ทัณฑ์ทวงรัก: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ
'ศมา' เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา เขาเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทั้งเก่ง ฉลาด จริงใจ และจริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่ว่าชีวิตกลับเล่นตลกกับผู้ชายสายบุญอย่างเขาที่ไม่ว่าจะรักจะชอบใคร ศมาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น แถมสวรรค์ยังใจร้ายส่งผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ มาเป็นลูกหนี้เขา!
'ตวงทอง' หล่อนสวย หรู เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และฐานะหน้าที่การงาน หญิงสาวใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมสุดเหวี่ยง จนวันหนึ่งชีวิตได้ให้บทเรียนกับหล่อน จากคุณหนูไฮโซ ตวงทองกลายเป็นลูกหนี้ที่ต้องหนีหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ไปวันๆ สุดท้ายเมื่อเริ่มจนตรอกหล่อนกัดฟันสู้ หันหน้ามาขอเกาะเจ้าหนี้กินเสียดื้อๆ
“ด้านได้ อายอด และฉันจะไม่ยอมอดตาย แค่งานกรรมกรก่อสร้างทำไมฉันจะทำไม่ได้!”
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง ดุจจันทร์ดั้นเมฆ พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า พ่อแง่แม่งอน อบอุ่น ละมุนในหัวใจแน่นอน ใครที่เคยฟิน ตรีเมฆ และจันทน์กะพ้อ ใน "ดุจจันทร์ดั้นเมฆ" มาแล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช ร้านBestbookSmile และร้าน Julee July
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 476 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 355฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
'ศมา' เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา เขาเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทั้งเก่ง ฉลาด จริงใจ และจริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่ว่าชีวิตกลับเล่นตลกกับผู้ชายสายบุญอย่างเขาที่ไม่ว่าจะรักจะชอบใคร ศมาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น แถมสวรรค์ยังใจร้ายส่งผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ มาเป็นลูกหนี้เขา!
'ตวงทอง' หล่อนสวย หรู เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และฐานะหน้าที่การงาน หญิงสาวใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมสุดเหวี่ยง จนวันหนึ่งชีวิตได้ให้บทเรียนกับหล่อน จากคุณหนูไฮโซ ตวงทองกลายเป็นลูกหนี้ที่ต้องหนีหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ไปวันๆ สุดท้ายเมื่อเริ่มจนตรอกหล่อนกัดฟันสู้ หันหน้ามาขอเกาะเจ้าหนี้กินเสียดื้อๆ
“ด้านได้ อายอด และฉันจะไม่ยอมอดตาย แค่งานกรรมกรก่อสร้างทำไมฉันจะทำไม่ได้!”
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง ดุจจันทร์ดั้นเมฆ พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า พ่อแง่แม่งอน อบอุ่น ละมุนในหัวใจแน่นอน ใครที่เคยฟิน ตรีเมฆ และจันทน์กะพ้อ ใน "ดุจจันทร์ดั้นเมฆ" มาแล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช ร้านBestbookSmile และร้าน Julee July
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 476 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 355฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 7 -15%
เวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว เสียงเครื่องจักรกลด้านนอกที่กำลังเร่งก่อสร้างกันอย่างหนักเงียบหายไปร่วมชั่วโมงก็ตามมาด้วยเสียงรถทยอยวิ่งออกไปจากพื้นที่ก่อสร้าง ตวงทองสังเกตว่านอกจากช่างชัยและช่างเอกแล้วก็ไม่มีวิศวกรคนใดพักที่แคมป์คนงานอีก ยามเย็นจึงเป็นช่วงเวลาที่เหล่าคนงานทั้งไทยและต่างด้าวสรวลเสเฮฮากันได้อย่างสบายอกสบายใจ เวลานี้โดยปกติแล้วหล่อนมักอยู่ที่บ้านพัก เอนหลังพักผ่อนหลังจากอาบน้ำอาบท่าหรือไม่ก็เก็บกวาดเล็กๆ น้อยๆ ในห้องตามประสาคนรักความสะอาดแล้วก็รอรับประทานอาหารเย็นฝีมือแม่ครัวช่างประดิษฐ์อย่างตูซา ยามเย็นเป็นเวลาที่หล่อนชมชอบมากที่สุดตั้งแต่มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
แต่ทว่าวันนี้ ตวงทองกลับยังรีๆ รอๆ อยู่ที่สำนักงานจนมืดค่ำ รอแล้วรอเล่าเด็กสาวคนนั้นก็ยังไม่โผล่หน้ามอมๆ พร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสวมาให้เห็น ตูซามักจะถามหล่อนด้วยน้ำเสียงสดใสอย่างคนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทุกครั้งที่มาถึงว่า
‘กินอะไรดีจ๊ะพี่ตวงเย็นนี้’
หัวใจของตวงทองหวิวโหวง อดรู้สึกใจหายไม่ได้ ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อเช้าเด็กนั่นคงโกรธหล่อนมากสินะ คงคิดว่าหล่อนตัดช่องน้อยแต่พอตัว เอาตัวรอดไปคนเดียวอย่างที่เจ้าหนี้ของหล่อนว่า
หึ! ช่างสิ ฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าจะโทษก็ไปโทษเจ้าพวกหัวขโมยพวกนั้นสิที่ไปก่อเรื่องจนเขาจับได้ ใครจะชี้ตัวก็จะเป็นไรไป ในเมื่อคนผิดก็สองคนนั้นเหมือนเดิมนี่นา...
