แรกรักพันใจ: มาสฬฎา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
มีมารดาเลี้ยงใจร้าย บวกกับพี่สาวใจยักษ์ ชีวิตดูน่ารันทดนัก
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: เลขา บอส พระเอกเย็นชา แม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง ตลก
ตอน: บทที่ 9 -100%
สัปดาห์ต่อมาวรีวาฏิกายังไปทำงานอย่างปกติสุข แต่ที่ทำให้ไม่ปกติสุขเท่าที่ควรจะเป็นคือ วิกานดา ที่ทำเป็นแวะเวียนมาเยี่ยมเธอถึงที่ทำงานบ่อยครั้ง แค่สัปดาห์นี้สัปดาห์เดียวก็ปาไปสามครั้งแล้ว ทุกครั้งที่พี่วิมา ด้วยต่างฝ่ายต่างรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาเยี่ยมเยียนดี วรีวาฏิกาจึงปล่อยให้พี่สาวนั่งรออยู่ที่โซฟา ส่วนตัวเองก็นั่งทำงานอย่างไม่สนใจจะสนทนาด้วยแม้แต่คำเดียว
แต่ถ้าเทียบระหว่างความเย็นชาของเธอกับความเย็นชาของภควัตน์นั้น ชายหนุ่มดูจะทำได้ดีกว่าเธอหลายขุม!
ทุกครั้งที่ภควัตน์เดินออกมาจากห้องทำงานแล้วเจอวิกานดานั่งอยู่ตรงนั้น เขาเพียงรับไหว้และพูดคุยด้วยสั้นๆ เพราะแขกผู้มาเยือนอ้างว่ามาเยี่ยมน้องสาว เขาเลยบอกให้ทำตัวตามสบาย และผละออกไปประชุมทันที
ครั้งที่สองยิ่งโหดกว่าเดิม พอเดินออกมาเจอวิกานดา เขาเพียงแค่รับไหว้ ก่อนจะหันไปคุยโทรศัพท์แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ครั้งสุดท้ายในสัปดาห์นี้ เมื่อภควัตน์เดินออกจากห้อง เขาไม่แม้แต่จะมองพี่สาวเธอ เดินลิ่วจากไปไม่แม้แต่จะหันมา
ปรบมือให้สามตลบ นี่เป็นครั้งแรกที่วรีวาฏิกาค้นพบว่าความเย็นชาของเขาก็มีข้อดีเหมือนกัน!
มาคิดทบทวนดู ถ้าวิกานดาได้เป็นแฟนภควัตน์จริง ใครกันล่ะที่จะปวดหัว ถ้าไม่ใช่เธอ! แค่วรีวาฏิกาจินตนาการภาพว่าตัวเองโดนทั้งภควัตน์และวิกานดารวมพลังกันจิกหัวใช้ เท่านั้นก็ให้รู้สึกเย็นยะเยือกแผ่นหลังขึ้นมาทันที เพราะฉะนั้นสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ช่างเข้าข้างเธอเสียนี่กระไร
วิกานดาล้มเลิกความพยายามในสัปดาห์ที่สอง คิดว่าพี่สาวน่าจะไปปรับกระบวนท่ามาใหม่เมื่อเห็นแล้วว่าการมาดักรอถึงที่ออฟฟิศไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด วรีวาฏิกาเลยพลอยได้หายใจหายคอคล่องขึ้น หลุดพ้นไปได้ในที่สุด
ในสองสัปดาห์มานี้แม้ภควัตน์จะเย็นชากับพี่สาวเธอ แต่เขากลับดุเธอน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แถมยังเปลี่ยนจากเรียกเธอว่า ‘วรีวาฏิกา’ เต็มยศ มาเรียก ‘วา’ หน้าตาเฉย
ครั้งแรกที่เธอสังเกตได้ว่าเขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกชื่อ เธอถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ยั้งปากไม่ถามออกไปเมื่อหันไปสบตามาคุของเจ้านายที่ดูไม่อยากจะให้ถามเสียเท่าไร วรีวาฏิกาเลยคิดเอาเองในใจว่า เขาคงยอมแพ้กับการเรียกชื่อสุดจะยาวของเธอในที่สุด แต่ด้วยว่าไม่อยากเสียหน้าจึงไม่อยากให้เธอถามถึง
