สาวสุดเซอร์ฯ: Special Chapter
ความรักไม่ได้สวยงามเสมอไป บนเส้นทางของความรักของหนุ่มสาวสองคนที่แตกต่าง วันหนึ่งเมื่อรอยร้าวมันเกิดขึ้น ในที่สุดก็ถึงจุดที่ต้องเลือก
Tags: สิรินดา, สาวสุดเซอร์, นรี, คีตา
ตอน: มากกว่า...คำว่ารัก
- - Keeta part- -
เสียงสะอื้นของร่างเล็กในอ้อมกอดของผมเงียบลงแล้ว แต่เจ้าตัวยังตัวยังสั่นนิด ๆ จนผมอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือขึ้นไปลูบผมนุ่มพร้อมกับโยกตัวเบา ๆ แอบสูดกลิ่นผมหอม ๆ ของเธอเข้าเต็มปอด
การได้กอดนรีไว้เต็มแขนแบบนี้มันให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน...อยากจะกดจมูกลงข้างแก้มของเธอแต่ยังไม่กล้า กลัวว่าจะถูกผละหนี แถมไล่ให้ลงไปข้างล่างเสียก่อน
“ปล่อยกันได้หรือยัง จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง” เธอถามเสียงเบาหลังจากปล่อยให้ผมกอดไว้หลายนาที
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนเราจะรู้สึกเจ็บปวดและมีความสุขไปด้วยพร้อมกันได้ยังไง… แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วกับตัวเอง
“คุยแบบนี้ได้ไหม” บอกโดยที่พยายามกดเสียงตัวเองให้อ่อนลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “อยากกอดนรีไว้แบบนี้” บอกพลางกดคางลงบนผมนุ่ม แขนก็กอดรัดอีกฝ่ายไว้ทั้งตัว นรีตัวเล็กอยู่แล้ว ยิ่งกินน้อยยิ่งผอม ตอนนี้เหมือนจะจมหายลงไปในอ้อมกอดของผมไปเลย
“อึดอัด” คนตอบบอกแต่ไม่ได้ขยับตัวออก
ผมอมยิ้ม ใจพองฟู ขยับตัวเพื่อคลายอ้อมกอดออกนิดเดียว ไม่เกินสองมิล
“ดีขึ้นไหม”
ส่ายหน้าอีก แต่ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หาเรื่องคุยต่อ
“งั้นพี่เริ่มเล่านะ…”
นรีพยักหน้า
“เมื่อเกือบสิบเดือนก่อน นรีจำได้ไหมว่าบริษัทของพี่ส่งพนักงานทุกคนไปตรวจสุขภาพประจำปี แล้วมีเคสผิดปกติตั้งหลายเคส เพราะความผิดพลาดของระบบคอมพิวเตอร์ จนต้องตรวจกันใหม่เกือบยกบริษัท”
คนในอ้อมกอดพยักหน้าอีกรอบ “จำได้”
“ผลตรวจเลือดของพี่ผิดปกติ หมอขอตรวจเพิ่มเติมให้ละเอียด พี่ไม่ได้บอกนรีเพราะคิดว่าไม่มีอะไรสำคัญมาก นักเหมือนเคสอื่น ๆ ที่ระบบให้ข้อมูลพลาด ในเวลาใกล้ ๆ กัน บีก็มาหาพี่ที่บริษัท”
นรีทำตัวแข็งเมื่อผมเอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้น
“เรื่องที่บีมาหา มันย้อนไปก่อนที่ไอ้นุจะตาย นุมันส่งอีเมลมาหาพี่ขอให้ทำอะไรให้สองสามอย่าง บีคือเรื่องหนึ่งที่มันสั่งไว้ พี่ตามหาน้องมาหลายปี ไม่เจอตัวเพราะไปอยู่เมืองนอก จริง ๆ พี่เองก็วุ่นวายหลายเรื่องเลยไม่ได้ตั้งใจหาจริงจังนัก”
คนฟังยังนิ่ง
“อ้อลืมบอกไปว่าบีเป็นน้องรหัสของพี่ที่มหาวิทยาลัย พี่ นุ และบี เรารู้จักกันหลายปีแล้ว พี่กับบีสนิทกันมากราวพี่น้องเพราะเรามีปัญหาเรื่องครอบครัวเหมือนกัน บีไปทำงานต่างจังหวัดหลังจบ ไม่รู้ยังไง ไอ้นุมันพลาดมีอะไรกับบีตอนที่เก๋กำลังท้อง”
นรีนิ่ง ผมถอนหายใจ
“คุณบีเล่าให้ฟังคร่าว ๆ แล้วค่ะ”
“เรื่องมันแย่มากตรงที่ไอ้นุเลิกกับบีแบบไม่ดีนัก มันบอกว่าเมา ไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าบีท้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มันปิดทุกคนมาตลอด แม้แต่พี่ก็ไม่รู้ จนมันจะตายมันถึงเรียกไปฝากว่าขอให้ตามหา แล้วก็ดูแลลูกมันให้ด้วย…”
“คุณบีเล่าว่าเลี้ยงลูกลำบากมาก เพราะพี่นุไม่รับ ไม่สนใจ เธอโกรธพี่นุ แต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องพาลูกไปทำงานที่ต่างประเทศเสียหลายปี”
ผมพยักหน้า “ถ้าพี่รู้ก่อน คงทำอะไรได้บ้าง”
“วันที่นรีไปเจอคุณกับคุณบี…คุณ…จับมือกับเธอ”
