กรงตะวัน: ดาริยา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
ความรักแสนงดงามก่อเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศชวนฝัน ในดินแดนแห่งทิวลิป ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์
ใครจะคาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เอกตะวัน' อาจารย์หนุ่มลูกครึ่งไทย-ดัตช์ และ 'จันทร์กันยา' ลูกศิษย์สาวชาวไทยอันน่าประทับใจจะกลับกลายจากหวานเป็นขม เพราะปมแค้น ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมามากมาย
‘กรง’ ที่ชายหนุ่มพยายามกักขังเธอไว้ในแดนทิวลิปนั้น แม้เขาจะมุ่งมั่นให้เธอทุกข์ทรมาน แต่ทำไมเขากลับทุกข์ทรมานมากกว่า
หรือ ‘กรงแค้น’ ที่เขาสร้างขึ้นแท้จริงแล้วมันคือ ‘กรงรัก’ กักขังผูกมัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันจนดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ดาริยา" นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง "ทะเลลวง" ที่เคยเป็นละครทางช่อง 7 มาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ดาริยานำนิยายโรแมนติก ดราม่ามาให้อ่านกันค่ะ และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60% ของเรื่องนะคะ
ความรักแสนงดงามก่อเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศชวนฝัน ในดินแดนแห่งทิวลิป ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์
ใครจะคาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เอกตะวัน' อาจารย์หนุ่มลูกครึ่งไทย-ดัตช์ และ 'จันทร์กันยา' ลูกศิษย์สาวชาวไทยอันน่าประทับใจจะกลับกลายจากหวานเป็นขม เพราะปมแค้น ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมามากมาย
‘กรง’ ที่ชายหนุ่มพยายามกักขังเธอไว้ในแดนทิวลิปนั้น แม้เขาจะมุ่งมั่นให้เธอทุกข์ทรมาน แต่ทำไมเขากลับทุกข์ทรมานมากกว่า
หรือ ‘กรงแค้น’ ที่เขาสร้างขึ้นแท้จริงแล้วมันคือ ‘กรงรัก’ กักขังผูกมัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันจนดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ดาริยา" นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง "ทะเลลวง" ที่เคยเป็นละครทางช่อง 7 มาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ดาริยานำนิยายโรแมนติก ดราม่ามาให้อ่านกันค่ะ และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60% ของเรื่องนะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 3 (100%)
แม้จะบอกตัวเองให้เลิกสนใจ แต่พอมาอยู่ในห้องนอนบนคฤหาสน์หรูของตระกูลแวนเดอลาร์ซที่ชานเมืองอัมสเตอร์ดัม เอกตะวันกลับทำตรงข้าม
ชายหนุ่มนั่งลงตรงหน้าโน้ตบุ๊กคู่ใจ เปิดอีเมลเก่าที่ได้รับจากน้องชาย เขายังคงนิยมการสื่อสารทางอีเมล แม้ปัจจุบันมีช่องทางอื่นอีกมากมายที่หลากหลายและเป็นกันเองมากกว่า แต่เอกตะวันยังถนัดแบบนี้ เขากับน้องซึ่งดูจะห่างกันไปทุกทีเพราะระยะทางจึงมักติดต่อกันทางอีเมล เอกตะวันเปิดเมลสุดท้ายซึ่งถูกส่งมาให้เมื่อหลายเดือนก่อน นี่เขาไม่ได้ติดต่อกับน้องชายมาเกือบครึ่งปีเชียวหรือ!
