แรกรักพันใจ: มาสฬฎา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
มีมารดาเลี้ยงใจร้าย บวกกับพี่สาวใจยักษ์ ชีวิตดูน่ารันทดนัก
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: เลขา บอส พระเอกเย็นชา แม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง ตลก
ตอน: บทที่ 11 -100%
ห้องกินข้าวบ้านวรีวาฏิกานั้นตกแต่งสไตล์โมเดิร์น คอนเทมโพรารี โต๊ะกินข้าวเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยม มีเก้าอี้ด้านละสองตัว วรีวาฏิกาเลือกนั่งฝั่งตรงข้ามมารดาและให้ไมเคิลนั่งข้างเธอ ภควัตน์เลยต้องนั่งลงข้างๆ คุณอารดาโดยปริยาย
อาหารทั้งหมดได้ถูกจัดวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว วันนี้มารดาของเธอตั้งใจทำเมนูอาหารไทยหากินยากให้แขกได้ชิม เริ่มต้นที่ ‘ม้าฮ่อ’ อาหารว่างที่ใช้ส้มเขียวหวาน ปอกเปลือกแบ่งเป็นชิ้น วางทับด้วยเครื่องคล้ายไส้ของข้าวเกรียบปากหม้อ และโรยหน้าด้วยผักชี เมนูถัดมาคือ ‘แกงรัญจวน’ แกงที่มีรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม และหวาน โรยด้วยใบโหระพาและพริกชี้ฟ้าให้มีกลิ่นหอมรัญจวนสมชื่อ จากนั้นก็ตามด้วยเมนูที่มีชื่อว่า ‘แสร้งว่ากุ้ง’ รสชาติคล้ายยำตะไคร้แต่ออกรสเปรี้ยวหวาน ใส่ผิวมะกรูดลงไป คลุกเคล้ากับผักชนิดต่างๆ กินคู่กับปลาดุกฟู ก่อนจะตบท้ายด้วยเมนูสุดท้ายคือ ‘หรุ่ม’ ซึ่งคล้ายกับไข่ยัดไส้ ต่างกันตรงไข่ที่ใช้ห่อไส้นั้นมีรูปร่างเป็นตาข่ายและจัดให้พอดีคำ
ถึงแม้ทั้งไมเคิลและวรีวาฏิกาจะพยายามสร้างบรรยากาศสุขสันต์ในการรับประทานอาหารมื้อนี้อยู่หลายครั้ง ด้วยการเล่าเรื่องตลกขบขัน แต่ภควัตน์ดูจะไม่ให้ความร่วมมืออะไรทั้งสิ้นนอกจากนั่งทำหน้าเย็นชาไม่สบอารมณ์พานให้บรรยากาศมาคุขึ้นทุกที แม้จะเป็นอย่างนั้นวรีวาฏิกาก็หาได้สนใจไม่ เธอชี้ชวนให้ไมเคิลลองชิมเมนูนั้น เมนูนี้ อธิบายวิธีกิน พร้อมตักอาหารให้คนนั่งข้างๆ เสียเต็มจาน เรียกความไม่สบอารมณ์ของภควัตน์ได้มากขึ้นทุกทีๆ
ทุกคนในโต๊ะอาหารนั้นสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่สันหลัง แต่วรีวาฏิกาหารู้ตัวไม่ นอกจากตั้งหน้าตั้งตากิน เธอยังไม่แม้แต่จะหันไปตักอาหารให้ภควัตน์สักคำเดียว เดือดร้อนให้คุณอารดาต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการเป็นคนตักให้ภควัตน์เสียเอง
นอกจากไม่ได้ดูตาม้าตาเรืออะไรแล้ว วรีวาฏิกายังคะยั้นคะยอให้ไมเคิลกินแสร้งว่ากุ้งที่ตักให้ พร้อมบอก
“อันนี้อร่อยมากค่ะ นานทีปีหนแม่จะทำให้กินที ยิ่งกินกับปลาดุกฟูยิ่งอร้อยอร่อย”
หรือแม้แต่
“ไมค์ต้องกินเยอะๆ นะคะ วาลงมือช่วยแม่ทำด้วยตั้งหลายอย่าง”
ถึงจุดๆ นี้ คุณอารดากระแอมเบาๆ ก่อนจะแฉลูกสาวว่า
“ที่ว่าช่วยทำน่ะ วาหมายถึงช่วยเทน้ำมันพืชใช่ไหมจ๊ะ”
พูดจบไมเคิลขำก๊ากขึ้นมาทันที แต่คนโดนแฉยังหน้าด้านหน้าทน บอกว่า
“ปริมาณน้ำมันพืชที่เหมาะสม เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อาหารอร่อยนะคะแม่”
ก่อนจะเสไปตักแกงรัญจวนใส่ถ้วยน้ำแกงเพิ่มให้หนุ่มที่นั่งข้างๆ แล้วบอกต่อว่า
“อันนี้วาก็ช่วยทำนะคะ ช่วยเปิดแก๊ส!”