หวงใช่ไหม ผมอยากจะยิ้ม แต่ไม่กล้า กลัวคนแถวนี้งอนไม่เลิก
“หลังเลิกกันบีไปอยู่มาเลเซียมาหลายปี กลับมาเพิ่งรู้ว่านุตาย แล้วก็เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โต ก็เลยคิดว่าจะมาทวงสิทธิ์ขอแบ่งทรัพย์สินเพื่อเอาไปดูแลลูก…ทำท่าว่าจะไปหาเก๋ พี่เลยต้องจัดการกล่อม พูดคุยกันอยู่นานกว่าจะเข้าใจ”
“ทำไมไม่บอกพี่เก๋กับนรี เพราะเรื่องมันก็นานมาแล้ว พี่นุก็ตายไปแล้ว ไม่เห็นจะต้องทำตามสัญญา”
“ไม่รู้สิ” ผมบอกตามตรง “ตอนนั้นพี่สับสนมาก ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงดี ตอนนั้นเก๋อยู่ในช่วงตัดสินใจว่าจะแต่งงานใหม่หรือไม่ เคยมาคุยกับพี่ บอกว่าที่คิดมากเพราะกลัวว่าไรอันไม่ดีเท่าเจ้านุ เลยยังไม่กล้าแต่งเสียที พี่ก็เลยคิดว่าอยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน กลัวเก๋รับไม่ได้…ไหนจะยังมีเด็กอีกคนที่อาจต้องแบ่งสมบัติกับลูก ๆ ของเก๋อีก” ผมตอบตามตรง “บีขอคอนโดเพื่อเอาไว้อยู่กับลูกตอนมาเมืองไทย พี่เลยให้เขาเลือกเอาว่าอยากได้ที่ไหน ไม่รู้ว่ามันเป็นคอนโดที่บริษัทของนรีออกแบบ”
หญิงสาวนิ่ง “จับมือกันอย่างกับว่า…”
น้ำเสียงงอนจัด ผมจำได้ดี วันนั้นลิฟต์เปิดออกในจังหวะที่เจ้าน้องรหัสเอนหัวมาพิงไหล่ผมพอดี
นรีหันหน้ากลับไป แต่แค่นั้นผมก็ทันได้เห็นสายตาเจ็บปวดของนรี สายตาที่ทำเอาผมพูดไม่ออก
“บอกแล้วว่าสมัยเรียนพี่สนิทกับบีมาก เราแทบจะเป็นพี่น้องกัน ไม่ได้เจอกันนาน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็กอดคอ จับมือกันเป็นปกติ” ผมตอบ “ตอนนั้นบีเองก็ไม่รู้ว่านรีเป็นใคร แถมพนักงานขายก็คิดว่าเราเป็นคู่สามีภรรยาที่มาซื้อห้องใหม่ บีก็เลยเล่นไปตามน้ำ เผื่อได้ลดราคาพิเศษ”
“ค่ะ”
“เรื่องบีเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ปัญหาก็คือ นุมันขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ มันคงอยากให้เก๋จำมันแต่ภาพของผู้ชายแสนดี พ่อที่รักลูกมาก ๆ ไว้ พี่คิดง่าย ๆ ว่าอย่างน้อยก็ควรเก็บเป็นความลับจนกว่าเก๋จะแต่งงานใหม่ มีไรอันดูแลจริงจังแล้ว ความลับของนุภาพคงไม่กระทบกระเทือนใจเก๋มากนัก”
“คุณก็เลยต้องปิดนรี คิดว่านรีปากสว่างงั้นเหรอคะ” น้ำเสียงคนพูดยังนิ่ง
“ไม่เลย พี่รู้ว่านรีจะช่วยพี่ปิดความลับได้ แต่…นุภาพเป็นสุดยอดฮีโร่ของนรีเหมือนกัน พี่ไม่รู้ว่าถ้าทั้งสองคนรู้ว่ามันมีเรื่องที่ซุกซ่อนไว้ จะมีผลกระทบอะไรบ้าง นรีจะเสียใจแค่ไหน” ผมอธิบายต่อ “พี่แค่คิดว่า ขอจัดการด้วยตัวเองให้เรียบร้อย แล้วค่อยหาเวลาค่อย ๆ อธิบายให้นรีฟัง นรีก็มาเจอภาพที่ทำให้เข้าใจผิดเสียก่อน”
นรีไม่ร้องไห้แล้ว แต่คราบน้ำตายังเปื้อนอยู่ข้างแก้ม อยากจูบซับน้ำตาให้นัก
แต่ไม่กล้า...เพราะตอนนี้เธอมองหน้าผมนิ่ง ๆ ผมเลยได้แต่ทำหน้าเศร้า
“พี่ขอโทษนะ พี่อยากพูดคำนี้มาตลอด อยากขอโทษ แต่ก็พูดไม่ออก ตอนทำพี่คิดง่ายไปว่าทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย จัดการให้เสร็จแล้วค่อยบอก จนกระทั่งนรีรู้โดยบังเอิญ และวันเดียวกันนั้นโรงพยาบาลโทรไปเรียกพี่กลับไปคุยกับหมอแบบด่วน ๆ เรื่องผลแสกนร่างกายพบเนื้องอกที่สมอง ผลที่ไม่ได้เกิดจากข้อผิดพลาดของระบบ”
“วันวาเลนไทน์”
ผมพยักหน้า แขนตกลงข้างตัว วันแห่งความรัก ... แต่มันเหมือนวันที่โลกถล่มไปต่อหน้าสำหรับผม
คิดถึงสภาพของตัวเองในวันนั้น อยากจะกลับไปคุยกับนรีใจจะขาด แต่ก็ต้องแวะโรงพยาบาลก่อน พอรู้เรื่องโรคร้ายของตัวเองก็…นั่งคิดโน่นนี่อยู่คนเดียวที่ร้านเหล้าใกล้บ้านอีกจนดึก
