วานวาสนา: ร่มเกศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
Tags: พีเรียด โรแมนติก ดราม่า ละคร ช่องวัน อ่านเอา
ตอน: บทที่ 20 เสียงปืนกลางป่า (100%)
ดวงตากลมโตตื่นตระหนก เพชราวสีรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร... เธอพยายามตั้งสติ เวลานี้ไม่มีใครจะช่วยเธอได้นอกจากปัญญาของตัวเอง
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะคนดี เดี๋ยวพี่เจิดคนนี้จะจัดให้ถึงใจเลยทีเดียว” เจิดยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ กระซิบที่ข้างหู กล่อมเธอด้วยเสียงหวาน แต่โชคเข้าข้าง หญิงสาวเหลือบไปเห็นกระบอกปืนที่เสียบอยู่ขอบกางเกงด้านหลังของเจิด
ด้านไอ้เจิดเองก็ชะล่าใจ คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเพชราวสีคงจะไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่หารู้ไม่ว่าเธอมีความกล้าหาญเป็นที่หนึ่ง!
ทันใดนั้นเอง มือไวก็เข้าไปฉกปืนมาจากด้านหลังเจิด ทำเอาเจิดสะดุ้ง รู้ตัวอีกทีเพชราวสีก็ถีบร่างใหญ่กระเด็นออกห่างอย่างแรง ถึงแม้จะยังยืนไม่ได้เพราะถูกมัดขาไว้ แต่เธอก็อุ่นใจที่มีอาวุธป้องกันตัว
“อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้นฉันยิงจริงๆ ด้วย” เพชราวสีหันกระบอกปืนจ่อไปที่ทั้งสองสลับไปมาอย่างหวาดระแวง แม้จะใช้ปืนไม่เป็น แต่เมื่อถึงคราว เธอก็จะสู้สุดใจ จะไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีง่ายๆ เด็ดขาด
“โวะ! สงสัยกระหม่อมคงจะประเมินท่านหญิงวสีต่ำไป”
“พวกแกรู้ชื่อฉันได้ยังไง” เพชราวสีเฉลียวใจ เธอค่อนข้างมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักสองคนนี้มาก่อนแน่ๆ
“จะรู้มาจากไหนไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ว่าตอนนี้ เวลานี้ ท่านหญิงหนีกระหม่อมไม่รอด”
เจิดกระตุกยิ้มที่มุมปาก ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนั้นจะมีปัญญาทำอะไรได้ เจิดพุ่งเข้าไปจะรวบตัวร่างเล็กให้ยอมจำนน แต่เธอเอาจริง ยิงขู่ไปที่พื้นเสียงดังรัวๆ เจิดกับพงษ์ที่รักตัวกลัวตาย วิ่งหลบลูกกระสุนกันแทบไม่ทัน
สิ้นเสียงปืนครั้งสุดท้าย เพชราวสีแทบไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นภาพชายหนุ่มที่คุ้นเคยวิ่งเข้ามาหาเธอราวกับความฝัน ผู้ชายคนนั้นมาช่วยเธอ อย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะมา... เพชราวสีน้ำตาเอ่อคลอ มันไหลพรากออกมาเป็นความรู้สึกดีใจ จนพูดไม่ออก
“น้อย...”
น้อยวิ่งเข้ามาหาเพชราวสีด้วยความตกใจ เห็นเธอน้ำตานองหน้า เนื้อตัวก็มีรอยฟกช้ำ แถมยังถูกมัดมือมัดเท้าไว้แน่น ไม่รู้ว่าก่อนที่เขาจะมาถึง เธอจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง แค่คิดก็ใจแทบสลาย...ไม่มีเวลาพิรี้พิไรหน้าที่ของเขาในตอนนี้ คือปกป้องเธอให้ปลอดภัย จะไม่ให้ใครหรืออะไรมาทำร้ายเธอได้อีก
“ช่วยฉันด้วย พวกมันจะข่มเหงฉัน”
น้อยพยักหน้า รีบแก้มัดให้เธออย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่เหตุการณ์วุ่นวาย เป็นไปด้วยความตึงเครียดลุ้นระทึก อีกมุมหนึ่งของป่า ปรีชาและชาติชายที่ขี่ม้ากลับออกมาจากน้ำตกพอดี แม้อยู่ในระยะที่ห่างไกลกันพอสมควร แต่ทั้งสองก็ไม่ได้สายตาสั้นจนมองไม่เห็นน้อยกับเพชราวสี เหมือนกำลังทำอะไรบางอย่างท่าทางร้อนรน
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินเสียงปืนอยู่เหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะเป็นพวกล่าสัตว์ในป่าจึงไม่ได้สนใจอะไร พอเห็นน้อยกับเพชราวสีเท่านั้น ความ คิดอกุศลก็แล่นเข้ามาในหัวทันที ทั้งสองคนกระตุกยิ้มหันไปมองหน้ากัน มีเรื่องสนุกให้ทำแล้วสิ!