แฉตัวเองเสร็จสรรพวรีวาฏิกาก็กลับมาตั้งหน้าตั้งตากินต่อ
ยิ่งกินไมเคิลก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองตัวลีบลงทุกทีๆ ได้แต่ภาวนาให้มื้ออาหารอันน่าอึดอัดนี้จบไปอย่างรวดเร็ว อร่อยน่ะ อร่อยสุดๆ อยู่แล้ว แต่ไอ้เพื่อนเขาที่จ้องมาตาเขม็งนี่ทำให้อาหารที่เอาเข้าปากกลืนยากขึ้นทุกคำ
พอของหวานอย่าง ‘อินทนิล’ ซึ่งเป็นขนมไทยโบราณหน้าตาเป็นแป้งเหนียวๆ สีเขียวใบเตยปั้นเป็นก้อน และใส่น้ำกะทิอบควันเทียนมาเสิร์ฟ ไมเคิลก็แทบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่ยังไม่ทันไร คนที่ทำหน้าที่ยกขนมหวานมาเสิร์ฟที่โต๊ะอย่างวรีวาฏิกาก็ดันซุ่มซ่ามทำขนมอินทนิลหกใส่กางเกงแขก!
หญิงสาวอ้าปากค้าง ร้องโวยวายก่อนจะรีบกุลีกุจอเอาผ้ามาเช็ดที่ต้นขาไมเคิล ในที่สุดเหตุชุลมุนวุ่นวายตรงหน้าก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อภควัตน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดสุดขีดว่า
“วา หยุด! ไมค์ นายไปซักกางเกงในห้องน้ำ”
สิ้นเสียงออกคำสั่ง ไมเคิลรีบเผ่นไปห้องน้ำทันที เขาเสียกางเกงตัวนี้ได้ แต่เขาจะยอมดั้งหักอีกรอบไม่ได้!
พอล้างกางเกงเสร็จ ไมเคิลก็เดินออกมาจากห้องน้ำ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เขาเห็นภควัตน์กำลังช่วยมารดาของวรีวาฏิกาเก็บโต๊ะ โดยสาวที่ทำขนมหกใส่เขานำขนมอินทนิลที่เหลือไปใส่กล่องก่อนจะใส่ถุงอีกทีแล้วนำมายื่นให้เขาหน้าเจื่อน แต่ยังไม่วายเอ่ยชมตัวเอง
“อันนี้วาก็ทำนะคะ วาช่วยคนกะทิ!”
