กรงตะวัน: ดาริยา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:

ความรักแสนงดงามก่อเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศชวนฝัน ในดินแดนแห่งทิวลิป ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์

ใครจะคาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เอกตะวัน' อาจารย์หนุ่มลูกครึ่งไทย-ดัตช์ และ 'จันทร์กันยา' ลูกศิษย์สาวชาวไทยอันน่าประทับใจจะกลับกลายจากหวานเป็นขม เพราะปมแค้น ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมามากมาย

‘กรง’ ที่ชายหนุ่มพยายามกักขังเธอไว้ในแดนทิวลิปนั้น แม้เขาจะมุ่งมั่นให้เธอทุกข์ทรมาน แต่ทำไมเขากลับทุกข์ทรมานมากกว่า

หรือ ‘กรงแค้น’ ที่เขาสร้างขึ้นแท้จริงแล้วมันคือ ‘กรงรัก’ กักขังผูกมัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันจนดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด

. . . . . . . . . . . . . .

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ดาริยา" นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง "ทะเลลวง" ที่เคยเป็นละครทางช่อง 7 มาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ดาริยานำนิยายโรแมนติก ดราม่ามาให้อ่านกันค่ะ และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60% ของเรื่องนะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 5 (100%)

นี่มันเกินจริงไปมากเลยทีเดียว กับการที่จันทร์กันยาได้มายืนอยู่ตรงหน้าทุ่งดอกทิวลิปซึ่งปลูกเรียงรายสลับสีสดปลั่ง การออกแบบให้แปลงดอกไม้โค้งและลดหลั่นไปตามแลนด์สเคปทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้างดงามจนแทบลืมหายใจ

“อึ้งไปเลย เห็นไหมคะอาจารย์ ลินพูดผิดเสียที่ไหน บอกแล้วว่าจันทร์คลั่งไคล้สวนเคอเคนฮอฟมาก ดูสิคะ ยืนเป็นหุ่น ตะลึงยังกับถูกมนตร์สะกดยังไงยังงั้น”

ลินาหันไปคุยกับอาจารย์หนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยกัน เอกตะวันกอดอก ส่งสายตาเอ็นดูไปยังร่างบอบบางของสาวผมดำยาวสลวยที่เอาแต่ยืนนิ่ง กวาดตามองไปตามแนวสวนอย่างแช่มช้า

“ไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย” คนถูกนินทาเถียงเพื่อนเบาๆ ยังไม่ยอมละสายตาจากสวนทิวลิปตรงหน้า ยอมรับว่าหล่อนคิดไว้ว่าสวนต้องสวยดังภาพที่เคยเห็นมามากมาย แต่ไม่คิดว่าจะงดงามถึงเพียงนี้ ความสดชื่นของดอกไม้ที่มาพร้อมสีสันอันสะดุดตาบวกกับอากาศเย็นฉ่ำผสานกลิ่นหอมอ่อนๆ ของมวลดอกไม้ สร้างความรู้สึกสดใสเบิกบานให้กับจันทร์กันยาอย่างที่ไม่ได้เป็นมานานมากแล้ว จันทร์กันยาสูดหายใจเต็มปอด ตั้งมั่นว่าจะเก็บความทรงจำนี้ไว้ให้ดีที่สุด

“คุณสองคนอยากดื่มอะไรไหม ผมจะไปซื้อมาให้” เอกตะวันอาสา ท่าทางเขาคงเคยชินกับการพาสาวๆ เที่ยว จึงทำให้สามารถทำตัวสบายๆ ดูเป็นกันเองได้อย่างเหลือเชื่อ

“อุ๊ย! ไม่รบกวนดีกว่าค่ะอาจารย์ เดี๋ยวลินเดินไปซื้อเอง อาจารย์รับอะไรดีคะ” ลินาอาสา

“งั้นผมขอน้ำแร่ก็แล้วกัน ขอบคุณครับ”

“เราไปด้วยกันเถอะลิน” จันทร์กันยาตั้งท่าจะก้าวตามเพื่อนไป จนลินาต้องรีบหันมาบอก

“ไม่ต้อง ของแกเอาเป็นไอติมโคนนะ รสช็อกโกแลต ฉันรู้ใจแก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” แล้วลินาก็สาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเสียงเรียกของจันทร์กันยาสักนิด

