กรงตะวัน: ดาริยา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:

ความรักแสนงดงามก่อเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศชวนฝัน ในดินแดนแห่งทิวลิป ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์

ใครจะคาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เอกตะวัน' อาจารย์หนุ่มลูกครึ่งไทย-ดัตช์ และ 'จันทร์กันยา' ลูกศิษย์สาวชาวไทยอันน่าประทับใจจะกลับกลายจากหวานเป็นขม เพราะปมแค้น ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมามากมาย

‘กรง’ ที่ชายหนุ่มพยายามกักขังเธอไว้ในแดนทิวลิปนั้น แม้เขาจะมุ่งมั่นให้เธอทุกข์ทรมาน แต่ทำไมเขากลับทุกข์ทรมานมากกว่า

หรือ ‘กรงแค้น’ ที่เขาสร้างขึ้นแท้จริงแล้วมันคือ ‘กรงรัก’ กักขังผูกมัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันจนดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด

. . . . . . . . . . . . . .

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ดาริยา" นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง "ทะเลลวง" ที่เคยเป็นละครทางช่อง 7 มาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ดาริยานำนิยายโรแมนติก ดราม่ามาให้อ่านกันค่ะ และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60% ของเรื่องนะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 4 (100%)

ระหว่างทางที่ขี่จักรยานกลับหอ ลินาพยายามคิดเรียบเรียงคำพูดว่าควรบอกจันทร์กันยาแค่ไหนและบอกอย่างไรดี ที่แม่เพื่อนตัวดีจะไม่วิ่งหนีเอกตะวัน หล่อนรู้ดีว่าเพื่อนระวังตัวเรื่องผู้ชายเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเล่าทุกคำพูดที่ได้ยินในร้านกาแฟให้จันทร์กันยาฟังละก็ คุณเธอต้องยิ่งเตลิดเปิดเปิง หลบลี้หนีหน้าอาจารย์หนุ่มไปไกลกว่าเดิมแน่ เผลอๆ จะหาว่าอาจารย์เป็นพวกเฒ่าหัวงูก็เป็นได้

อันที่จริงก็ไม่ใช่ธุระอะไรของลินาเลย แต่คำพูดและแววตาของอาจารย์เอกตะวันเมื่อครู่ทำให้หล่อนไม่อาจใจจืดใจดำ จะมีชายชาตรีสักกี่คนที่กล้าสารภาพตรงๆ ว่าชอบผู้หญิงคนหนึ่งอย่างรุนแรง และอยากให้ช่วยขนาดนั้น ถ้าไม่สุดๆ ก็คงไม่ทำหรอก นี่แสดงว่าเขาต้องชอบจันทร์กันยาจริงจังมาก ซึ่งสาบานได้เลยว่าที่ลินาไปตกปากรับคำกับอาจารย์เอกตะวันนั้นไม่ใช่เพราะอยากกำจัดจันทร์กันยาให้พ้นทางระหว่างตนกับปราชญ์แน่นอน ลินารู้ตัวว่าถึงไม่มีจันทร์กันยา ปราชญ์ก็ไม่หันมามองหล่อนอยู่ดี คนเขาไม่ชอบ อย่างไรก็ไม่ชอบหรอก หล่อนหมดหวังกับปราชญ์ไปนานแล้ว ที่ทำนี่เพราะเห็นแก่ความรักอันแสนบริสุทธิ์ใจของเอกตะวันล้วนๆ

เมื่อมาถึงหน้าห้อง ลินาก็สูดหายใจลึกเพื่อกระตุ้นตัวเอง ก่อนจะไขประตูเข้าไป แล้วเดินไปยังส่วนที่เป็นครัวเล็กสำหรับทำหรืออุ่นอาหารง่ายๆ กิน

“อ้าว! แก มาพอดีเลย ช่วยฉันยกจานสลัดไปที่โต๊ะทีสิ” จันทร์กันยาตะโกนบอก หล่อนยังคงง่วนอยู่กับการจัดจานสลัดบนเคาน์เตอร์เล็กใกล้อ่างล้างจาน ผมยาวสลวยที่มักปล่อยตามธรรมชาติถูกรวบขึ้นสูงแล้วขมวดเก็บเป็นปมไว้ลวกๆ

