ปรารถนานี้เพื่อรักนาย (Yaoi)
วรากรหรือกรหนุ่มน้อยอายุ 19 ปี สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัย M.I ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้สร้างขึ้นเพื่อผลิตนักศึกษาให้เข้าสู่วิวัฒนาการใหม่บนโลกใบนี้ มุ่งสู่อนาคตที่มีแต่หุ่นยนต์และเครื่องอำนวยความสะดวกในการนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
โดยมีบริษัท M ที่ไมเคิลเป็นประธานบริษัท ชายชราที่มองเห็นพรสวรรค์ในตัวของกรตั้งแต่เด็ก จึงชักนำให้กรเข้าสู่วงการที่มีแต่การประกอบหุ่นยนต์และเทคโนโลยีทันสมัย และคิดที่จะให้กรสืบสานต่อเจตนาของตนต่อไปในอนาคต
ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่ไมเคิลวางไว้ก็คงดี ถ้าไม่มีเด็กหนุ่มอายุเท่ากับกรแอบอ้างว่าตนเป็นหลานที่แท้จริง ศึกการแย่งชิงตำแหน่งว่าที่ประธานในบริษัทจึงเกิดขึ้น
การแย่งชิงธรรมดาของเด็กวัยรุ่นก็แค่เด็กแย่งชิงสิ่งของ แต่ทุกอย่างไม่ใช่แค่แย่งตำแหน่งแต่เป็นการนำชีวิตของตนเองมาแขวนบนเส้นด้าย อันตรายจึงเกิดกับหนุ่มน้อยที่ชื่อ กร โดยมีเบื้องหลังที่เป็นปริศนากับเหตุการณ์ที่กรเฉียดตายทุกครั้ง และทุกครั้งมักจะมีบางสิ่งมาช่วยเขาไว้ให้รอดชีวิตมาได้
กรมีหุ่นยนต์สุนัขอยู่ตัวหนึ่ง เขารักมันมาก รักจนหุ่นยนต์ตัวนี้กลับมีจิตใจและต้องการอยู่เคียงข้างทุกที่ที่มีกร ติดเพียงว่าไม่ใช่มนุษย์ที่มีเนื้อหนังภายในมีแต่เหล็กกับอะไหล่ มีเพียงน้ำมันหล่อเลี้ยงให้เป็นพลังงานและชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวให้ทำตามโปรแกรมของคนสร้าง
ความปรารถนาของหุ่นยนต์สุนัขที่ชื่อว่า ดุ๊กดิกจะเป็นจริงไหมแล้วกรจะรอดพ้นจากศึกการแย่งชิงบริษัทของไมเคิลหรือไม่ ติดตามต่อในเนื้อเรื่องเลยค่ะ
โดยมีบริษัท M ที่ไมเคิลเป็นประธานบริษัท ชายชราที่มองเห็นพรสวรรค์ในตัวของกรตั้งแต่เด็ก จึงชักนำให้กรเข้าสู่วงการที่มีแต่การประกอบหุ่นยนต์และเทคโนโลยีทันสมัย และคิดที่จะให้กรสืบสานต่อเจตนาของตนต่อไปในอนาคต
ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่ไมเคิลวางไว้ก็คงดี ถ้าไม่มีเด็กหนุ่มอายุเท่ากับกรแอบอ้างว่าตนเป็นหลานที่แท้จริง ศึกการแย่งชิงตำแหน่งว่าที่ประธานในบริษัทจึงเกิดขึ้น
การแย่งชิงธรรมดาของเด็กวัยรุ่นก็แค่เด็กแย่งชิงสิ่งของ แต่ทุกอย่างไม่ใช่แค่แย่งตำแหน่งแต่เป็นการนำชีวิตของตนเองมาแขวนบนเส้นด้าย อันตรายจึงเกิดกับหนุ่มน้อยที่ชื่อ กร โดยมีเบื้องหลังที่เป็นปริศนากับเหตุการณ์ที่กรเฉียดตายทุกครั้ง และทุกครั้งมักจะมีบางสิ่งมาช่วยเขาไว้ให้รอดชีวิตมาได้
กรมีหุ่นยนต์สุนัขอยู่ตัวหนึ่ง เขารักมันมาก รักจนหุ่นยนต์ตัวนี้กลับมีจิตใจและต้องการอยู่เคียงข้างทุกที่ที่มีกร ติดเพียงว่าไม่ใช่มนุษย์ที่มีเนื้อหนังภายในมีแต่เหล็กกับอะไหล่ มีเพียงน้ำมันหล่อเลี้ยงให้เป็นพลังงานและชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวให้ทำตามโปรแกรมของคนสร้าง
ความปรารถนาของหุ่นยนต์สุนัขที่ชื่อว่า ดุ๊กดิกจะเป็นจริงไหมแล้วกรจะรอดพ้นจากศึกการแย่งชิงบริษัทของไมเคิลหรือไม่ ติดตามต่อในเนื้อเรื่องเลยค่ะ
Tags: สุนัข หุ่นยนต์ แฟนตาซี มหาวิทยาลัย อนาคต
ตอน: ก่อนเปิดเทอม
อากาศที่เริ่มหนาวเหน็บ ความมืดที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา และเงาของชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
เฮือก...