หัวข้อเมลคือ ‘ฝากด้วยนะครับ’ ซึ่งแม้เอกตะวันจะเคยเปิดอ่านครั้งหนึ่งแล้ว แต่สารภาพเลยว่าเขาไม่ค่อยให้ความสนใจและเกือบลืมเมลนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ กระทั่งได้สานสบกับนัยน์ตาสีนิลที่กลมโตราวกับดวงตากวาง เขารู้สึกได้เลยว่าเคยเห็นแววตาอย่างนั้นแล้ว และนั่นทำให้เอกตะวันต้องมาเปิดเมลน้องชายดูอีกครั้ง
ชายหนุ่มคลิกไฟล์ภาพที่แนบมา เพียงภาพปรากฏตรงหน้าไม่ถึงสองวินาที เขาก็เอ่ยเบาๆ
“จันทร์กันยา! เธอจริงๆ ด้วย”
โชคชะตาเล่นตลกกับเขาใช่ไหม เป็นไปได้อย่างไรที่ต้องมาเจอกับหล่อน ผู้หญิงที่เขาเคยปล่อยผ่าน คิดว่าธุระไม่ใช่ แต่คราวนี้คงไม่ได้แล้ว เอกตะวันพร้อมทำตามคำขอของน้องชายอย่างเต็มใจ
ว่าแล้วเขาก็ตอบกลับอีเมลที่ได้รับมาเกือบครึ่งปีด้วยประโยคสั้นๆ
‘พี่พบจันทร์กันยาแล้ว และจะดูแลเธอให้ดีที่สุด ไม่ต้องห่วงนะ’
**********************
หลังจากวันที่ได้เห็นภาพหญิงสาวในอีเมลแล้ว เอกตะวันก็มีข้ออ้างในการทำความรู้จักกับจันทร์กันยามากขึ้น ทั้งที่ความจริงพูดได้เลยว่า มันเกิดจากความต้องการภายในลึกๆ ของเขาเองมากกว่า
ใช่! เขาถูกชะตากับหญิงสาวชาวไทยคนนี้เป็นอย่างยิ่ง ถูกใจมากกว่าสาวทุกคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตเลยก็ว่าได้ อาจเป็นเพราะหล่อนคือผู้หญิงคนแรกที่ทำท่ารังเกียจเขาตั้งแต่แรกพบ นั่นยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะ คนอย่างเอกตะวันไม่สมควรได้รับการปฏิเสธจากสาวคนไหน เขาจึงมุ่งมั่นจะทำทุกวิถีทางให้หล่อนได้รู้จักเขา และตัวเขาเองก็จะได้รู้จักหล่อนให้ลึกซึ้งขึ้น อย่างน้อยหล่อนควรรู้ว่าเอกตะวันคือผู้ชายที่ไม่ควรมองข้าม
เช้านี้เป็นวันที่ชายหนุ่มต้องไปสอนที่มหาวิทยาลัย เอกตะวันตื่นแต่เช้า รู้สึกกระปรี้กระเปร่าผิดปกติ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็รีบลงมารับประทานอาหารเช้าที่แม่บ้านจัดเตรียมไว้ให้
“วันนี้คุณธวันตื่นแต่เช้าเลยนะคะ”
แม้พอลลีน แม่บ้านสาวใหญ่จะพอพูดภาษาไทยได้บ้างเพราะถูกบังคับให้เรียน แต่เป็นที่รู้กันว่านางถนัดภาษาดัตช์มากกว่า และจะไม่พูดไทยถ้าไม่จำเป็น ดังนั้นเอกตะวันจึงยอมแพ้ ต้องคุยกับนางเป็นภาษาดัตช์
“ผมตื่นเต้นนิดหน่อยน่ะ กับการไปสอนนักศึกษาวันนี้”
“โอ๊ย! ไม่เชื่อเด็ดขาดค่ะ ระดับคุณธวันไม่มีทางตื่นสนามแล้ว คนชอบสอน สอนมาตั้งหลายคลาสแล้วด้วย ยังไงก็ไม่ยั่นหรอก บอกป้ามาซะดีๆ มีอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ”
นั่นไง! ด้วยความที่พอลลีนทำงานให้ตระกูลเขามานาน เคยช่วยเลี้ยงเอกตะวันมาตั้งแต่เขายังเด็กและเพิ่งจากมารดากับน้องชายมาอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ พอลลีนจึงช่วยดูแลเขาแทนมารดามาตลอดก็ว่าได้ ดังนั้นการที่นางจะรู้ทันเขามากที่สุดจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
“ก็...นิดหน่อยครับป้า”
“เกี่ยวกับสาวๆ ใช่ไหม อย่าบอกนะว่าแม่ชาร์รอนนั่นไปวุ่นวายที่มหาวิทยาลัย เธอไม่ธรรมดานะคะ ไม่เหมือนสาวทุกคนของคุณที่ผ่านมา ป้าดูออกว่าเธอจ้องจะจับคุณให้อยู่หมัด อย่าหาว่าป้าละลาบละล้วงเลยนะคะ ถ้าเป็นไปได้คุณควรอยู่ให้ห่างจากผู้หญิงพวกนั้น อย่าให้เธอหรือแม้แต่สาวอื่นไปยุ่งในสถานศึกษาอันทรงเกียรติเลย เดี๋ยวคนที่นั่นจะไม่นับถือ ยังไงเราควรมีมาดไว้บ้าง”
“ไม่ใช่เรื่องชาร์รอนหรอกครับ” เอกตะวันจะไม่เล่าเด็ดขาดว่าขนาดเขาห้ามแล้ว นางแบบสาวยังไปโผล่ที่มหาวิทยาลัยถึงสองครั้งสองครา จนเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับนักศึกษาสาวขี้ตื่นที่แค่เห็นเขาจูบสาวก็ตกตะลึงจนเป็นเรื่องขึ้นมาอีกต่างหาก