นอกจากเธอแล้ว อีกคนหนึ่งที่สะกิดใจกับการเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยนี้คือ มะลิ ระหว่างที่กินข้าวด้วยกันครั้งล่าสุด เพื่อนตัวดีอดไม่ได้ ถามขึ้นมาหน้าตาเฉย
“แกบอกมาเดี๋ยวนี้ เกิดเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่รู้หรือเปล่า ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพาร์คเขาเรียกแกว่า วา”
วรีวาฏิกากลอกตามองบน แต่ก็ยอมตอบอย่างเสียมิได้ตามที่ตัวเองวิเคราะห์มาว่า “แกลองเรียกฉันว่า วรีวาฏิกา เกือบปีดูสิ คิดสิคิดว่าชื่อฉันมันโคตรจะยาวขนาดไหน ใครๆ ก็ขี้เกียจจะเรียกกันทั้งนั้น นี่คนประหยัดคำพูดอย่างเขาทนเรียกมาได้ตั้งเกือบปี ฉันยังเซอร์ไพรส์เลย ตอนนี้คงคิดได้แล้วมั้งว่าจะเรียกชื่อจริงชื่อเล่นก็ช่างมันเถอะ เรียกๆ ไปให้จบๆ เดี๋ยวนี้เลยเรียกแค่วา”
“เออ ก็จริง” เพื่อนสาวเห็นคล้อยตามอย่างง่ายดาย แต่ยังไม่วายถามอีก “แล้วทำไมเดี๋ยวนี้คุณพาร์คใจดีกับแกมากกว่าเดิม ดุน้อยลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ประชุมครั้งล่าสุด ฉันไม่เห็นแกโดนคุณพาร์คดุสักแอะเดียว”
ถามมาถึงตรงนี้ คนโดนถามเริ่มมีน้ำโหจนอยากผลักหัวเพื่อนอยู่รอมร่อเลยตอบด้วยอารมณ์คุกรุ่นว่า
“นี่แกจะให้ฉันโดนด่าทั้งปีทั้งชาติเลยเหรอไง โดนทุกวันขนาดนั้นฉันก็ต้องมีพัฒนาการบ้างสิ ขืนทำมาเกือบปียังโดนด่าทุกวันก็ไม่ต้องทำมันแล้วงาน! กลับไปสำนึกความผิดที่บ้านดีกว่าว่าทำผิดพลาดอะไรนักหนาให้เจ้านายดุด่าได้ทุกวัน”
“เออ ก็จริงของแก” มะลิเออออก่อนจะทำหน้าเบื่อหน่ายเมื่อไม่ได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมอย่างที่ตัวเองคิด
ถึงแม้ข่าวดีคือวรีวาฏิกาทำงานได้อย่างราบรื่นมากขึ้น แต่ในช่วงสายๆ ของวันนั้น...ข่าวร้ายก็มาเยือน ด้วยความที่เพื่อนมะลิสุดรักติดตามแต่เพจข่าวซุบซิบดารา คนรู้ข่าวฉาวคนแรกจึงส่งลิงก์ข่าวอักษรย่อดารามาให้วรีวาฏิกาทันทีที่เห็น ในข่าวว่าหนุ่มลูกครึ่ง ชื่อขึ้นต้นว่า ‘ค.’ ซุกซ่อนเมียไว้ แถมเมียคนนั้นยังเป็นสาวที่มีสามีแล้ว
โอย นี่มันเล่นชู้กันชัดๆ
ไม่ๆๆๆๆ มันไม่จริง มันไม่จริง...คุณเควินนนนนนนนนนนน
ผู้หญิงมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไม๊ ทำไมต้องไปเอาที่มีสามีแล้ว แถมยังลือกันหนาหูว่า ผู้หญิงคนนั้นอายุมากกว่าดาราหนุ่มอยู่หลายปีเสียด้วย โอย...วรีวาฏิกาอยากร่ำไห้เสียใจสักสามชั่วโมง ผิดก็แต่เวลานี้ยังไม่เลิกงาน เธอดันมาเสียใจเว่อร์วังจนเจ้านายมาเห็นเข้าพอดี!
แถมพอเขาถาม วรีวาฏิกายังหน้ามึนบอกสาเหตุที่แท้จริงออกไปให้เขาฟังอีกต่างหาก พอภควัตน์รู้ว่าที่เธอดราม่าจนไม่เป็นอันทำการทำงานอยู่นี่คือเรื่องอะไร เขาก็กลับเข้าสู่โหมดอารมณ์มาคุทันที
“สรุปที่ร้องห่มร้องไห้ในเวลาทำงาน เพราะคลั่งดาราเนี่ยนะ วรีวาฏิกา!”