“อืม ได้ๆ นี่แกทำเสร็จแล้วเหรอ ฉันว่าจะมาช่วยซะหน่อย” ลินาตรงเข้าไปหาเพื่อน เกิดอาการใจเต้นแรง ยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร และจะเริ่มได้หรือเปล่า ความจริงหล่อนไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวไปรับปากกับอาจารย์หนุ่มเลย

”น่าเชื่อตายละ ถ้าอยากช่วยก็ต้องมาเร็วกว่านี้ปะวะ นี่แกไปไหนมาเนี่ย อย่าบอกนะว่ามี ‘ข้อสงสัย’ กับอาจารย์สุดหล่อเยอะขนาดเพิ่งอธิบายกันเสร็จ”

“เอ่อ...ไม่ใช่หรอกแก คือฉันเกิดอยากกินกาแฟ เลยไปแวะซื้อ นี่ไง เอามาฝากแกด้วยนะ” ลินายื่นแก้วกระดาษที่บรรจุกาแฟร้อนให้เพื่อน

“ไปรวยอะไรมายะ ถึงเลี้ยงกาแฟฉัน แต่ก็ขอบใจนะ กาแฟห้อม หอม” จันทร์กันยาคว้าแก้วกาแฟจากมือเพื่อน อดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นหอมนั้นแล้วจิบด้วยสีหน้า ‘ฟิน’ ขั้นสุด

“รสชาติกลมกล่อมมากเลยแก ร้านไหนเนี่ย” คนถามปัดผมที่ข้างแก้มตัวเอง แม้จะเกล้าเป็นมวยหลวมๆ ไว้แล้ว แต่ก็มีบางส่วนหลุดลุ่ยลงมาให้รำคาญ

“ก็แถวมหาวิทยาลัยนั่นแหละ เราเริ่มกินสลัดกันดีกว่า ฉันหิวแล้ว” ลินาตอบเลี่ยงๆ ไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าดอดไปนั่งกินกาแฟกับเอกตะวันมา แล้ว เพราะยังเดาปฏิกิริยาของจันทร์กันยาเมื่อรู้เรื่องไม่ออก

สองสาวนั่งลงบนเก้าอี้กลม ดวงตาของจันทร์กันยาจ้องเขม็งไปยังชามสลัดฝีมือตนเองที่วางบนโต๊ะเล็กอเนกประสงค์ ซึ่งใช้เป็นทั้งโต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน และอื่นๆ ตามใจต้องการ

“ลุ้นอะ ว่าแกจะอร่อยไหม” คนจัดจานสลัดเปลี่ยนไปสำรวจใบหน้านวลสีน้ำผึ้ง ขณะเพื่อนตักอาหารเข้าปาก

“ทำเหมือนปรุงเองนะยะ น้ำสลัดก็ซื้อมาไม่ใช่เหรอ”

“แหม! ขอเหมาว่าทำเองไม่ได้หรือไง อย่างน้อยฉันก็ล้างผัก หั่นโน่นนี่ใส่ลงไปแหละ ตั้งแต่มาถึงหอยังไม่ได้หยุดมือเลยนะ เป็นไงบ้างแก”

“อืม อร่อยมาก อร่อยผิดปกติ ไม่รู้เป็นเพราะฉันหิว หรือเพราะแกล้างผักเก่ง”

“นังนี่! ทำเป็นพูดดี เดี๋ยววันหลังไม่ทำให้กินแล้วนะ” จันทร์กันยาส่งค้อน ตามด้วยเสียงหัวเราะ

ลินานิ่งไปพักหนึ่งกว่าจะเอ่ยออกไปได้

“จันทร์...ฉันมีเรื่องจะสารภาพ”

ในที่สุดลินาก็ตัดสินใจได้ การโกหกกับจันทร์กันยานั้น ถือเป็นเรื่องอันตรายมากและไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนหล่อนจัดอยู่ในขั้นมีไหวพริบสูงมากแถมยังเฉลียวฉลาด ขืนปดไป อีกสักพักก็ต้องโดนจับได้อยู่ดี

“มีอะไร นี่อย่าบอกนะ ว่าตะกี้แกไปเดตกับอาจารย์เอกตะวัน โอ๊ย! อีตานี่ไวไฟชะมัด”

