แฟนเด็กพี่ภาคิน
เรื่องราวความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นเพราะผมเมาแล้วไปนั่งตักพี่เขา จากคนที่แอบชอบเงียบ ๆ จวนจะยอมแพ้แล้วเลิกชอบพี่เขาแล้วแต่พอได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ผมกลับรู้สึกดีมากขึ้น เอาละ ผมจะชอบพี่ต่อไปก็ได้พี่เบียร์
Tags: แฟนเด็กพี่ภาคิน นิยายวาย oncloud69
ตอน: เจอกันตอนเลิกรัก
EPISODE : 07 : เจอกันตอนเลิกรัก
"โอเคใช่ไหม" เพ้นส์ถามผมเมื่อเราเดินมาห้องสมุดก่อนจะเริ่มเรียนคาบบ่าย ยอมรับว่าคาบเรียนเมื่อเช้าผมอายมาก ก่อนจะหมดคาบอาจารย์ยังใจดีถามถึงผมอีก เพื่อนทั้งห้องเรียนพากันมอง บางคนก็ขำบางคนก็เป็นห่วง หวังว่าคาบหน้าคงไม่มีใครจดจำผมได้ก็แล้วกัน
"โอเคแล้ว ขอโทษนะที่ทำให้อายไปด้วย" ผมไม่ได้ตั้งใจให้เพ้นส์ต้องมาอายไปด้วย ตอนนั้นอารมณ์มันระเบิดจนผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพ้นส์โอบบ่าผมระหว่างเดินเข้าห้องสมุดของมหาลัย
'"ไม่เป็นไร แล้วนี่มีเรื่องอะไร ว่าจะถามตั้งแต่ตอนกินข้าวแล้วแต่ไม่มีโอกาสถามสักที" คนสงสัยถามผมขึ้น ผมถอนหายใจ ตั้งใจว่าจะปิดเป็นความลับแล้วแต่ทำให้เพื่อนเป็นห่วงมันก็ไม่สมควรปกปิด
"ก็แค่ อกหักมั้ง" ผมบอกด้วยน้ำเสียงเบาหวิว จะเรียกว่าอกหักได้ไหมผมก็ไม่แน่ใจ เราเดินเข้ามารับกุญแจกับประชาสัมพันธ์ก่อนจะเดินมายังโซนล็อกเกอร์เพ้นส์เปิดล็อกเกอร์แล้วหยิบเอากระเป๋าใส่เข้าไป
"อกหักกับใคร รักมีแฟนด้วยเหรอ" เพื่อนหันมาถาม เพราะผมไม่เคยพูดถึงด้วยละมั้งเพ้นส์เลยไม่รู้ว่าผมมีคนที่แอบรักอยู่ด้วย ผมหยิบกระเป๋าใส่ล็อกเกอร์แล้วล็อกกุญแจ
"ก็แค่แอบรักข้างเดียว" เพ้นส์พยักหน้าเหมือนจะรู้เรื่องมาก่อน เพราะเพื่อนไม่ได้มีท่าทีแปลกใจที่ได้ยินผมพูดอย่างนั้น เพื่อนเดินมาใกล้ผม
"อ้อ พี่เบียร์สินะ"
"เฮ้ย เพ้นส์รู้ได้ไง" ผมตกใจที่เพื่อนไม่ใช่แค่รู้ว่าผมมีความรักแต่รู้ด้วยว่าผมแอบรักใครอยู่ เป็นไปได้ยังไง ผมไม่เคบอกใครนอกจากเพื่อนรักอย่างนายโนและลูกแพร์
"ก็ไม่เห็นจะดูยากตรงไหน เวลาทำงานที่ร้านเฮียโซดาทุกคืนรักชอบมองพี่เบียร์หนิ แค่นี่เราก็ดูออกอยู่แล้ว" ผมเม้มปากตัวเอง กำลังนึกอยู่ว่าเวลาตัวเองอยู่ที่ร้านพี่โซดาผมทำตัวยังไงทำไมเพื่อนคนนี้ถึงได้ดูออก
