ปั้นรักจนเต็มหัวใจ
"สิรวิชญ์" ได้ถูกจ้างให้ไปดูแล "ชสุดา" น้องสาวของพี่สะใภ้ ที่เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง (มาก)
โดยเขาเองไม่รู้ตัวเลยว่าความใกล้ชิดค่อย ๆ ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก"
โดยเขาเองไม่รู้ตัวเลยว่าความใกล้ชิดค่อย ๆ ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก"
Tags: ปั้นรักจนเต็มหัวใจ น่ารัก กุ๊กกิ๊ก แอบรัก แอบชอบ ละมุน ฟิน หวานๆ
ตอน: ตอนที่ 3 ไม่ลอง ไม่รู้นะ
ตอนที่ 3
ไม่ลอง ไม่รู้นะ
“เป็นไงเป็นกัน สู้เว้ย”
สิรวิชญ์ขับรถมาถึงหน้าบ้านของชสุดาแล้ว เขาตัดสินใจอยู่นานว่าจะลงไปดีไหม แต่ไหน ๆ ก็มาถึงที่แล้วยังไงก็ต้องลงไปหาเจ้าของบ้าน สิรวิชญ์ลองเอาคำแนะนำของพี่ชายมาใช้คือซื้อขนมมาฝาก เขาหวังว่าเธอก็น่าจะชอบมัน
หลังจากที่เขามาส่งชสุดาแล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าน้องชาน่าจะหิวก็เลยแวะไปซื้อข้าวกับชุดทำแผลมาให้โดยแขวนไว้ที่ประตูรั้ว เขาแอบรออยู่ครู่หนึ่งพอเห็นเธอเดินมาเอาของแล้วเขาถึงขับรถออกไป
เมื่อคืนการคุยกับเพื่อนที่ร้านประจำแล้ว เขาก็เอาคำพูดของเพื่อนสนิทอย่างเจ้าคิน กลับมาคิดทบทวนดูว่าจะทำยังไงกับน้องชาคนนี้ดี เขาไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย ต้องเขาหาอย่างไรดี คำแนะนำที่เพื่อนบอกมาก็คือ ถ้าเขาชอบอะไรก็ชวนคุยเรื่องนั้นแหละ
เขาลงจากรถแล้วมากดกริ่งที่หน้าบ้าน ทุกวินาทีที่รอหัวใจของเขามันเต้น ตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ มากเลย เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่คิดว่าเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ต้องมาหาผู้หญิงที่บ้านเหรอ มันไม่ใช่ทางของเขาเลย ชีวิตของเขามีแต่ผู้หญิงมาหาตลอด
ชายหนุ่มรอสักพักก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตูรั้วให้อีก เขาก็ลองกดกริ่งอีกครั้ง
“หรือว่าจะไม่อยู่วะ ไม่อยู่แล้วจะไปไหน” เขาบ่นกับตัวเอง
หญิงสาวเดินออกมาแล้วในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่โคร่ง สวมกางเกงวอร์มขายาวสีดำ นี่แฟชั่นยุคไหนเนี่ย สิรวิชญ์คิดในใจ ทรงผมก็ประหลาด ไม่หวีเลยปล่อยให้ฟูและดูพันกันยุ่งไปหมด ในโลกนี้มันมีผู้หญิงที่ซกมกไม่ดูแลตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อก่อนที่เคยเจอกันน้องชาไม่ใช่คนแบบนี้นี่นา
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ยังยกมือไหว้สวัสดี
“สวัสดีครับ น้องชา พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
“คุย?” หญิงสาวขมวดคิ้วพลางสงสัย วันดีคืนดีไม่เคยเจอกัน ไม่เคยคุยกัน จู่ ๆ ก็มาหาที่บ้านแล้วขอคุยด้วยเนี่ยนะ เพี้ยน
“พี่อยากคุยเรื่องนิยายของเราน่ะ” สิรวิชญ์คิดว่าเธอชอบนิยายก็ชวนคุยเรื่องนิยายเหมาะสมที่สุด
“เรื่องไหน...คะ” พี่วิชญ์เขาเคยอ่านนิยายของเธอด้วยเหรอ เธอคิดในใจ นิยายของเธอไม่ใช่นิยายขายดี จริง ๆ ก็แทบไม่มีคนรู้จักเลยด้วยซ้ำ
“ก็ทุกเรื่องเลยค่ะ” สิรวิชญ์ไม่รู้จะตอบยังไง เขาไม่เคยรู้เกี่ยวกับนิยายของเธอเลย เพิ่งจะรู้ว่าเธอเขียนนิยายก็เมื่อวานนั่นแหละ เลยตอบรวม ๆ ไปก่อน
“พี่ตามอ่านนิยายของชาอยู่เหรอ” เขาสังเกตแววตาของคนตรงหน้า พอพูดถึงนิยายแล้วตาของเธอจะสดใส ดูเธอมีความสุขในโลกนิยายของเธอจริง ๆ
“ขอเข้าไปคุยในบ้านได้ไหม แดดมันร้อนน่ะ”
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวเปิดประตูรั้วให้เขาเดินเข้าไป พอเข้าไปแล้วชายหนุ่มก็ได้เห็นกับมุมที่จัดสวนไว้มีแต่ต้นไม้ที่เหี่ยวแห้ง ไร้การดูแล เมื่อก่อนที่เขาเคยมามันยังเขียวขจีสวยกว่านี้ตั้งเยอะ
“จะรกหน่อยนะ ยังไม่ได้เก็บ” เธอพาเขาเข้ามาในตัวบ้าน
ไม่หน่อยแล้วมั้ง แบบนี้เรียกว่าโคตรรกเลย แขกผู้มาเยือนคิด ไม่รู้ว่าเธออยู่ไปได้ยังไงนะ ทั้งรกทั้งสกปรกเลย มองไปทางไหนก็มีแค่ช่องทางไว้สำหรับเดิน ที่พื้นก็มีทั้งถุงขยะ ผ้าขี้ริ้ว หรือว่าเสื้อผ้าที่เธอใส่แล้วยังไม่ได้ซักกันแน่ และมีของต่าง ๆ วางระเกะระกะไปหมด บ้านชายโสดที่ว่ารกแล้วยังแพ้บ้านหญิงโสดแบบน้องชาเลย รกแบบว่ารกได้โล่เลยอะ
“เชิญนั่งค่ะ” หญิงสาวกำลังเก็บของที่อยู่บนโซฟาออก เพื่อให้เขาได้มีพื้นที่ได้นั่งหย่อนก้นเล็กน้อย “ไม่มีน้ำนะ น้ำหมด”
“ไม่เป็นไรครับ” สิรวิชญ์ได้แต่คิดว่าได้เหรอวะ มีแขกมาบ้านแต่ไม่มีน้ำให้แขกดื่ม เออ ก็อาจจะใช่น้องชาเขาไม่ปกติเหมือนคนอื่นนี่นา
“มีธุระอะไรเหรอคะ”
“คือพี่มีเพื่อนเขากำลังมองหาบทละครหรือนิยายอยู่ เพื่อเอาไปทำเป็นละครโทรทัศน์น่ะ” เขาโกหกคำโต เรื่องนี้ไม่มีใครต้องการหาบทอะไรทั้งนั้นเขาแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเอง เพราะถ้าไม่พูดอย่างนี้น้องชาอาจจะไม่คุยกับเขาก็ได้
“แล้ว?”
