stop bad time หยุดเรื่องร้ายแล้วเรามารักกัน
ชีวิตที่ผ่านมาของหญิงสาวช่างน่าสงสาร แต่แม่เลี้ยงของเธอก็ไม่หยุดปั่นป่วนชีวิตเธอโดนทำร้ายร่างกายมิหน่ำซ้ำยังจะขายเธอให้กับพวกมาเฟีย
Tags: รัก ดราม่า

ตอน: แค่คนรู้จัก

หลังจากที่รถเริ่มออกเดินทางไปเชียงใหม่ ฉันนั่งถัดมากเบาะหลังสุดของรถทัวร์ที่คณะเราได้เหมาจ่าย เบาะตรงข้ามคือแก้วตากับไวกิ้งเบาะหลังสุดก็เป็นรุ่นพี่ที่มาคุม ส่วนฉันนะหรอนั่งกับใครคำตอบคำไม่มี ไม่ค่ะ เห้อช่างน่าสงสารเหลือเกินที่ไม่มีคู่กับคนอื่นเขา และเหมือนว่าสวรรค์จะเข้าข้างเด็กน้อยผู้นี้เมื่อมีชายคนหนึ่งกำลังมองหาที่นั่งสำหรับตัวเองอยู่ แต่นั้นเป็นรุ่นพี่ที่แสนจะโห๊ดโหดนิ แง~ ได้โปรดเถอะอย่ามาเลือกนั่งเบาะข้างๆฉันเลย มีผู้หญิงหลายคนในรถที่พยายามขยับเขยื้อนที่นั่งเพื่อที่จะได้นั่งกับพี่เขาแหงละ หน้าตาพี่เขาเรียกได้ว่าหล่อเอาการหน้าคม จมูกโด่งเป็นสัน น่าจะสูงประมาณ 183 เซนติเมตร รวมๆแล้วคือหล่อสามารถไปเป็นนายแบบได้สบายๆเลยละ
ฟึ่บ~ งือเสียงใครบางคนที่หย่อยสะโพกลงมานั่งเบาะข้างๆกับฉัน มะมันต้องไปใช่รุ่นพี่โหดคนนั้นชะ ใช่มั้ย ฉันหับขวับไปเบาะข้างๆก็พบว่าเป็น อ๊ากกก สวรรค์ไม่เข้าข้างเด็กน่ารักน่ารักคนนี้เลย แง~ ฉันไม่น่ามานั่งเบาะที่ติดกับกระจกหน้าต่างเลยรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนรุ่นพี่ขังไว้ไม่สามารถที่จะขยับเยื้อนร่างกายได้ไปโดนปริยาย และนี้ก็ทำให้ฉันรู้ว่าการที่นั่งกับคนหน้าตาดีก็ทำให้ผู้หญิงที่อยู่บนรถมองจิกฉันเป็นแถบและฉันจะไม่รู้สึกเกร็งเลยถ้ารุ่นพี่คนนี้เขาไม่น่ากลัว แม่จ้าหนูจะโดนพี่เขาหักคอไหม
"นี่เธอจะจ้องมองฉันอีกนานไหม จ้องขนาดนี้ทำไมไม่มาสิงร่างฉันเลยละ" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่กลั้นขำไว้กับอาการตกใจของหญิงสาวข้างๆ แต่ก็ต้องเก็บอาการนั้นไว้เพราะเดียวเสียฟอร์มรุ่นพี่สุดโหดไป
แหมถ้าสิงได้ฉันสิงไปนานแล้วย่ะ ไม่ต้องมาบอกหรอกเอ้ยไม่ใช่สิ ฉันจะไปสิงร่างนายสุดโหดทำไมน่ากลัวก็น่ากลัว "เอ่อ...หนูขอโทษค่ะรุ่นพี่" เมื่อนึกได้ว่าตัวเองกำลังจ้องมองเขาก็ทำฉันหน้าแดงรีบหันหน้าหนีไปทางอื่นทันทีหึยอย่าบอกนะว่าฉันเผลอตัวไปมองพี่เขาแต่ช่างเถอะ เมื่อคิดได้แบบนั้นฉันก็หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยเพราะไม่รู้จะทำอะไรแล้ว เมื่อหญิงสาวจ้องมองวิวข้างนอกชายหนุ่มก็มองหญิงสาวแวบหนึ่ง เขารู้ดีว่าหญิงสาวข้างๆเขานั้นกลัวเขามากแค่ไหน สังเกตได้จากแววตาของเธอได้ชัดเจน เพราะอย่างนี้เขาถึงตัดสินใจมานั่งข้างๆเธอถ้าเขาไปนั่งกับเด็กผู้หญิงคนอื่นมีหวังโดนเขมือบไปโดยไมเหมือซากแน่ๆแค่คิดก็ขนลุกไปหมดแล้ว (เว่อร์ไปไหม)
