เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์
เป็นเรื่องราวของคนหน้าตาไม่เข้าตา ไม่เป็นที่นิยม
ไม่ฮิต ไม่ฮอตของคนสองคน...
ที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีตำหนิ...ภาพประวัติไม่สวยงาม...
แต่นิสัยที่ซ่อนไว้ค่อนข้างสวยสดงดงาม...
แฝงไว้ด้วยเสน่ห์แห่งการมีชีวิต...การสร้างครอบครัว
เศษหนึ่งส่วนสอง หรือ ครึ่งหนึ่งของชีวิตหนึ่ง
มาพบกับ อีกครึ่งหนึ่งของอีกชีวิตหนึ่ง
แล้วยกกำลังด้วยศูนย์...
เลขศูนย์ที่ดูไร้ค่า ไร้ความหมาย แค่เลขกลมๆเลขนึง
หากมันได้ทำให้ เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์
มีค่าเท่ากับ หนึ่งได้!
สมการทางคณิตศาสตร์ที่น่าพิศวงนี้
นำมาสู่สมการของความรักของทั้งสอง...
ทั้งคู่ที่ชีวิตไม่สมบูรณ์แบบและมีตำหนิ
จะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร...
เรื่องนี้มีคำตอบ!!!
Tags: ดราม่า ขุนพล ไนค์ บิลกีส
ตอน: บทที่ 21 พี่ชาย
หลังจากพาดุจมณีท่องเที่ยวไปตามสถานที่สำคัญในสิงคโปร์ จนล่วงเวลาค่ำ
ขุนพลก็จบทริปท่องเที่ยวในวันนี้ ณ ร้านอาหารหรูที่มีความเป็นส่วนตัวสูง
ซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายระหว่างเขากับ ส.ส.ฆินทร์
"ทำไมร้านหรูจังเลยละคะ ไอซ์ว่าเราไปหาร้านธรรมดาๆ ดีมั้ยคะ" ก่อนจะกระซิบข้างหูพี่ชายว่า
"แพงแน่เลย ไอซ์ไม่อยากกินของแพงหรอกค่ะ" ขุนพลรั้งแขนน้องสาวมาควงไว้ก่อนกระซิบบอกว่า
"ใครว่าพี่เป็นเจ้ามือเล่า"
"แล้วใครเป็นเจ้ามือละคะ" ขุนพลไม่ตอบ แต่ควงแขนน้องสาวไปยังห้องอาหารด้านในสุด
ตรงมุมที่ดีสุด ลับสุด เมื่อประตูถูกเปิดออก ร่างบางระหงที่ยืนข้างกายพี่ชายก็ถึงกับตะลึง
ไปกับบรรยากาศภายในนั้น ที่ทั้งหรูหรา สวยงาม การตกแต่งน่ารักจนทำให้รอยยิ้มของหญิงสาว
แย้มออกมาราวกับดอกไม้ที่เบิกบานยามต้อนรับแสงตะวัน ก่อนจะหน้าหุบฉับลงฉับพลัน
เมื่อหันไปเห็นผู้ที่นั่งอยู่ในนั้นอยู่ก่อนแล้ว และจ้องมองมาที่เธอด้วยแววตาเป็นประกาย
ฉุดให้หญิงสาวรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมา
"เชิญนั่งสิครับ" ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำตาลเข้ม แบบกระดุม 2 แถว ยืนขึ้นพร้อมผายมืออย่างสุภาพชน
ดุจมณีอดไม่ได้ที่จะลอบมองใบหน้าใสอมชมพูของเขาที่บ่งบอกว่าผ่านการดูแลตัวเองมาอย่างดี
และมีสุขภาพ แข็งแรง ยามที่เขาไม่ยิ้มเขาก็ดูเท่แบบขรึมๆ เช่นยามนี้ ที่สีหน้าท่าทางของเขา
ดูขึงขัง เคร่งขรึมจนทำให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อทั้งหมดนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
โดยที่ดุจมณีนั่งข้างๆ พี่ชายที่บัดนี้ เงียบและนิ่งไปเหมือนเป็นคนละคนกับคนที่พาเธอเที่ยวสนุก
มาทั้งวัน
"เอ่อ นี่เค้กค่ะ ที่ไอซ์สัญญาว่าจะให้พี่ฆินทร์ได้ชิมเป็นคนแรกๆ ก็น่าจะยังเป็นคนแรกๆ อยู่นะคะ
เพราะนอกจากพี่กีสกับพี่ไนค์ที่อยู่ร่วมบ้านกับไอซ์แล้ว ก็พี่ฆินทร์ค่ะที่ได้ชิม ไม่คิดว่าจะได้เจอ
พี่ฆินทร์ที่นี่ โชคดีมากๆ ที่พี่กีสให้ไอซ์เอาเค้กติดมือมาด้วยค่ะ และพี่ไนค์ก็กำชับอีกรอบว่า
ให้เอามาด้วยอีกทีนึง" ดุจมณีพูดยาวๆ เพื่อหวังทำลายบรรยากาศอันอึมครึมที่หาสาเหตุไม่ได้
ชายหนุ่มยื่นมือมารับเค้กจากหญิงสาวโดยปราศจากรอยยิ้มเช่นเคย
"ขอบคุณครับ" แล้วเขาก็วางเค้กนั้นลงอย่างไม่แยแส ทำเอาคนที่พยายามทำเค้กสุดฝีมือ
ถึงกับหน้าหม่นลงทันที
"นายไม่ได้บอกน้องสาวเลยหรือว่านายพาเค้ามาที่นี่ทำไม"
"เข้าเรื่องเถอะ" ขุนพลตัดบท
"ฉันคิดว่านายกำลังผลักภาระให้ฉันเป็นคนอธิบายทุกอย่างให้น้องสาวนายอยู่นะ"
"นายเป็นคนก่อ นายก็จัดการเอาเองสิ" ขุนพลเหลือทนกับคนตรงหน้า
"ถ้านายไม่ติดอะไร พรุ่งนี้ฉันจะจัดพิธีนิกะห์ซะที่นี่เลย เรียบง่ายดี"
"ทำไมถึงไม่จัดที่เมืองไทย"
"มันวุ่นวาย ฉันไม่อยากให้มันเป็นข่าว" ก่อนจะชำเลืองสายตาไปทางดุจมณีเพียงนิด
"และฉันจัดการเตรียมชุดในพิธีให้เรียบร้อยหมดแล้วด้วย หวังว่าน้องสาวนายคงไม่ว่าอะไร
ถ้าฉันจะให้เขาสวมใส่นิกอบปิดหน้าไว้ด้วย ฉันไม่ต้องการให้เธอเป็นที่รู้จักของใครๆ"
"แล้วน้องชายฉันล่ะ"
"เมื่อน้องสาวนายเป็นภรรยาฉันโดยสมบูรณ์แล้ว ฉันจะปล่อยน้องชายนายให้เป็นอิสระ
แต่ตอนนี้ เวลานี้ ฉันยังไม่ไว้วางใจพอจะปล่อยเขาไปหรอกนะ" ว่าแล้วก็ยกมือถือ
ก่อนจะโทรวิดีโอคอลไปยังลูกน้อง เมื่อปลายสายถูกตอบรับ ภาพวิดีโอเคลื่อนไหว
จากอีกดินแดนก็ปรากฏขึ้น เป็นภาพของขุนศึก ซึ่งเป็นน้องชายต่างมารดากับขุนพล
ที่กำลังถูกมัดมือมัดเท้า และปิดปากเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง ขุนพลมองภาพน้องชาย
แล้วได้แต่กัดกรามกำหมัดแน่น แววตานิ่งเรียบสนิท
"ฉันน่ะไม่ได้อยากใช้วิธีนี้หรอกนะ แต่มันช่วยไม่ได้ น้องสาวนายเสน่ห์แรงเกินไป"
อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองดวงหน้าใส ที่งดงามไร้ที่ติ ซึ่งตอนนี้กำลังมองเขาด้วยแววตาสับสน
ปนน้ำตาที่เอ่อคลอ หากริมฝีปากเรียวสวยอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อนั่นกลับไม่ขยับแม้แต่นิด
"เลวระยำ" ขุนพลสบถคำหยาบออกมา หากคนฟังหาได้สะเทือนไม่ เขาทำสัญญาณเรียกลูกน้อง
ให้เข้ามาพร้อมกระเป๋าเอกสารที่ถูกวางลงบนโต๊ะ
"สิบล้านสำหรับนาย" ลูกน้องของเขาจัดการเปิดกระเป๋าให้ขุนพลได้เห็นจำนวนเงินสด
ที่อัดแน่นในกระเป๋านั่น และโดยไม่ต้องมอง ขุนพลใช้มือผลักกระเป๋านั่นจนกระเด็นตกลงพื้น
ด้วยแววตาวาวโรจน์ ก่อนจะกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วกำแน่น
"น้องสาวฉันไม่ได้มีไว้ขาย" คนสนิทของ ส.ส.หนุ่มพุ่งเข้ามาหมายจะช่วยเจ้านาย
ทว่าฆินทร์ยกมือห้ามไว้ แล้วใช้ให้ลูกน้องออกไปข้างนอกให้หมด
"อย่าหยิ่งนักเลยไนค์ นายเองก็จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ทำไมถึงไม่รับไว้
ฉันก็แค่อยากจะให้เท่านั้น ไม่ได้จะซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าอะไรอย่างที่นายคิด"
กำปั้นหนักๆ ซัดลงบนใบหน้าหล่อใสไร้ตำหนิอย่างจัง จนอีกฝ่ายถึงกับเลือดกบปาก
ฆินทร์จึงซัดกำปั้นของตนกลับไปบ้าง ดุจมณีร้องห้ามทั้งสองที่กำลังแลกหมัดกันไปมา
ก่อนจะเข้าไปขัดขวาง ใช้ร่างกายตนบังพี่ชายไว้ด้วยน้ำตาอาบแก้ม
เสียงสะอื้นเบาๆ นั่นทำให้ฆินทร์หยุดและเบี่ยงหน้าไปอีกทาง
"อย่าทำอะไรพี่ไนค์เลยนะคะ ไอซ์ยอมพี่ฆินทร์ทุกอย่าง ขอแค่อย่าทำอะไรพี่ชายทั้งสองคน
ของไอซ์เท่านั้น" ริมฝีปากสวยอ้อนวอนอีกฝ่ายทั้งน้ำตาก่อนจะหันไปทางพี่ชาย
เช็ดคราบเลือดที่มุมปากให้ เธอรู้ รู้ว่าเธอกับพี่ชายมีสถานะที่ตกเป็นรอง และคนที่ตกที่นั่งอย่างเธอ
แค่ยังมีตัวเลือกที่ไม่ได้น่ารังเกียจเลยแบบนี้ก็นับว่าเป็นทางออกที่ดีที่ไม่ได้โชคร้ายอะไรเลย
เพราะชายหนุ่มคนนี้ภาพโดยรวมแล้วคือ เป็นคนที่เข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์เลยทีเดียว
"เจ็บมั้ยคะ" ขุนพลหันหน้าไปทางกำแพงห้อง ทุบกำแพงนั่นก่อนจะกุมขมับ
ส่วนอีกฝ่ายไม่ใช่แค่เลือดกบปาก แต่ถึงกับใบหน้าช้ำเลือด หันมาประกาศเสียงกร้าวว่า
"พรุ่งนี้พิธีจะเริ่มตอนเก้าโมงเช้า แล้วฉันจะให้คนไปรับน้องสาวนายที่โรงแรม"
พูดจบร่างสูงก็ก้าวอาดๆ ออกไปจากห้อง สั่งความลูกน้องเสร็จสรรพก็หายไปจากร้านอาหารหรูทันที
ทิ้งให้สองพี่น้องนั่งกอดกันบนพื้นห้อง เสียงร้องไห้ของดุจมณีกรีดหัวใจขุนพลยิ่งนัก
"ไอซ์โอเคค่ะพี่ไนค์ พี่ไนค์ไม่ต้องกังวลนะคะ ไอซ์จะจัดการคนอย่างเขาให้เองค่ะ
พี่ไนค์วางใจไอซ์ เชื่อใจไอซ์นะคะ" แววตาดุจมณีแกร่งกล้าจนขุนพลถึงกับตกใจ
เพราะนานมากแล้วที่เขาไม่เห็นแววตาแบบนี้จากน้องสาว
"ตอนนี้ไอซ์แค่จำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ไอซ์ไม่ได้โง่ที่จะไม่เข้าใจอะไรนะคะ"
ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบกล่องเค้กที่ถูกละเลยและถูกทอดทิ้ง จากนั้นก็กวาดเงินที่กระจัดกระจาย
กลับเข้าไปในกระเป๋า ปิดกระเป๋าลง แล้วยกมันขึ้นมาถือเอาไว้
"เรากลับโรงแรมกันเถอะค่ะ ไอซ์จะไม่ยอมให้เขาทำลายเกียรติพี่ไนค์ได้อย่างแน่นอน
ไอซ์จะแต่งงานกับเขา ไอซ์โอเคค่ะพี่ไนค์" เสียงที่เด็ดขาดเช่นนั้นทำเอาขุนพลถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง
"แต่พี่...."