ไม่อยากมาก็อย่ามา ฉันอยู่คนเดียวในบ้านพักสบายๆ ก็ได้ ทำไมต้องง้อ!
หญิงสาวสะบัดค้อนใส่ประตูสำนักงาน หยิบกระเป๋าใบเล็กได้ก็เดินไปปิดไฟรอบห้องแล้วกลับไปยังบ้านพักของตน โดยไม่เหลียวหลังไปทางเหล่าเพิงพักคนงานแม้หางตา แต่กระนั้นเสียงซุบซิบของคนงานที่เตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นดังไล่หลังมา
“กูบอกมันแล้วว่าอย่าไปคบพวกคุณหนูตกกระป๋อง มันมีแต่จะเอาเปรียบ เอาไปเป็นคนใช้ยังกับขี้ข้า แล้วยังโยนขี้ให้อีก มันวอนนัก เดี๋ยวไอ้สองคนนั้นก็ลากเข้าพงหรอก อีตูซา”
น้ำเสียงเผ็ดร้อนนั่นเห็นจะไม่ผิดว่าเป็นของนางพรแม่ครัวใหญ่
“เออ ดี! กูจะไม่ไปช่วยมันเลย อีเด็กเนรคุณ มันใส่ความเสียจนผัวกูถูกไล่ออกจากงาน กูไม่นับเป็นหลาน มันหนีไปอยู่กับอีคุณหนูนี่ได้ไม่เท่าไรก็ตกสวรรค์แล้ว สมน้ำหน้า”
“นั่นสิ หาเรื่องแท้ๆ คบกับใครไม่คบ ดันไปคบกับอีคนขี้โกง”
ถ้อยคำถากถางนั่นแล่นไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิด ตวงทองไม่อยากรีบร้อนเดินจนเหมือนว่าหล่อนหนี แต่ใบหน้าหล่อนชาไปด้วยความอับอาย หล่อนไม่อยากอยู่แถวนั้นอีก หญิงสาวจึงสาวเท้ายาวๆ กลับบ้านพักไป ใจนึกโมโหตนเองนัก
“ไม่ควรไปใจดีกับเด็กนั่นเลยนะตวงทอง เห็นไหมหาเรื่องใส่ตัวจนได้ กับคนพวกนี้ทำดีด้วยไม่ได้หรอก” หล่อนบ่นระบายออกมาดังๆ เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาได้
อากาศภายในบ้านพักร้อนนัก แต่หญิงสาวไม่กล้าเปิดหน้าต่างอย่างที่เคยทำเวลาที่ตูซามาพักอยู่ด้วย ต่อไปนี้หล่อนคงไว้ใจใครไม่ได้อีก ทนอยู่ร้อนๆ ไปก่อน ดีกว่าหาใครมาอยู่ด้วยแล้วมีปัญหาแบบนี้อีก หล่อนเข็ดเสียแล้ว หญิงสาวอาบน้ำชำระร่างกายจนสบายใจขึ้นแล้วก็หันซ้ายแลขวา มองหาสิ่งที่พอจะปรุงเป็นมื้อเย็นง่ายๆ ได้
“อยู่คนเดียว กินให้ง่าย อยู่ให้ง่าย มากคนมากความเข้าใจไหมตวงทอง” หล่อนพร่ำเตือนตนเองเมื่อเทบะหมี่แห้งกรอบ แถมมีกลิ่นหืนลงไปในกระทะไฟฟ้าที่น้ำกำลังเดือดปุดๆ รสชาติของมันสมราคาแสนถูกเมื่อไม่มีผักเครื่องเคียงอย่างที่แม่ครัวน้อยประจำบ้านเคยทำ แต่ตวงทองก็กินมันได้จนหมด เพราะความหิวโหยที่แบกไว้ตั้งแต่มื้อเที่ยงเพราะไม่อยากออกไปเผชิญหน้ากับคนงานทั้งแคมป์โดยไม่จำเป็น