ฝัน...
กรตื่นจากความฝันและมารู้ตัวอีกที เขาเผลอหลับบนพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่
มือหนึ่งควานหาโทรศัพท์มือถือเพื่อดูเวลา ส่วนอีกมือหนึ่งก็ดันพื้นเพื่อขยับตัว
"เอ๊ะ!" เหมือนมือสัมผัสโดนอะไรบางอย่าง พอหันไปมองถึงรู้ว่าเป็นตัวอะไร
"เจ้าดุ๊กดิ๊ก"
นี่เขาทำสำเร็จแล้วใช่ไหม ทำไมยังนอนนิ่งและไม่ขยับไปไหนในท่าหมอบแบบนี้กัน หรือจะทำอะไรผิดพลาด
"เดี๋ยวก่อน" กรต้องตกใจเมื่อรู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เขาต้องมาสนใจสุนัขหุ่นยนต์แต่เป็นเวลาที่ควรจะออกจากบ้านไปซื้อของใช้สำหรับเข้าเรียน
"แย่ล่ะสิ" ครั้งนี้เขาทำผิดพลาดเอง ควรเชื่อฟังคำเตือนของคุณพ่อเอก ในเรื่องการนอนดึก
แต่ยังไม่สายเกินไปที่จะเตรียมตัว อันดับแรกเขาต้องเดินไปหาคุณพ่อทั้งสองเสียก่อน
น่าแปลกที่ภายในบ้านกลับเงียบจนไม่น่าจะมีคนอยู่
"กระดาษอะไร"
กรเปิดกระดาษที่ถูกพับและเสียบไว้กับเครื่องทำกาแฟ ถึงจะสงสัยแต่ก็พอเดาได้ว่าคนที่จะเขียนอะไรทิ้งไว้แบบนี้เป็นใคร วิธีเดิมๆ สมัยโบราณมีแต่พวกท่านทั้งสองเท่านั้น สมัยนี้คงเป็นเสียงส่งผ่านทางเครื่องมือสื่อสาร
กรขมวดคิ้วน้อยๆ กับข้อความในกระดาษ ที่บอกกับเขาว่า คุณพ่ออินมีงานด่วนต้องรีบไปสวิตเซอร์แลนด์สามเดือน ส่วนเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับการเริ่มเรียนนั้นพวกเขาให้คนจัดเตรียมและส่งมาให้ทีหลัง และลงท้ายด้วยว่าอย่านอนดึก
คำว่าอย่านอนดึก คงเป็นคำของคุณพ่อเอก อย่างนี้ก็คงรับปากไม่ได้อยู่ดีและคำว่าให้คนจัดเตรียมและส่งมาทีหลัง ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"กร เปิดประตูเร็วเข้า"
"คิดถึงก็มาพอดีเลย เร็วชะมัด" กรส่ายหน้าไปมาเบาๆ เพื่อนที่ห้อยติดตามตัวเขามาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาคงไม่ใช่ใครที่ไหน
"ไง จอมทัพ"
"ฮื้อ เรียกซะเต็มยศเลย นี่ผมอู่ซ่าเอาของที่พ่อๆ ของนายสั่งมาให้เลยนะ กว่าจะหามาได้"
"อืม ขอบใจ นายวางไว้ตรงนั้นเถอะ"
"เย็นชากับเพื่อนรักแบบนี้ได้ไง ใจร้ายจัง"
"ผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่หรือไง"
"หึ" จอมทัพก็คงได้เพียงขำในลำคอเท่านั้น เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอกับปู่ไมเคิล
กรมองเพื่อนวัยเด็กด้วยใบหน้าที่นิ่งๆ แต่ในใจคิดและนึกถึงช่วงเวลาที่รู้จักกันใหม่ๆ
ย้อนกลับไปสมัยเรียนและต้องอยู่หอพักร่วมกับเพื่อนๆ และหนึ่งในนั้นมีจอมทัพที่เป็นหัวหน้านำคนรังแกเด็กใหม่ และเด็กใหม่ที่เป็นเป้าหมายก็คงไม่ใช่ใคร
"ยายต้องทำยังไง แบบนี้ต้องบอกอินกับเอกแล้วนะ"
"ไม่เอานะครับคุณยาย ผมไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่มาเห็นสภาพผมในตอนนี้ครับ"