"ไม่มีแต่ค่ะ ความปลอดภัยของพี่ไลค์สำคัญมาก พ่ออยากเจอพี่ไลค์
ไอซ์รู้ว่าพ่อรอที่จะเจอพี่ไลค์มาตลอด พี่ไลค์จะตายไม่ได้
และการแต่งงานครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยค่ะ
ไอซ์แต่งได้ พี่ไนค์อย่าคิดมากเลยนะคะ ไอซไม่ได้อยากใช้ชีวิตให้มันยุ่งยากค่ะ
และไอซ์จะทำให้มันง่ายที่สุดให้พี่ไนค์เห็นว่าไอซ์สามารถมีชีวิตได้ไม่ยากเย็นค่ะ
พี่ไนค์จะได้สบายใจเกี่ยวกับไอซ์ และจะได้มีเวลาให้ตัวเองมากกว่านี้ ไอซ์อยากเห็นพี่ไนค์
มีเวลาดูแลตัวเองมากกว่านี้ มีเวลาดูแลพี่กีสและลูก ไอซ์อยากเห็นพี่ไนค์มีเวลาให้พี่กีสและลูกค่ะ
ไอซ์เป็นน้องสาวพี่ไนค์ก็จริงอยู่ แต่พี่ไนค์ก็คือ พี่ชายของไอซ์ ไอซ์ก็อยากเห็นชีวิตพี่ไนค์
มีความสุข เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป และไอซ์ก็จะพยายามเพื่อพัฒนาตัวไอซ์เองด้วยค่ะ
เขาไม่ได้เลวร้ายขนาดที่เราต้องกังวลไปก่อนขนาดนั้นค่ะ ตอนนี้ให้เขาได้อยู่ในตำแหน่งผู้ชนะเถอะค่ะ ไอซ์มั่นใจว่า ไอซ์จะชนะใจเขาได้ค่ะ ถึงตอนนั้นพี่ไนค์กับพี่กีสก็จะได้เลิกกังวลเกี่ยวกับไอซ์สักทีไงคะ"
ขุนพลรั้งร่างน้องสาวเข้ามาสวมกอดอีกครั้งด้วยหัวใจที่ปวดร้าวระคนดีใจอยู่ลึกๆ ที่ได้ยิน
ความในใจของน้องสาวที่เขาไม่คิดว่าเธอจะคิดและรู้สึกเช่นนี้ และนั่นทำให้เขามองดุจมณีผิดไปมาก
เธอเก็บซ่อนความน่ารักเช่นนี้ไว้ภายใต้เกราะอันแข็งกระด้างมาตลอด เมื่อเกราะนั่นพังลง
เขาจึงได้เห็นเนื้อแท้นี้ของน้องสาว
..................................................
ณ เซฟเฮาส์
ฆินทร์กำลังมองตัวเองในกระจก แล้วจัดการทำแผลให้ตนเองไปด้วยก็ครุ่นคิดไปถึงใบหน้างาม
ที่ติดตราตรึงใจเขามาตลอด รอยยิ้มสดใส น้ำเสียงที่อ่อนหวานน่าฟัง
แววตาของเธอยามที่ทอดมองเขา น้ำตาที่เอ่อคลอนั่น ทำให้เขาอ่อนแอลงทุกครั้งที่ต้องเผชิญ
ขนาดพี่ชายเธอทำร้ายเขา ชกเขาตั้งหลายหมัด เขาชกพี่ชายเธอกลับไปแค่ไม่กี่หมัด
เธอก็ทำราวกับว่าเขาคือ ตัวร้ายที่เอาแต่ทำร้ายพี่ชายของเธอ
ไม่ว่ากี่ปีผ่านไป อะไรๆ จะเปลี่ยนไป เขาก็ยังคงเป็นตัวร้ายในสายตาเธอไม่เคยเปลี่ยน
เขามีอะไรที่บกพร่องนักหรือ จนบัดนี้ก็ยังไม่ดีพอในสายตาเธออีกหรือ
สายตาที่เธอมองคนอื่นมีแต่แววชื่นชม ประทับใจ แม้แต่คนที่เธอเพิ่งนัดเจอดูตัว
เธอก็มองชายคนนั้นราวกับยกย่องสรรเสริญ แต่สายตาที่เธอมองเขาก่อนหน้านี้
มันไม่ได้แตกต่างไปจากตัวร้ายที่กำลังบุกทำลายล้างโลก ไม่เคยเลยที่จะได้เป็นพระเอก
หรือฮีโร่สำหรับเธอ ไม่เคยเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะทุ่มเทกายและใจลงไปสักแค่ไหน
เธอก็ไม่เคยเห็นค่า ไม่สนใจ เหมือนติดกับดักโดนรัดอยู่ฝ่ายเดียวแล้วหาทางออกไปไม่ได้
แม้ครานี้วาจาของเธอจะไม่ได้ต่อว่าต่อขานเขาให้เจ็บช้ำน้ำใจเช่นในอดีต
หากแววตาคู่นั้นของเธอมันสื่อสารทุกอย่างออกมาได้อย่างชัดเจนแก่หัวใจเขาเสมอมา
นัยน์ตาชายหนุ่มเอ่อคลอด้วยน้ำใส รู้สึกปวดร้าวอยู่ในส่วนลึกที่ยากจะเจียระไนออกมาให้ใครเข้าใจมันได้
ความทรงจำเก่าก่อนมักหวนมาทำร้ายหัวใจเขาซ้ำๆ
อยากลืม หากกลับลืมไม่ได้เช่นเธอที่ลืมมันจนหมดสิ้น
.......................................................
ณ ห้องหรูในโรงแรม มีการจัดงานนิกะห์เล็กๆ แต่เรียบหรู มีแขกราวสิบกว่าคนมาร่วมพิธี
โดยทั้งหมดเป็นแขกฝั่งเจ้าบ่าว ส่วนฝั่งเจ้าสาวมีเพียงสองคน คือ ตัวเจ้าสาวกับพี่ชายของเจ้าสาว
ซึ่งวลีหรือผู้ปกครองของเจ้าสาวที่ได้รับมอบหมายในพิธีคือ ขุนพล ซึ่งเป็นพี่ชายและเป็นหนึ่งใน
คนสำคัญที่จะขาดไปในพิธีมิได้ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาสู่ห้องพิธีโดยเดินนำหน้าเจ้าสาวที่อยู่ในชุด
เจ้าสาวมุสลิมสีขาวสไตล์เจ้าหญิง มีมงกุฎสวยวางบนฮิญาบสีขาวผืนยาว ใบหน้างามถูกปิด
ด้วยนิกอบหรือผ้าปิดหน้าสีขาว สองมือก็ถูกสวมด้วยถุงมือที่เป็นลูกไม้ตรงขอบมีระบายน่ารัก
ไม่มีอวัยวะส่วนใดเปิดเผยออกมายกเว้นเพียงดวงตาสองคู่เท่านั้น
แม้กระทั่งเนินหน้าผากนวลเนียนก็มีผ้าคาดปิดไว้ก่อนคลุมทับด้วยฮิญาบ
เน้นความเรียบร้อย ปกปิดมิดชิด หากดูหรูหรา สง่างาม ไม่มีเครื่องประดับพวกสร้อยคอหรือสร้อยข้อมือ
มีเพียงมงกุฎแสนสวยที่หัวมงกุฎเป็นรูปหงส์ที่สวยเด่นเป็นสง่าเท่านั้น
ร่างสูงโปร่งระหงสมส่วนประณีตก้าวตามพี่ชาย สองตาทอดมองพื้น ในมือถือช่อดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์
เมื่อถึงยังจุดที่สำหรับทำพิธี ขุนพลจับมือน้องสาวแล้วรั้งร่างของน้องลงนั่งกับพื้นที่มีพรมนุ่มปูรองรับ
หญิงสาวยังคงทอดสายตามองต่ำ ไม่แม้แต่จะมองใครอื่นเลยในสถานที่แห่งนั้น และไม่แม้แต่จะส่งเสียงใดๆ
ออกมา นั่งพับเพียบเรียบร้อย นิ่งสงบในส่วนของตนเองที่มีม่านกั้นไว้ ขุนพลกระซิบบอกน้องสาวว่า
"นั่งตรงนี้คนเดียวได้นะ เดี๋ยวพี่ต้องไปอยู่ร่วมในพิธีตรงนั้นก่อน"
"ได้ค่ะพี่ไนค์ ไอซ์ไม่เป็นไรค่ะ" นั่นคือคำพูดแรกที่หญิงสาวเอ่ยออกมาในเช้าวันนี้
ขุนพลอดรู้สึกเป็นห่วงน้องสาวมิได้ นี่ถ้ามีเพื่อนเจ้าสาวสักคนสองคนมานั่งข้างๆ ด้วยคงจะดีกว่านี้
อุ่นใจกว่านี้ แต่นี่ไม่มีเลย มีเพียงเธอที่นั่งคนเดียวในสถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับเจ้าสาว
โดยมีม่านกั้นรอบอย่างมิดชิด
ครู่ต่อมา เธอก็ถูกถามหลังม่านว่า จะยอมรับการนิกะห์ครั้งนี้หรือไม่ หญิงสาวที่อยู่ภายในม่าน
ตอบรับโดยไม่ลังเลใจ จากนั้นฆินทร์จึงเดินมาหา แหวกม่านเข้าไปยังด้านใน
ซึ่งมีเพียงเธอคนเดียวที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงนั้น ก่อนจะปิดม่านที่แหวกลงมา
วางกล่องแหวนคู่ตรงหน้าเธอ แล้วหยิบแหวนวงเล็กขึ้นมาสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของดุจมณี
แล้วยกมือของเธอขึ้นจุมพิตเบาๆ
ดุจมณีก็รู้งาน หยิบแหวนวงใหญ่ที่คล้ายกันกับของเธอสวมลงบนนิ้วก้อยข้างขวาของเขา
แล้วยกมือของเขาขึ้นจุมพิตเบาๆ ชายหนุ่มวางมือลงบนกระหม่อมของหญิงสาว กล่าวดุอาอ์
หรือบทขอพรต่อพระเจ้าแล้วก้มลงจุมพิตกลางหน้าผากนั่นแผ่วเบา ทว่า ทำเอาหัวใจของทั้งคู่
เต้นระรัวราวกับกลอง ดุจมณีต้องขอบคุณผ้าปิดหน้านี้เหลือเกินที่ช่วยปกปิดความเขินอายของเธอไว้
ไม่ให้ใครได้เห็นหรือล่วงรู้ แต่เพราะร่างที่กำลังสั่น กับมือที่มีเหงื่อซึมเนื่องจากความตื่นเต้น
ที่คุมไม่อยู่ ทำให้มือใหญ่ที่กุมมือเธออยู่ถึงกับระบายยิ้มออกมา ก่อนจะก้มลงชิดตำแหน่งของใบหูเธอ
กระซิบเบาๆ ว่า
"พี่ก็ตื่นเต้นไม่แพ้เธอเลย เมื่อกี้ทำพิธีถึงสามรอบกว่าจะผ่าน" เขาสารภาพพร้อมรอยยิ้มละมุน
ยามเมื่อจับจ้องที่ดวงตาคู่นั้น ซึ่งวันนี้ดูหม่นหมองกว่าทุกครั้ง จนเขาอยากจะเปิดผ้าที่ปิดหน้าไว้
เพื่อที่จะได้มองใบหน้าทั้งหมดนี้ว่ามันซ่อนอารมณ์ความรู้สึกแบบไหนไว้บ้าง
"เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะครับ ต่อไปเธอต้องเชื่อฟังพี่ ภักดีและซื่อสัตย์ต่อพี่คนเดียว"