จะว่าหล่อนขี้ขลาดก็ยอมละ คนพวกนั้นไร้การศึกษา ไหนเลยจะมีเหตุผลพอที่จะฟังความข้างหล่อนบ้าง หล่อนไปก็มีแต่จะตกเป็นเป้านิ่งให้พวกนั้นปาหินใส่น่ะสิ
คืนนั้นตวงทองปิดประตูลงกลอนแน่นหนา นอนมองเพดานห้องอยู่พักหนึ่งก็หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนทั้งกายใจ
หญิงสาวหารู้ไม่สักนิดว่าในค่ำคืนเดียวกันนั้น...ในขณะที่ความมืดเริ่มโรยตัวเข้าปกคลุมทุกพื้นที่ เหล่าคนงานหญิงชายหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการงาน ภายในแคมป์คนงานเงียบเหงานัก แสงไฟในแคมป์วับแวมพอเห็นอะไรรางๆ เท่านั้น ที่เพิงที่ใช้เป็นโรงอาหาร ร่างเล็กผอมแห้งหอบหิ้วเสื้อผ้าห่อหนึ่งในถุงพลาสติกใบใหญ่ เดินมารื้อผ้าพลาสติกที่คลุมโต๊ะวางหม้อแกงออกมาคลี่ปูลงบนพื้นซีเมนต์ที่เย็นเฉียบ วางห่อผ้าลงชิดกับกำแพงห้องเก็บของที่ปิดประตูใส่กุญแจแน่นหนา ก่อนจะเอนกายลงนั่งหลังพิงกำแพง หดขาหนีความหนาวเย็น สองมือกอดประสานกายตนไว้แน่น คราบน้ำตาแห้งเหือดไปแล้ว เหลือแต่เสียงสะอื้นฮักๆ ในลำคอ
เจ็บปวดนัก แต่ยังหรอก ตูซายังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
แต่ทว่าวันนี้ ตวงทองกลับยังรีๆ รอๆ อยู่ที่สำนักงานจนมืดค่ำ รอแล้วรอเล่าเด็กสาวคนนั้นก็ยังไม่โผล่หน้ามอมๆ พร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสวมาให้เห็น ตูซามักจะถามหล่อนด้วยน้ำเสียงสดใสอย่างคนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทุกครั้งที่มาถึงว่า
‘กินอะไรดีจ๊ะพี่ตวงเย็นนี้’
หัวใจของตวงทองหวิวโหวง อดรู้สึกใจหายไม่ได้ ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อเช้าเด็กนั่นคงโกรธหล่อนมากสินะ คงคิดว่าหล่อนตัดช่องน้อยแต่พอตัว เอาตัวรอดไปคนเดียวอย่างที่เจ้าหนี้ของหล่อนว่า
หึ! ช่างสิ ฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าจะโทษก็ไปโทษเจ้าพวกหัวขโมยพวกนั้นสิที่ไปก่อเรื่องจนเขาจับได้ ใครจะชี้ตัวก็จะเป็นไรไป ในเมื่อคนผิดก็สองคนนั้นเหมือนเดิมนี่นา...
ไม่อยากมาก็อย่ามา ฉันอยู่คนเดียวในบ้านพักสบายๆ ก็ได้ ทำไมต้องง้อ!
