แรกรักพันใจ: มาสฬฎา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
มีมารดาเลี้ยงใจร้าย บวกกับพี่สาวใจยักษ์ ชีวิตดูน่ารันทดนัก
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: เลขา บอส พระเอกเย็นชา แม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง ตลก
ตอน: บทที่ 21 -50%
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาที่ว่าที่เจ้าสาวทำนองคาดคั้น ทำเอาคนโดนจ้องกระสับกระส่ายด้วยความกดดัน ก่อนจะรวบรวมความกล้าถามคุณย่าว่า
“ที่คุณย่าบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แล้วครั้งแรก...มันตอนไหนคะ”
คุณย่ายกชาจีนร้อนขึ้นจิบ ก่อนจะค่อยๆ เล่าด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งให้หลานสาวฟัง
“ก็ตอนที่เราไปแลกเปลี่ยนที่ลอนดอนตอนปีสามนั่นไง ที่ย่าจะให้เราหมั้นไว้ก่อน เรียนจบค่อยแต่ง แล้วเราก็โวยวายไม่ยอมท่าเดียว บอกว่าจะหนีออกจากบ้านบ้างละ ร้องห่มร้องไห้บ้างละ ขู่ว่าจะไม่กลับเมืองไทย ย่าก็เห็นว่าเรายังเด็กอยู่ เลยไม่อยากบังคับ”
ก็ถ้าอยู่ดีๆ ต้องโดนบังคับให้หมั้นทั้งๆ ที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ ใครจะไม่โวยวายกัน!
คิดแล้ววรีวาฏิกาก็ถามต่อ “ตอนนั้น คนที่คุณย่าจะให้วาแต่งงานด้วย...ก็คือคุณภควัตน์เหรอคะ”
“ใช่ แต่เรามันเอาแต่โวยวายจนไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น” บ่นเสร็จคุณย่าก็อธิบายต่อ “ที่ครั้งนี้อยู่ดีๆ ต้องรีบแต่งก็เพราะย่าเห็นว่าเราไม่ปลอดภัย ถ้าฝ่ายนั้นเห็นว่าเราแต่งงานแล้ว และยังมีสัญญาว่าหากเกิดอะไรขึ้นสมบัติทั้งหมดของวาจะถูกยกให้สามี จะได้ดับความหวัง เพราะต่อให้ทำร้ายหลานของย่าไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ที่ย่าทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อความปลอดภัยของเรานั่นละ แต่งงานกับตาพาร์ค จะมีใครกล้าทำอะไรหลานย่าได้อีก ฮึ”
ลองมาตรองดู แผนการดับความหวังนี่มันฉลาดล้ำเลิศเลยนะเนี่ย! เธอปลอดภัย! คุณย่าก็ไม่ต้องลำบากใจจับหลานสาวของตัวเองอีกคนเข้าคุก เป็นแผนการที่ละมุนละม่อมที่สุดแล้ว...ถ้าเธอจะไม่ต้องแต่งงานนะ
วรีวาฏิกาหันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่โดนบังคับเช่นกันอย่างภควัตน์เพื่อจะดูว่าเขามีปฏิกิริยายังไงกับเรื่องนี้บ้าง ก็เห็นชายหนุ่มมีสีหน้าถมึงทึงเหมือนกำลังพยายามระงับความโกรธอย่างมาก วรีวาฏิกาก็แทบทอดถอนใจ นี่เขาโกรธที่ต้องโดนคลุมถุงชนอย่างไม่มีทางเลือกเพราะเธอใช่ไหมนี่
เชอะ! เขาไม่มีสิทธิ์มาโกรธที่เกิดเรื่องบ้าๆ นี่ขึ้นสักหน่อย ในเมื่อเธอเองก็เพิ่งจะรู้ตัวเหมือนกัน จะมามองหน้าเหมือนปรักปรำกันอย่างนี้ไม่ได้นะ! และเธอจะต้องเคลียร์ความเข้าใจผิดกับเขาในเรื่องนี้โดยด่วน
วรีวาฏิกาเลยถือโอกาสนี้หันไปขออนุญาตผู้ใหญ่ทุกคนในห้องว่า
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ วาขอคุยกับคุณภควัตน์เป็นการส่วนตัวก่อนได้ไหมคะ”
เมื่อเห็นคุณย่าพยักหน้าอนุญาต วรีวาฏิกาก็รีบลากภควัตน์ออกมาจากห้องอาหารด้วยกันทันที เธอพาเขาเข้ามาในส่วนของทางเดินที่ค่อนข้างลับตาคน ก่อนจะรีบออกตัวแก้ต่างให้ตัวเอง
“ฉันไม่ได้เป็นคนต้นคิดนะคะ! ฉันยืนยันได้ ขนาดรอบที่แล้วฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นเจ้าบ่าว ฉันยังช่วยคุณแบบไม่รู้ตัวเลย”
เธอรีบทวงบุญคุณ ไม่ได้สนใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าเริ่มแผ่รัศมีความโกรธจนน่ากลัวเพิ่มขึ้นทุกขณะ!
