ทัณฑ์ทวงรัก: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ
'ศมา' เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา เขาเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทั้งเก่ง ฉลาด จริงใจ และจริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่ว่าชีวิตกลับเล่นตลกกับผู้ชายสายบุญอย่างเขาที่ไม่ว่าจะรักจะชอบใคร ศมาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น แถมสวรรค์ยังใจร้ายส่งผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ มาเป็นลูกหนี้เขา!
'ตวงทอง' หล่อนสวย หรู เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และฐานะหน้าที่การงาน หญิงสาวใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมสุดเหวี่ยง จนวันหนึ่งชีวิตได้ให้บทเรียนกับหล่อน จากคุณหนูไฮโซ ตวงทองกลายเป็นลูกหนี้ที่ต้องหนีหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ไปวันๆ สุดท้ายเมื่อเริ่มจนตรอกหล่อนกัดฟันสู้ หันหน้ามาขอเกาะเจ้าหนี้กินเสียดื้อๆ
“ด้านได้ อายอด และฉันจะไม่ยอมอดตาย แค่งานกรรมกรก่อสร้างทำไมฉันจะทำไม่ได้!”
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง ดุจจันทร์ดั้นเมฆ พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า พ่อแง่แม่งอน อบอุ่น ละมุนในหัวใจแน่นอน ใครที่เคยฟิน ตรีเมฆ และจันทน์กะพ้อ ใน "ดุจจันทร์ดั้นเมฆ" มาแล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช ร้านBestbookSmile และร้าน Julee July
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 476 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 355฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
'ศมา' เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา เขาเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทั้งเก่ง ฉลาด จริงใจ และจริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่ว่าชีวิตกลับเล่นตลกกับผู้ชายสายบุญอย่างเขาที่ไม่ว่าจะรักจะชอบใคร ศมาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น แถมสวรรค์ยังใจร้ายส่งผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ มาเป็นลูกหนี้เขา!
'ตวงทอง' หล่อนสวย หรู เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และฐานะหน้าที่การงาน หญิงสาวใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมสุดเหวี่ยง จนวันหนึ่งชีวิตได้ให้บทเรียนกับหล่อน จากคุณหนูไฮโซ ตวงทองกลายเป็นลูกหนี้ที่ต้องหนีหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ไปวันๆ สุดท้ายเมื่อเริ่มจนตรอกหล่อนกัดฟันสู้ หันหน้ามาขอเกาะเจ้าหนี้กินเสียดื้อๆ
“ด้านได้ อายอด และฉันจะไม่ยอมอดตาย แค่งานกรรมกรก่อสร้างทำไมฉันจะทำไม่ได้!”
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง ดุจจันทร์ดั้นเมฆ พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า พ่อแง่แม่งอน อบอุ่น ละมุนในหัวใจแน่นอน ใครที่เคยฟิน ตรีเมฆ และจันทน์กะพ้อ ใน "ดุจจันทร์ดั้นเมฆ" มาแล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช ร้านBestbookSmile และร้าน Julee July
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 476 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 355฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 8 -26%
ครืน!