"ค่ะ" หญิงสาวตอบในขณะที่ดวงตายังคงมองต่ำ จนชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด เชยคางนั่นขึ้นมา
แล้วก้มลงแตะริมฝีปากของตนกับริมฝีปากนั้นทั้งๆ ที่ยังมีผ้านิกอบชิ้นบางที่ใช้ปิดหน้าเธออยู่กั้นไว้
หากนั่นก็เพียงพอให้ดวงตาของดุจมณีเปลี่ยนไป แววตาหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ก่อนจะส่องประกายบางอย่างเมื่อเขาถอนจุมพิตออกมาแล้วมองจ้องเข้าไปในนั้นด้วยความพึงพอใจ
"หวานล้ำ" เขากระซิบแผ่วเบาให้เธอได้ยิน ทำเอาหญิงสาวถึงกับรู้สึกวูบวาบขึ้นมา
แล้วมือใหญ่ก็คว้าข้อมือเธอ ดึงให้ลุกขึ้น ก่อนจะประคองเธอให้เดินออกไปจากตรงนั้น
เดินไปหาขุนพลที่นั่งอยู่ตรงพื้นที่ใช้ทำพิธีไปเมื่อครู่
ดุจมณีเดินไปหาพี่ชาย แล้วทรุดกายลงนั่งตรงเบื้องหน้า
"พี่ยินดีกับไอซ์ด้วยนะ ขอให้ไอซ์มีความสุขความเบิกบาน ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตคู่
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม พี่ก็อยากให้ไอซ์ระลึกไว้เสมอว่า เขาคนนี้คือคู่ชีวิตของไอซ์
ที่ต่อจากนี้ไปเขาก็จะเข้ามาทำหน้าที่ดูแลไอซ์แทนพ่อแทนพี่ แม้พี่จะมั่นใจว่าไม่มีผู้ชายคนใด
บนโลกนี้ที่จะรักไอซ์ได้เท่าพ่อกับพี่แล้วก็ตาม แต่พี่ก็หวังว่าเขาจะรักอย่างจริงใจ
ไม่ทำร้ายไอซ์ ดูแลไอซ์ด้วยความเมตตาเอ็นดูตลอดไป" ดุจมณีกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ปล่อยมันออกมา หากมีผ้านิกอบที่คอยซับไว้ให้จนผ้าเปียก ขุนพลจึงรั้งร่างน้องสาว
เข้ามาสวมกอด
"ถ้าเขารังแกไอซ์ ขอให้บอกพี่ พี่จะรีบมาจัดการเขาทันที
เพราะไอซ์ยังมีพี่ สถานะระหว่างเราสองคนจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น
พี่เกิดมาเพื่อเป็นพี่ชายไอซ์ และมันจะเป็นเช่นนี้ไปตลอด ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง"
ขุนพลยกมือขึ้นซับน้ำตาน้องสาว ก่อนจะหันไปทางฆินทร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกล
"ฝากดูแลน้องสาวฉันด้วย หวังว่านายจะมีมโนธรรมมากพอที่จะไม่ทำร้ายเธอ
และถ้านายไม่พึงพอใจในตัวไอซ์ ไม่ต้องการดูแลเธอแล้วเมื่อไหร่ อย่าทำร้ายเธอ ให้บอกฉัน
แล้วฉันจะมารับเธอกลับบ้านเอง" ฆินทร์หลุบตาต่ำก่อนจะหันไปมองดุจมณีที่ตอนนี้ดูจะกำลังร้องไห้สะอื้น
มีที่ไหนกัน เจ้าสาวร้องไห้ในวันแต่งงาน
"ครอบครัวนายไม่มาร่วมพิธีด้วยหรือ" อดไม่ได้ที่จะถามไถ่ เพราะเท่าที่เห็นก็เป็นบรรดาผู้รู้
ผู้ทรงคุณวุฒิไม่กี่คนเท่านั้น หากแต่ยังไม่เห็นว่าจะมีใครในครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าวจะมาร่วมพิธีดังกล่าวเลย
แม้แต่คีตา เขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงา บิดามารดาของเขาก็เช่นกัน
"พวกเขายังไม่รู้ว่าฉันมาที่นี่เพื่อนิกะห์กับน้องสาวนาย พวกเขากำลังเตรียมงานหมั้นให้ฉัน
กับลูกสาวรัฐมนตรีอยู่ที่ไทย" ดุจมณีถึงกับหันมามองหน้าสามีหมาดๆ ของเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
"อะไรนะ!" ขุนพลตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของอีกฝ่าย
"หมายความว่าไง"
"ก็หมายความว่า ฉันกำลังจะหมั้นหมายกับลูกสาวท่านรัฐมนตรีอดิลันในอีกไม่กี่วัน"
ขาดคำ ดุจมณีก็ลุกขึ้นยืน หมายจะวิ่งออกไปจากที่นี่ ไปให้พ้นจากอะไรแบบนี้
ทว่า เพียงลุกขึ้น โลกของเธอก็หมุนคว้าง เหมือนทุกอย่างกำลังหมุนรอบตัวเธอ
แล้วสติของเธอก็ดับวูบ ขุนพลรีบรับร่างน้องสาวเอาไว้แล้วยกขึ้นอุ้มพาเพื่อออกไปจากโรงแรมในทันที
ร้อนเจ้าบ่าวต้องออกคำสั่งให้ลูกน้องของตนเข้าสกัดขัดขวางไว้ จนขุนพลถึงกับกัดฟันกรอด
จนแล้วจนรอดก็ต้องอุ้มร่างที่หมดสติของน้องสาวไปยังห้องพักในโรงแรมที่ถูกจัดเตรียมไว้
เป็นห้องหอ
"คราวนี้ฉันจะไม่ยอมให้นายชกฉันฟรีๆ อีกแล้วนะไนค์" ร่างของขุนพลถูกลูกน้องของฆินทร์จับตรึงไว้
ทันทีหลังจากที่ได้วางร่างของดุจมณีลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว
"ระยำที่สุด แกจะเลวไปถึงไหนไอ้หมาบ้า แกจะมาทำแบบนี้กับไอซ์ไม่ได้"
"นายมีสิทธิ์เลือกแทนฉันด้วยหรือไนค์ ตอนนี้แม้แต่สิทธิ์ในตัวของน้องสาวนายก็ตกเป็นของฉันแล้ว"
"ฉันจะฆ่าแกไอ้ฆินทร์" ขุนพลดิ้นพล่านเมื่อฆินทร์เดินไปหาดุจมณีและนั่งลงบนเตียง
หากกลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะถูกลูกน้องของอีกฝ่ายจับตรึงเขาเอาไว้
"เอาเขาออกไป แล้วจัดการส่งกลับไทยทันที" ขุนพลถูกลากออกไปจากห้องหอ
พร้อมกับเสียงด่าเสียงสาปแช่ง หากฆินทร์มิได้สะทกสะท้านอันใด
แววตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เหยื่ออันโอชะตรงหน้า หากพอจะดึงผ้าปิดหน้านั่นออก
ดุจมณีก็รู้สึกตัวขึ้นมาเสียก่อน พอรู้ตัวก็รีบลุกหนีเขาไปยืนตรงมุมห้อง
"พี่ไนค์อยู่ไหน" เสียงใสเริ่มสั่นเมื่อหันไปไม่เจอใครนอกจากเขา
"พี่ให้ลูกน้องส่งกลับไทยไปแล้ว ส่วนเราจะอยู่ฮันนีมูนกันที่นี่อีกสองสามวัน"
"คุณต้องการอะไรจากฉัน"
"ไม่เอาไม่พูดแบบนั้นสิครับ มันฟังดูห่างเหิน" เขาย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาว
ดุจมณีที่ไหวตัวทันเลยรีบวิ่งหนีไปอีกทาง เป้าหมายคือ ประตูห้อง ทว่า ไม่ทันถึงประตู
ร่างบางก็ปลิวเพราะถูกจับยกขึ้นแล้วเหวี่ยงกลับไปยังบนเตียง
"อยากรู้หรือครับว่าพี่ต้องการอะไรจากเธอ พี่ก็...." เขาจับข้อมือดุจมณีแล้วตรึงไว้กับเตียง
ก่อนจะก้มกระซิบข้างแก้มนั่น
"ผู้ชายเค้าต้องการอะไรจากผู้หญิงละครับ น้องไอซ์ไม่รู้หรือแกล้งไร้เดียงสากับเรื่องนี้ให้พี่ตายใจ
ว่าน้องไอซ์ยังซิง ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทั้งๆ ที่ใช้ชีวิตได้สิ้นเปลืองมาตลอด"
"อย่านะ ฉันไม่"
"ไม่ปฏิเสธใช่มั้ยครับ" หญิงสาวดิ้นจนลุกหนี แผ่นหลังแนบกับหัวเตียงก็ถูกเขาปิดกั้นทางไป
มือใหญ่ดึงผ้าปิดหน้าของเธอออกไปอย่างไม่แยแส ก่อนจะตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
ปกติดุจมณีก็งามพร้อมสรรพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาบัดนี้ใบหน้านี้ถูกแต่งแต้มสีสันอย่างงดงามลงตัว
ถูกเนรมิตจนกลายเป็นนางฟ้าไปแล้ว และนั่นทำให้อารมณ์ภายในของเขายิ่งคุกรุ่น
"ไม่นะคะ อย่าทำไอซ์เลยนะคะพี่ฆินทร์ขา ไอซ์เหนื่อย ไอซ์หิวข้าว ไอซ์อึดอัด ชุดมันหนักมากๆ
ไอซ์อยากอาบน้ำด้วยค่ะ อย่าเพิ่งทำอะไรไอซ์ตอนนี้เลยนะคะ ไอซ์ไม่มีแรงเลยค่ะ
ไอซ์ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า" เสียงออดอ้อนนั่น ทำเอาเสือที่กำลังจะตะครุบเหยื่อถึงกับชะงัก มึนงง
ไปไม่ถูกขึ้นมา
"อะไรนะครับ"
"พาไอซ์ไปกินข้าวก่อนได้มั้ยคะ ขนมก็ได้ ตอนนี้ไอซ์หิวข้าวมากๆ เลยค่ะ" ฆินทร์ถึงกับงงกับโหมด
ที่ถูกสับเปลี่ยนแบบฉับพลันโดยมีดุจมณีเป็นผู้ควบคุมรีโมท จึงผละออกมาจากหญิงสาว
ยืนเท้าสะโพกมองหญิงสาวที่ฉีกยิ้มแหยๆ มาให้