คืนนั้นไม่รู้เพราะความเมา หรือเพราะอะไร ผมสรุปกับตัวเองว่าจะเก็บความลับทุกอย่างนั้นไว้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องบี หรือเรื่องที่ผมกำลังป่วยหนัก
- ผมขอเวลาหกเดือน แล้วค่อยคุยกันได้ไหม -
ตอนนั้นแค่ต้องการซื้อเวลาอีกนิด เพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลาย และตัดสินใจได้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี
“ระหว่างเราจากกันเพราะพี่เป็นโรคร้าย กับเราจากกันเพราะนรีเห็นว่าพี่เป็นคนนอกใจ บางที นรีอาจตัดใจกับเรื่องหลังได้มากกว่า แถมพี่ยังไม่ต้องอธิบายเรื่องของบี เรื่องเงินที่หายไปจากบัญชีหลายสิบล้านตอนนั้น”
“คิดไปเอง” คนพูดยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ข้างแก้มอีกรอบ
“เพราะภาพที่นรีนั่งร้องไห้หน้าโลงศพของเจ้านุ ร้องแบบโลกถล่มทลาย แถมกินไม่ได้นอนไม่หลับอีกหลายเดือนมันยังติดตาพี่อยู่นะ” ผมบอก ยกปลายนิ้วเกลี่ยข้างแก้มนุ่ม สัมผัสได้ถึงความชื้นที่ยังติดอยู่ที่ปลายหางตา “พี่รู้ว่าถ้านรีโกรธ นรีจะตัดพี่ได้เร็วมาก เพราะนรีเป็นคนใจเด็ด แถมมีเพื่อน ๆ คอยดูแล จะได้ไม่ต้องมาดูแลผู้ชายป่วย ๆ ที่แย่ลงวันละนิดแบบพี่”
นรีมองหน้าผม “ใครจะร้องไห้ คิดว่าตัวเองสำคัญนักรึ”
น้ำเสียงดื้อ ๆ ปากที่ไม่เคยตรงกับใจ ก็มีแต่เมียผมแหละครับที่เป็นแบบเสมอต้นเสมอปลาย
“พี่สำคัญตัวผิดไปจริง ๆ นั่นแหละ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรขนาดนั้น” ผมบอกเสียงอ่อน กับผู้หญิงคนนี้ ถ้าแข็งเข้าหาเธอจะโต้กลับทันที “แล้วนรีรู้จักบีได้ยังไง ไปคุยอะไรกันมาบ้าง”
นรีเล่าให้ผมฟังว่าเธอมาเก็บของช่วงที่ผมยังอยู่โรงพยาบาล จังหวะนั้นบีโทรเข้าหาผมที่มือถือพอดี นรีเก็บเบอร์ของบีไว้และยังไม่ได้คุยอะไรกัน จนกระทั่งเมื่อวานนี้
“คุณบีตกใจมากที่รู้ว่าคุณป่วย เธอไม่รู้เหรอคะ”
“พี่ไม่ได้บอก หลังจากจัดการเรื่องโอนเงินเสร็จ ก็ฝากเรื่องไว้กับเจตน์ ทั้งเรื่องบริษัท กับเรื่องของบี” ผมบอกต่อ
นรีต้องใช้แรงใจมากแค่ไหนนะ ถึงได้กล้าโทรไปหาบีแบบนั้น
“ตอนแรกนรีโทรไปหาเธอ เพราะ…อยากให้เธอมาดูแลคุณให้ หลังจากที่นรีไปเมืองนอก” ร่างเล็กบอกเสียงอ่อน “แต่ความจริงที่คุณบีเล่าให้ฟัง ทำให้นรีมึน คิดอะไรไม่ออก ไปไม่เป็น ต้องไปหาที่ตั้งสติอยู่หลายชั่วโมง”
โธ่เอ๋ยนรี จะไปแล้วยังจะห่วงกัน ... มิน่าเล่า กลับมาบ้านยังทำหน้าตึง ๆ ใส่ผม
“ไม่เป็นไรหรอก พี่อยู่ได้ ให้เก๋หาสถานพักฟื้นคนป่วยไว้เรียบร้อยแล้ว นรีไปเมืองนอกเถอะ เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“…” หญิงสาวพยักหน้า
“ได้บอกนรี พี่ก็สบายใจแล้ว แค่นรีไม่โกรธพี่ก็พอ” ผมดึงร่างเล็กมากอดอีกครั้ง หลับตาลงกดคางลงบนกลุ่มผมนุ่มของเธอ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก นรีรู้เรื่องแล้ว ดังนั้นเธอน่าจะเดินหน้าต่อไปได้ง่ายขึ้น
ผมเองก็จะได้…จากไปแบบหมดห่วงจริง ๆ
เข้าใจความรู้สึกไอ้นุตอนวาระสุดท้ายเลยว่ะ
“มันไม่ได้หายโกรธกันง่าย ๆ หรอกนะ”
ผมพยักหน้า เข้าใจ จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบข้างแก้มนุ่ม
นรีเงยหน้าขึ้น เราสบตากันเงียบ ๆ “ไม่เป็นไรเลย นรีจะโกรธพี่ต่อก็ได้ แต่จากนี้ไปไม่มีพี่แล้ว นรีก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะ พี่รู้ว่าตัวเองทำผิด และนรีคงไม่ให้อภัยง่าย ๆ หรอก แค่ได้เล่าเรื่องนี้ให้นรีฟัง พี่ก็สบายใจมากแล้ว”
คนตรงหน้าผมเหมือนมองหน้าผมอย่างค้นคว้า ผมเองก็สบตาเธอตรง ๆ กวาดสายตาไปรอบใบหน้านั้น อยากเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้
“ผลการผ่าตัดครั้งแรกมันแย่มากใช่ไหม”
“….”
