แฟนเด็กพี่ภาคิน
เรื่องราวความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นเพราะผมเมาแล้วไปนั่งตักพี่เขา จากคนที่แอบชอบเงียบ ๆ จวนจะยอมแพ้แล้วเลิกชอบพี่เขาแล้วแต่พอได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ผมกลับรู้สึกดีมากขึ้น เอาละ ผมจะชอบพี่ต่อไปก็ได้พี่เบียร์
Tags: แฟนเด็กพี่ภาคิน นิยายวาย oncloud69
ตอน: ออกกำลังกายด้วยกัน
EPISODE : 31 ออกกำลังกายด้วยกัน
"ตื่นได้แล้วครับ ไหนบอกจะไปออกกำลังกายกับพี่ไงครับน้องหนู" เสียงปลุกแสนหวานไม่ได้ช่วยให้อยากลุกจากที่นอน ผมงอแงเพราะไม่อยากลุกจากเตียงแต่เช้า ก็เมื่อคืนเล่นนอนดึกเช้านี้จึงขี้เกียจลุก
"ทำไมเวลานอนแป๊ปเดียวเองล่ะครับ รักยังนอนไม่เต็มอิ่มเลย" บอกพี่เบียร์พลางกอดคนตัวโต เมื่อคืนเรานอนด้วยกัน ผมเล่าเรื่องที่น้องเจ้าขาแกล้งผมตอนเด็กให้พี่เบียร์ฟังจนเผลอหลับไป
"สำหรับน้องหนูนอนทั้งวันก็นอนไม่อิ่มครับ"
"พี่เบียร์อะ" โดนแซวเรื่องจริงเข้าหน่อยผมก็ค้อนใส่ "รักตื่นก็ได้ครับ แต่อุ้มไปส่งห้องน้ำหน่อยสิครับ" อ้าแขนรอจนคนมองอดใจไม่ไหวก้มลงฟัดแก้ม
"ค่ามัดจำครับ" พี่เบียร์บอกหลังได้เอาค่ามัดจำไปแล้ว
"พี่เบียร์ขี้แกล้ง" บอกอย่างนั้นแต่ก็ยิ้มชอบแหละที่โดนพี่เบียร์หอมแก้ม
"ค่ามัดจำได้แล้วแล้วของรางวัลล่ะครับ"
"ของรางวัลตอบแทนต้องให้หลังจากทำงานเสร็จครับ" ผมลุกขึ้นนั่งพิงไหล่พี่เบียร์อย่างอิดออด อยากไปออกกำลังกับพี่เบียร์ก็อยาก แต่ง่วงนอนผมอยากนอนต่อรอให้แสงอาทิตย์ขึ้นทักทายมาก่อน "แต่รักง่วง"
"น้องหนูไม่ไปพี่ก็ไม่ว่านะครับ"
"อือ อยากไปด้วย รักอยากเห็นพี่บียร์ออกกำลังกายเท่ ๆ"
"ฮา ๆ นั่นเหรอเหตุผลของเราน่ะ"
"ก็แค่นี้แหละ พี่เบียร์เป็นเหตุผลของรักทุกอย่างแหละครับ" ตายแล้ว ผมกลายเป็นคนช่างกล้าพูดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พอเห็นหน้าพี่เบียร์กับผมยุ่ง ๆ แล้วเรื่องที่เฮียโซดาส่งรูปในวัยเด็กของพี่เบียร์ก็ผุดเข้ามาในหัวจนเขาอดขำไม่ได้ พี่เบียร์ตอนเด็กถูกคุณแม่จับแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์แล้วน่ารักมาก เขาจะบอกพี่เบียร์เรื่องนี้ไม่ได้เพราะมันเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ได้มาจากเฮียโซดาเวลาที่ถูกขอร้องให้ช่วยงานที่ร้าน
คนปลุกขมวดคิ้วสงสัย "ขำเรื่องอะไรครับ"
"ก็มีเรื่องให้ยิ้มครับ อุ้มไปแปรงฟันหน่อยนะครับ" ผมอ้อนแล้วกอดคอของพี่เบียร์ ไม่รู้ทำไมพอเป็นพี่เบียร์ผมจึงได้ชอบอ้อนหนักทั้งที่อยู่กับพี่น้องตัวเองผมไม่ค่อยจะกล้า
"ก็ได้ครับ" พี่เบียร์อุ้มลูกลิงอย่างผมพามาเข้าห้องน้ำ ตัวผมถูกวางให้นั่งบนเคาน์เตอร์
"ขอบคุณครับ"
"ยินดีครับ"
"อะ" และแล้วรางวัลตอบแทนก็ถูกเรียกเก็บอีก "พี่เบียร์อีกแล้วนะครับ" พี่เบียร์ฉวยโอกาสหอมแก้มผมอีกครั้ง
"รอบนี้พี่ตั้งใจครับ"
"ไม่คุยด้วยแล้ว" จะตั้งใจหรือจะแกล้งเรียกค่าตอบแทนผมก็เขินทั้งนั้น เราสองคนแปรงฟันกันหยอกล้อกันมีความสุขรับยามเช้า
