แรกรักพันใจ: มาสฬฎา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
มีมารดาเลี้ยงใจร้าย บวกกับพี่สาวใจยักษ์ ชีวิตดูน่ารันทดนัก
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: เลขา บอส พระเอกเย็นชา แม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง ตลก
ตอน: บทที่ 5 -50%
วันที่สองของการทำงานควบสองตำแหน่ง วรีวาฏิกาถูกเรียกตัวด่วนโดยเลขาท่านประธาน ซึ่งก็คือ ‘พี่จิตตา’ เนื่องจากได้ข่าวมาจากท่านรองประธานอีกทีว่าเธอปล่อยให้เขาท้องกิ่วไม่ได้กินข้าวกลางวันเมื่อวานตามประสาคนขี้ฟ้อง พี่จิตตาจึงอาสาจะอบรมเธอให้เองว่าเลขาที่ดีควรเป็นเช่นไร
การเป็นเลขาที่ดีของพี่จิตตานั้นมีอยู่ว่า
ด้วยความที่บริษัทเริ่มงานเก้าโมงเช้า เลขาที่ดีจึงควรมาก่อนเจ้านายสักครึ่งชั่วโมง ฉะนั้นเวลา ๐๘.๓๐ น. เธอควรจะมาถึงบริษัทและเตรียมพร้อมที่โต๊ะได้แล้ว
โทษนะ ปกติแค่ลากสังขารมาบริษัทให้ทันเก้าโมงเธอก็จะตายอยู่แล้ว แผนกเธอเขามากันเกือบสิบโมงโน่น
เรื่องกาแฟนั้นไม่ต้องเป็นห่วง แม่บ้านจะเป็นคนจัดการให้ เพราะรู้รสชาติที่เจ้านายชอบ แต่ถ้าต้องติดตามเจ้านายไปข้างนอกละก็ สิ่งที่ควรทำคือการไปซื้อกาแฟ และให้สั่งพนักงานว่าเป็น Cold Brew หรือกาแฟสกัดเย็น แต่ถ้าไม่มีให้สั่งลาเต้แก้วกลางเพิ่มเอสเพรสโซหนึ่งช็อต และขอเป็นนมถั่วเหลืองแทน
ก็ว่าสิ ภควัตน์ถึงจ้องจะกินยายดีน่างาดำ
อาหารกลางวันให้สั่งเจ้าประจำ ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยตกแต่งอย่างสวยงามที่อยู่ใต้ตึก และพี่จิตตายังจดเมนูโปรดและเมนูที่ไม่ชอบของเจ้านายเธอมาให้ด้วย ซึ่งเธอจะจำไว้ว่า ถ้าวันไหนภควัตน์ทำให้เธอโกรธละก็ เมนูที่เขาเกลียดจะได้ขึ้นมาเป็นอาหารกลางวันของท่านรองประธานอย่างแน่นอน!
พี่จิตตาให้รายชื่อร้านที่สั่งประจำและร้านโน่นร้านนี่จิปาถะ รวมถึงความรู้เกี่ยวกับการเบิกเงินเวลาพาลูกค้าของเจ้านายไปเลี้ยง ก่อนจะจบด้วยข้อสุดท้ายว่า ในบางครั้งเลขาที่ดีก็ต้องติดตามเจ้านายไปออกงานบ้างบางเวลา โดยอาจจะเป็นงานตอนเย็น หรือที่ต้องเดินทางออกนอกสถานที่ เพราะมีหลายครั้งที่เลขาต้องไปช่วยงาน
ขอโทษนะ ถ้าคิดว่าที่ผ่านมามันยังงานเยอะไม่พอละก็ หากต้องติดตามไปออกงานนอกเหนือจากการที่เธอต้องเสียเวลาเข้าไปจดประชุมให้แล้วเนี่ย หาคนใหม่เถอะ! เธอเป็นมนุษย์นะ ไม่ใช่สายลับสมิธ เดอะเมทริกซ์จะได้แยกร่างได้ร้อยร่างพันร่าง!
