วานวาสนา: ร่มเกศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
Tags: พีเรียด โรแมนติก ดราม่า ละคร ช่องวัน อ่านเอา
ตอน: บทที่ 18 แตกหักกันไปข้าง (50%)
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นทำให้เพชราวสีนอนไม่หลับ ถึงแม้จะมีเพื่อนรักอย่างสุภาวดีคอยอยู่เคียงข้างไม่ห่าง และเรียกร้องให้เธอนำเรื่องทั้งหมดไปบอกพระบิดาพระมารดา แต่เพชราวสีก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกเรื่องร้ายแรงนี้ให้ใครฟังทั้งนั้น เธอกำลังเสียใจมาก พิมคือผู้หญิงที่เธอไว้ใจ แม้จะเป็นเพียงคนรับใช้ แต่ในสายตาเธอพิมก็คือเพื่อนอีกคนที่เธอรักและเอ็นดูมาตลอด เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เธอรักและไว้ใจมากที่สุดจะกลับทำร้ายเธอได้อย่างเลือดเย็น
เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันที่ไปดูละครเวทีด้วยกัน วันนั้นพิมได้บอกเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ชายมากรักคนหนึ่ง ตอนแรกเธอก็คิดชิงชังผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้น และสงสารพิมจับใจ แต่มาวันนี้ได้รู้แล้วว่าแท้ที่จริงแล้วผู้ชายที่พิมพูดถึงก็คือหม่อมเจ้าภาณุมาศนั่นเอง! ตอนนั้นพิมเกือบจะบอกความจริงกับเธออยู่แล้ว...แต่หม่อมเจ้าภาณุมาศเข้ามาขวางเสียก่อนอย่างรู้ทัน กอปรกับพฤติกรรมแปลกๆ ระหว่างทั้งสองที่ทำให้เธอสงสัยอยู่หลายครั้งหลายครา ก็ชัดเจนแจ่มแจ้งในวันนี้
คิดแล้วก็เจ็บใจ ทั้งที่ใครๆ ก็บอกว่าเธอฉลาดหนักหนา แต่ทำไมตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองโง่มากเหลือเกิน ไม่คิดว่าคนที่เธอรักทั้งสองจะกล้าหักหลังกันได้ลงคอ
เพชราวสีนั่งร้องไห้ไม่หยุดโดยมีมือเล็กของสุภาวดีคอยปลอบ เธอคงจะไม่โกรธมากขนาดนี้ หากภาณุมาศแสดงความเป็นสุภาพบุรุษสักนิด สารภาพออกมาตรงๆ ว่ากำลังคบหาอยู่กับพิม เธอก็จะยอมรับและยินดีในความรักนั้น และจะถอนหมั้นให้ทันที เพราะไม่อาจใช้สามีร่วมกับใครได้ แต่เขากลับปล่อยให้เธอรับรู้ด้วยตัวเอง หากสุภาวดีไม่สงสัย ไม่พาเธอไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา เธอก็คงจะโง่เง่าเสกสมรสกับเขาโดยไม่รู้เลยว่ามีผู้หญิงอีกคนจะต้องกินน้ำใต้ศอก ยิ่งเขาปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาเนิ่นนาน ฝั่งพิมก็เสียหาย ส่วนเธอก็เสียใจ ไม่มีฝ่ายไหนมีความสุขเลย แต่จะให้เธอดันทุรังเสกสมรสกับเขาต่อไป เธอก็ทำใจไม่ได้ และคงไม่มีหนทางไหนที่ดีไปกว่าการถอนหมั้น...
