กรงตะวัน: ดาริยา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:

ความรักแสนงดงามก่อเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศชวนฝัน ในดินแดนแห่งทิวลิป ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์

ใครจะคาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เอกตะวัน' อาจารย์หนุ่มลูกครึ่งไทย-ดัตช์ และ 'จันทร์กันยา' ลูกศิษย์สาวชาวไทยอันน่าประทับใจจะกลับกลายจากหวานเป็นขม เพราะปมแค้น ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมามากมาย

‘กรง’ ที่ชายหนุ่มพยายามกักขังเธอไว้ในแดนทิวลิปนั้น แม้เขาจะมุ่งมั่นให้เธอทุกข์ทรมาน แต่ทำไมเขากลับทุกข์ทรมานมากกว่า

หรือ ‘กรงแค้น’ ที่เขาสร้างขึ้นแท้จริงแล้วมันคือ ‘กรงรัก’ กักขังผูกมัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันจนดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด

. . . . . . . . . . . . . .

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ดาริยา" นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง "ทะเลลวง" ที่เคยเป็นละครทางช่อง 7 มาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ดาริยานำนิยายโรแมนติก ดราม่ามาให้อ่านกันค่ะ และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60% ของเรื่องนะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 2 (100%)

จันทร์กันยานั่งกระสับกระส่าย เรียนแทบไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เพราะปวดแผล แต่เพราะหล่อนกำลังหาทางหนีทีไล่ที่จะไม่ต้องเสวนากับอาจารย์เอกตะวันอีก นอกจากกลัวสาวๆ จะรวมหัวกันถล่มแล้ว ยังมีชนักอันเบ้อเริ่มที่ติดหลังหล่อนอยู่ตั้งแต่วันแรกที่เจออาจารย์หนุ่ม ซึ่งเชื่อเถอะว่าเขาคงรอเวลาสะสางอยู่

“แก!” จันทร์กันยากระซิบพร้อมใช้เท้าเขี่ยน่องของลินาที่วันนี้ดูตั้งใจเรียนผิดปกติ ที่ต้องใช้วิธีนี้เพราะคุณเธอจ้องอาจารย์อย่างมีสมาธิ จนเรียกอย่างเดียวแล้วไม่ได้ยิน

“นังจันทร์ แกนี่มัน!...เดี๋ยวนี้เล่นตีนเลยเหรอ เขี่ยทำไมยะ” ลินาดุ แต่ยังพยายามลดเสียงไม่ให้รบกวนคนอื่น

“ก็เรียกเฉยๆ แกไม่ได้ยินนี่ จะบอกว่าเลิกคลาสปุ๊บฉันกะจะเผ่นปั๊บเลยนะ ไม่อยากคุยกับอาจารย์ ไม่อยากให้เขาช่วยพากลับหอ ฉันว่าฉันถีบจักรยานกลับเองไหว”

“แกแน่ใจ?” ลินาถามอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไร

“แน่ใจสิ หรือถ้าถีบไม่ไหวก็ให้ปราชญ์มาช่วยไง ดีกว่าไปรบกวนอาจารย์ อีกอย่างแกก็รู้ว่าฉันกลัวโดนชำระความที่นินทาอาจารย์วันนั้นน่ะ ใช้วิธีชิ่งหนีไปเรื่อยๆ ดีที่สุด”

“เจริญละ แกจะหนีไปได้อีกสักกี่น้ำวะ ทำเป็นเด็กไปได้ อาจารย์คงไม่ได้จะอะไรกับแกนักหรอก เผลอๆ อาจจะลืมไปแล้วก็ได้”

“ให้มันจริงเฮอะ คนแบบนั้นดูเจ้าคิดเจ้าแค้นจะตาย” จันทร์กันยาเบาเสียงตัวเองลงอีก เมื่อเห็นว่าอาจารย์หนุ่มเริ่มมองมา “เอาเป็นว่าสรุป เลิกเรียนปุ๊บ วิ่งออกปั๊บเลยนะ เพราะอาจารย์น่ะคงโดนสาวๆ รุมถามอีกพักใหญ่ เราสองคนหนีทันแน่”

“เออๆ ตามนั้น ฟังอาจารย์ต่อเถอะ เรื่องวันนี้น่าสนใจจะตาย”

ไม่เห็นจะน่าสนเลย...จันทร์กันยาเถียงในใจ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาจ้องนาฬิกาบนผนังห้อง ไม่สนใจเนื้อหาที่อาจารย์สอนสักนิด ในขณะที่นักศึกษาทั้งห้องนั่งฟังราวกับถูกมนตร์สะกด แต่ละคนดู ‘อิน’ กับสิ่งที่เขาอธิบายกันเหลือเกิน

ทันทีที่หมดเวลาเรียน สาวที่มีความผิดติดตัวก็ลุกพรวด รู้สึกได้เลยว่าปวดแปลบที่ข้อเท้าขวาและหัวเข่าทั้งสองข้าง แต่ยังฝืนทน

“ไปเร็วลิน!”

จันทร์กันยาคว้าข้อมือเพื่อน แล้วออกวิ่ง หันกลับไปมองที่หน้าห้องเล็กเชอร์ก็พบว่าเอกตะวันถูกรุมล้อมด้วยนักศึกษาสาวตามคาด ทุกคนดูกระหายใคร่รู้ มีข้อสงสัยเต็มไปหมด

พลันนั้นหญิงสาวก็ใจหายวาบ เมื่อพบว่าดวงตาสีฟ้าเปลี่ยนเฉดได้กำลังจ้องมายังหล่อน อาจารย์หนุ่มไม่พูดอะไรสักคำ แต่แววดุๆ นั้นทำเอาหล่อนขนลุกซู่!