แต่คนที่นั่งฟังอย่างสงบเสงี่ยมก็ไม่ได้บอกออกไป เพราะสิ่งที่เธอคิดอยู่ในหัวตอนนี้คือ เช้านี้เธอจะไปกอดขา ‘พี่จ๋า’ หัวหน้าฝ่ายบุคคลเจ้านายมะลิ ถ้าคิดว่าเธอไม่กล้าละก็ ขอให้รู้ไว้ว่าคิดผิด! ต่อให้เธอต้องดราม่าน้ำตาร่วง เธอก็จะทำ! ถ้ามันจะทำให้ฝ่ายบุคคลหาเลขาแบบถาวรให้มันเร็วขึ้น ต่อให้ต้องติดสินบนเธอก็จะทำมันทุกอย่างเลย!
ว่าแล้วก็เริ่มทำมันตั้งแต่วันนี้นี่แหละ! ติดสินบนวันแรกต้องเริ่มด้วยของอะไรเล็กๆ น้อยๆ แต่ถูกใจสาวออฟฟิศทุกคนอย่าง...พุดดิ้งมะพร้าว!
พอคิดแผนการได้ วรีวาฏิกาก็รีบวิ่งลงไปซื้อพุดดิ้งมะพร้าวเจ้าดังใต้ตึกทันทีเป็นจำนวนสองชิ้นด้วยกัน เพราะไหนๆ ก็ซื้อแล้วก็ขอซื้อเผื่อตัวเองสักชิ้นจะเป็นไร และเมื่อซื้อเสร็จเธอก็หอบหิ้วพุดดิ้งมะพร้าวสองชิ้นวิ่งตรงดิ่งไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังชั้นสิบฝ่ายบุคคล แต่อยู่ดีๆ ลิฟต์ที่กำลังจะปิดก็ถูกมือใครบางคนแทรกเข้ามาจนประตูลิฟต์เปิดออกอีกรอบด้วยระบบเซนเซอร์และคนที่ทำเรื่องแบบนี้ก็เป็นคนที่ทำให้เธอถึงกับชะงัก เพราะคนคนนั้นคือ...เจ้านายของเธอเอง!
ภควัตน์แทรกตัวเข้ามาทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก คนที่อยู่ในลิฟต์อย่างวรีวาฏิกาอ้าปากค้าง ก่อนผู้มาใหม่จะเอ่ยทักทายด้วยประโยคที่ทำให้อาการอ้าปากหวอของเธอหุบลงได้ฉับพลัน
“เห็นผมเดินมา ไม่คิดจะกดเปิดลิฟต์ให้หน่อยหรือไง น้ำใจน่ะสะกดเป็นไหมวรีวาฏิกา”
วรีวาฏิกาต้องหายใจเข้าลึกๆ แล้วโต้กลับไปอย่างฉับไวว่า
“ดิฉันคิดว่าคุณภควัตน์จะไปขึ้นลิฟต์ผู้บริหารค่ะ ไม่คิดว่าอยู่ดีๆ จะอุตริมาเบียดเบียนขึ้นลิฟต์พนักงาน”
ท่านรองประธานถึงกับหันขวับมามองเธอตาขวาง ก่อนจะพูดประโยคสุดจะเห็นแก่ตัวอีกประโยค
“ลิฟต์พนักงานมันมีกฎไม่ให้ผู้บริหารขึ้นหรือไง อีกอย่างผมมีสิทธิ์จะใช้ลิฟต์ตัวไหนก็ได้ที่ผมอยากจะใช้ หรือคุณมีปัญหา?”
ใครจะกล้าไปมีปัญหากับท่านผู้บริหารล่ะคะ! แต่เธอไม่ได้ตอบออกไปแบบนั้นหรอกนะ เธอใช้ความเงียบเป็นการตอบรับแทน ซึ่งการสนทนาควรจะจบลงแต่เพียงเท่านั้นถ้าภควัตน์ไม่ออกคำสั่งต่อ
“วันหลังเห็นผมเดินมาคุณต้องกดลิฟต์รอทุกครั้ง ผมจะใช้หรือไม่มันเรื่องของผม ถ้าผมเดินผ่านไปลิฟต์ตัวอื่น คุณถึงจะกดปิดลิฟต์ได้เข้าใจไหม วรีวาฏิกา”
ไม่เข้าใจ แต่เถียงได้ไหมล่ะ
อย่างนี้ถ้ามีพนักงานคนอื่นอยู่ด้วย แล้วเธอไปกดลิฟต์ค้างไว้ คนทั้งลิฟต์ไม่ด่าเธอในใจกันถ้วนหน้าเรอะ ข้อหาที่สะเออะไปกดลิฟต์รอท่านผู้บริหารสุดยิ่งใหญ่ ทั้งๆ ที่ท่านก็มีลิฟต์ของท่านที่ ‘ควร’ จะไปขึ้นอยู่แล้ว
แต่เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยอีก เธอเลยพยักหน้ารับคำสั่งเขาแต่โดยดี
พอกดชั้นสิบ และชั้นสามสิบเอ็ดซึ่งเป็นชั้นห้องทำงานของคนที่ขึ้นลิฟต์มาด้วย วรีวาฏิกาก็พบว่าคนที่มาอยู่ลิฟต์ผิดที่ผิดทางกำลังจ้องเขม็งมาที่พุดดิ้งมะพร้าวในถุงที่เธอถืออยู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาลอยๆ ว่า
“เท่านี้ก็อ้วนจะแย่แล้ว ยังจะกินของพวกนี้อีก กะว่าจะเอาให้อ้วนเท่าหมูอวกาศเลยหรือไง”
นี่คงไม่มีใครอบรมสั่งสอนเขาสินะว่า ไม่ควรด่าผู้หญิงว่าอ้วน ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นลูกน้องเขาก็เถอะ!
