กรงตะวัน: ดาริยา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
ความรักแสนงดงามก่อเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศชวนฝัน ในดินแดนแห่งทิวลิป ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์
ใครจะคาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เอกตะวัน' อาจารย์หนุ่มลูกครึ่งไทย-ดัตช์ และ 'จันทร์กันยา' ลูกศิษย์สาวชาวไทยอันน่าประทับใจจะกลับกลายจากหวานเป็นขม เพราะปมแค้น ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมามากมาย
‘กรง’ ที่ชายหนุ่มพยายามกักขังเธอไว้ในแดนทิวลิปนั้น แม้เขาจะมุ่งมั่นให้เธอทุกข์ทรมาน แต่ทำไมเขากลับทุกข์ทรมานมากกว่า
หรือ ‘กรงแค้น’ ที่เขาสร้างขึ้นแท้จริงแล้วมันคือ ‘กรงรัก’ กักขังผูกมัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันจนดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ดาริยา" นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง "ทะเลลวง" ที่เคยเป็นละครทางช่อง 7 มาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ดาริยานำนิยายโรแมนติก ดราม่ามาให้อ่านกันค่ะ และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60% ของเรื่องนะคะ
ความรักแสนงดงามก่อเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศชวนฝัน ในดินแดนแห่งทิวลิป ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์
ใครจะคาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เอกตะวัน' อาจารย์หนุ่มลูกครึ่งไทย-ดัตช์ และ 'จันทร์กันยา' ลูกศิษย์สาวชาวไทยอันน่าประทับใจจะกลับกลายจากหวานเป็นขม เพราะปมแค้น ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมามากมาย
‘กรง’ ที่ชายหนุ่มพยายามกักขังเธอไว้ในแดนทิวลิปนั้น แม้เขาจะมุ่งมั่นให้เธอทุกข์ทรมาน แต่ทำไมเขากลับทุกข์ทรมานมากกว่า
หรือ ‘กรงแค้น’ ที่เขาสร้างขึ้นแท้จริงแล้วมันคือ ‘กรงรัก’ กักขังผูกมัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันจนดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ดาริยา" นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง "ทะเลลวง" ที่เคยเป็นละครทางช่อง 7 มาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ดาริยานำนิยายโรแมนติก ดราม่ามาให้อ่านกันค่ะ และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60% ของเรื่องนะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 1 (50%)
“แกว่าไหมจันทร์ ไอ้วิชาที่เรากำลังจะเข้าเรียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเกษตรอะไรเนี่ย มันสมควรปะวะที่พวกเราต้องรู้อะ นี่เราอยู่คณะวิทยาศาสตร์นะ ฉันว่าเราสองคนพลาดละ วิชาเลือกแทนที่จะเรียนอะไรที่มันน่าสนใจหน่อย นี่ดันเลือกเพราะเขาว่ากันว่าอาจารย์ให้เกรดสวย เฮ้อ! เชื่อคนอื่นไปเรื่อยมันแย่แบบนี้เอง ท่าทางจะต้องนั่งหลับแหงๆ”
ลินาบ่นอุบ อันที่จริงคุณเธอบ่นกระปอดกระแปดมาตั้งแต่เดินออกจากหอพักของมหาวิทยาลัยแล้ว จันทร์กันยาฟังจนหูชา แต่ก็เข้าใจเพื่อนดี เพราะหล่อนเองก็ยังแอบคิดเลย ว่าหลงมาเรียนวิชานี้ทำไม
