กรงตะวัน: ดาริยา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
ความรักแสนงดงามก่อเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศชวนฝัน ในดินแดนแห่งทิวลิป ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์
ใครจะคาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เอกตะวัน' อาจารย์หนุ่มลูกครึ่งไทย-ดัตช์ และ 'จันทร์กันยา' ลูกศิษย์สาวชาวไทยอันน่าประทับใจจะกลับกลายจากหวานเป็นขม เพราะปมแค้น ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมามากมาย
‘กรง’ ที่ชายหนุ่มพยายามกักขังเธอไว้ในแดนทิวลิปนั้น แม้เขาจะมุ่งมั่นให้เธอทุกข์ทรมาน แต่ทำไมเขากลับทุกข์ทรมานมากกว่า
หรือ ‘กรงแค้น’ ที่เขาสร้างขึ้นแท้จริงแล้วมันคือ ‘กรงรัก’ กักขังผูกมัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันจนดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ดาริยา" นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง "ทะเลลวง" ที่เคยเป็นละครทางช่อง 7 มาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ดาริยานำนิยายโรแมนติก ดราม่ามาให้อ่านกันค่ะ และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60% ของเรื่องนะคะ
ความรักแสนงดงามก่อเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศชวนฝัน ในดินแดนแห่งทิวลิป ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์
ใครจะคาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เอกตะวัน' อาจารย์หนุ่มลูกครึ่งไทย-ดัตช์ และ 'จันทร์กันยา' ลูกศิษย์สาวชาวไทยอันน่าประทับใจจะกลับกลายจากหวานเป็นขม เพราะปมแค้น ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมามากมาย
‘กรง’ ที่ชายหนุ่มพยายามกักขังเธอไว้ในแดนทิวลิปนั้น แม้เขาจะมุ่งมั่นให้เธอทุกข์ทรมาน แต่ทำไมเขากลับทุกข์ทรมานมากกว่า
หรือ ‘กรงแค้น’ ที่เขาสร้างขึ้นแท้จริงแล้วมันคือ ‘กรงรัก’ กักขังผูกมัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันจนดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ดาริยา" นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง "ทะเลลวง" ที่เคยเป็นละครทางช่อง 7 มาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ดาริยานำนิยายโรแมนติก ดราม่ามาให้อ่านกันค่ะ และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60% ของเรื่องนะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 6 (100%)
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากที่ลินาวางสายจากเอกตะวันไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สองสาววิ่งไปที่ประตูห้องพร้อมกัน แต่จันทร์กันยาเพิ่งนึกได้ว่าไม่ควรออกอาการตื่นเต้นจนออกนอกหน้า จึงทำเป็นเฉไฉเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิม พร้อมบอก
“แกเปิดสิ”
ลินาทำตามแทบจะทันที เมื่อประตูเปิดออก ทั้งสองสาวก็เผลอเบิกตากว้างจนแทบถลนกับภาพหนุ่มผมสีทองกล้ามโตสวมเสื้อยืดรัดติ้วสีเทากับกางเกงยีนตัวเก่า เขายื่นถุงกระดาษใบใหญ่ให้ลินา
“ขอโทษที่แต่งตัวไม่สุภาพนักนะครับ พอดีบอสโทร.ไปสั่งให้ผมทำธุระด่วน ตั้งแต่ขับไปร้านเสื้อแล้วรีบนำชุดนี่มาให้คุณจันทร์กันยา” สำเนียงภาษาอังกฤษของชายหนุ่มดูแปร่งๆ แต่เปี่ยมด้วยความจริงใจ
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะคุณ...”
