รักร้ายอันตรายข้างรั้ว
ฐิติรัตน์กับคิมหันต์เป็นแฟนกัน มีกำหนดแต่งงานอีกไม่กี่เดือน ก่อนวันแต่งไม่กี่สัปดาห์คิมหันต์ได้รับอุบัติเหตุจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล งานแต่งจึงถูกเลื่อนออกไปอย่างช่วยไม่ได้ บิดาและมารดาของคิมหันต์จึงหาบ้านพักเพื่อให้คิมหันต์พักรักษาตัว ฐิติรัตน์จึงย้ายตามไปอยู่ด้วย แต่อยู่อีกหลังหนึ่งที่ใกล้กัน
หมู่บ้านจัดสรรที่ฐิติรัตน์กับคิมหันต์ไปพักอาศัยนั้น พวกเขาอยู่เพียงไม่กี่อาทิตย์ก็เริ่มมีเรื่องแปลกเกิดขึ้น รอบตัวของฐิติรัตน์ และสิ่งที่แปลกไปกว่านั้นคือ เธอเห็นชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ข้างบ้าน แต่ผู้คนในหมู่บ้านกลับบอกว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่
ความสงสัยก่อเกิดขึ้นกับเธอ รวมถึงเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านที่หายตัวไปอย่างลึกลับ และเธอคิดว่าชายข้างบ้านต้องแอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ เรื่องวุ่นวายจึงเกิดขึ้นเมื่อเธอถูกเขาจับตัวไป
หมู่บ้านจัดสรรที่ฐิติรัตน์กับคิมหันต์ไปพักอาศัยนั้น พวกเขาอยู่เพียงไม่กี่อาทิตย์ก็เริ่มมีเรื่องแปลกเกิดขึ้น รอบตัวของฐิติรัตน์ และสิ่งที่แปลกไปกว่านั้นคือ เธอเห็นชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ข้างบ้าน แต่ผู้คนในหมู่บ้านกลับบอกว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่
ความสงสัยก่อเกิดขึ้นกับเธอ รวมถึงเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านที่หายตัวไปอย่างลึกลับ และเธอคิดว่าชายข้างบ้านต้องแอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ เรื่องวุ่นวายจึงเกิดขึ้นเมื่อเธอถูกเขาจับตัวไป
Tags: นิยายรัก ลึกลับ วิญญาณ ความรัก
ตอน: ทำไมแปลกไป
"วันนี้ทำไมดูไม่สดชื่นเลย เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือเปล่า" คิมหันต์เริ่มเป็นห่วงมันผิดปกติเกินไป
"ค่ะพี่คิม รัตรู้สึกนอนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่" เธอโกหก จริงๆ แล้วเธอกลัว ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเธอไม่กล้าไปหลังบ้านอีกเลย
"มาอยู่กับผมไหม วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่ไม่กลับมานอนที่บ้าน"
"ไม่เป็นไรพี่คิม ให้พยาบาลดูแลพี่เหมือนเดิมดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่พี่กลับมาจะตำหนิรัตได้นะคะ" ฐิติรัตน์ยิ้มให้กับแฟนของเธอ อีกไม่กี่อาทิตย์คิมก็จะฝึกเดินแล้ว รีบหายจะได้ออกจากหมู่บ้านนี้เสียที
"เอาที่รัตสบายใจเลยครับ" คิมไม่อยากทำให้รัตลำบากใจ ไหนจะพ่อกับแม่ของเขาอีกที่เคร่งครัดในคำทำนายบ้าๆ นั่น ถ้าพวกท่านไม่เชื่อคำทาย เขากับรัตคงได้แต่งงานมีลูกกันไปแล้วก็ได้
วันนี้ทั้งวันฐิติรัตน์อยู่แต่ในบ้านคิมหันต์ เธอคอยดูแลแฟนหนุ่มอยู่ไม่ห่าง จนกระทั่งหกโมงเย็นได้เวลาที่เธอต้องกลับบ้านของตัวเอง
"พี่คิม รัตไปก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้รัตจะมาหาใหม่"
"ไม่ไปไม่ได้เหรอ" คิมหันต์ใช้น้ำเสียงอ้อนจนฐิติรัตน์เริ่มใจอ่อน
หรือว่าเราจะอยู่เป็นเพื่อนเขาดี...
"คือว่า..."
