ม่านมนตกานต์: รางนาก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ญาตาวี เสน่ห์จันทน์’ ดาราเจ้าบทบาทแถวหน้าของเมืองไทย
เธอประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
แต่! กลับล้มเหลวในชีวิตรักอย่างยับเยิน
เธอหอบร่างกายบอบช้ำและหัวใจที่แหลกสลายกลับมายัง ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’
ที่นี่เธอได้พบกับ ‘นางฟ้าน้อย’ พรายกุมารที่คอยช่วยเหลือ และปลอบโยนเธอจากความเศร้า
หัวใจของเธอได้รับการเยียวยาจนได้พบกับ ‘สารวัตรเขมินทร์’
ผู้ชายที่เปลี่ยนโลกทั้งใบของหญิงสาวไปตลอดกาล
ทว่า...เงื่อนงำในเรือนเสน่ห์จันทน์ยังคงเป็นปริศนา!!!
ชีวิตของเธอแขวนอยู่บนเส้นด้าย
รอวันร่วงหล่นลงขุม ‘อวิชชา’ เลวร้าย
เธอและเขาจะก้าวผ่านมันไปได้หรือไม่...
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย รางนาก(สะมะเรีย) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ เล่มจบของซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ค่ะ เปิดเปลือยชีวิตของทุกตัวละคร เฉลยทุกปมฆาตกรรมที่ยังค้างคา และจุดจบของยายเจิมจันทร์กับเรือนเสน่ห์จันทน์ที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ห้ามพลาดเด็ดขาด!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก, ร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อม่านมนตกานต์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ม่านมนตกานต์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และเลื่อมลายพรายจันทร์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(ม่านมนตกานต์ เป็นเรื่องราวของหนึ่งในหลานสาวบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
เธอประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
แต่! กลับล้มเหลวในชีวิตรักอย่างยับเยิน
เธอหอบร่างกายบอบช้ำและหัวใจที่แหลกสลายกลับมายัง ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’
ที่นี่เธอได้พบกับ ‘นางฟ้าน้อย’ พรายกุมารที่คอยช่วยเหลือ และปลอบโยนเธอจากความเศร้า
หัวใจของเธอได้รับการเยียวยาจนได้พบกับ ‘สารวัตรเขมินทร์’
ผู้ชายที่เปลี่ยนโลกทั้งใบของหญิงสาวไปตลอดกาล
ทว่า...เงื่อนงำในเรือนเสน่ห์จันทน์ยังคงเป็นปริศนา!!!
ชีวิตของเธอแขวนอยู่บนเส้นด้าย
รอวันร่วงหล่นลงขุม ‘อวิชชา’ เลวร้าย
เธอและเขาจะก้าวผ่านมันไปได้หรือไม่...
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย รางนาก(สะมะเรีย) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ เล่มจบของซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ค่ะ เปิดเปลือยชีวิตของทุกตัวละคร เฉลยทุกปมฆาตกรรมที่ยังค้างคา และจุดจบของยายเจิมจันทร์กับเรือนเสน่ห์จันทน์ที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ห้ามพลาดเด็ดขาด!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก, ร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อม่านมนตกานต์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ม่านมนตกานต์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และเลื่อมลายพรายจันทร์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(ม่านมนตกานต์ เป็นเรื่องราวของหนึ่งในหลานสาวบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 7 -30% + วางขายศูนย์หนังสือจุฬาฯ