เออะ บางทีเธอก็ควรจะมีสมองคิดบ้างนะเวลาร่ำไห้เสียใจ ว่าไม่ควรจะบอกความจริงเจ้านายไปเสียทุกเรื่อง
“นี่เป็นเรื่องไร้สาระที่สุดที่ผมเคยได้ยินมาเลย หยุดร้องไห้ได้แล้ว รายงานประชุมที่ผมสั่งให้ทำเสร็จหรือยัง แล้วเทียบแพนโทนแพ็กเกจจิ้งที่กองอยู่นี่ก็รีบๆ ทำให้เสร็จๆ ซะ”
ภควัตน์หมายถึงการเทียบสีแพ็กเกจจิ้งล็อตใหม่ ที่ฝ่ายผลิตส่งมาให้แผนกการตลาดเทียบสีดูความถูกต้องก่อนเดินหน้าสั่งผลิต เขาเห็นวรีวาฏิกาวางถุงแพ็กเกจจิ้งแผ่นยาวเสียเต็มโต๊ะ แต่กลับเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านแต่คอมเมนต์ในข่าวที่เพื่อนสาวมะลิส่งมาให้
หงุดหงิดได้ที่ ภควัตน์ก็เปลี่ยนคำสั่งใหม่
“ช่วงบ่ายนี้ คุณไปตรวจโรงงานใหม่กับผม อีกสิบห้านาทีเตรียมตัวให้พร้อม”
กรี๊ดดดดด
พองานเข้า วรีวาฏิกาก็ปาโทรศัพท์ทิ้งทันใด ตั้งหน้าตั้งตาตรวจสีแพ็กเกจจิ้งให้เสร็จ เพราะต้องคอนเฟิร์มสีภายในวันนี้ ก่อนจะกระวีกระวาดเก็บของตามภควัตน์ไปตรวจโรงงานในที่สุด
โชคดีที่เธอเป็นคนรอบคอบทิ้งรองเท้าผ้าใบใส่สบายไว้ในรถคู่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดสภาพเลยว่าระหว่างที่เธอต้องเดินตรวจโรงงานกับภควัตน์ด้วยรองเท้าส้นสูงจะเป็นเยี่ยงไร
ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ วรีวาฏิกาเคยมาโรงงานเพียงแค่ครั้งเดียว ซึ่งเป็นโปรแกรมเยี่ยมชมโรงงานบรรจุอยู่ในโครงการฝึกอบรม และครั้งนั้นก็เป็นการเดินเร็วๆ ให้เสร็จๆ ไป ในใจเธอคิดถึงแต่ไอศกรีมในตู้ที่ผู้คุมโรงงานบอกว่าจะกินเท่าไหร่ก็ได้หลังจากดูโรงงานเสร็จ เป็นหนึ่งในอภินันทนาการจากบริษัท เพราะหนึ่งในไลน์สินค้าคือไอศกรีมหลากหลายยี่ห้อ
ครั้งนี้เธอก็คิดว่ามันจะเหมือนครั้งนั้น วรีวาฏิกาและสนีกเกอร์คู่ใจกะว่าจะรีบๆ เดินให้เสร็จๆ ไปแล้วรีบเผ่นไปกินไอศกรีม ถ้าไม่ติดว่าเจ้านายเธอสุดแสนจะมุ่งมั่น ตรวจดูโรงงานใหม่อย่างละเอียดและพูดคุยสอบถามกับหัวหน้าช่างควบคุมโรงงานด้วยความใส่ใจ พร้อมบ่นเรื่องความไม่สะอาดและความลื่นของพื้นบางจุดในโรงงานที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ และส่งผลต่อการหยุดชะงักของสายการผลิตถ้าเกิดมีพนักงานบาดเจ็บ ดูตัวอย่างก็เธอนี่ไง ที่เดินไปใกล้ห้องเย็นแล้วแทบลื่นล้มคว่ำ ถ้าพี่พนักงานในโรงงานที่เดินตามหลังมาไม่เห็นเข้าแล้วคว้าตัวไว้ได้ทันท่วงที พร้อมสายตาจ้องเขม็งแบบอารมณ์เสียจากภควัตน์
ท่านรองประธานจริงจังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ถึงกับขอตรวจเวรการทำความสะอาดและให้ติดคำว่า ‘ปลอดภัยไว้ก่อน ลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์’ ทั่วโรงงาน ก่อนจะหันมาบ่นเธอว่า “ซุ่มซ่าม” แล้วเดินไปจัดการเรื่องอื่นต่อทันที
เออ เธอมันไม่ระวัง ซุ่มซ่ามให้เสียงาน แต่น้ำที่ระเหยมาจากห้องเย็นจนทำให้เธอลื่นมันใช่ผลงานเธอเสียเมื่อไหร่ เขาควรจะขอบคุณเธอเสียด้วยซ้ำที่ลื่นให้ดูเป็นตัวอย่างแก่พนักงานทั้งปวง