จู่ๆ ก็มีเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน
"เดี๋ยวรัตไปดูให้ค่ะ" ใครกันมาเวลานี้
ยังไม่ทันที่ฐิติรัตน์จะไปเปิดประตู บิดามารดาของคิมหันต์ก็เข้ามา พวกเขาไม่ได้ไปไหนอย่างที่คิมหันต์คิด
"อ้าว...สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า"
"คิมหันต์ล่ะลูก" มารดาของคิมหันต์ถามด้วยความเอ็นดู
"ผมอยู่นี่ครับ" คิมหันต์รีบออกมารายงานตัวก่อนที่พวกท่านจะเข้าใจผิดทันที
"เป็นไงบ้างวันนี้ มีเจ็บที่ไหนไหม" คนเป็นแม่รีบถามด้วยความเป็นห่วง และเข้าไปใกล้ๆ ลูกชาย
"ไม่เลยครับ รัตดูแลผมเป็นอย่างดี" คิมหันต์หันมายิ้มให้แฟนสาว เขาอุ่นใจทุกครั้งที่มีฐิติรัตน์อยู่
ฐิติรัตน์เองก็ส่งยิ้มให้กับทุกคนก่อนที่จะหาช่องทางกลับบ้าน เธอรู้ดีว่าบิดามารดาของแฟนหนุ่มนั้น หวงลูกชายขนาดไหน ตั้งแต่เล็กยันโตตามใจแทบทุกอย่าง มีเพียงเรื่องคำทำนายเท่านั้นที่พวกเขาไม่ยอมทำตามใจชายหนุ่มเพราะมันส่งผลต่อชีวิตของคิมหันต์
"เราคงเหนื่อยแย่เลยสินะ" บิดาของคิมหันต์หันมายิ้มให้กับฐิติรัตน์ น้ำเสียงนั้นไม่ได้มีความเป็นห่วงจริงอย่างที่พูด เธอรู้ดี
"ไม่เลยค่ะ หนูเต็มใจ"
"วันนี้เอาขนมไปทานที่บ้านซิจ้ะ" ขนมต้มกับขนมตาลสูตรดั้งเดิมน่าอร่อย ถูกยื่นให้กับฐิติรัตน์
เธอรู้ว่าดึกแล้วและสมควรกลับบ้าน วิธีการพูดแบบนี้เป็นการไล่ทางอ้อม ตั้งแต่คิมหันต์ประสบอุบัติเหตุพวกเขาทั้งสองมักจะทำตัวเหินห่างจากเธอ ทำเหมือนกับว่าเธอเป็นคนผิดที่ทำให้ลูกชายของพวกเขาบาดเจ็บ
"หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ...ไปก่อนนะพี่คิม" ฐิติรัตน์ลากลับ และเป็นอย่างที่คิดไม่มีใครรั้งให้เธออยู่ต่อ ท่านทั้งสองเพียงแค่พยักหน้ายิ้มให้เท่านั้น
ส่วนคิมหันต์ทำสายตาอ้อนวอน ส่งมาให้แฟนสาวถึงแม้จะไม่เป็นผล
"โชคดีนะพี่" พูดเป็นคำแบบไม่ส่งเสียงแล้วส่งกลับไปหาแฟนหนุ่ม ก่อนที่เธอจะเปิดประตูเพื่อกลับบ้าน
คิมหันต์เห็นแบบนั้นก็เลยยิ้มออก ให้พยาบาลประจำตัวมาดูแลเขาต่อและเข็นพาเขาไปหาผู้ใหญ่
ระหว่างเดินกลับบ้านเธอรู้สึกเจ็บหลังเล็กน้อย คงเป็นผลมาจากโดนชายบ้าคนนั้นผลักกระแทกกำแพง
"คงเป็นคนโรคจิตแน่" เธอคิด
ฐิติรัตน์สลัดความคิดออกไป แค่นึกถึงวันนั้นก็ทำให้เธอเย็นหลังวาบๆ เป็นชายอันตรายเกินไป เราต้องระวังตัวให้มากกว่านี้
"เอ๊ะ!..." ตกใจกับถุงยาที่มาห้อยไว้หน้าประตูทางเข้า
เธอหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวง ไม่ใช่ว่าใครแกล้งเธอแล้วแอบซ่อนตัวอยู่หรอกนะ
แต่เมื่อมองไปก็เจอแต่ความว่างเปล่า เราอาจจะคิดมาเกินไป ฐิติรัตน์หยิบถุงที่แขวนหน้าประตูติดมือเข้าบ้านมาด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอดูเสียหน่อยว่าในถุงยานี้ใส่อะไรไว้
เปิดถุงยาถึงเห็นยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด กับแผ่นยาแปะกล้ามเนื้อห้าหกแผ่นอยู่ในถุง พร้อมกับเขียนวิธีการทานไว้บนซองเรียบร้อย
"หรือจะเป็นเขา" คงคิดถึงคนอื่นไม่ได้นอกเสียจากคนๆ นั้นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเธอต้องบาดเจ็บ