“เอาน่า ก็มันลงไปแล้วนี่ อีกอย่างเราคุยกันแล้วไงว่าแค่เรียนฆ่าเวลา ไม่อยากว่างมากก็หาความรู้รอบตัวใส่หัวไว้บ้าง เรียนๆ ไปเหอะลิน เห็นเขาว่าอาจารย์พิเศษใจดี เขามาสอนให้ไม่บ่อยนักหรอก แล้วปีนี้ก็บังเอิญมาซะงั้น เราต้องรีบคว้าโอกาสไว้ กว่าจะแย่งลงทะเบียนได้ ง่ายเสียที่ไหน” จันทร์กันยาดึงสติเพื่อน ทั้งที่ต้องยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึก ‘พลาด’ อยู่เหมือนกันที่ลงเรียนตามนักศึกษาส่วนใหญ่ โดยลืมนึกถึงเนื้อหาวิชาว่าจะน่าเบื่อขนาดไหน
“เออๆ เรียนก็เรียน จะว่าไปอาจารย์คนนี้ก็แปลกเนอะ ทำไมเลือกเวลาสอนเช้าสุด ฉันง่วงอะ” เพื่อนสาวร่างสูงผิวสีน้ำผึ้งยังหาเรื่องอื่นมาบ่นต่อได้อีกขณะเดินด้วยความเร็วระดับที่เต่ายังเดินทัน มือก็ขยี้ตาไปด้วย
“อาจารย์คงอยากเอาเวลาที่เหลือไปทำงานได้ตามปกติน่ะสิ สอนเสร็จตอนสิบโมง ไปทำอะไรต่อได้อีกเยอะแยะ เผลอๆ ไปเข้างานที่บริษัททันอีกต่างหาก เขาเป็นแค่อาจารย์พิเศษเอง คงเน้นเรื่องธุรกิจตัวเองเป็นหลัก มาสอนเล่นๆ แบบนี้ จะสอนดีหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย” จันทร์กันยาว่าระหว่างเดินไปตามทางเดินปูกระเบื้องดินเผาสีส้มอิฐในมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม เพื่อมุ่งตรงสู่ห้องเล็กเชอร์ขนาดใหญ่ซึ่งจุคนไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อย และนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนเป็นโขยงก็กำลังมุ่งตรงสู่ห้องนั้นเช่นกัน
“แกไม่รู้อะไร ส่วนหนึ่งที่ฉันยอมลงวิชานี้น่ะ เพราะได้ยินคนลือกันว่าอาจารย์คนนี้โคตรหล่อ เป็นนักธุรกิจหนุ่มร่ำรวยมหาศาล แต่อุตส่าห์มาสอนที่นี่ ประเด็นนี้แหละที่ดึงดูดใจฉัน”
คนฟังย่นจมูกทันที เมื่อได้ยินลินาเอ่ยเรื่องหน้าตาของหนุ่มตะวันตก ซึ่งบอกเลยว่าไม่เคยอยู่ในความสนใจของจันทร์กันยา หล่อนค่อนข้างมีอคติกับผู้ชายตาน้ำข้าว ไม่ได้ปลาบปลื้มไปกับหน้าตาซึ่งมักจะคมสัน รูปร่างกำยำบึกบึน เพราะรู้ว่านั่นเป็นเพียงข้อดีที่มาพร้อมกับเชื้อชาติ ที่หล่อก็เพราะพันธุกรรมของชาวคอเคเซียนล้วนๆ ไม่ใช่ความสามารถอะไรสักหน่อย
“จะแค่ไหนกันเชียว ที่สำคัญ ใช้อำนาจเงินเข้ามาเป็นอาจารย์พิเศษหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าสอนไม่ได้เรื่องนะ ฉันจะหลับให้ดูซึ่งๆ หน้าเลย” จันทร์กันยาหัวเราะเบาๆ นึกย้อนไปตอนที่เรียนปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยมีชื่อที่กรุงเทพฯ หล่อนกับลินาก็มักปักหลักจองที่นั่งแถวหน้าสุด และมีคราวหนึ่งที่เกิดวีรกรรม อาจารย์หญิงสูงวัยผู้สอนเนือยที่สุดในโลกท่านหนึ่งเดินมาบิดหูสองสาวโชว์นักศึกษาทั้งห้อง โทษฐานที่นั่งหลับต่อหน้าต่อตา เป็นเรื่องอับอายขายหน้าจนหล่อนจำมาถึงวันนี้