จนกระทั่งแต่งตัวพร้อมผมก็รู้สึกตาสว่าง เมื่อถึงสวนสาธารณะ แดดยามเช้ายังไม่ร้อนมาก เช้านี้ท้องฟ้าแจ่มใสผมทำตามที่พี่เบียร์แนะนำนั่นคือการวอร์มอัพร่างกายก่อนเริ่มออกวิ่ง
"คนตื่นกันมาออกกำลังกายเยอะจังเลยนะครับ" ผมชวนคุยระหว่างยืดแขนยืดขาทำตามพี่เบียร์
"ปกตินะครับ" สำหรับพี่เบียร์แล้วกวาดตามองก็เจอคนรักสุขภาพที่หมั่นมาออกกำลังกายทุกวันอย่างคุ้นตา สาวหลายคนที่มาวิ่งต่างหันมายิ้มหวานทอดสะพานใส่ ผมหันมองพี่เบียร์ คนรู้ตัวรีบตอบคลายความสงสัยทันที
"พี่มาออกกำลังกายเท่านั้นครับ"
"รักก็ไม่ได้ว่าอะไรหนิคะ" พี่เบียร์ขำกับน้ำเสียงนั้นเวลาน้องพูดคะขาแล้วเขาคิดว่ามันน่าฟัง "ต่อไปรักจะมาวิ่งกับพี่เบียร์ทุกวัน"
"พี่เพิ่งรู้ว่าคนน่ารักเป็นพวกหวงเก่งด้วย"
"รักไม่ได้หวงสักหน่อยครับ รักแค่ไม่ชอบเวลาใครมองคนของรัก"
"พูดว่า 'หวง' ยังสั้นกว่านะครับน้องหนู"
หึย..พี่เบียร์ทำไมเข้าใจยากจัง ผมไม่ได้หวงแค่ไม่พอใจเอง คนตัวเล็กคว่ำปากเชิดใส่พอหันไปเห็นพี่ผู้หญิงส่งสายตาให้พี่เบียร์ ผมก็ขยับชิดใกล้แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
"พี่เบียร์วิ่งกันเถอะครับ" ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันหงุดหงิดใจแปลกๆ ไหนพี่เบียร์บอกว่าออกกำลังจะสนุกผมไม่เห็นจะสนุกสักนิด
นิดเดียวก็ไม่!
พี่เบียร์เสน่ห์แรงเกินไปแล้ว...
"ภาคินวันนี้ก็มาออกกำลังเหมือนกันอีกแล้ว ใจตรงกันเลย" เธอที่วิ่งเยาะเข้ามาทักพี่เบียร์ ผมขยับเข้าชิดพี่เบียร์เพราะไม่อยากให้เธอได้เข้าใกล้
"ครับ"
"วันนี้มีคนมาวิ่งเป็นเพื่อน น้องชายเหรอคะ" เธอยังคงต่อบทสนทนา ผมร้อนรนพูดแทรกก่อน
"ไม่ใช่ครับ!" เผลอตะโกนดังจนเธอคนนั้นสะดุ้ง "ไม่ใช่น้องชายครับ" บอกเสียงอ่อนลง พี่เบียร์โอบเอวผมเอาไว้ เหมือนจะบอกผมว่าร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะพี่เบียร์ไม่ได้คิดกับผมแค่น้องชายเหมือนกัน
"ไม่ใช่น้องชายหรอกครับ คนนี้คนพิเศษ" ประกาศชัดให้เธอได้รับรู้ ผมรู้สึกเหมือนเป็นต่อเหนือเธอ ก็บอกแล้วว่าผมไม่ใช่น้องชาย
"คะ..คนพิเศษ"
"..."
"เหรอคะ" เธอดูสับสน
"ครับ คนนี้ผมกำลังดู ๆ ใจกันอยู่นะครับ"
"พี่เบียร์" ผมตกใจเมื่อคนข้างกายกล้ายอมรับอย่างนั้น สำหรับพี่เบียร์ผมเป็นคนพิเศษจริงเหรอ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
"ขอตัวนะครับ น้องหนูไปวิ่งกันต่อเถอะครับ" เสียงหวานหูนั้นมีไว้คุยกับผมคนเดียว
"ครับ" เผลออมยิ้มพอใจกับการกระทำของพี่เบียร์เข้าแล้ว "ชอบล่ะซิ" พี่เบียร์วิ่งถอยหลังถามผมระหว่างที่เรากำลังวิ่ง
"ครับ รักชอบพี่เบียร์ทุกวันเลย" ผมค่อย ๆ ส่งมือไปให้พี่เบียร์จับมือไว้ ผมต้องใช้ความกล้ามากในการจะแสดงออกความรู้สึกโดยไม่ให้หน้าแดง "คนนี้ของรัก" จิ้มชี้ตรงหัวใจของพี่เบียร์อย่างเขินอาย คนโดนแอทเทคหยุดวิ่งแล้วหยิกแก้มผมทั้งสองข้างด้วยความหมั่นเขี้ยว
"โห น้องหนูน่ารักอีกแล้ว"
"โอ้ยเมื่อยขาจังเลยครับ รักปวดตัวไปหมดแล้ว" ผมเมื่อยขาแล้วแกล้งร้องโอดครวญดัง มือก็นวดขาไปปากก็พร่ำบ่นเรียกร้องความสนใจจากคนที่กำลังเดินมาหา
