย พ่อคำจันทร์ ลุงเกิด และช่างเอกแยกออกไปคุยกันอยู่ห่างๆ เหลือไว้เพียงศมาและตรีเมฆที่นั่งงงงันอยู่ตรงลานบ้าน เนิ่นนานกว่าที่ศมาจะเอ่ยออกมาได้
“เมฆ...ข้าขอโทษ”
“เออ ช่างมันเถอะ ถ้าแม่เขาอยากขาย เอ็งก็ช่วยไปถามราคามาให้ด้วย อย่าให้แกโดนเอาเปรียบมากนัก”
“แต่สวนนั่นเป็นชื่อของเอ็งไม่ใช่เหรอ ถ้าเอ็งไม่อยากขาย ข้าจะไม่เอามาพูดอีกดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไร ทำตามที่แม่ต้องการเถอะ ถ้าแม่อยากขายข้าก็จะเซ็นให้ แค่นี้ก็จบ”
“เออ ถ้าเอ็งต้องการก็เอาตามนั้นนะ วันนี้ข้ากลับก่อน พรุ่งนี้จะมาดูงานให้แต่เช้า” ศมาวางมือบนไหล่ของเพื่อนรัก
“ขอบใจ”
เมื่อศมาไปแล้ว ความเงียบเข้าครอบงำลานบ้านตรีเนตร พร้อมๆ กับความมืดยามราตรี ชายหนุ่มเอนกายลงบนแคร่อย่างคนหมดทั้งแรงกายและแรงใจ เขาหายใจเข้าออกลึกล้ำ รู้สึกเสียดสะท้านแปลบปลาบในอกจนมีน้ำอุ่นๆ เอ่อท้นหางตา แหงนหน้ามองดวงดาวประดับท้องฟ้าในคืนมืดมิดด้วยดวงตาที่พร่ามัว ก่อนจะจมหายไปในห้วงอดีตอันแสนเจ็บปวดดั่งหุบเหวที่ลึกไม่มีที่สุด
คืนนี้ช่างเอกไม่ได้เมามายอย่างเมื่อคืนก่อน หลังจากแยกกันกับลุงเกิดและพ่อคำจันทร์ เขาก็กลับมาดูแลหัวหน้าช่างตามที่นายช่างใหญ่สั่งไว้ จนครบเวลาสามชั่วโมงก็ราไฟใต้แคร่และพยุงเขาเข้าไปพักในห้อง
ตรีเมฆเรียกหาเหล้าอีกแก้วพลางบ่นว่าปวดแผลมาก ช่างเอกจึงรินให้แก้วหนึ่ง หวังจะให้หัวหน้าหลับสบายขึ้นสักหน่อย กลับกลายเป็นว่าคืนนั้นตรีเมฆนอนกระสับกระส่ายอยู่ทั้งคืน เมื่อเผลอหลับเขารู้สึกวูบโหวงกลางอก รู้สึกถึงสองแขนที่ถูกพันธนาการไขว้ไว้ด้านหลัง สองขาที่ถูกมัดจนดิ้นไม่หลุดก่อนที่เขาจะทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่งและร้องเสียงดังลั่นห้อง จนช่างเอกผลุนผลันลุกขึ้นมาด้วยความตกใจสุดขีด
“ปล่อยกู ไอ้สัตว์ อ๊าก!”
“หัวหน้า หัวหน้าหยุด อย่าดิ้น นี่ผมเอง เอกไง หัวหน้าตื่น”
“พวกมึงปล่อยกู ไอ้พวกหมาหมู่”
เพียะ!