“ฉันซื้อไปฝากคนอื่นค่ะ ไม่ได้กินเองทั้งสองชิ้น”
และคำตอบของเธอก็ทำให้ภควัตน์หรี่ตามองมาอย่างสงสัย ก่อนจะถามต่อด้วยความสาระแนเกินตำแหน่งเจ้านายทันที
“จะเอาไปฝากใคร”
ขณะนั้นเสียงลิฟต์ดังขึ้นให้รู้ว่าถึงชั้นสิบแล้ว เธอเลยกะเลี่ยงคำถามเขาด้วยการเดินออกไปตอนประตูลิฟต์เปิด แต่แล้วก็กลับถูกภควัตน์คว้าข้อมือข้างที่ไม่ได้ถือพุดดิ้งมะพร้าวไว้ แถมพ่อเจ้าประคุณยังกดปิดลิฟต์หน้าตาเฉย โดยมีเธออ้าปากค้างกับการกระทำสุดแสนจะชั่วร้าย
“เอาไปฝากใครวา”
คำถามที่ถามกลับมาอีกครั้งดูเยือกเย็นพิกล แถมลักษณะท่าทางที่หรี่ตามองมาอย่างจับผิดนั้นทำให้วรีวาฏิการู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอเลยหลุดปากบอกความจริงออกไปโดยอัตโนมัติ ไม่ทันสังเกตสักนิดว่าเมื่อครู่นี้เขาเรียกชื่อเล่นเธอ
“จะเอาไปติดสินบนพี่จ๋าให้ช่วยหาเลขาใหม่ให้คุณเร็วๆ ค่ะ!”
ถึงแม้ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่การบอกความจริงกับเจ้านายแบบกลายๆ ว่าเธอไม่อยากจะเป็นเลขาให้เขานานนัก อาจทำให้ตายได้! เพราะตอนนี้คนที่รีดเอาความจริงจากปากเธอได้อย่างง่ายดายกำลังจ้องมาตาเขม็ง ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ทำให้เลขาชั่วคราวอย่างเธออยากกรีดร้องให้ลั่นตึก
“อ้อ...งั้นคุณคงต้องรอนานหน่อยละ เพราะผมจะบอกให้คุณจ๋าค่อยๆ หาและคัดเลือกอย่างละเอียดถี่ถ้วน คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็...หนึ่งปี!”
หนึ่งปี! ฆ่าเธอให้ตายดีกว่าไหม ใครจะไปทนคนแบบนี้ได้ตั้งหนึ่งปี!
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกไป ลิฟต์ก็ขึ้นมาถึงชั้นสามสิบเอ็ด โดยมีภควัตน์คว้าพุดดิ้งมะพร้าวไปจากถุงหนึ่งชิ้น ก่อนเดินตัวปลิวออกจากลิฟต์ไป ไม่วายเขายังหันมาบอกหญิงสาวที่ยังคงยืนตะลึงกับการกระทำของเขาอยู่ในลิฟต์ว่า
“ไหนๆ คุณติดสินบนคุณจ๋าไปก็ไม่ได้อะไรแล้ว ชิ้นนี้ผมขอก็แล้วกัน”
แล้วคนปล้นพุดดิ้งมะพร้าวก็เดินเข้าห้องตัวเองไปหน้าตาเฉย โดยมีเธอมองตะลึงตาค้างถึงความไร้มารยาทของเจ้านายตัวเอง
อยากกินก็ขอดีๆ สิ เธอซื้อมาเผื่อก็ได้ นี่หยิบไปเฉยเลยได้ไง ปรบมือให้ความหน้าด้านสามหมื่นที!