“ผมชื่อดอล์ฟครับ เป็นคนของคุณธวัน” ดวงตาสีน้ำตาลของคนพูดเป็นประกาย รอยยิ้มกว้างของเขาแสดงความจริงใจเต็มเปี่ยม
“อ๋อค่ะ ส่วนดิฉันชื่อลินานะคะ คนโน้นต่างหาก จันทร์กันยา”
ดอล์ฟค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อม ก่อนมองข้ามไหล่ลินาไปยังสาวไทยผมยาวที่นั่งเชิดหน้าน้อยๆ อยู่ตรงโซฟาเล็ก
“สวยอย่างนี้นี่เอง บอสถึงได้...สนใจ”
“เขาทำแบบนี้บ่อยไหมคะ คุณดอล์ฟ” ลินากระซิบถาม
“แบบไหนครับ”
“ก็จีบสาวไปเรื่อยเปื่อย ทำตัวเป็นพ่อบุญทุ่มเนี่ย”
“บอสผมไม่เคยต้องทุ่มเทเพื่อให้ได้ใครมา...คนนี้ถือเป็นคนแรกครับ ผมคงต้องลาก่อน คุณธวันฝากย้ำว่าจะมารับตอนหกโมงเย็น”
“โอเคค่ะ ขอบคุณมากนะคะ คุณดอล์ฟ”
หลังจากบานประตูปิดลง นับหนึ่งถึงสอง ลินาก็กรีดร้องดังลั่น
“กรี๊ดดดด เริ่มไม่รู้แล้วว่าระหว่างบอสกับคนของบอส ใครหล่อกว่ากัน นายดอล์ฟนี่โคตรล่ำอะแก เนอะจันทร์เนอะ”
“อืม แต่แกไม่ต้องดีดดิ้นขนาดนั้นก็ได้มั้ง ทำเป็นไม่เคยเจอผู้ชายไปได้”
“ผู้ชายน่ะก็เจอมาเยอะ แต่งานดีขนาดนี้มันน้อยนะ ถึงอีตาดอล์ฟจะเป็นแค่ลูกน้อง แต่มาดนี่คือกินขาด สรีระยิ่งคว้าคะแนนเกินร้อย เป็นผู้ชายที่โคตรฟิตอะ”
“ท่าทางเขาคงออกกำลังกายเยอะแหละ ถึงจะได้ขนาดนั้น”
“นั่นสิ ฟิตแอนด์เฟิร์มจนเว่อร์อย่างนั้น อาจเป็นพวกบอดี้การ์ดของอาจารย์เอกตะวันก็ได้ ใครจะรู้เนาะ”
“เลิกเดาดีกว่า เรามาดูชุดกันเถอะ ฉันว่า ต้องใส่ไม่พอดีแหงเลย” จันทร์กันยาปรามาสไว้ก่อน ขณะคว้าถุงกระดาษใบใหญ่ไปจากมือเพื่อน
**************************
ชุดราตรียาวตัดเย็บจากผ้าไหมซาตินสีเขียวมะกอกประดับด้วยลูกไม้ที่แนบไปกับเรือนร่างบอบบาง ขับเน้นให้เห็นสรีระงดงามนั้น ส่งให้จันทร์กันยาดูงามสง่าจนแม้แต่เจ้าตัวยังมองภาพตัวเองในกระจกซ้ำแล้วซ้ำอีก
“พอดีเป๊ะ อะไรมันจะเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ อาจารย์รู้ไซซ์แกได้ไงวะ เนี่ย” ลินาเดินวนรอบตัวเพื่อน สังเกตอย่างละเอียดแล้วอดทึ่งไม่ได้ เพราะชุดช่างเหมาะเจาะราวกับสั่งตัด แถมยังเหมือนรู้ว่าเพื่อนหล่อนไม่ชอบโป๊ คอถ่วงด้านหน้าจึงไม่ได้เว้าลึกจนเกินไป รอยผ่าด้านข้างก็ไม่สูงจนน่าเกลียด แถมยังตกแต่งลูกไม้บริเวณตัวกระโปรงจนดูหรูหราน่ารักสมวัย
“นั่นสิ ฉันงงมาก มันพอดีเกินไปไหม” คนสวมชุดราตรีอยู่ขมวดคิ้วมุ่น ก้มมองชุดของตนด้วยความประหลาดใจ
“ฉันว่าอาจารย์คงช่ำชองเรื่องเรือนร่างสาวๆ จนมองปราดเดียวรู้เลยว่าขนาดกี่นิ้ว ทั้งอก เอว สะโพก”
“แกพูดซะฉันเริ่มกลัว ชักไม่อยากไปแล้วอะลิน ผู้ชายอะไรรู้สัดส่วนผู้หญิงขนาดนี้ ฉันต้องทำไงตอนไปกินข้าวกับเขา คงอึดอัดตายเลย จะไหวไหมเนี่ย ฉันมันก็แค่เด็กกะโปโลแท้ๆ ไม่ควรหาเรื่องเล้ย” จันทร์กันยาบ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“เอางี้นะจันทร์ ถ้าแกกินไปสักพักแล้วรู้สึกว่าท่าทางจะไม่ไหว แกก็รีบปฏิเสธ รีบออกมาเลย อ้างไปก็ได้ว่ายิ่งมาดินเนอร์ด้วยยิ่งรู้ว่าคงไปกันไม่ได้ มันคนละสังคม คนละไลฟ์สไตล์ เอาแบบนี้ดีไหม”