ฝ่ามือของช่างเอกฟาดลงที่เสี้ยวหน้าของคนที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอย่างน่ากลัว ตรีเมฆลืมตาขึ้นพลางหอบหายใจจนตัวงอ
“ฝันร้ายเหรอหัวหน้า ดูสิ ดึงผ้าพันแผลที่หัวจนจะหลุดหมดแล้ว”
“อืม” ตรีเมฆลูบหน้าที่ชาไปเพราะฝ่ามือลูกน้อง
“โทษทีนะ ผมกลัวหัวหน้าคลั่งไปมากกว่านี้เลยจัดไปทีนึง มีอะไรหรือเปล่าหัวหน้า สมองกระทบกระเทือนจนหลอนหรือว่ายังไง”
“กูไม่ได้บ้า” ตรีเมฆสะบัดเสียงตอบ เหงื่อกาฬแตกซ่านจนชุ่มแผ่นหลัง “มึงไปนอนได้แล้วไป พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า”
“แน่ใจนะ” ช่างเอกทำท่ารีรอ จึงถูกดวงตาคมตวัดมองดุ คนถูกดุเลยค่อยๆ หดคอเดินออกจากห้องไปช้าๆ
ตรีเมฆเตะผ้าห่มไปปลายเตียงด้วยความร้อนอบอ้าว เหงื่อที่ระบายออกมาจากทุกรูขุมขนคงเป็นผลมาจากการย่างไฟของพ่อคำจันทร์ เขากระชากเสื้อกล้ามออกพ้นศีรษะแล้วโยนมันทิ้งไปแถวๆ ข้างกะละมังเช็ดตัว ตวัดตามองผ้าขนหนูผืนเล็กที่พับวางไว้ด้วยความหงุดหงิด
“คนเราจะทำดีก็ไม่ทำให้ตลอด เดี๋ยวมาทำเป็นดีด้วย เดี๋ยวหนีไปอี๋อ๋อกับคนอื่น เห็นกูเป็นตัวอะไรวะ” ชายหนุ่มบ่นงึมงำกับตนเองในความมืด ขยาดที่จะหลับอีกเพราะฝันร้ายถึงอดีตในเรือนจำนรกนั่น จึงได้แต่ถ่างตาอยู่จนร่างกายทนไม่ไหว ผล็อยหลับไปเอง...
*****************************
ปุกาศๆ โปรโมชั่นงานหนังสือออกแล้วนะคะ กับ “ปลายปากกาบุ๊กแฟร์ ครั้งที่ 1” !!!
ส่องกันได้ที่เพจ ‘ปลายปากกากา สำนักพิมพ์’ จ้าาาา เป็นโปรฯ ออนไลน์นะคะ สำหรับ “ดุจจันทร์ดั้นเมฆ” ลดเหลือ 333฿ (จากปก 402฿)
และนอกนั้นมีลดสูงสุดถึง 50%
เช่น รักรออุ้ม นาฏกรรมลวง ทรายล้อมเพชร ฝนเมษาดอกไม้พฤษภา(หอมดึก) กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า และเรื่องใหม่ๆ ของปลายปากกาอีกเพียบ เรื่องใหม่เรื่องเก่าลดต่างกันไป ตามลิงก์ในคอมเมนต์ข้างใต้ไปได้เลย!