“เฮ้ย! ไม่ใช่นะ ไม่ได้มีอะไรแบบนั้นสักหน่อย แค่อาจารย์ขอคุยกับฉัน...เรื่องแกน่ะ”

ได้ยินแค่นั้นจันทร์กันยาก็ตาลุกวาว เสียงสูงตามอารมณ์ที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที

“ตกลงเขาจะไม่จบใช่ไหม จะเอาเรื่องฉันให้ได้ใช่ไหม”

“ใจเย็นก่อนแก จริงๆ แล้ว...อาจารย์เอ็นดูแกมากเลยนะรู้ไหม”

“เอ็นดู? เหอะ ฉันไม่เชื่อหรอก”

“คือ...แกคิดสิคิด ถ้าไม่เอ็นดู อาจารย์จะเรียกฉันไปขอร้องเรื่องแกเหรอ”

“อะไรวะเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว ขอร้องยังไง บอกมาเร็วๆ เลยลิน” จันทร์กันยาเร่งพร้อมวางช้อนลง จ้องหน้าเพื่อนตาไม่กะพริบ

“อาจารย์เอกตะวันอยากมีโอกาสคุยกับแกดีๆ บ้าง อาจารย์ถูกชะตากับแก” ลินาโล่งอกที่โพล่งออกไปได้สำเร็จ

“บ้าไปแล้ว ถ้าแบบนี้เรียก ‘ถูกชะตา’ โลกก็กำลังหกคะเมนตีลังกาแล้วละ เขาหมั่นไส้ฉันจะตาย ดูก็รู้”

“จริงนะจันทร์ อาจารย์พูดแบบซีเรียสเลย เขาขอโอกาสเจอแกบ้าง แค่นั้นเอง”

“ไปไกลๆ เลย แกก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบฝรั่ง ที่สำคัญเขายังเป็นอาจารย์ที่ฉันลงเรียนด้วยอีก มันได้เหรอวะแบบนี้”

“ก็รู้ แต่อาจารย์ยืนยันว่าจะระมัดระวังเรื่องสถานะ ไม่ให้น่าเกลียด ส่วนเรื่องที่เขาดูเป็นฝรั่งน่ะ แกอย่าลืมว่าฝรั่งทุกคนไม่เหมือนกันนะ”

ลินายังจำได้ดี จันทร์กันยาเคยเล่าว่าน้ารัชนีของหล่อนถูกหนุ่มต่างชาติหลอกให้รัก น้ายอมถึงขั้นร่วมห้องกันไปแล้ว ทว่าอีกไม่นานหนุ่มคนนั้นก็บินกลับประเทศไป หายเข้ากลีบเมฆไปเลย ทำเอาน้ารัชนีสาปส่งผู้ชาย จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใคร แถมทำท่าจะบวชชีอีกต่างหาก

“ถึงยังไงฉันก็ยังไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้ ถ้าแกรักฉันจริง แกต้องเลิกทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักเสียทีนะลิน มันหมดสมัยแล้ว ผู้ชายอะไรกันเนี่ย ถ้าชอบจริงทำไมไม่จัดการเอง ต้องให้แกช่วยเพื่อ? แบบนี้ไม่แน่จริงนี่นา”

ลินาเชื่อว่าถ้าเอาคำพูดนี้ไปถ่ายทอดให้อาจารย์เอกตะวันรู้ เขาต้องตามจีบจันทร์กันยาเพื่อลบคำสบประมาทแน่ๆ ปากไวแบบนี้ไง เลยเรียกร้องความสนใจของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว

“เขาก็กำลัง ‘จัดการ’ อยู่นี่ไง อาจารย์คุยกับฉันตั้งนานเพื่อจะได้รู้จักแกอย่างคร่าวๆ ก่อน แล้วแกรู้ไหม พอฉันเล่าว่าที่แกเลือกมาเรียนที่นี่ ส่วนหนึ่งเพราะอยากเห็นสวนเคอเคนฮอฟ เท่านั้นแหละ เขาก็อาสาจะพาเราสองคนไปเที่ยวเลย รอแค่แกเซย์เยสเท่านั้น”