“แหม...ให้มันจริงเหอะ ว่าแต่แกยังจะนั่งหน้าสุดเหมือนเดิมไหม” ลินาถามทั้งที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว จันทร์กันยาจัดเป็นเด็กเรียนตัวยง เป็นเพราะมาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่ปากกัดตีนถีบ กว่าจะหาเงินมาใช้จ่ายแต่ละบาทไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเพื่อนสาวร่างบอบบางของหล่อนจึงเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ แถมจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ในขณะที่ลินานั้นแค่จบพร้อมเพื่อนได้ก็บุญแล้ว อาศัยจันทร์กันยาช่วยติวให้มาตลอดจึงผ่านพ้นมาได้
“แน่นอนสิยะ นั่งหน้าสุดนั่นแหละ กลัวที่ไหน ไม่ว่าเรื่องความหล่อหรือการต้องหลับโชว์ให้ดู”
สองสาวชาวไทยหัวเราะลั่น แล้วตามด้วยอาการหน้าซีดเผือด เมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีนัยน์ตาสีฟ้าสวมสูทเต็มยศเดินแซงขึ้นไป และได้รับคำทักทายจากนักศึกษาซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวๆ ว่า
“สวัสดีค่ะ อาจารย์ธวัน”
“ซวยละแก๊!” ลินากระซิบ “อาจารย์จะได้ยินที่เรานินทาหรือเปล่า เดินตามมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้” คนพูดเกิดอาการลนลาน มือเสยผมซอยสั้นขึ้นอย่างลวกๆ สีหน้าแสดงความกังวลเต็มเปี่ยม
“กลัวอะไรยัยลิน อย่าลืมนะยะว่าเราพูดภาษาไทย อาจารย์ฟังไม่รู้เรื่องหรอก” จันทร์กันยาเชิดหน้าบอกเพื่อน นัยน์ตาไม่ละไปจากแผ่นหลังของอาจารย์หนุ่มซึ่งห่างออกไปเรื่อยๆ
“เออ จริงสิ ลืมนึกไป โอย โล่งอก ไม่งั้นละก็ จากที่จะมาเอาเกรดสวยๆ อาจกลายเป็นได้เกรดห่วยๆ ไปฉุดน่ะ รีบไปกันเถอะ จะว่าไปอาจารย์ก็ขยันนะ มาก่อนเวลาเยอะเลย” ลินาพูดอยู่ตรงนี้ แต่ตาเจ้าหล่อนจับจ้องมองตามอาจารย์หนุ่มไปไกลแล้ว แถมยังเร่งสปีดตาม คราวนี้ความเร็วมากกว่ากระต่ายสามเท่าจนจันทร์กันยาต้องรีบสาวเท้าตาม ปากยังไม่วายค่อนขอดต่อ
“นักธุรกิจก็แบบนี้แหละ เวลาเป็นเงินเป็นทอง สอนเสร็จยังไปหาเงินต่อได้อีกเยอะแยะ จะมางุ่มง่ามไม่ได้ ถึงเวลาปุ๊บสอนปั๊บ ถึงเวลาเลิกปุ๊บก็เผ่นปั๊บเหมือนกัน”
ลินาฟังแล้วอดหยิกต้นแขนเพื่อนเบาๆ ไม่ได้
“วันนี้แกเป็นอะไรของแกวะจันทร์ อ๋อ รู้แล้ว เพราะวันแดงเดือดละสิ ของมันแรงจริงเนอะ ทุกเดือนแกต้องโดนอิทธิพลฮอร์โมนตลอด แต่ฉันเตือนไว้ก่อนนะยะว่าต้องระวังปากไว้บ้าง แกเล่นนินทาอาจารย์ ทั้งที่ยังไม่รู้จักเขาสักหน่อย อย่าเพิ่งไปมีอคติสิ ที่สำคัญนะ อาจารย์หล่อมากกกก” ท้ายประโยคลินาลากเสียงยาวเหยียด แถมด้วยการยิ้มเผล่เพื่อบอกให้รู้ว่าที่เตือนนั้นด้วยความหวังดีล้วนๆ
“ขอนิดเถอะน่าลิน ไหนๆ ก็แดงเดือดอยู่แล้ว ต้องเอาให้สุด เดือนนี้อาการหนักด้วย ฉันหงุดหงิดมาตั้งแต่เช้าละ ขอลงกับใครสักคนเถอะ เอาคนที่ไม่รู้จักนี่แหละดี แกดูดิ เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ไหมล่ะ ดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดาหรอกอาจารย์คนเนี้ย พวกหลงตัวเองไง คิดว่าหล่อแล้วต้องมีแต่คนสนใจ แกสังเกตสิ อาจารย์นั่นเก๊กจะตาย เดินชูคอ อกผายไหล่ผึ่ง จะยิ้มให้ใครสักนิดก็ไม่มี” สองสาวเดินมาถึงประตูห้องเรียนจึงเลี้ยวเข้าไปอย่างฉับไว “ไปหาที่นั่งกันเถอะลิน ข้างหน้ายังว่าง”
ว่าแล้วจันทร์กันยาก็เดินตรงไปยังที่นั่งด้านหน้า ซึ่งอยู่แทบติดกับโพเดียมที่อาจารย์หนุ่มต้องยืนสอน