จู่ๆ ลินาก็เปลี่ยนมาอยู่ข้างเพื่อน เริ่มใจไม่ดีเมื่อคิดว่าเอกตะวันคงไม่ธรรมดา เขาช่ำชองกว่าที่คาดไว้มาก มันมากจนน่ากลัว สมควรหรือที่หล่อนจะไปเชียร์ให้จันทร์กันยาชอบเขา
“อืม ก็ดี ฉันว่าฉันน่าจะจัดการได้นะ ไปให้มันจบๆ แล้วคราวหลังแกก็จำไว้ด้วยว่ากรุณาไว้มาดบ้าง ไม่ใช่เขาขอร้องอะไรก็ช่วยหมด”
“โอเคเพื่อน ฉันให้สัญญา ต่อไปจะไม่ยุ่งเรื่องแกแล้ว ยังไงแกก็ลองตัดสินใจเองนะ”
“เออน่า ฉันต้องคิดเองอยู่แล้ว แกอย่าห่วง แล้วก็ไม่ต้องรู้สึกผิดด้วย ฉันรับมือไหวแน่นอน”
**************************
แค่เปิดประตูห้องแล้วพบชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดสูทสีน้ำตาลไหม้ ผูกหูกระต่ายสีเขียวมะกอกเข้ากันกับสีชุดของหล่อนเท่านั้น คำว่า ‘รับมือไหว’ ที่จันทร์กันยาเพิ่งลั่นออกไปเมื่อครู่ก็ดูจะปลิวห่างออกไปไกลลิ่ว
นี่หล่อนกำลังเล่นกับไฟใช่ไหม เอกตะวันไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาในทุกแง่มุม เขาหล่อเกินไป รวยเกินไป ช่ำชองเกินไป หล่อนไม่ทันเขาแน่ๆ จันทร์กันยายิ่งมั่นใจเมื่อชายหนุ่มเปิดยิ้มกว้างทรงเสน่ห์ ซึ่งทำเอาหัวใจหล่อนแทบหลอมละลาย
“ไปกันเลยดีไหม เห็นว่าปกติคุณกินข้าวเย็นไว ป่านนี้คงหิวแย่แล้ว” เอกตะวันเอ่ยอย่างห่วงใย แล้วยังมีแก่ใจหันไปถามลินาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ สาวน้อยในชุดราตรีว่า “แน่ใจนะลิน ว่าจะไม่ไปด้วย”
“ลินยังเปลี่ยนใจทันเหรอคะอาจารย์”
“ถ้าคุณมีชุดที่เหมาะสมก็ทันนะ อยากไปด้วยไหม ดูท่าเพื่อนคุณตื่นๆ จนน่าสงสาร” ชายหนุ่มยังอุตส่าห์ทำเหมือนใจกว้างเปิดโอกาสให้มี ‘ก้าง’ ตามไปได้ แต่จันทร์กันยารู้ดีว่าเพราะเขามั่นใจต่างหาก ว่าเด็กกะโปโลสองคนนี่ไม่มีทางมีชุดราตรีใส่ไปเองแน่!
“เอาเป็นว่าลินขอไม่ไปดีกว่าค่ะอาจารย์ ฝากจันทร์ด้วยนะคะ”
สาวผมยาวที่วันนี้เกล้าผมขึ้นไปแบบหลวมๆ ส่งยิ้มเจื่อนให้เพื่อนแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว
“งั้นฉันไปก่อนนะลิน เดี๋ยวมา”
“ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะแก” เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ลินาออกอาการห่วงเพื่อนสาวจับใจ แต่ก็แอบหวังว่าเอกตะวันจะไม่ร้ายกาจอย่างที่จันทร์กันยาหรือกระทั่งหล่อนเองนึกกลัว เท่าที่สังเกตดู เขาก็น่าจะเป็นคนดีในระดับหนึ่งทีเดียว
สาวในชุดราตรีสีมะกอกพยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องเคียงคู่ไปกับเอกตะวัน
แวบหนึ่งนั้นลินายังอดไม่ได้ที่จะเคลิบเคลิ้มตาม รู้สึกว่าทั้งคู่ราวเจ้าชายกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย...ว่าแต่ความรักและความสัมพันธ์มันจะง่ายและราบรื่นขนาดนั้นเชียวหรือ...เป็นเรื่องที่น่ากังขาเหลือเกิน
**************************
แสงนวลที่ส่องประกายวับแวมจากปลายเทียนแท่งยาวที่ปักบนเชิงเทียนทำจากเงินแท้บนโต๊ะอาหารนั้น ให้ความรู้สึกแสนอบอุ่นโรแมนติก หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว จันทร์กันยาก็เอาแต่มองจานเซรามิกตรงหน้า ลวดลายอ่อนช้อยสีน้ำเงินบนจานช่วยเสริมให้บรรยากาศดูหรูหรา ผ้ากันเปื้อนขาวบนจานใบใหญ่ถูกม้วนแล้วรัดไว้ด้วยวงแหวนโลหะที่มีรูปมงกุฎโบราณประดับอยู่