ผมนิ่ง ให้ตายเถอะผมไม่อยากโกหกเธอแล้ว
“เรื่องอีกเรื่องที่นรีไม่ต้องรู้ก็คือ คุณทำพินัยกรรมยกทุกอย่างให้นรี”
ผมชะงักปลายนิ้ว ปลายหางตาของนรีมีน้ำใส ๆ เอ่อล้นขอบตาอีกรอบ วันนี้ผมทำให้เธอร้องไห้มากเหลือเกิน
“นรีเจอมันในลิ้นชักหัวเตียง"
"ก็...เผื่อเราหย่ากัน ยังไง ของทุกอย่างจะได้เป็นของนรี" พระเอกสุด ๆ ไหมล่ะผม จริง ๆ ไม่ใช่อะไรหรอก นรีเป็นโลกทั้งใบของผม ทุกสิ่งทุกอย่างของผมก็ต้องยกให้เธอหมดอยู่แล้ว
"นรีไม่ใช่ตุ๊กตากระเบื้องที่ทนรับความทุกข์อะไรไม่ได้เลยนะคะ”
“นรี”
“คุณเป็นใคร ถึงบังอาจมาคิดอะไรแทนนรี”
คราวนี้ผมก้มหน้า หลบตา เพราะแววตารวดร้าวของคนตรงหน้า
“นรีเกลียดคุณชะมัด”
เชี่ย… เจ็บปวดสัด ๆ ผมบ่นกับตัวเอง ผมรู้ว่าการกระทำแย่ ๆ ของผมน่าจะทำให้เธอเกลียดผมมาก แต่ไม่คิดว่าจะได้ยินเธอบอกกับหูตัวเอง
ผมมันเด็กกำพร้า ไม่มีครอบครัว เจอกับความลำบาก ความเจ็บปวดเสียใจเสียจนเคยชิน ชีวิตแทบจะติดลบมาตลอด เสียจนไม่มีอะไรจะเสีย…ทุกอย่างก็เลยคิดว่าจะรับไว้เองทั้งหมด
…ผมคิดผิดตรงไหน? …
ผมแค่ไม่อยากให้คนที่ผมรักเท่าชีวิตต้องเจ็บปวดไปด้วย
“แต่พี่รักนรี” ผมตอบ “รักเสมอ รักมากกว่าใครทั้งหมดในโลก” บอกแล้วไงว่าชีวิตของผมมันติดลบมาตลอด ศักดิ์ศรีไม่มีอะไรมากนักหรอก
ถ้ารัก...ก็จะบอกว่ารัก
“รักจนทนเห็นนรีร้องไห้เพราะเรื่องของคนอื่น ๆ ที่นรีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้ ถ้านรีจะเกลียด จะร้องไห้ ก็ร้องเพราะพี่ เกลียดพี่ก็ถูกแล้ว อย่างน้อย นรีจะได้คิดถึงพี่ไปอีกนาน ๆ”
“คนบ้า จะตายอยู่แล้วยังมาพูดตลกอยู่ได้”
ผมถูกทุบอีกรอบ คราวนี้แค่ทุบเบา ๆ แล้วก็สะอื้นตัวสั่น ทุบเสร็จเธอก็ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างของผม แล้วปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ
ถึงแม้จะรู้ว่าครั้งนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะความโกรธ หรือเกลียดผมอีกแล้ว แต่ผมก็ไม่อยากเห็นนรีร้องไห้อีกแล้ว
และอย่างที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน ผมลากปลายนิ้วไปเชยคางของนรีขึ้นมา ตาสบตา แล้วผมก็ลดใบหน้าลงไปหา กดจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากบางอย่างที่คิดอยากทำมาตลอดหลายวัน
“ไม่ร้องนะ” ผมกระซิบกับริมฝีปากบาง “ไม่ร้องแล้ว”
นรีดิ้นแบบไม่จริงจังนัก ผมกระชับวงแขนอีกข้างกอดเธอไว้ทั้งตัว ไม่สนใจคนที่พยายามหลบ กดจูบล้ำลึกกว่าครั้งแรก บดเบียดริมฝีปากของตัวเองเข้ากับปากบาง ถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีผ่านริมฝีปากที่รุกไล่ไม่ยอมห่าง ฝ่ามือลูบวนรั้งให้ร่างของเราสองคนแนบชิดกันมากขึ้น
คิดถึง อยากกอด อยากหอม
อยากใช้เวลาที่เหลืออีกน้อยนิดเพื่อความทรงจำสุดท้าย...กับผู้หญิงคนนี้
.