“คุณอยู่นี่แหละ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

มีเรื่องอีกแล้ว...จันทร์กันยานึกขยาดในใจ เอาละ สารภาพเลยว่าความจริงก็ไม่ได้กลัวว่าเอกตะวันจะทำอะไรหล่อนหรอก ที่กลัวคือใจตัวเองมากกว่า ทั้งที่พร่ำบอกนักหนาว่าไม่ชอบฝรั่ง แต่ดูเอาเถอะ ชายหนุ่มร่างสูงมาเที่ยวสวนโดยสวมแค่กางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืดขาวทับด้วยแจ็กเก็ตสีอัลมอนด์ที่แม้จะสุดแสนธรรมดา แต่กลับดูโดดเด่นไม่น้อย ไม่ว่าเขาเดินไปทางไหน สาวๆ หลากเชื้อชาติต่างมองกันจนเหลียวหลัง คิดแล้วจันทร์กันยาก็แอบหวั่นอยู่ลึกๆ ว่าจะทานทนต่อสายตาของเขาที่แฝงแววเอ็นดูระคนพึงใจส่งมาให้อย่างไม่ปิดบังได้สักกี่น้ำ หญิงไทยที่ถูกเลี้ยงมาแบบโบราณนิดๆ อย่างจันทร์กันยาไม่คุ้นกับการแสดงออกตรงไปตรงมาขนาดนี้ มันทำให้รู้สึกราวกับหัวใจดวงน้อยถูกโยนขึ้นไปบนฟ้า พอตกลงมาแล้วก็ถูกโยนกลับขึ้นไปใหม่อีก กระเด้งกระดอนไปมาด้วยความตื่นเต้นตลอดเวลาที่อยู่ใกล้เขา

“เราไปนั่งกันตรงนั้นดีกว่า”

ไม่พูดเปล่า เอกตะวันคว้าข้อมือหญิงสาวจับจูงตรงไปยังเก้าอี้สีเขียวใต้ต้นไม้ จันทร์กันยาไม่อยากให้เป็นจุดสนใจจึงยอมเดินตามเขาไปแล้วทิ้งตัวลงนั่ง เมื่อเอกตะวันนั่งลงข้างกันแล้ว อาจารย์หนุ่มจึงหันมาพูดกับหล่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เลิกดื้อกับผมได้แล้ว มายสวีตลูนา”

“คุณพูดอะไรของคุณ!”

จันทร์กันยาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ความจริงหล่อนเคยค้นเจอว่าชื่อผู้หญิงที่มีความหมายเกี่ยวกับดวงจันทร์นั้น คนเนเธอร์แลนด์มักตั้งว่า ‘Luna’ แต่สมควรไหมที่อีตาชีกอมาใส่คำว่า ‘My sweet’ เข้าไปข้างหน้าด้วย ไวไฟไม่มีใครเกิน หล่อนไม่ยอมง่ายๆ หรอก

“ผมหมายถึงคุณนั่นแหละ ลูนา”

“อย่ามาเรียกฉันชื่อนี้ ฉันไม่ชอบ”

“แต่ผมชอบมากเลยนะ สำหรับคนดัตช์ คำนี้ไพเราะมาก”

“แต่ฉันเป็นคนไทย กรุณาอย่าเรียกแบบนั้นอีก”

จันทร์กันยาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชอบเถียง ชอบตั้งแง่กวนประสาทเขาอยู่ตลอดเวลา รู้แต่ว่ามันเป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้หล่อนไม่เกิดอาการหวิวไหวไปกับเขา เป็นการยากมากที่จะจัดการหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรง ไม่ให้รู้สึกดีกับชายหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้า หน้าตาเหมือนเทพบุตรกรีกคนนี้

“โอเค ถ้าคุณไม่ชอบ ผมจะยังไม่เรียกก็ได้” เขายิ้มน้อยๆ ดูเหมือนอารมณ์ดีนักหนา แถมยังพร้อมต่อกรกับคนกวนอารมณ์อย่างหล่อนเป็นอย่างยิ่ง “เรามาคุยกันดีๆ เถอะนะจันทร์กันยา ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้อีกสักนิด ขอเรียกคุณด้วยชื่อเต็มว่าจันทร์กันยานะ ผมชอบชื่อนี้มาก ยาวหน่อยแต่น่ารัก”