“เป็นยังไง บรรยากาศร้านใช้ได้ไหม” เอกตะวันทำลายความเงียบขึ้นก่อน สายตาของเขาที่ทอดมองไปยังจันทร์กันยาทำให้หล่อนใจเต้นแรง กระนั้นก็ยังพยายามตั้งสติตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคงราวกับไม่เคยหวาดหวั่น
“ไม่ใช่แค่ใช้ได้ค่ะ แต่มันดีเกินไปสำหรับฉัน ลำพังฉันเองคงไม่มีปัญญามานั่งในร้านนี้แน่ อันที่จริงเรากินข้าวกันที่ร้านธรรมดาหน่อยก็ได้ ฉันไม่ชอบความหรูหรานักหรอก รู้สึกเหมือนเหลือตัวลีบเล็กนิดเดียวยังไงไม่รู้”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ กับคำเปรียบเปรยของหล่อน สายตาของเขาที่ทอดมองมาเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนระคนเอ็นดูจนคนถูกจ้องใจสั่น
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกอย่างนั้น ก็แค่อยากให้คุณรู้สึกพิเศษเท่านั้นเอง แล้วผมก็ไม่ได้ลำบากอะไร”
“แต่ฉันลำบากใจค่ะ วันหลังถ้าจะเลี้ยงตอบคุณ ฉันต้องทำยังไง คงไม่มีปัญญาทำแน่เลย”
“ผมไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทนจากคุณเลยนะจันทร์กันยา” ชายหนุ่มเรียกชื่อเต็มของหล่อนตามความเคยชิน ซึ่งเจ้าของชื่อรู้สึกว่ากลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปแล้ว น้อยคนนักที่จะเรียกหล่อนด้วยชื่อเต็มอย่างนี้
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้นนะคะ”
พนักงานในร้านมารับออเดอร์แล้วเดินจากไป จันทร์กันยายอมให้เอกตะวันเป็นคนช่วยเลือกอาหารที่คิดว่าเหมาะสำหรับหล่อนให้ เพราะดูจากรูปแล้ว ทุกจานล้วนหรูหราไม่ธรรมดา ออกแนวอาหารของชาวดัตช์ซึ่งหญิงสาวไม่คุ้นตา
“เมื่อไหร่คุณถึงจะคุยกับผมอย่างคนรู้จักกัน แบบธรรมชาติน่ะ” ชายหนุ่มชวนคุยต่อ สีหน้าผ่อนคลายของเขาช่วยให้จันทร์กันยาสบายใจขึ้นนิดหนึ่ง
“ไม่รู้สิคะ สำหรับฉัน การสนิทสนมกับชาวต่างชาติเป็นเรื่องยาก”
“คุณหาว่าผมเป็น ‘ชาวต่างชาติ’ ทั้งที่เรากำลังพูดภาษาเดียวกัน...ภาษาไทย”
“แต่หน้าตาคุณเป็นฝรั่งชัดๆ เลย บอกตามตรงว่าฉันมีประสบการณ์เกี่ยวกับหนุ่มตะวันตกไม่ค่อยดีเท่าไร น้าสาวที่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็ก เคยรักกับฝรั่งคนหนึ่ง แล้วเขาก็ใจร้ายทิ้งน้าฉันไปอย่างไม่ไยดี จะว่าไปฉันเจอแต่คนรอบตัวมีประสบการณ์แย่ๆ เกี่ยวกับความรักทั้งนั้น จนฉันไม่คิดอยากมีความรักด้วยซ้ำ ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนชาติไหน เหตุนี้ฉันถึงได้ปฏิเสธคุณมาตลอด แล้วที่ฉันยอมมาวันนี้ ก็เพื่อจะคุยกันให้รู้เรื่องเสียทีว่าคุณไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับฉันหรอกค่ะ มันเป็นไปไม่ได้”
จันทร์กันยาโพล่งออกไปอย่างหมดเปลือก แล้วโล่งใจจนบอกไม่ถูกที่สามารถบอกปฏิเสธชายหนุ่มไปได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว หวังว่าเขาจะเข้าใจ หากทว่าคำพูดที่ตามมากลับเป็น...