ปรีชาและชาติชาย ควบม้าออกจากป่าไปอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทันได้เห็นเจิดกับพงษ์ ที่ตรงเข้ามาทำร้ายน้อยในเวลาต่อมา...
“ไอ้น้อย! มึงอีกแล้วเรอะ”
ในขณะที่น้อยกำลังก้มหน้าก้มตาแก้มัดเพชราวสีอย่างเร่งรีบ เจิดก็คว้าท่อนไม้ฟาดเข้าที่แผ่นหลัง จนน้อยล้มฟุบลงไปต่อหน้าต่อตาเพชราวสี
ด้านพงษ์ที่ร่วมมือกับเจิดเป็นอย่างดี เห็นปืนที่วางอยู่ไม่มีใครสนใจ กำลังจะคว้าปืนส่งให้เจิดไปจัดการน้อย แต่เพชราวสีรู้ทัน รีบเข้าไปยื้อแย่งปืนกับพงษ์ไม่ยอมให้ไปง่ายๆ พงษ์รำคาญปัดมือหนาใส่หน้านวลไปหนึ่งฉาด จนเพชราวสีล้มลงไปกองกับพื้น น้อยมองร่างเล็กฟุบลงไปอึ้งค้าง เมื่อเห็นหญิงที่รักเจ็บ เหมือนมีคมมีดนับพันเข้ามาทิ่มแทงที่กลางใจ
ดวงตาวาวโรจน์ เห็นประกายไฟลุกโชนในตาสีนิล น้อยลุกขึ้นมาเหวี่ยงหมัดล้างแค้นใส่สันกรามของเจิดไปด้วยโทสะ จนเจิดล้มน็อกลงไปปากแตก
เท้าใหญ่เดินหน้าเข้าหาคนที่ทำร้ายเพชราวสี พงษ์จ่อกระบอกปืนมาทางน้อย แต่ความคั่งแค้นในใจมีอำนาจมากกว่านั้น เขาไม่เคยกลัวตาย หากต้องเสี่ยงเพื่อคนที่รักแล้ว ต่อให้มีปืนนับสิบกระบอกมาจ่ออยู่ที่หัวเขาก็จะสู้สุดใจขาดดิ้น
ไวเพียงพริบตาเดียว ไม่ทันให้คู่ต่อสู้ได้มีเวลา บาทาก็ถีบเข้าที่ยอดหน้าพงษ์ แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พงษ์ลั่นไกใส่น้อย!
ลูกปืนหนึ่งนัดพุ่งเข้าถากสีข้างชายหนุ่มไป เฉียดจุดสำคัญไปอย่างหวุดหวิด น้อยหยุดชะงัก มีเลือดออกแต่ไม่มาก แผลแค่นี้ไม่ระคายเขาหรอก
ทันทีที่พงษ์เผลอ น้อยก็เตะซ้ำเข้าไปอีกรอบอย่างดุเดือด แต่พงษ์ก็ไม่ยอมพอกัน จ่อปืนใส่หน้าน้อย แต่ไม่ไวเท่ามือหนาที่หักข้อมือเขาจนพลิก ช่วงชิงปืนมาไว้กับตัว แล้วหันปากกระบอกปืนจ่อหน้าพงษ์แทน
จากนั้นเจิดจะวิ่งเข้ามาล็อกคออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่น้อยก็ไม่ยอมเพลี่ยงพล้ำให้ง่ายๆ กระทุ้งศอกเข้าใส่สีข้างไอ้เจิดไปหลายครั้ง เมื่อเจิดเริ่มอ่อนแรง น้อยก็หันกลับมา หมุนขาใส่หน้าคร้าม ก่อนจะกระชากคอเสื้อขึ้นมาอัดซ้ำจนเจิดเสียศูนย์ล้มทรุดลงไปเอง ตามด้วยยิงปืนขู่ดังปัง ทำเอาพงษ์รีบเข้าไปหามเพื่อนรักที่นอนสลบอยู่ไม่เป็นท่า
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” พงษ์ขู่กลับอย่างอาฆาตมาดร้าย ก่อนจะแบกร่างเจิดหายลับเข้าไปในป่า สิ้นลายโจร
น้อยจ้องศัตรูทั้งสองตาเป็นมัน กัดฟันกรอดอยากจะวิสามัญพวกมารสังคมให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครอีก แต่เพราะไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพียงเท่านี้ก็น่าจะสาสมแล้ว เรื่องจับตัวผู้ร้ายก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปก็แล้วกัน
ทันทีที่เจิดกับพงษ์ถอยกรูดออกไปแล้ว น้อยก็วิ่งเข้าไปดูร่างบอบบางที่ยังคงนอนนิ่ง ลืมความเจ็บปวดบริเวณสีข้างที่ตนได้รับไปสนิท