“แล้วแต่คุณเถอะค่ะ ยังไงก็ดีกว่าลูนา ว่าแต่ฉันก็แค่ลูกศิษย์คนหนึ่ง ทำไมคุณต้องมาสนใจเป็นพิเศษด้วย” จันทร์กันยายังคงพูดแข็งใส่เขาตามเคย หล่อนเป็นคนตรงๆ ไม่มีโยกโย้ สงสัยอะไรก็ถามกันซึ่งๆ หน้า

“คงเพราะคุณไม่เหมือนคนอื่นมั้ง” เขาหลิ่วตาน้อยๆ สีของดวงตาชายหนุ่มราวกับเปลี่ยนตามอารมณ์ได้ วันนี้จึงดูเข้มสดใสราวท้องทะเลยามต้องแดดแรง

“คุณหาว่าฉันเพี้ยนเหรอ”

“เปล่าสักหน่อย ผมกำลังจะบอกว่า สำหรับผม คุณไม่ใช่นักศึกษาทั่วไป แต่เป็นสาวไทยที่ผมถูกชะตาด้วยมากๆ ทุกอย่างในตัวคุณดึงดูดใจผม”

ก็ยอมรับละนะว่าคำพูดนั้นสั่นสะเทือนหัวใจหญิงสาวที่ไม่มีประสบการณ์เรื่องรักอย่างจันทร์กันยาไม่น้อย แต่จะให้หล่อนแสดงอาการปลื้มปริ่มออกไปหรือ คงไม่ได้ หล่อนจึงทำได้แค่บอกเสียงเรียบ

“ตรงไปหรือเปล่า คุณใช้วิธีนี้จีบผู้หญิงทุกคนเหรอคะ ถ้าใช่ ฉันว่ามันดูเปิดเผยเกินไป” จันทร์กันยาแกล้งตำหนิ ทั้งที่นั่นก็เป็นนิสัยของตนแท้ๆ

“ผมเป็นคนตรง ยอมรับว่าพูดอ้อมค้อมไม่ค่อยเป็น แต่คุณก็ดูเป็นคนชอบพูดตรงๆ อยู่เหมือนกัน คุณน่าจะชอบนะ”

“แล้วยังไงคะ พอคุณถูกชะตากับฉัน ฉันก็ต้องเออออไปกับคุณด้วยเหรอ”

“คุณแค่ยอมเปิดใจทำความรู้จักผม แค่นั้นพอแล้ว เราต้องศึกษากันและกันก่อน ผมเข้าใจวัฒนธรรมไทยดี รับรองว่าไม่ผลีผลามหรอกน่า” เอกตะวันเว้นระยะ ส่งสายตาลึกซึ้งจนจันทร์กันยาขนลุก ก่อนเขาจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มหนักแน่น “นอกเสียจากคุณจะทำให้ผมโมโหจนลืมตัว”

“คุณขู่ฉัน!”

“เปล่านะ ก็แค่พูดความจริง จันทร์กันยาฟังผมนะ ผมอยากขอคบกับคุณอย่างจริงจัง”

“แต่ฉันไม่อยากนี่ ฉันมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือ ไม่ได้จะมาหาคู่”

“แล้วถ้าคุณได้ทั้งสองอย่างล่ะ ไม่ดีเหรอ”

ชายหนุ่มเตรียมจะพาดท่อนแขนลงบนพนักพิง ทำให้จันทร์กันยาที่นั่งอยู่ข้างกันตกใจคิดว่าเขาจะโอบบ่า หล่อนจึงหันไปจ้องตาอย่างเอาเรื่อง จนอีกฝ่ายจำต้องยกมือขึ้นเสยผมแก้เก้อ

“อย่าเลยค่ะฉันมีความคิดในหัวมาตลอดว่าเรื่องรักน่ะ ไม่ราบรื่นเสมอไปหรอก เชื่อเถอะว่าพอเกิดความผูกพันแล้ว สิ่งที่ตามมามันยุ่งยาก ฉันอยากอยู่แบบอิสระ ไม่ต้องมีห่วง ไม่ต้องเป็นกังวล”