.
.
.
เสียงสะอื้นของร่างเล็กในอ้อมกอดของผมเงียบลงแล้ว แต่เจ้าตัวยังตัวยังสั่นนิด ๆ จนผมอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือขึ้นไปลูบผมนุ่มพร้อมกับโยกตัวเบา ๆ แอบสูดกลิ่นผมหอม ๆ ของเธอเข้าเต็มปอด
การได้กอดนรีไว้เต็มแขนแบบนี้มันให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน...อยากจะกดจมูกลงข้างแก้มของเธอแต่ยังไม่กล้า กลัวว่าจะถูกผละหนี แถมไล่ให้ลงไปข้างล่างเสียก่อน
“ปล่อยกันได้หรือยัง จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง” เธอถามเสียงเบาหลังจากปล่อยให้ผมกอดไว้หลายนาที
ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนเราจะรู้สึกเจ็บปวดและมีความสุขไปด้วยพร้อมกันได้ยังไง… แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วกับตัวเอง
“คุยแบบนี้ได้ไหม” บอกโดยที่พยายามกดเสียงตัวเองให้อ่อนลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “อยากกอดนรีไว้แบบนี้” บอกพลางกดคางลงบนผมนุ่ม แขนก็กอดรัดอีกฝ่ายไว้ทั้งตัว นรีตัวเล็กอยู่แล้ว ยิ่งกินน้อยยิ่งผอม ตอนนี้เหมือนจะจมหายลงไปในอ้อมกอดของผมไปเลย
“อึดอัด” คนตอบบอกแต่ไม่ได้ขยับตัวออก
ผมอมยิ้ม ใจพองฟู ขยับตัวเพื่อคลายอ้อมกอดออกนิดเดียว ไม่เกินสองมิล
“ดีขึ้นไหม”
ส่ายหน้าอีก แต่ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หาเรื่องคุยต่อ
“งั้นพี่เริ่มเล่านะ…”
นรีพยักหน้า
“เมื่อเกือบสิบเดือนก่อน นรีจำได้ไหมว่าบริษัทของพี่ส่งพนักงานทุกคนไปตรวจสุขภาพประจำปี แล้วมีเคสผิดปกติตั้งหลายเคส เพราะความผิดพลาดของระบบคอมพิวเตอร์ จนต้องตรวจกันใหม่เกือบยกบริษัท”
คนในอ้อมกอดพยักหน้าอีกรอบ “จำได้”
“ผลตรวจเลือดของพี่ผิดปกติ หมอขอตรวจเพิ่มเติมให้ละเอียด พี่ไม่ได้บอกนรีเพราะคิดว่าไม่มีอะไรสำคัญมาก นักเหมือนเคสอื่น ๆ ที่ระบบให้ข้อมูลพลาด ในเวลาใกล้ ๆ กัน บีก็มาหาพี่ที่บริษัท”
นรีทำตัวแข็งเมื่อผมเอ่ยถึงผู้หญิงคนนั้น
“เรื่องที่บีมาหา มันย้อนไปก่อนที่ไอ้นุจะตาย นุมันส่งอีเมลมาหาพี่ขอให้ทำอะไรให้สองสามอย่าง บีคือเรื่องหนึ่งที่มันสั่งไว้ พี่ตามหาน้องมาหลายปี ไม่เจอตัวเพราะไปอยู่เมืองนอก จริง ๆ พี่เองก็วุ่นวายหลายเรื่องเลยไม่ได้ตั้งใจหาจริงจังนัก”
คนฟังยังนิ่ง
“อ้อลืมบอกไปว่าบีเป็นน้องรหัสของพี่ที่มหาวิทยาลัย พี่ นุ และบี เรารู้จักกันหลายปีแล้ว พี่กับบีสนิทกันมากราวพี่น้องเพราะเรามีปัญหาเรื่องครอบครัวเหมือนกัน บีไปทำงานต่างจังหวัดหลังจบ ไม่รู้ยังไง ไอ้นุมันพลาดมีอะไรกับบีตอนที่เก๋กำลังท้อง”
นรีนิ่ง ผมถอนหายใจ
“คุณบีเล่าให้ฟังคร่าว ๆ แล้วค่ะ”
“เรื่องมันแย่มากตรงที่ไอ้นุเลิกกับบีแบบไม่ดีนัก มันบอกว่าเมา ไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าบีท้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มันปิดทุกคนมาตลอด แม้แต่พี่ก็ไม่รู้ จนมันจะตายมันถึงเรียกไปฝากว่าขอให้ตามหา แล้วก็ดูแลลูกมันให้ด้วย…”
“คุณบีเล่าว่าเลี้ยงลูกลำบากมาก เพราะพี่นุไม่รับ ไม่สนใจ เธอโกรธพี่นุ แต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องพาลูกไปทำงานที่ต่างประเทศเสียหลายปี”
ผมพยักหน้า “ถ้าพี่รู้ก่อน คงทำอะไรได้บ้าง”
“วันที่นรีไปเจอคุณกับคุณบี…คุณ…จับมือกับเธอ”
หวงใช่ไหม ผมอยากจะยิ้ม แต่ไม่กล้า กลัวคนแถวนี้งอนไม่เลิก