“เพื่อนพี่มันก็มาปรึกษาไง ว่าแบบเออรู้จักนักเขียนบ้างไหมไรงี้ พี่ก็เลยนึกถึงชาว่าชาเขียนนิยายน่ะ”
“ค่ะ”
“ชาสนใจไหม”
“ไม่ค่ะ ชาเขียนไม่เก่ง สู้คนอื่น ๆ ไม่ได้หรอก”
“เขาไม่ได้เน้นว่าเก่งหรือไม่เก่ง เขียนบทมันปรับบทกันได้ มันเรียนรู้กันได้”
“แล้วทำไมเขาไม่ไปหาพวกนักเขียนคนดัง ๆ ละคะ”
“เขา...เขาต้องการนักเขียนหน้าใหม่น่ะ”
“ไม่ค่ะ ชาไม่ว่าง มีงานค้างอยู่”
“แต่ว่างานนี้ได้เรื่องละหนึ่งแสนเลยนะ”
“เรื่องละแสนเลยเหรอ” หญิงสาวตาลุกวาวกับโอกาสที่จะได้รับเงินแสน ถ้างานของเธอได้รับคัดเลือก เธอก็จะมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก เธอก็จะมีแฟนคลับเยอะขึ้น แล้วงานก็จะขายได้ง่ายขึ้น
“ใช่ค่ะ เรื่องละตั้งหนึ่งแสน น้องชาอยากลองส่งไหม พี่ช่วยได้นะ” สิรวิชญ์คิดว่าถ้ามาคุยแบบสายแข็งกับน้องชาคงไม่รอดแน่ น้องคงจะไม่อยากคุยด้วย สังเกตได้จากวันก่อนเรื่องแผลที่ข้อมือดูเธอจะไม่พอใจ เขาก็เลยต้องมาในแนวพูดคะขา หวานละมุน ๆ ที่สาว ๆ ส่วนใหญ่ชอบกัน เธอน่าจะไม่กลัวเขา เธอน่าจะสบายใจที่จะพูดด้วย สิรวิชญ์คิดเช่นนี้
“ช่วยแบบไหนคะ ใช้เส้นฝากงานเหรอ”
“ไม่ ๆ ๆ ไม่ใช่แบบนั้น พี่หมายถึงพี่ช่วยแนะนำ ช่วยอ่านได้”
“อ่อ แต่ว่า…”
“น้องชาไม่อยากพิสูจน์ตัวเองบ้างเหรอ แสดงให้คนที่ว่าน้องชาเห็นสิ ว่าน้องชาก็ทำได้ นี่มันเป็นงานที่น้องชารักเลยไม่ใช่เหรอคะ” ได้ผลเว้ยเห้ย พูดหวาน ๆ เพราะ ๆ อ้อนหน่อย หญิงชอบ
“ค่ะ”
“แล้วสรุปว่าน้องชาสนใจไหม”
“สนใจค่ะ”
“เอาอย่างนี้ถ้าสนใจเดี๋ยวเรามาสัญญากันก่อนได้ไหมคะว่า น้องชาจะต้องทำตามคำแนะนำที่พี่บอก”
“อะไรบ้างคะ”
“อันดับแรก ทำความสะอาดบ้านค่ะ” เมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ เขาก็ต้องใช้อำนาจนั้นอย่างคุ้มค่าที่สุด ในเมื่อน้องชาเริ่มฟังเขาแล้ว เขาก็ต้องช่วยดูแลน้องอย่างที่พี่ชายเขาจ้างมาให้ได้
“หะ...มันเกี่ยวอะไรกันคะ”
“น้องชาเคยได้ยินไหม สังคมดี สิ่งแวดล้อมดี อะไร ๆ มันก็จะดีขึ้น ถ้าน้องชาอยู่ในสภาวะที่ไม่ดี หรือบ้านสกปรก งานเราก็จะไม่ออกมาดีด้วยนะ”
“ไม่เคยได้ยินค่ะ”
“ก็ลองทำดูก่อนก็ได้ เผื่อว่าเก็บบ้านไป เจอของโน่นนี่นั่น จะได้เป็นไอเดียไง”
“เหรอคะ” ชสุดาคิดถามสิรวิชญ์ มันก็จริงนะ เวลาได้ทำอะไรใหม่ ๆ ไอเดียมักจะพุ่งกระฉูด
“แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง คือจากนี้พี่คงต้องมาหาน้องชาบ่อยขึ้น เพื่อที่เราจะได้คุยเรื่องบทกัน แล้วน้องชาจะให้พี่อยู่บ้านที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดแบบนี้เหรอ”
“อือ ก็ได้ค่ะ”
“งั้นเริ่มเก็บที่วันนี้เลยนะ”
“แต่ว่าชางานยุ่งอยู่นะ”
“ยุ่งก็พักก่อนค่ะ เก็บบ้านก่อน เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บอีกแรง จะได้เสร็จไว ๆ”
“ค่ะ แล้วเรื่อง…” ชสุดากำลังจะถามถึงที่เขาได้เห็นแผลของเธอเมื่อวาน
“เรื่องอะไรเหรอคะ?”