“แล้วถ้าผมยืนยันว่าจะไม่ทำให้คุณต้องมาห่วง หรือกังวลเพราะผมเลย คุณสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ให้ผมเป็นฝ่ายห่วงและดูแลคุณเองล่ะ”

“คงจะได้หรอกนะ” จันทร์กันยารู้ตัวดีว่าคนอย่างหล่อน ถ้าเกิดรักใครขึ้นมาก็คงไม่พ้นพ่วงด้วยความห่วงใยผูกพัน หญิงสาวถอนใจแล้วว่า “คุณคงผ่านสาวๆ มาเยอะ น่าจะรู้ว่ามันไม่ง่ายหรอก กับการคบใครสักคน”

“แต่กับคุณ ยากแค่ไหนผมก็จะพยายาม”

พูดยังไม่ทันขาดคำ ความยากก็มาเยือน เมื่อจันทร์กันยาเห็นร่างอวบอัดของสาวผมบ๊อบสีน้ำตาลอมส้มเดินตรงเข้ามาหา ส่งยิ้มร่าให้เอกตะวัน ในขณะที่ขมวดคิ้วใส่หล่อนพร้อมถามเสียงสูง

“นั่นใครคะธวัน” ภาษาดัตช์ง่ายๆ ที่ใช้นั้น จันทร์กันยาฟังออกทุกคำ รวมทั้งเข้าใจในน้ำเสียงดูแคลนนั่นอีกด้วย

“เธอชื่อจันทร์กันยาครับ เป็นนักศึกษาในคลาสที่ผมไปสอน ส่วนนี่คุณเอลลีน ทำงานธุรการที่คณะมนุษยศาสตร์” ชายหนุ่มแนะนำสองสาวต่างวัยให้รู้จักกันโดยใช้ภาษาอังกฤษแทน

“จริงสิเนอะ ธวันไปเป็นอาจารย์พิเศษช่วงนี้ แต่ไม่เห็นแวะไปหาเอลลีนที่คณะบ้างเลย”

“คุณก็รู้ว่าหลังผมสอนเสร็จจะต้องรีบกลับไปทำงานนะเอลลีน ไม่มีเวลาไปหาใครทั้งนั้น” เอกตะวันอ้างไปเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงทุ้มแฝงความห่างเหินอยู่ในที ช่างตรงข้ามกับท่าทีของฝ่ายหญิงที่ดูจะสนิทชิดเชื้อกับเขาอย่างมาก

“แต่วันนี้กลับมีเวลา ใช้วันหยุดกับนักศึกษาสาวได้ แปลกมากเลยนะคะ” น้ำเสียงหยันๆ ของเอลลีน ทำให้จันทร์กันยาเริ่มขยับตัวอย่างอึดอัด จงใจแสดงสีหน้าไม่พอใจออกไป เพียงครู่ ตัวช่วยสำคัญก็เดินกลับมาพอดี ลินายื่นขวดน้ำแร่ให้อาจารย์หนุ่ม แล้วส่งไอศกรีมโคนให้จันทร์กันยา ก่อนจะชายตามองเอลลีนแค่แวบเดียวก็พอเดาสถานการณ์ออก ลินาจึงรีบบอกกับเอกตะวันว่า

“เราสองคนขออนุญาตไปเดินเล่นทางโน้นนะคะอาจารย์ อาจารย์จะได้คุยกับเพื่อนตามสบาย”

เมื่อเดินพ้นระยะที่คนด้านหลังทั้งสองจะได้ยินแล้ว ลินาก็เอ่ยขึ้น

“ยัยพนักงานธุรการคนนี้แหงเลย ฉันเคยได้ยินพวกนักศึกษาสาวคุยกันว่ายัยนี่ชอบมาวุ่นวายกับอาจารย์ แถมกันท่าไปทั่ว ทั้งที่ตัวเองก็เลิกกับอาจารย์เอกตะวันไปพักใหญ่แล้ว แต่ความหึงยังคงทน”

“ทำไมแกรู้ละเอียดนักวะ”