วรีวาฏิกาอาสาเดินไปส่งสองหนุ่มที่หน้าร้าน ระหว่างที่ไมเคิลขอตัวไปรับโทรศัพท์ ภควัตน์ก็มายืนข้างๆ เธอพร้อมถามเสียงลอดไรฟันว่า
“งานอดิเรกคือชวนผู้ชายมากินข้าวที่บ้านหรือไง วรีวาฏิกา”
แทนที่จะโมโห คนโดนถามกลับตอบเขาหน้าใสซื่อพร้อมรอยยิ้ม
“เปล่าค่ะ จริงๆ แล้วงานอดิเรกฉันคือตระเวนหาของกินอร่อยๆ กับทำดอกไม้แห้ง”
อันที่จริงเธอเขียนเรื่องนี้ในเรซูเม่ด้วย แต่โดนมะลิบังคับให้ตัดออกพร้อมบอก ‘ใครจะไปปัญญาอ่อนอยากรู้งานอดิเรกพวกนี้ของแก!’
นี่ไง มีแล้วหนึ่งคนที่มาถามงานอดิเรกเธอ ถ้าได้เขียนลงในเรซูเม่ เขาก็คงไม่ต้องลำบากมาถามหรอก เธอจะต้องบอกเรื่องนี้กับยายมะลิให้ได้!
ภควัตน์แทบจะกลอกตามองบนด้วยไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าซื่อบื้อจริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจกันแน่ หลังจากไมเคิลคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเดินกลับมา คนที่กำลังโมโหอย่างเขาก็แทบจะลากคอเพื่อนออกจากบ้านวรีวาฏิกาทันที
ออกมายังไม่เกินสองร้อยเมตร ภควัตน์ก็หยุดเดิน เขาหันไปจ้องหน้าเพื่อนแล้วพูดเรียบๆ
“แกห้ามมาบ้านวาอีก”
เท่านั้นแหละ ขีดความอดทนของเพื่อนตัวดีก็จบลง ไมเคิลเริ่มโวยวายด้วยความโมโหพอกัน
“แกจะหึงอะไรนักหนาวะ ฉันไปมาหาสู่วาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถึงจะเคยบอกว่าน่าฟัดแต่ไม่ได้จะฟัดซะเมื่อไหร่ ของของเพื่อน ฉันไม่แตะเว้ย นี่ฉันเห็นวาเป็นน้องสาว ใครจะไปเหมือนแกที่อยากจะได้น้องเป็นเมียตั้งแต่เขายังไม่บรรลุนิติภาวะ!”
ภควัตน์กัดฟันกรอด แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ไมเคิลก็รีบพูดต่อทันที “อย่างที่บอกนั่นแหละ ฉันไม่แย่งของเพื่อนเว้ย ฉันเห็นแกเป็นเพื่อน เพื่อนสนิทด้วย เอ้า! แต่ไอ้ที่แกทำอยู่เนี่ย เอะอะต่อย เอะอะตะคอก ฉันเพื่อนแกนะเว้ย แกเคยเห็นฉันเป็นเพื่อนบ้างหรือเปล่าวะ หรือไม่เคย?”
ประโยคหลังน้ำเสียงคนต่อว่าฟังดูทั้งโมโหทั้งน้อยใจอย่างเต็มเปี่ยม
พอได้ยินแบบนั้น ภควัตน์ก็คลายหมัดที่กำอยู่ เขาเงียบไปสักพัก ก่อนจะบอก
“ถ้าไม่เห็นแกเป็นเพื่อน ฉันก็คงไม่มีเพื่อนสักคน”
ประโยคสั้นๆ ประโยคเดียวทำให้ไมเคิลยิ้มแฉ่ง! ก่อนนึกเข่นเขี้ยวในใจ นี่เขาไม่น่าไปนอยด์ตามคำพูดของวรีวาฏิกาเลยจริงๆ! แล้วเป็นไง อายไอ้พาร์คมันไหมล่ะ โตเป็นควายยังจะมางอนกันเหมือนเด็กผู้หญิง รู้ถึงไหน อายถึงนั่น!
แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ไอ้เพื่อนตัวดียอมลงให้ขนาดนี้ คนได้ใจเลยพูดต่อ “แกก็หวงให้มันน้อยๆ ลงหน่อย แล้วถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก ฉันมันคนว่างงาน”
พูดจบก็ดูเหมือนจะนึกอะไรได้ ไมเคิลเลยรีบบอก
“แกบอกว่าคนบงการใช้โทรศัพท์ติดต่อจ้างวานคนมาตัดสายเบรกใช่ไหม แล้วนายมีเบอร์ไหมวะ”
คนถูกถามพยักหน้า ก่อนจะมองเพื่อนตาโต แล้วสบถ
“ทำไมตอนแรกถึงคิดไม่ถึงวะ!”
เออ ขนาดเขาที่เป็น Developer มือฉมังและแฮ็กข้อมูลเป็นงานอดิเรก ยังลืมเลยว่าตัวเองทำอะไรได้ พอจุดประกายความคิดให้ภควัตน์ได้ปุ๊บ ไอ้เพื่อนตัวดีก็เห็นค่าเขาขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวฉันจะส่งเบอร์นั่นให้ นายลองตรวจสอบดูว่าครั้งสุดท้ายที่ซิมถูกใช้คือที่ไหน ถ้าไม่ได้ถูกใช้ที่วังอัครากร ก็เจาะดูกล้องวงจรปิดที่ที่ซิมถูกใช้ ทีนี้ฉันจะได้รู้สักทีว่าใครเป็นคนใช้ซิมนั่น!”
ไมเคิลพยักหน้าเออออ แต่พอเหลือบไปเห็นแววตาของคนพูด เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังแทนคนก่อเหตุอีกรอบเลยทีเดียว
****************
สวัสดีปีใหม่จ้ารีดเดอร์ ^O^ วันนี้มาต่อนิยายให้อ่านข้ามปีค่า 5555 มีความสุขกันมากๆ นะคะ ขอบคุณที่ติดตามพี่พาร์คกับวรีวาฏิกาจ้า ทักทายกันได้ตลอดเลยนะ จุ๊บๆ
โหลด eBook ได้ที่ Mebmarket หรือ App Meb
สั่งจองหนังสือได้ที่เพจ “ปลายปากกา สำนักพิมพ์” หรือร้านค้าออนไลน์ทั่วไป รายละเอียดคลิกที่ปุ่มอ่านเรื่องย่อด้านบน
อาหารทั้งหมดได้ถูกจัดวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว วันนี้มารดาของเธอตั้งใจทำเมนูอาหารไทยหากินยากให้แขกได้ชิม เริ่มต้นที่ ‘ม้าฮ่อ’ อาหารว่างที่ใช้ส้มเขียวหวาน ปอกเปลือกแบ่งเป็นชิ้น วางทับด้วยเครื่องคล้ายไส้ของข้าวเกรียบปากหม้อ และโรยหน้าด้วยผักชี เมนูถัดมาคือ ‘แกงรัญจวน’ แกงที่มีรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม และหวาน โรยด้วยใบโหระพาและพริกชี้ฟ้าให้มีกลิ่นหอมรัญจวนสมชื่อ จากนั้นก็ตามด้วยเมนูที่มีชื่อว่า ‘แสร้งว่ากุ้ง’ รสชาติคล้ายยำตะไคร้แต่ออกรสเปรี้ยวหวาน ใส่ผิวมะกรูดลงไป คลุกเคล้ากับผักชนิดต่างๆ กินคู่กับปลาดุกฟู ก่อนจะตบท้ายด้วยเมนูสุดท้ายคือ ‘หรุ่ม’ ซึ่งคล้ายกับไข่ยัดไส้ ต่างกันตรงไข่ที่ใช้ห่อไส้นั้นมีรูปร่างเป็นตาข่ายและจัดให้พอดีคำ