สภาพในตอนนั้นทั้งหน้าทั้งขามีแต่รอยช้ำและกลิ่นคาวเลือด แต่คนที่ช้ำมากกว่าคือจอมทัพจอมอวดดีที่มาล้อเลียนเรื่องพ่อกับแม่ของเขา
"แต่แบบนี้ก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน หนูก็รู้ไม่ใช่หรือไง ว่าทางนั้นเขาเอาเรื่องและมีชื่อเสียงมากขนาดไหน"
"ครับ ผมจะรับผิดชอบเอง" กรก้มหน้านิ่ง
วันที่ถูกเรียกตัวไปฝ่ายปกครอง
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณยายคิดและกังวล ทางแม่ของจอมทัพไม่ยอม จะเอาเรื่องถึงที่สุด
ช่วงเวลาที่ต้องยอมรับผิดและก้มหน้าฟังคำของพวกผู้ใหญ่ในวันนั้น ทำให้กรรู้สึกเสียใจและเข้าใจในโชคชะตาของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคำว่าเด็กกำพร้าหรือคำว่าครอบครัวแปลกประหลาด ผู้ชายกับผู้ชายจะมีลูกด้วยกันได้ยังไงถ้าไม่ได้รับมาเลี้ยง ในตอนนั้นไม่อยากจะคิดหรือรับรู้อะไรเพราะใบหน้าของคุณแม่ที่แท้จริงเลือนรางมาก มีเหลือแต่ความอบอุ่นที่ท่านทิ้งไว้ให้
เขารู้มาโดยตลอดว่าทั้งคุณยาย อินกับเอกมีพระคุณต่อเขามากขนาดไหน แต่ที่ยอมรับคำพูดดูถูกเหล่านั้นไม่ได้เพราะว่ามันกระทบต่อชื่อเสียงของทั้งสอง
"มา ยายทำแผลให้" มือที่แห้งกร้านของผู้มีพระคุณคนแรกมักจะมีแต่ความอบอุ่นให้เขาเสมอ
ระหว่างที่กรนั่งนิ่งๆ ให้ผู้ใหญ่ทำแผลให้ บุคคลที่กรไม่อยากให้มาหาก็ตรงดิ่งเปิดประตูเข้ามาทันที
"คุณพ่อ คุณแม่" กรตกใจและหน้าซีด ทำไมถึงรีบมาหาเขา แผลยังไม่หายเลย
"กร เกิดอะไรขึ้น" ้้ เอกเริ่มโวยวาย
"ใจเย็นๆ ก่อน" อินรีบห้าม
ส่วนกรได้แต่นั่งนิ่งๆ ทั้งกลัวทั้งกังวลและคนที่เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้คนทั้งสองฟังก็คือคุณยาย
เมื่ออินกับเอกได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากปากของคนเป็นแม่ พวกเขาจึงหันมามองหน้ากัน
"ผมบอกคุณแล้ว ว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่มีผู้ชายที่ไหนถูกเรียกว่าแม่หรอก และกรก็โตมากพอที่จะรับรู้แล้วด้วย" เอกเครียด ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แม้สังคมจะยอมรับการคบกันระหว่างเพศเดียวกันก็ตาม แต่ก็ยังมีช่องว่างอยู่ดี
"ได้รับโทษอะไรบ้าง" อินไม่สนใจคำพูดของเอกแต่เขาสนใจสิ่งที่ลูกชายของเขาได้รับมากกว่า และขั้นต่อไปควรเป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่ต้องจัดการ
"พักการเรียน 1 เดือนครับ"
"ทำไมเยอะจัง ผมว่ามันไม่ยุติธรรมนะครับ" เอกหันไปบอกอิน
"อืม ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจัดการเอง"
คำพูดของอินในวันนั้นเปลี่ยนทุกอย่างจริงๆ รวมไปถึงจอมทัพที่เข้ามาขอโทษกรตามคำสั่งของพ่อกับแม่ เพราะอะไรนั้น คำตอบอยู่ที่เงินและอิทธิพลทางธุรกิจ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสิ่งที่เขาตั้งใจ ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาจะต้องประสบผลสำเร็จอย่างผู้ใหญ่รอบๆ ตัวของเขาให้ได้