"วันแรกก็ต้องปวดเมื่อยตัวเป็นธรรมดาครับ แต่น้องหนูหักดิบไปหน่อยที่วิ่งไปกับพี่ด้วยตลอด พี่บอกให้พักก็ไม่ยอม" พี่เบียร์เดินมาหาพร้อมน้ำอุ่นให้ผมได้ดื่ม ร่างสูงนั่งลงข้างล่างจัดการฉีดสเปรย์ทั่วบริเวณกล้ามเนื้อที่ผมปวด
"ก็รัก...เก่ง" เกือบเผลอจะบอกว่ากลัวมีผู้หญิงเข้ามาทักทายพี่เบียร์อีกผมจึงไม่คิดยอมห่าง พอเซล้มเพราะปวดขานั่นแหละพี่เบียร์จึงรีบพากลับมาปฐมพยาบาล
"คนเก่งแต่กลัวโรงพยาบาล"
"คนเก่งก็ต้องมีจุดอ่อนบ้าง"
"ครับ พี่เชื่อ" พี่เบียร์ย่นจมูกให้ผมที่ช่างพูดมากขึ้น ผมมองมือที่บรรจงนวดให้เขาผ่อนคลาย "พี่ว่าหาหมอก็ดีนะครับ ขาน้องหนูเริ่มบวมแดงแล้ว"
"ไม่เอาครับ เดี๋ยวนั่งนิ่งสักพักก็หาย" คนกลัวโรงพยาบาลปฏิเสธเสียงค้าน ผมไม่อยากไปโรงพยาบาล
"ไม่หายครับ"
"พี่เบียร์ก็ดูแลรักสิครับ ดูแลให้หาย ถ้ารักหายรักจะไม่ดื้อนะ" ผมชี้โพรงให้คนตัวสูงได้เห็นหนทาง พี่เบียร์เหมือนจะสองจิตสองใจ คงอยากให้ผมหายแต่ก็อยากจะดูแลผมนั่นแหละ
"แน่นะครับ"
"แน่ครับ" ผมเป็นคนดื้อเงียบต่อให้ปวดเมื่อยแค่ไหนหรือเป็นตายร้ายดียังไงก็จะไม่ไปโรงพยาบาลเป็นอันขาด เมื่อผมต้องการอย่างนั้นพี่เบียร์จึงตามใจผม
"ไม่ไปก็ไม่ไปครับ พี่จะดูแลเราให้หายเองครับ" ผมดีใจที่พี่เบียร์ยอมตามใจ เอาไว้ผมจะตามใจพี่เบียร์หนึ่งเรื่องก็แล้วกันเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
ช่วงบ่ายของวันหลังจากที่เผลอหลับเพราะความง่วงและอาการปวดเมื่อย ผมตื่นมาเห็นพี่เบียร์กำลังขมักเขม้นทำรายงานอยู่กับโต๊ะญี่ปุ่นเล็กข้างเตียงที่ผมนอน
พี่เบียร์หันมามองเมื่อได้ยินเสียงแรงขยับเพียงนิดของผ้าห่ม ผมยิ้มให้ พี่เบียร์ก็ยิ้มตาม
"ตื่นแล้วหรือครับ"
"ครับ รักหลับไปนานไหมครับ" พี่เบียร์ก้มมองนาฬิกาของตัวเอง
"ไม่นานเท่าไรครับยังปวดเมื่อยขาอีกไหม" พอถูกถามเรื่องอาการเมื่อยบริเวณเท้าผมก็พยักหน้า ขยับตัวไปกอดแขนใหญ่เพื่ออ้อน
"รักอยากกินไอศกรีม อยากกินข้าวด้วย หิวแล้วครับ" ก็เล่นหลับไปก่อนจะกินข้าวเช้าไม่แปลกที่ตื่นมาแล้วผมจะร้องหาของกิน
"ถ้าอย่างนั้นพี่ลงไปซื้อให้นะครับ" พี่เบียร์ใจดีแต่ผมปฏิเสธ
"สั่งเอาดีกว่าครับ เดี๋ยวรักสั่งให้เอง" ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์เปิดแอปพลิเคชันยอดฮิตจัดส่งไว พี่เบียร์หยีหัวคนร่าเริงเมื่อพูดถึงของกิน ร่างสูงเดินไปยังตู้เย็นเพื่อหยิบไอศกรีมที่ตุนไว้มานั่งกินด้วยกัน
"เป็นคนกินเยอะแต่ไม่อ้วนนะเรา" ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาพี่เบียร์ยังคงสงสัยว่ากระเพาะน้อย ๆ กับพุงแบน ๆ นั่นกักเก็บอาหารที่กินเข้าไปตรงไหน
"ทั้งบ้านก็กินเยอะแต่ผอมครับ พี่หมอกับน้องเจ้ากินจุกว่ารักอีก" ผมเคยเล่าเรื่องตัวเองให้พี่เบียร์ฟังหลายครั้ง บ่นถึงพี่ชายที่เป็นสัตวแพทย์และน้องชายที่เรียนมัธยมปลายเกือบทุกวัน พี่เบียร์เคยเจอเจ้าขามาแล้วแต่ยังไม่เคยเจอพี่เจ้าคุณอีก
"กรรมพันธุ์สินะ"
"จะพูดว่างั้นก็ได้ครับ ครอบครัวฝั่งคุณป๋าค่อนข้างสมบูรณ์ มีน้ำมีนวล จะเรียกว่าอ้วนก็ได้ครับคุณป๋าเลยดูแลตัวเองมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับรักคุณป๋าก็ไม่ได้ดูอ้วนเหมือนพวกคุณลุงเลยครับ" ผมหันมายิ้ม ขยับแนบชิดข้างกายพี่เบียร์ทีกำลังใจดีเปิดฝาไอศกรีมถ้วยใหญ่