ตอนนี้เธอยังเจ็บและอยากจะหนีไปให้ไกลๆ คงต้องใช้เวลาสักพักถึงจะลืมบาดแผลที่เขาฝากไว้จนหมด ถึงแม้จะไม่ได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่เธอก็ยังจะสำนึกในพระคุณของพระองค์เจ้าผ่องภาณุรังสีและคุณหญิงกุหลาบอยู่เสมอ และยังคงเห็นเขาเป็นพี่ชายของเธอเช่นนี้ตลอดไป
***********************
เพชราวสีนั่งน้ำตาซึม เอียงศีรษะพิงเสาต้นหนึ่งเป็นหลักให้พออุ่นใจ เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ร่วงลงข้างแก้ม ทำไมเหตุการณ์แบบนี้จะต้องเกิดขึ้นกับเธอด้วย แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วทางเดียวที่จะรับมือกับมันคือการตั้งสติ และเธอก็พร้อมแล้วที่จะนำเรื่องนี้ไปบอกพระบิดาพระมารดา เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกันต่อไป
แต่เมื่อเพชราวสีลุกขึ้น หมุนตัวกลับ เธอก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อหันไปเห็นสีหน้าของใครบางคนพร้อมกับรอยยิ้มเยาะด้วยความสะใจ ดูแล้วพิมคงยังไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ
“หล่อน” เพชราวสีอึ้ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่เธอเคยเรียกว่าเพื่อน แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว
“ของพวกนี้ พิมใช้แล้วมันก็เบื่อ พิมคืนให้ค่ะ” พิมไม่คิดจะยื่นส่งให้ถึงมือ แต่กลับโยนมันลงตรงหน้าเพชราวสี เป็นลังกระดาษใบหนึ่ง ในนั้นมีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องสำอางหลายชิ้นที่เจ้าตัวเคยขอไปจากเพชราวสี และบางส่วนเพชราวสีก็มอบให้เธอเองบ้าง แต่รวมๆ กันแล้ว มันก็คือของเหลือจากเพชราวสีทั้งนั้น
“ไม่จำเป็น! ของพวกนี้สวยงามก็จริง แต่ฉันซื้อมานานแล้วและมันก็เริ่มเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แทนที่ฉันจะใช้ของเก่าตกยุค ฉันไปหาซื้อของใหม่ที่ดีกว่านี้มาใช้แทนไม่ดีกว่าเหรอ”
“พิมก็คิดว่าท่านหญิงยังอาลัยอาวรณ์ของพวกนี้อยู่เสียอีก แต่ถ้าเปลี่ยนใจอยากจะใช้เมื่อไหร่ก็มายืมไปได้นะคะ พิมจะแบ่งให้” พิมกอดอก ยั่วโมโหเพชราวสีไม่เลิก
“ฉันไม่เคยใช้ของร่วมกับใคร และถ้าคิดให้ใครไปแล้ว ฉันไม่มีวันหวนกลับไปมองอีก” เพชราวสีพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างอย่างที่ไม่ได้ใช้บ่อยนัก หลังจากอยู่ด้วยกันมานานหลายเดือน น่าขันที่วันนี้เธอเพิ่งตาสว่าง เห็นธาตุแท้ของอีกฝ่ายที่ไม่ได้งดงามเหมือนรูปกายภายนอกนั้นเลย
“ท่านหญิงเคยถามพิมว่าใครเป็นคนให้สร้อยรูปหัวใจกับพิม ตอนนี้ยังอยากรู้อยู่ไหมคะ”
“เธอกำลังจะบอกอะไร” เพชราวสีถามเสียงสั่น
“ถ้าท่านหญิงมีสมองก็น่าจะคิดได้ ว่าท่านชายไม่เคยรักท่านหญิงเลยแม้แต่น้อย ถ้าท่านรักจริงคงจะให้ของแทนใจอะไรเล็กๆ น้อยๆ กับท่านหญิงบ้าง แต่นี่ไม่มีเลย เพราะคนที่อยู่ในพระทัยท่านเสมอมาก็คือพิมเพียงคนเดียว”
เพชราวสีมองหน้าคนตลบตะแลง แล้วเจ็บแค้นใจ คงจะจริงอย่างที่หล่อนว่า ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาคงไม่ได้รักเธอ เพียงแต่ลุ่มหลงในความงามและฐานะที่เท่าเทียมกัน เพียงอยากจะได้ตัวเธอ แต่ไม่เคยรักเธอที่หัวใจ เธอช่างโง่เง่าที่ให้ใจกับคนแบบนั้น คนที่ไม่เคยรักเธอ อย่างที่เธอเพียรพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างรักกับเขา
แต่คิดดูแล้ว...คนทั้งคู่ก็สมกันดีอยู่หรอก คนหนึ่งก็เห็นแก่ตัว อีกคนก็ขี้อิจฉา จ้องจะเอารัดเอาเปรียบเธอตลอดเวลา หญิงร้ายชายเลวคู่นั้น ไม่ได้มีค่ามากพอให้เธอต้องอาลัยอาวรณ์ขนาดนั้น
เพชราวสีมองเมินไปอีกทาง หากอยู่ต่อปากต่อคำด้วยนานกว่านี้ เธอคงได้ระเบิดอารมณ์ร้ายกาจออกมาให้เห็น จึงเลือกที่จะเดินสวนออกไป และไม่คิดจะมองหน้ากันให้เสียอารมณ์ไปมากกว่านี้ แต่อีกฝ่ายกลับคว้าแขนของเธอไว้ ผลักเธอจนเซ ไม่ยอมให้ไปง่ายๆ
พิมกระตุกยิ้มที่มุมปาก หยิบชุดกระโปรงสีฟ้าแสนสวยที่เพชราวสีเคยให้ พร้อมไฟแช็กทองเหลืองขึ้นมาจุด ลนไฟที่แขนตุ๊กตา ไม่นานไฟร้อนๆ ก็แผดเผาผ้าเนื้อดีลุกลามขึ้นเรื่อยๆ เกินจะควบคุม...