“นี่ถ้าฉันไม่เป็นฝ่ายปฏิเสธ คุณก็ปฏิเสธเองไม่ได้หรอกเพราะบุญคุณที่ติดค้างอะไรนั่น ฉันว่าฉันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วละค่ะว่าเจอกันหนนี้ทำไมคุณต้องทำเป็นไม่รู้จักฉันที่บริษัท”
“แล้วคิดว่าเป็นเพราะอะไรล่ะ...วรีวาฏิกา” เขาถามเสียงเยือกเย็น
“ก็เพราะครั้งที่แล้วคุณมาช่วยฉัน ให้ฉันอยู่ห้องชุดที่ลอนดอนด้วยจนโดนคุณย่ายัดเยียดให้แต่งงานกับฉันใช่ไหมล่ะ คุณเกือบโดนคลุมถุงชนก็เพราะฉัน รอบนี้คุณเลยต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิมจะได้ไม่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
“อ้อ คุณคิดว่างั้น?”
คนถูกถามรีบพยักหน้าหงึกๆ ยืนยัน ไม่ได้สังเกตสีหน้าคนถามเลยสักนิดว่าดูเย็นชาผิดปกติแค่ไหน แถมยังร่ายยาวต่อว่า
“แต่ดูเหมือนการยื่นมือมาช่วยฉันรอบนี้ เพราะบุญคุณของคุณย่าจะพาคุณซวยอีกรอบแล้วนะคะ แต่ฉันยืนยันได้ว่าฉันไม่ได้เป็นตัวการบังคับให้คุณเป็นเจ้าบ่าวแน่นอนค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปปฏิเสธคุณย่าให้เอง รอบที่แล้วยังปฏิเสธได้ คราวนี้ถ้าฉันยืนกรานเสียงแข็งเหมือนคราวที่แล้วอีก คุณย่าไม่บังคับแน่นอน ฉันรู้ว่าคุณปฏิเสธคุณย่าไม่ได้ เพราะจะทำให้ท่านเสียหน้ามาก ฉะนั้นเชิญคุณนั่งเฉยๆ รอรับผลประโยชน์ไปได้เลยค่ะ ฉันไม่ถือ”
“แต่ผมถือ”
“คะ?”
“เพราะคุณย่าคุณไม่ได้บังคับผม แต่คนที่ไปขอคุณแต่งงานคือผมเอง”
“ฮะ! ?”
“คุณกลับไปคิดดูดีๆ ว่าผมขอแต่งงานกับคุณทำไม เลิกแกล้งโง่ได้แล้ววรีวาฏิกา”
พูดจบเขาก็เดินกลับเข้าห้องอาหารไปเลย ทิ้งให้คนโดนด่าว่าโง่ยืนเคว้งคิดไม่ตกอยู่หน้าห้อง จนกระทั่งเกือบสิบนาทีต่อมาถึงได้ข้อสรุปว่า
‘นี่เขาหวังฮุบสมบัติของเธอจริงๆ เหรอเนี่ย! คนงกเอ๊ย!’