"แล้วทำไมหนูไม่เห็นอ้วนเลย"
"เราสามพี่น้องได้ฝั่งคุณแม่มานะครับ ผอมบาง ถึงจะขุนมากแค่ไหนก็ไม่อ้วน กรรมพันธุ์ฝั่งคุณแม่เป็นนายแบบ นางแบบทั้งตระกูล บางคนก็ซุบซิบนินทากันว่าพวกดราคลั่งผอมครับแต่เปล่า คุณป๋าบอกว่าอยากกินได้แบบพวกเราและคุณแม่กินเท่าไรก็ไม่อ้วน ส่วนคุณป๋ากินนิดเดียวก็อ้วน ถ้าไม่ขยับตัวขยันออกกำลังก็อ้วนลงพุงเลยครับ พูดแล้วก็คิดถึงร่างกายตัวใหญ่กับอ้อมกอดของคุณป๋าเลยครับ" พี่เบียร์ป้อนไอศกรีมคำพอดีให้คนช่างพูด ยิ่งรู้จักก็ยิ่งหลง ผมรู้สึกชื้นใจเมื่อได้กินของเย็น ๆ
"พี่เบียร์อยากกินอะไรเพิ่มอีกไหมครับ"
"เอาอันนี้ก็ได้ครับ" อะเมซ่อนแก้วโปรดยังคงวางอยู่ พี่เบียร์คงลงไปซื้อช่วงระหว่างผมหลับแน่
"สั่งน้ำเพิ่มไหมครับหรือไม่ต้องแล้ว"
"สั่งเพิ่มก็ได้ค่ะแก้วนี้พี่ดื่มหมดแล้ว"
"จัดไปเลยครับ" กระทั่งยืนยันสั่งซื้อรายการอาหารและเครื่องดื่มเรียบร้อย มุมปากผมเลอะไอศกรีมพี่เบียร์ก็ใจดีเช็ดให้ หัวใจดวงน้อยทำงานหนักทุกวันแต่ก็ยังไม่ชิน
"มื้อนี้รักเลี้ยงนะครับ" เพราะไม่ต้องการเอาเปรียบ แม้พี่เบียร์จะเต็มใจจ่ายทุกครั้งแต่ผมไม่ยอม เลยออกกฏไว้ว่าต้องผลักกันจ่ายคนละรอบถึงจะแฟร์ต่อกัน
"แล้วครอบครัวพี่เบียร์ล่ะครับ เป็นไงบ้าง" ล่าสุดพี่เบียร์บอกว่าคุณพ่อหน้าวูบไปขณะทำงานผมเลยอดห่วงไม่ได้ แต่โชคดีที่คุณพ่อของพี่เบียร์ไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรง แค่ขาดสารอาหารเท่านั้น
"ก็เหมือนเดิมครับบ้างานทั้งคู่"
"เหมือนคุณป๋ากับคุณแม่รักเลยครับ" ผมตักไอศกรีมให้พี่เบียร์ได้กินบ้าง "ครั้งก่อนที่ไปบ้านพี่เบียร์ผมเห็นว่ามีรูปถ่ายกับแมวด้วยนี่ครับ แต่ไม่เห็นว่าที่บ้านจะมีแมวเลยสักตัว"
"อ้อคุณแม่เคยเลี้ยงไว้ตัวหนึ่งครับ คุณแม่รักแมวมาก รักมากกว่าพี่ที่เป็นลูกชายคนเดียวซะอีก" ได้พูดถึงบุพการีรอยยิ้มของพี่เบียร์ก็อ่อนโยนอีกครั้ง "ตอนน้องหนูไปบ้านพี่ คุณแซวม่อนป่วยเลยอยู่ที่คลีนิกน่ะครับ"
"อ้อ"
"แต่ตอนนี้หายดีแล้วครับ วิ่งเล่นได้อย่างเดิม" ผมโล่งใจขึ้น ก่อนหน้านี้จะถามก็ไม่กล้าเลยมาถามเอาป่านนี้
"รักก็เลี้ยงแมวหนึ่งตัวที่บ้านเหมือนกันครับ แล้วคุณแซวม่อนน่ารักไหมครับ" ผมอยากรู้เรื่องราวของครอบครัวพี่เบียร์
"อือ ก็ไม่ค่อยน่ารักเท่าไร คุณแซวม่อนชอบแย่งความรักจากคุณแม่พี่ไป พี่เลยหมั่นไส้" ผมหัวเราะขำใหญ่ เข้าใจความรู้สึกของพี่เบียร์เพราะคุณแม่ก็รักทาร์กไข่ยิ่งกว่าลูกเหมือนกัน
"ทาร์กไข่ก็ชอบอ้อนคุณแม่รักบ่อยครับ ตอนจะย้ายมาคอนโดรักก็อยากพาทาร์กไข่มาด้วยแต่คุณแม่ไม่อนุญาตครับ"
"งั้นไว้เราค่อยพาคุณแซวม่อนกับทาร์กไข่ไปเที่ยวกันนะครับ" พี่เบียร์บอกอย่างใจดี ผมพยักหน้าทันที
"ตกลงครับ" นั่งคุยกันสักพักอาหารที่สั่งก็มา พี่เบียร์เป็นคนลงไปรับ หนึ่งวันที่แสนจะธรรมดาหมดไปเพราะการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของเราทั้งสองคน
มีกันแค่นี้
มันก็มีความสุขมากพอแล้ว.