“หลังเลิกกันบีไปอยู่มาเลเซียมาหลายปี กลับมาเพิ่งรู้ว่านุตาย แล้วก็เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โต ก็เลยคิดว่าจะมาทวงสิทธิ์ขอแบ่งทรัพย์สินเพื่อเอาไปดูแลลูก…ทำท่าว่าจะไปหาเก๋ พี่เลยต้องจัดการกล่อม พูดคุยกันอยู่นานกว่าจะเข้าใจ”
“ทำไมไม่บอกพี่เก๋กับนรี เพราะเรื่องมันก็นานมาแล้ว พี่นุก็ตายไปแล้ว ไม่เห็นจะต้องทำตามสัญญา”
“ไม่รู้สิ” ผมบอกตามตรง “ตอนนั้นพี่สับสนมาก ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงดี ตอนนั้นเก๋อยู่ในช่วงตัดสินใจว่าจะแต่งงานใหม่หรือไม่ เคยมาคุยกับพี่ บอกว่าที่คิดมากเพราะกลัวว่าไรอันไม่ดีเท่าเจ้านุ เลยยังไม่กล้าแต่งเสียที พี่ก็เลยคิดว่าอยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน กลัวเก๋รับไม่ได้…ไหนจะยังมีเด็กอีกคนที่อาจต้องแบ่งสมบัติกับลูก ๆ ของเก๋อีก” ผมตอบตามตรง “บีขอคอนโดเพื่อเอาไว้อยู่กับลูกตอนมาเมืองไทย พี่เลยให้เขาเลือกเอาว่าอยากได้ที่ไหน ไม่รู้ว่ามันเป็นคอนโดที่บริษัทของนรีออกแบบ”
หญิงสาวนิ่ง “จับมือกันอย่างกับว่า…”
น้ำเสียงงอนจัด ผมจำได้ดี วันนั้นลิฟต์เปิดออกในจังหวะที่เจ้าน้องรหัสเอนหัวมาพิงไหล่ผมพอดี
นรีหันหน้ากลับไป แต่แค่นั้นผมก็ทันได้เห็นสายตาเจ็บปวดของนรี สายตาที่ทำเอาผมพูดไม่ออก
“บอกแล้วว่าสมัยเรียนพี่สนิทกับบีมาก เราแทบจะเป็นพี่น้องกัน ไม่ได้เจอกันนาน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็กอดคอ จับมือกันเป็นปกติ” ผมตอบ “ตอนนั้นบีเองก็ไม่รู้ว่านรีเป็นใคร แถมพนักงานขายก็คิดว่าเราเป็นคู่สามีภรรยาที่มาซื้อห้องใหม่ บีก็เลยเล่นไปตามน้ำ เผื่อได้ลดราคาพิเศษ”
“ค่ะ”
“เรื่องบีเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ปัญหาก็คือ นุมันขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ มันคงอยากให้เก๋จำมันแต่ภาพของผู้ชายแสนดี พ่อที่รักลูกมาก ๆ ไว้ พี่คิดง่าย ๆ ว่าอย่างน้อยก็ควรเก็บเป็นความลับจนกว่าเก๋จะแต่งงานใหม่ มีไรอันดูแลจริงจังแล้ว ความลับของนุภาพคงไม่กระทบกระเทือนใจเก๋มากนัก”
“คุณก็เลยต้องปิดนรี คิดว่านรีปากสว่างงั้นเหรอคะ” น้ำเสียงคนพูดยังนิ่ง
“ไม่เลย พี่รู้ว่านรีจะช่วยพี่ปิดความลับได้ แต่…นุภาพเป็นสุดยอดฮีโร่ของนรีเหมือนกัน พี่ไม่รู้ว่าถ้าทั้งสองคนรู้ว่ามันมีเรื่องที่ซุกซ่อนไว้ จะมีผลกระทบอะไรบ้าง นรีจะเสียใจแค่ไหน” ผมอธิบายต่อ “พี่แค่คิดว่า ขอจัดการด้วยตัวเองให้เรียบร้อย แล้วค่อยหาเวลาค่อย ๆ อธิบายให้นรีฟัง นรีก็มาเจอภาพที่ทำให้เข้าใจผิดเสียก่อน”
นรีไม่ร้องไห้แล้ว แต่คราบน้ำตายังเปื้อนอยู่ข้างแก้ม อยากจูบซับน้ำตาให้นัก
แต่ไม่กล้า...เพราะตอนนี้เธอมองหน้าผมนิ่ง ๆ ผมเลยได้แต่ทำหน้าเศร้า
“พี่ขอโทษนะ พี่อยากพูดคำนี้มาตลอด อยากขอโทษ แต่ก็พูดไม่ออก ตอนทำพี่คิดง่ายไปว่าทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย จัดการให้เสร็จแล้วค่อยบอก จนกระทั่งนรีรู้โดยบังเอิญ และวันเดียวกันนั้นโรงพยาบาลโทรไปเรียกพี่กลับไปคุยกับหมอแบบด่วน ๆ เรื่องผลแสกนร่างกายพบเนื้องอกที่สมอง ผลที่ไม่ได้เกิดจากข้อผิดพลาดของระบบ”
“วันวาเลนไทน์”
ผมพยักหน้า แขนตกลงข้างตัว วันแห่งความรัก ... แต่มันเหมือนวันที่โลกถล่มไปต่อหน้าสำหรับผม
คิดถึงสภาพของตัวเองในวันนั้น อยากจะกลับไปคุยกับนรีใจจะขาด แต่ก็ต้องแวะโรงพยาบาลก่อน พอรู้เรื่องโรคร้ายของตัวเองก็…นั่งคิดโน่นนี่อยู่คนเดียวที่ร้านเหล้าใกล้บ้านอีกจนดึก
คืนนั้นไม่รู้เพราะความเมา หรือเพราะอะไร ผมสรุปกับตัวเองว่าจะเก็บความลับทุกอย่างนั้นไว้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องบี หรือเรื่องที่ผมกำลังป่วยหนัก