ถึงจะไม่ได้ล้ม แต่ข้อเท้าวรีวาฏิกาก็เคล็ด พอเห็นว่าเลขาที่เดินตามต้อยๆ เริ่มเดินแปลกๆ ภควัตน์เลยสั่งให้เธอไปนั่งรอในห้องปฐมพยาบาลโดยมีคุณลุงวิศวกรคนหนึ่งที่ดูแลเครื่องจักรแถวนั้นช่วยพยุงพาไป
หลังจากนั้นการตรวจโรงงานนี้ก็เหมือนมหันตภัยของคนทั้งโรงงานภควัตน์อารมณ์เสีย เห็นโน่นเห็นนี่ก็ติได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่มีพนักงานคนหนึ่งลืมสวมรองเท้าเซฟตีสำหรับเดินในโรงงาน ยันเครื่องจักรตัวใหม่ที่ติดตั้งยังไม่เรียบร้อยแต่ไม่มีป้ายบอกให้ชัดเจน โชคดีที่วรีวาฏิกานั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ในห้องปฐมพยาบาล พร้อมกินไอศกรีมไปพลางๆ เธอเลยไม่ต้องเผชิญกับความน่ากลัวนั่นเหมือนคนอื่นๆ
กว่าจะตรวจโรงงานเสร็จก็เย็นมากแล้ว เพราะข้อเท้าที่เคล็ด คนขับรถขากลับจึงเป็นภควัตน์ที่ต้องเลยไปส่งเธอที่บ้านอย่างเสียมิได้ วรีวาฏิกาสงบปากสงบคำตลอดทาง ด้วยบรรยากาศภายในรถที่แผ่มาจากคนขับช่างน่ากลัวยังกับจะกินเลือดกินเนื้อ เมื่อใกล้ถึงบ้าน เธอถึงรวบรวมความกล้าบอกเขาว่า
“โรงงานใหม่เพิ่งเปิดได้แค่วันเดียว คงมีข้อผิดพลาดกันบ้าง คุณภควัตน์ก็ช่วยไว้ชีวิตพี่ๆ ลุงๆ เขาหน่อยนะคะ เขาอาจไม่ทนคุณได้เท่าฉันนะ”
คนขับทำเสียงฮึในลำคอ
“โรงงานใหม่ แต่บุคลากรไม่ได้ใหม่ พวกเขาคุมโรงงานเก่ามาเป็นสิบปี ข้อผิดพลาดพวกนี้เกิดขึ้นได้ยังไง แล้วไม่ต้องมาพูดแทน ผมยังไม่ได้จัดการคุณเรื่องแอบเล่นมือถืออ่านข่าวดาราระหว่างทำงาน หรือว่าช่วงนี้งานน้อยเลยว่าง...ผมเพิ่มงานให้เอาไหม”
เท่านั้นละ วรีวาฏิกาหุบปากฉับ ยิ้มเจื่อน ก่อนจะอยู่ในความสงบตลอดการเดินทางจริงๆ
การที่อยู่ดีๆ ท่านรองประธานก็โผล่ไปตรวจโรงงานใหม่นั้น สร้างความหวาดกลัวให้กับพนักงานที่โรงงานเป็นอย่างมาก ด้วยว่าไม่รู้วันดีคืนดีภควัตน์จะโผล่มาอีกเมื่อไหร่! เหล่าคุณลุงวิศวกรที่ดูแลโรงงานเลยตรวจสอบโรงงานกันอย่างเคร่งครัดทุกวัน ส่งผลให้ความปลอดภัยในโรงงานใหม่ทะลุเป้าสร้างสถิติใหม่ในเวลาอันรวดเร็ว
ตั้งแต่ข้อเท้าแพลงในวันนั้น วรีวาฏิกาก็ต้องพันข้อเท้าด้วยผ้าอยู่หลายวัน จนต้องเดินกะเผลกๆ ไปทำงาน วันแรกๆ มีพี่ยามหน้าประตูคอยช่วยเหลือเธอให้เกาะแขนพาไปส่งถึงลิฟต์ แต่เมื่อเจอเข้ากับสายตาเยือกเย็นของภควัตน์ไปหนนึง วันต่อๆ มายามคนนั้นก็ไม่กล้าสบตาเธอ แถมไม่ยอมอาสาพาเธอไปส่งที่ลิฟต์อีกเลย
นอกจากพี่ยาม แม้แต่คนขับรถที่มีหน้าที่เอารถไปจอดให้ภควัตน์ ก็ไม่ยอมช่วยเหลือเธอพอกัน หลังจากโดนสายตาน่ากลัวของภควัตน์มองมาในครั้งแรกที่พยุงเธอ หลังจากวันนั้นเวลาเห็นเธอที่ชั้นล่างทีไรพี่คนขับรถรีบเผ่นหาย ส่วนภควัตน์ก็แสดงความชั่วร้ายด้วยการเดินผ่านเธอไป แถมบอกว่า
“เดินช้าก็เดินหลบๆ หน่อย อย่าเกะกะคนอื่นเขา” แล้วเดินผ่านเธอไปเลย
เธอซุ่มซ่ามจนทำเสียงานก็รู้ตัวอยู่ แต่ภควัตน์จำเป็นต้องลงโทษเธอด้วยการห้ามใครต่อใครช่วยเหลือเธอขนาดนี้เลยหรือไง และที่สุดของความชั่วร้าย วรีวาฏิกาเห็นเขาแอบขำเวลาเห็นเธอเดินกะเผลกๆ ไปทั่วออฟฟิศอีกด้วย มันน่าโมโหจนอดไม่ไหวต้องตะโกนด่าในใจว่า เขามันโคตรชั่ว ชั่วมากถึงมากที่สุด!