“เรื่องแผล พี่ไม่ได้บอกใครใช่ไหม”
“เปล่า ๆ ไม่ได้บอกใครทั้งนั้น”
“ก็ดีแล้วค่ะ”
“อืม แล้วถังขยะอยู่ไหนเหรอคะ จะได้เริ่มเก็บเลย”
“เอ่อ…” ชสุดาก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าถังขยะอยู่ไหน ก็เธอไม่ได้สนใจการทำความสะอาดบ้านเลยนี่นาเธอก็ตั้งใจทำงานอย่างเดียว
“เจอแล้ว” เมื่อเห็นเจ้าของบ้านทำหน้างง เขาก็เลยเดินไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าถังขยะอยู่หน้าห้องน้ำ สิรวิชญ์ไม่กล้าเปิดมันออกมาเลย เขาคิดว่ามันต้องเน่าแน่ ๆ เขากลั้นหายใจครู่หนึ่งแล้วก็พยายามดึงถุงขยะสีดำแล้วรวบปิดปากถุง “เดี๋ยวพี่เอาถุงนี้ไปทิ้งก่อนนะ แล้วน้องชาหาถุงใบใหม่มาเปลี่ยนด้วย”
คนตัวสูงรีบเดินออกจากบ้านแล้วไปยังถังขยะที่อยู่หน้าบ้านทันที
เขาเองก็ไม่คิดว่าเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย
จ้างแม่บ้านดีไหมวะ
ไม่ดี ๆ ถ้าจ้างแม่บ้านมา มันก็ไม่ได้ใจน้องชาสิ
ถ้าจะตีสนิทมันก็ต้องทุ่มเทแรงกาย แรงใจ อย่างที่เพื่อนเขาบอกมา
เงินสองแสนอยู่ตรงหน้าใครจะปล่อยให้หลุดลอยไปง่าย ๆ โดยเฉพาะคนที่ขี้เหนียวแบบเขา
บ้านที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดมานาน กว่าจะเรียบร้อยก็ใช้เวลาในการทำไปตั้งหลายชั่วโมงกินเวลาไปเกือบทั้งวันแล้ว ครั้งนี้เป็นแรกที่ทำก็ทำได้แค่เพียงเก็บของให้มันเป็นระเบียบมากขึ้น แล้วก็กวาดถูพื้น ถ้าจะทำจริง ๆ วันเดียวก็คงไม่พอ แต่วันนี้ก็ได้ผลเกินกว่าที่คิดไว้ตั้งเยอะ ก่อนจะมาเขาเองก็คิดว่าน้องชาจะไม่ยอมคุย ยอมพูดกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายว่าน้องชาก็ไม่ใช่คนที่เข้าหายาก เธอแค่เป็นคนที่พูดน้อย เขาเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน ก็เหมือนกับคนในครอบครัวเดียวกันนั่นแหละ
“น้องชาส่งไฟล์ต้นฉบับนิยายมาให้พี่ได้ไหม”
“คะ?”
“พี่จะได้เอาไปอ่านไง แล้วก็เลือกดูว่าเรื่องไหนเข้าตาที่สุด”
“อ่อค่ะ ให้ส่งยังไงคะ ชาไม่มีอินเทอร์เน็ตนะ” หญิงสาวหยิบมือถือตัวเองขึ้นมา
“แล้วน้องชาเขียนนิยายออนไลน์ยังไงคะ” สิรวิชญ์เห็นหน้าจอของเธอ แตกเป็นรอยร้าวเต็มหน้าจอ นี่เธอทนใช้มือถือแบบนี้ไปได้ไง แล้วจะมองเห็นตัวหนังสือในจอบ้างไหมเนี่ย
“ชาก็พิมพ์ไว้ในคอมฯ ก่อน แล้วถ้าจะใช้เน็ตวันไหนค่อยเติมเอาวันละยี่สิบบาท ชาแชร์เน็ตเข้ากับคอมฯ น่ะค่ะ”
“งั้นเหรอ แล้วพี่อ่านออนไลน์ได้ไหม”
“อ่านได้ค่ะ แต่ชาลงนิยายไม่จบนะ จะรวมเล่มขายเป็นอีบุ๊กเลยค่ะ”
“อ่อ งั้นพี่ต้องทำยังไงเหรอถึงจะอ่านได้”
“พี่ต้องโหลดแอพก่อนค่ะ”
“ชาทำให้หน่อยได้ไหม พี่ทำไม่ค่อยเป็น” เขาแกล้งพูดไปอย่างนั้น เพราะอยากจะลองใจหญิงสาวดูว่าจะทำให้เขาหรือเปล่า
“ก็ได้ค่ะ”
“ต้องโหลดใส่มือถือใช่ไหม” เขาถามพร้อมยื่นมือถือให้เธอ
“ค่ะ” เธอรับมือถือไปอย่างงงๆ ไม่คิดว่าคนอย่างพี่วิชญ์จะทำไม่เป็น แต่เธอก็ไม่สนใจอะไรมากนักรีบจัดการให้เขาทันที
จากที่ฟังเธออธิบายสิรวิชญ์ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าการทำงานของชสุดาเป็นอย่างไร และถ้าเขาอยากจะสนับสนุนเธอก็คือต้องซื้อนิยายของเธอในแอพนั้น เขาก็เลยกดซื้อนิยายของเธอไปทุกเรื่องเลย โดยเขาไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยว่า เขาไม่ได้เป็นคนจ่ายพี่ชายเขาต่างหากที่เป็นคนจ่าย
เขาสังเกตแววตาของเธอ มันเปล่งประกายทุกครั้งเวลาที่เธอได้พูดถึงนิยายของเธอ เรื่องราวต่าง ๆ ที่เธอเขียน ตัวละครที่เธอสร้างขึ้นมา เธอดูมีความสุขมาก ต่างกับแววตาที่เขาเจอเธอที่บ้านของพี่สาร หรือบนรถตอนค่ำของเมื่อวานเลย
นี่สินะเวลาเราได้ค้นพบว่าเราชอบอะไรแล้ว เราก็จะอยู่กับมันได้อย่างมีความสุข อยากตื่นเช้าทุกวันมาทำในสิ่งที่เราชอบ
ต่างกับเขา เขายังไม่รู้ตัวเองเลยว่าเขาชอบทำอะไร
รู้อย่างเดียวคือว่าเขาชอบเงิน ชอบหาเงิน แต่ใช้เงินอย่างประหยัด ชอบเห็นเงินงอกเงยเมื่อได้เอาไปลงทุนตามแหล่งต่าง ๆ
เขาเปิดบริษัทเล็ก ๆ ขึ้นมา เขาเป็นแค่เพียงสตาร์ทอัพที่มีทีมงานกันแค่ไม่กี่คน ทำเกี่ยวกับทำสื่อประชาสัมพันธ์ ทำโฆษณาสินค้าต่าง ๆ คนในทีมก็เป็นเพื่อนกับรุ่นน้องที่สนิทกัน และรายได้อีกทางก็คือเงินปันผลของบริษัทที่ครอบครัวสร้างขึ้นมา เขาแค่คิดว่าแค่อยากมีอะไรเป็นของตัวเองเท่านั้น เขาไม่ได้ตั้งใจจะเปิดบริษัทด้วยซ้ำ มันไม่ใช่ทางของเขาเลย ที่เปิดก็เพราะเพื่อนชวนเฉย ๆ พอลองทำแล้วผลตอบแทนมันก็ดี ก็เลยทำไป ๆ แต่ไม่ได้รักในงานนั้นเลย