เมื่อเวลาผ่านไปสักพักฉันก็คิดถึงเรื่องเมื่อเช้าที่พ่อมาพูด พ่อบอกว่าพ่ออนุญาตให้ฉันออกมาอยู่หอพักได้ ทำเอาฉันตกใจถามออกไปอีกรอบเผื่อว่าฉันฟังผิดไป จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากย้ายออกมาอยู่ตามลำพังแต่เป็นเพราะว่าฉันพยายามขอพ่อมาหลายรอบแล้วแต่พ่อก็ไม่ยอมสักที แต่ก็ดีที่พ่ออนุญาตให้ไปได้ พ่อบอกว่าเดี่ยวจะขนของสัมพาระต่างๆให้กลับจากเชียงใหม่ก็ย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย และนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นรอยยิ้มของพ่อด้วย
พรึ่บ~ อยู่ก็มีอะไรหล่นมาจากข้างบนมาโดนตัดของฉันและเมื่อฉันก้มลงไปมองก็ทำฉันเกือบเป็นลม กรี๊ด ฉันกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง ปัดตุ๊กแกทิ้งทิ้งแล้วกระโดดไปนั่งคร่อมตัวของใครบางคนพยามยามมุดหน้าเข้าไปในอกของเขาเพื่อเป็นที่กำบัง
"นี่เธอเป็นอะไรรึเปล่า" ชายหนุ่มถามหญิงสาวที่กำลังกลัวอะไรจนตัวสั่นบนตักของเขา เขาตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆหญิงสาวที่นั่งข้างๆกรี๊ดขึ้นและกระโดดมานั่งตักพร้อมซุกใบหน้าเข้ากับอกแกร่งของเขาอย่างหวาดผวา
"ฮือ~ตะ ตะ ตุ๊กแก มันอยู่ตรงนั้น มะเมื่อกี้มันหล่นลงมาจากด้านบนถูกตักหนูพอดี" ชายหนุ่มหันไปมือของหญิงสาวที่ขี้ไปทางตัวตุ๊กแก เมื่อเขามองดีๆจริงๆแล้วมันเป็นแค่ของเล่น จนเขาต้องหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
"นี่เธอลองมองมันดูดีๆสิ ว่ามันคือตุ๊กแกอย่าที่เธอว่ารึเปล่า" หญิงสาวละใบหน้าออกจากอกของชายหนุ่มแล้วมองไปยังตัวตุ๊กแกดีๆ กลับพบว่ามันแค่ของเล่นที่เหมือนตุ๊กแกเฉยๆ และเมื่อเธอเริ่มรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองเล่นกลัวจนกระโดดไปนั่งบนตักของชายหนุ่ม เธอค่อยๆเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างเขินอาย และเมื่อสองสายตาสบกันก็พบว่าชายหนุ่มกำลังจ้องมองเธออย่างไม่วางตา "นี่จะจ้องฉันอีกนานไหม และเธอจะนั่งบนตักฉันถึงเชียงใหม่รึไงฉันไม่ว่าหรอกนะ" ใบหน้าของหญิงสาวขึ้นสีอย่างชัดเจน จนเธอเริ่มทำตัวไม่ถูก