“รู้สึกเหมือนแม่ลูกอ่อนไหมหัวหน้า อยู่ไฟแบบนี้มดลูกเข้าอู่ไวแน่”
“ไอ้เอก เอ็งเอาเหล้าไปกินไกลๆ ตีนเลยไป” สองนายกับลูกน้องส่งเสียงดุกันเอะอะ นางมาลีรำคาญเลยหันไปหาศมาผู้เงียบขรึม
“อีกนานไหมพ่อศมา หอพักถึงจะสร้างเสร็จ”
“สามสี่เดือนครับแม่ พรุ่งนี้ของก็คงมาส่งแล้ว”
“ดีๆ มีนักศึกษาแวะมาถามเหมือนกันว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ เขาว่าหอพักของเรามันใกล้ดี เขาเลยสนใจมาเข้าพัก”
“งั้นเหรอครับ แต่หอพักตรีเนตรก็ทำเลดีจริงๆ นะครับ แต่ที่ทำเลดียิ่งกว่าเห็นจะเป็นที่สวนครับ”
“ที่สวนมะม่วงน่ะเหรอลูก”
“ครับ ผมเคยบอกเมฆแล้วว่า ท่าน ผอ. ของวิทยาลัยสนใจซื้อที่ตรงนั้นสักสิบห้าไร่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนท่านจะสนใจซื้อทั้งหมดเลย”
“อย่างงั้นหรือ” นางมาลีเอ่ย
“บอกไปแล้วไงว่าไม่ขาย” ตรีเมฆบอกเสียงเรียบ นางมาลีปรายตามองลูกชายเป็นเชิงตำหนิที่ไม่เคยเอาเรื่องนี้มาปรึกษานางเลย
“เขาให้ราคาเท่าไรล่ะพ่อศมา”
คำถามของนางมาลีทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ โดยเฉพาะตรีเมฆ เขาคิดอยู่เสมอว่า แม่จะไม่มีทางขายสมบัติของพ่อกินเป็นแน่ แต่ดูท่าเขาคงคิดผิดไป
“ผมเองก็ยังไม่ทราบครับ แต่ถ้าแม่สนใจ ผมจะลองถามท่านให้”
“ไม่ต้องหรอกศมา...ผมว่าเราไม่มีความจำเป็นต้องขายที่กินหรอกครับ พอหอพักนี่สร้างเสร็จก็มีกินไปทั้งชาติ” เสียงของตรีเมฆแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ศมาขยับตัวอย่างอึดอัด
“ฉันอยากมีเงินสักก้อน ฝากไว้ให้เจ้าเพชร” เสียงของป้ามาลีสั่นระริก
“คนแก่อย่างเราก็อย่างนี้แหละนะแม่มาลี ฉันเข้าใจ สมบัตินอกกายหวงไว้ก็เอาไปไม่ได้ ฉันเองยังยกให้ลูกหลาน เขาอยากขายก็ขายไป เอาไปตั้งเนื้อตั้งตัว” พ่อคำจันทร์เอ่ยเสียงนุ่ม จันทน์กะพ้อมองใบหน้าหม่นหมองของพ่อด้วยความเห็นใจ
“ผมไม่อยากขายสมบัติของพ่อ” ตรีเมฆโพล่งออกไปทันควัน
“เออ สมบัติของพ่อแกทั้งนั้นล่ะ เขาทูนหัวทูนเกล้าให้แกคนเดียว ฉันสิไม่มีอะไรสักอย่าง ถ้าฉันตายไปไอ้เพชรมันก็คงต้องเป็นเด็กจรจัด ฉันผิดเองที่เอามันมาเลี้ยง” ป้ามาลีผุดลุกขึ้นยืนเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอ
“ป้าคะ ใจเย็นๆ” จันทน์กะพ้อลูบแขนเหี่ยวย่น ศมารู้สึกผิดที่เอาเรื่องที่ดินขึ้นมาพูดจนเป็นเรื่องทะเลาะกันใหญ่โต
“แม่คิดว่าผมใจดำขนาดที่จะทิ้งขว้างมันเหรอ”
“ถ้าเอ็งไม่ใจดำ แล้วพ่อเอ็งตายเพราะใคร” ป้ามาลีเหมือนระเบิดเวลาที่ถึงกำหนดของมัน นางระเบิดอารมณ์ออกไปอย่างไม่ไว้หน้า
“แม่!”