“ลิน! นี่แกเล่าให้อาจารย์ฟังลึกขนาดนั้นเลยเหรอ นังเพื่อนทรยศ” จันทร์กันยาโวยวายลั่น

“โธ่! แกต้องเข้าใจสิจันทร์ อาจารย์มีวิธีพูดจูงใจอะ เขาคุยไปเรื่อยๆ ความลับของแกก็หลั่งไหลออกจากปากฉันเอง อาจารย์ตะล่อมเก่งมาก”

“สมกับเป็นเสือผู้หญิงจริงๆ ปราชญ์เคยเตือนฉันไว้แล้ว แกเองก็น่าจะรู้ แกจะส่งฉันไปให้เขาขย้ำเหรอ ถามจริง แกรักเพื่อนม้ายยย” คนถูกเปิดเผยข้อมูลลากเสียงยาวไม่ต่างจากคร่ำครวญ

“รักสิจันทร์ ให้ฉันพูดตามตรงเลยนะ ถ้าแกเป็นฉันตอนนี้ แกก็คงไม่มีทางปฏิเสธที่จะมาช่วยพูดแหงๆ แววตาอาจารย์จริงใจมาก ฉันดูไม่ผิดหรอก แกเชื่อฉันเถอะ เขาไม่กล้ามาเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องกินเด็กที่เป็นลูกศิษย์หรอก เขาแก่กว่าพวกเราตั้งสิบปีนะ เป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้น แถมเป็นอาจารย์เราอีก คงไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรโง่ๆ แน่ อาจารย์ชอบแกจริงนะจันทร์ ชอบมากด้วย”

ลินายังไม่อยากพูดคำว่า ‘รักแรกพบ’ ที่เอกตะวันอ้างถึง เกรงเพื่อนจะยิ่งไม่พอใจหนักเข้าไปใหญ่

“ฉันก็ขอพูดกับแกตามตรงเหมือนกัน ว่าฉันไม่ได้เล่นตัวแต่อย่างใด แต่ไม่ชอบจริงๆ คิดดูดิ ถ้ามีแฟนหล่อขนาดนั้น แถมเจ้าชู้อีก แกว่าฉันจะมีความสุขเหรอ ไหนจะต้องตามจองล้างจองผลาญพวกผู้หญิงที่เข้ามายุ่งกับเขาอีก ฉันไม่มีเวลาไปทำอะไรแบบนั้นหรอก แค่โฟกัสเรื่องเรียน เวลาก็หมดเกลี้ยงแล้ว แกคงไม่ลืมนะลินว่าฉันเจออะไรมาบ้าง ชีวิตคู่ของพ่อแม่ฉันล้มไม่เป็นท่าเพราะความเจ้าชู้ของพ่อ แม่ยังไม่ทันคลอดฉันด้วยซ้ำก็หย่าขาดจากพ่อแล้ว ครอบครัวแหลกสลายเพราะความเจ้าชู้มากรักของผู้ชาย ไหนจะน้ารัชนีที่โดนฝรั่งหลอกให้รักอีก”

ทำไมลินาจะจำไม่ได้ หล่อนจำได้กระทั่งว่า หลังจากหย่ากัน บิดาของจันทร์กันยาก็ย้ายไปอยู่กับภรรยาสาว ไม่นานก็ได้ข่าวว่าหัวใจวายตายคาเตียง ต่อมาอีกไม่กี่ปีมารดาของจันทร์กันยาก็จากไปอีกคนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ชีวิตเพื่อนสาวผ่านเรื่องร้ายมามากมาย จนคนที่ชีวิตมีแต่ความอบอุ่นความสุขในครอบครัวอย่างลินาสงสารอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่ภาวนาให้เพื่อนได้รับประสบการณ์ดีๆ จากความรักบ้าง และแอบหวังว่าเอกตะวันจะเป็นคนนั้นให้จันทร์กันยา

“ฉันเข้าใจแกนะจันทร์ แต่ฉันก็ยังมั่นใจว่าความรักดีๆ มีอยู่จริง”

“ฉันไม่เถียงหรอก ดูอย่างพ่อแม่แกสิ น่ารักมาก จนป่านนี้ยังสวีตกันอยู่เลย บางครั้งฉันก็แอบอิจฉาแกนะลิน”