“นั่นหล่อนทำอะไรน่ะ!”
เพชราวสีได้แต่มองอดีตชุดของเธอถูกเผาทิ้งไปต่อหน้าต่อตา เธอรู้สึกโกรธตัวเองที่มองคนผิดไป พระมารดาก็คอยเตือนเธอเสมอ กลัวเธอจะทำดีกับคนที่ไม่เห็นค่า และวันนี้มันก็เป็นจริง เธอยอมรับว่าเสียดายชุดสวยตัวนั้น ถ้าหากวันนั้นเธอไม่ให้พิมไป เลือกที่จะเอาไปบริจาคให้เด็กยากไร้ มันคงจะมีคุณค่ามากกว่านี้
“หล่อนเผาเสื้อผ้าทิ้งทำไม หากไม่ชอบที่ฉันให้ก็แค่คืนมา ไม่ใช่ทำลายข้าวของแบบนี้”
“ไหนท่านหญิงบอกไม่คิดจะหวนกลับมามองอีกไงคะ แล้วถ้าพิมจะเผาเสื้อผ้าพวกนี้ มันก็เป็นสิทธิ์ของพิม เพราะตอนนี้พิมคือเจ้าของของมัน!” พิมแสยะยิ้มไม่สะทกสะท้าน โยนชุดที่เกือบจะไหม้เกรียมลงพื้น ก่อนจะใช้เท้าเหยียบขยี้ให้หนำใจ
เพชราวสีกำมือแน่นจนเล็บแหลมจิกเข้าไปในเนื้อจนรู้สึกเจ็บปวด ก่อนจะพุ่งเข้าไปผลักคนไร้สติเต็มแรง
“หล่อนต้องการอะไร สิ่งที่หล่อนทำกับฉันมันยังไม่พออีกหรือไง”
“ไม่!” พิมตะคอกใส่เพชราวสี แล้วใบหน้าเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเยาะแทน “ท่านหญิงรู้ไหมคะ ตั้งแต่ที่พิมเข้ามาอยู่ในวังราชสาสน์ พิมก็เฝ้ารอวันนี้มาโดยตลอด วันที่จะได้เห็นคุณหนูผู้แสนดีน้ำตาเช็ดหัวเข่า ทุกคนในวังอาจจะรักจะชอบท่าน แต่สำหรับพิมมันมีแต่ความเกลียดชัง บางทีพิมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหม่อมพจนิจเลี้ยงดูลูกสาวยังไงถึงได้มีแต่คนรักคนหลง แต่พอคิดดูแล้วหม่อมพจนิจเองก็เคยเป็นม่ายมา ก่อนจะแต่งงานกับเสด็จ ความร่านคงส่งผ่านสายเลือดมากระมัง เพราะขนาดไอ้คนสวนบ้าใบ้ท่านหญิงก็ยังไม่เว้น...”