"อ้อ" เพ้นส์เดิน ผมก็เดินไปกับเพื่อนด้วย มีนักศึกษาหลายคนมาใช้บริการห้องสมุดในช่วงเที่ยงผมกับเพ้นส์เลยต้องกระซิบคุยกันเพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่น เราเข้ามายังห้องสมุดแสนกว้างโดยเลือกจะขึ้นบันไดมายังชั้นสองก่อน
"ชอบพี่เบียร์เขามากเหรอรัก" ผมคว้าจับมือเพื่อนเพราะรู้สึกจะลื่นล้ม โชคดีที่เพ้นส์ก็จับมือผมไว้ได้ทัน เกือบไปแล้ว ผมเอาแต่เหม่อจนมองไม่ดูทางไงเลยเกือบสะดุดบันได
"ระวัง" เพ้นส์แอบดุผ่านสีหน้า
"จริง ๆ ก็ไม่ได้แค่ชอบ แต่รักเลยแหละ" ความรู้สึกของผมมันบอกว่าเกินกว่าการแอบชอบ แอบปลื้มแล้ว เดินมาถึงชั้นสองเพ้นส์เลือกโต๊ะให้เราได้นั่งพักกันก่อน
"ถ้ารักก็แล้วทำไมไม่ไปสารภาพให้พี่เขารู้ล่ะ เท่าที่รู้มาพี่เบียร์ก็ไม่ได้คบกับใครจริง ๆ จัง ๆ สักหน่อยแล้วรักจะอกหักจากพี่เขาได้ยังไง"
"..." ผมถอนหายใจอีกครั้ง เพ้นส์พูดเหมือนว่ามันเป็นเรื่องง่ายดาย
"หรือว่าสารภาพรักไปแล้วแต่พี่เขาปฏิเสธ" ผมหลบสายตาของเพื่อนที่จ้องมองผมราวกับกำลังขอคำตอบ เพ้นส์เท้าคางบนโต๊ะและมองผมด้วยความสงสัย ผมเกาหัวตัวเองเรื่องสารภาพเป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับผม
"ไม่กล้าหรอกแต่รักรู้ตัวดีว่าพี่เบียร์ไม่มองกันอยู่แล้ว ให้คิดอะไรด้วยก็คงเป็นไปไม่ได้" ความสัมพันธ์ของผมกับพี่เบียร์แถบจะเป็นศูนย์ ก็ถ้าหากผมเป็นคนมั่นใจในตัวเองไปแล้วป่านนี้ก็คงไม่ได้เป็นแค่คนแอบรักพี่เบียร์ข้างเดียวหรอก ผมวางแขนแล้วล้มตัวนอน ห้องสมุดอากาศเย็นน่าอยู่
"อย่าเพิ่งคิดเองไปสิ ทำไมไม่ลองบอกความรู้สึกออกไปก่อนถ้าพี่เขาปฏิเสธรักค่อยมาเสียใจทีหลังก็ได้" เพ้นส์แนะนำ ผมได้ยินคำแนะนำอย่างนี้จากทุกคน แต่ผมทำไม่ได้ ผมมันขี้คลาด
"ไม่ไหวหรอก รักไม่ใช่คนใจกล้าขนาดนั้นเพ้นส์ก็รู้จักรักดี" เพ้นส์เป็นคนมั่นใจในตัวเองและแสดงออกเก่งกว่าผม เรื่องให้ไปสารภาพความรู้สึกของตัวเองเพ้นส์คงทำได้เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
"ให้เราไปบอกพี่เขาเอาไหม" เพ้นส์เสนอ ผมลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วรีบห้าม
"ไม่เอา ๆ รักจะเลิกรักพี่เขาแล้ว" ผมตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ และผมกำลังพยายามอยู่ ผมเข้าใจว่าเพ้นส์คงหวังดีอยากจะช่วยแต่ผมกำลังจะเลิกรักพี่เบียร์แล้ว
"จะทำได้เหรอเนี่ย"