“ใกล้ไปเปล่าวะจันทร์” สาวร่างผอมสูงทำสีหน้าหวาดๆ ทั้งที่เมื่อครู่แทบจะวิ่งตามความหล่อของอาจารย์มาแท้ๆ
“กลัวไรวะ เราก็นั่งตรงนี้กันเป็นปกติ แกเป็นอะไรไปเนี่ยยัยลินเอ๊ย” จันทร์กันยาส่ายหน้าระอาใจกับอาการกระวนกระวายเกินเหตุของเพื่อน
“บอกตามตรงนะ ฉันแพ้คนหล่อว่ะ กลัวเรียนไม่รู้เรื่อง แกดู ดวงตาสีฟ้าแบบนี้แหละที่ฉันหลงใหล โอย! ยิ่งเห็นใกล้ๆ ยิ่งใจละลาย อาจารย์ธวันหล่อขั้นเทพของจริงเลยแหละแก” ลินาพร่ำเพ้อจนจันทร์กันยานึกหมั่นไส้หนักกว่าเดิม แต่ชื่ออาจารย์คนนั้นก็ทำให้หล่อนอดถามออกไปไม่ได้
“เออ จริงสิ อาจารย์ชื่ออะไรนะลิน ธวัน ใช่ไหม ตอนลงทะเบียนฉันก็กดตามๆ แกไป ไม่ทันสนใจชื่ออาจารย์ด้วยซ้ำ”
“ใช่ ชื่ออาจารย์ธวัน ชื่อแปลกเนอะ ฉันแอบไปถามเพื่อนชาวดัตช์แล้ว มันบอกว่า Twan ในภาษาดัตช์ แปลว่า ล้ำค่า”
“โห! หรูหรา ดูแพงเนอะ ทั้งชื่อ การแต่งตัว กิริยาท่าทาง” สาวผมดำยาวสลวยค่อนขอดแล้วส่งค้อนไปยังอาจารย์หนุ่ม พร้อมกับเปรยต่อด้วยความหมั่นไส้ขั้นสุด “เชอะ! จะอะไรนักหนา ยิ่งได้สังเกตยิ่งชัดเลย ดูหยิ่งมากอะ รอยยิ้มสักนิดก็ไม่มี” นักศึกษาสาววิจารณ์เป็นภาษาไทยซึ่งๆ หน้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยการประชดประชัน
“ดังไปแล้วจันทร์ เดี๋ยวอาจารย์ได้ยินหรอก” ลินาปรามเพื่อนอีกรอบ
“แกนี่! จะกลัวทำไมวะ เราพูดภาษาไทย อาจารย์ไม่รู้เรื่องหรอก ต่อให้นินทาระยะเผาขนแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วง” จันทร์กันยายักคิ้วอย่างแสนซน
“คุณสองคนน่ะ หยุดคุยได้หรือยัง!”
ประโยคนั้นจากปากอาจารย์ธวันทำเอาสองสาวถึงกับอ้าปากค้าง หัวใจเหมือนถูกขว้างลงมาจากตึกสูง ใช่! ทั้งคู่ได้ยินไม่ผิดแน่ นั่นมันภาษาบ้านเกิดหล่อน! คำพูดที่ออกจากริมฝีปากได้รูปของอาจารย์หนุ่มหน้าฝรั่งจ๋าคือภาษาไทยชัดแจ๋ว แถมแววตาบ่งบอกถึงการคาดโทษกันเห็นๆ
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ”
ประโยคนี้ออกจากปากจันทร์กันยาและลินาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แถมด้วยการยกมือประณมแบบเดียวกันอีกต่างหาก
แล้วจากนั้นการเล็กเชอร์ก็เริ่มขึ้น ใครจะเชื่อว่าอาจารย์ธวันสามารถสะกดนักศึกษาทั้งห้องให้นั่งฟังเขาสอนด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่ใช่เพราะหน้าตาและรูปร่างสมส่วนยวนยั่วใจสาวๆ แต่เพราะเนื้อหาที่เขาพูด รวมทั้งสื่อการสอนที่เตรียมมาอย่างสมบูรณ์แบบ ดึงให้เรื่องที่นำเสนอน่าสนใจขึ้นมาอีกหลายเท่า แม้แต่จันทร์กันยาที่ตั้งป้อมจะหมั่นไส้ยังอดชื่นชมไม่ได้ ตั้งแต่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมนี่ อาจารย์ธวันคือ ‘ครู’ ที่สอนเก่งที่สุดก็ว่าได้ เขามีวิธีการสอนที่เหมือนเล่าสู่กันฟัง หล่อนเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงได้รับการทาบทามให้มาเป็นอาจารย์พิเศษหลายครั้งหลายครา ถ้าปลีกเวลาได้ เขาก็จะมารับผิดชอบคอร์สให้อย่างดี เท่าที่รู้และเห็นตรงหน้า เขาใจดีเสียด้วย แจกเกรดสวยๆ เป็นว่าเล่น หรืออันที่จริง เหตุที่นักศึกษาคว้าเกรดดีๆ มาได้ อาจเพราะเรียนเข้าใจทะลุปรุโปร่งก็เป็นได้ ใครจะรู้