"ไอซ์ขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ"
"ให้พี่ช่วยถอดชุดให้มั้ย ดูท่าจะถอดยากน่าดู" เมื่อเธอเล่นสับโหมดอย่างว่องไว
แล้วเขาจะชักช้าอยู่ทำไม รีโมทควรตกอยู่ในมือเขาสิ
"น่าจะไม่ลำบากอะไรค่ะ ไอซ์ใส่เข้าไปเอง เอาออกเองได้สบายมากค่ะ พี่ฆินทร์อาบน้ำก่อนเลยค่ะ
เดี๋ยวไอซ์แกะนั่นนี่ก็พอดีพี่ฆินทร์อาบเสร็จ จะได้ไปกินข้าวไวๆ ไงคะ หิวข้าวมากๆ เลยค่ะ"
"แต่พี่อยากช่วยแกะจะได้เสร็จไวๆ"
"มันมีเข็มหลายตัวค่ะ อาจตำนิ้วพี่ฆินทร์เอาได้นะคะ ส่วนไอซ์ ไอซ์รู้ว่าเข็มอยู่ตรงไหนบ้าง
แป๊บเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ พี่ฆินทร์ไปอาบน้ำก่อนได้เลยค่ะ เชิญค่ะ" ว่าแล้วก็ผายมือให้ชายหนุ่ม
ก่อนจะส่งยิ้มสวยๆ ไปให้ ทำเอาคนที่แพ้รอยยิ้มนั่นถึงกับยอมถอนทัพ เดินเข้าห้องน้ำไป
ดุจมณีพ่นลมหายใจออกมา แล้วก็รีบจัดการกับชุดเจ้าสาวของตัวเองทันทีก่อนที่เขาจะออกมาจากห้องน้ำ
เมื่อประตูห้องน้ำถูกเปิดออก หญิงสาวก็อยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำที่พร้อมจะติดปีกบินเข้าห้องน้ำ
ไปในทันทีพอดี นั่นเลยทำให้ฆินทร์ถึงกับหัวเราะชอบใจกับท่าทางหงส์เหินของแม่นางน้อย
ที่ดูจะมีดีกรีความแสบไม่เบา ใช่ เธอน่ะ เป็นยัยตัวแสบ แสบสันอย่างที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้เขาจะเคย
พบเคยเจอมาเลย
"ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะไอซ์"
และพอเธอย่างออกมาจากห้องน้ำ ยืนตรงหน้าประตู เธอก็ส่งยิ้มหวานมาให้เขา นั่นแหละ สัญญาณอันตราย
เขารู้ดีว่านี่มิใช่ยิ้มปกติสักเท่าไหร่นัก
"พี่ฆินทร์ขา ไอซ์เมนมาค่ะ และ...ไอซ์ไม่ได้พกผ้าอนามัยมาด้วยค่ะ" นั่นไง เขาว่าแล้ว
หน้าใสๆ แบบนี้มันเป็นแค่ภาพลวงตา ความแสบสันต่างหากที่เป็นของจริง
"แล้วคือต้องพี่หรือไงที่เป็นฝ่ายจัดหาผ้าอนามัยให้เธอ" ดุจมณีพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มหวาน
"ก็ถ้าไม่ใช่พี่ฆินทร์แล้วจะเป็นใครละคะ ไอซ์น่ะ ไปไหนไม่ได้แล้วล่ะค่ะตอนนี้"
"จริงรึเปล่า เอ่อ ที่ว่าเมนมาน่ะ มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือไงที่มาวันนี้และตอนนี้พอดี"
"จริงค่ะ ไอซ์ไม่โกหกหรอกค่ะ และถ้าช้ากว่านี้ พี่ฆินทร์ก็จะได้เห็นหลักฐานที่ไม่น่ามองนะคะ"
ชายหนุ่มกุมขมับก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เรียกลูกน้องให้ตามพนักงานโรงแรมที่เป็นผู้หญิงให้
สักพัก พนักงานก็เข้ามาในห้องพร้อมของที่จำเป็นสำหรับดุจมณี
"ไอซ์ปวดประจำเดือนด้วยค่ะ ขอนอนนิ่งๆ สักพักนะคะพี่ฆินทร์"
ชายหนุ่มมองใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางใดๆของคนที่แต่งกายในชุดนอนที่ไม่ได้นอนเรียบร้อย
แล้วกระตุกยิ้ม นี่มันใช่เวลานอนซะที่ไหน มันเพิ่งจะแค่ช่วงบ่ายด้วยซ้ำ
"ไหนบอกว่าหิวข้าวไง"
"ก็หิวค่ะ แต่เดินไม่ไหว ก้าวขาไม่ไหวแล้วค่ะ ปวดมากๆ เลย" ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ
กับเสียงสองเสียงสามที่ดุจมณีใช้ออดอ้อนออเซาะเขา
"เธอมันร้ายกาจที่สุดเลยนะไอซ์"
"ทำไมมาว่าไอซ์อย่างนั้นละคะ ไอซ์แค่มีเมน พี่ฆินทร์ถึงกับโกรธไอซ์เลยหรือคะ"
"หยุดพูดเสียงสองเสียงสามซะที และก็เลิกทำหน้าแบ๊วๆ เหมือนเด็กสาวมัธยมนั่นด้วย"
"พี่ฆินทร์ไม่ชอบหรือคะ" หญิงสาวเดินเข้ามาหาเขา และแกล้งแหย่เขาเล่น
"ไม่ชอบ"
"แน่นะคะ"
"แน่ และออกไปห่างๆ ด้วย" เขารีบบอกให้อีกฝ่ายออกห่างเมื่อดุจมณีเดินมาใกล้เขาในสภาพที่เขาจะตกเป็นรองในเกมนี้
"ทีเมื่อกี้แทบอยากจะตะครุบไอซ์ซะให้ได้ ทำไมตอนนี้ถึงไล่ไอซ์กันแบบนี้ละคะ"
ยัง ยังไม่เลิกใช้เสียงสองเสียงสามกับเขาอีก
"พี่ฆินทร์สั่งข้าวให้ไอซ์หน่อยสิคะ ขอข้าวผัดรวมมิตร กับ ชาอุ่นๆ และก็สตรอว์เบอร์รีค่ะ"
ชายหนุ่มมองคนที่ตัวเล็กกว่ามากแล้วได้แต่ส่ายหน้าไหวๆ
"ได้ เอาสลัดเพิ่มด้วยมั้ย สลัดของที่นี่อร่อยนะ"
"เอาค่ะ ตอนนี้พี่ฆินทร์สั่งไรมาไอซ์ก็กินได้หมดค่ะ" รอยยิ้มหวานๆ นั่นอีก
เมื่อไหร่จะหยุดแจกเรี่ยราด
"ช่วยประหยัดยิ้มด้วยครับ" คนที่กำลังยิ้มถึงกับทำปากจู๋เมื่อถูกสั่งให้หุบยิ้ม
และนั่นทำเอาชายหนุ่มถึงกับหลุดขำออกมาแล้วค่อยกลับไปทำหน้าขึงขังอย่างไว
"แค่ยิ้มให้ก็ผิด รู้งี้ทำหน้าบึ้งให้ดูทั้งวันซะก็ดี" หญิงสาวแบะปากใส่เขาก่อนจะเชิดใส่
แล้วยกแขนสองข้างขึ้นทำท่ายืดโยกไปโยกมา
"เมื่อยจังเลยค่ะ ขอไปยืดเส้นต่อบนเตียงนะคะ" ว่าแล้วก็เดินนวยนาดราวกับจะยั่วเขา
ไปยังเตียงนอน ก่อนจะนอนลงในชุดนอนเสื้อยืดคอกลมแขนสั้น เนื้อผ้าก็บางเบา กับกางเกงผ้าฝ้ายขาสั้น
และไม่ได้สั้นธรรมดา แต่สั้นมากๆ สั้นจนเขาต้องหันหน้าหนี
ผมเผ้าก็ไม่ยอมหวี เดินหัวยุ่งๆ ผมเปียกหมาดๆ ทั้งอย่างนั้นได้ยังไง
ทำไมไม่ดูแลตัวเองให้เรียบร้อยกว่านี้
"เดี๋ยว นั่นจะนอนทั้งสภาพอย่างนี้หรือ"
"ไม่ไหวจะทำสวยให้พี่ฆินทร์มองตาละห้อยแล้วค่ะ ชุดเจ้าสาวของพี่ฆินทร์น่ะ หนักจะตาย
เหมือนเดินแบกข้าวสารสิบกิโลเลย ไอซ์เพลียค่ะ"
"ใครจะไปรู้ล่ะ พี่เคยใส่ซะที่ไหน เห็นสวยและดูเหมาะกับเธอ"
"ไอซ์ก็ไม่เคยใส่เหมือนพี่ฆินทร์แหละค่ะ เพิ่งจะได้ใส่วันนี้ครั้งแรกเลย
และเข็ดมากค่ะ เข็ดไปอีกนานเลย แต่งคราวหน้าไม่เอาแล้วนะคะชุดแนวนี้"
ชายหนุ่มถึงกับลอบขันกับประโยคนั้นของหญิงสาวที่ตอนนี้ดึงผ้าห่มขึ้นปิดคอตัวเองไปแล้ว
ค่อยโล่งใจหน่อย ไม่ค่อยอยากหันสายตาไปเจอขาเรียวๆ เนียนๆ ขาวๆ นั่นเท่าไหร่ ใจมันกวัดแกว่ง
"อยากแต่งกับพี่ซ้ำอีกหรือไง"
"ก็ถ้ามีชุดสวยๆ ที่ไม่ใช่แนวหนักๆ อย่างวันนี้ ไอซ์ก็ไม่ติดนะคะ แต่งกับพี่ฆินทร์อีกกี่รอบก็ได้
ขอแค่ชุดเบาๆ หน่อย ไม่อยากเพลียแบบวันนี้อีกแล้วค่ะ ไอซ์น่ะเคยเล็งๆ ชุดเจ้าสาวเอาไว้
ตอนไปเดินซื้อของกับพี่ปองด้วยนะคะ แต่คนละแนวกับชุดวันนี้เลย แต่ไม่เป็นไรค่ะ
ชุดวันนี้ก็สวยสง่า ทำเอาพี่ฆินทร์มองแล้วมองอีก ไม่มองหญิงใดเลย เพราะไม่มีหญิงใด
ให้มองเลยนอกจากไอซ์ ฮ่าๆๆๆ" พูดพลางก็ขำไปพลางราวกับจะจิกกัดอีกคนไปด้วย
"เคยมีคนบอกเธอมั้ยไอซ์ว่าเธอน่ะรั่วมากๆ"
"เคยค่ะ พี่ไนค์ไงคะ พี่ไนค์อ่ะบอกว่าไอซ์น่ะทั้งหลุดทั้งรั่ว ไม่รู้จะมีใครซ่อมให้ได้บ้าง"
"พี่ไม่ใช่ช่างซ่อมด้วยสิ"
"งั้นก็ปล่อยให้รั่วไปแบบนี้ก็ดีค่ะ เพราะไอซ์ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร"
"แต่พี่เดือดร้อน"
"ใครเดือดร้อนก็หาทางซ่อมสิคะ"
"ก็ทำไมไม่ซ่อมตัวเองบ้าง"
"ไม่เอาแล้วดีกว่า พูดไปก็ไม่หายง่วงไม่หายเพลีย ไอซ์ขอนอนก่อนนะคะ
เดี๋ยวพอของกินมาเสิร์ฟ พี่ฆินทร์ช่วยปลุกไอซ์ด้วยนะคะ ยังไงๆ ไอซ์ก็จะลุกมากินค่ะ
เพราะเรื่องกินใหญ่กว่าเรื่องนอนค่ะ" ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้า
ขณะมองดุจมณีที่ตอนนี้หลับตาพริ้มไปแล้ว นี่เขาได้ภรรยามาคอยดูแลเขาหรือได้เด็กมาดูแลกันแน่เนี่ย
....................โปรดติดตามตอนต่อไป..............................