เสียงฟ้าร้องอยู่เหนือศีรษะดังสนั่นจนหล่อนสะดุ้งเฮือก ย่นคอด้วยความกลัว ศมาเลิกม่านมองออกไปด้านนอกเห็นท้องฟ้ามืดหม่นทำให้ทั่วบริเวณก่อสร้างพลอยอึมครึมไปด้วย ช่างเอกกำลังคุมคนงานขนย้ายพวกเครื่องไม้เครื่องมือที่โดนฝนไม่ได้เข้าเก็บใต้ชายคาโกดังที่มิดชิด เพียงไม่นานสายฝนก็เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไฟในห้องสำนักงานกะพริบวิบวับ ตวงทองรีบกดบันทึกงานที่ทำไว้ แล้วจึงหันไปสำเนาเอกสารให้เขาพร้อมจัดเข้าแฟ้ม เสียงฝนซัดซู่ๆ ดังมาจากด้านนอก พร้อมกับเสียงลมกระแทกประตูหน้าต่างปังๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า และแล้วไฟในห้องก็ดับสนิท เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างดับลงพร้อมกัน ห้องสำนักงานกว้างตกอยู่ในความมืดมิด เย็นยะเยือก
ตวงทองนั่งตัวลีบอยู่บนเก้าอี้ ฟังเสียงลมฝนเขย่าตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นสำนักงานชั่วคราวราวกับมือยักษ์ที่ไร้ความปรานี ดวงตาที่ปรับเข้ากับความมืดได้แล้วแลไปทางเงาร่างสูงของเจ้านายหนุ่ม ศมาแหวกม่านออกอีกครั้งเพื่อมองดูสถานการณ์ด้านนอก เขาเห็นยอดไม้ถูกพายุซัดเอนลู่ลงดิน มีบ้างที่หักโค่นปลิดปลิว หลังคาเรือนพักคนงานหลังหนึ่งปลิวไปกับสายลม คนงานหอบข้าวของกรูกันหนีไปรวมตัวกันอยู่ที่โกดังเก็บของจนแน่นขนัด ต่างคนต่างภาวนาให้พายุพัดผ่านไปโดยไว
สมองของชายหนุ่มคิดคำนวณค่าเสียหายและความล่าช้าที่จะเกิดขึ้นกับการก่อสร้าง เขาผ่อนลมหายใจยาวก่อนจะปล่อยมือจากผ้าม่าน หันมองไปรอบห้องจนมาหยุดที่เงาตะคุ่มๆ เจ้าของร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานหลังโต๊ะตัวใหญ่ หล่อนคงกลัวมากจนบีบตัวเองงอเป็นกุ้งแนบชิดกับผนังห้อง หล่อนใช้ผ้าบางๆ ที่ใช้คลุมผมและหน้าตาเวลาทำงานตากแดดต่างผ้าห่มห่อตัวไว้ อากาศภายในห้องเริ่มหนาวเย็นลงอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะหนึ่งผู้หญิงร้ายกาจคนนี้ทำให้เขานึกถึงศศิน้องสาวตัวน้อยผู้หวาดกลัวพายุเป็นที่สุด
ครืน!
เสียงฟ้าลั่นโหมโรงมาอีกหน ตวงทองหดขาขึ้นมาซุกกับเก้าอี้ โอบกอดตัวเองใต้ผ้าห่มผืนบาง ในความมืดสลัวหล่อนรู้ว่าใครอีกคนยังอยู่ในห้องนั้น อาจจะกำลังนั่งนึกขันความขี้ขลาดของหล่อน แต่นี่คือฝนห่าแรกที่หล่อนต้องผจญหลังจากออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน แม้ในตู้คอนเทนเนอร์ใหญ่นี้ค่อนข้างแน่นหนา แต่ความแรงของพายุที่โยกคลอนกระแทกกระทั้นมาจากทุกทิศทุกทางทำให้หล่อนรู้สึกราวกับกำลังเท้งเต้งอยู่กลางทะเลใหญ่ในยามพายุโหมกระหน่ำ
ครืน!
โครม!
“กรี๊ด!”