******************
โหลด eBook แรกรักพันใจ กันได้แล้วน้าาาา ใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วยค่ะ ที่เว็บไซต์ mebmarket หรือ App Meb
แต่ถ้าเทียบระหว่างความเย็นชาของเธอกับความเย็นชาของภควัตน์นั้น ชายหนุ่มดูจะทำได้ดีกว่าเธอหลายขุม!
ทุกครั้งที่ภควัตน์เดินออกมาจากห้องทำงานแล้วเจอวิกานดานั่งอยู่ตรงนั้น เขาเพียงรับไหว้และพูดคุยด้วยสั้นๆ เพราะแขกผู้มาเยือนอ้างว่ามาเยี่ยมน้องสาว เขาเลยบอกให้ทำตัวตามสบาย และผละออกไปประชุมทันที
ครั้งที่สองยิ่งโหดกว่าเดิม พอเดินออกมาเจอวิกานดา เขาเพียงแค่รับไหว้ ก่อนจะหันไปคุยโทรศัพท์แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ครั้งสุดท้ายในสัปดาห์นี้ เมื่อภควัตน์เดินออกจากห้อง เขาไม่แม้แต่จะมองพี่สาวเธอ เดินลิ่วจากไปไม่แม้แต่จะหันมา
ปรบมือให้สามตลบ นี่เป็นครั้งแรกที่วรีวาฏิกาค้นพบว่าความเย็นชาของเขาก็มีข้อดีเหมือนกัน!
มาคิดทบทวนดู ถ้าวิกานดาได้เป็นแฟนภควัตน์จริง ใครกันล่ะที่จะปวดหัว ถ้าไม่ใช่เธอ! แค่วรีวาฏิกาจินตนาการภาพว่าตัวเองโดนทั้งภควัตน์และวิกานดารวมพลังกันจิกหัวใช้ เท่านั้นก็ให้รู้สึกเย็นยะเยือกแผ่นหลังขึ้นมาทันที เพราะฉะนั้นสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ช่างเข้าข้างเธอเสียนี่กระไร
วิกานดาล้มเลิกความพยายามในสัปดาห์ที่สอง คิดว่าพี่สาวน่าจะไปปรับกระบวนท่ามาใหม่เมื่อเห็นแล้วว่าการมาดักรอถึงที่ออฟฟิศไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด วรีวาฏิกาเลยพลอยได้หายใจหายคอคล่องขึ้น หลุดพ้นไปได้ในที่สุด
ในสองสัปดาห์มานี้แม้ภควัตน์จะเย็นชากับพี่สาวเธอ แต่เขากลับดุเธอน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แถมยังเปลี่ยนจากเรียกเธอว่า ‘วรีวาฏิกา’ เต็มยศ มาเรียก ‘วา’ หน้าตาเฉย
ครั้งแรกที่เธอสังเกตได้ว่าเขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกชื่อ เธอถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ยั้งปากไม่ถามออกไปเมื่อหันไปสบตามาคุของเจ้านายที่ดูไม่อยากจะให้ถามเสียเท่าไร วรีวาฏิกาเลยคิดเอาเองในใจว่า เขาคงยอมแพ้กับการเรียกชื่อสุดจะยาวของเธอในที่สุด แต่ด้วยว่าไม่อยากเสียหน้าจึงไม่อยากให้เธอถามถึง
นอกจากเธอแล้ว อีกคนหนึ่งที่สะกิดใจกับการเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยนี้คือ มะลิ ระหว่างที่กินข้าวด้วยกันครั้งล่าสุด เพื่อนตัวดีอดไม่ได้ ถามขึ้นมาหน้าตาเฉย