เขาอิจฉาชสุดาที่ได้เจอสิ่งที่รัก แต่แค่สิ่งที่รักของเธอ มันยังไม่ได้ทำเงินให้เธอมากมายเท่าไหร่ งานของชสุดามันต้องใช้ทั้งประสบการณ์ ความรู้ จินตนาการ และปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย
สำหรับเขาอาชีพนักเขียนเป็นอาชีพที่ทำได้ยากมาก และต้องใจรักจริง ๆ
“นี่กี่โมงแล้วเนี่ย” สิรวิชญ์รู้สึกว่าเขาอยู่ที่นี่มานานมาก
“จะหกโมงเย็นแล้วค่ะ”
“ไปกินข้าวกันไหม”
“ไม่ค่ะ”
“ไม่หิวเหรอ ข้าวเที่ยงเราก็ยังไม่ได้กินกันเลยนะ”
“หิวค่ะ”
“ไปเถอะ แค่ปากซอยเอง”
“แต่ว่า…”
ถ้าให้เขาเดา ที่น้องชาไม่อยากไปก็เพราะเธอไม่มีเงินแน่ ๆ
“เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ถือว่าเลี้ยงที่เรากำลังจะได้ร่วมงานกันไง”
“พี่วิชญ์คะ ทำไมพี่ต้องมาทำดีกับชาด้วย”
“ก็เราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ อีกอย่างพี่ก็ไม่ชอบด้วยที่พี่ญาพูดออกไปแบบนั้น มันดูถูกกันชัด ๆ เลยว่าไหม คนเราความชอบไม่เหมือนกัน ใครมันจะไปเก่งหรือเฟอร์เฟคเหมือนพี่ญากับพี่สารล่ะ ทำอะไรก็ดีไปหมด ไม่เก่งแล้วไง ไม่เก่งก็มีหัวใจเว้ย” เขาหันไปถามเธอ “ใช่มะ”
เหมือนคำพูดของเขาจะไปถูกใจชสุดา หญิงสาวดีใจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธอยิ้มกว้างขนาดนี้ เมื่อก่อนที่เคยเจอกันเธอก็ไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ บางทีก็เหมือนยิ้มแค่ตามมารยาท
แค่ทำให้เธอยิ้มได้ เขาก็ดีใจแล้ว ตรงตามจุดประสงค์ของการจ้างงานของพี่สารเป๊ะ เขาต้องทำให้เธอมีความสุข แต่อีกใจหนึ่งเขาก็กลัวเหมือนกัน ว่าถ้าเธอรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เธอจะเกลียดเขาไหม
ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวยอมออกมากินข้าวกับเขา เขาอยากให้เธอออกมาข้างนอกบ้าง อยู่แต่ในบ้านน่าเบื่อจะตาย
ตอนกลับเขาขับมาส่งน้องชา ก่อนที่หญิงสาวจะลงจาก เขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคุยกันมาทั้งวันแล้วยังไม่มีข้อมูลการติดต่อเลย
“จริงสิ พี่ยังไม่มีเบอร์เราเลย”
“คะ”
“ก็จะได้เอาไว้ติดต่อกันไง”
“อ่อค่ะ”
“ไม่ได้จะโทรมาจีบหรอกน่า”
“ชาทราบค่ะ คนหล่อ ๆ อย่างพี่วิชญ์น่ะ คงไม่ตาบอดมาจีบชาหรอก แค่สาว ๆ ในสต็อกก็เยอะแล้ว”
“บ้า ก็พูดไป ไม่มีสักคน” เขาเพิ่งรู้ว่าน้องชานี่ก็ต่อปากต่อคำเก่งเหมือนกัน
“ไม่เชื่อหรอก”
“แล้วต้องทำไง ถึงจะเชื่อ” ชายหนุ่มยื่นหน้ามาหาเธอใกล้ ๆ หวังจะแกล้งให้เธอใจสั่นเล่น มันได้ผล ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ตากลมโตของเธอมันทำให้เธอดูเด็กเสมอ เป็นแค่เสี้ยวนาทีเดียวที่เธอตกใจ แต่กลับกลายเป็นว่าต่อจากนี้เขาต้องกลัวเธอมากกว่าเพราะเธอก็ค่อย ๆ ขยับหน้าเข้าไปหาเขา ทำให้จมูกของทั้งสองเกือบชนกัน
“จูบชาสิ” หญิงสาวพูดเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อยราวกับใจดีสู้เสือ
“พอเลย ทะลึ่งแล้ว ลามปาม” สิรวิชญ์ถอยออกมานั่งพิงเบาะคนขับตามเดิม
“โถ่...ที่จริงก็ป๊อด” เธอท้าทาย แถมยังดูหมิ่นเขาอีก
“ไม่ได้เป็นแฟนกัน จะจูบทำไม”
“สาบานสิว่าเคยจูบแค่แฟน”
“ไม่สาบาน แล้วคราวหลังก็อย่าไปทำอย่างนี้กับผู้ชายคนอื่นนะ มันอันตราย”
“เย้ ชาได้ไอเดียใหม่แล้ว เดี๋ยวจดก่อน ๆ ฉากเมื่อกี้นี้ดี คนอ่านต้องชอบแน่ ๆ” ว่าแล้วหญิงสาวก็หยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กที่อยู่ในกระเป๋าออกมาจดฉากเมื่อกี้ที่เธอกับเขาเกือบจูบกัน
เธอไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลยใช่ไหมเนี่ย
“ลงไปได้แล้วพี่ต้องไปธุระต่อ” เธอทำเอาเขาใจหายหมดแล้ว จู่ ๆ มาบอกให้จูบเนี่ยนะ เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะอยู่กับชสุดายังไง เขาเดาอารมณ์เธอไม่ถูกเลย
“ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวนะคะ อิ่มมากเลย” พูดจบหญิงสาวก็เปิดประตูออกไป
“เด็กบ้า”
ไม่ลอง ไม่รู้นะ
“เป็นไงเป็นกัน สู้เว้ย”