“ตวงทอง!” เสียงร้องเร่งร้อนดังขึ้นกลางความมืด เศษกระจกกระเด็นกระจัดกระจายเฉียดร่างบางไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะนั่งอยู่ไม่ห่างจากหน้าต่างที่โดนกิ่งไม้ใหญ่หักฟาดลงมา ศมาถลันเข้าไปดึงหล่อนทั้งเก้าอี้ออกห่างหน้าต่างบานนั้น สายฝนถูกสายลมพัดพรูเข้ามาจนเปียกไปทั้งแถบ ศมากวาดเอกสารสำคัญติดมือมาโยนลงที่โต๊ะประชุมกลางห้องด้วยมือหนึ่ง อีกมือหมุนเก้าอี้ให้ร่างสั่นเทาราวลูกนกที่เปียกปอนหันมาทางเขาพลางเรียกชื่อหล่อนอีกครั้ง
“ตวงทอง ไม่เป็นไรนะ”
“ฉันกลัวค่ะ พายุแรงมาก น่ากลัวจริงๆ”
“ลืมตา ไม่มีอะไร แค่กิ่งไม้หักลงมาฟาดหน้าต่าง” เขาวางมือบนไหล่บางของคนที่ผอมลงเสียจนสัมผัสได้ หัวไหล่บางสั่นสะท้าน หญิงสาวค่อยๆ เปิดตาขึ้น หูยังได้ยินเสียงพายุอื้ออึงอยู่ด้านนอก
“น่ากลัวจังเลยค่ะ” หล่อนเสยผมยุ่งเหยิงของตนออกจากใบหน้า ใช้หลังมือปาดแก้มเปื้อนน้ำตา ศมามองดวงตาวาวใสในความมืดสลัว หยาดน้ำใสยังไหลริน เขาชะงักงัน กลับกลายเป็นฝ่ายทำอะไรไม่ถูกแทน หล่อนสบตาเขาด้วยความกังวล
“ต้นไม้โค่นทับเราเหรอคะ”
“ไม่น่าจะถึงขั้นนั้น คงแค่กิ่งใหญ่หักฟาดลงมาใส่หน้าต่าง”
“แล้วรถของคุณที่จอดอยู่ข้างๆ นี่ล่ะคะ”
“ช่างมันเถอะ ออกไปตอนนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้ พังก็ซ่อมไป” เขาพูดง่ายๆ ดึงเสื้อแจ็กเก็ตของตนเองที่พาดอยู่กับพนักเก้าอี้มาคลุมไหล่ให้หล่อน ตั้งแต่หญิงสาวมาอยู่ที่นี่ เขาเสียเสื้อไปสองตัวแล้ว เนื้อตัวของหล่อนเปียกเล็กน้อยและหนาวสั่นจนเขาอดสงสารไม่ได้ ตวงทองพึมพำขอบคุณแผ่วเบา เมื่อก้มหน้าลงปลายคางมนก็แตะเข้ากับหลังมือแกร่งอุ่นร้อน หล่อนเม้มปากแน่น กลั้นใจจนเขาถอนมือออกอย่างสุภาพและถอยไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
อีกสิบกว่านาทีต่อมาพายุร้ายก็ผ่านพ้นไป...เหลือแต่เพียงความเสียหายทิ้งไว้เบื้องหลัง ศมาได้ยินเสียงเครื่องปั่นไฟดังขึ้นก็ขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปเปิดประตู ช่างเอกรออยู่แล้วในสภาพเปียกปอน ด้านนอกน้ำเจิ่งนองเละเทะน่าดู ตวงทองมองตามแผ่นหลังเขาออกไปจึงได้เห็นว่ารถกระบะของเขาปลอดภัยดี แม้จะมีกิ่งไม้ใหญ่หล่นอยู่ข้างๆ อย่างน่าหวาดเสียว หล่อนมองเห็นซากสังกะสีที่ใช้มุงหลังคาบ้านพักคนงานกระจัดกระจายอยู่ข้างๆ ตึกที่กำลังก่อสร้าง คนงานชายกำลังช่วยกันเก็บกวาดท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปรายบางเบา อากาศหนาวจัดจนหญิงสาวกระชับเสื้อแจ็กเก็ตตัวโคร่งเข้าแนบลำตัวแล้วรูดซิปถึงคอ เหลียวซ้ายแลขวามองหาอุปกรณ์ทำความสะอาดห้อง จังหวะนั้นช่างเอกเดินเข้ามาภายในห้องพอดี เหลือบมองหล่อนแล้วก็ทำตาหยียิ้มชอบกลแล้วก็ไปยุ่งอยู่กับสายไฟ สักพักไฟในห้องก็ติดขึ้นมา
“เสาไฟฟ้าล้มที่ปากทางเข้าโครงการครับ ไฟเลยดับ เราต้องใช้เครื่องปั่นไฟกันละคืนนี้”
“พายุแรงมากนะคะ”