การเป็นเลขาที่ดีของพี่จิตตานั้นมีอยู่ว่า
ด้วยความที่บริษัทเริ่มงานเก้าโมงเช้า เลขาที่ดีจึงควรมาก่อนเจ้านายสักครึ่งชั่วโมง ฉะนั้นเวลา ๐๘.๓๐ น. เธอควรจะมาถึงบริษัทและเตรียมพร้อมที่โต๊ะได้แล้ว
โทษนะ ปกติแค่ลากสังขารมาบริษัทให้ทันเก้าโมงเธอก็จะตายอยู่แล้ว แผนกเธอเขามากันเกือบสิบโมงโน่น
เรื่องกาแฟนั้นไม่ต้องเป็นห่วง แม่บ้านจะเป็นคนจัดการให้ เพราะรู้รสชาติที่เจ้านายชอบ แต่ถ้าต้องติดตามเจ้านายไปข้างนอกละก็ สิ่งที่ควรทำคือการไปซื้อกาแฟ และให้สั่งพนักงานว่าเป็น Cold Brew หรือกาแฟสกัดเย็น แต่ถ้าไม่มีให้สั่งลาเต้แก้วกลางเพิ่มเอสเพรสโซหนึ่งช็อต และขอเป็นนมถั่วเหลืองแทน
ก็ว่าสิ ภควัตน์ถึงจ้องจะกินยายดีน่างาดำ
อาหารกลางวันให้สั่งเจ้าประจำ ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยตกแต่งอย่างสวยงามที่อยู่ใต้ตึก และพี่จิตตายังจดเมนูโปรดและเมนูที่ไม่ชอบของเจ้านายเธอมาให้ด้วย ซึ่งเธอจะจำไว้ว่า ถ้าวันไหนภควัตน์ทำให้เธอโกรธละก็ เมนูที่เขาเกลียดจะได้ขึ้นมาเป็นอาหารกลางวันของท่านรองประธานอย่างแน่นอน!
พี่จิตตาให้รายชื่อร้านที่สั่งประจำและร้านโน่นร้านนี่จิปาถะ รวมถึงความรู้เกี่ยวกับการเบิกเงินเวลาพาลูกค้าของเจ้านายไปเลี้ยง ก่อนจะจบด้วยข้อสุดท้ายว่า ในบางครั้งเลขาที่ดีก็ต้องติดตามเจ้านายไปออกงานบ้างบางเวลา โดยอาจจะเป็นงานตอนเย็น หรือที่ต้องเดินทางออกนอกสถานที่ เพราะมีหลายครั้งที่เลขาต้องไปช่วยงาน
ขอโทษนะ ถ้าคิดว่าที่ผ่านมามันยังงานเยอะไม่พอละก็ หากต้องติดตามไปออกงานนอกเหนือจากการที่เธอต้องเสียเวลาเข้าไปจดประชุมให้แล้วเนี่ย หาคนใหม่เถอะ! เธอเป็นมนุษย์นะ ไม่ใช่สายลับสมิธ เดอะเมทริกซ์จะได้แยกร่างได้ร้อยร่างพันร่าง!
แต่คนที่นั่งฟังอย่างสงบเสงี่ยมก็ไม่ได้บอกออกไป เพราะสิ่งที่เธอคิดอยู่ในหัวตอนนี้คือ เช้านี้เธอจะไปกอดขา ‘พี่จ๋า’ หัวหน้าฝ่ายบุคคลเจ้านายมะลิ ถ้าคิดว่าเธอไม่กล้าละก็ ขอให้รู้ไว้ว่าคิดผิด! ต่อให้เธอต้องดราม่าน้ำตาร่วง เธอก็จะทำ! ถ้ามันจะทำให้ฝ่ายบุคคลหาเลขาแบบถาวรให้มันเร็วขึ้น ต่อให้ต้องติดสินบนเธอก็จะทำมันทุกอย่างเลย!