วรีวาฏิกาเดินกลับเข้ามาในห้องอาหารอีกครั้งด้วยความห่อเหี่ยวใจ รู้สึกเหมือนตัวเองหนีเสือปะจระเข้ยังไงไม่รู้ เพราะถ้าไม่แต่งก็โดนพี่สาวกับมารดาเลี้ยงเล็งสมบัติ แต่ถ้ายอมแต่งก็โดนมหาเศรษฐีจอมงกอย่างภควัตน์เล็งแย่งสมบัติอีกอยู่ดี นี่ใจคอพวกเขาจะให้เธอมีกินมีใช้สบายไปทั้งชาติบ้างไม่ได้เลยหรือไง! ทำไมเธอถึงมีบุญแต่กรรมบังนักนะ!
หลังจากปฏิเสธคุณย่าเสียงแข็งไปแล้วหลายรอบ มาคราวนี้หม่อมราชวงศ์วรีวรินดาไม่ใจอ่อนให้หลานสาวอีกต่อไป ท่านยืนกรานท่าเดียวว่าไม่ว่าอย่างไร เธอก็ต้องแต่งกับภควัตน์ ต่อให้คราวนี้จะต้องจับหลานสาวตัวดีมัดมือมัดเท้าเข้างานแต่ง หม่อมราชวงศ์วรีวรินดาก็จะทำ! เพราะครั้งนี้มีเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตเข้ามาเป็นเดิมพัน ก่อนจะจบการสนทนาในครั้งนี้ว่า
“หรือเราคิดจะใช้บริการบอดี้การ์ด มีคนเดินตามขวักไขว่ไปทั้งชีวิต”
และภควัตน์ยังเสริมขึ้นอีกคนอย่างรู้นิสัยเธอว่า
“ค่าจ้างบอดี้การ์ดสามคน ตกเดือนละสามแสนบาท หนึ่งปีก็สามล้านหกแสนบาท”
สามสิบปี ก็ร้อยแปดล้านบาทน่ะสิ? นี่ยังไม่รวมอัตราเงินเฟ้อนะ! โอ๊ย เธอจะเป็นลม!
และในระหว่างที่วรีวาฏิกากำลังคิดคำนวณเงินที่ต้องเสียให้กับการคุ้มครองความปลอดภัยตลอดทั้งชีวิตด้วยความมึนงงอยู่นั้น ฝ่ายผู้ใหญ่ก็ตกลงเรื่องสินสอด ฤกษ์งานหมั้นงานแต่งเรียบร้อยแล้ว โดยที่เธอไม่มีโอกาสเอ่ยคัดค้านอีกเลย
“ที่คุณย่าบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แล้วครั้งแรก...มันตอนไหนคะ”
คุณย่ายกชาจีนร้อนขึ้นจิบ ก่อนจะค่อยๆ เล่าด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งให้หลานสาวฟัง
“ก็ตอนที่เราไปแลกเปลี่ยนที่ลอนดอนตอนปีสามนั่นไง ที่ย่าจะให้เราหมั้นไว้ก่อน เรียนจบค่อยแต่ง แล้วเราก็โวยวายไม่ยอมท่าเดียว บอกว่าจะหนีออกจากบ้านบ้างละ ร้องห่มร้องไห้บ้างละ ขู่ว่าจะไม่กลับเมืองไทย ย่าก็เห็นว่าเรายังเด็กอยู่ เลยไม่อยากบังคับ”
ก็ถ้าอยู่ดีๆ ต้องโดนบังคับให้หมั้นทั้งๆ ที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ ใครจะไม่โวยวายกัน!