“ครับ เอ่อ นายช่างใหญ่บอกว่าเดี๋ยวถ้าคุณตวงจัดการอะไรตรงนี้เรียบร้อยแล้ว ช่วยออกไปหาด้วย นายช่างจะเข้าเมืองไปซื้อเสบียงมาให้คนงานสำหรับคืนนี้กับพรุ่งนี้เช้า โรงครัวเราถูกถล่มเละเลยครับ”
“แล้วทำไมแม่ครัวพรไม่ไปเองล่ะคะ”
“ไปครับ แต่นายให้คุณไปด้วย”
“แปลกคน” หล่อนบ่นเบาๆ เสยผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง สาละวนเก็บข้าวเก็บของ ท้องฟ้าข้างนอกยังมืดครึ้มซ้ำยังใกล้ค่ำ หล่อนกลัวนักว่าพอออกไปแล้วจะไปติดพายุอยู่ข้างนอกนั่นอีก
ทำไมต้องให้เราไปด้วยนะ ธุระไม่ใช่จริงๆ เราเป็นทั้งกรรมกร เสมียน แม่บ้าน แล้วยังจะให้เป็นแม่ครัวอีกหรือไง
เก็บกวาดไปตวงทองก็บ่นอุบอิบในใจไปด้วย หน้าสวยงอง้ำ ดวงตาและปลายจมูกโด่งเชิดแดงก่ำ ช่างเอกมองสภาพราวกับแมวโดนฟัดนั้นด้วยความรู้สึกยุ่บยั่บในอารมณ์ อยากจะแจ้นไปถามนายช่างใหญ่นักว่าในระหว่างที่เกิดพายุอยู่ด้านนอก นายได้ปิดประตูรังแกแมวเหมียวงอแงตัวนี้บ้างหรือเปล่า
เสียงฟ้าร้องอยู่เหนือศีรษะดังสนั่นจนหล่อนสะดุ้งเฮือก ย่นคอด้วยความกลัว ศมาเลิกม่านมองออกไปด้านนอกเห็นท้องฟ้ามืดหม่นทำให้ทั่วบริเวณก่อสร้างพลอยอึมครึมไปด้วย ช่างเอกกำลังคุมคนงานขนย้ายพวกเครื่องไม้เครื่องมือที่โดนฝนไม่ได้เข้าเก็บใต้ชายคาโกดังที่มิดชิด เพียงไม่นานสายฝนก็เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไฟในห้องสำนักงานกะพริบวิบวับ ตวงทองรีบกดบันทึกงานที่ทำไว้ แล้วจึงหันไปสำเนาเอกสารให้เขาพร้อมจัดเข้าแฟ้ม เสียงฝนซัดซู่ๆ ดังมาจากด้านนอก พร้อมกับเสียงลมกระแทกประตูหน้าต่างปังๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า และแล้วไฟในห้องก็ดับสนิท เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างดับลงพร้อมกัน ห้องสำนักงานกว้างตกอยู่ในความมืดมิด เย็นยะเยือก
ตวงทองนั่งตัวลีบอยู่บนเก้าอี้ ฟังเสียงลมฝนเขย่าตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นสำนักงานชั่วคราวราวกับมือยักษ์ที่ไร้ความปรานี ดวงตาที่ปรับเข้ากับความมืดได้แล้วแลไปทางเงาร่างสูงของเจ้านายหนุ่ม ศมาแหวกม่านออกอีกครั้งเพื่อมองดูสถานการณ์ด้านนอก เขาเห็นยอดไม้ถูกพายุซัดเอนลู่ลงดิน มีบ้างที่หักโค่นปลิดปลิว หลังคาเรือนพักคนงานหลังหนึ่งปลิวไปกับสายลม คนงานหอบข้าวของกรูกันหนีไปรวมตัวกันอยู่ที่โกดังเก็บของจนแน่นขนัด ต่างคนต่างภาวนาให้พายุพัดผ่านไปโดยไว
สมองของชายหนุ่มคิดคำนวณค่าเสียหายและความล่าช้าที่จะเกิดขึ้นกับการก่อสร้าง เขาผ่อนลมหายใจยาวก่อนจะปล่อยมือจากผ้าม่าน หันมองไปรอบห้องจนมาหยุดที่เงาตะคุ่มๆ เจ้าของร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานหลังโต๊ะตัวใหญ่ หล่อนคงกลัวมากจนบีบตัวเองงอเป็นกุ้งแนบชิดกับผนังห้อง หล่อนใช้ผ้าบางๆ ที่ใช้คลุมผมและหน้าตาเวลาทำงานตากแดดต่างผ้าห่มห่อตัวไว้ อากาศภายในห้องเริ่มหนาวเย็นลงอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะหนึ่งผู้หญิงร้ายกาจคนนี้ทำให้เขานึกถึงศศิน้องสาวตัวน้อยผู้หวาดกลัวพายุเป็นที่สุด
ครืน!