"ตื่นได้แล้วครับ ไหนบอกจะไปออกกำลังกายกับพี่ไงครับน้องหนู" เสียงปลุกแสนหวานไม่ได้ช่วยให้อยากลุกจากที่นอน ผมงอแงเพราะไม่อยากลุกจากเตียงแต่เช้า ก็เมื่อคืนเล่นนอนดึกเช้านี้จึงขี้เกียจลุก
"ทำไมเวลานอนแป๊ปเดียวเองล่ะครับ รักยังนอนไม่เต็มอิ่มเลย" บอกพี่เบียร์พลางกอดคนตัวโต เมื่อคืนเรานอนด้วยกัน ผมเล่าเรื่องที่น้องเจ้าขาแกล้งผมตอนเด็กให้พี่เบียร์ฟังจนเผลอหลับไป
"สำหรับน้องหนูนอนทั้งวันก็นอนไม่อิ่มครับ"
"พี่เบียร์อะ" โดนแซวเรื่องจริงเข้าหน่อยผมก็ค้อนใส่ "รักตื่นก็ได้ครับ แต่อุ้มไปส่งห้องน้ำหน่อยสิครับ" อ้าแขนรอจนคนมองอดใจไม่ไหวก้มลงฟัดแก้ม
"ค่ามัดจำครับ" พี่เบียร์บอกหลังได้เอาค่ามัดจำไปแล้ว
"พี่เบียร์ขี้แกล้ง" บอกอย่างนั้นแต่ก็ยิ้มชอบแหละที่โดนพี่เบียร์หอมแก้ม
"ค่ามัดจำได้แล้วแล้วของรางวัลล่ะครับ"
"ของรางวัลตอบแทนต้องให้หลังจากทำงานเสร็จครับ" ผมลุกขึ้นนั่งพิงไหล่พี่เบียร์อย่างอิดออด อยากไปออกกำลังกับพี่เบียร์ก็อยาก แต่ง่วงนอนผมอยากนอนต่อรอให้แสงอาทิตย์ขึ้นทักทายมาก่อน "แต่รักง่วง"
"น้องหนูไม่ไปพี่ก็ไม่ว่านะครับ"
"อือ อยากไปด้วย รักอยากเห็นพี่บียร์ออกกำลังกายเท่ ๆ"
"ฮา ๆ นั่นเหรอเหตุผลของเราน่ะ"
"ก็แค่นี้แหละ พี่เบียร์เป็นเหตุผลของรักทุกอย่างแหละครับ" ตายแล้ว ผมกลายเป็นคนช่างกล้าพูดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พอเห็นหน้าพี่เบียร์กับผมยุ่ง ๆ แล้วเรื่องที่เฮียโซดาส่งรูปในวัยเด็กของพี่เบียร์ก็ผุดเข้ามาในหัวจนเขาอดขำไม่ได้ พี่เบียร์ตอนเด็กถูกคุณแม่จับแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์แล้วน่ารักมาก เขาจะบอกพี่เบียร์เรื่องนี้ไม่ได้เพราะมันเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ได้มาจากเฮียโซดาเวลาที่ถูกขอร้องให้ช่วยงานที่ร้าน
คนปลุกขมวดคิ้วสงสัย "ขำเรื่องอะไรครับ"
"ก็มีเรื่องให้ยิ้มครับ อุ้มไปแปรงฟันหน่อยนะครับ" ผมอ้อนแล้วกอดคอของพี่เบียร์ ไม่รู้ทำไมพอเป็นพี่เบียร์ผมจึงได้ชอบอ้อนหนักทั้งที่อยู่กับพี่น้องตัวเองผมไม่ค่อยจะกล้า
"ก็ได้ครับ" พี่เบียร์อุ้มลูกลิงอย่างผมพามาเข้าห้องน้ำ ตัวผมถูกวางให้นั่งบนเคาน์เตอร์
"ขอบคุณครับ"
"ยินดีครับ"
"อะ" และแล้วรางวัลตอบแทนก็ถูกเรียกเก็บอีก "พี่เบียร์อีกแล้วนะครับ" พี่เบียร์ฉวยโอกาสหอมแก้มผมอีกครั้ง
"รอบนี้พี่ตั้งใจครับ"
"ไม่คุยด้วยแล้ว" จะตั้งใจหรือจะแกล้งเรียกค่าตอบแทนผมก็เขินทั้งนั้น เราสองคนแปรงฟันกันหยอกล้อกันมีความสุขรับยามเช้า
จนกระทั่งแต่งตัวพร้อมผมก็รู้สึกตาสว่าง เมื่อถึงสวนสาธารณะ แดดยามเช้ายังไม่ร้อนมาก เช้านี้ท้องฟ้าแจ่มใสผมทำตามที่พี่เบียร์แนะนำนั่นคือการวอร์มอัพร่างกายก่อนเริ่มออกวิ่ง
"คนตื่นกันมาออกกำลังกายเยอะจังเลยนะครับ" ผมชวนคุยระหว่างยืดแขนยืดขาทำตามพี่เบียร์
"ปกตินะครับ" สำหรับพี่เบียร์แล้วกวาดตามองก็เจอคนรักสุขภาพที่หมั่นมาออกกำลังกายทุกวันอย่างคุ้นตา สาวหลายคนที่มาวิ่งต่างหันมายิ้มหวานทอดสะพานใส่ ผมหันมองพี่เบียร์ คนรู้ตัวรีบตอบคลายความสงสัยทันที