"เขาก็มีส่วนดีอยู่เหมือนกันนะ"
ฐิติรัตน์ยิ้มน้อยๆ กับถุงยาที่ชายแปลกหน้าให้มา หรือเขาจะเป็นพวกอารมณ์แปรปรวน แต่ยังไงเราก็ต้องขอบคุณเขา
หลังจากอาบน้ำแปะแผ่นยา ทานอาหารและยาที่ได้มา เธอยอมรับว่ารู้สึกดีจริงๆ ไม่แน่คืนนี้อาจจะขอเข้าร่วมฟังเพลงบรรเลงของเขาอีกสักคืน หวังว่าเขายังคงเล่นเหมือนเดิมอยู่
"เที่ยงคืนสินะ"
มือหนึ่งจัดขนมที่คุณลุงคุณป้าซื้อไว้แยกใส่กล่องพลาสติก เธอมักเก็บไว้หลังจากทานอาหารสำเร็จรูปที่เซเว่น เธอเป็นคนชอบเก็บกล่องต่างๆ เพื่อสะดวกแยกเก็บวัตถุดิบอาหารได้เป็นสัดส่วน
วันนี้ได้ใช้เสียทีหลังจากเก็บมานานหลายมื้อ เธอแยกขนมอีกส่วนหนึ่งไว้ขอบคุณเขา และคาดหวังว่าเขาจะตอบรับคำขอบคุณนั้น
"จริงๆ เขาทำกับเรา เราไม่น่าแบ่งขนมให้เลยนะ" มาคิดดูอีกที ที่เขาซื้อยาให้ก็ถูกอยู่แล้วเพราะเขาเป็นคนผิด
"ช่างเถอะ เราแบ่งให้นั้นแหละดีแล้ว"
ฐิติรัตน์สลัดความคิดไม่ดีออกไป อย่างน้อยเป็นมิตรกันไว้ก็ยังดีกว่าเป็นศัตรู
ก่อนจะมืดมากกว่านี้ ฐิติรัตน์ย่องไปข้างหลังบ้าน ครั้งนี้จะต้องระวังเป็นพิเศษอย่าให้เขารู้ตัวได้ ว่าไปแล้วก็อันตรายเหมือนกันเพราะประตูที่อยู่ระหว่างกำแพงมันล็อกไม่ได้และไม่มีกุญแจล็อกอะไรเลย
ฐิติรัตน์เปิดประตูแง้มๆ และเอาถุงที่ใส่ขนมแขวนตรงกลอนประตูทางฝั่งเพื่อนบ้าน จากนั้นเธอก็รีบปิด จะต้องทำยังไงถึงจะปลอดภัย เธอคิด
เธอเดินกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้งและหยิบเชือกสีขาวในลิ้นชัก เพื่อไว้พันล็อกไม่ให้เพื่อนบ้านดันประตูข้ามมายังอาณาเขตบ้านของเธอได้
"แบบนี้สิ ถึงจะสบายใจ คิคิ"
เมื่อสบายใจและปลอดภัยจากสิ่งที่คิดว่าเป็นอันตราย ก็รู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก เธอกลับขึ้นห้องเพื่อนอนพักผ่อนและตั้งนาฬิกาปลุกไว้เที่ยงคืน ถ้าเธอตื่น...เธอก็จะเป็นผู้ฟังที่ดีของเขา
"ค่ะพี่คิม รัตรู้สึกนอนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่" เธอโกหก จริงๆ แล้วเธอกลัว ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเธอไม่กล้าไปหลังบ้านอีกเลย
"มาอยู่กับผมไหม วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่ไม่กลับมานอนที่บ้าน"
"ไม่เป็นไรพี่คิม ให้พยาบาลดูแลพี่เหมือนเดิมดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่พี่กลับมาจะตำหนิรัตได้นะคะ" ฐิติรัตน์ยิ้มให้กับแฟนของเธอ อีกไม่กี่อาทิตย์คิมก็จะฝึกเดินแล้ว รีบหายจะได้ออกจากหมู่บ้านนี้เสียที
"เอาที่รัตสบายใจเลยครับ" คิมไม่อยากทำให้รัตลำบากใจ ไหนจะพ่อกับแม่ของเขาอีกที่เคร่งครัดในคำทำนายบ้าๆ นั่น ถ้าพวกท่านไม่เชื่อคำทาย เขากับรัตคงได้แต่งงานมีลูกกันไปแล้วก็ได้
วันนี้ทั้งวันฐิติรัตน์อยู่แต่ในบ้านคิมหันต์ เธอคอยดูแลแฟนหนุ่มอยู่ไม่ห่าง จนกระทั่งหกโมงเย็นได้เวลาที่เธอต้องกลับบ้านของตัวเอง
"พี่คิม รัตไปก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้รัตจะมาหาใหม่"
"ไม่ไปไม่ได้เหรอ" คิมหันต์ใช้น้ำเสียงอ้อนจนฐิติรัตน์เริ่มใจอ่อน
หรือว่าเราจะอยู่เป็นเพื่อนเขาดี...