“ยายจ๋า” ตรีเพชรร้องไห้จ้าด้วยความตกใจ วิ่งเข้าสวมกอดเอวยาย
“ฉันมันคนอาภัพ มีผัวผัวก็รักแต่ลูก อยู่กันมาตั้งเท่าไรแล้วพอตายไปมันก็ยังห่วงลูกมันคนเดียว ไม่รู้ล่ะ ฉันไม่รู้ใจใครทั้งนั้น รู้แต่ว่าก่อนตายฉันจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่ให้ไอ้เด็กกำพร้านี่มันต้องลำบาก มีอะไรให้มันได้ฉันก็จะให้ ไหนๆ ก็เลี้ยงมันมาแล้วตั้งหกเจ็ดปี”
ป้ามาลีพูดจบก็ดึงแขนเด็กชายตรีเพชรสาวเท้าขึ้นบ้านไปทั้งน้ำตา
จันทน์กะพ้อรีบวิ่งตามขึ้นไปด้วย พ่อคำจันทร์ ลุงเกิด และช่างเอกแยกออกไปคุยกันอยู่ห่างๆ เหลือไว้เพียงศมาและตรีเมฆที่นั่งงงงันอยู่ตรงลานบ้าน เนิ่นนานกว่าที่ศมาจะเอ่ยออกมาได้
“เมฆ...ข้าขอโทษ”
“เออ ช่างมันเถอะ ถ้าแม่เขาอยากขาย เอ็งก็ช่วยไปถามราคามาให้ด้วย อย่าให้แกโดนเอาเปรียบมากนัก”
“แต่สวนนั่นเป็นชื่อของเอ็งไม่ใช่เหรอ ถ้าเอ็งไม่อยากขาย ข้าจะไม่เอามาพูดอีกดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไร ทำตามที่แม่ต้องการเถอะ ถ้าแม่อยากขายข้าก็จะเซ็นให้ แค่นี้ก็จบ”
“เออ ถ้าเอ็งต้องการก็เอาตามนั้นนะ วันนี้ข้ากลับก่อน พรุ่งนี้จะมาดูงานให้แต่เช้า” ศมาวางมือบนไหล่ของเพื่อนรัก
“ขอบใจ”
เมื่อศมาไปแล้ว ความเงียบเข้าครอบงำลานบ้านตรีเนตร พร้อมๆ กับความมืดยามราตรี ชายหนุ่มเอนกายลงบนแคร่อย่างคนหมดทั้งแรงกายและแรงใจ เขาหายใจเข้าออกลึกล้ำ รู้สึกเสียดสะท้านแปลบปลาบในอกจนมีน้ำอุ่นๆ เอ่อท้นหางตา แหงนหน้ามองดวงดาวประดับท้องฟ้าในคืนมืดมิดด้วยดวงตาที่พร่ามัว ก่อนจะจมหายไปในห้วงอดีตอันแสนเจ็บปวดดั่งหุบเหวที่ลึกไม่มีที่สุด
คืนนี้ช่างเอกไม่ได้เมามายอย่างเมื่อคืนก่อน หลังจากแยกกันกับลุงเกิดและพ่อคำจันทร์ เขาก็กลับมาดูแลหัวหน้าช่างตามที่นายช่างใหญ่สั่งไว้ จนครบเวลาสามชั่วโมงก็ราไฟใต้แคร่และพยุงเขาเข้าไปพักในห้อง
ตรีเมฆเรียกหาเหล้าอีกแก้วพลางบ่นว่าปวดแผลมาก ช่างเอกจึงรินให้แก้วหนึ่ง หวังจะให้หัวหน้าหลับสบายขึ้นสักหน่อย กลับกลายเป็นว่าคืนนั้นตรีเมฆนอนกระสับกระส่ายอยู่ทั้งคืน เมื่อเผลอหลับเขารู้สึกวูบโหวงกลางอก รู้สึกถึงสองแขนที่ถูกพันธนาการไขว้ไว้ด้านหลัง สองขาที่ถูกมัดจนดิ้นไม่หลุดก่อนที่เขาจะทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่งและร้องเสียงดังลั่นห้อง จนช่างเอกผลุนผลันลุกขึ้นมาด้วยความตกใจสุดขีด
“ปล่อยกู ไอ้สัตว์ อ๊าก!”
“หัวหน้า หัวหน้าหยุด อย่าดิ้น นี่ผมเอง เอกไง หัวหน้าตื่น”
“พวกมึงปล่อยกู ไอ้พวกหมาหมู่”
เพียะ!