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่วันนี้นับเป็นวันแรกของการเลิกรักแล้ว" เพ้นส์ลุกขึ้นยื่นมือมาตบบ่าให้กำลังใจ ขอบคุณเพื่อนที่ยังรักกันเสมอ
"ถ้ามั่นใจว่าจะเลิกรัก งั้นก็อย่าลังเล อย่าทำให้ตัวเองต้องด้อยค่านะ รักยังมีคนที่รักอีกมากหนึ่งในนั้นก็คือเรา" ผมยิ้มกับคำพูดของเพื่อน ได้ยินเพื่อนพูดแล้วชื้นใจ ชีวิตจะขาดพี่เบียร์ไปก็ยังมีเพื่อนที่รักอยู่กันครบเหมือนเดิม
"ขอบคุณครับ"
"เรื่องแค่นี้เอง เราก็เพื่อนกันด้วย" ผมแอบเห็นเพ้นส์เขินเล็กน้อย "เราไปหาหนังสือองค์ประกอบสีแปปนึง รักรอนี่ก่อนนะเดี๋ยวมา"
"รักขอไปหานิยายยืมไปอ่านที่ห้องดีกว่า" เราสองคนเดินไปยังโซนหนังสือที่ต้องการ
"พี่เบียร์" เดินเลือกได้ครู่เดียวผมก็เหลือบไปเห็นคนทผมกำลังจะเลิกรักเขา พี่เบียร์มาอยู่ที่ห้องสมุดเดียวกับผม
หัวใจผมเต้นดังขึ้นกว่าเดิม ผมกุมหัวใจไม่รักดี จะไปตื่นเต้นทำไม เขาก็แค่พี่เบียร์ คนที่ผมกำลังจะเลิกรัก อย่าหวั่นไหวเด็ดขาด
ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทำเป็นแกล้งว่าตัวเองไม่ได้เจอพี่เบียร์แต่สายตาก็เอาแต่มองพี่เบียร์ผ่านช่องหนังสือเล็ก ๆ พอพี่เบียร์เดิน สองเท้าผมก็ขยับตาม นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่
"พี่เบียร์ยิ้มน่ารักมากเลย" ผมเผลอชมคนตัวโตอย่างลืมตัว มือก็ยกขึ้นปิดปากเจ้ากรรม จะไปชมคนที่ทำให้ผมเสียน้ำตาทั้งคืนทำไม
"I have สติ ตั้งสติหน่อยรัก!" ผมยืนพูดกับตัวเองอยู่อย่างนั้น นักศึกษาที่เดินผ่านก็ต่างมองผมด้วยสายตาประหลาด
"อ้าว"
"อุ้ย" ผมตกใจที่เจอพี่เบียร์เดินมายังล็อกหนังสือที่ผมยืน พี่เบียร์ยิ้มให้ผมกำลังจะยิ้มให้อยู่แล้วแต่แล้วก็มีพี่ผู้หญิงคนนั้นมาเกาะแขนพี่เบียร์ ผมหันหลังหนีภาพบาดตาทันที มหาลัยตั้งกว้างทำไมต้องมาเจอกันตอนนี้ด้วย ผมอยากร้องไห้แล้ว
สรุปพี่เบียร์คบหากับพี่ผู้หญิงคนนี้แล้วใช่ไหม
"รัก ได้หนังสือยัง" เหมือนเสียงสวรรค์มาโปรด โชคดีที่ผมได้ยินเพ้นส์เรียก ผมมองเพื่อนพร้อมกับเดินไปหาเพราะไม่อยากให้เพ้นส์รู้ว่าผมเจอพี่เบียร์
"ยังเลย แต่ไปกันเถอะไม่มีเรื่องสนุกให้อ่านนะ" ผมดันแผ่นหลังเพื่อนให้เดินแต่เพ้นส์สงสัย
"รีบอะไรขนาดนั้น ทำไม มีอะไรเหรอรัก" คนสงสัยหันไปมองก็พบพี่เบียร์เข้า ผมก็บอกแล้วว่าไม่รู้จะดีกว่า เพ้นส์มองพี่เบียร์แล้วจับมือผมแน่น
"เชี่ย พี่เบียร์มาอยู่นี่ได้ไง" เพื่อนกระซิบถาม ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบ
"ไปเถอะ" ผมไม่อยากเจอหน้าและคุยกับพี่เบียร์ทั้งที่ตายังบวม
"เออ ๆ" เราสองคนรีบเดินไปลงไปยังชั้นหนึ่ง ผมมายืนรอเพ้นส์ยืมหนังสือที่ล็อกเกอร์โดยที่ไม่รู้ว่าพี่เบียร์ตามผมมา จังหวะที่ผมเหยียบเชือกรองเท้าตัวเองเกือบจะล้มเพราะความเซนั้นพี่เบียร์ก็เข้ามาช่วยประคองตัวผมไว้ได้ทัน
ผมใจเต้นเพราะกลัวจังหวะจะล้มหน้าทิ่มโชคดีที่พี่เขาช่วยไว้ได้ทัน ผมสะบัดหนีแล้วเปิดล็อกเกอร์ตัวเอง พี่เขาคงไม่รู้หรอกมั้งว่าผมกำลังหนีเขาอยู่
พี่เบียร์ขยับมายืนข้างกาย ผมกลั้นหายใจทุกก้าวจังหวะที่พี่เบียร์มาใกล้ จะมาทำให้ใจเต้นรัวทำไมเอาตอนที่ผมกำลังจะเลิอกรักพี่เขา พี่เบียร์เปิดตู้ล็อกเกอร์ข้างผมเลย อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น
"มีเรียนต่อหรือครับ" พี่เขาถาม ผมก็ขานตอบเบา ๆ มันตื่นเต้นไปหมด พี่เบียร์จะขยันยิ้มไปไหน ผมยิ่งชอบมองเวลาพี่เบียร์ยิ้มด้วย
"ครับ"
"เรื่องเสื้อถ้าน้องหนูว่างก็ทักไลน์มาบอกนะครับ" พี่เขาบอก
"ครับ" ผมอึดอัดใจเพราะอยากร้องไห้อีกรอบ และเผลอทำปากกาหล่นจากกระเป๋าพี่เบียร์ก้มลงช่วยหยิบพร้อมกับผูกเชือกรองเท้าที่หลุดรุ่ยให้แน่นกว่าเดิม ผมมองกลุ่มผมของคนใจดี ถ้าเป็นแฟนให้ไม่ได้ได้โปรดอย่าทำให้ผมหลงรักเขาอีกเลย
"รัก ไปกันเถอะ" เพ้นส์เดินมาถึงแล้วช่วยผมสุด ๆ มือของเพื่อนฉุดผมให้เดินออกมา ผมไม่ได้บอกลาพี่เบียร์เพราะได้แต่เดินตามเพื่อน
"อะไรเนี่ยพอบอกจะเลิกรักก็เจอกันเลย รักโอเคนะ"
"ไม่เลย รักว่าเมื่อกี้รักตกหลุมรักพี่เบียร์อีกแล้วละ" เพ้นส์จับบ่าผมทั้งสองข้างแล้วเขย่าตัวเบา ๆ เพื่อให้ผมเรียกสติกลับมา ผมโดนเพื่อนลากไปยังตึกคณะเพื่อรอเรียนคาบต่อไป
"เมื่อกี้พี่เบียร์เขา-" ผมอยากอวยพี่เบียร์ให้เพื่อนฟังทั้งวัน
"มันเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้นเองรัก จำไว้นะว่าเมื่อกี้แค่ภาพลวงตา" แต่ผมว่ามันคือเรื่องจริงที่โรแมนติกสุด ๆ พี่เบียร์ของผมเหมือนเทพบุตรเอามาก ๆ ผมไม่แน่ใจแล้วว่าผมจะเลิกรักพี่เบียร์ได้หรือเปล่า
ทำไมการจะเลิกรักใครสักคนถึงได้มีแต่ความโลเลเข้ามาแทบทุกวินาที
"แต่พี่เบียร์ผูกเชือกรองเท้าให้รักเลยนะ โอ๊ย" ผมโดนเพ้นส์ดีดหน้าผากซะแรง ทำไมต้องใช้ความรุนแรงกันด้วยเพ้นส์ชักจะนิสัยเสียเหมือนพี่เทคของผมแล้วนะ ผมลูบหน้าผากแดงของตัวเอง ตอนนี้หัวใจกำลังอิ่มเอมผมไม่รู้สึกเจ็บหรอก ต่อให้เพ้นส์ดีดหน้าผากผมอีกกี่ครั้งผมก็ไม่เจ็บหรอก
