Valensole ลาเวนเดอร์...ที่รัก
ความรักระหว่าง 'วาลองโซล' หนุ่มฝรั่งเศสผู้ไม่เคยแพ้
กับ 'ลาเวนเดอร์' หรือ 'น้องลา' สาวญี่ปุ่น ผู้หญิงขี้แพ้

วาลองโซล คือ ดินแดนแห่งการเดินทางของลาเวนเดอร์
ที่ที่ลาเวนเดอร์บานสะพรั่งสวยงามแต่งแต้มผืนดิน
เป็นสีม่วงคราม...งดงามจับใจ
Tags: แต่งก่อนจีบ ไสยศาสตร์ มนต์ดำ รักแท้

ตอน: บทที่ 3 บอดีการ์ดไร้เงา

ย้อนไปในวันก่อนหน้านั้น หญิงสาวเคยได้พบกับเหตุการณ์ประหลาด
ที่เชื่อมโยงกับวันแรก ในวันที่ทำงานที่ร้านอาหาร
คือ ฉากในรถไฟฟ้าที่ไม่มีใครสักคนมานั่งตรงที่ว่างข้างๆ ทั้งซ้ายและขวาของเธอ...
ที่ดูเหมือนจะไม่จบแค่วันนั้น...

เพราะช่วงที่ทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งต้องเข้างานตอน 11 โมงเช้า
ไปจนถึง บ่าย 3 โมง จากนั้นก็พักยก
แล้วจึงค่อยเริ่มงานที่ร้านอาหารไทยในช่วงห้าโมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน

ทำงานได้สักพัก หนุ่มญี่ปุ่นเจ้าของร้านทาโกยากิที่อยู่ติดกันกับร้านอาหารที่ญี่ปุ่นที่หญิงสาว
ทำงานอยู่ก็เข้ามาขายขนมจีบถึงในร้าน...มาขอเราเป็นแฟน แต่หญิงสาวปฏิเสธไป
โดยบอกไปตามตรงว่า เธอแค่ต้องการมาทำงานหาเงินเรียนหนังสือ ยังมีแฟนไม่ได้
คบหาผู้ชายไม่ได้ มันบาป...

เขาได้ยินก็หัวเราะ ถามว่าเธอมาจากดาวดวงไหนเนี่ย
ถึงกลัวบาปกะอิแค่คบหากับผู้ชาย หญิงสาวเลยบอกเขาไปว่า...
คนอื่นไม่กลัวบาปช่างคนอื่น เธอกลัวของเธอ...
เขาเซ้าซี้อยู่นั่นไม่ยอมกลับร้าน จนน้องชายเจ้าของร้านออกปากไล่กลายๆ
ซึ่งสองหนุ่มต่างวัยต่างก็สนิทกันดี...

หนุ่มทาโกยากิเลยขอน้องชายเจ้าของร้านจีบหญิงสาว
ทางโน้นบอกไม่อนุญาตให้มานั่งหลีเด็กในร้าน เดี๋ยวเด็กไม่มีสมาธิทำงาน
ตอนนั้นเธอเริ่มเครียดกับหนุ่มทาโกยากิและน้องชายเจ้าของร้านมาก
เลยบอกหนุ่มทาโกยากิที่สูงอย่างกะเสาไฟฟ้าว่า
เราไม่เหมาะสมจะไปไหนมาไหนด้วยกันหรอก
คุณสูง ขาว หล่อ ส่วนเราคนไร้ราก...

เขาได้ฟังถึงกับอึ้งก่อนจะหัวเราะลั่นร้าน เธออายชาวบ้านมากตอนนั้นน่ะ...
อยากแทรกแผ่นดินหนี...เขาบอกว่าเขาไม่ถือ
เขาชอบแบบเธอ เธอเลยบอกว่า เธอถือ เธอยังไม่อยากมีแฟน
ก็บอกว่าบาป...และอายด้วยถ้าจะมีแฟน...นึกซะว่าสงสารเถอะ...

แต่หนุ่มทาโกยากิเหมือนจะไม่ยอมง่ายๆ ตามตื๊อแบบจริงจังมาก
ตามไปถึงร้านอาหารไทย กะจะนั่งจนร้านปิด...แต่โดนน้องชาย
เจ้าของร้านไล่ให้กลับไปซะก่อน...