แต่คำว่าคุณแม่ที่ถูกเปลี่ยนมาเรียกคุณพ่อเอกนั้นเป็นเพราะไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เขาได้รับความรักมากเพียงพอที่จะไม่สนใจว่าต้องมีคุณแม่เหมือนครอบครัวอื่น แต่ทั้งสองเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับเด็กกำพร้าอย่างเขา เท่านี้เขาก็รู้สึกอบอุ่นจนเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว
ส่วนเพื่อนจอมวุ่นวายคนนี้ เขาสนิทได้ไม่ใช่เพราะว่าครอบครัวของจอมทัพบังคับ แต่เป็นเพราะคำพูดและการกระทำหลายๆ อย่างที่จริงใจต่างหาก
"ขอโทษนะ" จอมทัพก้มหน้านิ่งขอโทษกรตามคำสั่งของพ่อและแม่
"ไม่เป็นไร"
"จับมือเป็นเพื่อนกันนะลูก"
ผู้หญิงที่จะเอาเรื่องเขาในวันนั้นเปลี่ยนไปคนละคนเลยทีเดียว คุณพ่ออินคงจัดการอยู่หมัด
หลังจากจับมือกันแล้ว ใช่ว่ากรจะเปิดใจให้จอมทัพเลยทีเดียว แต่เป็นเพราะจอมทัพปกป้องเขาจากการรุมทำร้ายของเพื่อนรุ่นเดียวกัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเราก็ตัวติดกันตลอด
"กร เหม่ออะไรอยู่ มากินข้าวได้แล้ว"
"อืม"
เฮือก...
ฝัน...
กรตื่นจากความฝันและมารู้ตัวอีกที เขาเผลอหลับบนพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่
มือหนึ่งควานหาโทรศัพท์มือถือเพื่อดูเวลา ส่วนอีกมือหนึ่งก็ดันพื้นเพื่อขยับตัว
"เอ๊ะ!" เหมือนมือสัมผัสโดนอะไรบางอย่าง พอหันไปมองถึงรู้ว่าเป็นตัวอะไร
"เจ้าดุ๊กดิ๊ก"
นี่เขาทำสำเร็จแล้วใช่ไหม ทำไมยังนอนนิ่งและไม่ขยับไปไหนในท่าหมอบแบบนี้กัน หรือจะทำอะไรผิดพลาด
"เดี๋ยวก่อน" กรต้องตกใจเมื่อรู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เขาต้องมาสนใจสุนัขหุ่นยนต์แต่เป็นเวลาที่ควรจะออกจากบ้านไปซื้อของใช้สำหรับเข้าเรียน
"แย่ล่ะสิ" ครั้งนี้เขาทำผิดพลาดเอง ควรเชื่อฟังคำเตือนของคุณพ่อเอก ในเรื่องการนอนดึก
แต่ยังไม่สายเกินไปที่จะเตรียมตัว อันดับแรกเขาต้องเดินไปหาคุณพ่อทั้งสองเสียก่อน
น่าแปลกที่ภายในบ้านกลับเงียบจนไม่น่าจะมีคนอยู่
"กระดาษอะไร"
กรเปิดกระดาษที่ถูกพับและเสียบไว้กับเครื่องทำกาแฟ ถึงจะสงสัยแต่ก็พอเดาได้ว่าคนที่จะเขียนอะไรทิ้งไว้แบบนี้เป็นใคร วิธีเดิมๆ สมัยโบราณมีแต่พวกท่านทั้งสองเท่านั้น สมัยนี้คงเป็นเสียงส่งผ่านทางเครื่องมือสื่อสาร
กรขมวดคิ้วน้อยๆ กับข้อความในกระดาษ ที่บอกกับเขาว่า คุณพ่ออินมีงานด่วนต้องรีบไปสวิตเซอร์แลนด์สามเดือน ส่วนเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับการเริ่มเรียนนั้นพวกเขาให้คนจัดเตรียมและส่งมาให้ทีหลัง และลงท้ายด้วยว่าอย่านอนดึก