พูดได้ถึงประโยคนั้น ฝ่ามือเล็กของเพชราวสีก็ฟาดลงที่ใบหน้าเรียวเต็มแรง เสียงตบดังสนั่นตามความแค้นที่เก็บไว้ ทำเอาคนปากเก่งเมื่อครู่ถึงกับหน้าหันตามแรงตบ
พิมผงะ ยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองด้วยความเจ็บปวด ไม่คิดว่าผู้หญิงนิ่มๆ อย่างเพชราวสี เวลาโกรธจะกล้าตบกล้าตีเป็นเหมือนกัน
“อย่าล่วงเกินคุณแม่ของฉัน” เพชราวสีน้ำตาร่วงเผาะ สุดจะทนกับผู้หญิงคนนี้แล้วจริงๆ
“เพชราวสี!” หม่อมเจ้าภาณุมาศร้องเสียงหลง วิ่งเข้าไปประคองพิมอย่างเห็นใจ เพราะเข้ามาเห็นตอนที่เพชราวสีตบหน้าผู้หญิงของเขาเต็มสองตา
หนังสือวางขายที่ร้านหนังสือ “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ” และช่องทางออนไลน์
ตจว.มีที่ “ร้านเล่า เชียงใหม่”
eBook โหลดได้ที่ App Meb และ App Naiin
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันที่ไปดูละครเวทีด้วยกัน วันนั้นพิมได้บอกเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ชายมากรักคนหนึ่ง ตอนแรกเธอก็คิดชิงชังผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้น และสงสารพิมจับใจ แต่มาวันนี้ได้รู้แล้วว่าแท้ที่จริงแล้วผู้ชายที่พิมพูดถึงก็คือหม่อมเจ้าภาณุมาศนั่นเอง! ตอนนั้นพิมเกือบจะบอกความจริงกับเธออยู่แล้ว...แต่หม่อมเจ้าภาณุมาศเข้ามาขวางเสียก่อนอย่างรู้ทัน กอปรกับพฤติกรรมแปลกๆ ระหว่างทั้งสองที่ทำให้เธอสงสัยอยู่หลายครั้งหลายครา ก็ชัดเจนแจ่มแจ้งในวันนี้
คิดแล้วก็เจ็บใจ ทั้งที่ใครๆ ก็บอกว่าเธอฉลาดหนักหนา แต่ทำไมตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองโง่มากเหลือเกิน ไม่คิดว่าคนที่เธอรักทั้งสองจะกล้าหักหลังกันได้ลงคอ
เพชราวสีนั่งร้องไห้ไม่หยุดโดยมีมือเล็กของสุภาวดีคอยปลอบ เธอคงจะไม่โกรธมากขนาดนี้ หากภาณุมาศแสดงความเป็นสุภาพบุรุษสักนิด สารภาพออกมาตรงๆ ว่ากำลังคบหาอยู่กับพิม เธอก็จะยอมรับและยินดีในความรักนั้น และจะถอนหมั้นให้ทันที เพราะไม่อาจใช้สามีร่วมกับใครได้ แต่เขากลับปล่อยให้เธอรับรู้ด้วยตัวเอง หากสุภาวดีไม่สงสัย ไม่พาเธอไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา เธอก็คงจะโง่เง่าเสกสมรสกับเขาโดยไม่รู้เลยว่ามีผู้หญิงอีกคนจะต้องกินน้ำใต้ศอก ยิ่งเขาปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาเนิ่นนาน ฝั่งพิมก็เสียหาย ส่วนเธอก็เสียใจ ไม่มีฝ่ายไหนมีความสุขเลย แต่จะให้เธอดันทุรังเสกสมรสกับเขาต่อไป เธอก็ทำใจไม่ได้ และคงไม่มีหนทางไหนที่ดีไปกว่าการถอนหมั้น...
ตอนนี้เธอยังเจ็บและอยากจะหนีไปให้ไกลๆ คงต้องใช้เวลาสักพักถึงจะลืมบาดแผลที่เขาฝากไว้จนหมด ถึงแม้จะไม่ได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่เธอก็ยังจะสำนึกในพระคุณของพระองค์เจ้าผ่องภาณุรังสีและคุณหญิงกุหลาบอยู่เสมอ และยังคงเห็นเขาเป็นพี่ชายของเธอเช่นนี้ตลอดไป
***********************
เพชราวสีนั่งน้ำตาซึม เอียงศีรษะพิงเสาต้นหนึ่งเป็นหลักให้พออุ่นใจ เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ร่วงลงข้างแก้ม ทำไมเหตุการณ์แบบนี้จะต้องเกิดขึ้นกับเธอด้วย แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วทางเดียวที่จะรับมือกับมันคือการตั้งสติ และเธอก็พร้อมแล้วที่จะนำเรื่องนี้ไปบอกพระบิดาพระมารดา เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกันต่อไป