“แกบอกมาเดี๋ยวนี้ เกิดเรื่องอะไรที่ฉันยังไม่รู้หรือเปล่า ทำไมเดี๋ยวนี้คุณพาร์คเขาเรียกแกว่า วา”
วรีวาฏิกากลอกตามองบน แต่ก็ยอมตอบอย่างเสียมิได้ตามที่ตัวเองวิเคราะห์มาว่า “แกลองเรียกฉันว่า วรีวาฏิกา เกือบปีดูสิ คิดสิคิดว่าชื่อฉันมันโคตรจะยาวขนาดไหน ใครๆ ก็ขี้เกียจจะเรียกกันทั้งนั้น นี่คนประหยัดคำพูดอย่างเขาทนเรียกมาได้ตั้งเกือบปี ฉันยังเซอร์ไพรส์เลย ตอนนี้คงคิดได้แล้วมั้งว่าจะเรียกชื่อจริงชื่อเล่นก็ช่างมันเถอะ เรียกๆ ไปให้จบๆ เดี๋ยวนี้เลยเรียกแค่วา”
“เออ ก็จริง” เพื่อนสาวเห็นคล้อยตามอย่างง่ายดาย แต่ยังไม่วายถามอีก “แล้วทำไมเดี๋ยวนี้คุณพาร์คใจดีกับแกมากกว่าเดิม ดุน้อยลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ประชุมครั้งล่าสุด ฉันไม่เห็นแกโดนคุณพาร์คดุสักแอะเดียว”
ถามมาถึงตรงนี้ คนโดนถามเริ่มมีน้ำโหจนอยากผลักหัวเพื่อนอยู่รอมร่อเลยตอบด้วยอารมณ์คุกรุ่นว่า
“นี่แกจะให้ฉันโดนด่าทั้งปีทั้งชาติเลยเหรอไง โดนทุกวันขนาดนั้นฉันก็ต้องมีพัฒนาการบ้างสิ ขืนทำมาเกือบปียังโดนด่าทุกวันก็ไม่ต้องทำมันแล้วงาน! กลับไปสำนึกความผิดที่บ้านดีกว่าว่าทำผิดพลาดอะไรนักหนาให้เจ้านายดุด่าได้ทุกวัน”
“เออ ก็จริงของแก” มะลิเออออก่อนจะทำหน้าเบื่อหน่ายเมื่อไม่ได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมอย่างที่ตัวเองคิด
ถึงแม้ข่าวดีคือวรีวาฏิกาทำงานได้อย่างราบรื่นมากขึ้น แต่ในช่วงสายๆ ของวันนั้น...ข่าวร้ายก็มาเยือน ด้วยความที่เพื่อนมะลิสุดรักติดตามแต่เพจข่าวซุบซิบดารา คนรู้ข่าวฉาวคนแรกจึงส่งลิงก์ข่าวอักษรย่อดารามาให้วรีวาฏิกาทันทีที่เห็น ในข่าวว่าหนุ่มลูกครึ่ง ชื่อขึ้นต้นว่า ‘ค.’ ซุกซ่อนเมียไว้ แถมเมียคนนั้นยังเป็นสาวที่มีสามีแล้ว
โอย นี่มันเล่นชู้กันชัดๆ
ไม่ๆๆๆๆ มันไม่จริง มันไม่จริง...คุณเควินนนนนนนนนนนน
ผู้หญิงมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไม๊ ทำไมต้องไปเอาที่มีสามีแล้ว แถมยังลือกันหนาหูว่า ผู้หญิงคนนั้นอายุมากกว่าดาราหนุ่มอยู่หลายปีเสียด้วย โอย...วรีวาฏิกาอยากร่ำไห้เสียใจสักสามชั่วโมง ผิดก็แต่เวลานี้ยังไม่เลิกงาน เธอดันมาเสียใจเว่อร์วังจนเจ้านายมาเห็นเข้าพอดี!
แถมพอเขาถาม วรีวาฏิกายังหน้ามึนบอกสาเหตุที่แท้จริงออกไปให้เขาฟังอีกต่างหาก พอภควัตน์รู้ว่าที่เธอดราม่าจนไม่เป็นอันทำการทำงานอยู่นี่คือเรื่องอะไร เขาก็กลับเข้าสู่โหมดอารมณ์มาคุทันที
“สรุปที่ร้องห่มร้องไห้ในเวลาทำงาน เพราะคลั่งดาราเนี่ยนะ วรีวาฏิกา!”