น้อยรวบร่างบางเข้ามากอดกระชับแนบอก เห็นดวงหน้าหวานซึ้งมีแผลที่มุมปาก สัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วเบาเชื่องช้า พอกดไปที่ชีพจรของเธอก็พบว่ายังเต้นอยู่ปกติ
“น้อย... ฉันเจ็บ” เสียงกระซิบแหบพร่านั้นทำให้เขารู้ว่าเธอยังพอมีสติ แต่เธอจะรู้บ้างไหมว่าทำเขาปวดร้าวไปทั้งใจ สำหรับเขาแล้วไม่มีอะไรในโลกนี้ ที่จะสำคัญและมีความหมายยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว น้อยจึงรีบตวัดร่างบางขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมแขน เดินออกมาจากป่า จากนั้นก็พาเธอนั่งซ้อนท้ายจักรยานที่เขาจอดทิ้งไว้ก่อนสะกดรอยตามมา รีบปั่นกลับไปยังเส้นทางเดิมอย่างรวดเร็ว
หนังสือวางขายที่ร้านหนังสือ “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ” และช่องทางออนไลน์
ตจว.มีที่ “ร้านเล่า เชียงใหม่”
eBook โหลดได้ที่ App Meb และ App Naiin
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะคนดี เดี๋ยวพี่เจิดคนนี้จะจัดให้ถึงใจเลยทีเดียว” เจิดยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ กระซิบที่ข้างหู กล่อมเธอด้วยเสียงหวาน แต่โชคเข้าข้าง หญิงสาวเหลือบไปเห็นกระบอกปืนที่เสียบอยู่ขอบกางเกงด้านหลังของเจิด
ด้านไอ้เจิดเองก็ชะล่าใจ คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเพชราวสีคงจะไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่หารู้ไม่ว่าเธอมีความกล้าหาญเป็นที่หนึ่ง!
ทันใดนั้นเอง มือไวก็เข้าไปฉกปืนมาจากด้านหลังเจิด ทำเอาเจิดสะดุ้ง รู้ตัวอีกทีเพชราวสีก็ถีบร่างใหญ่กระเด็นออกห่างอย่างแรง ถึงแม้จะยังยืนไม่ได้เพราะถูกมัดขาไว้ แต่เธอก็อุ่นใจที่มีอาวุธป้องกันตัว
“อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้นฉันยิงจริงๆ ด้วย” เพชราวสีหันกระบอกปืนจ่อไปที่ทั้งสองสลับไปมาอย่างหวาดระแวง แม้จะใช้ปืนไม่เป็น แต่เมื่อถึงคราว เธอก็จะสู้สุดใจ จะไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีง่ายๆ เด็ดขาด
“โวะ! สงสัยกระหม่อมคงจะประเมินท่านหญิงวสีต่ำไป”
“พวกแกรู้ชื่อฉันได้ยังไง” เพชราวสีเฉลียวใจ เธอค่อนข้างมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักสองคนนี้มาก่อนแน่ๆ
“จะรู้มาจากไหนไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ว่าตอนนี้ เวลานี้ ท่านหญิงหนีกระหม่อมไม่รอด”
เจิดกระตุกยิ้มที่มุมปาก ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนั้นจะมีปัญญาทำอะไรได้ เจิดพุ่งเข้าไปจะรวบตัวร่างเล็กให้ยอมจำนน แต่เธอเอาจริง ยิงขู่ไปที่พื้นเสียงดังรัวๆ เจิดกับพงษ์ที่รักตัวกลัวตาย วิ่งหลบลูกกระสุนกันแทบไม่ทัน
สิ้นเสียงปืนครั้งสุดท้าย เพชราวสีแทบไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นภาพชายหนุ่มที่คุ้นเคยวิ่งเข้ามาหาเธอราวกับความฝัน ผู้ชายคนนั้นมาช่วยเธอ อย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะมา... เพชราวสีน้ำตาเอ่อคลอ มันไหลพรากออกมาเป็นความรู้สึกดีใจ จนพูดไม่ออก
“น้อย...”