"โอเคใช่ไหม" เพ้นส์ถามผมเมื่อเราเดินมาห้องสมุดก่อนจะเริ่มเรียนคาบบ่าย ยอมรับว่าคาบเรียนเมื่อเช้าผมอายมาก ก่อนจะหมดคาบอาจารย์ยังใจดีถามถึงผมอีก เพื่อนทั้งห้องเรียนพากันมอง บางคนก็ขำบางคนก็เป็นห่วง หวังว่าคาบหน้าคงไม่มีใครจดจำผมได้ก็แล้วกัน
"โอเคแล้ว ขอโทษนะที่ทำให้อายไปด้วย" ผมไม่ได้ตั้งใจให้เพ้นส์ต้องมาอายไปด้วย ตอนนั้นอารมณ์มันระเบิดจนผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพ้นส์โอบบ่าผมระหว่างเดินเข้าห้องสมุดของมหาลัย
'"ไม่เป็นไร แล้วนี่มีเรื่องอะไร ว่าจะถามตั้งแต่ตอนกินข้าวแล้วแต่ไม่มีโอกาสถามสักที" คนสงสัยถามผมขึ้น ผมถอนหายใจ ตั้งใจว่าจะปิดเป็นความลับแล้วแต่ทำให้เพื่อนเป็นห่วงมันก็ไม่สมควรปกปิด
"ก็แค่ อกหักมั้ง" ผมบอกด้วยน้ำเสียงเบาหวิว จะเรียกว่าอกหักได้ไหมผมก็ไม่แน่ใจ เราเดินเข้ามารับกุญแจกับประชาสัมพันธ์ก่อนจะเดินมายังโซนล็อกเกอร์เพ้นส์เปิดล็อกเกอร์แล้วหยิบเอากระเป๋าใส่เข้าไป
"อกหักกับใคร รักมีแฟนด้วยเหรอ" เพื่อนหันมาถาม เพราะผมไม่เคยพูดถึงด้วยละมั้งเพ้นส์เลยไม่รู้ว่าผมมีคนที่แอบรักอยู่ด้วย ผมหยิบกระเป๋าใส่ล็อกเกอร์แล้วล็อกกุญแจ
"ก็แค่แอบรักข้างเดียว" เพ้นส์พยักหน้าเหมือนจะรู้เรื่องมาก่อน เพราะเพื่อนไม่ได้มีท่าทีแปลกใจที่ได้ยินผมพูดอย่างนั้น เพื่อนเดินมาใกล้ผม
"อ้อ พี่เบียร์สินะ"
"เฮ้ย เพ้นส์รู้ได้ไง" ผมตกใจที่เพื่อนไม่ใช่แค่รู้ว่าผมมีความรักแต่รู้ด้วยว่าผมแอบรักใครอยู่ เป็นไปได้ยังไง ผมไม่เคบอกใครนอกจากเพื่อนรักอย่างนายโนและลูกแพร์
"ก็ไม่เห็นจะดูยากตรงไหน เวลาทำงานที่ร้านเฮียโซดาทุกคืนรักชอบมองพี่เบียร์หนิ แค่นี่เราก็ดูออกอยู่แล้ว" ผมเม้มปากตัวเอง กำลังนึกอยู่ว่าเวลาตัวเองอยู่ที่ร้านพี่โซดาผมทำตัวยังไงทำไมเพื่อนคนนี้ถึงได้ดูออก
"อ้อ" เพ้นส์เดิน ผมก็เดินไปกับเพื่อนด้วย มีนักศึกษาหลายคนมาใช้บริการห้องสมุดในช่วงเที่ยงผมกับเพ้นส์เลยต้องกระซิบคุยกันเพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่น เราเข้ามายังห้องสมุดแสนกว้างโดยเลือกจะขึ้นบันไดมายังชั้นสองก่อน
"ชอบพี่เบียร์เขามากเหรอรัก" ผมคว้าจับมือเพื่อนเพราะรู้สึกจะลื่นล้ม โชคดีที่เพ้นส์ก็จับมือผมไว้ได้ทัน เกือบไปแล้ว ผมเอาแต่เหม่อจนมองไม่ดูทางไงเลยเกือบสะดุดบันได