"พี่มาออกกำลังกายเท่านั้นครับ"
"รักก็ไม่ได้ว่าอะไรหนิคะ" พี่เบียร์ขำกับน้ำเสียงนั้นเวลาน้องพูดคะขาแล้วเขาคิดว่ามันน่าฟัง "ต่อไปรักจะมาวิ่งกับพี่เบียร์ทุกวัน"
"พี่เพิ่งรู้ว่าคนน่ารักเป็นพวกหวงเก่งด้วย"
"รักไม่ได้หวงสักหน่อยครับ รักแค่ไม่ชอบเวลาใครมองคนของรัก"
"พูดว่า 'หวง' ยังสั้นกว่านะครับน้องหนู"
หึย..พี่เบียร์ทำไมเข้าใจยากจัง ผมไม่ได้หวงแค่ไม่พอใจเอง คนตัวเล็กคว่ำปากเชิดใส่พอหันไปเห็นพี่ผู้หญิงส่งสายตาให้พี่เบียร์ ผมก็ขยับชิดใกล้แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
"พี่เบียร์วิ่งกันเถอะครับ" ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันหงุดหงิดใจแปลกๆ ไหนพี่เบียร์บอกว่าออกกำลังจะสนุกผมไม่เห็นจะสนุกสักนิด
นิดเดียวก็ไม่!
พี่เบียร์เสน่ห์แรงเกินไปแล้ว...
"ภาคินวันนี้ก็มาออกกำลังเหมือนกันอีกแล้ว ใจตรงกันเลย" เธอที่วิ่งเยาะเข้ามาทักพี่เบียร์ ผมขยับเข้าชิดพี่เบียร์เพราะไม่อยากให้เธอได้เข้าใกล้
"ครับ"
"วันนี้มีคนมาวิ่งเป็นเพื่อน น้องชายเหรอคะ" เธอยังคงต่อบทสนทนา ผมร้อนรนพูดแทรกก่อน
"ไม่ใช่ครับ!" เผลอตะโกนดังจนเธอคนนั้นสะดุ้ง "ไม่ใช่น้องชายครับ" บอกเสียงอ่อนลง พี่เบียร์โอบเอวผมเอาไว้ เหมือนจะบอกผมว่าร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะพี่เบียร์ไม่ได้คิดกับผมแค่น้องชายเหมือนกัน
"ไม่ใช่น้องชายหรอกครับ คนนี้คนพิเศษ" ประกาศชัดให้เธอได้รับรู้ ผมรู้สึกเหมือนเป็นต่อเหนือเธอ ก็บอกแล้วว่าผมไม่ใช่น้องชาย
"คะ..คนพิเศษ"
"..."
"เหรอคะ" เธอดูสับสน
"ครับ คนนี้ผมกำลังดู ๆ ใจกันอยู่นะครับ"
"พี่เบียร์" ผมตกใจเมื่อคนข้างกายกล้ายอมรับอย่างนั้น สำหรับพี่เบียร์ผมเป็นคนพิเศษจริงเหรอ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
"ขอตัวนะครับ น้องหนูไปวิ่งกันต่อเถอะครับ" เสียงหวานหูนั้นมีไว้คุยกับผมคนเดียว
"ครับ" เผลออมยิ้มพอใจกับการกระทำของพี่เบียร์เข้าแล้ว "ชอบล่ะซิ" พี่เบียร์วิ่งถอยหลังถามผมระหว่างที่เรากำลังวิ่ง
"ครับ รักชอบพี่เบียร์ทุกวันเลย" ผมค่อย ๆ ส่งมือไปให้พี่เบียร์จับมือไว้ ผมต้องใช้ความกล้ามากในการจะแสดงออกความรู้สึกโดยไม่ให้หน้าแดง "คนนี้ของรัก" จิ้มชี้ตรงหัวใจของพี่เบียร์อย่างเขินอาย คนโดนแอทเทคหยุดวิ่งแล้วหยิกแก้มผมทั้งสองข้างด้วยความหมั่นเขี้ยว
"โห น้องหนูน่ารักอีกแล้ว"
"โอ้ยเมื่อยขาจังเลยครับ รักปวดตัวไปหมดแล้ว" ผมเมื่อยขาแล้วแกล้งร้องโอดครวญดัง มือก็นวดขาไปปากก็พร่ำบ่นเรียกร้องความสนใจจากคนที่กำลังเดินมาหา
"วันแรกก็ต้องปวดเมื่อยตัวเป็นธรรมดาครับ แต่น้องหนูหักดิบไปหน่อยที่วิ่งไปกับพี่ด้วยตลอด พี่บอกให้พักก็ไม่ยอม" พี่เบียร์เดินมาหาพร้อมน้ำอุ่นให้ผมได้ดื่ม ร่างสูงนั่งลงข้างล่างจัดการฉีดสเปรย์ทั่วบริเวณกล้ามเนื้อที่ผมปวด
"ก็รัก...เก่ง" เกือบเผลอจะบอกว่ากลัวมีผู้หญิงเข้ามาทักทายพี่เบียร์อีกผมจึงไม่คิดยอมห่าง พอเซล้มเพราะปวดขานั่นแหละพี่เบียร์จึงรีบพากลับมาปฐมพยาบาล
"คนเก่งแต่กลัวโรงพยาบาล"