"เอ่อ...หนูขอโทษอีกครั้งนะคะ" หลังที่ฉันลงมาจากตักของพี่เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากทางด้านหลังองเบาะ
"นี่รุ่นพี่อย่าบอกนะว่าพากันแกล้งหนู" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่มีทีท่าว่าพวกพี่เขาจะหยุดหัวเราะเลยจนในที่สุดก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะหัวเราะพอแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปนขำๆว่า
"ใช่พวกพี่เป็นคนแกล้งน้องเอง แต่ก็ไม่คิดว่าน้องจะกลัวถึงขั้นกระโดดไปนั่งบนตักของไอ้เรียวมัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ฉันหันไปมองหน้าของรุ่นพี่ที่ฉันพึ่งลงจากตักมาหมาดๆ พี่เขามองฉันยิ้มๆ ฉันมองพวกพี่เขาอย่างงอนๆแล้วกลับตัวมานั่งมาตามเดิม หลังจากที่เหตุการณ์นั้นผ่านมาสักระยะก็ทำให้ฉันรู้ว่าจริงๆแล้วพี่ที่นั่งข้างๆกับฉันเขาชื่อเรียว จริงๆแล้วพี่เขาไม่ได้ดูน่ากลัวหรอกแค่พี่เขาชอบทำตัวให้ตัวเองดูน่าเกรงขามน่ากลัวไว้ข่มขวัญรุ่นน้องเล่นเฉยเฉย
"นี่เธอกำลังเหม่ออะไรอยู่หรอ" เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเบาะของฉันทำให้ฉันสะดุ้งโหยงฉันรู้ว่าคนที่พูดต้องเป็นรุ่นพี่หนึ่งในคนที่แกล้งฉันแน่ๆ "เอาน้ำส้มไหม" ฉันส่ายหัวให้แทนคำตอบถ้าฉันเผลอกินเข้าไปมีหวังไม่ท้องเสียก็สลบไปสักชั่วโมงแน่ๆ ฉันจะไม่ยอมโดนพี่เขาแกล้งรอบที่สองเป็นอันขาด แค่รอบแรกก็เล่นซะจนหัวใจฉันจะวาย "นี่พี่ไม่แกล้งเราหรอก รับไปกินดูก่อนสิค่อยตัดสิน" เมื่อรุ่นพี่เขาเห็นฉันไม่ยอมรับน้ำส้มจากมือจึงพูดต่อว่า "คือพี่เห็นเราตั้งแต่ขึ้นรถมายังไม่ได้กินไรเลยเป็นห่วงเดี่ยวเป็นลมเป็นแล้ง" เมื่อพูดจบพี่เขาก็พยายามยัดน้ำส้มในมือให้กับฉันคะยันคะยอให้ฉันยอมดื่มมันเข้าไป เมื่อมั่นใจว่าพี่เขาไม่แกล้งฉันอีกแน่ๆฉันเลยจิบน้ำส้มที่พี่เขาว่านิดหน่อย แต่เอ๊ะ!ทำไมมันรสชาติแปลกๆ ปรกติน้ำส้มมันจะต้องมีรสชาติเปรี้ยวกว่านี้อีกนิดและทำไมมันมีกลิ่นเหมือนไม่ใช่ส้ม
"เอ่อ...รุ่นพี่คะ นี่มันน้ำอะไรหรอคะ ทำไมมันมีรสชาติแปลกๆไม่เหมือนน้ำส้มทั่วไปเลย"
"เอ่อ...จริงๆแล้วนั้นไม่ใช่น้ำส้มหรอก มันคือน้ำแอปเปิลนะ แหะๆ" ฉันเบิกตาโพล่งทันที ไม่ได้ตกใจที่พี่เขาโกหกว่าเป็นน้ำส้มหรอกแต่ที่ฉันตกใจคือฉันดื่มน้ำแอปเปิลเข้าไป ความจริงคือฉันไม่สามารถที่จะดื่มน้ำแอปเปิลได้เพราะฉันมีอาการแพ้แอปเปิล