วันนี้ก่อนต่อนิยายขอแจ้งข่าวก่อนจ้า
ม่านมนตกานต์มีวางจำหน่ายที่ ‘ศูนย์หนังสือจุฬาฯ’ แล้วนะคะ ฝากอุดหนุนด้วยน้าาาา
สำหรับช่องทางออนไลน์ ดังนี้
1.สั่งซื้อตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: Plaipakkabooks
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก, ร้านBestbookSmile
3.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
((เฉพาะ shopee ส่งฟรีลงทะเบียน))
******************
เขมินทร์ขับรถเข้ามาในซอยหนึ่งย่านชานเมือง หน้าปากซอยมีตึกแถวและร้านอาหารโต้รุ่งอยู่หลายร้านคึกคักสมกับเป็นกรุงเทพฯ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล ซอยนี้เรียกกันติดปากว่าซอยขุนนาง เพราะสมัยก่อนผู้อยู่อาศัยในซอยนี้มีเพียงตระกูลขุนนางมียศมีศักดิ์ แม้ช่วงพื้นที่ต้นซอยจะถูกแบ่งขายไปทำตึกแถวจำนวนมาก แต่จากกลางถึงท้ายซอยยังคงเงียบสงบราวกับอยู่คนละโลก
ชายหนุ่มพอจะรู้ประวัติความเป็นมาของซอยขุนนางมาบ้างคร่าวๆ จากข้อมูลที่เขารวบรวมไว้ อีกทั้งเขายังลองใช้โปรแกรมกูเกิลเอิร์ทสอดส่องซอยนี้เอาไว้แทบทุกซอกทุกมุม แต่ทว่าเมื่อเขาขับรถเอสยูวีพ้นกลางซอยมาได้ เขาก็เพิ่งตระหนักว่า ของจริงนั้นช่างแตกต่างจากการนั่งดูอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
มันช่าง...เงียบสงัด...จนน่าวังเวงไม่ต่างจากป่าช้า
แสงไฟจากรถของเขาที่สาดไปยังพื้นถนนเบื้องหน้า ต้นไม้ต้นใหญ่ทอดเงาลงบนพื้นถนน มองเผินๆ ราวกับร่างสูงยาวของเปรตเดินกันขวักไขว่
ชายหนุ่มสะบัดหน้าแรงๆ เพื่อเรียกสติ เขาไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางเทวดา วิทยาศาสตร์พัฒนาไปไกลมากแล้วเขาจะมาถอยหลังด้วยเรื่องราวงมงายไม่ได้
ก็แค่เงาของต้นไม้!
เฮ้ย!
เอี๊ยด!
เขมินทร์เหยียบเบรกแล้วหักหลบจนรถแทบพุ่งชนอิสราภรณ์คลินิกซึ่งบัดนี้เงียบสนิทไม่มีแม้แสงไฟบ่งบอกว่าปิดทำการไปนานแล้ว หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงเพ่งมองไปบนท้องถนน เห็นแมวดำกำลังเดินนวยนาดข้ามถนนอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณตำรวจ”
“ไม่เป็นอะไรครับ ผมแค่ตกใจไม่คิดว่าจะมีแมวกระโดดออกมา”
“อ๋อ” ญาตาวีพยักหน้าช้าๆ กอดอกเอาไว้ด้วยว่ายังรู้สึกหนาว แม้เธอจะสวมเสื้อแจ็กเกตหนังของสารวัตรหนุ่มอยู่ ก็มิได้ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นแต่อย่างใด “ซอยบ้านฉันมีแมวเยอะค่ะ โดยเฉพาะแมวดำ”
“เหรอครับ” ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะตัดสินใจลงจากรถไปสำรวจความเสียหาย โชคดีที่รถไม่ได้ชนกำแพงอย่างที่นึกกลัว
“คุณส่งฉันแค่นี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันเดินเข้าไปในบ้านเอง”
“ครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่ประตูรั้ว”