- ผมขอเวลาหกเดือน แล้วค่อยคุยกันได้ไหม -
ตอนนั้นแค่ต้องการซื้อเวลาอีกนิด เพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลาย และตัดสินใจได้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี
“ระหว่างเราจากกันเพราะพี่เป็นโรคร้าย กับเราจากกันเพราะนรีเห็นว่าพี่เป็นคนนอกใจ บางที นรีอาจตัดใจกับเรื่องหลังได้มากกว่า แถมพี่ยังไม่ต้องอธิบายเรื่องของบี เรื่องเงินที่หายไปจากบัญชีหลายสิบล้านตอนนั้น”
“คิดไปเอง” คนพูดยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ข้างแก้มอีกรอบ
“เพราะภาพที่นรีนั่งร้องไห้หน้าโลงศพของเจ้านุ ร้องแบบโลกถล่มทลาย แถมกินไม่ได้นอนไม่หลับอีกหลายเดือนมันยังติดตาพี่อยู่นะ” ผมบอก ยกปลายนิ้วเกลี่ยข้างแก้มนุ่ม สัมผัสได้ถึงความชื้นที่ยังติดอยู่ที่ปลายหางตา “พี่รู้ว่าถ้านรีโกรธ นรีจะตัดพี่ได้เร็วมาก เพราะนรีเป็นคนใจเด็ด แถมมีเพื่อน ๆ คอยดูแล จะได้ไม่ต้องมาดูแลผู้ชายป่วย ๆ ที่แย่ลงวันละนิดแบบพี่”
นรีมองหน้าผม “ใครจะร้องไห้ คิดว่าตัวเองสำคัญนักรึ”
น้ำเสียงดื้อ ๆ ปากที่ไม่เคยตรงกับใจ ก็มีแต่เมียผมแหละครับที่เป็นแบบเสมอต้นเสมอปลาย
“พี่สำคัญตัวผิดไปจริง ๆ นั่นแหละ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรขนาดนั้น” ผมบอกเสียงอ่อน กับผู้หญิงคนนี้ ถ้าแข็งเข้าหาเธอจะโต้กลับทันที “แล้วนรีรู้จักบีได้ยังไง ไปคุยอะไรกันมาบ้าง”
นรีเล่าให้ผมฟังว่าเธอมาเก็บของช่วงที่ผมยังอยู่โรงพยาบาล จังหวะนั้นบีโทรเข้าหาผมที่มือถือพอดี นรีเก็บเบอร์ของบีไว้และยังไม่ได้คุยอะไรกัน จนกระทั่งเมื่อวานนี้
“คุณบีตกใจมากที่รู้ว่าคุณป่วย เธอไม่รู้เหรอคะ”
“พี่ไม่ได้บอก หลังจากจัดการเรื่องโอนเงินเสร็จ ก็ฝากเรื่องไว้กับเจตน์ ทั้งเรื่องบริษัท กับเรื่องของบี” ผมบอกต่อ
นรีต้องใช้แรงใจมากแค่ไหนนะ ถึงได้กล้าโทรไปหาบีแบบนั้น
“ตอนแรกนรีโทรไปหาเธอ เพราะ…อยากให้เธอมาดูแลคุณให้ หลังจากที่นรีไปเมืองนอก” ร่างเล็กบอกเสียงอ่อน “แต่ความจริงที่คุณบีเล่าให้ฟัง ทำให้นรีมึน คิดอะไรไม่ออก ไปไม่เป็น ต้องไปหาที่ตั้งสติอยู่หลายชั่วโมง”
โธ่เอ๋ยนรี จะไปแล้วยังจะห่วงกัน ... มิน่าเล่า กลับมาบ้านยังทำหน้าตึง ๆ ใส่ผม
“ไม่เป็นไรหรอก พี่อยู่ได้ ให้เก๋หาสถานพักฟื้นคนป่วยไว้เรียบร้อยแล้ว นรีไปเมืองนอกเถอะ เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“…” หญิงสาวพยักหน้า
“ได้บอกนรี พี่ก็สบายใจแล้ว แค่นรีไม่โกรธพี่ก็พอ” ผมดึงร่างเล็กมากอดอีกครั้ง หลับตาลงกดคางลงบนกลุ่มผมนุ่มของเธอ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก นรีรู้เรื่องแล้ว ดังนั้นเธอน่าจะเดินหน้าต่อไปได้ง่ายขึ้น
ผมเองก็จะได้…จากไปแบบหมดห่วงจริง ๆ
เข้าใจความรู้สึกไอ้นุตอนวาระสุดท้ายเลยว่ะ
“มันไม่ได้หายโกรธกันง่าย ๆ หรอกนะ”
ผมพยักหน้า เข้าใจ จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบข้างแก้มนุ่ม
นรีเงยหน้าขึ้น เราสบตากันเงียบ ๆ “ไม่เป็นไรเลย นรีจะโกรธพี่ต่อก็ได้ แต่จากนี้ไปไม่มีพี่แล้ว นรีก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะ พี่รู้ว่าตัวเองทำผิด และนรีคงไม่ให้อภัยง่าย ๆ หรอก แค่ได้เล่าเรื่องนี้ให้นรีฟัง พี่ก็สบายใจมากแล้ว”
คนตรงหน้าผมเหมือนมองหน้าผมอย่างค้นคว้า ผมเองก็สบตาเธอตรง ๆ กวาดสายตาไปรอบใบหน้านั้น อยากเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้
“ผลการผ่าตัดครั้งแรกมันแย่มากใช่ไหม”
“….”