ถึงแม้ทั้งไมเคิลและวรีวาฏิกาจะพยายามสร้างบรรยากาศสุขสันต์ในการรับประทานอาหารมื้อนี้อยู่หลายครั้ง ด้วยการเล่าเรื่องตลกขบขัน แต่ภควัตน์ดูจะไม่ให้ความร่วมมืออะไรทั้งสิ้นนอกจากนั่งทำหน้าเย็นชาไม่สบอารมณ์พานให้บรรยากาศมาคุขึ้นทุกที แม้จะเป็นอย่างนั้นวรีวาฏิกาก็หาได้สนใจไม่ เธอชี้ชวนให้ไมเคิลลองชิมเมนูนั้น เมนูนี้ อธิบายวิธีกิน พร้อมตักอาหารให้คนนั่งข้างๆ เสียเต็มจาน เรียกความไม่สบอารมณ์ของภควัตน์ได้มากขึ้นทุกทีๆ
ทุกคนในโต๊ะอาหารนั้นสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่สันหลัง แต่วรีวาฏิกาหารู้ตัวไม่ นอกจากตั้งหน้าตั้งตากิน เธอยังไม่แม้แต่จะหันไปตักอาหารให้ภควัตน์สักคำเดียว เดือดร้อนให้คุณอารดาต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการเป็นคนตักให้ภควัตน์เสียเอง
นอกจากไม่ได้ดูตาม้าตาเรืออะไรแล้ว วรีวาฏิกายังคะยั้นคะยอให้ไมเคิลกินแสร้งว่ากุ้งที่ตักให้ พร้อมบอก
“อันนี้อร่อยมากค่ะ นานทีปีหนแม่จะทำให้กินที ยิ่งกินกับปลาดุกฟูยิ่งอร้อยอร่อย”
หรือแม้แต่
“ไมค์ต้องกินเยอะๆ นะคะ วาลงมือช่วยแม่ทำด้วยตั้งหลายอย่าง”
ถึงจุดๆ นี้ คุณอารดากระแอมเบาๆ ก่อนจะแฉลูกสาวว่า
“ที่ว่าช่วยทำน่ะ วาหมายถึงช่วยเทน้ำมันพืชใช่ไหมจ๊ะ”
พูดจบไมเคิลขำก๊ากขึ้นมาทันที แต่คนโดนแฉยังหน้าด้านหน้าทน บอกว่า
“ปริมาณน้ำมันพืชที่เหมาะสม เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อาหารอร่อยนะคะแม่”
ก่อนจะเสไปตักแกงรัญจวนใส่ถ้วยน้ำแกงเพิ่มให้หนุ่มที่นั่งข้างๆ แล้วบอกต่อว่า
“อันนี้วาก็ช่วยทำนะคะ ช่วยเปิดแก๊ส!”
แฉตัวเองเสร็จสรรพวรีวาฏิกาก็กลับมาตั้งหน้าตั้งตากินต่อ
ยิ่งกินไมเคิลก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองตัวลีบลงทุกทีๆ ได้แต่ภาวนาให้มื้ออาหารอันน่าอึดอัดนี้จบไปอย่างรวดเร็ว อร่อยน่ะ อร่อยสุดๆ อยู่แล้ว แต่ไอ้เพื่อนเขาที่จ้องมาตาเขม็งนี่ทำให้อาหารที่เอาเข้าปากกลืนยากขึ้นทุกคำ
พอของหวานอย่าง ‘อินทนิล’ ซึ่งเป็นขนมไทยโบราณหน้าตาเป็นแป้งเหนียวๆ สีเขียวใบเตยปั้นเป็นก้อน และใส่น้ำกะทิอบควันเทียนมาเสิร์ฟ ไมเคิลก็แทบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่ยังไม่ทันไร คนที่ทำหน้าที่ยกขนมหวานมาเสิร์ฟที่โต๊ะอย่างวรีวาฏิกาก็ดันซุ่มซ่ามทำขนมอินทนิลหกใส่กางเกงแขก!