สิรวิชญ์ขับรถมาถึงหน้าบ้านของชสุดาแล้ว เขาตัดสินใจอยู่นานว่าจะลงไปดีไหม แต่ไหน ๆ ก็มาถึงที่แล้วยังไงก็ต้องลงไปหาเจ้าของบ้าน สิรวิชญ์ลองเอาคำแนะนำของพี่ชายมาใช้คือซื้อขนมมาฝาก เขาหวังว่าเธอก็น่าจะชอบมัน
หลังจากที่เขามาส่งชสุดาแล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าน้องชาน่าจะหิวก็เลยแวะไปซื้อข้าวกับชุดทำแผลมาให้โดยแขวนไว้ที่ประตูรั้ว เขาแอบรออยู่ครู่หนึ่งพอเห็นเธอเดินมาเอาของแล้วเขาถึงขับรถออกไป
เมื่อคืนการคุยกับเพื่อนที่ร้านประจำแล้ว เขาก็เอาคำพูดของเพื่อนสนิทอย่างเจ้าคิน กลับมาคิดทบทวนดูว่าจะทำยังไงกับน้องชาคนนี้ดี เขาไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย ต้องเขาหาอย่างไรดี คำแนะนำที่เพื่อนบอกมาก็คือ ถ้าเขาชอบอะไรก็ชวนคุยเรื่องนั้นแหละ
เขาลงจากรถแล้วมากดกริ่งที่หน้าบ้าน ทุกวินาทีที่รอหัวใจของเขามันเต้น ตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ มากเลย เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่คิดว่าเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ต้องมาหาผู้หญิงที่บ้านเหรอ มันไม่ใช่ทางของเขาเลย ชีวิตของเขามีแต่ผู้หญิงมาหาตลอด
ชายหนุ่มรอสักพักก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตูรั้วให้อีก เขาก็ลองกดกริ่งอีกครั้ง
“หรือว่าจะไม่อยู่วะ ไม่อยู่แล้วจะไปไหน” เขาบ่นกับตัวเอง
หญิงสาวเดินออกมาแล้วในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่โคร่ง สวมกางเกงวอร์มขายาวสีดำ นี่แฟชั่นยุคไหนเนี่ย สิรวิชญ์คิดในใจ ทรงผมก็ประหลาด ไม่หวีเลยปล่อยให้ฟูและดูพันกันยุ่งไปหมด ในโลกนี้มันมีผู้หญิงที่ซกมกไม่ดูแลตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อก่อนที่เคยเจอกันน้องชาไม่ใช่คนแบบนี้นี่นา
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ยังยกมือไหว้สวัสดี
“สวัสดีครับ น้องชา พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
“คุย?” หญิงสาวขมวดคิ้วพลางสงสัย วันดีคืนดีไม่เคยเจอกัน ไม่เคยคุยกัน จู่ ๆ ก็มาหาที่บ้านแล้วขอคุยด้วยเนี่ยนะ เพี้ยน
“พี่อยากคุยเรื่องนิยายของเราน่ะ” สิรวิชญ์คิดว่าเธอชอบนิยายก็ชวนคุยเรื่องนิยายเหมาะสมที่สุด
“เรื่องไหน...คะ” พี่วิชญ์เขาเคยอ่านนิยายของเธอด้วยเหรอ เธอคิดในใจ นิยายของเธอไม่ใช่นิยายขายดี จริง ๆ ก็แทบไม่มีคนรู้จักเลยด้วยซ้ำ
“ก็ทุกเรื่องเลยค่ะ” สิรวิชญ์ไม่รู้จะตอบยังไง เขาไม่เคยรู้เกี่ยวกับนิยายของเธอเลย เพิ่งจะรู้ว่าเธอเขียนนิยายก็เมื่อวานนั่นแหละ เลยตอบรวม ๆ ไปก่อน
“พี่ตามอ่านนิยายของชาอยู่เหรอ” เขาสังเกตแววตาของคนตรงหน้า พอพูดถึงนิยายแล้วตาของเธอจะสดใส ดูเธอมีความสุขในโลกนิยายของเธอจริง ๆ
“ขอเข้าไปคุยในบ้านได้ไหม แดดมันร้อนน่ะ”
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวเปิดประตูรั้วให้เขาเดินเข้าไป พอเข้าไปแล้วชายหนุ่มก็ได้เห็นกับมุมที่จัดสวนไว้มีแต่ต้นไม้ที่เหี่ยวแห้ง ไร้การดูแล เมื่อก่อนที่เขาเคยมามันยังเขียวขจีสวยกว่านี้ตั้งเยอะ
“จะรกหน่อยนะ ยังไม่ได้เก็บ” เธอพาเขาเข้ามาในตัวบ้าน
ไม่หน่อยแล้วมั้ง แบบนี้เรียกว่าโคตรรกเลย แขกผู้มาเยือนคิด ไม่รู้ว่าเธออยู่ไปได้ยังไงนะ ทั้งรกทั้งสกปรกเลย มองไปทางไหนก็มีแค่ช่องทางไว้สำหรับเดิน ที่พื้นก็มีทั้งถุงขยะ ผ้าขี้ริ้ว หรือว่าเสื้อผ้าที่เธอใส่แล้วยังไม่ได้ซักกันแน่ และมีของต่าง ๆ วางระเกะระกะไปหมด บ้านชายโสดที่ว่ารกแล้วยังแพ้บ้านหญิงโสดแบบน้องชาเลย รกแบบว่ารกได้โล่เลยอะ
“เชิญนั่งค่ะ” หญิงสาวกำลังเก็บของที่อยู่บนโซฟาออก เพื่อให้เขาได้มีพื้นที่ได้นั่งหย่อนก้นเล็กน้อย “ไม่มีน้ำนะ น้ำหมด”
“ไม่เป็นไรครับ” สิรวิชญ์ได้แต่คิดว่าได้เหรอวะ มีแขกมาบ้านแต่ไม่มีน้ำให้แขกดื่ม เออ ก็อาจจะใช่น้องชาเขาไม่ปกติเหมือนคนอื่นนี่นา
“มีธุระอะไรเหรอคะ”
“คือพี่มีเพื่อนเขากำลังมองหาบทละครหรือนิยายอยู่ เพื่อเอาไปทำเป็นละครโทรทัศน์น่ะ” เขาโกหกคำโต เรื่องนี้ไม่มีใครต้องการหาบทอะไรทั้งนั้นเขาแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเอง เพราะถ้าไม่พูดอย่างนี้น้องชาอาจจะไม่คุยกับเขาก็ได้
“แล้ว?”