ภาพบิดามารดาของลินาจูงมือกันเวลาเดินไปไหนมาไหน พร้อมประคับประคองและดูแลกันอย่างใกล้ชิดนั้น จันทร์กันยาประทับใจไม่น้อย และก็เข้าใจว่านั่นคงทำให้ลินาออกจะมองความรักในแง่บวกมากกว่าคนอื่น

“นั่นไง ฉะนั้นฉันว่ามันถึงเวลาแล้วที่แกควรตามหารักแท้ของแกนะจันทร์ ฉันมั่นใจว่าแกต้องเจอแน่ๆ อาจารย์เอกตะวันอยากคบและศึกษาแก เขาคุยกับฉันอย่างจริงจังมากเลยนะ พูดอย่างผู้ใหญ่พูดกับเด็ก สารภาพตรงๆ เลยด้วยว่าชอบแกมาก แต่เขาไม่รู้จะเริ่มยังไง เพราะแกเล่นหนีเขาตลอด”

“ไม่ได้หนีสักหน่อย แค่ไม่อยากสุงสิงด้วย” จันทร์กันยายักไหล่ สีหน้าราวกับเข็ดขยาดหวาดระแวงบุรุษเพศนักหนา เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่ากิริยาแบบนี้แหละ ที่ยั่วใจให้ผู้ชายบางคนอยากปราบพยศ

“มันต่างกันไหมวะนั่น เอาเป็นว่าฉันฝากแกไว้พิจารณา ฉันถือว่าทำหน้าที่ลูกศิษย์ที่ดีเสร็จแล้ว เรื่องแบบนี้ยังไงแกก็ต้องคิดเองอยู่แล้วแหละ” ลินาก้มมองจานสลัดตรงหน้า จากที่อร่อยสุดขีดในตอนแรก เวลานี้เริ่มกินไม่ลง ไม่แน่ใจว่าทำถูกหรือไม่ที่ริอ่านเป็นสื่อกลางให้เพื่อนกับหนุ่มหล่อคนนั้น เพราะถ้าว่ากันตามจริง ลินาเองก็ไม่ได้รู้จักเอกตะวันลึกซึ้งสักเท่าไร

“แกโกรธฉันเหรอลิน” จันทร์กันยาถาม แววตากังวลห่วงใยความรู้สึกอีกฝ่ายฉายชัด

“เปล่าหรอก ฉันกำลังคิดว่าควรพูดต่อไหม”

เมื่อเห็นสีหน้าลินาดูเครียดผิดวิสัย จันทร์กันยาก็ยื่นมือไปแตะไหล่เพื่อน

“บอกฉันมาเถอะลิน ฉันเปิดใจรับฟังก็ได้ แกจะได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาให้จบไง”

“คือ...”

“อย่ามาโอ้เอ้น่า เล่ามาให้หมดๆ เลยได้ไหม” จันทร์กันยาเร่ง

“ก็เรื่องสวนเคอเคนฮอฟไง อย่างที่บอกนั่นแหละ พออาจารย์รู้ว่าแกอยากเห็น วันอาทิตย์นี้เขาเลยอยากชวนแกไปเที่ยวสวนเคอเคนฮอฟ”

คำว่า ‘สวนเคอเคนฮอฟ’ ที่หลุดออกมาจากปากเพื่อนรักอีกรอบนั้น ทำให้จันทร์กันยาตาวาวอย่างห้ามไม่ได้ แต่เพียงครู่เดียวอารมณ์ก็เปลี่ยน...เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ฉันว่าแกคงรู้คำตอบดีนะลิน”

“ฟังก่อนสิจันทร์ แกก็รู้ว่าอาจารย์จบมาทางเทคโนโลยีการเกษตร เลยมีเพื่อนแนวๆ เกษตรนี่เยอะ มีคนหนึ่งเป็นนักพฤกษศาสตร์ ทำงานวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ทิวลิปในสวนนั่นด้วย อาจารย์เคยไปที่นั่นบ่อยมาก คุ้นเคยกับเคอเคนฮอฟสุดๆ เรียกว่าถ้าพาพวกเราไปจะเที่ยวได้อย่างถึงกึ๋นเลยแก ไม่ใช่แกคนเดียวนะที่อยากสัมผัสเคอเคนฮอฟแบบเจาะลึกน่ะ ฉันก็ด้วย” ลินาพยายามเป็นครั้งสุดท้ายที่จะกระตุ้นเพื่อน ต่อจากนี้ขอให้เป็นเรื่องของโชคชะตาก็แล้วกัน