วันถัดมา...พอเธอมาถึงร้าน ทำงานตามปกติจนใกล้จะพักเบรก
กำลังจะออกจากร้านอาหารญี่ปุ่น หนุ่มทาโกยากิเดินเข้ามาในร้าน แล้วพูดหาเรื่องเธอว่า

"ไหนว่าคบผู้ชายเป็นแฟนมันบาปไง...แล้วทำไมมากับผู้ชาย
เดินตัวติดกัน มาส่งถึงหน้าร้านเลย..." หญิงสาวขมวดคิ้วคิดว่าตาเนี่ยคงเพี้ยนไปแล้ว

"มีแฟนแล้วก็น่าจะบอกกันตามตรง นี่บอกว่าไม่อยากมีแฟน
มันบาป...ที่แท้ก็มีแฟนอยู่แล้ว"

"เราไม่มีแฟน" หญิงสาวยืนยัน ไม่คิดจะโกหกชาวบ้าน

"งั้นจะบอกว่าพี่ชายล่ะสิที่เดินมาส่ง"

"ไม่ใช่ เรามาคนเดียว"

"อย่าโกหกเลย ผู้หญิงไว้ใจไม่ได้จริงๆ เขาดูดีกว่าใช่มั้ยถึงปฎิเสธผมน่ะ"

มันก็ชักจะไปกันใหญ่ เพี้ยนยกกำลังสอง
และตอนนั้นเธอแค่อยากตัดปัญหา ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด เลยบอกไปว่า

"อยากคิดแบบนั้นก็ตามใจคุณค่ะ"


หลังจากวันนั้น หนุ่มทาโกยากิก็เลิกมาจีบเธอ
น้องชายเจ้าของร้านที่อายุไม่น้อยแล้วเหมือนจะออกท่าทางหลีเด็กในร้านอย่างเธอ
แบบออกหน้าออกตา ตอนนั้นคิดๆ ว่าจะลาออกให้พ้นๆ
แต่อยู่ๆ น้องชายเจ้าของร้านก็เดินมาถามเธอว่า...
คนที่มารับมาส่งเธอประจำน่ะใช่แฟนเธอใช่มั้ย...

ตอนนั้นเธอเริ่มเอะใจแล้ว เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนเพี้ยนถึงสองคน

"มารับมาส่งหรือคะ"

"ใช่ เห็นเดินมาส่งที่ร้านอาหารญี่ปุ่น แล้วมายืนรอรับ
อยู่หน้าร้านอาหารไทย แล้วเดินกลับไปพร้อมเธอทุกที
ไม่เชื่อถามคนอื่นดู...สงสัยมานานแล้วว่าเป็นอะไรกัน..."

ตอนนั้นเองที่ลาเวนเดอร์เริ่มขนลุกแล้ว...ใจไม่ดีเลย แต่ไม่ได้ตอบรับ
หรือปฏิเสธ

"ตาดุชะมัด...สงสัยจะขี้หวง" เขาบอก ตอนนั้นเธอแทบไม่อยาก
เดินออกจากร้าน มันรู้สึกกลัวขึ้นมา...

"แฟนก็บอกว่าแฟน ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่ต้องปกปิด..."

"หนูไม่มีแฟนค่ะ...ไม่เคยมี และยังไม่คิดจะมี แต่ก็ แล้วแต่จะคิดกันเอาเองนะคะ"

หญิงสาวรีบตัดบท กลับไปจัดการงานที่ค้างให้เสร็จ

คืนนั้นกลับที่พักแบบหวาดระแวงมาก ถึงว่าสิ ไม่มีใครนั่ง
ข้างเธอในรถไฟฟ้า ไม่มีใครเดินเฉียดใกล้เลย...ตอนนั้นพยายาม
คิดในแง่ดี จะได้ไม่บ้า และประสาทกิน...

ปกติเวลาออกจากบ้าน เธอจะกล่าวซอลาวาตนบี เพราะโต๊ะอิม่ามที่มัสยิดเคยสอน
และสั่งใช้ให้ทำเป็นกิจวัตร ก็จะเดินไปซอลาวาตนบีไปทุกครา
อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ปลอดภัยมาโดยตลอดด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์

จึงไม่อาจหาเหตุผลมาอธิบายปรากฏการณ์นั้นได้...
แม้กระทั่งรุ่นน้องในแก๊งก็เคยบอกว่า....

'จะเข้าใกล้พี่แต่ละทีรู้สึกเกรงๆ พี่มีบางอย่าง แปลกมาก
ถ้าแม่ผมได้เห็นพี่แม่ต้องทำนายเหมือนผมว่าพี่มีดวง
ที่ไร้อันตรายมาเฉียดเข้าใกล้เหมือนคนที่มีเทวดาประจำกาย
คอยปกป้องอะไรทำนองนี้..ผมกล้าฟันธงว่าพี่จะไม่มีชายใดหรือโจรหน้าไหน
กล้ายุ่งกับพี่หรอก'

ตอนนั้นเธอได้แต่ขำรุ่นน้องในแก๊ง เอ่ยติดตลกแต่จริงไปว่า

'คนไม่สวย มีหน้าตาเป็นอาวุธประจำกายอยู่แล้ว...'

น้องมันเลยส่ายหน้าแล้วเปลี่ยนเรื่องเสีย....

เธอคิดเสมอมาว่า...สิ่งดีๆ ที่เธอได้รับ ความปลอดภัยในการใช้ชีวิต
มันมีส่วนมาจากดุอาอ์จากใครสักคนหรือมากกว่าหนึ่งคนที่ช่วยขอให้เธอในละหมาด...