ฝ่ามือของช่างเอกฟาดลงที่เสี้ยวหน้าของคนที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอย่างน่ากลัว ตรีเมฆลืมตาขึ้นพลางหอบหายใจจนตัวงอ
“ฝันร้ายเหรอหัวหน้า ดูสิ ดึงผ้าพันแผลที่หัวจนจะหลุดหมดแล้ว”
“อืม” ตรีเมฆลูบหน้าที่ชาไปเพราะฝ่ามือลูกน้อง
“โทษทีนะ ผมกลัวหัวหน้าคลั่งไปมากกว่านี้เลยจัดไปทีนึง มีอะไรหรือเปล่าหัวหน้า สมองกระทบกระเทือนจนหลอนหรือว่ายังไง”
“กูไม่ได้บ้า” ตรีเมฆสะบัดเสียงตอบ เหงื่อกาฬแตกซ่านจนชุ่มแผ่นหลัง “มึงไปนอนได้แล้วไป พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า”
“แน่ใจนะ” ช่างเอกทำท่ารีรอ จึงถูกดวงตาคมตวัดมองดุ คนถูกดุเลยค่อยๆ หดคอเดินออกจากห้องไปช้าๆ
ตรีเมฆเตะผ้าห่มไปปลายเตียงด้วยความร้อนอบอ้าว เหงื่อที่ระบายออกมาจากทุกรูขุมขนคงเป็นผลมาจากการย่างไฟของพ่อคำจันทร์ เขากระชากเสื้อกล้ามออกพ้นศีรษะแล้วโยนมันทิ้งไปแถวๆ ข้างกะละมังเช็ดตัว ตวัดตามองผ้าขนหนูผืนเล็กที่พับวางไว้ด้วยความหงุดหงิด
“คนเราจะทำดีก็ไม่ทำให้ตลอด เดี๋ยวมาทำเป็นดีด้วย เดี๋ยวหนีไปอี๋อ๋อกับคนอื่น เห็นกูเป็นตัวอะไรวะ” ชายหนุ่มบ่นงึมงำกับตนเองในความมืด ขยาดที่จะหลับอีกเพราะฝันร้ายถึงอดีตในเรือนจำนรกนั่น จึงได้แต่ถ่างตาอยู่จนร่างกายทนไม่ไหว ผล็อยหลับไปเอง...
*****************************
ปุกาศๆ โปรโมชั่นงานหนังสือออกแล้วนะคะ กับ “ปลายปากกาบุ๊กแฟร์ ครั้งที่ 1” !!!
ส่องกันได้ที่เพจ ‘ปลายปากกากา สำนักพิมพ์’ จ้าาาา เป็นโปรฯ ออนไลน์นะคะ สำหรับ “ดุจจันทร์ดั้นเมฆ” ลดเหลือ 333฿ (จากปก 402฿)
และนอกนั้นมีลดสูงสุดถึง 50%
เช่น รักรออุ้ม นาฏกรรมลวง ทรายล้อมเพชร ฝนเมษาดอกไม้พฤษภา(หอมดึก) กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า และเรื่องใหม่ๆ ของปลายปากกาอีกเพียบ เรื่องใหม่เรื่องเก่าลดต่างกันไป ตามลิงก์ในคอมเมนต์ข้างใต้ไปได้เลย!
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ย. 2563, 12:17:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ย. 2563, 12:17:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 577
<< บทที่ 14 -75% | บทที่ 15 -30% + แจ้งข่าวงานหนังสือ >> |
ปลายปากกาสำนักพิมพ์ 21 ก.ย. 2563, 12:19:19 น.
โปรโมชั่นงานหนังสือนะคะ เป็นโปรฯ ออนไลน์ #ส่งฟรี ราคาอยู่ในเตตัสโพสต์นี้ค่ะ
>>>https://www.facebook.com/544836732574623/posts/1347031799021775/?extid=7mAPQOLgV2HBlBey&d=n
โปรโมชั่นงานหนังสือนะคะ เป็นโปรฯ ออนไลน์ #ส่งฟรี ราคาอยู่ในเตตัสโพสต์นี้ค่ะ
>>>https://www.facebook.com/544836732574623/posts/1347031799021775/?extid=7mAPQOLgV2HBlBey&d=n