หญิงสาวอ้าปากค้าง ร้องโวยวายก่อนจะรีบกุลีกุจอเอาผ้ามาเช็ดที่ต้นขาไมเคิล ในที่สุดเหตุชุลมุนวุ่นวายตรงหน้าก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อภควัตน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดสุดขีดว่า
“วา หยุด! ไมค์ นายไปซักกางเกงในห้องน้ำ”
สิ้นเสียงออกคำสั่ง ไมเคิลรีบเผ่นไปห้องน้ำทันที เขาเสียกางเกงตัวนี้ได้ แต่เขาจะยอมดั้งหักอีกรอบไม่ได้!
พอล้างกางเกงเสร็จ ไมเคิลก็เดินออกมาจากห้องน้ำ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เขาเห็นภควัตน์กำลังช่วยมารดาของวรีวาฏิกาเก็บโต๊ะ โดยสาวที่ทำขนมหกใส่เขานำขนมอินทนิลที่เหลือไปใส่กล่องก่อนจะใส่ถุงอีกทีแล้วนำมายื่นให้เขาหน้าเจื่อน แต่ยังไม่วายเอ่ยชมตัวเอง
“อันนี้วาก็ทำนะคะ วาช่วยคนกะทิ!”
วรีวาฏิกาอาสาเดินไปส่งสองหนุ่มที่หน้าร้าน ระหว่างที่ไมเคิลขอตัวไปรับโทรศัพท์ ภควัตน์ก็มายืนข้างๆ เธอพร้อมถามเสียงลอดไรฟันว่า
“งานอดิเรกคือชวนผู้ชายมากินข้าวที่บ้านหรือไง วรีวาฏิกา”
แทนที่จะโมโห คนโดนถามกลับตอบเขาหน้าใสซื่อพร้อมรอยยิ้ม
“เปล่าค่ะ จริงๆ แล้วงานอดิเรกฉันคือตระเวนหาของกินอร่อยๆ กับทำดอกไม้แห้ง”
อันที่จริงเธอเขียนเรื่องนี้ในเรซูเม่ด้วย แต่โดนมะลิบังคับให้ตัดออกพร้อมบอก ‘ใครจะไปปัญญาอ่อนอยากรู้งานอดิเรกพวกนี้ของแก!’
นี่ไง มีแล้วหนึ่งคนที่มาถามงานอดิเรกเธอ ถ้าได้เขียนลงในเรซูเม่ เขาก็คงไม่ต้องลำบากมาถามหรอก เธอจะต้องบอกเรื่องนี้กับยายมะลิให้ได้!
ภควัตน์แทบจะกลอกตามองบนด้วยไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าซื่อบื้อจริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจกันแน่ หลังจากไมเคิลคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเดินกลับมา คนที่กำลังโมโหอย่างเขาก็แทบจะลากคอเพื่อนออกจากบ้านวรีวาฏิกาทันที
ออกมายังไม่เกินสองร้อยเมตร ภควัตน์ก็หยุดเดิน เขาหันไปจ้องหน้าเพื่อนแล้วพูดเรียบๆ
“แกห้ามมาบ้านวาอีก”
เท่านั้นแหละ ขีดความอดทนของเพื่อนตัวดีก็จบลง ไมเคิลเริ่มโวยวายด้วยความโมโหพอกัน
“แกจะหึงอะไรนักหนาวะ ฉันไปมาหาสู่วาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถึงจะเคยบอกว่าน่าฟัดแต่ไม่ได้จะฟัดซะเมื่อไหร่ ของของเพื่อน ฉันไม่แตะเว้ย นี่ฉันเห็นวาเป็นน้องสาว ใครจะไปเหมือนแกที่อยากจะได้น้องเป็นเมียตั้งแต่เขายังไม่บรรลุนิติภาวะ!”