“ผมยังไม่ละความพยายามหรอกนะจันทร์กันยา อยากให้คุณเปิดใจให้กว้าง ช่วยรับผมไว้พิจารณาบ้าง”
“ฉันพูดจากใจเลยนะคะ ว่าฉันกลัวมาก ฉันตามคุณไม่ทัน ที่สำคัญคือฉันไม่ชอบคนเจ้าชู้”
หญิงสาวใส่ไปทุกความรู้สึกที่มีต่อเขา แต่เอกตะวันกลับหัวเราะเบาๆ ไร้ความสะทกสะท้าน
“คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าผู้ชายบางคนไม่ได้อยากเจ้าชู้ และเขาหยุดได้เสมอ เพื่อใครสักคนที่คิดว่าใช่จริงๆ”
“ฉันคงไม่โชคดีขนาดได้เป็นผู้หญิงคนนั้น”
“แล้วถ้าผมบอกว่าคุณคือหญิงสาวคนที่ ‘ใช่’ สำหรับผมล่ะ”
“...”
จันทร์กันยาถึงกับอึ้ง เพราะคำยืนยันที่มาพร้อมมือใหญ่แสนอุ่นวางทาบลงบนมือเย็นเฉียบของหล่อน
“ได้โปรดเถิดนะ ให้โอกาสผมสักครั้ง ผมถูกชะตากับคุณจริงๆ ผมไม่ขออะไรมาก แค่คุณอย่าหนีผม พยายามทำตัวเป็นธรรมชาติ แล้วคุณจะรู้ว่าความสุขที่ได้รับความรักและได้รักใครสักคนมันเป็นยังไง”
ลงให้อ่านทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์นะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“แกเปิดสิ”
ลินาทำตามแทบจะทันที เมื่อประตูเปิดออก ทั้งสองสาวก็เผลอเบิกตากว้างจนแทบถลนกับภาพหนุ่มผมสีทองกล้ามโตสวมเสื้อยืดรัดติ้วสีเทากับกางเกงยีนตัวเก่า เขายื่นถุงกระดาษใบใหญ่ให้ลินา
“ขอโทษที่แต่งตัวไม่สุภาพนักนะครับ พอดีบอสโทร.ไปสั่งให้ผมทำธุระด่วน ตั้งแต่ขับไปร้านเสื้อแล้วรีบนำชุดนี่มาให้คุณจันทร์กันยา” สำเนียงภาษาอังกฤษของชายหนุ่มดูแปร่งๆ แต่เปี่ยมด้วยความจริงใจ
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะคุณ...”
“ผมชื่อดอล์ฟครับ เป็นคนของคุณธวัน” ดวงตาสีน้ำตาลของคนพูดเป็นประกาย รอยยิ้มกว้างของเขาแสดงความจริงใจเต็มเปี่ยม
“อ๋อค่ะ ส่วนดิฉันชื่อลินานะคะ คนโน้นต่างหาก จันทร์กันยา”
ดอล์ฟค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อม ก่อนมองข้ามไหล่ลินาไปยังสาวไทยผมยาวที่นั่งเชิดหน้าน้อยๆ อยู่ตรงโซฟาเล็ก
“สวยอย่างนี้นี่เอง บอสถึงได้...สนใจ”
“เขาทำแบบนี้บ่อยไหมคะ คุณดอล์ฟ” ลินากระซิบถาม
“แบบไหนครับ”
“ก็จีบสาวไปเรื่อยเปื่อย ทำตัวเป็นพ่อบุญทุ่มเนี่ย”
“บอสผมไม่เคยต้องทุ่มเทเพื่อให้ได้ใครมา...คนนี้ถือเป็นคนแรกครับ ผมคงต้องลาก่อน คุณธวันฝากย้ำว่าจะมารับตอนหกโมงเย็น”
“โอเคค่ะ ขอบคุณมากนะคะ คุณดอล์ฟ”
หลังจากบานประตูปิดลง นับหนึ่งถึงสอง ลินาก็กรีดร้องดังลั่น
“กรี๊ดดดด เริ่มไม่รู้แล้วว่าระหว่างบอสกับคนของบอส ใครหล่อกว่ากัน นายดอล์ฟนี่โคตรล่ำอะแก เนอะจันทร์เนอะ”
“อืม แต่แกไม่ต้องดีดดิ้นขนาดนั้นก็ได้มั้ง ทำเป็นไม่เคยเจอผู้ชายไปได้”
“ผู้ชายน่ะก็เจอมาเยอะ แต่งานดีขนาดนี้มันน้อยนะ ถึงอีตาดอล์ฟจะเป็นแค่ลูกน้อง แต่มาดนี่คือกินขาด สรีระยิ่งคว้าคะแนนเกินร้อย เป็นผู้ชายที่โคตรฟิตอะ”
“ท่าทางเขาคงออกกำลังกายเยอะแหละ ถึงจะได้ขนาดนั้น”
“นั่นสิ ฟิตแอนด์เฟิร์มจนเว่อร์อย่างนั้น อาจเป็นพวกบอดี้การ์ดของอาจารย์เอกตะวันก็ได้ ใครจะรู้เนาะ”
“เลิกเดาดีกว่า เรามาดูชุดกันเถอะ ฉันว่า ต้องใส่ไม่พอดีแหงเลย” จันทร์กันยาปรามาสไว้ก่อน ขณะคว้าถุงกระดาษใบใหญ่ไปจากมือเพื่อน