“แหม! ถ้าฉันสนใจใครสักคน ฉันก็ต้องศึกษาให้ละเอียดสิ แต่จะว่าไป ถึงฉันไม่ศึกษา เรื่องมันก็มาเข้าหูฉันเองแหละ แกรู้ไหม สาวๆ ลือกันให้แซ่ดว่ายัยเอลลีนเนี่ยขึ้นชื่อเรื่องความเซ็กซี่ หาคนเทียบชั้นยาก แต่เห็นหุ่นสะบึมของคุณเธอแล้วก็เข้าใจนะ นมใหญ่ สะโพกผาย อวบนิดๆ ไปทั้งร่าง ยั่วน้ำลายผู้ชายดีแท้ ได้ข่าวว่านางหวงก้างมาก สาเหตุที่ไม่มีนักศึกษาสาวคนไหน ‘ได้’ อาจารย์เอกตะวัน เพราะจะมียัยคนนี้แหละที่คอยตามจองล้างจองผลาญ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอ” จันทร์กันยาถึงกับขนลุกซู่ นี่ขนาดหล่อนยังไม่ได้ตกลงเริ่มคบกับเอกตะวัน แววเดือดร้อนก็ถามหาแล้ว

“อืม เขาว่ากันอย่างนั้นนะ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้ปักใจเชื่อหรอก แต่พอได้เจอตัวจริงของป้าแกตะกี้นี้ สายตาที่ป้าเอลลีนมองแก พร้อมเชือดเลย แกไม่รู้สึกเหรอจันทร์”

“ก็...รู้สึกอยู่ ว่าแต่แกเรียกนางว่า ‘ป้า’ เลยเหรอ”

“อืม ใช่ ฉันจงใจเรียกแบบนั้น ก็ดูสิ จากที่รู้มา อายุป้าอาจจะพอๆ กับอาจารย์เอกตะวันก็จริง แต่ใบหน้าป้าแซงอาจารย์สุดหล่อของเราไปเยอะ เรียกว่ามีดีแค่หุ่นอย่างเดียวก็เลยไม่ผ่าน เห็นว่าเป็นแฟนกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยนะ แต่จับอาจารย์ไม่อยู่ แกลื่นไปลื่นมา ในที่สุดป้าเอลลีนก็พลาดโอกาส แต่ตราบใดที่อาจารย์ยังไม่แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว นางก็คิดว่านางยังมีหวังแหละนะ เลยรังควานคนไปทั่ว”

“แกเห็นรึยังลิน แค่เริ่มก็เห็นเค้าความวุ่นวายแล้ว ผู้ชายเจ้าชู้เสน่ห์แรงน่ะ อย่าไปยุ่งด้วยดีที่สุด”

“ตรงข้ามจ้ะ ถ้าฉันเป็นแก ยิ่งรู้ว่าอาจารย์ชอบ ยิ่งต้องทำคะแนนเพิ่ม เอาให้สาวๆ ที่เหลือหน้าแหกให้หมด อยากมากันท่าดีนัก แล้วที่สุดถ้าแกไม่ชอบอาจารย์เอกตะวัน ค่อยบอกปัดทีหลังยังได้ ให้พวกสาวหัวทองรู้เสียบ้างว่าสาวเอเชีย ยังไงก็เตะตาหนุ่มๆ แหละว้า”

“บอกตามตรงนะ ฉันอยากให้ทุกอย่างธรรมชาติกว่านี้ ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า แต่นี่ดูเหมือนเขาจะเร่งรัด ตรงและจริงเกินไป ฉันไม่ชอบ”

“ให้ฉันเดานะ เป็นเพราะปราชญ์นั่นแหละ อาจารย์กลัวโดนปาดหน้าเค้กไง ก็หลังๆ มันเล่นแสดงออกเต็มที่ว่าสนใจแก อย่าว่าแต่อาจารย์เลย มองมาจากดาวอังคารยังรู้ แล้วปราชญ์มันก็ไม่ค่อยเกรงใจอาจารย์ด้วย ประมาณว่าข้าได้ส่งใบสมัครไว้แล้วเหมือนกัน เอ็งรู้ไว้ด้วย แหม่...เป็นฉันหน่อยไม่ได้ จะฟาดให้เรียบเลย หนุ่มหล่อมาห้อมล้อมซะขนาดนี้”

“พูดเป็นเล่นไปน่าลิน ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก แกก็รู้”