"นี่นิตา" เสียงเรียกของแก้วตาทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง
"มีอะไรหรอ" เสียงของแก้วตาที่ร้องเรียกเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วงปนความตกใจกลัว เมื่อฉันหันไปทางต้นเสียงก็พบว่ามีสายตาหลายคู่ที่กำลังจ้องมองมาทางฉันเหมือนเห็นตัวประหลาด โอ้ไม่ฉันเริ่มมึนๆที่หัวแล้วสิ
"ทำไมเธอถึงมีจุดแดงๆตามตัวแบบนั้น ปกเธอก็ซีดด้วย ไม่สบายหรอ" แก้วตาแทบจะเป็นลมเมื่อเห็นเพื่อนของเธอมีอาการแปลกๆ
"เอ่อ...คือว่า ฉัน อื้อ ฉันแพ้แอปเปิล"สิ้นเสียงฉันภาพต่างๆก็หมุนไปมาเสียงสุดท้ายที่เข้ามาในโสตประสาทก่อนที่ทุกอย่างจะตัดไปคือมีเสียงของเพื่อนๆที่แสดงความตกใจกับมีมือของใครบางคนที่คว้าตัวของฉันไว้
"นี่ยัยนี้เป็นอะไรมากรึเปล่า"
"เขาเป็นอะไรอะ"
"เขาจะฟื้นขึ้นมามั้ย"
"เราจะกลายเป็นผู้ต้องหาให้คนตายรึเปล่า"
"เธออาจจะเป็นลมไปมั้ง"
"เสียงของเพื่อนรวมคณะของฉันพูดกันในสติที่เริ่มจะกลับมา ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น ก็สังเกตได้ว่าเพื่อนๆทุกคนกำลังเป็นห่วงฉัน รุ่นพี่แต่ละคนกำลังมีสีหน้าเครียดวิตกกันทุกคน แก้วตากับไวกิ้งก็นั่งจับมือของฉันกุมไว้ด้วยความเป็นห่วง
"พี่เรียวคะ นิตาฟื้นแล้วค่ะ ยาที่พี่ฉีดให้นิตาได้ผลจริงๆด้วย" เสียงแก้วตาเรียกรุ่นพี่ด้วยความดีใจที่เพื่อนของตนฟื้นขึ้นมาหลังจากที่หลับไป2ชั่วโมง และทำไมต้องเรียกตารุ่นพี่โหดคนนั้นก่อนเพื่อนด้วยมีรุ่นพี่คนอื่นให้เรียกมากมาย
"ไงตัวเล็ก ยังปวดหัวอยู่ไหม" เสียงของชายหนุ่มที่พูดกับหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้คนอื่นๆ ฉันส่ายหัวให้กับพี่เขาเบาๆ จริงๆแล้วฉันยังมึนหัวอยู่นิดหน่อย
"นี่นิตา พี่ขอโทษนะ ที่พี่ทำให้นิตาได้รับอุบัติเหตุ"เสียงรุ่นพี่ที่พูดออกมาด้วยน้ำสียงปนความรู้สึกผิด เขาดีใจขึ้นมาได้เปราะหนึ่งที่นิตาฟื้นก่อนหน้านี้พี่เขาเป็นกังวลมากๆกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ สิ่งที่เขาพูดไปนี้เป็นวามรู้สึกที่ออกมาจากใจจริง "นิตาอย่าโกรธพี่นะ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นิตาไม่ถือโทษโกรธพี่หรอกนิตาเชื่อว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดเรื่อง พี่แค่ห่วงหนูอีกอย่างพี่ก็ไม่รู้ว่านิตาแพ้แอปเปิล อย่างน้อยเรื่องทั้งหมดน่าจะจบแล้วล่ะนิตาก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว" ถ้าให้ฉันรู้สึกโกรธพี่เขาฉันบอกเลยว่าฉันโกรธพี่เขาไม่ลงแน่ๆ และอีกอย่างมันแค่อุบัติเหตุไม่มีใครตั้งใจให้มันเกิด