ขุนพลก็จบทริปท่องเที่ยวในวันนี้ ณ ร้านอาหารหรูที่มีความเป็นส่วนตัวสูง
ซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายระหว่างเขากับ ส.ส.ฆินทร์
"ทำไมร้านหรูจังเลยละคะ ไอซ์ว่าเราไปหาร้านธรรมดาๆ ดีมั้ยคะ" ก่อนจะกระซิบข้างหูพี่ชายว่า
"แพงแน่เลย ไอซ์ไม่อยากกินของแพงหรอกค่ะ" ขุนพลรั้งแขนน้องสาวมาควงไว้ก่อนกระซิบบอกว่า
"ใครว่าพี่เป็นเจ้ามือเล่า"
"แล้วใครเป็นเจ้ามือละคะ" ขุนพลไม่ตอบ แต่ควงแขนน้องสาวไปยังห้องอาหารด้านในสุด
ตรงมุมที่ดีสุด ลับสุด เมื่อประตูถูกเปิดออก ร่างบางระหงที่ยืนข้างกายพี่ชายก็ถึงกับตะลึง
ไปกับบรรยากาศภายในนั้น ที่ทั้งหรูหรา สวยงาม การตกแต่งน่ารักจนทำให้รอยยิ้มของหญิงสาว
แย้มออกมาราวกับดอกไม้ที่เบิกบานยามต้อนรับแสงตะวัน ก่อนจะหน้าหุบฉับลงฉับพลัน
เมื่อหันไปเห็นผู้ที่นั่งอยู่ในนั้นอยู่ก่อนแล้ว และจ้องมองมาที่เธอด้วยแววตาเป็นประกาย
ฉุดให้หญิงสาวรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมา
"เชิญนั่งสิครับ" ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำตาลเข้ม แบบกระดุม 2 แถว ยืนขึ้นพร้อมผายมืออย่างสุภาพชน
ดุจมณีอดไม่ได้ที่จะลอบมองใบหน้าใสอมชมพูของเขาที่บ่งบอกว่าผ่านการดูแลตัวเองมาอย่างดี
และมีสุขภาพ แข็งแรง ยามที่เขาไม่ยิ้มเขาก็ดูเท่แบบขรึมๆ เช่นยามนี้ ที่สีหน้าท่าทางของเขา
ดูขึงขัง เคร่งขรึมจนทำให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อทั้งหมดนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
โดยที่ดุจมณีนั่งข้างๆ พี่ชายที่บัดนี้ เงียบและนิ่งไปเหมือนเป็นคนละคนกับคนที่พาเธอเที่ยวสนุก
มาทั้งวัน
"เอ่อ นี่เค้กค่ะ ที่ไอซ์สัญญาว่าจะให้พี่ฆินทร์ได้ชิมเป็นคนแรกๆ ก็น่าจะยังเป็นคนแรกๆ อยู่นะคะ
เพราะนอกจากพี่กีสกับพี่ไนค์ที่อยู่ร่วมบ้านกับไอซ์แล้ว ก็พี่ฆินทร์ค่ะที่ได้ชิม ไม่คิดว่าจะได้เจอ
พี่ฆินทร์ที่นี่ โชคดีมากๆ ที่พี่กีสให้ไอซ์เอาเค้กติดมือมาด้วยค่ะ และพี่ไนค์ก็กำชับอีกรอบว่า
ให้เอามาด้วยอีกทีนึง" ดุจมณีพูดยาวๆ เพื่อหวังทำลายบรรยากาศอันอึมครึมที่หาสาเหตุไม่ได้
ชายหนุ่มยื่นมือมารับเค้กจากหญิงสาวโดยปราศจากรอยยิ้มเช่นเคย
"ขอบคุณครับ" แล้วเขาก็วางเค้กนั้นลงอย่างไม่แยแส ทำเอาคนที่พยายามทำเค้กสุดฝีมือ
ถึงกับหน้าหม่นลงทันที
"นายไม่ได้บอกน้องสาวเลยหรือว่านายพาเค้ามาที่นี่ทำไม"
"เข้าเรื่องเถอะ" ขุนพลตัดบท
"ฉันคิดว่านายกำลังผลักภาระให้ฉันเป็นคนอธิบายทุกอย่างให้น้องสาวนายอยู่นะ"
"นายเป็นคนก่อ นายก็จัดการเอาเองสิ" ขุนพลเหลือทนกับคนตรงหน้า
"ถ้านายไม่ติดอะไร พรุ่งนี้ฉันจะจัดพิธีนิกะห์ซะที่นี่เลย เรียบง่ายดี"
"ทำไมถึงไม่จัดที่เมืองไทย"
"มันวุ่นวาย ฉันไม่อยากให้มันเป็นข่าว" ก่อนจะชำเลืองสายตาไปทางดุจมณีเพียงนิด
"และฉันจัดการเตรียมชุดในพิธีให้เรียบร้อยหมดแล้วด้วย หวังว่าน้องสาวนายคงไม่ว่าอะไร
ถ้าฉันจะให้เขาสวมใส่นิกอบปิดหน้าไว้ด้วย ฉันไม่ต้องการให้เธอเป็นที่รู้จักของใครๆ"
"แล้วน้องชายฉันล่ะ"
"เมื่อน้องสาวนายเป็นภรรยาฉันโดยสมบูรณ์แล้ว ฉันจะปล่อยน้องชายนายให้เป็นอิสระ
แต่ตอนนี้ เวลานี้ ฉันยังไม่ไว้วางใจพอจะปล่อยเขาไปหรอกนะ" ว่าแล้วก็ยกมือถือ
ก่อนจะโทรวิดีโอคอลไปยังลูกน้อง เมื่อปลายสายถูกตอบรับ ภาพวิดีโอเคลื่อนไหว
จากอีกดินแดนก็ปรากฏขึ้น เป็นภาพของขุนศึก ซึ่งเป็นน้องชายต่างมารดากับขุนพล
ที่กำลังถูกมัดมือมัดเท้า และปิดปากเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง ขุนพลมองภาพน้องชาย
แล้วได้แต่กัดกรามกำหมัดแน่น แววตานิ่งเรียบสนิท
"ฉันน่ะไม่ได้อยากใช้วิธีนี้หรอกนะ แต่มันช่วยไม่ได้ น้องสาวนายเสน่ห์แรงเกินไป"
อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองดวงหน้าใส ที่งดงามไร้ที่ติ ซึ่งตอนนี้กำลังมองเขาด้วยแววตาสับสน
ปนน้ำตาที่เอ่อคลอ หากริมฝีปากเรียวสวยอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อนั่นกลับไม่ขยับแม้แต่นิด
"เลวระยำ" ขุนพลสบถคำหยาบออกมา หากคนฟังหาได้สะเทือนไม่ เขาทำสัญญาณเรียกลูกน้อง
ให้เข้ามาพร้อมกระเป๋าเอกสารที่ถูกวางลงบนโต๊ะ
"สิบล้านสำหรับนาย" ลูกน้องของเขาจัดการเปิดกระเป๋าให้ขุนพลได้เห็นจำนวนเงินสด
ที่อัดแน่นในกระเป๋านั่น และโดยไม่ต้องมอง ขุนพลใช้มือผลักกระเป๋านั่นจนกระเด็นตกลงพื้น
ด้วยแววตาวาวโรจน์ ก่อนจะกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วกำแน่น
"น้องสาวฉันไม่ได้มีไว้ขาย" คนสนิทของ ส.ส.หนุ่มพุ่งเข้ามาหมายจะช่วยเจ้านาย
ทว่าฆินทร์ยกมือห้ามไว้ แล้วใช้ให้ลูกน้องออกไปข้างนอกให้หมด
"อย่าหยิ่งนักเลยไนค์ นายเองก็จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ทำไมถึงไม่รับไว้
ฉันก็แค่อยากจะให้เท่านั้น ไม่ได้จะซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าอะไรอย่างที่นายคิด"
กำปั้นหนักๆ ซัดลงบนใบหน้าหล่อใสไร้ตำหนิอย่างจัง จนอีกฝ่ายถึงกับเลือดกบปาก
ฆินทร์จึงซัดกำปั้นของตนกลับไปบ้าง ดุจมณีร้องห้ามทั้งสองที่กำลังแลกหมัดกันไปมา
ก่อนจะเข้าไปขัดขวาง ใช้ร่างกายตนบังพี่ชายไว้ด้วยน้ำตาอาบแก้ม