“เพื่อนพี่มันก็มาปรึกษาไง ว่าแบบเออรู้จักนักเขียนบ้างไหมไรงี้ พี่ก็เลยนึกถึงชาว่าชาเขียนนิยายน่ะ”
“ค่ะ”
“ชาสนใจไหม”
“ไม่ค่ะ ชาเขียนไม่เก่ง สู้คนอื่น ๆ ไม่ได้หรอก”
“เขาไม่ได้เน้นว่าเก่งหรือไม่เก่ง เขียนบทมันปรับบทกันได้ มันเรียนรู้กันได้”
“แล้วทำไมเขาไม่ไปหาพวกนักเขียนคนดัง ๆ ละคะ”
“เขา...เขาต้องการนักเขียนหน้าใหม่น่ะ”
“ไม่ค่ะ ชาไม่ว่าง มีงานค้างอยู่”
“แต่ว่างานนี้ได้เรื่องละหนึ่งแสนเลยนะ”
“เรื่องละแสนเลยเหรอ” หญิงสาวตาลุกวาวกับโอกาสที่จะได้รับเงินแสน ถ้างานของเธอได้รับคัดเลือก เธอก็จะมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก เธอก็จะมีแฟนคลับเยอะขึ้น แล้วงานก็จะขายได้ง่ายขึ้น
“ใช่ค่ะ เรื่องละตั้งหนึ่งแสน น้องชาอยากลองส่งไหม พี่ช่วยได้นะ” สิรวิชญ์คิดว่าถ้ามาคุยแบบสายแข็งกับน้องชาคงไม่รอดแน่ น้องคงจะไม่อยากคุยด้วย สังเกตได้จากวันก่อนเรื่องแผลที่ข้อมือดูเธอจะไม่พอใจ เขาก็เลยต้องมาในแนวพูดคะขา หวานละมุน ๆ ที่สาว ๆ ส่วนใหญ่ชอบกัน เธอน่าจะไม่กลัวเขา เธอน่าจะสบายใจที่จะพูดด้วย สิรวิชญ์คิดเช่นนี้
“ช่วยแบบไหนคะ ใช้เส้นฝากงานเหรอ”
“ไม่ ๆ ๆ ไม่ใช่แบบนั้น พี่หมายถึงพี่ช่วยแนะนำ ช่วยอ่านได้”
“อ่อ แต่ว่า…”
“น้องชาไม่อยากพิสูจน์ตัวเองบ้างเหรอ แสดงให้คนที่ว่าน้องชาเห็นสิ ว่าน้องชาก็ทำได้ นี่มันเป็นงานที่น้องชารักเลยไม่ใช่เหรอคะ” ได้ผลเว้ยเห้ย พูดหวาน ๆ เพราะ ๆ อ้อนหน่อย หญิงชอบ
“ค่ะ”
“แล้วสรุปว่าน้องชาสนใจไหม”
“สนใจค่ะ”
“เอาอย่างนี้ถ้าสนใจเดี๋ยวเรามาสัญญากันก่อนได้ไหมคะว่า น้องชาจะต้องทำตามคำแนะนำที่พี่บอก”
“อะไรบ้างคะ”
“อันดับแรก ทำความสะอาดบ้านค่ะ” เมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ เขาก็ต้องใช้อำนาจนั้นอย่างคุ้มค่าที่สุด ในเมื่อน้องชาเริ่มฟังเขาแล้ว เขาก็ต้องช่วยดูแลน้องอย่างที่พี่ชายเขาจ้างมาให้ได้
“หะ...มันเกี่ยวอะไรกันคะ”
“น้องชาเคยได้ยินไหม สังคมดี สิ่งแวดล้อมดี อะไร ๆ มันก็จะดีขึ้น ถ้าน้องชาอยู่ในสภาวะที่ไม่ดี หรือบ้านสกปรก งานเราก็จะไม่ออกมาดีด้วยนะ”
“ไม่เคยได้ยินค่ะ”
“ก็ลองทำดูก่อนก็ได้ เผื่อว่าเก็บบ้านไป เจอของโน่นนี่นั่น จะได้เป็นไอเดียไง”
“เหรอคะ” ชสุดาคิดถามสิรวิชญ์ มันก็จริงนะ เวลาได้ทำอะไรใหม่ ๆ ไอเดียมักจะพุ่งกระฉูด
“แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง คือจากนี้พี่คงต้องมาหาน้องชาบ่อยขึ้น เพื่อที่เราจะได้คุยเรื่องบทกัน แล้วน้องชาจะให้พี่อยู่บ้านที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดแบบนี้เหรอ”
“อือ ก็ได้ค่ะ”
“งั้นเริ่มเก็บที่วันนี้เลยนะ”
“แต่ว่าชางานยุ่งอยู่นะ”
“ยุ่งก็พักก่อนค่ะ เก็บบ้านก่อน เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บอีกแรง จะได้เสร็จไว ๆ”
“ค่ะ แล้วเรื่อง…” ชสุดากำลังจะถามถึงที่เขาได้เห็นแผลของเธอเมื่อวาน
“เรื่องอะไรเหรอคะ?”