ความรู้สึกของจันทร์กันยาต่ออาจารย์หนุ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะหลังเรียนเสร็จ อาจารย์ธวันก็ทำเรื่องประหลาดใจด้วยการตะโกนบอกสองสาวชาวไทย ทั้งที่เขากำลังถูกรุมล้อมด้วยนักศึกษาสาวชาวตะวันตกที่ต่างพากันมีข้อสงสัยในการเรียน และต้องการให้เขาช่วยไขข้อข้องใจทั้งนั้น
“คุณสองคนอย่าเพิ่งกลับนะ ผมขอคุยด้วยหน่อย” ใช่...เขาออกคำสั่งเป็นภาษาไทยอีกแล้ว ชัดแจ๋วไม่ผิดเพี้ยนเสียด้วย ซึ่งมันทำให้จันทร์กันยาถึงกับขนหัวลุก พูดเก่งขนาดนี้ เรื่องฟังคงเก่งยิ่งกว่า
“เอ่อ...ค่ะ” สองสาวตอบพร้อมกันอีกเช่นเคย ยังนึกไม่ออกเลยว่าอาจารย์สุดหล่อมีเรื่องอะไรจะพูดด้วย ทั้งที่กำลังถูกสาวอื่นรุมล้อมเป็นโขยงอย่างนั้น
จันทร์กันยาทำใจดีสู้หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำทะเล ไม่เห็นต้องกลัวเลยนี่ หล่อนไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แค่นินทาและปรามาสอาจารย์นิดหน่อยเอ๊ง
ไม่ใช่เรื่องใหญ่น่า หล่อนต้องไม่ออกอาการหวั่นเกรงเป็นอันขาด...หญิงสาวผิวขาวนวลร่างบอบบางเชิดหน้าขึ้นทั้งที่บัดนี้ใจสั่น มือเย็นกว่าน้ำแข็ง เฝ้าแต่ปลุกปลอบใจตัวเอง ขณะยืนรออาจารย์ธวันอยู่ห่างๆ
ลงให้อ่านทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์นะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ลินาบ่นอุบ อันที่จริงคุณเธอบ่นกระปอดกระแปดมาตั้งแต่เดินออกจากหอพักของมหาวิทยาลัยแล้ว จันทร์กันยาฟังจนหูชา แต่ก็เข้าใจเพื่อนดี เพราะหล่อนเองก็ยังแอบคิดเลย ว่าหลงมาเรียนวิชานี้ทำไม
“เอาน่า ก็มันลงไปแล้วนี่ อีกอย่างเราคุยกันแล้วไงว่าแค่เรียนฆ่าเวลา ไม่อยากว่างมากก็หาความรู้รอบตัวใส่หัวไว้บ้าง เรียนๆ ไปเหอะลิน เห็นเขาว่าอาจารย์พิเศษใจดี เขามาสอนให้ไม่บ่อยนักหรอก แล้วปีนี้ก็บังเอิญมาซะงั้น เราต้องรีบคว้าโอกาสไว้ กว่าจะแย่งลงทะเบียนได้ ง่ายเสียที่ไหน” จันทร์กันยาดึงสติเพื่อน ทั้งที่ต้องยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึก ‘พลาด’ อยู่เหมือนกันที่ลงเรียนตามนักศึกษาส่วนใหญ่ โดยลืมนึกถึงเนื้อหาวิชาว่าจะน่าเบื่อขนาดไหน
“เออๆ เรียนก็เรียน จะว่าไปอาจารย์คนนี้ก็แปลกเนอะ ทำไมเลือกเวลาสอนเช้าสุด ฉันง่วงอะ” เพื่อนสาวร่างสูงผิวสีน้ำผึ้งยังหาเรื่องอื่นมาบ่นต่อได้อีกขณะเดินด้วยความเร็วระดับที่เต่ายังเดินทัน มือก็ขยี้ตาไปด้วย
“อาจารย์คงอยากเอาเวลาที่เหลือไปทำงานได้ตามปกติน่ะสิ สอนเสร็จตอนสิบโมง ไปทำอะไรต่อได้อีกเยอะแยะ เผลอๆ ไปเข้างานที่บริษัททันอีกต่างหาก เขาเป็นแค่อาจารย์พิเศษเอง คงเน้นเรื่องธุรกิจตัวเองเป็นหลัก มาสอนเล่นๆ แบบนี้ จะสอนดีหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย” จันทร์กันยาว่าระหว่างเดินไปตามทางเดินปูกระเบื้องดินเผาสีส้มอิฐในมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม เพื่อมุ่งตรงสู่ห้องเล็กเชอร์ขนาดใหญ่ซึ่งจุคนไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อย และนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนเป็นโขยงก็กำลังมุ่งตรงสู่ห้องนั้นเช่นกัน