"ระวัง" เพ้นส์แอบดุผ่านสีหน้า
"จริง ๆ ก็ไม่ได้แค่ชอบ แต่รักเลยแหละ" ความรู้สึกของผมมันบอกว่าเกินกว่าการแอบชอบ แอบปลื้มแล้ว เดินมาถึงชั้นสองเพ้นส์เลือกโต๊ะให้เราได้นั่งพักกันก่อน
"ถ้ารักก็แล้วทำไมไม่ไปสารภาพให้พี่เขารู้ล่ะ เท่าที่รู้มาพี่เบียร์ก็ไม่ได้คบกับใครจริง ๆ จัง ๆ สักหน่อยแล้วรักจะอกหักจากพี่เขาได้ยังไง"
"..." ผมถอนหายใจอีกครั้ง เพ้นส์พูดเหมือนว่ามันเป็นเรื่องง่ายดาย
"หรือว่าสารภาพรักไปแล้วแต่พี่เขาปฏิเสธ" ผมหลบสายตาของเพื่อนที่จ้องมองผมราวกับกำลังขอคำตอบ เพ้นส์เท้าคางบนโต๊ะและมองผมด้วยความสงสัย ผมเกาหัวตัวเองเรื่องสารภาพเป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับผม
"ไม่กล้าหรอกแต่รักรู้ตัวดีว่าพี่เบียร์ไม่มองกันอยู่แล้ว ให้คิดอะไรด้วยก็คงเป็นไปไม่ได้" ความสัมพันธ์ของผมกับพี่เบียร์แถบจะเป็นศูนย์ ก็ถ้าหากผมเป็นคนมั่นใจในตัวเองไปแล้วป่านนี้ก็คงไม่ได้เป็นแค่คนแอบรักพี่เบียร์ข้างเดียวหรอก ผมวางแขนแล้วล้มตัวนอน ห้องสมุดอากาศเย็นน่าอยู่
"อย่าเพิ่งคิดเองไปสิ ทำไมไม่ลองบอกความรู้สึกออกไปก่อนถ้าพี่เขาปฏิเสธรักค่อยมาเสียใจทีหลังก็ได้" เพ้นส์แนะนำ ผมได้ยินคำแนะนำอย่างนี้จากทุกคน แต่ผมทำไม่ได้ ผมมันขี้คลาด
"ไม่ไหวหรอก รักไม่ใช่คนใจกล้าขนาดนั้นเพ้นส์ก็รู้จักรักดี" เพ้นส์เป็นคนมั่นใจในตัวเองและแสดงออกเก่งกว่าผม เรื่องให้ไปสารภาพความรู้สึกของตัวเองเพ้นส์คงทำได้เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
"ให้เราไปบอกพี่เขาเอาไหม" เพ้นส์เสนอ ผมลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วรีบห้าม
"ไม่เอา ๆ รักจะเลิกรักพี่เขาแล้ว" ผมตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ และผมกำลังพยายามอยู่ ผมเข้าใจว่าเพ้นส์คงหวังดีอยากจะช่วยแต่ผมกำลังจะเลิกรักพี่เบียร์แล้ว
"จะทำได้เหรอเนี่ย"
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่วันนี้นับเป็นวันแรกของการเลิกรักแล้ว" เพ้นส์ลุกขึ้นยื่นมือมาตบบ่าให้กำลังใจ ขอบคุณเพื่อนที่ยังรักกันเสมอ
"ถ้ามั่นใจว่าจะเลิกรัก งั้นก็อย่าลังเล อย่าทำให้ตัวเองต้องด้อยค่านะ รักยังมีคนที่รักอีกมากหนึ่งในนั้นก็คือเรา" ผมยิ้มกับคำพูดของเพื่อน ได้ยินเพื่อนพูดแล้วชื้นใจ ชีวิตจะขาดพี่เบียร์ไปก็ยังมีเพื่อนที่รักอยู่กันครบเหมือนเดิม