************************

“ทำเป็นเด็กเล่นซ่อนหาไปได้นะจันทร์ อะไรของแกวะเนี่ย ทำไมต้องหนีตาลีตาเหลือกขนาดนี้ด้วย” ลินาบ่นเมื่อทั้งตนเองกับเพื่อนสาวเดินมาถึงจุดจอดจักรยานข้างตึกเรียน

“ไม่รู้แหละ ฉันไม่อยากคุยกับอีตานั่น ไม่สะดวกใจอย่างแรง”

“วัวสันหลังหวะก็แบบนี้แหละเนอะ สรุปเราสองคนต้องหนีแบบนี้ตลอดไปเหรอ” สาวผิวสีน้ำผึ้งเสยผมซอยสั้นขึ้นไปตามความเคยชิน

“เปล่าสักหน่อย ขอแค่ผ่านวันนี้ไปก่อน ฉันไม่ชอบให้อาจารย์มาช่วยเรื่องที่ฉันบาดเจ็บ ไม่ต้องมายุ่งด้วยเลย เดี๋ยวจะเป็นบุญคุณไปถึงชาติหน้าซะเปล่าๆ”

“ไม่ขนาดนั้นมั้ง” เสียงทุ้มที่แทรกขึ้นมาทำเอาจันทร์กันยาสะดุ้งโหยง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเสียงใคร ร่างสูงกำยำในชุดสูทสีเข้มตรงเข้ามาหาหล่อนแล้วคว้าจักรยานในมือไป “คุณพูดเกินไปแล้ว จันทร์กันยา”

เรื่อง ‘เป็นบุญคุณไปถึงชาติหน้า’ น่ะหรือ... อย่าบอกนะว่าลูกครึ่งที่จากเมืองไทยมานานอย่างเขารู้จักความนัยอันประชดประชันของคำว่า ‘ชาติหน้า’ ด้วย

“ผมจะพาคุณกลับหอพัก ไปขึ้นรถกับผม...เดี๋ยวนี้!” เขาออกคำสั่งเสียงเขียว คงหงุดหงิดกับคำพูดและท่าทางกวนประสาทที่จันทร์กันยาจงใจทำเต็มที

“ไม่เอา ฉันจะกลับกับเพื่อน อีกอย่างฉันนัดกับเพื่อนอีกคนไว้แล้ว เดี๋ยวเขาจะมาช่วยพากลับหอ”

จันทร์กันยาอ้างไปอย่างนั้นเอง แต่ใครจะเชื่อว่าจู่ๆ ร่างของปราชญ์ก็โผล่มาราวกับเนรมิตได้ เขาจอดจักรยานแล้ววิ่งจนผมปลิวตรงมาหาสองสาว พร้อมค้อมศีรษะทักทายอาจารย์หนุ่มแล้วถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“เห็นเพื่อนพูดกันว่าจันทร์รถล้ม เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนบ้างไหม” ไม่ใช่แค่คำพูด แต่แววตาของปราชญ์ขณะมองสำรวจหาบาดแผลนั้นเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกปราชญ์ อย่าห่วงน่า แกมาก็ดีแล้ว จะได้กลับหอด้วยกัน ฉันคงขี่ไม่ค่อยถนัด มีแกขี่ประกบไปด้วยค่อยอุ่นใจหน่อย”

“อืม ได้สิ เดี๋ยวค่อยๆ ขี่ไปด้วยกัน” ปราชญ์ส่งยิ้มเท่ตามสไตล์หนุ่มมาดเซอร์ พร้อมตรงเข้าไปมองสำรวจแขนขาของจันทร์กันยาอีกครั้งด้วยสายตาอาทร

“แต่ผมจะให้จันทร์กันยาขึ้นรถกลับกับผม” เอกตะวันยืนยันด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “เพื่อรับผิดชอบที่ชาร์รอนทำให้เธอบาดเจ็บ ผมจะดูแลเธอเอง ส่วนจักรยานของเธอ ถ้าลำบากก็จอดไว้ที่นี่ก่อน ท่าทางจะใส่ท้ายรถผมไม่ลง แล้วค่อยให้คนของผมมาเอาไปให้ที่หออีกที”

เอกตะวันคงไม่รู้ว่าคำว่า ‘คนของผม’ ที่เขาหลุดปากออกมาถึงสองครั้งสองคราในเวลาห่างกันไม่มาก มันทำให้เขาดูเป็นคนขี้อวด นี่คงอยากแสดงว่ามีลูกน้องอยู่เต็มบ้านละสิ

“งั้นเจอกันที่หอนะจันทร์” ลินารีบตัดบท ส่วนปราชญ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะขัดหรือเอ่ยแย้งอะไรเลย สองคนขี่จักรยานจากไป ทิ้งให้จันทร์กันยายืนอยู่เคียงข้างอาจารย์หนุ่ม ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำคอหด หมดท่าขณะเดินตามร่างสูงสง่าไปยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกล



ลงให้อ่านทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์นะคะ



หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ค. 2565, 12:25:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ค. 2565, 12:25:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 160





<< บทที่ 2 (50%)   บทที่ 3 (50%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account