“อย่าเลยค่ะ ฉันรบกวนคุณตำรวจมามากแล้ว เอาไว้วันหลังฉันจะหาทางตอบแทนบุญคุณคุณตำรวจ ที่อุตส่าห์ช่วยฉันไว้จากคุณนิรุชนะคะ” ญาตาวีรู้สึกผิดที่ลวนลามชายหนุ่ม เธอไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าเธอทำอะไรเขาลงไปบ้าง แค่ตอนที่ได้สติแล้วพบว่าตัวเองนั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา เธอก็อับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
“ถ้าอย่างนั้นขอเป็นกาแฟสักแก้วเป็นการตอบแทนได้ไหมครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาส่งหญิงสาวถึงหน้าประตูรั้วซึ่งทำจากไม้สักขนาดใหญ่ บ่งบอกฐานะของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดี
“ได้สิคะ” หญิงสาวตกปากรับคำแม้ว่าเวลานี้จะล่วงเข้าสองยามแล้วก็ตาม ให้ดื่มและนั่งคุยที่ใต้ถุนเรือนน่าจะไม่เป็นไร เวลานี้ยายคงนอนหลับไปแล้ว คิดพลางควานมือลงไปในกระเป๋าเพื่อหารีโมตประตู รีโมตนี้สายพิณเพิ่งให้เธอไว้ เพราะเธอเองแทบไม่ได้กลับบ้านเลยจนยายเปลี่ยนแปลงประตูรั้วใหม่สั่งทำแบบเปิดอัตโนมัติตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ทันทีที่ประตูรั้วเปิดออก สายลมเย็นก็พัดแรงปะทะใบหน้าคมคร้ามจนสั่นสะท้าน ไอเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปรอบๆ กายทำให้บรรยากาศที่น่ากลัวอยู่แล้วน่าสยดสยองขึ้นไปอีก สารวัตรหนุ่มสอดส่ายสายตามองเข้าไปจึงเห็นป่าประดู่ขนาดใหญ่ หนทางทอดยาวไกลจนแทบมองไม่เห็นตัวบ้าน
อากาศหนาว เพราะต้นไม้เยอะนี่เอง
เขมินทร์หาเหตุผลให้กับตนเอง แต่แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนมีดวงตาสีแดงกร้าวมองมายังเขา เมื่อหันไปจึงพบว่าแมวดำตัวเมื่อสักครู่นั่งอยู่บนเสาประตูรั้ว มันจ้องมองมายังเขาอย่างอาฆาต
เป็นตำรวจกลัวแมวคงน่าขัน ชายหนุ่มกลั้นหัวเราะก่อนจะย่างเท้าก้าวเข้าไป
‘ออกไป!’
เสียงดังตะโกนลั่นจนแสบหู ยังผลให้ชายหนุ่มถึงกับชะงัก ชักเท้ากลับออกมายืนอยู่นอกรั้วทันที “เมื่อสักครู่คุณญาตาวีพูดว่าอะไรนะครับ”
“คะ” หญิงสาวเอียงใบหน้าน้อยๆ แปลกใจในคำถามของชายหนุ่ม
“เอ่อ...เมื่อสักครู่คุณพูดว่าอะไรหรือครับ”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ”
“งั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ อย่างใช้ความคิด
ถ้าเช่นนั้นเสียงตะคอกนั่นมาจากไหน มันดังเสียจนราวกับมีใครมาตะโกนใส่หูเขาเลยทีเดียว
“เข้ามาก่อนสิคะคุณตำรวจ”
“ผมต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท ขอดื่มกาแฟทั้งที่ตอนนี้ดึกมากแล้ว ผมขอเป็นอาหารเย็นสักมื้อแทนได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ” หญิงสาวรีบตกลงรับปากทันที เธอเองก็ไม่ค่อยสบายใจนัก ถึงแม้ยายจะหลับไปแล้วแต่ถ้าหากท่านตื่นกลางดึกแล้วลงมาเห็นเธอพาผู้ชายเข้าบ้าน คงได้โวยวายด่าทอให้เธออับอายต่อหน้าตำรวจผู้นี้เป็นแน่
“ถ้าอย่างนั้นผมลากลับก่อน”
“เดี๋ยวค่ะ” ญาตาวีเรียกชายหนุ่มเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยถามชื่อของเขา “ฉันยังไม่ทราบชื่อของคุณตำรวจเลยค่ะ”