หญิงสาวสะบัดค้อนใส่ประตูสำนักงาน หยิบกระเป๋าใบเล็กได้ก็เดินไปปิดไฟรอบห้องแล้วกลับไปยังบ้านพักของตน โดยไม่เหลียวหลังไปทางเหล่าเพิงพักคนงานแม้หางตา แต่กระนั้นเสียงซุบซิบของคนงานที่เตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นดังไล่หลังมา
“กูบอกมันแล้วว่าอย่าไปคบพวกคุณหนูตกกระป๋อง มันมีแต่จะเอาเปรียบ เอาไปเป็นคนใช้ยังกับขี้ข้า แล้วยังโยนขี้ให้อีก มันวอนนัก เดี๋ยวไอ้สองคนนั้นก็ลากเข้าพงหรอก อีตูซา”
น้ำเสียงเผ็ดร้อนนั่นเห็นจะไม่ผิดว่าเป็นของนางพรแม่ครัวใหญ่
“เออ ดี! กูจะไม่ไปช่วยมันเลย อีเด็กเนรคุณ มันใส่ความเสียจนผัวกูถูกไล่ออกจากงาน กูไม่นับเป็นหลาน มันหนีไปอยู่กับอีคุณหนูนี่ได้ไม่เท่าไรก็ตกสวรรค์แล้ว สมน้ำหน้า”
“นั่นสิ หาเรื่องแท้ๆ คบกับใครไม่คบ ดันไปคบกับอีคนขี้โกง”
ถ้อยคำถากถางนั่นแล่นไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิด ตวงทองไม่อยากรีบร้อนเดินจนเหมือนว่าหล่อนหนี แต่ใบหน้าหล่อนชาไปด้วยความอับอาย หล่อนไม่อยากอยู่แถวนั้นอีก หญิงสาวจึงสาวเท้ายาวๆ กลับบ้านพักไป ใจนึกโมโหตนเองนัก
“ไม่ควรไปใจดีกับเด็กนั่นเลยนะตวงทอง เห็นไหมหาเรื่องใส่ตัวจนได้ กับคนพวกนี้ทำดีด้วยไม่ได้หรอก” หล่อนบ่นระบายออกมาดังๆ เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาได้
อากาศภายในบ้านพักร้อนนัก แต่หญิงสาวไม่กล้าเปิดหน้าต่างอย่างที่เคยทำเวลาที่ตูซามาพักอยู่ด้วย ต่อไปนี้หล่อนคงไว้ใจใครไม่ได้อีก ทนอยู่ร้อนๆ ไปก่อน ดีกว่าหาใครมาอยู่ด้วยแล้วมีปัญหาแบบนี้อีก หล่อนเข็ดเสียแล้ว หญิงสาวอาบน้ำชำระร่างกายจนสบายใจขึ้นแล้วก็หันซ้ายแลขวา มองหาสิ่งที่พอจะปรุงเป็นมื้อเย็นง่ายๆ ได้
“อยู่คนเดียว กินให้ง่าย อยู่ให้ง่าย มากคนมากความเข้าใจไหมตวงทอง” หล่อนพร่ำเตือนตนเองเมื่อเทบะหมี่แห้งกรอบ แถมมีกลิ่นหืนลงไปในกระทะไฟฟ้าที่น้ำกำลังเดือดปุดๆ รสชาติของมันสมราคาแสนถูกเมื่อไม่มีผักเครื่องเคียงอย่างที่แม่ครัวน้อยประจำบ้านเคยทำ แต่ตวงทองก็กินมันได้จนหมด เพราะความหิวโหยที่แบกไว้ตั้งแต่มื้อเที่ยงเพราะไม่อยากออกไปเผชิญหน้ากับคนงานทั้งแคมป์โดยไม่จำเป็น
จะว่าหล่อนขี้ขลาดก็ยอมละ คนพวกนั้นไร้การศึกษา ไหนเลยจะมีเหตุผลพอที่จะฟังความข้างหล่อนบ้าง หล่อนไปก็มีแต่จะตกเป็นเป้านิ่งให้พวกนั้นปาหินใส่น่ะสิ
คืนนั้นตวงทองปิดประตูลงกลอนแน่นหนา นอนมองเพดานห้องอยู่พักหนึ่งก็หลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนทั้งกายใจ
หญิงสาวหารู้ไม่สักนิดว่าในค่ำคืนเดียวกันนั้น...ในขณะที่ความมืดเริ่มโรยตัวเข้าปกคลุมทุกพื้นที่ เหล่าคนงานหญิงชายหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการงาน ภายในแคมป์คนงานเงียบเหงานัก แสงไฟในแคมป์วับแวมพอเห็นอะไรรางๆ เท่านั้น ที่เพิงที่ใช้เป็นโรงอาหาร ร่างเล็กผอมแห้งหอบหิ้วเสื้อผ้าห่อหนึ่งในถุงพลาสติกใบใหญ่ เดินมารื้อผ้าพลาสติกที่คลุมโต๊ะวางหม้อแกงออกมาคลี่ปูลงบนพื้นซีเมนต์ที่เย็นเฉียบ วางห่อผ้าลงชิดกับกำแพงห้องเก็บของที่ปิดประตูใส่กุญแจแน่นหนา ก่อนจะเอนกายลงนั่งหลังพิงกำแพง หดขาหนีความหนาวเย็น สองมือกอดประสานกายตนไว้แน่น คราบน้ำตาแห้งเหือดไปแล้ว เหลือแต่เสียงสะอื้นฮักๆ ในลำคอ
เจ็บปวดนัก แต่ยังหรอก ตูซายังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มิ.ย. 2564, 09:43:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มิ.ย. 2564, 09:43:59 น.
จำนวนการเข้าชม : 358
<< บทที่ 6 -100% | บทที่ 7 -30% >> |