คำว่าอย่านอนดึก คงเป็นคำของคุณพ่อเอก อย่างนี้ก็คงรับปากไม่ได้อยู่ดีและคำว่าให้คนจัดเตรียมและส่งมาทีหลัง ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"กร เปิดประตูเร็วเข้า"
"คิดถึงก็มาพอดีเลย เร็วชะมัด" กรส่ายหน้าไปมาเบาๆ เพื่อนที่ห้อยติดตามตัวเขามาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาคงไม่ใช่ใครที่ไหน
"ไง จอมทัพ"
"ฮื้อ เรียกซะเต็มยศเลย นี่ผมอู่ซ่าเอาของที่พ่อๆ ของนายสั่งมาให้เลยนะ กว่าจะหามาได้"
"อืม ขอบใจ นายวางไว้ตรงนั้นเถอะ"
"เย็นชากับเพื่อนรักแบบนี้ได้ไง ใจร้ายจัง"
"ผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่หรือไง"
"หึ" จอมทัพก็คงได้เพียงขำในลำคอเท่านั้น เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอกับปู่ไมเคิล
กรมองเพื่อนวัยเด็กด้วยใบหน้าที่นิ่งๆ แต่ในใจคิดและนึกถึงช่วงเวลาที่รู้จักกันใหม่ๆ
ย้อนกลับไปสมัยเรียนและต้องอยู่หอพักร่วมกับเพื่อนๆ และหนึ่งในนั้นมีจอมทัพที่เป็นหัวหน้านำคนรังแกเด็กใหม่ และเด็กใหม่ที่เป็นเป้าหมายก็คงไม่ใช่ใคร
"ยายต้องทำยังไง แบบนี้ต้องบอกอินกับเอกแล้วนะ"
"ไม่เอานะครับคุณยาย ผมไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่มาเห็นสภาพผมในตอนนี้ครับ"
สภาพในตอนนั้นทั้งหน้าทั้งขามีแต่รอยช้ำและกลิ่นคาวเลือด แต่คนที่ช้ำมากกว่าคือจอมทัพจอมอวดดีที่มาล้อเลียนเรื่องพ่อกับแม่ของเขา
"แต่แบบนี้ก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน หนูก็รู้ไม่ใช่หรือไง ว่าทางนั้นเขาเอาเรื่องและมีชื่อเสียงมากขนาดไหน"
"ครับ ผมจะรับผิดชอบเอง" กรก้มหน้านิ่ง
วันที่ถูกเรียกตัวไปฝ่ายปกครอง
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณยายคิดและกังวล ทางแม่ของจอมทัพไม่ยอม จะเอาเรื่องถึงที่สุด
ช่วงเวลาที่ต้องยอมรับผิดและก้มหน้าฟังคำของพวกผู้ใหญ่ในวันนั้น ทำให้กรรู้สึกเสียใจและเข้าใจในโชคชะตาของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคำว่าเด็กกำพร้าหรือคำว่าครอบครัวแปลกประหลาด ผู้ชายกับผู้ชายจะมีลูกด้วยกันได้ยังไงถ้าไม่ได้รับมาเลี้ยง ในตอนนั้นไม่อยากจะคิดหรือรับรู้อะไรเพราะใบหน้าของคุณแม่ที่แท้จริงเลือนรางมาก มีเหลือแต่ความอบอุ่นที่ท่านทิ้งไว้ให้
เขารู้มาโดยตลอดว่าทั้งคุณยาย อินกับเอกมีพระคุณต่อเขามากขนาดไหน แต่ที่ยอมรับคำพูดดูถูกเหล่านั้นไม่ได้เพราะว่ามันกระทบต่อชื่อเสียงของทั้งสอง
"มา ยายทำแผลให้" มือที่แห้งกร้านของผู้มีพระคุณคนแรกมักจะมีแต่ความอบอุ่นให้เขาเสมอ
ระหว่างที่กรนั่งนิ่งๆ ให้ผู้ใหญ่ทำแผลให้ บุคคลที่กรไม่อยากให้มาหาก็ตรงดิ่งเปิดประตูเข้ามาทันที
"คุณพ่อ คุณแม่" กรตกใจและหน้าซีด ทำไมถึงรีบมาหาเขา แผลยังไม่หายเลย
"กร เกิดอะไรขึ้น" ้้ เอกเริ่มโวยวาย