เออะ บางทีเธอก็ควรจะมีสมองคิดบ้างนะเวลาร่ำไห้เสียใจ ว่าไม่ควรจะบอกความจริงเจ้านายไปเสียทุกเรื่อง
“นี่เป็นเรื่องไร้สาระที่สุดที่ผมเคยได้ยินมาเลย หยุดร้องไห้ได้แล้ว รายงานประชุมที่ผมสั่งให้ทำเสร็จหรือยัง แล้วเทียบแพนโทนแพ็กเกจจิ้งที่กองอยู่นี่ก็รีบๆ ทำให้เสร็จๆ ซะ”
ภควัตน์หมายถึงการเทียบสีแพ็กเกจจิ้งล็อตใหม่ ที่ฝ่ายผลิตส่งมาให้แผนกการตลาดเทียบสีดูความถูกต้องก่อนเดินหน้าสั่งผลิต เขาเห็นวรีวาฏิกาวางถุงแพ็กเกจจิ้งแผ่นยาวเสียเต็มโต๊ะ แต่กลับเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านแต่คอมเมนต์ในข่าวที่เพื่อนสาวมะลิส่งมาให้
หงุดหงิดได้ที่ ภควัตน์ก็เปลี่ยนคำสั่งใหม่
“ช่วงบ่ายนี้ คุณไปตรวจโรงงานใหม่กับผม อีกสิบห้านาทีเตรียมตัวให้พร้อม”
กรี๊ดดดดด
พองานเข้า วรีวาฏิกาก็ปาโทรศัพท์ทิ้งทันใด ตั้งหน้าตั้งตาตรวจสีแพ็กเกจจิ้งให้เสร็จ เพราะต้องคอนเฟิร์มสีภายในวันนี้ ก่อนจะกระวีกระวาดเก็บของตามภควัตน์ไปตรวจโรงงานในที่สุด
โชคดีที่เธอเป็นคนรอบคอบทิ้งรองเท้าผ้าใบใส่สบายไว้ในรถคู่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดสภาพเลยว่าระหว่างที่เธอต้องเดินตรวจโรงงานกับภควัตน์ด้วยรองเท้าส้นสูงจะเป็นเยี่ยงไร
ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ วรีวาฏิกาเคยมาโรงงานเพียงแค่ครั้งเดียว ซึ่งเป็นโปรแกรมเยี่ยมชมโรงงานบรรจุอยู่ในโครงการฝึกอบรม และครั้งนั้นก็เป็นการเดินเร็วๆ ให้เสร็จๆ ไป ในใจเธอคิดถึงแต่ไอศกรีมในตู้ที่ผู้คุมโรงงานบอกว่าจะกินเท่าไหร่ก็ได้หลังจากดูโรงงานเสร็จ เป็นหนึ่งในอภินันทนาการจากบริษัท เพราะหนึ่งในไลน์สินค้าคือไอศกรีมหลากหลายยี่ห้อ
ครั้งนี้เธอก็คิดว่ามันจะเหมือนครั้งนั้น วรีวาฏิกาและสนีกเกอร์คู่ใจกะว่าจะรีบๆ เดินให้เสร็จๆ ไปแล้วรีบเผ่นไปกินไอศกรีม ถ้าไม่ติดว่าเจ้านายเธอสุดแสนจะมุ่งมั่น ตรวจดูโรงงานใหม่อย่างละเอียดและพูดคุยสอบถามกับหัวหน้าช่างควบคุมโรงงานด้วยความใส่ใจ พร้อมบ่นเรื่องความไม่สะอาดและความลื่นของพื้นบางจุดในโรงงานที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ และส่งผลต่อการหยุดชะงักของสายการผลิตถ้าเกิดมีพนักงานบาดเจ็บ ดูตัวอย่างก็เธอนี่ไง ที่เดินไปใกล้ห้องเย็นแล้วแทบลื่นล้มคว่ำ ถ้าพี่พนักงานในโรงงานที่เดินตามหลังมาไม่เห็นเข้าแล้วคว้าตัวไว้ได้ทันท่วงที พร้อมสายตาจ้องเขม็งแบบอารมณ์เสียจากภควัตน์
ท่านรองประธานจริงจังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ถึงกับขอตรวจเวรการทำความสะอาดและให้ติดคำว่า ‘ปลอดภัยไว้ก่อน ลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์’ ทั่วโรงงาน ก่อนจะหันมาบ่นเธอว่า “ซุ่มซ่าม” แล้วเดินไปจัดการเรื่องอื่นต่อทันที
เออ เธอมันไม่ระวัง ซุ่มซ่ามให้เสียงาน แต่น้ำที่ระเหยมาจากห้องเย็นจนทำให้เธอลื่นมันใช่ผลงานเธอเสียเมื่อไหร่ เขาควรจะขอบคุณเธอเสียด้วยซ้ำที่ลื่นให้ดูเป็นตัวอย่างแก่พนักงานทั้งปวง
ถึงจะไม่ได้ล้ม แต่ข้อเท้าวรีวาฏิกาก็เคล็ด พอเห็นว่าเลขาที่เดินตามต้อยๆ เริ่มเดินแปลกๆ ภควัตน์เลยสั่งให้เธอไปนั่งรอในห้องปฐมพยาบาลโดยมีคุณลุงวิศวกรคนหนึ่งที่ดูแลเครื่องจักรแถวนั้นช่วยพยุงพาไป