เสียงสะอื้นเบาๆ นั่นทำให้ฆินทร์หยุดและเบี่ยงหน้าไปอีกทาง
"อย่าทำอะไรพี่ไนค์เลยนะคะ ไอซ์ยอมพี่ฆินทร์ทุกอย่าง ขอแค่อย่าทำอะไรพี่ชายทั้งสองคน
ของไอซ์เท่านั้น" ริมฝีปากสวยอ้อนวอนอีกฝ่ายทั้งน้ำตาก่อนจะหันไปทางพี่ชาย
เช็ดคราบเลือดที่มุมปากให้ เธอรู้ รู้ว่าเธอกับพี่ชายมีสถานะที่ตกเป็นรอง และคนที่ตกที่นั่งอย่างเธอ
แค่ยังมีตัวเลือกที่ไม่ได้น่ารังเกียจเลยแบบนี้ก็นับว่าเป็นทางออกที่ดีที่ไม่ได้โชคร้ายอะไรเลย
เพราะชายหนุ่มคนนี้ภาพโดยรวมแล้วคือ เป็นคนที่เข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์เลยทีเดียว
"เจ็บมั้ยคะ" ขุนพลหันหน้าไปทางกำแพงห้อง ทุบกำแพงนั่นก่อนจะกุมขมับ
ส่วนอีกฝ่ายไม่ใช่แค่เลือดกบปาก แต่ถึงกับใบหน้าช้ำเลือด หันมาประกาศเสียงกร้าวว่า
"พรุ่งนี้พิธีจะเริ่มตอนเก้าโมงเช้า แล้วฉันจะให้คนไปรับน้องสาวนายที่โรงแรม"
พูดจบร่างสูงก็ก้าวอาดๆ ออกไปจากห้อง สั่งความลูกน้องเสร็จสรรพก็หายไปจากร้านอาหารหรูทันที
ทิ้งให้สองพี่น้องนั่งกอดกันบนพื้นห้อง เสียงร้องไห้ของดุจมณีกรีดหัวใจขุนพลยิ่งนัก
"ไอซ์โอเคค่ะพี่ไนค์ พี่ไนค์ไม่ต้องกังวลนะคะ ไอซ์จะจัดการคนอย่างเขาให้เองค่ะ
พี่ไนค์วางใจไอซ์ เชื่อใจไอซ์นะคะ" แววตาดุจมณีแกร่งกล้าจนขุนพลถึงกับตกใจ
เพราะนานมากแล้วที่เขาไม่เห็นแววตาแบบนี้จากน้องสาว
"ตอนนี้ไอซ์แค่จำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ไอซ์ไม่ได้โง่ที่จะไม่เข้าใจอะไรนะคะ"
ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบกล่องเค้กที่ถูกละเลยและถูกทอดทิ้ง จากนั้นก็กวาดเงินที่กระจัดกระจาย
กลับเข้าไปในกระเป๋า ปิดกระเป๋าลง แล้วยกมันขึ้นมาถือเอาไว้
"เรากลับโรงแรมกันเถอะค่ะ ไอซ์จะไม่ยอมให้เขาทำลายเกียรติพี่ไนค์ได้อย่างแน่นอน
ไอซ์จะแต่งงานกับเขา ไอซ์โอเคค่ะพี่ไนค์" เสียงที่เด็ดขาดเช่นนั้นทำเอาขุนพลถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง
"แต่พี่...."
"ไม่มีแต่ค่ะ ความปลอดภัยของพี่ไลค์สำคัญมาก พ่ออยากเจอพี่ไลค์
ไอซ์รู้ว่าพ่อรอที่จะเจอพี่ไลค์มาตลอด พี่ไลค์จะตายไม่ได้
และการแต่งงานครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยค่ะ
ไอซ์แต่งได้ พี่ไนค์อย่าคิดมากเลยนะคะ ไอซไม่ได้อยากใช้ชีวิตให้มันยุ่งยากค่ะ
และไอซ์จะทำให้มันง่ายที่สุดให้พี่ไนค์เห็นว่าไอซ์สามารถมีชีวิตได้ไม่ยากเย็นค่ะ
พี่ไนค์จะได้สบายใจเกี่ยวกับไอซ์ และจะได้มีเวลาให้ตัวเองมากกว่านี้ ไอซ์อยากเห็นพี่ไนค์
มีเวลาดูแลตัวเองมากกว่านี้ มีเวลาดูแลพี่กีสและลูก ไอซ์อยากเห็นพี่ไนค์มีเวลาให้พี่กีสและลูกค่ะ
ไอซ์เป็นน้องสาวพี่ไนค์ก็จริงอยู่ แต่พี่ไนค์ก็คือ พี่ชายของไอซ์ ไอซ์ก็อยากเห็นชีวิตพี่ไนค์
มีความสุข เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป และไอซ์ก็จะพยายามเพื่อพัฒนาตัวไอซ์เองด้วยค่ะ
เขาไม่ได้เลวร้ายขนาดที่เราต้องกังวลไปก่อนขนาดนั้นค่ะ ตอนนี้ให้เขาได้อยู่ในตำแหน่งผู้ชนะเถอะค่ะ ไอซ์มั่นใจว่า ไอซ์จะชนะใจเขาได้ค่ะ ถึงตอนนั้นพี่ไนค์กับพี่กีสก็จะได้เลิกกังวลเกี่ยวกับไอซ์สักทีไงคะ"
ขุนพลรั้งร่างน้องสาวเข้ามาสวมกอดอีกครั้งด้วยหัวใจที่ปวดร้าวระคนดีใจอยู่ลึกๆ ที่ได้ยิน
ความในใจของน้องสาวที่เขาไม่คิดว่าเธอจะคิดและรู้สึกเช่นนี้ และนั่นทำให้เขามองดุจมณีผิดไปมาก
เธอเก็บซ่อนความน่ารักเช่นนี้ไว้ภายใต้เกราะอันแข็งกระด้างมาตลอด เมื่อเกราะนั่นพังลง
เขาจึงได้เห็นเนื้อแท้นี้ของน้องสาว
..................................................
ณ เซฟเฮาส์
ฆินทร์กำลังมองตัวเองในกระจก แล้วจัดการทำแผลให้ตนเองไปด้วยก็ครุ่นคิดไปถึงใบหน้างาม
ที่ติดตราตรึงใจเขามาตลอด รอยยิ้มสดใส น้ำเสียงที่อ่อนหวานน่าฟัง
แววตาของเธอยามที่ทอดมองเขา น้ำตาที่เอ่อคลอนั่น ทำให้เขาอ่อนแอลงทุกครั้งที่ต้องเผชิญ
ขนาดพี่ชายเธอทำร้ายเขา ชกเขาตั้งหลายหมัด เขาชกพี่ชายเธอกลับไปแค่ไม่กี่หมัด
เธอก็ทำราวกับว่าเขาคือ ตัวร้ายที่เอาแต่ทำร้ายพี่ชายของเธอ
ไม่ว่ากี่ปีผ่านไป อะไรๆ จะเปลี่ยนไป เขาก็ยังคงเป็นตัวร้ายในสายตาเธอไม่เคยเปลี่ยน
เขามีอะไรที่บกพร่องนักหรือ จนบัดนี้ก็ยังไม่ดีพอในสายตาเธออีกหรือ
สายตาที่เธอมองคนอื่นมีแต่แววชื่นชม ประทับใจ แม้แต่คนที่เธอเพิ่งนัดเจอดูตัว
เธอก็มองชายคนนั้นราวกับยกย่องสรรเสริญ แต่สายตาที่เธอมองเขาก่อนหน้านี้
มันไม่ได้แตกต่างไปจากตัวร้ายที่กำลังบุกทำลายล้างโลก ไม่เคยเลยที่จะได้เป็นพระเอก
หรือฮีโร่สำหรับเธอ ไม่เคยเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะทุ่มเทกายและใจลงไปสักแค่ไหน
เธอก็ไม่เคยเห็นค่า ไม่สนใจ เหมือนติดกับดักโดนรัดอยู่ฝ่ายเดียวแล้วหาทางออกไปไม่ได้
แม้ครานี้วาจาของเธอจะไม่ได้ต่อว่าต่อขานเขาให้เจ็บช้ำน้ำใจเช่นในอดีต
หากแววตาคู่นั้นของเธอมันสื่อสารทุกอย่างออกมาได้อย่างชัดเจนแก่หัวใจเขาเสมอมา
นัยน์ตาชายหนุ่มเอ่อคลอด้วยน้ำใส รู้สึกปวดร้าวอยู่ในส่วนลึกที่ยากจะเจียระไนออกมาให้ใครเข้าใจมันได้
ความทรงจำเก่าก่อนมักหวนมาทำร้ายหัวใจเขาซ้ำๆ
อยากลืม หากกลับลืมไม่ได้เช่นเธอที่ลืมมันจนหมดสิ้น
.......................................................