**************************
ชุดราตรียาวตัดเย็บจากผ้าไหมซาตินสีเขียวมะกอกประดับด้วยลูกไม้ที่แนบไปกับเรือนร่างบอบบาง ขับเน้นให้เห็นสรีระงดงามนั้น ส่งให้จันทร์กันยาดูงามสง่าจนแม้แต่เจ้าตัวยังมองภาพตัวเองในกระจกซ้ำแล้วซ้ำอีก
“พอดีเป๊ะ อะไรมันจะเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ อาจารย์รู้ไซซ์แกได้ไงวะ เนี่ย” ลินาเดินวนรอบตัวเพื่อน สังเกตอย่างละเอียดแล้วอดทึ่งไม่ได้ เพราะชุดช่างเหมาะเจาะราวกับสั่งตัด แถมยังเหมือนรู้ว่าเพื่อนหล่อนไม่ชอบโป๊ คอถ่วงด้านหน้าจึงไม่ได้เว้าลึกจนเกินไป รอยผ่าด้านข้างก็ไม่สูงจนน่าเกลียด แถมยังตกแต่งลูกไม้บริเวณตัวกระโปรงจนดูหรูหราน่ารักสมวัย
“นั่นสิ ฉันงงมาก มันพอดีเกินไปไหม” คนสวมชุดราตรีอยู่ขมวดคิ้วมุ่น ก้มมองชุดของตนด้วยความประหลาดใจ
“ฉันว่าอาจารย์คงช่ำชองเรื่องเรือนร่างสาวๆ จนมองปราดเดียวรู้เลยว่าขนาดกี่นิ้ว ทั้งอก เอว สะโพก”
“แกพูดซะฉันเริ่มกลัว ชักไม่อยากไปแล้วอะลิน ผู้ชายอะไรรู้สัดส่วนผู้หญิงขนาดนี้ ฉันต้องทำไงตอนไปกินข้าวกับเขา คงอึดอัดตายเลย จะไหวไหมเนี่ย ฉันมันก็แค่เด็กกะโปโลแท้ๆ ไม่ควรหาเรื่องเล้ย” จันทร์กันยาบ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“เอางี้นะจันทร์ ถ้าแกกินไปสักพักแล้วรู้สึกว่าท่าทางจะไม่ไหว แกก็รีบปฏิเสธ รีบออกมาเลย อ้างไปก็ได้ว่ายิ่งมาดินเนอร์ด้วยยิ่งรู้ว่าคงไปกันไม่ได้ มันคนละสังคม คนละไลฟ์สไตล์ เอาแบบนี้ดีไหม”
จู่ๆ ลินาก็เปลี่ยนมาอยู่ข้างเพื่อน เริ่มใจไม่ดีเมื่อคิดว่าเอกตะวันคงไม่ธรรมดา เขาช่ำชองกว่าที่คาดไว้มาก มันมากจนน่ากลัว สมควรหรือที่หล่อนจะไปเชียร์ให้จันทร์กันยาชอบเขา
“อืม ก็ดี ฉันว่าฉันน่าจะจัดการได้นะ ไปให้มันจบๆ แล้วคราวหลังแกก็จำไว้ด้วยว่ากรุณาไว้มาดบ้าง ไม่ใช่เขาขอร้องอะไรก็ช่วยหมด”
“โอเคเพื่อน ฉันให้สัญญา ต่อไปจะไม่ยุ่งเรื่องแกแล้ว ยังไงแกก็ลองตัดสินใจเองนะ”
“เออน่า ฉันต้องคิดเองอยู่แล้ว แกอย่าห่วง แล้วก็ไม่ต้องรู้สึกผิดด้วย ฉันรับมือไหวแน่นอน”
**************************
แค่เปิดประตูห้องแล้วพบชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดสูทสีน้ำตาลไหม้ ผูกหูกระต่ายสีเขียวมะกอกเข้ากันกับสีชุดของหล่อนเท่านั้น คำว่า ‘รับมือไหว’ ที่จันทร์กันยาเพิ่งลั่นออกไปเมื่อครู่ก็ดูจะปลิวห่างออกไปไกลลิ่ว
นี่หล่อนกำลังเล่นกับไฟใช่ไหม เอกตะวันไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาในทุกแง่มุม เขาหล่อเกินไป รวยเกินไป ช่ำชองเกินไป หล่อนไม่ทันเขาแน่ๆ จันทร์กันยายิ่งมั่นใจเมื่อชายหนุ่มเปิดยิ้มกว้างทรงเสน่ห์ ซึ่งทำเอาหัวใจหล่อนแทบหลอมละลาย
“ไปกันเลยดีไหม เห็นว่าปกติคุณกินข้าวเย็นไว ป่านนี้คงหิวแย่แล้ว” เอกตะวันเอ่ยอย่างห่วงใย แล้วยังมีแก่ใจหันไปถามลินาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ สาวน้อยในชุดราตรีว่า “แน่ใจนะลิน ว่าจะไม่ไปด้วย”
“ลินยังเปลี่ยนใจทันเหรอคะอาจารย์”
“ถ้าคุณมีชุดที่เหมาะสมก็ทันนะ อยากไปด้วยไหม ดูท่าเพื่อนคุณตื่นๆ จนน่าสงสาร” ชายหนุ่มยังอุตส่าห์ทำเหมือนใจกว้างเปิดโอกาสให้มี ‘ก้าง’ ตามไปได้ แต่จันทร์กันยารู้ดีว่าเพราะเขามั่นใจต่างหาก ว่าเด็กกะโปโลสองคนนี่ไม่มีทางมีชุดราตรีใส่ไปเองแน่!