"คนเก่งก็ต้องมีจุดอ่อนบ้าง"
"ครับ พี่เชื่อ" พี่เบียร์ย่นจมูกให้ผมที่ช่างพูดมากขึ้น ผมมองมือที่บรรจงนวดให้เขาผ่อนคลาย "พี่ว่าหาหมอก็ดีนะครับ ขาน้องหนูเริ่มบวมแดงแล้ว"
"ไม่เอาครับ เดี๋ยวนั่งนิ่งสักพักก็หาย" คนกลัวโรงพยาบาลปฏิเสธเสียงค้าน ผมไม่อยากไปโรงพยาบาล
"ไม่หายครับ"
"พี่เบียร์ก็ดูแลรักสิครับ ดูแลให้หาย ถ้ารักหายรักจะไม่ดื้อนะ" ผมชี้โพรงให้คนตัวสูงได้เห็นหนทาง พี่เบียร์เหมือนจะสองจิตสองใจ คงอยากให้ผมหายแต่ก็อยากจะดูแลผมนั่นแหละ
"แน่นะครับ"
"แน่ครับ" ผมเป็นคนดื้อเงียบต่อให้ปวดเมื่อยแค่ไหนหรือเป็นตายร้ายดียังไงก็จะไม่ไปโรงพยาบาลเป็นอันขาด เมื่อผมต้องการอย่างนั้นพี่เบียร์จึงตามใจผม
"ไม่ไปก็ไม่ไปครับ พี่จะดูแลเราให้หายเองครับ" ผมดีใจที่พี่เบียร์ยอมตามใจ เอาไว้ผมจะตามใจพี่เบียร์หนึ่งเรื่องก็แล้วกันเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
ช่วงบ่ายของวันหลังจากที่เผลอหลับเพราะความง่วงและอาการปวดเมื่อย ผมตื่นมาเห็นพี่เบียร์กำลังขมักเขม้นทำรายงานอยู่กับโต๊ะญี่ปุ่นเล็กข้างเตียงที่ผมนอน
พี่เบียร์หันมามองเมื่อได้ยินเสียงแรงขยับเพียงนิดของผ้าห่ม ผมยิ้มให้ พี่เบียร์ก็ยิ้มตาม
"ตื่นแล้วหรือครับ"
"ครับ รักหลับไปนานไหมครับ" พี่เบียร์ก้มมองนาฬิกาของตัวเอง
"ไม่นานเท่าไรครับยังปวดเมื่อยขาอีกไหม" พอถูกถามเรื่องอาการเมื่อยบริเวณเท้าผมก็พยักหน้า ขยับตัวไปกอดแขนใหญ่เพื่ออ้อน
"รักอยากกินไอศกรีม อยากกินข้าวด้วย หิวแล้วครับ" ก็เล่นหลับไปก่อนจะกินข้าวเช้าไม่แปลกที่ตื่นมาแล้วผมจะร้องหาของกิน
"ถ้าอย่างนั้นพี่ลงไปซื้อให้นะครับ" พี่เบียร์ใจดีแต่ผมปฏิเสธ
"สั่งเอาดีกว่าครับ เดี๋ยวรักสั่งให้เอง" ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์เปิดแอปพลิเคชันยอดฮิตจัดส่งไว พี่เบียร์หยีหัวคนร่าเริงเมื่อพูดถึงของกิน ร่างสูงเดินไปยังตู้เย็นเพื่อหยิบไอศกรีมที่ตุนไว้มานั่งกินด้วยกัน
"เป็นคนกินเยอะแต่ไม่อ้วนนะเรา" ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาพี่เบียร์ยังคงสงสัยว่ากระเพาะน้อย ๆ กับพุงแบน ๆ นั่นกักเก็บอาหารที่กินเข้าไปตรงไหน
"ทั้งบ้านก็กินเยอะแต่ผอมครับ พี่หมอกับน้องเจ้ากินจุกว่ารักอีก" ผมเคยเล่าเรื่องตัวเองให้พี่เบียร์ฟังหลายครั้ง บ่นถึงพี่ชายที่เป็นสัตวแพทย์และน้องชายที่เรียนมัธยมปลายเกือบทุกวัน พี่เบียร์เคยเจอเจ้าขามาแล้วแต่ยังไม่เคยเจอพี่เจ้าคุณอีก
"กรรมพันธุ์สินะ"
"จะพูดว่างั้นก็ได้ครับ ครอบครัวฝั่งคุณป๋าค่อนข้างสมบูรณ์ มีน้ำมีนวล จะเรียกว่าอ้วนก็ได้ครับคุณป๋าเลยดูแลตัวเองมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับรักคุณป๋าก็ไม่ได้ดูอ้วนเหมือนพวกคุณลุงเลยครับ" ผมหันมายิ้ม ขยับแนบชิดข้างกายพี่เบียร์ทีกำลังใจดีเปิดฝาไอศกรีมถ้วยใหญ่
"แล้วทำไมหนูไม่เห็นอ้วนเลย"