“แกไม่รู้อะไร ส่วนหนึ่งที่ฉันยอมลงวิชานี้น่ะ เพราะได้ยินคนลือกันว่าอาจารย์คนนี้โคตรหล่อ เป็นนักธุรกิจหนุ่มร่ำรวยมหาศาล แต่อุตส่าห์มาสอนที่นี่ ประเด็นนี้แหละที่ดึงดูดใจฉัน”
คนฟังย่นจมูกทันที เมื่อได้ยินลินาเอ่ยเรื่องหน้าตาของหนุ่มตะวันตก ซึ่งบอกเลยว่าไม่เคยอยู่ในความสนใจของจันทร์กันยา หล่อนค่อนข้างมีอคติกับผู้ชายตาน้ำข้าว ไม่ได้ปลาบปลื้มไปกับหน้าตาซึ่งมักจะคมสัน รูปร่างกำยำบึกบึน เพราะรู้ว่านั่นเป็นเพียงข้อดีที่มาพร้อมกับเชื้อชาติ ที่หล่อก็เพราะพันธุกรรมของชาวคอเคเซียนล้วนๆ ไม่ใช่ความสามารถอะไรสักหน่อย
“จะแค่ไหนกันเชียว ที่สำคัญ ใช้อำนาจเงินเข้ามาเป็นอาจารย์พิเศษหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าสอนไม่ได้เรื่องนะ ฉันจะหลับให้ดูซึ่งๆ หน้าเลย” จันทร์กันยาหัวเราะเบาๆ นึกย้อนไปตอนที่เรียนปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยมีชื่อที่กรุงเทพฯ หล่อนกับลินาก็มักปักหลักจองที่นั่งแถวหน้าสุด และมีคราวหนึ่งที่เกิดวีรกรรม อาจารย์หญิงสูงวัยผู้สอนเนือยที่สุดในโลกท่านหนึ่งเดินมาบิดหูสองสาวโชว์นักศึกษาทั้งห้อง โทษฐานที่นั่งหลับต่อหน้าต่อตา เป็นเรื่องอับอายขายหน้าจนหล่อนจำมาถึงวันนี้
“แหม...ให้มันจริงเหอะ ว่าแต่แกยังจะนั่งหน้าสุดเหมือนเดิมไหม” ลินาถามทั้งที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว จันทร์กันยาจัดเป็นเด็กเรียนตัวยง เป็นเพราะมาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่ปากกัดตีนถีบ กว่าจะหาเงินมาใช้จ่ายแต่ละบาทไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเพื่อนสาวร่างบอบบางของหล่อนจึงเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ แถมจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ในขณะที่ลินานั้นแค่จบพร้อมเพื่อนได้ก็บุญแล้ว อาศัยจันทร์กันยาช่วยติวให้มาตลอดจึงผ่านพ้นมาได้
“แน่นอนสิยะ นั่งหน้าสุดนั่นแหละ กลัวที่ไหน ไม่ว่าเรื่องความหล่อหรือการต้องหลับโชว์ให้ดู”
สองสาวชาวไทยหัวเราะลั่น แล้วตามด้วยอาการหน้าซีดเผือด เมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีนัยน์ตาสีฟ้าสวมสูทเต็มยศเดินแซงขึ้นไป และได้รับคำทักทายจากนักศึกษาซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาวๆ ว่า
“สวัสดีค่ะ อาจารย์ธวัน”
“ซวยละแก๊!” ลินากระซิบ “อาจารย์จะได้ยินที่เรานินทาหรือเปล่า เดินตามมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้” คนพูดเกิดอาการลนลาน มือเสยผมซอยสั้นขึ้นอย่างลวกๆ สีหน้าแสดงความกังวลเต็มเปี่ยม
“กลัวอะไรยัยลิน อย่าลืมนะยะว่าเราพูดภาษาไทย อาจารย์ฟังไม่รู้เรื่องหรอก” จันทร์กันยาเชิดหน้าบอกเพื่อน นัยน์ตาไม่ละไปจากแผ่นหลังของอาจารย์หนุ่มซึ่งห่างออกไปเรื่อยๆ
“เออ จริงสิ ลืมนึกไป โอย โล่งอก ไม่งั้นละก็ จากที่จะมาเอาเกรดสวยๆ อาจกลายเป็นได้เกรดห่วยๆ ไปฉุดน่ะ รีบไปกันเถอะ จะว่าไปอาจารย์ก็ขยันนะ มาก่อนเวลาเยอะเลย” ลินาพูดอยู่ตรงนี้ แต่ตาเจ้าหล่อนจับจ้องมองตามอาจารย์หนุ่มไปไกลแล้ว แถมยังเร่งสปีดตาม คราวนี้ความเร็วมากกว่ากระต่ายสามเท่าจนจันทร์กันยาต้องรีบสาวเท้าตาม ปากยังไม่วายค่อนขอดต่อ