“แต่รูปร่างหน้าตาแกมันเชิญชวนให้หนุ่มๆ เข้ามาเยอะ เป็นฉันนะ ภูมิใจตายเลย”

“ฉันอยากภูมิใจเรื่องอื่นมากกว่าย่ะ ไปกันเถอะ เดินดูดอกไม้ให้ชื่นใจดีกว่า สวยมากอะแก ฉันชอบทิวลิปมากเลย ไม่นึกว่าจะมีสารพัดสี สารพัดแบบขนาดนี้” จันทร์กันยาเดินนำเข้าไปในตัวอาคารใกล้ๆ ที่มีทิวลิป หลากสีหลายรูปแบบจัดวางพร้อมป้ายบอกสายพันธุ์ ดอกสดปลั่งละลานตาทำให้ทั้งห้องดูสดชื่นไปด้วย

“เป็นเพราะเนเธอร์แลนด์พัฒนาสายพันธุ์แปลกใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ หลากหลายมาก แต่เห็นเขาว่ากันว่าสีเดียวที่ยังไม่สำเร็จคือสีฟ้านะ ฉันก็ยังไม่เห็นจริงๆ แหละ ทิวลิปสีฟ้าเนี่ย”

“นั่นสิ คงผสมยากมากแหงเลย” จันทร์กันยาผ่อนคลายมากขึ้น ละเลียดกินไอศกรีมไปด้วย เดินดูดอกไม้ไปด้วย เพลิดเพลินจนบอกไม่ถูก

“อาจารย์ทำท่าจะตามมาแล้ว หวาย...ดูสิ น่าเกลียดอะ” ลินาบอก ขณะหันไปเห็นเอลลีนเขย่งเท้าเพื่อมอบจุมพิตบนริมฝีปากเอกตะวัน ฝ่ายชายดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็จูบตอบตามมารยาท ก่อนจะแยกย้ายจากกัน

“เป็นไงบ้าง ดอกไม้สวยไหม”

พอมาถึงอาจารย์หนุ่มก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับริมฝีปากได้รูปที่เอ่ยถามนั้นไม่ได้เพิ่งประกบกับเรียวปากสาวผมบ๊อบมาหมาดๆ จันทร์กันยาไม่ตอบอะไร ยังนึกแหยงๆ ไม่หาย หล่อนไม่ชินเสียทีกับการเห็นหนุ่มสาวแสดงออกอย่างดูดดื่มโจ่งแจ้งในที่สาธารณะแบบนี้

“สวยมากค่ะอาจารย์ ระหว่างทางเดินเข้ามาในอาคาร เจอแปลงดอกไม้เพียบเลย ลินไม่นึกว่าในสวนเคอเคนฮอฟจะมีดอกไม้ชนิดอื่นอีกตั้งมากมาย จัดเป็นแปลงแล้วสวยสุดๆ บางชนิดมีกลิ่นหอมชื่นใจอีกต่างหาก” ลินายังคงทำหน้าที่ของเจ้าหล่อนได้ดี ดูเหมือนอาจารย์หนุ่มจะทำให้หล่อนคุยเก่งหนักกว่าเก่า

“ใช่แล้ว ที่นี่ไม่ได้มีแค่ทิวลิป ถ้าคุณสังเกตดีๆ จะรู้ว่าเขาตั้งใจโชว์ผลงานอื่นด้วย การขยายพันธุ์พืชให้ได้ดอกไม้สวยและแปลกออกไปถือเป็นความท้าทาย การเปิดสวนเคอเคนฮอฟให้ชมแปดสัปดาห์นี้คือนาทีทองของพวกเขาเลยละที่จะนำเสนอให้โลกรู้ ขนาดผมไม่ได้มีส่วนด้วยยังอดภูมิใจแทนไม่ได้ เพื่อนผมที่เป็นนักพฤกษศาสตร์ทำงานในนี้เขาภูมิใจนักหนา เสียดายวันนี้เขาติดธุระ แต่ผมเป็นไกด์ให้พวกคุณได้นะ สงสัยหรือสนใจตรงไหนเป็นพิเศษ ผมจะพาไปดู ส่วนคำถามไหนที่ตอบไม่ได้ ผมจะอาสาไปถามเพื่อนให้”