หลังจากนั้นการตรวจโรงงานนี้ก็เหมือนมหันตภัยของคนทั้งโรงงานภควัตน์อารมณ์เสีย เห็นโน่นเห็นนี่ก็ติได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่มีพนักงานคนหนึ่งลืมสวมรองเท้าเซฟตีสำหรับเดินในโรงงาน ยันเครื่องจักรตัวใหม่ที่ติดตั้งยังไม่เรียบร้อยแต่ไม่มีป้ายบอกให้ชัดเจน โชคดีที่วรีวาฏิกานั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ในห้องปฐมพยาบาล พร้อมกินไอศกรีมไปพลางๆ เธอเลยไม่ต้องเผชิญกับความน่ากลัวนั่นเหมือนคนอื่นๆ
กว่าจะตรวจโรงงานเสร็จก็เย็นมากแล้ว เพราะข้อเท้าที่เคล็ด คนขับรถขากลับจึงเป็นภควัตน์ที่ต้องเลยไปส่งเธอที่บ้านอย่างเสียมิได้ วรีวาฏิกาสงบปากสงบคำตลอดทาง ด้วยบรรยากาศภายในรถที่แผ่มาจากคนขับช่างน่ากลัวยังกับจะกินเลือดกินเนื้อ เมื่อใกล้ถึงบ้าน เธอถึงรวบรวมความกล้าบอกเขาว่า
“โรงงานใหม่เพิ่งเปิดได้แค่วันเดียว คงมีข้อผิดพลาดกันบ้าง คุณภควัตน์ก็ช่วยไว้ชีวิตพี่ๆ ลุงๆ เขาหน่อยนะคะ เขาอาจไม่ทนคุณได้เท่าฉันนะ”
คนขับทำเสียงฮึในลำคอ
“โรงงานใหม่ แต่บุคลากรไม่ได้ใหม่ พวกเขาคุมโรงงานเก่ามาเป็นสิบปี ข้อผิดพลาดพวกนี้เกิดขึ้นได้ยังไง แล้วไม่ต้องมาพูดแทน ผมยังไม่ได้จัดการคุณเรื่องแอบเล่นมือถืออ่านข่าวดาราระหว่างทำงาน หรือว่าช่วงนี้งานน้อยเลยว่าง...ผมเพิ่มงานให้เอาไหม”
เท่านั้นละ วรีวาฏิกาหุบปากฉับ ยิ้มเจื่อน ก่อนจะอยู่ในความสงบตลอดการเดินทางจริงๆ
การที่อยู่ดีๆ ท่านรองประธานก็โผล่ไปตรวจโรงงานใหม่นั้น สร้างความหวาดกลัวให้กับพนักงานที่โรงงานเป็นอย่างมาก ด้วยว่าไม่รู้วันดีคืนดีภควัตน์จะโผล่มาอีกเมื่อไหร่! เหล่าคุณลุงวิศวกรที่ดูแลโรงงานเลยตรวจสอบโรงงานกันอย่างเคร่งครัดทุกวัน ส่งผลให้ความปลอดภัยในโรงงานใหม่ทะลุเป้าสร้างสถิติใหม่ในเวลาอันรวดเร็ว
ตั้งแต่ข้อเท้าแพลงในวันนั้น วรีวาฏิกาก็ต้องพันข้อเท้าด้วยผ้าอยู่หลายวัน จนต้องเดินกะเผลกๆ ไปทำงาน วันแรกๆ มีพี่ยามหน้าประตูคอยช่วยเหลือเธอให้เกาะแขนพาไปส่งถึงลิฟต์ แต่เมื่อเจอเข้ากับสายตาเยือกเย็นของภควัตน์ไปหนนึง วันต่อๆ มายามคนนั้นก็ไม่กล้าสบตาเธอ แถมไม่ยอมอาสาพาเธอไปส่งที่ลิฟต์อีกเลย
นอกจากพี่ยาม แม้แต่คนขับรถที่มีหน้าที่เอารถไปจอดให้ภควัตน์ ก็ไม่ยอมช่วยเหลือเธอพอกัน หลังจากโดนสายตาน่ากลัวของภควัตน์มองมาในครั้งแรกที่พยุงเธอ หลังจากวันนั้นเวลาเห็นเธอที่ชั้นล่างทีไรพี่คนขับรถรีบเผ่นหาย ส่วนภควัตน์ก็แสดงความชั่วร้ายด้วยการเดินผ่านเธอไป แถมบอกว่า
“เดินช้าก็เดินหลบๆ หน่อย อย่าเกะกะคนอื่นเขา” แล้วเดินผ่านเธอไปเลย
เธอซุ่มซ่ามจนทำเสียงานก็รู้ตัวอยู่ แต่ภควัตน์จำเป็นต้องลงโทษเธอด้วยการห้ามใครต่อใครช่วยเหลือเธอขนาดนี้เลยหรือไง และที่สุดของความชั่วร้าย วรีวาฏิกาเห็นเขาแอบขำเวลาเห็นเธอเดินกะเผลกๆ ไปทั่วออฟฟิศอีกด้วย มันน่าโมโหจนอดไม่ไหวต้องตะโกนด่าในใจว่า เขามันโคตรชั่ว ชั่วมากถึงมากที่สุด!
******************
โหลด eBook แรกรักพันใจ กันได้แล้วน้าาาา ใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วยค่ะ ที่เว็บไซต์ mebmarket หรือ App Meb
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ธ.ค. 2563, 20:53:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ธ.ค. 2563, 20:53:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 413
<< บทที่ 9 -30% + วางขาย eBook | บทที่ 10 -50% >> |