“งั้นเรื่องอะไร พอจะเล่าให้ป้าฟังได้ไหมคะ ปกติไม่เคยเห็นคุณตื่นเต้นอะไรง่ายๆ”
เอกตะวันชั่งใจอยู่ครู่ ก็เอ่ยออกไป
“ผมบังเอิญเจอสาวน่ารักสุดๆ คนหนึ่งเข้าน่ะครับ พูดเลยว่าสะดุดใจผมมาก เธอเป็นสาวไทย”
“โอย! ไม่นะ นี่สเปกเดียวกับคุณเซบาสเตียนเหรอคะเนี่ย พ่อลูกชอบแบบเดียวกันเป๊ะเลย แล้วดูสิคะ คุณเซบาสเตียนก็ต้องเลิกรากับคุณอาภากร ไปไม่รอดเพราะความแตกต่างมันเยอะ คุณธวันต้องคิดให้ดีนะคะ”
พอลลีนโพล่งออกไปตรงๆ นางไม่ค่อยถูกชะตากับอาภากรมารดาของเอกตะวันสักเท่าไร แม้จะเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่เมื่อรู้ข่าวการหย่าขาดของเจ้านายกับหญิงไทยคนนั้น นางก็รู้เหตุผลได้ในทันที ทั้งสองใช้วิธีเทียวไปเทียวมาหากันตลอดจนลูกชายคนโตอายุหกขวบ...แต่ในที่สุดก็ประคองนาวาแห่งรักไม่ได้อยู่ดี ที่เขาว่าระยะทางคืออุปสรรคของความรัก...เป็นเรื่องจริงเสมอ
“แต่ผมมีสายเลือดไทยอยู่ครึ่งหนึ่งนะครับ ป้าอย่าลืม เพราะฉะนั้น ผมน่าจะพอเข้าใจสาวไทยอยู่บ้าง”
“ไม่รู้สินะ ป้าว่าสาวดัตช์ที่รายล้อมคุณอยู่ก็สวยเซ็กซี่ทั้งนั้น รวยๆ อีกต่างหาก แต่ละคนโพรไฟล์ดีเยี่ยม ไม่เห็นจะต้องไปหาเพิ่มเลย ที่มีให้เลือกตอนนี้ก็เป็นโหลๆ แล้ว”
เอกตะวันคร้านจะเถียง จริงอยู่ที่เขามีความสัมพันธ์แบบข้ามคืนกับสาวๆ หลายราย โดยเฉพาะในช่วงหลังนี้ แต่ใครจะเชื่อว่าเขาไม่เคยรู้สึกลึกซึ้งกับใครเลย ทุกอย่างที่ทำเป็นไปตามสัญชาตญาณของผู้ชายล้วนๆ แต่กับจันทร์กันยานั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แค่แตะต้องต้นแขนนุ่มๆ ของหล่อน เขาก็สั่นสะท้านไปถึงหัวใจ ใครจะเชื่อว่าความรู้สึกแบบนี้ได้เกิดขึ้นกับผู้ชายอย่างเขาแล้ว! ราวกับเขายังเป็นหนุ่มน้อยไม่เจนสังเวียน ทั้งที่ความจริงมันตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
“เอาเป็นว่าผมรีบไปดีกว่า เดี๋ยวจะสาย”
“อ้าว! พอพูดถึงสาวๆ เท่านั้นแหละ หนีป้าเลย”
“ผมต้องไปจริงๆ แล้วครับป้าพอลลีน ไม่อยากสายน่ะ มีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง”
แล้วเอกตะวันก็หิ้วกระเป๋าเอกสารออกจากบ้าน ตรงไปยังโรงรถ ในใจตอนนี้โลดแล่นไปถึงหน้าห้องเล็กเชอร์ ซึ่งจะมีสาวน้อยตากลมผมดำยาวสลวยนั่งฟังบรรยายอยู่ตรงที่นั่งแถวหน้าสุด
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแค่คิด หัวใจเขาก็เต้นแรงเสียแล้ว
****************************
อาการตื่นเต้นทั้งหลายทั้งปวงหายไปจนหมดสิ้น เมื่อมาถึงหน้าอาคารเรียนแล้วเอกตะวันพบว่า หญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึงมาทั้งคืนกำลังยืนคุยอยู่กับหนุ่มไทยผมยาวเพื่อนของหล่อน ที่น่าโมโหคือจันทร์กันยาดูสดใสเริงร่า หล่อนยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงสวย ต่างจากเวลาคุยกับอาจารย์หนุ่มอย่างเขาลิบลับ
เอกตะวันตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าตนจะทำมาก่อน นั่นคือการแฝงตัวอยู่หลังเสาต้นหนึ่ง แล้วแอบฟังบทสนทนาของหนุ่มสาวชาวไทยคู่นั้น
“นี่ถ้าไม่ป่วยจริงๆ ลินไม่มีทางยอมลาคลาสนี้หรอก รายนั้นเป็นแฟนคลับอาจารย์เอกตะวันน่ะ นี่แสดงว่าปวดหัวสุดๆ ไมเกรนนี่น่ากลัวจัง” เสียงจันทร์กันยาเจื้อยแจ้ว ดวงตาหวานแฝงแววห่วงใยฉายชัด
“แล้วจันทร์เป็นแฟนคลับอาจารย์ด้วยหรือเปล่าล่ะ” ปราชญ์ถามทีเล่นทีจริง แต่คนตอบทำเสียงจริงจังมาก
“โหย! ฉันไม่สนหรอก จะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่ชอบฝรั่งอะ อาจารย์มีชื่อไทยก็จริง แต่หน้าฝรั่งจ๋า ตัวก็โต น่ากลัวจะตาย อุ๊บ!”
หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากราวกับเพิ่งนึกได้
“มีอะไรเหรอจันทร์” หนุ่มผมยาวเหลียวมองไปรอบกายจนเอกตะวันต้องยืนนิ่งเร้นกาย ไม่ให้ถูกจับได้ว่ามาแอบฟังอยู่
“ฉันไม่อยากนินทาอาจารย์แล้ว คราวก่อนโดนเขาเตือนด้วยนะ น่ากลัวมาก เขาคงรับความจริงในแง่ลบของตัวเองไม่ได้ อย่าไปพูดถึงเขาเลย ว่าแต่แกเถอะ เช้านี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่ไปอีก” จันทร์กันยาติดนิสัยเสียแล้ว ต่อให้ปราชญ์แทนตัวเองว่า ‘ผม’ ทุกคำ ซึ่งตรงข้ามกับมาดเซอร์ของตัวเอง แต่หล่อนกับลินาก็ยังเรียกเขาว่า ‘แก’ กลับไปตลอด
“คือ...ผมหาโอกาสจะบอกจันทร์มานานแล้ว เรื่องอาจารย์เอกตะวันน่ะ พอดีได้ยินเพื่อนชาวดัตช์คุยกันแล้วอดเป็นห่วงจันทร์ไม่ได้ ผมเห็นแววตาที่เขามองจันทร์แล้วกลัวแทน”
“กลัว? ยังไงเหรอปราชญ์” หญิงสาวทำหน้าตื่น
“อาจารย์เอกตะวันเป็นเสือผู้หญิงนะ เขาน่ากลัวมาก แล้วดูเหมือนเขาสนใจจันทร์อย่างจริงจังเสียด้วยสิ”
“โอ๊ย! ไม่ใช่หรอกแก อาจารย์มีแฟนแล้ว อาจเยอะจนเป็นขบวนเลยก็ได้ แต่ที่คั่วอยู่ตอนนี้เป็นนางแบบ อย่างแจ่มเลยละ ฉันเคยเห็น เขาไม่มาสนฉันหรอก” จันทร์กันยาโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
“แต่ผมว่าผมมองไม่ผิดหรอก ยังไงก็อยากให้จันทร์ระวังตัวไว้บ้าง เขาว่ากันว่า ถ้าอาจารย์ต้องการสาวคนไหน ไม่มีใครหลุดมือไปได้”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” หญิงสาวหดคอ ทำสีหน้าสยดสยอง
“ใช่ ผมถึงได้เตือนไง ป้องกันไว้ก่อน”
“อืม ขอบใจนะเพื่อน ฉันจะระวังตัว แต่เชื่อเถอะ ฉันไม่ใช่เป้าหมายเขาแน่ รูปร่างหน้าตาแบบนี้เนี่ยนะ ใครจะมาสน” เห็นได้ชัดว่าฝ่ายหญิงพยายามเน้นคำว่า ‘เพื่อน’ แต่ฝ่ายชายทำเป็นไม่สนใจ ยังรุกต่อ
“ใครว่าล่ะ จันทร์น่ารัก ขนาดผมยัง...ชอบเลย”
“เฮ้ย! ไม่นะ ไม่ๆ เราเพื่อนกันน่าปราชญ์ ไม่กินกันเอง บอกเลยว่าฉันยังไม่อยากคิดเรื่องนี้หรอก นี่ตั้งใจมาเรียน ไม่ว่อกแว่กแน่” คนพูดยังคงเน้นย้ำความเป็นเพื่อนด้วยการตบบ่าชายหนุ่มอย่างแรง
“ให้เวลาพิสูจน์ก็แล้วกัน ผมจริงใจกับจันทร์นะ”
“ไม่เอาละ ฉันไม่ชอบคุยเรื่องนี้ บอกเลยนะ ถ้าเพื่อนมาคิดในแนวชู้สาว บางทีฉันชิ่งหนีเลย แกไม่อยากโดนใช่ไหม...ไม่รู้สิ ของแบบนี้ฉันชอบให้ค่อยเป็นค่อยไปน่ะ อย่าให้ฉันต้องเสียเพื่อนดีๆ เลย”
“โอเค แล้วสักวันจันทร์จะเห็นว่าผมไม่ได้พูดเล่น”
“ไปดีกว่า เดี๋ยวเข้าคลาสสาย บายจ้ะปราชญ์”
จันทร์กันยาตัดบทฉับไวแล้วผละจากไป เอกตะวันจึงเดินตามหล่อนไปห่างๆ มุ่งสู่ห้องเรียน ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหนุ่มไทยผมยาวร่างสูงที่เดินออกไปนอกอาคารแล้ว