"คือว่า..."
จู่ๆ ก็มีเสียงรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน
"เดี๋ยวรัตไปดูให้ค่ะ" ใครกันมาเวลานี้
ยังไม่ทันที่ฐิติรัตน์จะไปเปิดประตู บิดามารดาของคิมหันต์ก็เข้ามา พวกเขาไม่ได้ไปไหนอย่างที่คิมหันต์คิด
"อ้าว...สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า"
"คิมหันต์ล่ะลูก" มารดาของคิมหันต์ถามด้วยความเอ็นดู
"ผมอยู่นี่ครับ" คิมหันต์รีบออกมารายงานตัวก่อนที่พวกท่านจะเข้าใจผิดทันที
"เป็นไงบ้างวันนี้ มีเจ็บที่ไหนไหม" คนเป็นแม่รีบถามด้วยความเป็นห่วง และเข้าไปใกล้ๆ ลูกชาย
"ไม่เลยครับ รัตดูแลผมเป็นอย่างดี" คิมหันต์หันมายิ้มให้แฟนสาว เขาอุ่นใจทุกครั้งที่มีฐิติรัตน์อยู่
ฐิติรัตน์เองก็ส่งยิ้มให้กับทุกคนก่อนที่จะหาช่องทางกลับบ้าน เธอรู้ดีว่าบิดามารดาของแฟนหนุ่มนั้น หวงลูกชายขนาดไหน ตั้งแต่เล็กยันโตตามใจแทบทุกอย่าง มีเพียงเรื่องคำทำนายเท่านั้นที่พวกเขาไม่ยอมทำตามใจชายหนุ่มเพราะมันส่งผลต่อชีวิตของคิมหันต์
"เราคงเหนื่อยแย่เลยสินะ" บิดาของคิมหันต์หันมายิ้มให้กับฐิติรัตน์ น้ำเสียงนั้นไม่ได้มีความเป็นห่วงจริงอย่างที่พูด เธอรู้ดี
"ไม่เลยค่ะ หนูเต็มใจ"
"วันนี้เอาขนมไปทานที่บ้านซิจ้ะ" ขนมต้มกับขนมตาลสูตรดั้งเดิมน่าอร่อย ถูกยื่นให้กับฐิติรัตน์
เธอรู้ว่าดึกแล้วและสมควรกลับบ้าน วิธีการพูดแบบนี้เป็นการไล่ทางอ้อม ตั้งแต่คิมหันต์ประสบอุบัติเหตุพวกเขาทั้งสองมักจะทำตัวเหินห่างจากเธอ ทำเหมือนกับว่าเธอเป็นคนผิดที่ทำให้ลูกชายของพวกเขาบาดเจ็บ
"หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ...ไปก่อนนะพี่คิม" ฐิติรัตน์ลากลับ และเป็นอย่างที่คิดไม่มีใครรั้งให้เธออยู่ต่อ ท่านทั้งสองเพียงแค่พยักหน้ายิ้มให้เท่านั้น
ส่วนคิมหันต์ทำสายตาอ้อนวอน ส่งมาให้แฟนสาวถึงแม้จะไม่เป็นผล
"โชคดีนะพี่" พูดเป็นคำแบบไม่ส่งเสียงแล้วส่งกลับไปหาแฟนหนุ่ม ก่อนที่เธอจะเปิดประตูเพื่อกลับบ้าน
คิมหันต์เห็นแบบนั้นก็เลยยิ้มออก ให้พยาบาลประจำตัวมาดูแลเขาต่อและเข็นพาเขาไปหาผู้ใหญ่
ระหว่างเดินกลับบ้านเธอรู้สึกเจ็บหลังเล็กน้อย คงเป็นผลมาจากโดนชายบ้าคนนั้นผลักกระแทกกำแพง
"คงเป็นคนโรคจิตแน่" เธอคิด
ฐิติรัตน์สลัดความคิดออกไป แค่นึกถึงวันนั้นก็ทำให้เธอเย็นหลังวาบๆ เป็นชายอันตรายเกินไป เราต้องระวังตัวให้มากกว่านี้
"เอ๊ะ!..." ตกใจกับถุงยาที่มาห้อยไว้หน้าประตูทางเข้า
เธอหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวง ไม่ใช่ว่าใครแกล้งเธอแล้วแอบซ่อนตัวอยู่หรอกนะ