"ใช่พี่อย่าโทษตัวเองเลย ไม่ต้องคิดมากหรอกนิตาก็ฟื้นแล้ว และต้องขอบคุณพี่เรียวด้วยถ้าไม่ได้พี่ช่วยป่านนี้คงต้องส่งตัวเพื่อนของหนูไปโรงพยาบาลนานแล้ว"
"ขอบคุณนะคะรุ่นพี่ แต่พี่ช่วยหนูยังไงหรอคะ"
"พอดีพี่มียาที่พกติดตัวไว้นะครับ น้องชายของพี่ก็มีอาการแพ้แอปเปิลแบบเดียวกันกับน้องพี่เลยพกติดตัวไว้ตลอด ต่อไปก็พกติดตัวไว้บ้างนะ จะได้ไม่เป็นอะไรมากรู้ไหม" อ่อที่แท้ก็แบบนี้นี้เอง

หลังจากที่พวกเราทั้งหมดมาถึงรีสอร์ทแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ กว่าจะถึงก็กินเวลาจนถึงตอนบ่าย4โมงเย็นซึ่งถือว่ามันเริ่มเย็นแล้ว พวกพี่ๆก็แจกกุญแจห้องให้โดยที่ห้องหนึ่งต่อสองคน ฉันได้อยู่ห้องเดียวกับแก้วตาส่วนตาไวกิ้งไม่รู้เพราะนายนั้นต้องไปอยู่กับผู้ชาย ฉันไม่แน่ใจว่าไวกิ้งมีเพื่อนผู้ชายไหมเพราะปรกติเห็นแต่สิงสู่อยู่กับฉันและแก้วตาแทบจะตลอดเวลา หลังจากที่รุ่นพี่ให้กุญแจห้องแล้วก็แจ้งรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับกิจกรรมที่จะเริ่มขึ้นในอีกวัน พี่ๆบอกว่าจะให้เวลาไปพักผ่อนทำธุระส่วนตัวให้เสร็จจะมีปาร์ตี้เล็กๆจัดขึ้นตอนหนึ่งทุ้มทำให้เหลือเวลาเหลืออยู่3ชั่วโมง ฉัน แก้วตา และไวกิ้งนัดกันว่าจะไปเดินเล่นถ่ายรูปกันเพื่อเป็นการฆ่าเวลา
"นิตา แต่งตัวเสร็จรึยัง เราไปกันเถอะเดี่ยวตาไวกิ้งจะรอเรานาน" แก้วตาอยู่ในชุดเดรสสีฟ้าที่ยาวลงมาคลุมเข่า ผมมัดรวบและเอียงไปทางด้ายซ้ายนิดหน่อย นั้นทำให้เพื่อนสาวของฉันน่ารักเอามากๆ แตกต่างกับฉันอย่างสิ้นเชิงที่อยู่ในเสื้อยืดตัวใหญ่สีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำ ซึ่งดูยังก็แตกต่างกับแก้วตามากๆ เราสองคนเดินคู่กันไปเพื่อไปจุดนัดพบที่นัดกันไว้กัยไวกิ้ง ในระหว่างทางก็มีสายตามากมายจับจ้องมาทางพวกเราแต่พวกเราก็ไม่มีใครสนใจเลยนอกจากมุ่งหน้าไปให้ถึงจุดนัดให้เร็วที่สุด
"นี่ สาวๆทำไมวันนี้พวกเธอสวยกันจัง" เสียงทักทายของชายหนุ่มเรียกหญิงสาวทั้งสองคน ถ้าไม่ติดที่ว่าแก้วตาใส่เดรสอยู่เธอคงถลาตัวไปถีบปากหมอนี่แน่ๆ ไวกิ้งแต่งตัวเรียบง่ายเหมือนกับฉันคือกางเกงยีนสีดำซีดกับเสื้อยืดสีขาว การแต่งตัวที่แสนจะเรียบง่ายของชายหนุ่มไม่สามารถปกปิดความหล่อของเจ้าตัวให้ลดน้อยลงเลย กลับยิ่งทำให้เด่นมากกว่าเดิม