ปราชญ์อาจจะดูหนุ่มกว่า พร้อมด้วยความมีชีวิตชีวา มาดเซอร์ๆ ของเขาทำให้ดูจับต้องได้มากกว่า แต่มีหรือที่เอกตะวันจะยอมแพ้
จะว่าไปไอ้หนุ่มนั่นพูดถูก ถ้าเอกตะวันสนใจสาวคนไหน เขาจะใช้ความพยายามจนถึงที่สุดให้ได้มา โดยไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น
และเขาก็พร้อมทำเช่นนั้น...กับจันทร์กันยา
ลงให้อ่านทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์นะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ชายหนุ่มนั่งลงตรงหน้าโน้ตบุ๊กคู่ใจ เปิดอีเมลเก่าที่ได้รับจากน้องชาย เขายังคงนิยมการสื่อสารทางอีเมล แม้ปัจจุบันมีช่องทางอื่นอีกมากมายที่หลากหลายและเป็นกันเองมากกว่า แต่เอกตะวันยังถนัดแบบนี้ เขากับน้องซึ่งดูจะห่างกันไปทุกทีเพราะระยะทางจึงมักติดต่อกันทางอีเมล เอกตะวันเปิดเมลสุดท้ายซึ่งถูกส่งมาให้เมื่อหลายเดือนก่อน นี่เขาไม่ได้ติดต่อกับน้องชายมาเกือบครึ่งปีเชียวหรือ!
หัวข้อเมลคือ ‘ฝากด้วยนะครับ’ ซึ่งแม้เอกตะวันจะเคยเปิดอ่านครั้งหนึ่งแล้ว แต่สารภาพเลยว่าเขาไม่ค่อยให้ความสนใจและเกือบลืมเมลนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ กระทั่งได้สานสบกับนัยน์ตาสีนิลที่กลมโตราวกับดวงตากวาง เขารู้สึกได้เลยว่าเคยเห็นแววตาอย่างนั้นแล้ว และนั่นทำให้เอกตะวันต้องมาเปิดเมลน้องชายดูอีกครั้ง
ชายหนุ่มคลิกไฟล์ภาพที่แนบมา เพียงภาพปรากฏตรงหน้าไม่ถึงสองวินาที เขาก็เอ่ยเบาๆ
“จันทร์กันยา! เธอจริงๆ ด้วย”
โชคชะตาเล่นตลกกับเขาใช่ไหม เป็นไปได้อย่างไรที่ต้องมาเจอกับหล่อน ผู้หญิงที่เขาเคยปล่อยผ่าน คิดว่าธุระไม่ใช่ แต่คราวนี้คงไม่ได้แล้ว เอกตะวันพร้อมทำตามคำขอของน้องชายอย่างเต็มใจ
ว่าแล้วเขาก็ตอบกลับอีเมลที่ได้รับมาเกือบครึ่งปีด้วยประโยคสั้นๆ
‘พี่พบจันทร์กันยาแล้ว และจะดูแลเธอให้ดีที่สุด ไม่ต้องห่วงนะ’
**********************
หลังจากวันที่ได้เห็นภาพหญิงสาวในอีเมลแล้ว เอกตะวันก็มีข้ออ้างในการทำความรู้จักกับจันทร์กันยามากขึ้น ทั้งที่ความจริงพูดได้เลยว่า มันเกิดจากความต้องการภายในลึกๆ ของเขาเองมากกว่า
ใช่! เขาถูกชะตากับหญิงสาวชาวไทยคนนี้เป็นอย่างยิ่ง ถูกใจมากกว่าสาวทุกคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตเลยก็ว่าได้ อาจเป็นเพราะหล่อนคือผู้หญิงคนแรกที่ทำท่ารังเกียจเขาตั้งแต่แรกพบ นั่นยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะ คนอย่างเอกตะวันไม่สมควรได้รับการปฏิเสธจากสาวคนไหน เขาจึงมุ่งมั่นจะทำทุกวิถีทางให้หล่อนได้รู้จักเขา และตัวเขาเองก็จะได้รู้จักหล่อนให้ลึกซึ้งขึ้น อย่างน้อยหล่อนควรรู้ว่าเอกตะวันคือผู้ชายที่ไม่ควรมองข้าม