"ใจเย็นๆ ก่อน" อินรีบห้าม
ส่วนกรได้แต่นั่งนิ่งๆ ทั้งกลัวทั้งกังวลและคนที่เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้คนทั้งสองฟังก็คือคุณยาย
เมื่ออินกับเอกได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากปากของคนเป็นแม่ พวกเขาจึงหันมามองหน้ากัน
"ผมบอกคุณแล้ว ว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่มีผู้ชายที่ไหนถูกเรียกว่าแม่หรอก และกรก็โตมากพอที่จะรับรู้แล้วด้วย" เอกเครียด ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แม้สังคมจะยอมรับการคบกันระหว่างเพศเดียวกันก็ตาม แต่ก็ยังมีช่องว่างอยู่ดี
"ได้รับโทษอะไรบ้าง" อินไม่สนใจคำพูดของเอกแต่เขาสนใจสิ่งที่ลูกชายของเขาได้รับมากกว่า และขั้นต่อไปควรเป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่ต้องจัดการ
"พักการเรียน 1 เดือนครับ"
"ทำไมเยอะจัง ผมว่ามันไม่ยุติธรรมนะครับ" เอกหันไปบอกอิน
"อืม ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจัดการเอง"
คำพูดของอินในวันนั้นเปลี่ยนทุกอย่างจริงๆ รวมไปถึงจอมทัพที่เข้ามาขอโทษกรตามคำสั่งของพ่อกับแม่ เพราะอะไรนั้น คำตอบอยู่ที่เงินและอิทธิพลทางธุรกิจ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสิ่งที่เขาตั้งใจ ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาจะต้องประสบผลสำเร็จอย่างผู้ใหญ่รอบๆ ตัวของเขาให้ได้
แต่คำว่าคุณแม่ที่ถูกเปลี่ยนมาเรียกคุณพ่อเอกนั้นเป็นเพราะไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เขาได้รับความรักมากเพียงพอที่จะไม่สนใจว่าต้องมีคุณแม่เหมือนครอบครัวอื่น แต่ทั้งสองเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับเด็กกำพร้าอย่างเขา เท่านี้เขาก็รู้สึกอบอุ่นจนเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว
ส่วนเพื่อนจอมวุ่นวายคนนี้ เขาสนิทได้ไม่ใช่เพราะว่าครอบครัวของจอมทัพบังคับ แต่เป็นเพราะคำพูดและการกระทำหลายๆ อย่างที่จริงใจต่างหาก
"ขอโทษนะ" จอมทัพก้มหน้านิ่งขอโทษกรตามคำสั่งของพ่อและแม่
"ไม่เป็นไร"
"จับมือเป็นเพื่อนกันนะลูก"
ผู้หญิงที่จะเอาเรื่องเขาในวันนั้นเปลี่ยนไปคนละคนเลยทีเดียว คุณพ่ออินคงจัดการอยู่หมัด
หลังจากจับมือกันแล้ว ใช่ว่ากรจะเปิดใจให้จอมทัพเลยทีเดียว แต่เป็นเพราะจอมทัพปกป้องเขาจากการรุมทำร้ายของเพื่อนรุ่นเดียวกัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเราก็ตัวติดกันตลอด
"กร เหม่ออะไรอยู่ มากินข้าวได้แล้ว"
"อืม"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2563, 00:17:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2563, 00:17:19 น.
จำนวนการเข้าชม : 430
<< ซ่อมแซมคู่หู | เพื่อนใหม่ >> |