ผมนิ่ง ให้ตายเถอะผมไม่อยากโกหกเธอแล้ว
“เรื่องอีกเรื่องที่นรีไม่ต้องรู้ก็คือ คุณทำพินัยกรรมยกทุกอย่างให้นรี”
ผมชะงักปลายนิ้ว ปลายหางตาของนรีมีน้ำใส ๆ เอ่อล้นขอบตาอีกรอบ วันนี้ผมทำให้เธอร้องไห้มากเหลือเกิน
“นรีเจอมันในลิ้นชักหัวเตียง"
"ก็...เผื่อเราหย่ากัน ยังไง ของทุกอย่างจะได้เป็นของนรี" พระเอกสุด ๆ ไหมล่ะผม จริง ๆ ไม่ใช่อะไรหรอก นรีเป็นโลกทั้งใบของผม ทุกสิ่งทุกอย่างของผมก็ต้องยกให้เธอหมดอยู่แล้ว
"นรีไม่ใช่ตุ๊กตากระเบื้องที่ทนรับความทุกข์อะไรไม่ได้เลยนะคะ”
“นรี”
“คุณเป็นใคร ถึงบังอาจมาคิดอะไรแทนนรี”
คราวนี้ผมก้มหน้า หลบตา เพราะแววตารวดร้าวของคนตรงหน้า
“นรีเกลียดคุณชะมัด”
เชี่ย… เจ็บปวดสัด ๆ ผมบ่นกับตัวเอง ผมรู้ว่าการกระทำแย่ ๆ ของผมน่าจะทำให้เธอเกลียดผมมาก แต่ไม่คิดว่าจะได้ยินเธอบอกกับหูตัวเอง
ผมมันเด็กกำพร้า ไม่มีครอบครัว เจอกับความลำบาก ความเจ็บปวดเสียใจเสียจนเคยชิน ชีวิตแทบจะติดลบมาตลอด เสียจนไม่มีอะไรจะเสีย…ทุกอย่างก็เลยคิดว่าจะรับไว้เองทั้งหมด
…ผมคิดผิดตรงไหน? …
ผมแค่ไม่อยากให้คนที่ผมรักเท่าชีวิตต้องเจ็บปวดไปด้วย
“แต่พี่รักนรี” ผมตอบ “รักเสมอ รักมากกว่าใครทั้งหมดในโลก” บอกแล้วไงว่าชีวิตของผมมันติดลบมาตลอด ศักดิ์ศรีไม่มีอะไรมากนักหรอก
ถ้ารัก...ก็จะบอกว่ารัก
“รักจนทนเห็นนรีร้องไห้เพราะเรื่องของคนอื่น ๆ ที่นรีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้ ถ้านรีจะเกลียด จะร้องไห้ ก็ร้องเพราะพี่ เกลียดพี่ก็ถูกแล้ว อย่างน้อย นรีจะได้คิดถึงพี่ไปอีกนาน ๆ”
“คนบ้า จะตายอยู่แล้วยังมาพูดตลกอยู่ได้”
ผมถูกทุบอีกรอบ คราวนี้แค่ทุบเบา ๆ แล้วก็สะอื้นตัวสั่น ทุบเสร็จเธอก็ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างของผม แล้วปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ
ถึงแม้จะรู้ว่าครั้งนี้เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะความโกรธ หรือเกลียดผมอีกแล้ว แต่ผมก็ไม่อยากเห็นนรีร้องไห้อีกแล้ว
และอย่างที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน ผมลากปลายนิ้วไปเชยคางของนรีขึ้นมา ตาสบตา แล้วผมก็ลดใบหน้าลงไปหา กดจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากบางอย่างที่คิดอยากทำมาตลอดหลายวัน
“ไม่ร้องนะ” ผมกระซิบกับริมฝีปากบาง “ไม่ร้องแล้ว”
นรีดิ้นแบบไม่จริงจังนัก ผมกระชับวงแขนอีกข้างกอดเธอไว้ทั้งตัว ไม่สนใจคนที่พยายามหลบ กดจูบล้ำลึกกว่าครั้งแรก บดเบียดริมฝีปากของตัวเองเข้ากับปากบาง ถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีผ่านริมฝีปากที่รุกไล่ไม่ยอมห่าง ฝ่ามือลูบวนรั้งให้ร่างของเราสองคนแนบชิดกันมากขึ้น
คิดถึง อยากกอด อยากหอม
อยากใช้เวลาที่เหลืออีกน้อยนิดเพื่อความทรงจำสุดท้าย...กับผู้หญิงคนนี้
.
.
.
.
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มี.ค. 2565, 19:50:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มี.ค. 2565, 19:50:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 510
<< เส้นขนาน | แค่มี... >> |