เช้านี้เป็นวันที่ชายหนุ่มต้องไปสอนที่มหาวิทยาลัย เอกตะวันตื่นแต่เช้า รู้สึกกระปรี้กระเปร่าผิดปกติ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็รีบลงมารับประทานอาหารเช้าที่แม่บ้านจัดเตรียมไว้ให้
“วันนี้คุณธวันตื่นแต่เช้าเลยนะคะ”
แม้พอลลีน แม่บ้านสาวใหญ่จะพอพูดภาษาไทยได้บ้างเพราะถูกบังคับให้เรียน แต่เป็นที่รู้กันว่านางถนัดภาษาดัตช์มากกว่า และจะไม่พูดไทยถ้าไม่จำเป็น ดังนั้นเอกตะวันจึงยอมแพ้ ต้องคุยกับนางเป็นภาษาดัตช์
“ผมตื่นเต้นนิดหน่อยน่ะ กับการไปสอนนักศึกษาวันนี้”
“โอ๊ย! ไม่เชื่อเด็ดขาดค่ะ ระดับคุณธวันไม่มีทางตื่นสนามแล้ว คนชอบสอน สอนมาตั้งหลายคลาสแล้วด้วย ยังไงก็ไม่ยั่นหรอก บอกป้ามาซะดีๆ มีอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ”
นั่นไง! ด้วยความที่พอลลีนทำงานให้ตระกูลเขามานาน เคยช่วยเลี้ยงเอกตะวันมาตั้งแต่เขายังเด็กและเพิ่งจากมารดากับน้องชายมาอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ พอลลีนจึงช่วยดูแลเขาแทนมารดามาตลอดก็ว่าได้ ดังนั้นการที่นางจะรู้ทันเขามากที่สุดจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
“ก็...นิดหน่อยครับป้า”
“เกี่ยวกับสาวๆ ใช่ไหม อย่าบอกนะว่าแม่ชาร์รอนนั่นไปวุ่นวายที่มหาวิทยาลัย เธอไม่ธรรมดานะคะ ไม่เหมือนสาวทุกคนของคุณที่ผ่านมา ป้าดูออกว่าเธอจ้องจะจับคุณให้อยู่หมัด อย่าหาว่าป้าละลาบละล้วงเลยนะคะ ถ้าเป็นไปได้คุณควรอยู่ให้ห่างจากผู้หญิงพวกนั้น อย่าให้เธอหรือแม้แต่สาวอื่นไปยุ่งในสถานศึกษาอันทรงเกียรติเลย เดี๋ยวคนที่นั่นจะไม่นับถือ ยังไงเราควรมีมาดไว้บ้าง”
“ไม่ใช่เรื่องชาร์รอนหรอกครับ” เอกตะวันจะไม่เล่าเด็ดขาดว่าขนาดเขาห้ามแล้ว นางแบบสาวยังไปโผล่ที่มหาวิทยาลัยถึงสองครั้งสองครา จนเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับนักศึกษาสาวขี้ตื่นที่แค่เห็นเขาจูบสาวก็ตกตะลึงจนเป็นเรื่องขึ้นมาอีกต่างหาก
“งั้นเรื่องอะไร พอจะเล่าให้ป้าฟังได้ไหมคะ ปกติไม่เคยเห็นคุณตื่นเต้นอะไรง่ายๆ”
เอกตะวันชั่งใจอยู่ครู่ ก็เอ่ยออกไป
“ผมบังเอิญเจอสาวน่ารักสุดๆ คนหนึ่งเข้าน่ะครับ พูดเลยว่าสะดุดใจผมมาก เธอเป็นสาวไทย”
“โอย! ไม่นะ นี่สเปกเดียวกับคุณเซบาสเตียนเหรอคะเนี่ย พ่อลูกชอบแบบเดียวกันเป๊ะเลย แล้วดูสิคะ คุณเซบาสเตียนก็ต้องเลิกรากับคุณอาภากร ไปไม่รอดเพราะความแตกต่างมันเยอะ คุณธวันต้องคิดให้ดีนะคะ”
พอลลีนโพล่งออกไปตรงๆ นางไม่ค่อยถูกชะตากับอาภากรมารดาของเอกตะวันสักเท่าไร แม้จะเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่เมื่อรู้ข่าวการหย่าขาดของเจ้านายกับหญิงไทยคนนั้น นางก็รู้เหตุผลได้ในทันที ทั้งสองใช้วิธีเทียวไปเทียวมาหากันตลอดจนลูกชายคนโตอายุหกขวบ...แต่ในที่สุดก็ประคองนาวาแห่งรักไม่ได้อยู่ดี ที่เขาว่าระยะทางคืออุปสรรคของความรัก...เป็นเรื่องจริงเสมอ