“เอาเป็นว่าลินขอไม่ไปดีกว่าค่ะอาจารย์ ฝากจันทร์ด้วยนะคะ”
สาวผมยาวที่วันนี้เกล้าผมขึ้นไปแบบหลวมๆ ส่งยิ้มเจื่อนให้เพื่อนแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว
“งั้นฉันไปก่อนนะลิน เดี๋ยวมา”
“ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะแก” เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ลินาออกอาการห่วงเพื่อนสาวจับใจ แต่ก็แอบหวังว่าเอกตะวันจะไม่ร้ายกาจอย่างที่จันทร์กันยาหรือกระทั่งหล่อนเองนึกกลัว เท่าที่สังเกตดู เขาก็น่าจะเป็นคนดีในระดับหนึ่งทีเดียว
สาวในชุดราตรีสีมะกอกพยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องเคียงคู่ไปกับเอกตะวัน
แวบหนึ่งนั้นลินายังอดไม่ได้ที่จะเคลิบเคลิ้มตาม รู้สึกว่าทั้งคู่ราวเจ้าชายกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย...ว่าแต่ความรักและความสัมพันธ์มันจะง่ายและราบรื่นขนาดนั้นเชียวหรือ...เป็นเรื่องที่น่ากังขาเหลือเกิน
**************************
แสงนวลที่ส่องประกายวับแวมจากปลายเทียนแท่งยาวที่ปักบนเชิงเทียนทำจากเงินแท้บนโต๊ะอาหารนั้น ให้ความรู้สึกแสนอบอุ่นโรแมนติก หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว จันทร์กันยาก็เอาแต่มองจานเซรามิกตรงหน้า ลวดลายอ่อนช้อยสีน้ำเงินบนจานช่วยเสริมให้บรรยากาศดูหรูหรา ผ้ากันเปื้อนขาวบนจานใบใหญ่ถูกม้วนแล้วรัดไว้ด้วยวงแหวนโลหะที่มีรูปมงกุฎโบราณประดับอยู่
“เป็นยังไง บรรยากาศร้านใช้ได้ไหม” เอกตะวันทำลายความเงียบขึ้นก่อน สายตาของเขาที่ทอดมองไปยังจันทร์กันยาทำให้หล่อนใจเต้นแรง กระนั้นก็ยังพยายามตั้งสติตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคงราวกับไม่เคยหวาดหวั่น
“ไม่ใช่แค่ใช้ได้ค่ะ แต่มันดีเกินไปสำหรับฉัน ลำพังฉันเองคงไม่มีปัญญามานั่งในร้านนี้แน่ อันที่จริงเรากินข้าวกันที่ร้านธรรมดาหน่อยก็ได้ ฉันไม่ชอบความหรูหรานักหรอก รู้สึกเหมือนเหลือตัวลีบเล็กนิดเดียวยังไงไม่รู้”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ กับคำเปรียบเปรยของหล่อน สายตาของเขาที่ทอดมองมาเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนระคนเอ็นดูจนคนถูกจ้องใจสั่น
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกอย่างนั้น ก็แค่อยากให้คุณรู้สึกพิเศษเท่านั้นเอง แล้วผมก็ไม่ได้ลำบากอะไร”
“แต่ฉันลำบากใจค่ะ วันหลังถ้าจะเลี้ยงตอบคุณ ฉันต้องทำยังไง คงไม่มีปัญญาทำแน่เลย”
“ผมไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทนจากคุณเลยนะจันทร์กันยา” ชายหนุ่มเรียกชื่อเต็มของหล่อนตามความเคยชิน ซึ่งเจ้าของชื่อรู้สึกว่ากลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปแล้ว น้อยคนนักที่จะเรียกหล่อนด้วยชื่อเต็มอย่างนี้