เสียงฟ้าลั่นโหมโรงมาอีกหน ตวงทองหดขาขึ้นมาซุกกับเก้าอี้ โอบกอดตัวเองใต้ผ้าห่มผืนบาง ในความมืดสลัวหล่อนรู้ว่าใครอีกคนยังอยู่ในห้องนั้น อาจจะกำลังนั่งนึกขันความขี้ขลาดของหล่อน แต่นี่คือฝนห่าแรกที่หล่อนต้องผจญหลังจากออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน แม้ในตู้คอนเทนเนอร์ใหญ่นี้ค่อนข้างแน่นหนา แต่ความแรงของพายุที่โยกคลอนกระแทกกระทั้นมาจากทุกทิศทุกทางทำให้หล่อนรู้สึกราวกับกำลังเท้งเต้งอยู่กลางทะเลใหญ่ในยามพายุโหมกระหน่ำ
ครืน!
โครม!
“กรี๊ด!”
“ตวงทอง!” เสียงร้องเร่งร้อนดังขึ้นกลางความมืด เศษกระจกกระเด็นกระจัดกระจายเฉียดร่างบางไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะนั่งอยู่ไม่ห่างจากหน้าต่างที่โดนกิ่งไม้ใหญ่หักฟาดลงมา ศมาถลันเข้าไปดึงหล่อนทั้งเก้าอี้ออกห่างหน้าต่างบานนั้น สายฝนถูกสายลมพัดพรูเข้ามาจนเปียกไปทั้งแถบ ศมากวาดเอกสารสำคัญติดมือมาโยนลงที่โต๊ะประชุมกลางห้องด้วยมือหนึ่ง อีกมือหมุนเก้าอี้ให้ร่างสั่นเทาราวลูกนกที่เปียกปอนหันมาทางเขาพลางเรียกชื่อหล่อนอีกครั้ง
“ตวงทอง ไม่เป็นไรนะ”
“ฉันกลัวค่ะ พายุแรงมาก น่ากลัวจริงๆ”
“ลืมตา ไม่มีอะไร แค่กิ่งไม้หักลงมาฟาดหน้าต่าง” เขาวางมือบนไหล่บางของคนที่ผอมลงเสียจนสัมผัสได้ หัวไหล่บางสั่นสะท้าน หญิงสาวค่อยๆ เปิดตาขึ้น หูยังได้ยินเสียงพายุอื้ออึงอยู่ด้านนอก
“น่ากลัวจังเลยค่ะ” หล่อนเสยผมยุ่งเหยิงของตนออกจากใบหน้า ใช้หลังมือปาดแก้มเปื้อนน้ำตา ศมามองดวงตาวาวใสในความมืดสลัว หยาดน้ำใสยังไหลริน เขาชะงักงัน กลับกลายเป็นฝ่ายทำอะไรไม่ถูกแทน หล่อนสบตาเขาด้วยความกังวล
“ต้นไม้โค่นทับเราเหรอคะ”
“ไม่น่าจะถึงขั้นนั้น คงแค่กิ่งใหญ่หักฟาดลงมาใส่หน้าต่าง”
“แล้วรถของคุณที่จอดอยู่ข้างๆ นี่ล่ะคะ”
“ช่างมันเถอะ ออกไปตอนนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้ พังก็ซ่อมไป” เขาพูดง่ายๆ ดึงเสื้อแจ็กเก็ตของตนเองที่พาดอยู่กับพนักเก้าอี้มาคลุมไหล่ให้หล่อน ตั้งแต่หญิงสาวมาอยู่ที่นี่ เขาเสียเสื้อไปสองตัวแล้ว เนื้อตัวของหล่อนเปียกเล็กน้อยและหนาวสั่นจนเขาอดสงสารไม่ได้ ตวงทองพึมพำขอบคุณแผ่วเบา เมื่อก้มหน้าลงปลายคางมนก็แตะเข้ากับหลังมือแกร่งอุ่นร้อน หล่อนเม้มปากแน่น กลั้นใจจนเขาถอนมือออกอย่างสุภาพและถอยไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