น้อยวิ่งเข้ามาหาเพชราวสีด้วยความตกใจ เห็นเธอน้ำตานองหน้า เนื้อตัวก็มีรอยฟกช้ำ แถมยังถูกมัดมือมัดเท้าไว้แน่น ไม่รู้ว่าก่อนที่เขาจะมาถึง เธอจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง แค่คิดก็ใจแทบสลาย...ไม่มีเวลาพิรี้พิไรหน้าที่ของเขาในตอนนี้ คือปกป้องเธอให้ปลอดภัย จะไม่ให้ใครหรืออะไรมาทำร้ายเธอได้อีก
“ช่วยฉันด้วย พวกมันจะข่มเหงฉัน”
น้อยพยักหน้า รีบแก้มัดให้เธออย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่เหตุการณ์วุ่นวาย เป็นไปด้วยความตึงเครียดลุ้นระทึก อีกมุมหนึ่งของป่า ปรีชาและชาติชายที่ขี่ม้ากลับออกมาจากน้ำตกพอดี แม้อยู่ในระยะที่ห่างไกลกันพอสมควร แต่ทั้งสองก็ไม่ได้สายตาสั้นจนมองไม่เห็นน้อยกับเพชราวสี เหมือนกำลังทำอะไรบางอย่างท่าทางร้อนรน
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินเสียงปืนอยู่เหมือนกัน แต่คิดว่าน่าจะเป็นพวกล่าสัตว์ในป่าจึงไม่ได้สนใจอะไร พอเห็นน้อยกับเพชราวสีเท่านั้น ความ คิดอกุศลก็แล่นเข้ามาในหัวทันที ทั้งสองคนกระตุกยิ้มหันไปมองหน้ากัน มีเรื่องสนุกให้ทำแล้วสิ!
ปรีชาและชาติชาย ควบม้าออกจากป่าไปอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทันได้เห็นเจิดกับพงษ์ ที่ตรงเข้ามาทำร้ายน้อยในเวลาต่อมา...
“ไอ้น้อย! มึงอีกแล้วเรอะ”
ในขณะที่น้อยกำลังก้มหน้าก้มตาแก้มัดเพชราวสีอย่างเร่งรีบ เจิดก็คว้าท่อนไม้ฟาดเข้าที่แผ่นหลัง จนน้อยล้มฟุบลงไปต่อหน้าต่อตาเพชราวสี
ด้านพงษ์ที่ร่วมมือกับเจิดเป็นอย่างดี เห็นปืนที่วางอยู่ไม่มีใครสนใจ กำลังจะคว้าปืนส่งให้เจิดไปจัดการน้อย แต่เพชราวสีรู้ทัน รีบเข้าไปยื้อแย่งปืนกับพงษ์ไม่ยอมให้ไปง่ายๆ พงษ์รำคาญปัดมือหนาใส่หน้านวลไปหนึ่งฉาด จนเพชราวสีล้มลงไปกองกับพื้น น้อยมองร่างเล็กฟุบลงไปอึ้งค้าง เมื่อเห็นหญิงที่รักเจ็บ เหมือนมีคมมีดนับพันเข้ามาทิ่มแทงที่กลางใจ
ดวงตาวาวโรจน์ เห็นประกายไฟลุกโชนในตาสีนิล น้อยลุกขึ้นมาเหวี่ยงหมัดล้างแค้นใส่สันกรามของเจิดไปด้วยโทสะ จนเจิดล้มน็อกลงไปปากแตก
เท้าใหญ่เดินหน้าเข้าหาคนที่ทำร้ายเพชราวสี พงษ์จ่อกระบอกปืนมาทางน้อย แต่ความคั่งแค้นในใจมีอำนาจมากกว่านั้น เขาไม่เคยกลัวตาย หากต้องเสี่ยงเพื่อคนที่รักแล้ว ต่อให้มีปืนนับสิบกระบอกมาจ่ออยู่ที่หัวเขาก็จะสู้สุดใจขาดดิ้น
ไวเพียงพริบตาเดียว ไม่ทันให้คู่ต่อสู้ได้มีเวลา บาทาก็ถีบเข้าที่ยอดหน้าพงษ์ แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พงษ์ลั่นไกใส่น้อย!