แต่เมื่อเพชราวสีลุกขึ้น หมุนตัวกลับ เธอก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อหันไปเห็นสีหน้าของใครบางคนพร้อมกับรอยยิ้มเยาะด้วยความสะใจ ดูแล้วพิมคงยังไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ
“หล่อน” เพชราวสีอึ้ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่เธอเคยเรียกว่าเพื่อน แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว
“ของพวกนี้ พิมใช้แล้วมันก็เบื่อ พิมคืนให้ค่ะ” พิมไม่คิดจะยื่นส่งให้ถึงมือ แต่กลับโยนมันลงตรงหน้าเพชราวสี เป็นลังกระดาษใบหนึ่ง ในนั้นมีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องสำอางหลายชิ้นที่เจ้าตัวเคยขอไปจากเพชราวสี และบางส่วนเพชราวสีก็มอบให้เธอเองบ้าง แต่รวมๆ กันแล้ว มันก็คือของเหลือจากเพชราวสีทั้งนั้น
“ไม่จำเป็น! ของพวกนี้สวยงามก็จริง แต่ฉันซื้อมานานแล้วและมันก็เริ่มเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แทนที่ฉันจะใช้ของเก่าตกยุค ฉันไปหาซื้อของใหม่ที่ดีกว่านี้มาใช้แทนไม่ดีกว่าเหรอ”
“พิมก็คิดว่าท่านหญิงยังอาลัยอาวรณ์ของพวกนี้อยู่เสียอีก แต่ถ้าเปลี่ยนใจอยากจะใช้เมื่อไหร่ก็มายืมไปได้นะคะ พิมจะแบ่งให้” พิมกอดอก ยั่วโมโหเพชราวสีไม่เลิก
“ฉันไม่เคยใช้ของร่วมกับใคร และถ้าคิดให้ใครไปแล้ว ฉันไม่มีวันหวนกลับไปมองอีก” เพชราวสีพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างอย่างที่ไม่ได้ใช้บ่อยนัก หลังจากอยู่ด้วยกันมานานหลายเดือน น่าขันที่วันนี้เธอเพิ่งตาสว่าง เห็นธาตุแท้ของอีกฝ่ายที่ไม่ได้งดงามเหมือนรูปกายภายนอกนั้นเลย
“ท่านหญิงเคยถามพิมว่าใครเป็นคนให้สร้อยรูปหัวใจกับพิม ตอนนี้ยังอยากรู้อยู่ไหมคะ”
“เธอกำลังจะบอกอะไร” เพชราวสีถามเสียงสั่น
“ถ้าท่านหญิงมีสมองก็น่าจะคิดได้ ว่าท่านชายไม่เคยรักท่านหญิงเลยแม้แต่น้อย ถ้าท่านรักจริงคงจะให้ของแทนใจอะไรเล็กๆ น้อยๆ กับท่านหญิงบ้าง แต่นี่ไม่มีเลย เพราะคนที่อยู่ในพระทัยท่านเสมอมาก็คือพิมเพียงคนเดียว”
เพชราวสีมองหน้าคนตลบตะแลง แล้วเจ็บแค้นใจ คงจะจริงอย่างที่หล่อนว่า ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาคงไม่ได้รักเธอ เพียงแต่ลุ่มหลงในความงามและฐานะที่เท่าเทียมกัน เพียงอยากจะได้ตัวเธอ แต่ไม่เคยรักเธอที่หัวใจ เธอช่างโง่เง่าที่ให้ใจกับคนแบบนั้น คนที่ไม่เคยรักเธอ อย่างที่เธอเพียรพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างรักกับเขา
แต่คิดดูแล้ว...คนทั้งคู่ก็สมกันดีอยู่หรอก คนหนึ่งก็เห็นแก่ตัว อีกคนก็ขี้อิจฉา จ้องจะเอารัดเอาเปรียบเธอตลอดเวลา หญิงร้ายชายเลวคู่นั้น ไม่ได้มีค่ามากพอให้เธอต้องอาลัยอาวรณ์ขนาดนั้น
เพชราวสีมองเมินไปอีกทาง หากอยู่ต่อปากต่อคำด้วยนานกว่านี้ เธอคงได้ระเบิดอารมณ์ร้ายกาจออกมาให้เห็น จึงเลือกที่จะเดินสวนออกไป และไม่คิดจะมองหน้ากันให้เสียอารมณ์ไปมากกว่านี้ แต่อีกฝ่ายกลับคว้าแขนของเธอไว้ ผลักเธอจนเซ ไม่ยอมให้ไปง่ายๆ
พิมกระตุกยิ้มที่มุมปาก หยิบชุดกระโปรงสีฟ้าแสนสวยที่เพชราวสีเคยให้ พร้อมไฟแช็กทองเหลืองขึ้นมาจุด ลนไฟที่แขนตุ๊กตา ไม่นานไฟร้อนๆ ก็แผดเผาผ้าเนื้อดีลุกลามขึ้นเรื่อยๆ เกินจะควบคุม...