“เรื่องแผล พี่ไม่ได้บอกใครใช่ไหม”
“เปล่า ๆ ไม่ได้บอกใครทั้งนั้น”
“ก็ดีแล้วค่ะ”
“อืม แล้วถังขยะอยู่ไหนเหรอคะ จะได้เริ่มเก็บเลย”
“เอ่อ…” ชสุดาก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าถังขยะอยู่ไหน ก็เธอไม่ได้สนใจการทำความสะอาดบ้านเลยนี่นาเธอก็ตั้งใจทำงานอย่างเดียว
“เจอแล้ว” เมื่อเห็นเจ้าของบ้านทำหน้างง เขาก็เลยเดินไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าถังขยะอยู่หน้าห้องน้ำ สิรวิชญ์ไม่กล้าเปิดมันออกมาเลย เขาคิดว่ามันต้องเน่าแน่ ๆ เขากลั้นหายใจครู่หนึ่งแล้วก็พยายามดึงถุงขยะสีดำแล้วรวบปิดปากถุง “เดี๋ยวพี่เอาถุงนี้ไปทิ้งก่อนนะ แล้วน้องชาหาถุงใบใหม่มาเปลี่ยนด้วย”
คนตัวสูงรีบเดินออกจากบ้านแล้วไปยังถังขยะที่อยู่หน้าบ้านทันที
เขาเองก็ไม่คิดว่าเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย
จ้างแม่บ้านดีไหมวะ
ไม่ดี ๆ ถ้าจ้างแม่บ้านมา มันก็ไม่ได้ใจน้องชาสิ
ถ้าจะตีสนิทมันก็ต้องทุ่มเทแรงกาย แรงใจ อย่างที่เพื่อนเขาบอกมา
เงินสองแสนอยู่ตรงหน้าใครจะปล่อยให้หลุดลอยไปง่าย ๆ โดยเฉพาะคนที่ขี้เหนียวแบบเขา
บ้านที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดมานาน กว่าจะเรียบร้อยก็ใช้เวลาในการทำไปตั้งหลายชั่วโมงกินเวลาไปเกือบทั้งวันแล้ว ครั้งนี้เป็นแรกที่ทำก็ทำได้แค่เพียงเก็บของให้มันเป็นระเบียบมากขึ้น แล้วก็กวาดถูพื้น ถ้าจะทำจริง ๆ วันเดียวก็คงไม่พอ แต่วันนี้ก็ได้ผลเกินกว่าที่คิดไว้ตั้งเยอะ ก่อนจะมาเขาเองก็คิดว่าน้องชาจะไม่ยอมคุย ยอมพูดกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายว่าน้องชาก็ไม่ใช่คนที่เข้าหายาก เธอแค่เป็นคนที่พูดน้อย เขาเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน ก็เหมือนกับคนในครอบครัวเดียวกันนั่นแหละ
“น้องชาส่งไฟล์ต้นฉบับนิยายมาให้พี่ได้ไหม”
“คะ?”
“พี่จะได้เอาไปอ่านไง แล้วก็เลือกดูว่าเรื่องไหนเข้าตาที่สุด”
“อ่อค่ะ ให้ส่งยังไงคะ ชาไม่มีอินเทอร์เน็ตนะ” หญิงสาวหยิบมือถือตัวเองขึ้นมา
“แล้วน้องชาเขียนนิยายออนไลน์ยังไงคะ” สิรวิชญ์เห็นหน้าจอของเธอ แตกเป็นรอยร้าวเต็มหน้าจอ นี่เธอทนใช้มือถือแบบนี้ไปได้ไง แล้วจะมองเห็นตัวหนังสือในจอบ้างไหมเนี่ย
“ชาก็พิมพ์ไว้ในคอมฯ ก่อน แล้วถ้าจะใช้เน็ตวันไหนค่อยเติมเอาวันละยี่สิบบาท ชาแชร์เน็ตเข้ากับคอมฯ น่ะค่ะ”
“งั้นเหรอ แล้วพี่อ่านออนไลน์ได้ไหม”
“อ่านได้ค่ะ แต่ชาลงนิยายไม่จบนะ จะรวมเล่มขายเป็นอีบุ๊กเลยค่ะ”
“อ่อ งั้นพี่ต้องทำยังไงเหรอถึงจะอ่านได้”
“พี่ต้องโหลดแอพก่อนค่ะ”
“ชาทำให้หน่อยได้ไหม พี่ทำไม่ค่อยเป็น” เขาแกล้งพูดไปอย่างนั้น เพราะอยากจะลองใจหญิงสาวดูว่าจะทำให้เขาหรือเปล่า
“ก็ได้ค่ะ”
“ต้องโหลดใส่มือถือใช่ไหม” เขาถามพร้อมยื่นมือถือให้เธอ
“ค่ะ” เธอรับมือถือไปอย่างงงๆ ไม่คิดว่าคนอย่างพี่วิชญ์จะทำไม่เป็น แต่เธอก็ไม่สนใจอะไรมากนักรีบจัดการให้เขาทันที
จากที่ฟังเธออธิบายสิรวิชญ์ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าการทำงานของชสุดาเป็นอย่างไร และถ้าเขาอยากจะสนับสนุนเธอก็คือต้องซื้อนิยายของเธอในแอพนั้น เขาก็เลยกดซื้อนิยายของเธอไปทุกเรื่องเลย โดยเขาไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยว่า เขาไม่ได้เป็นคนจ่ายพี่ชายเขาต่างหากที่เป็นคนจ่าย
เขาสังเกตแววตาของเธอ มันเปล่งประกายทุกครั้งเวลาที่เธอได้พูดถึงนิยายของเธอ เรื่องราวต่าง ๆ ที่เธอเขียน ตัวละครที่เธอสร้างขึ้นมา เธอดูมีความสุขมาก ต่างกับแววตาที่เขาเจอเธอที่บ้านของพี่สาร หรือบนรถตอนค่ำของเมื่อวานเลย
นี่สินะเวลาเราได้ค้นพบว่าเราชอบอะไรแล้ว เราก็จะอยู่กับมันได้อย่างมีความสุข อยากตื่นเช้าทุกวันมาทำในสิ่งที่เราชอบ
ต่างกับเขา เขายังไม่รู้ตัวเองเลยว่าเขาชอบทำอะไร
รู้อย่างเดียวคือว่าเขาชอบเงิน ชอบหาเงิน แต่ใช้เงินอย่างประหยัด ชอบเห็นเงินงอกเงยเมื่อได้เอาไปลงทุนตามแหล่งต่าง ๆ
เขาเปิดบริษัทเล็ก ๆ ขึ้นมา เขาเป็นแค่เพียงสตาร์ทอัพที่มีทีมงานกันแค่ไม่กี่คน ทำเกี่ยวกับทำสื่อประชาสัมพันธ์ ทำโฆษณาสินค้าต่าง ๆ คนในทีมก็เป็นเพื่อนกับรุ่นน้องที่สนิทกัน และรายได้อีกทางก็คือเงินปันผลของบริษัทที่ครอบครัวสร้างขึ้นมา เขาแค่คิดว่าแค่อยากมีอะไรเป็นของตัวเองเท่านั้น เขาไม่ได้ตั้งใจจะเปิดบริษัทด้วยซ้ำ มันไม่ใช่ทางของเขาเลย ที่เปิดก็เพราะเพื่อนชวนเฉย ๆ พอลองทำแล้วผลตอบแทนมันก็ดี ก็เลยทำไป ๆ แต่ไม่ได้รักในงานนั้นเลย