eBook โหลดได้ที่ mebmarket
ม่านมนตกานต์มีวางจำหน่ายที่ ‘ศูนย์หนังสือจุฬาฯ’ แล้วนะคะ ฝากอุดหนุนด้วยน้าาาา
สำหรับช่องทางออนไลน์ ดังนี้
1.สั่งซื้อตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: Plaipakkabooks
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก, ร้านBestbookSmile
3.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
((เฉพาะ shopee ส่งฟรีลงทะเบียน))
******************
เขมินทร์ขับรถเข้ามาในซอยหนึ่งย่านชานเมือง หน้าปากซอยมีตึกแถวและร้านอาหารโต้รุ่งอยู่หลายร้านคึกคักสมกับเป็นกรุงเทพฯ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล ซอยนี้เรียกกันติดปากว่าซอยขุนนาง เพราะสมัยก่อนผู้อยู่อาศัยในซอยนี้มีเพียงตระกูลขุนนางมียศมีศักดิ์ แม้ช่วงพื้นที่ต้นซอยจะถูกแบ่งขายไปทำตึกแถวจำนวนมาก แต่จากกลางถึงท้ายซอยยังคงเงียบสงบราวกับอยู่คนละโลก
ชายหนุ่มพอจะรู้ประวัติความเป็นมาของซอยขุนนางมาบ้างคร่าวๆ จากข้อมูลที่เขารวบรวมไว้ อีกทั้งเขายังลองใช้โปรแกรมกูเกิลเอิร์ทสอดส่องซอยนี้เอาไว้แทบทุกซอกทุกมุม แต่ทว่าเมื่อเขาขับรถเอสยูวีพ้นกลางซอยมาได้ เขาก็เพิ่งตระหนักว่า ของจริงนั้นช่างแตกต่างจากการนั่งดูอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
มันช่าง...เงียบสงัด...จนน่าวังเวงไม่ต่างจากป่าช้า
แสงไฟจากรถของเขาที่สาดไปยังพื้นถนนเบื้องหน้า ต้นไม้ต้นใหญ่ทอดเงาลงบนพื้นถนน มองเผินๆ ราวกับร่างสูงยาวของเปรตเดินกันขวักไขว่
ชายหนุ่มสะบัดหน้าแรงๆ เพื่อเรียกสติ เขาไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางเทวดา วิทยาศาสตร์พัฒนาไปไกลมากแล้วเขาจะมาถอยหลังด้วยเรื่องราวงมงายไม่ได้
ก็แค่เงาของต้นไม้!
เฮ้ย!
เอี๊ยด!
เขมินทร์เหยียบเบรกแล้วหักหลบจนรถแทบพุ่งชนอิสราภรณ์คลินิกซึ่งบัดนี้เงียบสนิทไม่มีแม้แสงไฟบ่งบอกว่าปิดทำการไปนานแล้ว หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงเพ่งมองไปบนท้องถนน เห็นแมวดำกำลังเดินนวยนาดข้ามถนนอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณตำรวจ”
“ไม่เป็นอะไรครับ ผมแค่ตกใจไม่คิดว่าจะมีแมวกระโดดออกมา”
“อ๋อ” ญาตาวีพยักหน้าช้าๆ กอดอกเอาไว้ด้วยว่ายังรู้สึกหนาว แม้เธอจะสวมเสื้อแจ็กเกตหนังของสารวัตรหนุ่มอยู่ ก็มิได้ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นแต่อย่างใด “ซอยบ้านฉันมีแมวเยอะค่ะ โดยเฉพาะแมวดำ”
“เหรอครับ” ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะตัดสินใจลงจากรถไปสำรวจความเสียหาย โชคดีที่รถไม่ได้ชนกำแพงอย่างที่นึกกลัว
“คุณส่งฉันแค่นี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันเดินเข้าไปในบ้านเอง”
“ครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่ประตูรั้ว”
“อย่าเลยค่ะ ฉันรบกวนคุณตำรวจมามากแล้ว เอาไว้วันหลังฉันจะหาทางตอบแทนบุญคุณคุณตำรวจ ที่อุตส่าห์ช่วยฉันไว้จากคุณนิรุชนะคะ” ญาตาวีรู้สึกผิดที่ลวนลามชายหนุ่ม เธอไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าเธอทำอะไรเขาลงไปบ้าง แค่ตอนที่ได้สติแล้วพบว่าตัวเองนั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา เธอก็อับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี
“ถ้าอย่างนั้นขอเป็นกาแฟสักแก้วเป็นการตอบแทนได้ไหมครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาส่งหญิงสาวถึงหน้าประตูรั้วซึ่งทำจากไม้สักขนาดใหญ่ บ่งบอกฐานะของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดี
“ได้สิคะ” หญิงสาวตกปากรับคำแม้ว่าเวลานี้จะล่วงเข้าสองยามแล้วก็ตาม ให้ดื่มและนั่งคุยที่ใต้ถุนเรือนน่าจะไม่เป็นไร เวลานี้ยายคงนอนหลับไปแล้ว คิดพลางควานมือลงไปในกระเป๋าเพื่อหารีโมตประตู รีโมตนี้สายพิณเพิ่งให้เธอไว้ เพราะเธอเองแทบไม่ได้กลับบ้านเลยจนยายเปลี่ยนแปลงประตูรั้วใหม่สั่งทำแบบเปิดอัตโนมัติตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ทันทีที่ประตูรั้วเปิดออก สายลมเย็นก็พัดแรงปะทะใบหน้าคมคร้ามจนสั่นสะท้าน ไอเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปรอบๆ กายทำให้บรรยากาศที่น่ากลัวอยู่แล้วน่าสยดสยองขึ้นไปอีก สารวัตรหนุ่มสอดส่ายสายตามองเข้าไปจึงเห็นป่าประดู่ขนาดใหญ่ หนทางทอดยาวไกลจนแทบมองไม่เห็นตัวบ้าน
อากาศหนาว เพราะต้นไม้เยอะนี่เอง
เขมินทร์หาเหตุผลให้กับตนเอง แต่แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนมีดวงตาสีแดงกร้าวมองมายังเขา เมื่อหันไปจึงพบว่าแมวดำตัวเมื่อสักครู่นั่งอยู่บนเสาประตูรั้ว มันจ้องมองมายังเขาอย่างอาฆาต
เป็นตำรวจกลัวแมวคงน่าขัน ชายหนุ่มกลั้นหัวเราะก่อนจะย่างเท้าก้าวเข้าไป
‘ออกไป!’
เสียงดังตะโกนลั่นจนแสบหู ยังผลให้ชายหนุ่มถึงกับชะงัก ชักเท้ากลับออกมายืนอยู่นอกรั้วทันที “เมื่อสักครู่คุณญาตาวีพูดว่าอะไรนะครับ”
“คะ” หญิงสาวเอียงใบหน้าน้อยๆ แปลกใจในคำถามของชายหนุ่ม
“เอ่อ...เมื่อสักครู่คุณพูดว่าอะไรหรือครับ”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ”
“งั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ อย่างใช้ความคิด
ถ้าเช่นนั้นเสียงตะคอกนั่นมาจากไหน มันดังเสียจนราวกับมีใครมาตะโกนใส่หูเขาเลยทีเดียว
“เข้ามาก่อนสิคะคุณตำรวจ”
“ผมต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท ขอดื่มกาแฟทั้งที่ตอนนี้ดึกมากแล้ว ผมขอเป็นอาหารเย็นสักมื้อแทนได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ” หญิงสาวรีบตกลงรับปากทันที เธอเองก็ไม่ค่อยสบายใจนัก ถึงแม้ยายจะหลับไปแล้วแต่ถ้าหากท่านตื่นกลางดึกแล้วลงมาเห็นเธอพาผู้ชายเข้าบ้าน คงได้โวยวายด่าทอให้เธออับอายต่อหน้าตำรวจผู้นี้เป็นแน่
“ถ้าอย่างนั้นผมลากลับก่อน”
“เดี๋ยวค่ะ” ญาตาวีเรียกชายหนุ่มเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยถามชื่อของเขา “ฉันยังไม่ทราบชื่อของคุณตำรวจเลยค่ะ”
eBook โหลดได้ที่ mebmarket
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ย. 2563, 10:32:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ย. 2563, 10:32:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 382
<< บทที่ 6 -100% | บทที่ 7 -60% >> |