"เราสามพี่น้องได้ฝั่งคุณแม่มานะครับ ผอมบาง ถึงจะขุนมากแค่ไหนก็ไม่อ้วน กรรมพันธุ์ฝั่งคุณแม่เป็นนายแบบ นางแบบทั้งตระกูล บางคนก็ซุบซิบนินทากันว่าพวกดราคลั่งผอมครับแต่เปล่า คุณป๋าบอกว่าอยากกินได้แบบพวกเราและคุณแม่กินเท่าไรก็ไม่อ้วน ส่วนคุณป๋ากินนิดเดียวก็อ้วน ถ้าไม่ขยับตัวขยันออกกำลังก็อ้วนลงพุงเลยครับ พูดแล้วก็คิดถึงร่างกายตัวใหญ่กับอ้อมกอดของคุณป๋าเลยครับ" พี่เบียร์ป้อนไอศกรีมคำพอดีให้คนช่างพูด ยิ่งรู้จักก็ยิ่งหลง ผมรู้สึกชื้นใจเมื่อได้กินของเย็น ๆ
"พี่เบียร์อยากกินอะไรเพิ่มอีกไหมครับ"
"เอาอันนี้ก็ได้ครับ" อะเมซ่อนแก้วโปรดยังคงวางอยู่ พี่เบียร์คงลงไปซื้อช่วงระหว่างผมหลับแน่
"สั่งน้ำเพิ่มไหมครับหรือไม่ต้องแล้ว"
"สั่งเพิ่มก็ได้ค่ะแก้วนี้พี่ดื่มหมดแล้ว"
"จัดไปเลยครับ" กระทั่งยืนยันสั่งซื้อรายการอาหารและเครื่องดื่มเรียบร้อย มุมปากผมเลอะไอศกรีมพี่เบียร์ก็ใจดีเช็ดให้ หัวใจดวงน้อยทำงานหนักทุกวันแต่ก็ยังไม่ชิน
"มื้อนี้รักเลี้ยงนะครับ" เพราะไม่ต้องการเอาเปรียบ แม้พี่เบียร์จะเต็มใจจ่ายทุกครั้งแต่ผมไม่ยอม เลยออกกฏไว้ว่าต้องผลักกันจ่ายคนละรอบถึงจะแฟร์ต่อกัน
"แล้วครอบครัวพี่เบียร์ล่ะครับ เป็นไงบ้าง" ล่าสุดพี่เบียร์บอกว่าคุณพ่อหน้าวูบไปขณะทำงานผมเลยอดห่วงไม่ได้ แต่โชคดีที่คุณพ่อของพี่เบียร์ไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรง แค่ขาดสารอาหารเท่านั้น
"ก็เหมือนเดิมครับบ้างานทั้งคู่"
"เหมือนคุณป๋ากับคุณแม่รักเลยครับ" ผมตักไอศกรีมให้พี่เบียร์ได้กินบ้าง "ครั้งก่อนที่ไปบ้านพี่เบียร์ผมเห็นว่ามีรูปถ่ายกับแมวด้วยนี่ครับ แต่ไม่เห็นว่าที่บ้านจะมีแมวเลยสักตัว"
"อ้อคุณแม่เคยเลี้ยงไว้ตัวหนึ่งครับ คุณแม่รักแมวมาก รักมากกว่าพี่ที่เป็นลูกชายคนเดียวซะอีก" ได้พูดถึงบุพการีรอยยิ้มของพี่เบียร์ก็อ่อนโยนอีกครั้ง "ตอนน้องหนูไปบ้านพี่ คุณแซวม่อนป่วยเลยอยู่ที่คลีนิกน่ะครับ"
"อ้อ"
"แต่ตอนนี้หายดีแล้วครับ วิ่งเล่นได้อย่างเดิม" ผมโล่งใจขึ้น ก่อนหน้านี้จะถามก็ไม่กล้าเลยมาถามเอาป่านนี้
"รักก็เลี้ยงแมวหนึ่งตัวที่บ้านเหมือนกันครับ แล้วคุณแซวม่อนน่ารักไหมครับ" ผมอยากรู้เรื่องราวของครอบครัวพี่เบียร์
"อือ ก็ไม่ค่อยน่ารักเท่าไร คุณแซวม่อนชอบแย่งความรักจากคุณแม่พี่ไป พี่เลยหมั่นไส้" ผมหัวเราะขำใหญ่ เข้าใจความรู้สึกของพี่เบียร์เพราะคุณแม่ก็รักทาร์กไข่ยิ่งกว่าลูกเหมือนกัน
"ทาร์กไข่ก็ชอบอ้อนคุณแม่รักบ่อยครับ ตอนจะย้ายมาคอนโดรักก็อยากพาทาร์กไข่มาด้วยแต่คุณแม่ไม่อนุญาตครับ"
"งั้นไว้เราค่อยพาคุณแซวม่อนกับทาร์กไข่ไปเที่ยวกันนะครับ" พี่เบียร์บอกอย่างใจดี ผมพยักหน้าทันที
"ตกลงครับ" นั่งคุยกันสักพักอาหารที่สั่งก็มา พี่เบียร์เป็นคนลงไปรับ หนึ่งวันที่แสนจะธรรมดาหมดไปเพราะการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของเราทั้งสองคน
มีกันแค่นี้
มันก็มีความสุขมากพอแล้ว.
Oncloud69
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ธ.ค. 2564, 17:08:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ธ.ค. 2564, 17:08:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 310
<< หึงเพราะน้องชาย | หนึ่งวันกับพี่หมอ >> |