“แต่ผมมีสายเลือดไทยอยู่ครึ่งหนึ่งนะครับ ป้าอย่าลืม เพราะฉะนั้น ผมน่าจะพอเข้าใจสาวไทยอยู่บ้าง”
“ไม่รู้สินะ ป้าว่าสาวดัตช์ที่รายล้อมคุณอยู่ก็สวยเซ็กซี่ทั้งนั้น รวยๆ อีกต่างหาก แต่ละคนโพรไฟล์ดีเยี่ยม ไม่เห็นจะต้องไปหาเพิ่มเลย ที่มีให้เลือกตอนนี้ก็เป็นโหลๆ แล้ว”
เอกตะวันคร้านจะเถียง จริงอยู่ที่เขามีความสัมพันธ์แบบข้ามคืนกับสาวๆ หลายราย โดยเฉพาะในช่วงหลังนี้ แต่ใครจะเชื่อว่าเขาไม่เคยรู้สึกลึกซึ้งกับใครเลย ทุกอย่างที่ทำเป็นไปตามสัญชาตญาณของผู้ชายล้วนๆ แต่กับจันทร์กันยานั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แค่แตะต้องต้นแขนนุ่มๆ ของหล่อน เขาก็สั่นสะท้านไปถึงหัวใจ ใครจะเชื่อว่าความรู้สึกแบบนี้ได้เกิดขึ้นกับผู้ชายอย่างเขาแล้ว! ราวกับเขายังเป็นหนุ่มน้อยไม่เจนสังเวียน ทั้งที่ความจริงมันตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
“เอาเป็นว่าผมรีบไปดีกว่า เดี๋ยวจะสาย”
“อ้าว! พอพูดถึงสาวๆ เท่านั้นแหละ หนีป้าเลย”
“ผมต้องไปจริงๆ แล้วครับป้าพอลลีน ไม่อยากสายน่ะ มีอะไรค่อยคุยกันวันหลัง”
แล้วเอกตะวันก็หิ้วกระเป๋าเอกสารออกจากบ้าน ตรงไปยังโรงรถ ในใจตอนนี้โลดแล่นไปถึงหน้าห้องเล็กเชอร์ ซึ่งจะมีสาวน้อยตากลมผมดำยาวสลวยนั่งฟังบรรยายอยู่ตรงที่นั่งแถวหน้าสุด
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแค่คิด หัวใจเขาก็เต้นแรงเสียแล้ว
****************************
อาการตื่นเต้นทั้งหลายทั้งปวงหายไปจนหมดสิ้น เมื่อมาถึงหน้าอาคารเรียนแล้วเอกตะวันพบว่า หญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึงมาทั้งคืนกำลังยืนคุยอยู่กับหนุ่มไทยผมยาวเพื่อนของหล่อน ที่น่าโมโหคือจันทร์กันยาดูสดใสเริงร่า หล่อนยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงสวย ต่างจากเวลาคุยกับอาจารย์หนุ่มอย่างเขาลิบลับ
เอกตะวันตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าตนจะทำมาก่อน นั่นคือการแฝงตัวอยู่หลังเสาต้นหนึ่ง แล้วแอบฟังบทสนทนาของหนุ่มสาวชาวไทยคู่นั้น
“นี่ถ้าไม่ป่วยจริงๆ ลินไม่มีทางยอมลาคลาสนี้หรอก รายนั้นเป็นแฟนคลับอาจารย์เอกตะวันน่ะ นี่แสดงว่าปวดหัวสุดๆ ไมเกรนนี่น่ากลัวจัง” เสียงจันทร์กันยาเจื้อยแจ้ว ดวงตาหวานแฝงแววห่วงใยฉายชัด
“แล้วจันทร์เป็นแฟนคลับอาจารย์ด้วยหรือเปล่าล่ะ” ปราชญ์ถามทีเล่นทีจริง แต่คนตอบทำเสียงจริงจังมาก
“โหย! ฉันไม่สนหรอก จะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่ชอบฝรั่งอะ อาจารย์มีชื่อไทยก็จริง แต่หน้าฝรั่งจ๋า ตัวก็โต น่ากลัวจะตาย อุ๊บ!”
หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากราวกับเพิ่งนึกได้
“มีอะไรเหรอจันทร์” หนุ่มผมยาวเหลียวมองไปรอบกายจนเอกตะวันต้องยืนนิ่งเร้นกาย ไม่ให้ถูกจับได้ว่ามาแอบฟังอยู่
“ฉันไม่อยากนินทาอาจารย์แล้ว คราวก่อนโดนเขาเตือนด้วยนะ น่ากลัวมาก เขาคงรับความจริงในแง่ลบของตัวเองไม่ได้ อย่าไปพูดถึงเขาเลย ว่าแต่แกเถอะ เช้านี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่ไปอีก” จันทร์กันยาติดนิสัยเสียแล้ว ต่อให้ปราชญ์แทนตัวเองว่า ‘ผม’ ทุกคำ ซึ่งตรงข้ามกับมาดเซอร์ของตัวเอง แต่หล่อนกับลินาก็ยังเรียกเขาว่า ‘แก’ กลับไปตลอด
“คือ...ผมหาโอกาสจะบอกจันทร์มานานแล้ว เรื่องอาจารย์เอกตะวันน่ะ พอดีได้ยินเพื่อนชาวดัตช์คุยกันแล้วอดเป็นห่วงจันทร์ไม่ได้ ผมเห็นแววตาที่เขามองจันทร์แล้วกลัวแทน”
“กลัว? ยังไงเหรอปราชญ์” หญิงสาวทำหน้าตื่น
“อาจารย์เอกตะวันเป็นเสือผู้หญิงนะ เขาน่ากลัวมาก แล้วดูเหมือนเขาสนใจจันทร์อย่างจริงจังเสียด้วยสิ”
“โอ๊ย! ไม่ใช่หรอกแก อาจารย์มีแฟนแล้ว อาจเยอะจนเป็นขบวนเลยก็ได้ แต่ที่คั่วอยู่ตอนนี้เป็นนางแบบ อย่างแจ่มเลยละ ฉันเคยเห็น เขาไม่มาสนฉันหรอก” จันทร์กันยาโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
“แต่ผมว่าผมมองไม่ผิดหรอก ยังไงก็อยากให้จันทร์ระวังตัวไว้บ้าง เขาว่ากันว่า ถ้าอาจารย์ต้องการสาวคนไหน ไม่มีใครหลุดมือไปได้”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” หญิงสาวหดคอ ทำสีหน้าสยดสยอง
“ใช่ ผมถึงได้เตือนไง ป้องกันไว้ก่อน”
“อืม ขอบใจนะเพื่อน ฉันจะระวังตัว แต่เชื่อเถอะ ฉันไม่ใช่เป้าหมายเขาแน่ รูปร่างหน้าตาแบบนี้เนี่ยนะ ใครจะมาสน” เห็นได้ชัดว่าฝ่ายหญิงพยายามเน้นคำว่า ‘เพื่อน’ แต่ฝ่ายชายทำเป็นไม่สนใจ ยังรุกต่อ
“ใครว่าล่ะ จันทร์น่ารัก ขนาดผมยัง...ชอบเลย”
“เฮ้ย! ไม่นะ ไม่ๆ เราเพื่อนกันน่าปราชญ์ ไม่กินกันเอง บอกเลยว่าฉันยังไม่อยากคิดเรื่องนี้หรอก นี่ตั้งใจมาเรียน ไม่ว่อกแว่กแน่” คนพูดยังคงเน้นย้ำความเป็นเพื่อนด้วยการตบบ่าชายหนุ่มอย่างแรง
“ให้เวลาพิสูจน์ก็แล้วกัน ผมจริงใจกับจันทร์นะ”
“ไม่เอาละ ฉันไม่ชอบคุยเรื่องนี้ บอกเลยนะ ถ้าเพื่อนมาคิดในแนวชู้สาว บางทีฉันชิ่งหนีเลย แกไม่อยากโดนใช่ไหม...ไม่รู้สิ ของแบบนี้ฉันชอบให้ค่อยเป็นค่อยไปน่ะ อย่าให้ฉันต้องเสียเพื่อนดีๆ เลย”
“โอเค แล้วสักวันจันทร์จะเห็นว่าผมไม่ได้พูดเล่น”
“ไปดีกว่า เดี๋ยวเข้าคลาสสาย บายจ้ะปราชญ์”
จันทร์กันยาตัดบทฉับไวแล้วผละจากไป เอกตะวันจึงเดินตามหล่อนไปห่างๆ มุ่งสู่ห้องเรียน ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหนุ่มไทยผมยาวร่างสูงที่เดินออกไปนอกอาคารแล้ว
ปราชญ์อาจจะดูหนุ่มกว่า พร้อมด้วยความมีชีวิตชีวา มาดเซอร์ๆ ของเขาทำให้ดูจับต้องได้มากกว่า แต่มีหรือที่เอกตะวันจะยอมแพ้
จะว่าไปไอ้หนุ่มนั่นพูดถูก ถ้าเอกตะวันสนใจสาวคนไหน เขาจะใช้ความพยายามจนถึงที่สุดให้ได้มา โดยไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น
และเขาก็พร้อมทำเช่นนั้น...กับจันทร์กันยา
ลงให้อ่านทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์นะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มิ.ย. 2565, 22:35:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มิ.ย. 2565, 22:35:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 267
<< บทที่ 3 (50%) | บทที่ 4 (60%) >> |