คิดแล้ววรีวาฏิกาก็ถามต่อ “ตอนนั้น คนที่คุณย่าจะให้วาแต่งงานด้วย...ก็คือคุณภควัตน์เหรอคะ”
“ใช่ แต่เรามันเอาแต่โวยวายจนไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น” บ่นเสร็จคุณย่าก็อธิบายต่อ “ที่ครั้งนี้อยู่ดีๆ ต้องรีบแต่งก็เพราะย่าเห็นว่าเราไม่ปลอดภัย ถ้าฝ่ายนั้นเห็นว่าเราแต่งงานแล้ว และยังมีสัญญาว่าหากเกิดอะไรขึ้นสมบัติทั้งหมดของวาจะถูกยกให้สามี จะได้ดับความหวัง เพราะต่อให้ทำร้ายหลานของย่าไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ที่ย่าทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อความปลอดภัยของเรานั่นละ แต่งงานกับตาพาร์ค จะมีใครกล้าทำอะไรหลานย่าได้อีก ฮึ”
ลองมาตรองดู แผนการดับความหวังนี่มันฉลาดล้ำเลิศเลยนะเนี่ย! เธอปลอดภัย! คุณย่าก็ไม่ต้องลำบากใจจับหลานสาวของตัวเองอีกคนเข้าคุก เป็นแผนการที่ละมุนละม่อมที่สุดแล้ว...ถ้าเธอจะไม่ต้องแต่งงานนะ
วรีวาฏิกาหันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่โดนบังคับเช่นกันอย่างภควัตน์เพื่อจะดูว่าเขามีปฏิกิริยายังไงกับเรื่องนี้บ้าง ก็เห็นชายหนุ่มมีสีหน้าถมึงทึงเหมือนกำลังพยายามระงับความโกรธอย่างมาก วรีวาฏิกาก็แทบทอดถอนใจ นี่เขาโกรธที่ต้องโดนคลุมถุงชนอย่างไม่มีทางเลือกเพราะเธอใช่ไหมนี่
เชอะ! เขาไม่มีสิทธิ์มาโกรธที่เกิดเรื่องบ้าๆ นี่ขึ้นสักหน่อย ในเมื่อเธอเองก็เพิ่งจะรู้ตัวเหมือนกัน จะมามองหน้าเหมือนปรักปรำกันอย่างนี้ไม่ได้นะ! และเธอจะต้องเคลียร์ความเข้าใจผิดกับเขาในเรื่องนี้โดยด่วน
วรีวาฏิกาเลยถือโอกาสนี้หันไปขออนุญาตผู้ใหญ่ทุกคนในห้องว่า
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ วาขอคุยกับคุณภควัตน์เป็นการส่วนตัวก่อนได้ไหมคะ”
เมื่อเห็นคุณย่าพยักหน้าอนุญาต วรีวาฏิกาก็รีบลากภควัตน์ออกมาจากห้องอาหารด้วยกันทันที เธอพาเขาเข้ามาในส่วนของทางเดินที่ค่อนข้างลับตาคน ก่อนจะรีบออกตัวแก้ต่างให้ตัวเอง
“ฉันไม่ได้เป็นคนต้นคิดนะคะ! ฉันยืนยันได้ ขนาดรอบที่แล้วฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นเจ้าบ่าว ฉันยังช่วยคุณแบบไม่รู้ตัวเลย”
เธอรีบทวงบุญคุณ ไม่ได้สนใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าเริ่มแผ่รัศมีความโกรธจนน่ากลัวเพิ่มขึ้นทุกขณะ!
“นี่ถ้าฉันไม่เป็นฝ่ายปฏิเสธ คุณก็ปฏิเสธเองไม่ได้หรอกเพราะบุญคุณที่ติดค้างอะไรนั่น ฉันว่าฉันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วละค่ะว่าเจอกันหนนี้ทำไมคุณต้องทำเป็นไม่รู้จักฉันที่บริษัท”
“แล้วคิดว่าเป็นเพราะอะไรล่ะ...วรีวาฏิกา” เขาถามเสียงเยือกเย็น
“ก็เพราะครั้งที่แล้วคุณมาช่วยฉัน ให้ฉันอยู่ห้องชุดที่ลอนดอนด้วยจนโดนคุณย่ายัดเยียดให้แต่งงานกับฉันใช่ไหมล่ะ คุณเกือบโดนคลุมถุงชนก็เพราะฉัน รอบนี้คุณเลยต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิมจะได้ไม่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
“อ้อ คุณคิดว่างั้น?”