"พึ่งรู้หรอ ฉันกับนิตาเราสวยกันแทบจะทุกวัน นายเอาตาไปไว้ไหนหรอ" แก้วตาตอบไวกิ้งไปอย่างกวนๆส่งผลให้เจ้าตัวหน้าเหวอขึ้นมาทันที
"พึ่งเห็นนี่แหละว่าเธอสวยปรกติก็เห็นนิตาสวยคนเดียว"
"อ๊ากกก ไอ้ไวไวควิก นายเองก็หล่อตายแหละ" สองคนนี้ชอบต่อล้อต่อเถียงกวนประสาทกันทุกวันแต่ไม่เคยถึงขั้นรุนแรง นี้ฉันลองนึกถึงวันที่สองคนนี้เขาไม่ทะเลาะกันถ้ามีวันนั้นจริงพระอาทิตย์คงได้ขึ้นตอนกลางคืนแน่ๆ
"เอ่อ...ไวแกพักพักอยู่กับใครหรอ" ฉันถามออกไปเมื่อสองคนนี้เริ่มกลับมาญาติดีกัน
"อ่อ รูมเมทของฉันนะหรอ" ฉันพยักหน้าให้กับคำถามของไวกิ้ง "พี่เรียวนะ" เอ๊ะ ทำไมหมอนี่ได้พี่เรียวเป็นรูมเมทละ แล้วทำไมเขาไม่ไปพักกับเพื่อนๆของเขา "สงสัยหรอทำไมพี่เขาถึงได้มาอยู่ห้องเดียวกับฉัน"
"ใช่ ทำไมพี่เขาไม่ไปอยู่กับเพื่อนๆ แต่กลับมาอยู่กับนาย" ฉันอธิบายข้อสงสัยของตัวเองให้ไวกิ้งฟัง
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันถ้าอยากรู้คงต้องไปถามเจ้าตัวดูแล้วละ" อ้าวไอ้นี้ กวนแค่ยัยแก้วตาคนเดียวไม่ได้รึไง เดี่ยวแม่ตบหน้าคว่ำซะเลย
"ฉันว่าเราไปเดินเล่นกันเถอะนี่ห้าโมงเย็นกว่าๆแล้วอีกเดี่ยวก็เย็นมากพวกเราจะได้แยกย้ายกันไปอาบน้ำเตรียมตัวกัน" หลังจากที่พวกเรายืนต่อล้อต่อเถียงกันพวกเราทั้งสามก็เดินไปยังจุดบริเวณต่างๆรอบรีสอร์ท และก็ถ่ายรูปกันสนุกสนานจนถีงเวลาหกโมงเย็นพวกเราก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่า
"นี่นิตา เธอว่าฉันควรใส่ชุดนี้หรือชุดนี้"
"ฉันว่าชุดไหนก็เหมาะกับเธอนะ"
"แต่ฉันต้องการชุดที่ดีที่สุด"
ก๊อกๆๆๆ "นี่สาวๆพวกเธอเสร็จรึยัง" เสียงของไวกิ้งที่มาตามเพื่อนสาวทั้งสองของตัวเอง
"รอแปปนึงนะไวกิ้ง" ฉันตะโกนออกไปเพราะตอนนี้แก้วตายังไม่สามารถที่จะเลือกชุดให้กับตัวเองได้ "ฉันว่าตัวนี้เหมาะสุดแล้ว รีบไปใส่เถอะตาไวรอพวกเราอยู่" ฉันตัดปัญหาให้เพื่อนตัวดีด้วยการเลือกเสื้อสักตัวให้แล้วพลักยัยนี้ให้รีไปแต่งตัวเร็วๆ



ยัยตัวร้ายในนิยาย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ส.ค. 2564, 11:20:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ส.ค. 2564, 11:20:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 157





<< พบเจอ   ใกล้ชิด >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account