โดยเฉพาะสองพ่อลูกนั่น เธอยังสัมผัสได้ว่า ทั้งสองยังคงระลึกถึงเธออยู่
เราต่างก็มีกันและกันในดุอาอ์...สิ่งเหล่านี้คือ พลังงานด้านบวกที่คอยส่งเสริมให้ชีวิตเธอดีขึ้น...
ผู้ที่ทั้งรักทั้งห่วงต่างขอดุอาอ์ให้กันและกัน...
ย่อมมิอาจหาอะไรใดๆ มาเปรียบได้....

การผูกสัมพันธ์กับนบีด้วยการซอลาวาตนบีก็เช่นกัน...

สำคัญคือ...เราต้องไม่ลืมอัลลอฮ์ ไม่ว่าอยู่แห่งหนใด
อำนาจของอัลลอฮ์ครอบคลุมถึงหมด...

'สติปัญญา' คือ อาวุธที่ดีเลิศที่สุดที่คนเราได้รับมา...ไม่ว่าจะเกิดอะไรในชีวิต
ขอแค่ตั้งสติ แล้วใช้ปัญญาใคร่ครวญ...และสู้ทนจนสุดทาง...

ซึ่งในที่สุด ลาเวนเดอร์ก็ต้องลาออกจากงานที่ร้านอาหารดังกล่าว
เพราะหลากหลายสาเหตุ เธอไม่สามารถทำงานตรงนั้นต่อไปได้อีก
หนึ่งในนั้นคือการโดนกดขี่ข่มเหง และการถูกโกงค่าแรงอย่างไม่เป็นธรรม

เหมือนเธอต้องทำงานหนักฟรีๆให้เจ้าของร้านอยู่หลายครั้ง

ซึ่งไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากใครได้ เพราะเธอไร้ราก

ไร้กฎหมายคอยคุ้มครองเฉกเช่นพลเมืองทั่วไปในดินแดนนี้

และคนอย่างเธอ ทำงานที่ไหนได้ไม่นานหรอก ต้องย้ายงาน ย้ายที่ไปเรื่อยๆ เช่นนี้แล

และเธอได้บอกเจ้าของร้านตอนยื่นสมุดบันทึกการทำงานตลอดเจ็ดเดือนของเธอ
ให้เขาดูตอนวันที่ทำงานที่ร้านอาหารเป็นวันสุดท้ายว่า

"การยอมจำนนต่อหน้าที่ไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้ต่อเป้าหมาย
ฉันมาที่นี่เพื่อนำแรงงานมาแลกเม็ดเงิน และฉันเก็บเงินได้ถึงเป้าแล้ว...
ในโลกนี้ไม่มีใครโง่โดยสมบูรณ์แบบหรอกค่ะ...
คนที่คิดว่าคนอื่นโง่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั่นแหละค่ะคือคนที่ปล่อยให้ตัวเองโง่...
บันทึกนี้ตรงกับบัตรตอก...และสามารถใช้มันเอาเรื่องเจ้านายได้
แต่คิดซะว่า...แลกกับบทเรียนที่ได้มา มันคุ้มออก เพราะคงไม่มี
หลักสูตรแบบนี้ให้เรียนที่ไหนอีกแล้ว คิดๆ แล้วค่าเรียนค่อนข้างต่ำกว่า
มาตรฐานที่พวกโรงเรียนกำหนดให้จ่ายซะอีก...เงินที่หายเข้ากระเป๋าคนอื่นไป
ถือว่าคุ้มค่าที่จ่ายไป...และขอยกหลักฐานนี้ให้ค่ะ..."

ก่อนจะย้ำส่งท้ายว่า

"ผีที่ว่ายังไม่น่ากลัวเท่าผีที่อยู่ในตัวคน มารร้ายตัวไหน
ก็ไม่น่ากลัวเท่ามารร้ายในจิตใจคน...
ซาตานในคราบมนุษย์นี่แหละ...ยากแท้หยั่งถึง..."

ลาเวนเดอร์เดินออกมาในวันที่ใบไม้ร่วงหล่นเต็มพื้นถนน
อดนึกไม่ได้ว่า

มนุษย์เรานั้นช่างอ่อนแอ สามารถตกเป็นเหยื่อของมารร้ายอย่างชัยตอนได้โดยไม่ยากเย็นเลย...
สิ่งที่เธอต้องจำคือ ชัยตอนไม่เคยหวังดีต่อลูกหลานอะดัม
และสิ่งที่เธอต้องทำคือ ขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์
ให้ปลอดภัยจากชัยตอนมารร้ายที่ถูกสาปแช่งทั้งที่อยู่ในคราบญินและคราบมนุษย์

เพราะอัลลอฮ์คือ ผู้ช่วยเหลือที่แท้จริง!

ซุบฮานัลลอฮ์!
อัลฮัมดุลิลลาฮ์!
อัลลอฮุอักบัรฺ!

......โปรดติดตามตอนต่อไป..........



yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มิ.ย. 2566, 17:31:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2567, 20:05:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 41





<< บทที่ 2 เจ้าของที่   บทที่ 4 บ้านร้างญี่ปุ่น >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account