ณ ห้องหรูในโรงแรม มีการจัดงานนิกะห์เล็กๆ แต่เรียบหรู มีแขกราวสิบกว่าคนมาร่วมพิธี
โดยทั้งหมดเป็นแขกฝั่งเจ้าบ่าว ส่วนฝั่งเจ้าสาวมีเพียงสองคน คือ ตัวเจ้าสาวกับพี่ชายของเจ้าสาว
ซึ่งวลีหรือผู้ปกครองของเจ้าสาวที่ได้รับมอบหมายในพิธีคือ ขุนพล ซึ่งเป็นพี่ชายและเป็นหนึ่งใน
คนสำคัญที่จะขาดไปในพิธีมิได้ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาสู่ห้องพิธีโดยเดินนำหน้าเจ้าสาวที่อยู่ในชุด
เจ้าสาวมุสลิมสีขาวสไตล์เจ้าหญิง มีมงกุฎสวยวางบนฮิญาบสีขาวผืนยาว ใบหน้างามถูกปิด
ด้วยนิกอบหรือผ้าปิดหน้าสีขาว สองมือก็ถูกสวมด้วยถุงมือที่เป็นลูกไม้ตรงขอบมีระบายน่ารัก
ไม่มีอวัยวะส่วนใดเปิดเผยออกมายกเว้นเพียงดวงตาสองคู่เท่านั้น
แม้กระทั่งเนินหน้าผากนวลเนียนก็มีผ้าคาดปิดไว้ก่อนคลุมทับด้วยฮิญาบ
เน้นความเรียบร้อย ปกปิดมิดชิด หากดูหรูหรา สง่างาม ไม่มีเครื่องประดับพวกสร้อยคอหรือสร้อยข้อมือ
มีเพียงมงกุฎแสนสวยที่หัวมงกุฎเป็นรูปหงส์ที่สวยเด่นเป็นสง่าเท่านั้น
ร่างสูงโปร่งระหงสมส่วนประณีตก้าวตามพี่ชาย สองตาทอดมองพื้น ในมือถือช่อดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์
เมื่อถึงยังจุดที่สำหรับทำพิธี ขุนพลจับมือน้องสาวแล้วรั้งร่างของน้องลงนั่งกับพื้นที่มีพรมนุ่มปูรองรับ
หญิงสาวยังคงทอดสายตามองต่ำ ไม่แม้แต่จะมองใครอื่นเลยในสถานที่แห่งนั้น และไม่แม้แต่จะส่งเสียงใดๆ
ออกมา นั่งพับเพียบเรียบร้อย นิ่งสงบในส่วนของตนเองที่มีม่านกั้นไว้ ขุนพลกระซิบบอกน้องสาวว่า
"นั่งตรงนี้คนเดียวได้นะ เดี๋ยวพี่ต้องไปอยู่ร่วมในพิธีตรงนั้นก่อน"
"ได้ค่ะพี่ไนค์ ไอซ์ไม่เป็นไรค่ะ" นั่นคือคำพูดแรกที่หญิงสาวเอ่ยออกมาในเช้าวันนี้
ขุนพลอดรู้สึกเป็นห่วงน้องสาวมิได้ นี่ถ้ามีเพื่อนเจ้าสาวสักคนสองคนมานั่งข้างๆ ด้วยคงจะดีกว่านี้
อุ่นใจกว่านี้ แต่นี่ไม่มีเลย มีเพียงเธอที่นั่งคนเดียวในสถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับเจ้าสาว
โดยมีม่านกั้นรอบอย่างมิดชิด
ครู่ต่อมา เธอก็ถูกถามหลังม่านว่า จะยอมรับการนิกะห์ครั้งนี้หรือไม่ หญิงสาวที่อยู่ภายในม่าน
ตอบรับโดยไม่ลังเลใจ จากนั้นฆินทร์จึงเดินมาหา แหวกม่านเข้าไปยังด้านใน
ซึ่งมีเพียงเธอคนเดียวที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงนั้น ก่อนจะปิดม่านที่แหวกลงมา
วางกล่องแหวนคู่ตรงหน้าเธอ แล้วหยิบแหวนวงเล็กขึ้นมาสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของดุจมณี
แล้วยกมือของเธอขึ้นจุมพิตเบาๆ
ดุจมณีก็รู้งาน หยิบแหวนวงใหญ่ที่คล้ายกันกับของเธอสวมลงบนนิ้วก้อยข้างขวาของเขา
แล้วยกมือของเขาขึ้นจุมพิตเบาๆ ชายหนุ่มวางมือลงบนกระหม่อมของหญิงสาว กล่าวดุอาอ์
หรือบทขอพรต่อพระเจ้าแล้วก้มลงจุมพิตกลางหน้าผากนั่นแผ่วเบา ทว่า ทำเอาหัวใจของทั้งคู่
เต้นระรัวราวกับกลอง ดุจมณีต้องขอบคุณผ้าปิดหน้านี้เหลือเกินที่ช่วยปกปิดความเขินอายของเธอไว้
ไม่ให้ใครได้เห็นหรือล่วงรู้ แต่เพราะร่างที่กำลังสั่น กับมือที่มีเหงื่อซึมเนื่องจากความตื่นเต้น
ที่คุมไม่อยู่ ทำให้มือใหญ่ที่กุมมือเธออยู่ถึงกับระบายยิ้มออกมา ก่อนจะก้มลงชิดตำแหน่งของใบหูเธอ
กระซิบเบาๆ ว่า
"พี่ก็ตื่นเต้นไม่แพ้เธอเลย เมื่อกี้ทำพิธีถึงสามรอบกว่าจะผ่าน" เขาสารภาพพร้อมรอยยิ้มละมุน
ยามเมื่อจับจ้องที่ดวงตาคู่นั้น ซึ่งวันนี้ดูหม่นหมองกว่าทุกครั้ง จนเขาอยากจะเปิดผ้าที่ปิดหน้าไว้
เพื่อที่จะได้มองใบหน้าทั้งหมดนี้ว่ามันซ่อนอารมณ์ความรู้สึกแบบไหนไว้บ้าง
"เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะครับ ต่อไปเธอต้องเชื่อฟังพี่ ภักดีและซื่อสัตย์ต่อพี่คนเดียว"
"ค่ะ" หญิงสาวตอบในขณะที่ดวงตายังคงมองต่ำ จนชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด เชยคางนั่นขึ้นมา
แล้วก้มลงแตะริมฝีปากของตนกับริมฝีปากนั้นทั้งๆ ที่ยังมีผ้านิกอบชิ้นบางที่ใช้ปิดหน้าเธออยู่กั้นไว้
หากนั่นก็เพียงพอให้ดวงตาของดุจมณีเปลี่ยนไป แววตาหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ก่อนจะส่องประกายบางอย่างเมื่อเขาถอนจุมพิตออกมาแล้วมองจ้องเข้าไปในนั้นด้วยความพึงพอใจ
"หวานล้ำ" เขากระซิบแผ่วเบาให้เธอได้ยิน ทำเอาหญิงสาวถึงกับรู้สึกวูบวาบขึ้นมา
แล้วมือใหญ่ก็คว้าข้อมือเธอ ดึงให้ลุกขึ้น ก่อนจะประคองเธอให้เดินออกไปจากตรงนั้น
เดินไปหาขุนพลที่นั่งอยู่ตรงพื้นที่ใช้ทำพิธีไปเมื่อครู่
ดุจมณีเดินไปหาพี่ชาย แล้วทรุดกายลงนั่งตรงเบื้องหน้า
"พี่ยินดีกับไอซ์ด้วยนะ ขอให้ไอซ์มีความสุขความเบิกบาน ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตคู่
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม พี่ก็อยากให้ไอซ์ระลึกไว้เสมอว่า เขาคนนี้คือคู่ชีวิตของไอซ์
ที่ต่อจากนี้ไปเขาก็จะเข้ามาทำหน้าที่ดูแลไอซ์แทนพ่อแทนพี่ แม้พี่จะมั่นใจว่าไม่มีผู้ชายคนใด
บนโลกนี้ที่จะรักไอซ์ได้เท่าพ่อกับพี่แล้วก็ตาม แต่พี่ก็หวังว่าเขาจะรักอย่างจริงใจ
ไม่ทำร้ายไอซ์ ดูแลไอซ์ด้วยความเมตตาเอ็นดูตลอดไป" ดุจมณีกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ปล่อยมันออกมา หากมีผ้านิกอบที่คอยซับไว้ให้จนผ้าเปียก ขุนพลจึงรั้งร่างน้องสาว
เข้ามาสวมกอด
"ถ้าเขารังแกไอซ์ ขอให้บอกพี่ พี่จะรีบมาจัดการเขาทันที
เพราะไอซ์ยังมีพี่ สถานะระหว่างเราสองคนจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น
พี่เกิดมาเพื่อเป็นพี่ชายไอซ์ และมันจะเป็นเช่นนี้ไปตลอด ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง"
ขุนพลยกมือขึ้นซับน้ำตาน้องสาว ก่อนจะหันไปทางฆินทร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกล
"ฝากดูแลน้องสาวฉันด้วย หวังว่านายจะมีมโนธรรมมากพอที่จะไม่ทำร้ายเธอ
และถ้านายไม่พึงพอใจในตัวไอซ์ ไม่ต้องการดูแลเธอแล้วเมื่อไหร่ อย่าทำร้ายเธอ ให้บอกฉัน
แล้วฉันจะมารับเธอกลับบ้านเอง" ฆินทร์หลุบตาต่ำก่อนจะหันไปมองดุจมณีที่ตอนนี้ดูจะกำลังร้องไห้สะอื้น
มีที่ไหนกัน เจ้าสาวร้องไห้ในวันแต่งงาน
"ครอบครัวนายไม่มาร่วมพิธีด้วยหรือ" อดไม่ได้ที่จะถามไถ่ เพราะเท่าที่เห็นก็เป็นบรรดาผู้รู้
ผู้ทรงคุณวุฒิไม่กี่คนเท่านั้น หากแต่ยังไม่เห็นว่าจะมีใครในครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าวจะมาร่วมพิธีดังกล่าวเลย
แม้แต่คีตา เขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงา บิดามารดาของเขาก็เช่นกัน
"พวกเขายังไม่รู้ว่าฉันมาที่นี่เพื่อนิกะห์กับน้องสาวนาย พวกเขากำลังเตรียมงานหมั้นให้ฉัน
กับลูกสาวรัฐมนตรีอยู่ที่ไทย" ดุจมณีถึงกับหันมามองหน้าสามีหมาดๆ ของเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
"อะไรนะ!" ขุนพลตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของอีกฝ่าย
"หมายความว่าไง"
"ก็หมายความว่า ฉันกำลังจะหมั้นหมายกับลูกสาวท่านรัฐมนตรีอดิลันในอีกไม่กี่วัน"
ขาดคำ ดุจมณีก็ลุกขึ้นยืน หมายจะวิ่งออกไปจากที่นี่ ไปให้พ้นจากอะไรแบบนี้
ทว่า เพียงลุกขึ้น โลกของเธอก็หมุนคว้าง เหมือนทุกอย่างกำลังหมุนรอบตัวเธอ
แล้วสติของเธอก็ดับวูบ ขุนพลรีบรับร่างน้องสาวเอาไว้แล้วยกขึ้นอุ้มพาเพื่อออกไปจากโรงแรมในทันที
ร้อนเจ้าบ่าวต้องออกคำสั่งให้ลูกน้องของตนเข้าสกัดขัดขวางไว้ จนขุนพลถึงกับกัดฟันกรอด