“นักธุรกิจก็แบบนี้แหละ เวลาเป็นเงินเป็นทอง สอนเสร็จยังไปหาเงินต่อได้อีกเยอะแยะ จะมางุ่มง่ามไม่ได้ ถึงเวลาปุ๊บสอนปั๊บ ถึงเวลาเลิกปุ๊บก็เผ่นปั๊บเหมือนกัน”
ลินาฟังแล้วอดหยิกต้นแขนเพื่อนเบาๆ ไม่ได้
“วันนี้แกเป็นอะไรของแกวะจันทร์ อ๋อ รู้แล้ว เพราะวันแดงเดือดละสิ ของมันแรงจริงเนอะ ทุกเดือนแกต้องโดนอิทธิพลฮอร์โมนตลอด แต่ฉันเตือนไว้ก่อนนะยะว่าต้องระวังปากไว้บ้าง แกเล่นนินทาอาจารย์ ทั้งที่ยังไม่รู้จักเขาสักหน่อย อย่าเพิ่งไปมีอคติสิ ที่สำคัญนะ อาจารย์หล่อมากกกก” ท้ายประโยคลินาลากเสียงยาวเหยียด แถมด้วยการยิ้มเผล่เพื่อบอกให้รู้ว่าที่เตือนนั้นด้วยความหวังดีล้วนๆ
“ขอนิดเถอะน่าลิน ไหนๆ ก็แดงเดือดอยู่แล้ว ต้องเอาให้สุด เดือนนี้อาการหนักด้วย ฉันหงุดหงิดมาตั้งแต่เช้าละ ขอลงกับใครสักคนเถอะ เอาคนที่ไม่รู้จักนี่แหละดี แกดูดิ เห็นแล้วน่าหมั่นไส้ไหมล่ะ ดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดาหรอกอาจารย์คนเนี้ย พวกหลงตัวเองไง คิดว่าหล่อแล้วต้องมีแต่คนสนใจ แกสังเกตสิ อาจารย์นั่นเก๊กจะตาย เดินชูคอ อกผายไหล่ผึ่ง จะยิ้มให้ใครสักนิดก็ไม่มี” สองสาวเดินมาถึงประตูห้องเรียนจึงเลี้ยวเข้าไปอย่างฉับไว “ไปหาที่นั่งกันเถอะลิน ข้างหน้ายังว่าง”
ว่าแล้วจันทร์กันยาก็เดินตรงไปยังที่นั่งด้านหน้า ซึ่งอยู่แทบติดกับโพเดียมที่อาจารย์หนุ่มต้องยืนสอน
“ใกล้ไปเปล่าวะจันทร์” สาวร่างผอมสูงทำสีหน้าหวาดๆ ทั้งที่เมื่อครู่แทบจะวิ่งตามความหล่อของอาจารย์มาแท้ๆ
“กลัวไรวะ เราก็นั่งตรงนี้กันเป็นปกติ แกเป็นอะไรไปเนี่ยยัยลินเอ๊ย” จันทร์กันยาส่ายหน้าระอาใจกับอาการกระวนกระวายเกินเหตุของเพื่อน
“บอกตามตรงนะ ฉันแพ้คนหล่อว่ะ กลัวเรียนไม่รู้เรื่อง แกดู ดวงตาสีฟ้าแบบนี้แหละที่ฉันหลงใหล โอย! ยิ่งเห็นใกล้ๆ ยิ่งใจละลาย อาจารย์ธวันหล่อขั้นเทพของจริงเลยแหละแก” ลินาพร่ำเพ้อจนจันทร์กันยานึกหมั่นไส้หนักกว่าเดิม แต่ชื่ออาจารย์คนนั้นก็ทำให้หล่อนอดถามออกไปไม่ได้
“เออ จริงสิ อาจารย์ชื่ออะไรนะลิน ธวัน ใช่ไหม ตอนลงทะเบียนฉันก็กดตามๆ แกไป ไม่ทันสนใจชื่ออาจารย์ด้วยซ้ำ”
“ใช่ ชื่ออาจารย์ธวัน ชื่อแปลกเนอะ ฉันแอบไปถามเพื่อนชาวดัตช์แล้ว มันบอกว่า Twan ในภาษาดัตช์ แปลว่า ล้ำค่า”
“โห! หรูหรา ดูแพงเนอะ ทั้งชื่อ การแต่งตัว กิริยาท่าทาง” สาวผมดำยาวสลวยค่อนขอดแล้วส่งค้อนไปยังอาจารย์หนุ่ม พร้อมกับเปรยต่อด้วยความหมั่นไส้ขั้นสุด “เชอะ! จะอะไรนักหนา ยิ่งได้สังเกตยิ่งชัดเลย ดูหยิ่งมากอะ รอยยิ้มสักนิดก็ไม่มี” นักศึกษาสาววิจารณ์เป็นภาษาไทยซึ่งๆ หน้า น้ำเสียงเต็มไปด้วยการประชดประชัน
“ดังไปแล้วจันทร์ เดี๋ยวอาจารย์ได้ยินหรอก” ลินาปรามเพื่อนอีกรอบ
“แกนี่! จะกลัวทำไมวะ เราพูดภาษาไทย อาจารย์ไม่รู้เรื่องหรอก ต่อให้นินทาระยะเผาขนแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วง” จันทร์กันยายักคิ้วอย่างแสนซน
“คุณสองคนน่ะ หยุดคุยได้หรือยัง!”