“นั่นหล่อนทำอะไรน่ะ!”
เพชราวสีได้แต่มองอดีตชุดของเธอถูกเผาทิ้งไปต่อหน้าต่อตา เธอรู้สึกโกรธตัวเองที่มองคนผิดไป พระมารดาก็คอยเตือนเธอเสมอ กลัวเธอจะทำดีกับคนที่ไม่เห็นค่า และวันนี้มันก็เป็นจริง เธอยอมรับว่าเสียดายชุดสวยตัวนั้น ถ้าหากวันนั้นเธอไม่ให้พิมไป เลือกที่จะเอาไปบริจาคให้เด็กยากไร้ มันคงจะมีคุณค่ามากกว่านี้
“หล่อนเผาเสื้อผ้าทิ้งทำไม หากไม่ชอบที่ฉันให้ก็แค่คืนมา ไม่ใช่ทำลายข้าวของแบบนี้”
“ไหนท่านหญิงบอกไม่คิดจะหวนกลับมามองอีกไงคะ แล้วถ้าพิมจะเผาเสื้อผ้าพวกนี้ มันก็เป็นสิทธิ์ของพิม เพราะตอนนี้พิมคือเจ้าของของมัน!” พิมแสยะยิ้มไม่สะทกสะท้าน โยนชุดที่เกือบจะไหม้เกรียมลงพื้น ก่อนจะใช้เท้าเหยียบขยี้ให้หนำใจ
เพชราวสีกำมือแน่นจนเล็บแหลมจิกเข้าไปในเนื้อจนรู้สึกเจ็บปวด ก่อนจะพุ่งเข้าไปผลักคนไร้สติเต็มแรง
“หล่อนต้องการอะไร สิ่งที่หล่อนทำกับฉันมันยังไม่พออีกหรือไง”
“ไม่!” พิมตะคอกใส่เพชราวสี แล้วใบหน้าเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเยาะแทน “ท่านหญิงรู้ไหมคะ ตั้งแต่ที่พิมเข้ามาอยู่ในวังราชสาสน์ พิมก็เฝ้ารอวันนี้มาโดยตลอด วันที่จะได้เห็นคุณหนูผู้แสนดีน้ำตาเช็ดหัวเข่า ทุกคนในวังอาจจะรักจะชอบท่าน แต่สำหรับพิมมันมีแต่ความเกลียดชัง บางทีพิมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหม่อมพจนิจเลี้ยงดูลูกสาวยังไงถึงได้มีแต่คนรักคนหลง แต่พอคิดดูแล้วหม่อมพจนิจเองก็เคยเป็นม่ายมา ก่อนจะแต่งงานกับเสด็จ ความร่านคงส่งผ่านสายเลือดมากระมัง เพราะขนาดไอ้คนสวนบ้าใบ้ท่านหญิงก็ยังไม่เว้น...”
พูดได้ถึงประโยคนั้น ฝ่ามือเล็กของเพชราวสีก็ฟาดลงที่ใบหน้าเรียวเต็มแรง เสียงตบดังสนั่นตามความแค้นที่เก็บไว้ ทำเอาคนปากเก่งเมื่อครู่ถึงกับหน้าหันตามแรงตบ
พิมผงะ ยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองด้วยความเจ็บปวด ไม่คิดว่าผู้หญิงนิ่มๆ อย่างเพชราวสี เวลาโกรธจะกล้าตบกล้าตีเป็นเหมือนกัน
“อย่าล่วงเกินคุณแม่ของฉัน” เพชราวสีน้ำตาร่วงเผาะ สุดจะทนกับผู้หญิงคนนี้แล้วจริงๆ
“เพชราวสี!” หม่อมเจ้าภาณุมาศร้องเสียงหลง วิ่งเข้าไปประคองพิมอย่างเห็นใจ เพราะเข้ามาเห็นตอนที่เพชราวสีตบหน้าผู้หญิงของเขาเต็มสองตา
หนังสือวางขายที่ร้านหนังสือ “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ” และช่องทางออนไลน์
ตจว.มีที่ “ร้านเล่า เชียงใหม่”
eBook โหลดได้ที่ App Meb และ App Naiin
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ค. 2565, 18:39:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ค. 2565, 23:33:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 251
<< บทที่ 17 สร้อยวิรุณวงษ์ (100%) | Flash Sale!! + บทที่ 18 แตกหักกันไปข้าง (100%) >> |