ว่าแล้วก็เริ่มทำมันตั้งแต่วันนี้นี่แหละ! ติดสินบนวันแรกต้องเริ่มด้วยของอะไรเล็กๆ น้อยๆ แต่ถูกใจสาวออฟฟิศทุกคนอย่าง...พุดดิ้งมะพร้าว!
พอคิดแผนการได้ วรีวาฏิกาก็รีบวิ่งลงไปซื้อพุดดิ้งมะพร้าวเจ้าดังใต้ตึกทันทีเป็นจำนวนสองชิ้นด้วยกัน เพราะไหนๆ ก็ซื้อแล้วก็ขอซื้อเผื่อตัวเองสักชิ้นจะเป็นไร และเมื่อซื้อเสร็จเธอก็หอบหิ้วพุดดิ้งมะพร้าวสองชิ้นวิ่งตรงดิ่งไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังชั้นสิบฝ่ายบุคคล แต่อยู่ดีๆ ลิฟต์ที่กำลังจะปิดก็ถูกมือใครบางคนแทรกเข้ามาจนประตูลิฟต์เปิดออกอีกรอบด้วยระบบเซนเซอร์และคนที่ทำเรื่องแบบนี้ก็เป็นคนที่ทำให้เธอถึงกับชะงัก เพราะคนคนนั้นคือ...เจ้านายของเธอเอง!
ภควัตน์แทรกตัวเข้ามาทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก คนที่อยู่ในลิฟต์อย่างวรีวาฏิกาอ้าปากค้าง ก่อนผู้มาใหม่จะเอ่ยทักทายด้วยประโยคที่ทำให้อาการอ้าปากหวอของเธอหุบลงได้ฉับพลัน
“เห็นผมเดินมา ไม่คิดจะกดเปิดลิฟต์ให้หน่อยหรือไง น้ำใจน่ะสะกดเป็นไหมวรีวาฏิกา”
วรีวาฏิกาต้องหายใจเข้าลึกๆ แล้วโต้กลับไปอย่างฉับไวว่า
“ดิฉันคิดว่าคุณภควัตน์จะไปขึ้นลิฟต์ผู้บริหารค่ะ ไม่คิดว่าอยู่ดีๆ จะอุตริมาเบียดเบียนขึ้นลิฟต์พนักงาน”
ท่านรองประธานถึงกับหันขวับมามองเธอตาขวาง ก่อนจะพูดประโยคสุดจะเห็นแก่ตัวอีกประโยค
“ลิฟต์พนักงานมันมีกฎไม่ให้ผู้บริหารขึ้นหรือไง อีกอย่างผมมีสิทธิ์จะใช้ลิฟต์ตัวไหนก็ได้ที่ผมอยากจะใช้ หรือคุณมีปัญหา?”
ใครจะกล้าไปมีปัญหากับท่านผู้บริหารล่ะคะ! แต่เธอไม่ได้ตอบออกไปแบบนั้นหรอกนะ เธอใช้ความเงียบเป็นการตอบรับแทน ซึ่งการสนทนาควรจะจบลงแต่เพียงเท่านั้นถ้าภควัตน์ไม่ออกคำสั่งต่อ
“วันหลังเห็นผมเดินมาคุณต้องกดลิฟต์รอทุกครั้ง ผมจะใช้หรือไม่มันเรื่องของผม ถ้าผมเดินผ่านไปลิฟต์ตัวอื่น คุณถึงจะกดปิดลิฟต์ได้เข้าใจไหม วรีวาฏิกา”
ไม่เข้าใจ แต่เถียงได้ไหมล่ะ
อย่างนี้ถ้ามีพนักงานคนอื่นอยู่ด้วย แล้วเธอไปกดลิฟต์ค้างไว้ คนทั้งลิฟต์ไม่ด่าเธอในใจกันถ้วนหน้าเรอะ ข้อหาที่สะเออะไปกดลิฟต์รอท่านผู้บริหารสุดยิ่งใหญ่ ทั้งๆ ที่ท่านก็มีลิฟต์ของท่านที่ ‘ควร’ จะไปขึ้นอยู่แล้ว
แต่เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยอีก เธอเลยพยักหน้ารับคำสั่งเขาแต่โดยดี
พอกดชั้นสิบ และชั้นสามสิบเอ็ดซึ่งเป็นชั้นห้องทำงานของคนที่ขึ้นลิฟต์มาด้วย วรีวาฏิกาก็พบว่าคนที่มาอยู่ลิฟต์ผิดที่ผิดทางกำลังจ้องเขม็งมาที่พุดดิ้งมะพร้าวในถุงที่เธอถืออยู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาลอยๆ ว่า
“เท่านี้ก็อ้วนจะแย่แล้ว ยังจะกินของพวกนี้อีก กะว่าจะเอาให้อ้วนเท่าหมูอวกาศเลยหรือไง”
นี่คงไม่มีใครอบรมสั่งสอนเขาสินะว่า ไม่ควรด่าผู้หญิงว่าอ้วน ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นลูกน้องเขาก็เถอะ!