จันทร์กันยาฟังคำพูดของเอกตะวันแล้วอดคิดไม่ได้ว่าเขาเป็นคนสองบุคลิก เมื่อพูดเรื่องเป็นงานเป็นการ อาจารย์หนุ่มจะดูน่าเชื่อถือมาก น่านับถือเลยด้วยซ้ำ แต่พอหลุดออกมาสู่อารมณ์ชายหนุ่มเนื้อหอม เขากลับดูน่ากลัวเหลือเกิน ราวกับเอกตะวันพร้อมเขย่าหัวใจสาวทุกคนในโลกเลยก็ว่าได้



**************************



ความน่ากลัวถูกตอกย้ำ เมื่อเอกตะวันพาลูกศิษย์สาวทั้งสองมาส่งถึงหอแล้วพบว่าปราชญ์นั่งรออยู่โถงชั้นล่างของหอพัก ซึ่งมีชุดรับแขกเล็กๆ ตั้งไว้ตรงมุมซ้าย หนุ่มผมยาวลุกพรวดขึ้นมาทันทีราวกับนั่งจ้องรอเวลาที่สองสาวจะกลับมาทุกวินาที

“สาวๆ ไปไหนกันไม่ยอมบอกเลยนะ ผมเป็นห่วงแทบแย่ โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้อีกต่างหาก”

“แบตมือถือลินหมดพอดีน่ะ ถ่ายรูปจนแบตหมดอะแกคิดดู ส่วนจันทร์ก็ลืมมือถือไว้ในห้อง ตามฟอร์ม” ลินารีบชี้แจง

“สวัสดีครับอาจารย์ นี่พาสองสาวไปเที่ยวหรือครับ” นักศึกษาหนุ่มทักทายเอกตะวัน ตามด้วยการส่งสายตาห่วงใยไปให้จันทร์กันยา

“ผมเห็นว่าจันทร์กันยากับลินอยากไปดูสวนเคอเคนฮอฟ บังเอิญผมมีเพื่อนทำงานอยู่ที่นั่น พาผมเดินชมบ่อยจนคล่องแล้ว ก็เลยถือโอกาสพาสองสาวเขาไปเที่ยว สนุกกันไหม บอกเพื่อนหน่อยสิ”

“สนุกมาก...” ลินาลากเสียงยาว “เดินทั่วสวนเลยละปราชญ์ แถมอาจารย์พาเข้าไปดูแปลงเพาะหัวทิวลิปด้วย จันทร์น่ะถ่ายรูปไปสักหมื่นรูปได้มั้ง นางใช้กล้องคุ้มก็งานนี้แหละ”

“ไม่ถึงย่ะ แค่เก้าพันเก้าเอง” จันทร์กันยารับมุก นักศึกษาทั้งสามหัวเราะประสานเสียงกัน แต่อาจารย์หนึ่งเดียวกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทุกที ในที่สุดจึงเอ่ยเสียงเข้ม

“ผมกลับก่อนดีกว่า พวกคุณจะได้คุยกันตามสบาย”

“ขอบคุณอาจารย์มากนะคะ” ลินาบอกพร้อมรอยยิ้ม และทั้งสองสาวก็ยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมกัน

“วันหลังผมจะพาไปเที่ยวที่อื่นอีก สนใจที่ไหนคิดไว้ก่อนได้เลย ผมพร้อมเสมอ”

“คงไม่รบกวนหรอกค่ะ” จันทร์กันยาชิงตอบ ลินาจำต้องส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้อาจารย์หนุ่ม

“เปลี่ยนใจเมื่อไรบอกผมได้ ผมกลับก่อน”

เอกตะวันเดินจากมา ยังได้ยินเสียงหนึ่งหนุ่มกับสองสาวคุยกันต่ออย่างออกรส นาทีนั้นเขาหันกลับไปมอง เห็นแววตาปราชญ์ที่ทอดมองจันทร์กันยาแล้วก็ต้องรำพึงกับตัวเองเบาๆ

“ช้าไม่ได้เด็ดขาด เผลอไม่ได้เลยละ”





ลงให้อ่านทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์นะคะ



หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2565, 08:26:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2565, 08:26:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 279





<< บทที่ 4 (100%)   บทที่ 6 (50%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account