ลูกปืนหนึ่งนัดพุ่งเข้าถากสีข้างชายหนุ่มไป เฉียดจุดสำคัญไปอย่างหวุดหวิด น้อยหยุดชะงัก มีเลือดออกแต่ไม่มาก แผลแค่นี้ไม่ระคายเขาหรอก
ทันทีที่พงษ์เผลอ น้อยก็เตะซ้ำเข้าไปอีกรอบอย่างดุเดือด แต่พงษ์ก็ไม่ยอมพอกัน จ่อปืนใส่หน้าน้อย แต่ไม่ไวเท่ามือหนาที่หักข้อมือเขาจนพลิก ช่วงชิงปืนมาไว้กับตัว แล้วหันปากกระบอกปืนจ่อหน้าพงษ์แทน
จากนั้นเจิดจะวิ่งเข้ามาล็อกคออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่น้อยก็ไม่ยอมเพลี่ยงพล้ำให้ง่ายๆ กระทุ้งศอกเข้าใส่สีข้างไอ้เจิดไปหลายครั้ง เมื่อเจิดเริ่มอ่อนแรง น้อยก็หันกลับมา หมุนขาใส่หน้าคร้าม ก่อนจะกระชากคอเสื้อขึ้นมาอัดซ้ำจนเจิดเสียศูนย์ล้มทรุดลงไปเอง ตามด้วยยิงปืนขู่ดังปัง ทำเอาพงษ์รีบเข้าไปหามเพื่อนรักที่นอนสลบอยู่ไม่เป็นท่า
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” พงษ์ขู่กลับอย่างอาฆาตมาดร้าย ก่อนจะแบกร่างเจิดหายลับเข้าไปในป่า สิ้นลายโจร
น้อยจ้องศัตรูทั้งสองตาเป็นมัน กัดฟันกรอดอยากจะวิสามัญพวกมารสังคมให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครอีก แต่เพราะไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพียงเท่านี้ก็น่าจะสาสมแล้ว เรื่องจับตัวผู้ร้ายก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปก็แล้วกัน
ทันทีที่เจิดกับพงษ์ถอยกรูดออกไปแล้ว น้อยก็วิ่งเข้าไปดูร่างบอบบางที่ยังคงนอนนิ่ง ลืมความเจ็บปวดบริเวณสีข้างที่ตนได้รับไปสนิท
น้อยรวบร่างบางเข้ามากอดกระชับแนบอก เห็นดวงหน้าหวานซึ้งมีแผลที่มุมปาก สัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วเบาเชื่องช้า พอกดไปที่ชีพจรของเธอก็พบว่ายังเต้นอยู่ปกติ
“น้อย... ฉันเจ็บ” เสียงกระซิบแหบพร่านั้นทำให้เขารู้ว่าเธอยังพอมีสติ แต่เธอจะรู้บ้างไหมว่าทำเขาปวดร้าวไปทั้งใจ สำหรับเขาแล้วไม่มีอะไรในโลกนี้ ที่จะสำคัญและมีความหมายยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว น้อยจึงรีบตวัดร่างบางขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมแขน เดินออกมาจากป่า จากนั้นก็พาเธอนั่งซ้อนท้ายจักรยานที่เขาจอดทิ้งไว้ก่อนสะกดรอยตามมา รีบปั่นกลับไปยังเส้นทางเดิมอย่างรวดเร็ว
หนังสือวางขายที่ร้านหนังสือ “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ” และช่องทางออนไลน์
ตจว.มีที่ “ร้านเล่า เชียงใหม่”
eBook โหลดได้ที่ App Meb และ App Naiin
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มิ.ย. 2565, 21:16:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 มิ.ย. 2565, 21:16:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 260
<< บทที่ 20 เสียงปืนกลางป่า (70%) | บทที่ 21 ใจปั่นป่วน (40%) >> |