“ฉันซื้อไปฝากคนอื่นค่ะ ไม่ได้กินเองทั้งสองชิ้น”
และคำตอบของเธอก็ทำให้ภควัตน์หรี่ตามองมาอย่างสงสัย ก่อนจะถามต่อด้วยความสาระแนเกินตำแหน่งเจ้านายทันที
“จะเอาไปฝากใคร”
ขณะนั้นเสียงลิฟต์ดังขึ้นให้รู้ว่าถึงชั้นสิบแล้ว เธอเลยกะเลี่ยงคำถามเขาด้วยการเดินออกไปตอนประตูลิฟต์เปิด แต่แล้วก็กลับถูกภควัตน์คว้าข้อมือข้างที่ไม่ได้ถือพุดดิ้งมะพร้าวไว้ แถมพ่อเจ้าประคุณยังกดปิดลิฟต์หน้าตาเฉย โดยมีเธออ้าปากค้างกับการกระทำสุดแสนจะชั่วร้าย
“เอาไปฝากใครวา”
คำถามที่ถามกลับมาอีกครั้งดูเยือกเย็นพิกล แถมลักษณะท่าทางที่หรี่ตามองมาอย่างจับผิดนั้นทำให้วรีวาฏิการู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอเลยหลุดปากบอกความจริงออกไปโดยอัตโนมัติ ไม่ทันสังเกตสักนิดว่าเมื่อครู่นี้เขาเรียกชื่อเล่นเธอ
“จะเอาไปติดสินบนพี่จ๋าให้ช่วยหาเลขาใหม่ให้คุณเร็วๆ ค่ะ!”
ถึงแม้ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่การบอกความจริงกับเจ้านายแบบกลายๆ ว่าเธอไม่อยากจะเป็นเลขาให้เขานานนัก อาจทำให้ตายได้! เพราะตอนนี้คนที่รีดเอาความจริงจากปากเธอได้อย่างง่ายดายกำลังจ้องมาตาเขม็ง ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ทำให้เลขาชั่วคราวอย่างเธออยากกรีดร้องให้ลั่นตึก
“อ้อ...งั้นคุณคงต้องรอนานหน่อยละ เพราะผมจะบอกให้คุณจ๋าค่อยๆ หาและคัดเลือกอย่างละเอียดถี่ถ้วน คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยก็...หนึ่งปี!”
หนึ่งปี! ฆ่าเธอให้ตายดีกว่าไหม ใครจะไปทนคนแบบนี้ได้ตั้งหนึ่งปี!
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกไป ลิฟต์ก็ขึ้นมาถึงชั้นสามสิบเอ็ด โดยมีภควัตน์คว้าพุดดิ้งมะพร้าวไปจากถุงหนึ่งชิ้น ก่อนเดินตัวปลิวออกจากลิฟต์ไป ไม่วายเขายังหันมาบอกหญิงสาวที่ยังคงยืนตะลึงกับการกระทำของเขาอยู่ในลิฟต์ว่า
“ไหนๆ คุณติดสินบนคุณจ๋าไปก็ไม่ได้อะไรแล้ว ชิ้นนี้ผมขอก็แล้วกัน”
แล้วคนปล้นพุดดิ้งมะพร้าวก็เดินเข้าห้องตัวเองไปหน้าตาเฉย โดยมีเธอมองตะลึงตาค้างถึงความไร้มารยาทของเจ้านายตัวเอง
อยากกินก็ขอดีๆ สิ เธอซื้อมาเผื่อก็ได้ นี่หยิบไปเฉยเลยได้ไง ปรบมือให้ความหน้าด้านสามหมื่นที!
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ธ.ค. 2563, 18:44:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ธ.ค. 2563, 18:44:30 น.
จำนวนการเข้าชม : 338
<< บทที่ 4 -100% | บทที่ 5 -100% >> |