คนถูกถามรีบพยักหน้าหงึกๆ ยืนยัน ไม่ได้สังเกตสีหน้าคนถามเลยสักนิดว่าดูเย็นชาผิดปกติแค่ไหน แถมยังร่ายยาวต่อว่า
“แต่ดูเหมือนการยื่นมือมาช่วยฉันรอบนี้ เพราะบุญคุณของคุณย่าจะพาคุณซวยอีกรอบแล้วนะคะ แต่ฉันยืนยันได้ว่าฉันไม่ได้เป็นตัวการบังคับให้คุณเป็นเจ้าบ่าวแน่นอนค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปปฏิเสธคุณย่าให้เอง รอบที่แล้วยังปฏิเสธได้ คราวนี้ถ้าฉันยืนกรานเสียงแข็งเหมือนคราวที่แล้วอีก คุณย่าไม่บังคับแน่นอน ฉันรู้ว่าคุณปฏิเสธคุณย่าไม่ได้ เพราะจะทำให้ท่านเสียหน้ามาก ฉะนั้นเชิญคุณนั่งเฉยๆ รอรับผลประโยชน์ไปได้เลยค่ะ ฉันไม่ถือ”
“แต่ผมถือ”
“คะ?”
“เพราะคุณย่าคุณไม่ได้บังคับผม แต่คนที่ไปขอคุณแต่งงานคือผมเอง”
“ฮะ! ?”
“คุณกลับไปคิดดูดีๆ ว่าผมขอแต่งงานกับคุณทำไม เลิกแกล้งโง่ได้แล้ววรีวาฏิกา”
พูดจบเขาก็เดินกลับเข้าห้องอาหารไปเลย ทิ้งให้คนโดนด่าว่าโง่ยืนเคว้งคิดไม่ตกอยู่หน้าห้อง จนกระทั่งเกือบสิบนาทีต่อมาถึงได้ข้อสรุปว่า
‘นี่เขาหวังฮุบสมบัติของเธอจริงๆ เหรอเนี่ย! คนงกเอ๊ย!’
วรีวาฏิกาเดินกลับเข้ามาในห้องอาหารอีกครั้งด้วยความห่อเหี่ยวใจ รู้สึกเหมือนตัวเองหนีเสือปะจระเข้ยังไงไม่รู้ เพราะถ้าไม่แต่งก็โดนพี่สาวกับมารดาเลี้ยงเล็งสมบัติ แต่ถ้ายอมแต่งก็โดนมหาเศรษฐีจอมงกอย่างภควัตน์เล็งแย่งสมบัติอีกอยู่ดี นี่ใจคอพวกเขาจะให้เธอมีกินมีใช้สบายไปทั้งชาติบ้างไม่ได้เลยหรือไง! ทำไมเธอถึงมีบุญแต่กรรมบังนักนะ!
หลังจากปฏิเสธคุณย่าเสียงแข็งไปแล้วหลายรอบ มาคราวนี้หม่อมราชวงศ์วรีวรินดาไม่ใจอ่อนให้หลานสาวอีกต่อไป ท่านยืนกรานท่าเดียวว่าไม่ว่าอย่างไร เธอก็ต้องแต่งกับภควัตน์ ต่อให้คราวนี้จะต้องจับหลานสาวตัวดีมัดมือมัดเท้าเข้างานแต่ง หม่อมราชวงศ์วรีวรินดาก็จะทำ! เพราะครั้งนี้มีเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตเข้ามาเป็นเดิมพัน ก่อนจะจบการสนทนาในครั้งนี้ว่า
“หรือเราคิดจะใช้บริการบอดี้การ์ด มีคนเดินตามขวักไขว่ไปทั้งชีวิต”
และภควัตน์ยังเสริมขึ้นอีกคนอย่างรู้นิสัยเธอว่า
“ค่าจ้างบอดี้การ์ดสามคน ตกเดือนละสามแสนบาท หนึ่งปีก็สามล้านหกแสนบาท”
สามสิบปี ก็ร้อยแปดล้านบาทน่ะสิ? นี่ยังไม่รวมอัตราเงินเฟ้อนะ! โอ๊ย เธอจะเป็นลม!
และในระหว่างที่วรีวาฏิกากำลังคิดคำนวณเงินที่ต้องเสียให้กับการคุ้มครองความปลอดภัยตลอดทั้งชีวิตด้วยความมึนงงอยู่นั้น ฝ่ายผู้ใหญ่ก็ตกลงเรื่องสินสอด ฤกษ์งานหมั้นงานแต่งเรียบร้อยแล้ว โดยที่เธอไม่มีโอกาสเอ่ยคัดค้านอีกเลย
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 มี.ค. 2564, 13:47:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 มี.ค. 2564, 13:47:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 328
<< บทที่ 20 -100% | บทที่ 21 -100% >> |