เขาอิจฉาชสุดาที่ได้เจอสิ่งที่รัก แต่แค่สิ่งที่รักของเธอ มันยังไม่ได้ทำเงินให้เธอมากมายเท่าไหร่ งานของชสุดามันต้องใช้ทั้งประสบการณ์ ความรู้ จินตนาการ และปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย
สำหรับเขาอาชีพนักเขียนเป็นอาชีพที่ทำได้ยากมาก และต้องใจรักจริง ๆ
“นี่กี่โมงแล้วเนี่ย” สิรวิชญ์รู้สึกว่าเขาอยู่ที่นี่มานานมาก
“จะหกโมงเย็นแล้วค่ะ”
“ไปกินข้าวกันไหม”
“ไม่ค่ะ”
“ไม่หิวเหรอ ข้าวเที่ยงเราก็ยังไม่ได้กินกันเลยนะ”
“หิวค่ะ”
“ไปเถอะ แค่ปากซอยเอง”
“แต่ว่า…”
ถ้าให้เขาเดา ที่น้องชาไม่อยากไปก็เพราะเธอไม่มีเงินแน่ ๆ
“เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ถือว่าเลี้ยงที่เรากำลังจะได้ร่วมงานกันไง”
“พี่วิชญ์คะ ทำไมพี่ต้องมาทำดีกับชาด้วย”
“ก็เราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ อีกอย่างพี่ก็ไม่ชอบด้วยที่พี่ญาพูดออกไปแบบนั้น มันดูถูกกันชัด ๆ เลยว่าไหม คนเราความชอบไม่เหมือนกัน ใครมันจะไปเก่งหรือเฟอร์เฟคเหมือนพี่ญากับพี่สารล่ะ ทำอะไรก็ดีไปหมด ไม่เก่งแล้วไง ไม่เก่งก็มีหัวใจเว้ย” เขาหันไปถามเธอ “ใช่มะ”
เหมือนคำพูดของเขาจะไปถูกใจชสุดา หญิงสาวดีใจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธอยิ้มกว้างขนาดนี้ เมื่อก่อนที่เคยเจอกันเธอก็ไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ บางทีก็เหมือนยิ้มแค่ตามมารยาท
แค่ทำให้เธอยิ้มได้ เขาก็ดีใจแล้ว ตรงตามจุดประสงค์ของการจ้างงานของพี่สารเป๊ะ เขาต้องทำให้เธอมีความสุข แต่อีกใจหนึ่งเขาก็กลัวเหมือนกัน ว่าถ้าเธอรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เธอจะเกลียดเขาไหม
ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวยอมออกมากินข้าวกับเขา เขาอยากให้เธอออกมาข้างนอกบ้าง อยู่แต่ในบ้านน่าเบื่อจะตาย
ตอนกลับเขาขับมาส่งน้องชา ก่อนที่หญิงสาวจะลงจาก เขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคุยกันมาทั้งวันแล้วยังไม่มีข้อมูลการติดต่อเลย
“จริงสิ พี่ยังไม่มีเบอร์เราเลย”
“คะ”
“ก็จะได้เอาไว้ติดต่อกันไง”
“อ่อค่ะ”
“ไม่ได้จะโทรมาจีบหรอกน่า”
“ชาทราบค่ะ คนหล่อ ๆ อย่างพี่วิชญ์น่ะ คงไม่ตาบอดมาจีบชาหรอก แค่สาว ๆ ในสต็อกก็เยอะแล้ว”
“บ้า ก็พูดไป ไม่มีสักคน” เขาเพิ่งรู้ว่าน้องชานี่ก็ต่อปากต่อคำเก่งเหมือนกัน
“ไม่เชื่อหรอก”
“แล้วต้องทำไง ถึงจะเชื่อ” ชายหนุ่มยื่นหน้ามาหาเธอใกล้ ๆ หวังจะแกล้งให้เธอใจสั่นเล่น มันได้ผล ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ตากลมโตของเธอมันทำให้เธอดูเด็กเสมอ เป็นแค่เสี้ยวนาทีเดียวที่เธอตกใจ แต่กลับกลายเป็นว่าต่อจากนี้เขาต้องกลัวเธอมากกว่าเพราะเธอก็ค่อย ๆ ขยับหน้าเข้าไปหาเขา ทำให้จมูกของทั้งสองเกือบชนกัน
“จูบชาสิ” หญิงสาวพูดเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงของเธอสั่นเล็กน้อยราวกับใจดีสู้เสือ
“พอเลย ทะลึ่งแล้ว ลามปาม” สิรวิชญ์ถอยออกมานั่งพิงเบาะคนขับตามเดิม
“โถ่...ที่จริงก็ป๊อด” เธอท้าทาย แถมยังดูหมิ่นเขาอีก
“ไม่ได้เป็นแฟนกัน จะจูบทำไม”
“สาบานสิว่าเคยจูบแค่แฟน”
“ไม่สาบาน แล้วคราวหลังก็อย่าไปทำอย่างนี้กับผู้ชายคนอื่นนะ มันอันตราย”
“เย้ ชาได้ไอเดียใหม่แล้ว เดี๋ยวจดก่อน ๆ ฉากเมื่อกี้นี้ดี คนอ่านต้องชอบแน่ ๆ” ว่าแล้วหญิงสาวก็หยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กที่อยู่ในกระเป๋าออกมาจดฉากเมื่อกี้ที่เธอกับเขาเกือบจูบกัน
เธอไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลยใช่ไหมเนี่ย
“ลงไปได้แล้วพี่ต้องไปธุระต่อ” เธอทำเอาเขาใจหายหมดแล้ว จู่ ๆ มาบอกให้จูบเนี่ยนะ เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะอยู่กับชสุดายังไง เขาเดาอารมณ์เธอไม่ถูกเลย
“ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวนะคะ อิ่มมากเลย” พูดจบหญิงสาวก็เปิดประตูออกไป
“เด็กบ้า”
ดวงจันทร์ของดาวเสาร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ธ.ค. 2563, 08:00:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ธ.ค. 2563, 08:07:21 น.
จำนวนการเข้าชม : 378
<< ตอนที่ 2 โลกของชา | ตอนที่ 4 น้องตัวหอม >> |