แต่เมื่อมองไปก็เจอแต่ความว่างเปล่า เราอาจจะคิดมาเกินไป ฐิติรัตน์หยิบถุงที่แขวนหน้าประตูติดมือเข้าบ้านมาด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอดูเสียหน่อยว่าในถุงยานี้ใส่อะไรไว้
เปิดถุงยาถึงเห็นยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด กับแผ่นยาแปะกล้ามเนื้อห้าหกแผ่นอยู่ในถุง พร้อมกับเขียนวิธีการทานไว้บนซองเรียบร้อย
"หรือจะเป็นเขา" คงคิดถึงคนอื่นไม่ได้นอกเสียจากคนๆ นั้นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเธอต้องบาดเจ็บ
"เขาก็มีส่วนดีอยู่เหมือนกันนะ"
ฐิติรัตน์ยิ้มน้อยๆ กับถุงยาที่ชายแปลกหน้าให้มา หรือเขาจะเป็นพวกอารมณ์แปรปรวน แต่ยังไงเราก็ต้องขอบคุณเขา
หลังจากอาบน้ำแปะแผ่นยา ทานอาหารและยาที่ได้มา เธอยอมรับว่ารู้สึกดีจริงๆ ไม่แน่คืนนี้อาจจะขอเข้าร่วมฟังเพลงบรรเลงของเขาอีกสักคืน หวังว่าเขายังคงเล่นเหมือนเดิมอยู่
"เที่ยงคืนสินะ"
มือหนึ่งจัดขนมที่คุณลุงคุณป้าซื้อไว้แยกใส่กล่องพลาสติก เธอมักเก็บไว้หลังจากทานอาหารสำเร็จรูปที่เซเว่น เธอเป็นคนชอบเก็บกล่องต่างๆ เพื่อสะดวกแยกเก็บวัตถุดิบอาหารได้เป็นสัดส่วน
วันนี้ได้ใช้เสียทีหลังจากเก็บมานานหลายมื้อ เธอแยกขนมอีกส่วนหนึ่งไว้ขอบคุณเขา และคาดหวังว่าเขาจะตอบรับคำขอบคุณนั้น
"จริงๆ เขาทำกับเรา เราไม่น่าแบ่งขนมให้เลยนะ" มาคิดดูอีกที ที่เขาซื้อยาให้ก็ถูกอยู่แล้วเพราะเขาเป็นคนผิด
"ช่างเถอะ เราแบ่งให้นั้นแหละดีแล้ว"
ฐิติรัตน์สลัดความคิดไม่ดีออกไป อย่างน้อยเป็นมิตรกันไว้ก็ยังดีกว่าเป็นศัตรู
ก่อนจะมืดมากกว่านี้ ฐิติรัตน์ย่องไปข้างหลังบ้าน ครั้งนี้จะต้องระวังเป็นพิเศษอย่าให้เขารู้ตัวได้ ว่าไปแล้วก็อันตรายเหมือนกันเพราะประตูที่อยู่ระหว่างกำแพงมันล็อกไม่ได้และไม่มีกุญแจล็อกอะไรเลย
ฐิติรัตน์เปิดประตูแง้มๆ และเอาถุงที่ใส่ขนมแขวนตรงกลอนประตูทางฝั่งเพื่อนบ้าน จากนั้นเธอก็รีบปิด จะต้องทำยังไงถึงจะปลอดภัย เธอคิด
เธอเดินกลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้งและหยิบเชือกสีขาวในลิ้นชัก เพื่อไว้พันล็อกไม่ให้เพื่อนบ้านดันประตูข้ามมายังอาณาเขตบ้านของเธอได้
"แบบนี้สิ ถึงจะสบายใจ คิคิ"
เมื่อสบายใจและปลอดภัยจากสิ่งที่คิดว่าเป็นอันตราย ก็รู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก เธอกลับขึ้นห้องเพื่อนอนพักผ่อนและตั้งนาฬิกาปลุกไว้เที่ยงคืน ถ้าเธอตื่น...เธอก็จะเป็นผู้ฟังที่ดีของเขา
HM06
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ย. 2563, 22:55:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ย. 2563, 22:55:59 น.
จำนวนการเข้าชม : 438
<< จับตัวได้แล้ว | มีคนหายในหมู่บ้าน >> |