"ขอบคุณครับ"
"เรื่องแค่นี้เอง เราก็เพื่อนกันด้วย" ผมแอบเห็นเพ้นส์เขินเล็กน้อย "เราไปหาหนังสือองค์ประกอบสีแปปนึง รักรอนี่ก่อนนะเดี๋ยวมา"
"รักขอไปหานิยายยืมไปอ่านที่ห้องดีกว่า" เราสองคนเดินไปยังโซนหนังสือที่ต้องการ
"พี่เบียร์" เดินเลือกได้ครู่เดียวผมก็เหลือบไปเห็นคนทผมกำลังจะเลิกรักเขา พี่เบียร์มาอยู่ที่ห้องสมุดเดียวกับผม
หัวใจผมเต้นดังขึ้นกว่าเดิม ผมกุมหัวใจไม่รักดี จะไปตื่นเต้นทำไม เขาก็แค่พี่เบียร์ คนที่ผมกำลังจะเลิกรัก อย่าหวั่นไหวเด็ดขาด
ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทำเป็นแกล้งว่าตัวเองไม่ได้เจอพี่เบียร์แต่สายตาก็เอาแต่มองพี่เบียร์ผ่านช่องหนังสือเล็ก ๆ พอพี่เบียร์เดิน สองเท้าผมก็ขยับตาม นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่
"พี่เบียร์ยิ้มน่ารักมากเลย" ผมเผลอชมคนตัวโตอย่างลืมตัว มือก็ยกขึ้นปิดปากเจ้ากรรม จะไปชมคนที่ทำให้ผมเสียน้ำตาทั้งคืนทำไม
"I have สติ ตั้งสติหน่อยรัก!" ผมยืนพูดกับตัวเองอยู่อย่างนั้น นักศึกษาที่เดินผ่านก็ต่างมองผมด้วยสายตาประหลาด
"อ้าว"
"อุ้ย" ผมตกใจที่เจอพี่เบียร์เดินมายังล็อกหนังสือที่ผมยืน พี่เบียร์ยิ้มให้ผมกำลังจะยิ้มให้อยู่แล้วแต่แล้วก็มีพี่ผู้หญิงคนนั้นมาเกาะแขนพี่เบียร์ ผมหันหลังหนีภาพบาดตาทันที มหาลัยตั้งกว้างทำไมต้องมาเจอกันตอนนี้ด้วย ผมอยากร้องไห้แล้ว
สรุปพี่เบียร์คบหากับพี่ผู้หญิงคนนี้แล้วใช่ไหม
"รัก ได้หนังสือยัง" เหมือนเสียงสวรรค์มาโปรด โชคดีที่ผมได้ยินเพ้นส์เรียก ผมมองเพื่อนพร้อมกับเดินไปหาเพราะไม่อยากให้เพ้นส์รู้ว่าผมเจอพี่เบียร์
"ยังเลย แต่ไปกันเถอะไม่มีเรื่องสนุกให้อ่านนะ" ผมดันแผ่นหลังเพื่อนให้เดินแต่เพ้นส์สงสัย
"รีบอะไรขนาดนั้น ทำไม มีอะไรเหรอรัก" คนสงสัยหันไปมองก็พบพี่เบียร์เข้า ผมก็บอกแล้วว่าไม่รู้จะดีกว่า เพ้นส์มองพี่เบียร์แล้วจับมือผมแน่น
"เชี่ย พี่เบียร์มาอยู่นี่ได้ไง" เพื่อนกระซิบถาม ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบ
"ไปเถอะ" ผมไม่อยากเจอหน้าและคุยกับพี่เบียร์ทั้งที่ตายังบวม
"เออ ๆ" เราสองคนรีบเดินไปลงไปยังชั้นหนึ่ง ผมมายืนรอเพ้นส์ยืมหนังสือที่ล็อกเกอร์โดยที่ไม่รู้ว่าพี่เบียร์ตามผมมา จังหวะที่ผมเหยียบเชือกรองเท้าตัวเองเกือบจะล้มเพราะความเซนั้นพี่เบียร์ก็เข้ามาช่วยประคองตัวผมไว้ได้ทัน