ประโยคนั้นจากปากอาจารย์ธวันทำเอาสองสาวถึงกับอ้าปากค้าง หัวใจเหมือนถูกขว้างลงมาจากตึกสูง ใช่! ทั้งคู่ได้ยินไม่ผิดแน่ นั่นมันภาษาบ้านเกิดหล่อน! คำพูดที่ออกจากริมฝีปากได้รูปของอาจารย์หนุ่มหน้าฝรั่งจ๋าคือภาษาไทยชัดแจ๋ว แถมแววตาบ่งบอกถึงการคาดโทษกันเห็นๆ
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ”
ประโยคนี้ออกจากปากจันทร์กันยาและลินาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แถมด้วยการยกมือประณมแบบเดียวกันอีกต่างหาก
แล้วจากนั้นการเล็กเชอร์ก็เริ่มขึ้น ใครจะเชื่อว่าอาจารย์ธวันสามารถสะกดนักศึกษาทั้งห้องให้นั่งฟังเขาสอนด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่ใช่เพราะหน้าตาและรูปร่างสมส่วนยวนยั่วใจสาวๆ แต่เพราะเนื้อหาที่เขาพูด รวมทั้งสื่อการสอนที่เตรียมมาอย่างสมบูรณ์แบบ ดึงให้เรื่องที่นำเสนอน่าสนใจขึ้นมาอีกหลายเท่า แม้แต่จันทร์กันยาที่ตั้งป้อมจะหมั่นไส้ยังอดชื่นชมไม่ได้ ตั้งแต่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมนี่ อาจารย์ธวันคือ ‘ครู’ ที่สอนเก่งที่สุดก็ว่าได้ เขามีวิธีการสอนที่เหมือนเล่าสู่กันฟัง หล่อนเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงได้รับการทาบทามให้มาเป็นอาจารย์พิเศษหลายครั้งหลายครา ถ้าปลีกเวลาได้ เขาก็จะมารับผิดชอบคอร์สให้อย่างดี เท่าที่รู้และเห็นตรงหน้า เขาใจดีเสียด้วย แจกเกรดสวยๆ เป็นว่าเล่น หรืออันที่จริง เหตุที่นักศึกษาคว้าเกรดดีๆ มาได้ อาจเพราะเรียนเข้าใจทะลุปรุโปร่งก็เป็นได้ ใครจะรู้
ความรู้สึกของจันทร์กันยาต่ออาจารย์หนุ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะหลังเรียนเสร็จ อาจารย์ธวันก็ทำเรื่องประหลาดใจด้วยการตะโกนบอกสองสาวชาวไทย ทั้งที่เขากำลังถูกรุมล้อมด้วยนักศึกษาสาวชาวตะวันตกที่ต่างพากันมีข้อสงสัยในการเรียน และต้องการให้เขาช่วยไขข้อข้องใจทั้งนั้น
“คุณสองคนอย่าเพิ่งกลับนะ ผมขอคุยด้วยหน่อย” ใช่...เขาออกคำสั่งเป็นภาษาไทยอีกแล้ว ชัดแจ๋วไม่ผิดเพี้ยนเสียด้วย ซึ่งมันทำให้จันทร์กันยาถึงกับขนหัวลุก พูดเก่งขนาดนี้ เรื่องฟังคงเก่งยิ่งกว่า
“เอ่อ...ค่ะ” สองสาวตอบพร้อมกันอีกเช่นเคย ยังนึกไม่ออกเลยว่าอาจารย์สุดหล่อมีเรื่องอะไรจะพูดด้วย ทั้งที่กำลังถูกสาวอื่นรุมล้อมเป็นโขยงอย่างนั้น
จันทร์กันยาทำใจดีสู้หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำทะเล ไม่เห็นต้องกลัวเลยนี่ หล่อนไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แค่นินทาและปรามาสอาจารย์นิดหน่อยเอ๊ง
ไม่ใช่เรื่องใหญ่น่า หล่อนต้องไม่ออกอาการหวั่นเกรงเป็นอันขาด...หญิงสาวผิวขาวนวลร่างบอบบางเชิดหน้าขึ้นทั้งที่บัดนี้ใจสั่น มือเย็นกว่าน้ำแข็ง เฝ้าแต่ปลุกปลอบใจตัวเอง ขณะยืนรออาจารย์ธวันอยู่ห่างๆ
ลงให้อ่านทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์นะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2565, 11:19:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2565, 11:19:15 น.
จำนวนการเข้าชม : 260
<< แนะนำเรื่อง + บทนำ | บทที่ 1 (100%) >> |