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้นนะคะ”
พนักงานในร้านมารับออเดอร์แล้วเดินจากไป จันทร์กันยายอมให้เอกตะวันเป็นคนช่วยเลือกอาหารที่คิดว่าเหมาะสำหรับหล่อนให้ เพราะดูจากรูปแล้ว ทุกจานล้วนหรูหราไม่ธรรมดา ออกแนวอาหารของชาวดัตช์ซึ่งหญิงสาวไม่คุ้นตา
“เมื่อไหร่คุณถึงจะคุยกับผมอย่างคนรู้จักกัน แบบธรรมชาติน่ะ” ชายหนุ่มชวนคุยต่อ สีหน้าผ่อนคลายของเขาช่วยให้จันทร์กันยาสบายใจขึ้นนิดหนึ่ง
“ไม่รู้สิคะ สำหรับฉัน การสนิทสนมกับชาวต่างชาติเป็นเรื่องยาก”
“คุณหาว่าผมเป็น ‘ชาวต่างชาติ’ ทั้งที่เรากำลังพูดภาษาเดียวกัน...ภาษาไทย”
“แต่หน้าตาคุณเป็นฝรั่งชัดๆ เลย บอกตามตรงว่าฉันมีประสบการณ์เกี่ยวกับหนุ่มตะวันตกไม่ค่อยดีเท่าไร น้าสาวที่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็ก เคยรักกับฝรั่งคนหนึ่ง แล้วเขาก็ใจร้ายทิ้งน้าฉันไปอย่างไม่ไยดี จะว่าไปฉันเจอแต่คนรอบตัวมีประสบการณ์แย่ๆ เกี่ยวกับความรักทั้งนั้น จนฉันไม่คิดอยากมีความรักด้วยซ้ำ ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนชาติไหน เหตุนี้ฉันถึงได้ปฏิเสธคุณมาตลอด แล้วที่ฉันยอมมาวันนี้ ก็เพื่อจะคุยกันให้รู้เรื่องเสียทีว่าคุณไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับฉันหรอกค่ะ มันเป็นไปไม่ได้”
จันทร์กันยาโพล่งออกไปอย่างหมดเปลือก แล้วโล่งใจจนบอกไม่ถูกที่สามารถบอกปฏิเสธชายหนุ่มไปได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว หวังว่าเขาจะเข้าใจ หากทว่าคำพูดที่ตามมากลับเป็น...
“ผมยังไม่ละความพยายามหรอกนะจันทร์กันยา อยากให้คุณเปิดใจให้กว้าง ช่วยรับผมไว้พิจารณาบ้าง”
“ฉันพูดจากใจเลยนะคะ ว่าฉันกลัวมาก ฉันตามคุณไม่ทัน ที่สำคัญคือฉันไม่ชอบคนเจ้าชู้”
หญิงสาวใส่ไปทุกความรู้สึกที่มีต่อเขา แต่เอกตะวันกลับหัวเราะเบาๆ ไร้ความสะทกสะท้าน
“คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าผู้ชายบางคนไม่ได้อยากเจ้าชู้ และเขาหยุดได้เสมอ เพื่อใครสักคนที่คิดว่าใช่จริงๆ”
“ฉันคงไม่โชคดีขนาดได้เป็นผู้หญิงคนนั้น”
“แล้วถ้าผมบอกว่าคุณคือหญิงสาวคนที่ ‘ใช่’ สำหรับผมล่ะ”
“...”
จันทร์กันยาถึงกับอึ้ง เพราะคำยืนยันที่มาพร้อมมือใหญ่แสนอุ่นวางทาบลงบนมือเย็นเฉียบของหล่อน
“ได้โปรดเถิดนะ ให้โอกาสผมสักครั้ง ผมถูกชะตากับคุณจริงๆ ผมไม่ขออะไรมาก แค่คุณอย่าหนีผม พยายามทำตัวเป็นธรรมชาติ แล้วคุณจะรู้ว่าความสุขที่ได้รับความรักและได้รักใครสักคนมันเป็นยังไง”
ลงให้อ่านทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์นะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มิ.ย. 2565, 18:58:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มิ.ย. 2565, 18:58:17 น.
จำนวนการเข้าชม : 283
<< บทที่ 6 (50%) | บทที่ 7 (35%) >> |