“แสดงว่าแกจะไปด้วยใช่ไหม” เสียงใสของจันทร์กันยาบ่งบอกว่าคนชวนเริ่มมีความหวังขึ้นมา ลินาจึงรีบตอบ

“ไปสิแก ถือซะว่าอาจารย์พาลูกศิษย์สองคนไปเที่ยว ไม่เห็นจะแปลกเลย ฉันได้ข่าวมานานแล้วว่าจริงๆ สวนเคอเคนฮอฟเป็นที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับพันธุ์พืชด้วย ไม่ใช่แค่ทำสวนโชว์ชาวโลกเท่านั้น มีอะไรน่าสนใจซ่อนอยู่มหาศาลเลยละ”

“อืม อันนั้นฉันก็ไม่ปฏิเสธหรอก” คนพูดขมวดคิ้ว ไตร่ตรองลึกซึ้งตามนิสัย “แต่แกคิดดูนะ ว่าพอเราไปเที่ยวกับเขา เรื่องมันคงต่อไปอีกยาว เผลอๆ จะต้องหาโอกาสทดแทนบุญคุณกันอีก ความจริงฉันตั้งใจจะชวนแกไปเที่ยวกันเองอยู่แล้วด้วยแหละลิน หรือเราจะไปกันเอง ไม่ต้องรบกวนใคร ดีไหม” จันทร์กันยาลังเล ตามประสาคนหวาดระแวงเรื่องความสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาว

“อาจารย์คงไม่คิดมากอย่างแกหรอก เขาแค่อยากอาสาพาไปเที่ยวแบบไม่ใช่แค่ไปยืนถ่ายรูปกับดอกไม้น่ะ คงมีความรู้ใหม่ๆ ให้ตื่นตาตื่นใจเยอะเลยละ ฉันว่าน่าสนมาก โอกาสแบบนี้หาไม่ง่ายนะแก”

“ก็จริง...” ทว่าแววตาของจันทร์กันยายังเต็มไปด้วยความสับสน ลินาจึงรีบเสริม

“ฟังนะจันทร์ ฉันพูดเพราะรักแก อยากให้แกลองเปิดใจบ้าง ที่ผ่านมาแกชอบคิดว่าผู้ชายมันเลวไปซะหมด แต่ฉันมั่นใจว่ายังมีผู้ชายดีๆ จริงๆ ซ่อนอยู่บนโลกนี้ รักแท้มีจริง อันนี้ฉันยืนยัน”

“มีจริงแต่คงน้อยมาก คนรอบตัวฉันถึงได้เจอแต่ประสบการณ์แย่ๆ เกี่ยวกับผู้ชาย”

“คนอื่นก็คือคนอื่น แต่แกคือผู้หญิงธรรมดาที่อาจจะพบรักแท้ก็ได้ แกมีสิทธิ์มองหาคนดีๆ อย่าลืมว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาตินะ ส่วนเรื่องอาจารย์เอกตะวันน่ะ แกไม่ต้องห่วงหรอก ที่สุดแล้วถ้าแกไม่ชอบซะอย่างก็ไม่มีใครมาฝืนใจแกได้ เขาไม่กล้าทำอะไรแกแน่ ความเป็นอาจารย์ค้ำคอเขาอยู่ ไม่มีทางมาทำรุ่มร่ามกับแกหรอก”

“อืม...ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้นนะ อาจจะต้องยอมเปิดใจ”

“หมายความว่าแกจะยอมไปเที่ยวสวนเคอเคนฮอฟกับอาจารย์แล้วใช่ไหม”

“ฉันกับแกต่างหาก ที่จะไปกับเขา!”



ลงให้อ่านทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์นะคะ



หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มิ.ย. 2565, 16:13:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มิ.ย. 2565, 16:13:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 212





<< บทที่ 4 (60%)   บทที่ 5 (100%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account