ภควัตน์กัดฟันกรอด แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ไมเคิลก็รีบพูดต่อทันที “อย่างที่บอกนั่นแหละ ฉันไม่แย่งของเพื่อนเว้ย ฉันเห็นแกเป็นเพื่อน เพื่อนสนิทด้วย เอ้า! แต่ไอ้ที่แกทำอยู่เนี่ย เอะอะต่อย เอะอะตะคอก ฉันเพื่อนแกนะเว้ย แกเคยเห็นฉันเป็นเพื่อนบ้างหรือเปล่าวะ หรือไม่เคย?”
ประโยคหลังน้ำเสียงคนต่อว่าฟังดูทั้งโมโหทั้งน้อยใจอย่างเต็มเปี่ยม
พอได้ยินแบบนั้น ภควัตน์ก็คลายหมัดที่กำอยู่ เขาเงียบไปสักพัก ก่อนจะบอก
“ถ้าไม่เห็นแกเป็นเพื่อน ฉันก็คงไม่มีเพื่อนสักคน”
ประโยคสั้นๆ ประโยคเดียวทำให้ไมเคิลยิ้มแฉ่ง! ก่อนนึกเข่นเขี้ยวในใจ นี่เขาไม่น่าไปนอยด์ตามคำพูดของวรีวาฏิกาเลยจริงๆ! แล้วเป็นไง อายไอ้พาร์คมันไหมล่ะ โตเป็นควายยังจะมางอนกันเหมือนเด็กผู้หญิง รู้ถึงไหน อายถึงนั่น!
แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ไอ้เพื่อนตัวดียอมลงให้ขนาดนี้ คนได้ใจเลยพูดต่อ “แกก็หวงให้มันน้อยๆ ลงหน่อย แล้วถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก ฉันมันคนว่างงาน”
พูดจบก็ดูเหมือนจะนึกอะไรได้ ไมเคิลเลยรีบบอก
“แกบอกว่าคนบงการใช้โทรศัพท์ติดต่อจ้างวานคนมาตัดสายเบรกใช่ไหม แล้วนายมีเบอร์ไหมวะ”
คนถูกถามพยักหน้า ก่อนจะมองเพื่อนตาโต แล้วสบถ
“ทำไมตอนแรกถึงคิดไม่ถึงวะ!”
เออ ขนาดเขาที่เป็น Developer มือฉมังและแฮ็กข้อมูลเป็นงานอดิเรก ยังลืมเลยว่าตัวเองทำอะไรได้ พอจุดประกายความคิดให้ภควัตน์ได้ปุ๊บ ไอ้เพื่อนตัวดีก็เห็นค่าเขาขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวฉันจะส่งเบอร์นั่นให้ นายลองตรวจสอบดูว่าครั้งสุดท้ายที่ซิมถูกใช้คือที่ไหน ถ้าไม่ได้ถูกใช้ที่วังอัครากร ก็เจาะดูกล้องวงจรปิดที่ที่ซิมถูกใช้ ทีนี้ฉันจะได้รู้สักทีว่าใครเป็นคนใช้ซิมนั่น!”
ไมเคิลพยักหน้าเออออ แต่พอเหลือบไปเห็นแววตาของคนพูด เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังแทนคนก่อเหตุอีกรอบเลยทีเดียว
****************
สวัสดีปีใหม่จ้ารีดเดอร์ ^O^ วันนี้มาต่อนิยายให้อ่านข้ามปีค่า 5555 มีความสุขกันมากๆ นะคะ ขอบคุณที่ติดตามพี่พาร์คกับวรีวาฏิกาจ้า ทักทายกันได้ตลอดเลยนะ จุ๊บๆ
โหลด eBook ได้ที่ Mebmarket หรือ App Meb
สั่งจองหนังสือได้ที่เพจ “ปลายปากกา สำนักพิมพ์” หรือร้านค้าออนไลน์ทั่วไป รายละเอียดคลิกที่ปุ่มอ่านเรื่องย่อด้านบน
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ธ.ค. 2563, 19:29:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ธ.ค. 2563, 19:29:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 485
<< บทที่ 11 -75% | บทที่ 12 -35% >> |