ผมใจเต้นเพราะกลัวจังหวะจะล้มหน้าทิ่มโชคดีที่พี่เขาช่วยไว้ได้ทัน ผมสะบัดหนีแล้วเปิดล็อกเกอร์ตัวเอง พี่เขาคงไม่รู้หรอกมั้งว่าผมกำลังหนีเขาอยู่
พี่เบียร์ขยับมายืนข้างกาย ผมกลั้นหายใจทุกก้าวจังหวะที่พี่เบียร์มาใกล้ จะมาทำให้ใจเต้นรัวทำไมเอาตอนที่ผมกำลังจะเลิอกรักพี่เขา พี่เบียร์เปิดตู้ล็อกเกอร์ข้างผมเลย อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น
"มีเรียนต่อหรือครับ" พี่เขาถาม ผมก็ขานตอบเบา ๆ มันตื่นเต้นไปหมด พี่เบียร์จะขยันยิ้มไปไหน ผมยิ่งชอบมองเวลาพี่เบียร์ยิ้มด้วย
"ครับ"
"เรื่องเสื้อถ้าน้องหนูว่างก็ทักไลน์มาบอกนะครับ" พี่เขาบอก
"ครับ" ผมอึดอัดใจเพราะอยากร้องไห้อีกรอบ และเผลอทำปากกาหล่นจากกระเป๋าพี่เบียร์ก้มลงช่วยหยิบพร้อมกับผูกเชือกรองเท้าที่หลุดรุ่ยให้แน่นกว่าเดิม ผมมองกลุ่มผมของคนใจดี ถ้าเป็นแฟนให้ไม่ได้ได้โปรดอย่าทำให้ผมหลงรักเขาอีกเลย
"รัก ไปกันเถอะ" เพ้นส์เดินมาถึงแล้วช่วยผมสุด ๆ มือของเพื่อนฉุดผมให้เดินออกมา ผมไม่ได้บอกลาพี่เบียร์เพราะได้แต่เดินตามเพื่อน
"อะไรเนี่ยพอบอกจะเลิกรักก็เจอกันเลย รักโอเคนะ"
"ไม่เลย รักว่าเมื่อกี้รักตกหลุมรักพี่เบียร์อีกแล้วละ" เพ้นส์จับบ่าผมทั้งสองข้างแล้วเขย่าตัวเบา ๆ เพื่อให้ผมเรียกสติกลับมา ผมโดนเพื่อนลากไปยังตึกคณะเพื่อรอเรียนคาบต่อไป
"เมื่อกี้พี่เบียร์เขา-" ผมอยากอวยพี่เบียร์ให้เพื่อนฟังทั้งวัน
"มันเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้นเองรัก จำไว้นะว่าเมื่อกี้แค่ภาพลวงตา" แต่ผมว่ามันคือเรื่องจริงที่โรแมนติกสุด ๆ พี่เบียร์ของผมเหมือนเทพบุตรเอามาก ๆ ผมไม่แน่ใจแล้วว่าผมจะเลิกรักพี่เบียร์ได้หรือเปล่า
ทำไมการจะเลิกรักใครสักคนถึงได้มีแต่ความโลเลเข้ามาแทบทุกวินาที
"แต่พี่เบียร์ผูกเชือกรองเท้าให้รักเลยนะ โอ๊ย" ผมโดนเพ้นส์ดีดหน้าผากซะแรง ทำไมต้องใช้ความรุนแรงกันด้วยเพ้นส์ชักจะนิสัยเสียเหมือนพี่เทคของผมแล้วนะ ผมลูบหน้าผากแดงของตัวเอง ตอนนี้หัวใจกำลังอิ่มเอมผมไม่รู้สึกเจ็บหรอก ต่อให้เพ้นส์ดีดหน้าผากผมอีกกี่ครั้งผมก็ไม่เจ็บหรอก

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ย. 2564, 19:22:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ย. 2564, 19:22:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 508
<< อยู่ในโหมดทำใจ | ยิ่งหนียิ่งเจอกันตลอด >> |