อีกสิบกว่านาทีต่อมาพายุร้ายก็ผ่านพ้นไป...เหลือแต่เพียงความเสียหายทิ้งไว้เบื้องหลัง ศมาได้ยินเสียงเครื่องปั่นไฟดังขึ้นก็ขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปเปิดประตู ช่างเอกรออยู่แล้วในสภาพเปียกปอน ด้านนอกน้ำเจิ่งนองเละเทะน่าดู ตวงทองมองตามแผ่นหลังเขาออกไปจึงได้เห็นว่ารถกระบะของเขาปลอดภัยดี แม้จะมีกิ่งไม้ใหญ่หล่นอยู่ข้างๆ อย่างน่าหวาดเสียว หล่อนมองเห็นซากสังกะสีที่ใช้มุงหลังคาบ้านพักคนงานกระจัดกระจายอยู่ข้างๆ ตึกที่กำลังก่อสร้าง คนงานชายกำลังช่วยกันเก็บกวาดท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปรายบางเบา อากาศหนาวจัดจนหญิงสาวกระชับเสื้อแจ็กเก็ตตัวโคร่งเข้าแนบลำตัวแล้วรูดซิปถึงคอ เหลียวซ้ายแลขวามองหาอุปกรณ์ทำความสะอาดห้อง จังหวะนั้นช่างเอกเดินเข้ามาภายในห้องพอดี เหลือบมองหล่อนแล้วก็ทำตาหยียิ้มชอบกลแล้วก็ไปยุ่งอยู่กับสายไฟ สักพักไฟในห้องก็ติดขึ้นมา
“เสาไฟฟ้าล้มที่ปากทางเข้าโครงการครับ ไฟเลยดับ เราต้องใช้เครื่องปั่นไฟกันละคืนนี้”
“พายุแรงมากนะคะ”
“ครับ เอ่อ นายช่างใหญ่บอกว่าเดี๋ยวถ้าคุณตวงจัดการอะไรตรงนี้เรียบร้อยแล้ว ช่วยออกไปหาด้วย นายช่างจะเข้าเมืองไปซื้อเสบียงมาให้คนงานสำหรับคืนนี้กับพรุ่งนี้เช้า โรงครัวเราถูกถล่มเละเลยครับ”
“แล้วทำไมแม่ครัวพรไม่ไปเองล่ะคะ”
“ไปครับ แต่นายให้คุณไปด้วย”
“แปลกคน” หล่อนบ่นเบาๆ เสยผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง สาละวนเก็บข้าวเก็บของ ท้องฟ้าข้างนอกยังมืดครึ้มซ้ำยังใกล้ค่ำ หล่อนกลัวนักว่าพอออกไปแล้วจะไปติดพายุอยู่ข้างนอกนั่นอีก
ทำไมต้องให้เราไปด้วยนะ ธุระไม่ใช่จริงๆ เราเป็นทั้งกรรมกร เสมียน แม่บ้าน แล้วยังจะให้เป็นแม่ครัวอีกหรือไง
เก็บกวาดไปตวงทองก็บ่นอุบอิบในใจไปด้วย หน้าสวยงอง้ำ ดวงตาและปลายจมูกโด่งเชิดแดงก่ำ ช่างเอกมองสภาพราวกับแมวโดนฟัดนั้นด้วยความรู้สึกยุ่บยั่บในอารมณ์ อยากจะแจ้นไปถามนายช่างใหญ่นักว่าในระหว่างที่เกิดพายุอยู่ด้านนอก นายได้ปิดประตูรังแกแมวเหมียวงอแงตัวนี้บ้างหรือเปล่า
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 มิ.ย. 2564, 11:47:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 มิ.ย. 2564, 11:47:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 339
<< บทที่ 8 -12% | บทที่ 8 -41% >> |