จนแล้วจนรอดก็ต้องอุ้มร่างที่หมดสติของน้องสาวไปยังห้องพักในโรงแรมที่ถูกจัดเตรียมไว้
เป็นห้องหอ
"คราวนี้ฉันจะไม่ยอมให้นายชกฉันฟรีๆ อีกแล้วนะไนค์" ร่างของขุนพลถูกลูกน้องของฆินทร์จับตรึงไว้
ทันทีหลังจากที่ได้วางร่างของดุจมณีลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว
"ระยำที่สุด แกจะเลวไปถึงไหนไอ้หมาบ้า แกจะมาทำแบบนี้กับไอซ์ไม่ได้"
"นายมีสิทธิ์เลือกแทนฉันด้วยหรือไนค์ ตอนนี้แม้แต่สิทธิ์ในตัวของน้องสาวนายก็ตกเป็นของฉันแล้ว"
"ฉันจะฆ่าแกไอ้ฆินทร์" ขุนพลดิ้นพล่านเมื่อฆินทร์เดินไปหาดุจมณีและนั่งลงบนเตียง
หากกลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะถูกลูกน้องของอีกฝ่ายจับตรึงเขาเอาไว้
"เอาเขาออกไป แล้วจัดการส่งกลับไทยทันที" ขุนพลถูกลากออกไปจากห้องหอ
พร้อมกับเสียงด่าเสียงสาปแช่ง หากฆินทร์มิได้สะทกสะท้านอันใด
แววตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เหยื่ออันโอชะตรงหน้า หากพอจะดึงผ้าปิดหน้านั่นออก
ดุจมณีก็รู้สึกตัวขึ้นมาเสียก่อน พอรู้ตัวก็รีบลุกหนีเขาไปยืนตรงมุมห้อง
"พี่ไนค์อยู่ไหน" เสียงใสเริ่มสั่นเมื่อหันไปไม่เจอใครนอกจากเขา
"พี่ให้ลูกน้องส่งกลับไทยไปแล้ว ส่วนเราจะอยู่ฮันนีมูนกันที่นี่อีกสองสามวัน"
"คุณต้องการอะไรจากฉัน"
"ไม่เอาไม่พูดแบบนั้นสิครับ มันฟังดูห่างเหิน" เขาย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาว
ดุจมณีที่ไหวตัวทันเลยรีบวิ่งหนีไปอีกทาง เป้าหมายคือ ประตูห้อง ทว่า ไม่ทันถึงประตู
ร่างบางก็ปลิวเพราะถูกจับยกขึ้นแล้วเหวี่ยงกลับไปยังบนเตียง
"อยากรู้หรือครับว่าพี่ต้องการอะไรจากเธอ พี่ก็...." เขาจับข้อมือดุจมณีแล้วตรึงไว้กับเตียง
ก่อนจะก้มกระซิบข้างแก้มนั่น
"ผู้ชายเค้าต้องการอะไรจากผู้หญิงละครับ น้องไอซ์ไม่รู้หรือแกล้งไร้เดียงสากับเรื่องนี้ให้พี่ตายใจ
ว่าน้องไอซ์ยังซิง ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทั้งๆ ที่ใช้ชีวิตได้สิ้นเปลืองมาตลอด"
"อย่านะ ฉันไม่"
"ไม่ปฏิเสธใช่มั้ยครับ" หญิงสาวดิ้นจนลุกหนี แผ่นหลังแนบกับหัวเตียงก็ถูกเขาปิดกั้นทางไป
มือใหญ่ดึงผ้าปิดหน้าของเธอออกไปอย่างไม่แยแส ก่อนจะตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
ปกติดุจมณีก็งามพร้อมสรรพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาบัดนี้ใบหน้านี้ถูกแต่งแต้มสีสันอย่างงดงามลงตัว
ถูกเนรมิตจนกลายเป็นนางฟ้าไปแล้ว และนั่นทำให้อารมณ์ภายในของเขายิ่งคุกรุ่น
"ไม่นะคะ อย่าทำไอซ์เลยนะคะพี่ฆินทร์ขา ไอซ์เหนื่อย ไอซ์หิวข้าว ไอซ์อึดอัด ชุดมันหนักมากๆ
ไอซ์อยากอาบน้ำด้วยค่ะ อย่าเพิ่งทำอะไรไอซ์ตอนนี้เลยนะคะ ไอซ์ไม่มีแรงเลยค่ะ
ไอซ์ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า" เสียงออดอ้อนนั่น ทำเอาเสือที่กำลังจะตะครุบเหยื่อถึงกับชะงัก มึนงง
ไปไม่ถูกขึ้นมา
"อะไรนะครับ"
"พาไอซ์ไปกินข้าวก่อนได้มั้ยคะ ขนมก็ได้ ตอนนี้ไอซ์หิวข้าวมากๆ เลยค่ะ" ฆินทร์ถึงกับงงกับโหมด
ที่ถูกสับเปลี่ยนแบบฉับพลันโดยมีดุจมณีเป็นผู้ควบคุมรีโมท จึงผละออกมาจากหญิงสาว
ยืนเท้าสะโพกมองหญิงสาวที่ฉีกยิ้มแหยๆ มาให้
"ไอซ์ขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ"
"ให้พี่ช่วยถอดชุดให้มั้ย ดูท่าจะถอดยากน่าดู" เมื่อเธอเล่นสับโหมดอย่างว่องไว
แล้วเขาจะชักช้าอยู่ทำไม รีโมทควรตกอยู่ในมือเขาสิ
"น่าจะไม่ลำบากอะไรค่ะ ไอซ์ใส่เข้าไปเอง เอาออกเองได้สบายมากค่ะ พี่ฆินทร์อาบน้ำก่อนเลยค่ะ
เดี๋ยวไอซ์แกะนั่นนี่ก็พอดีพี่ฆินทร์อาบเสร็จ จะได้ไปกินข้าวไวๆ ไงคะ หิวข้าวมากๆ เลยค่ะ"
"แต่พี่อยากช่วยแกะจะได้เสร็จไวๆ"
"มันมีเข็มหลายตัวค่ะ อาจตำนิ้วพี่ฆินทร์เอาได้นะคะ ส่วนไอซ์ ไอซ์รู้ว่าเข็มอยู่ตรงไหนบ้าง
แป๊บเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ พี่ฆินทร์ไปอาบน้ำก่อนได้เลยค่ะ เชิญค่ะ" ว่าแล้วก็ผายมือให้ชายหนุ่ม
ก่อนจะส่งยิ้มสวยๆ ไปให้ ทำเอาคนที่แพ้รอยยิ้มนั่นถึงกับยอมถอนทัพ เดินเข้าห้องน้ำไป
ดุจมณีพ่นลมหายใจออกมา แล้วก็รีบจัดการกับชุดเจ้าสาวของตัวเองทันทีก่อนที่เขาจะออกมาจากห้องน้ำ
เมื่อประตูห้องน้ำถูกเปิดออก หญิงสาวก็อยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำที่พร้อมจะติดปีกบินเข้าห้องน้ำ
ไปในทันทีพอดี นั่นเลยทำให้ฆินทร์ถึงกับหัวเราะชอบใจกับท่าทางหงส์เหินของแม่นางน้อย
ที่ดูจะมีดีกรีความแสบไม่เบา ใช่ เธอน่ะ เป็นยัยตัวแสบ แสบสันอย่างที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้เขาจะเคย
พบเคยเจอมาเลย
"ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะไอซ์"
และพอเธอย่างออกมาจากห้องน้ำ ยืนตรงหน้าประตู เธอก็ส่งยิ้มหวานมาให้เขา นั่นแหละ สัญญาณอันตราย
เขารู้ดีว่านี่มิใช่ยิ้มปกติสักเท่าไหร่นัก
"พี่ฆินทร์ขา ไอซ์เมนมาค่ะ และ...ไอซ์ไม่ได้พกผ้าอนามัยมาด้วยค่ะ" นั่นไง เขาว่าแล้ว
หน้าใสๆ แบบนี้มันเป็นแค่ภาพลวงตา ความแสบสันต่างหากที่เป็นของจริง
"แล้วคือต้องพี่หรือไงที่เป็นฝ่ายจัดหาผ้าอนามัยให้เธอ" ดุจมณีพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มหวาน
"ก็ถ้าไม่ใช่พี่ฆินทร์แล้วจะเป็นใครละคะ ไอซ์น่ะ ไปไหนไม่ได้แล้วล่ะค่ะตอนนี้"
"จริงรึเปล่า เอ่อ ที่ว่าเมนมาน่ะ มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือไงที่มาวันนี้และตอนนี้พอดี"
"จริงค่ะ ไอซ์ไม่โกหกหรอกค่ะ และถ้าช้ากว่านี้ พี่ฆินทร์ก็จะได้เห็นหลักฐานที่ไม่น่ามองนะคะ"
ชายหนุ่มกุมขมับก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เรียกลูกน้องให้ตามพนักงานโรงแรมที่เป็นผู้หญิงให้
สักพัก พนักงานก็เข้ามาในห้องพร้อมของที่จำเป็นสำหรับดุจมณี
"ไอซ์ปวดประจำเดือนด้วยค่ะ ขอนอนนิ่งๆ สักพักนะคะพี่ฆินทร์"
ชายหนุ่มมองใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางใดๆของคนที่แต่งกายในชุดนอนที่ไม่ได้นอนเรียบร้อย
แล้วกระตุกยิ้ม นี่มันใช่เวลานอนซะที่ไหน มันเพิ่งจะแค่ช่วงบ่ายด้วยซ้ำ
"ไหนบอกว่าหิวข้าวไง"
"ก็หิวค่ะ แต่เดินไม่ไหว ก้าวขาไม่ไหวแล้วค่ะ ปวดมากๆ เลย" ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ
กับเสียงสองเสียงสามที่ดุจมณีใช้ออดอ้อนออเซาะเขา
"เธอมันร้ายกาจที่สุดเลยนะไอซ์"
"ทำไมมาว่าไอซ์อย่างนั้นละคะ ไอซ์แค่มีเมน พี่ฆินทร์ถึงกับโกรธไอซ์เลยหรือคะ"
"หยุดพูดเสียงสองเสียงสามซะที และก็เลิกทำหน้าแบ๊วๆ เหมือนเด็กสาวมัธยมนั่นด้วย"
"พี่ฆินทร์ไม่ชอบหรือคะ" หญิงสาวเดินเข้ามาหาเขา และแกล้งแหย่เขาเล่น
"ไม่ชอบ"
"แน่นะคะ"
"แน่ และออกไปห่างๆ ด้วย" เขารีบบอกให้อีกฝ่ายออกห่างเมื่อดุจมณีเดินมาใกล้เขาในสภาพที่เขาจะตกเป็นรองในเกมนี้
"ทีเมื่อกี้แทบอยากจะตะครุบไอซ์ซะให้ได้ ทำไมตอนนี้ถึงไล่ไอซ์กันแบบนี้ละคะ"
ยัง ยังไม่เลิกใช้เสียงสองเสียงสามกับเขาอีก
"พี่ฆินทร์สั่งข้าวให้ไอซ์หน่อยสิคะ ขอข้าวผัดรวมมิตร กับ ชาอุ่นๆ และก็สตรอว์เบอร์รีค่ะ"
ชายหนุ่มมองคนที่ตัวเล็กกว่ามากแล้วได้แต่ส่ายหน้าไหวๆ
"ได้ เอาสลัดเพิ่มด้วยมั้ย สลัดของที่นี่อร่อยนะ"
"เอาค่ะ ตอนนี้พี่ฆินทร์สั่งไรมาไอซ์ก็กินได้หมดค่ะ" รอยยิ้มหวานๆ นั่นอีก
เมื่อไหร่จะหยุดแจกเรี่ยราด
"ช่วยประหยัดยิ้มด้วยครับ" คนที่กำลังยิ้มถึงกับทำปากจู๋เมื่อถูกสั่งให้หุบยิ้ม
และนั่นทำเอาชายหนุ่มถึงกับหลุดขำออกมาแล้วค่อยกลับไปทำหน้าขึงขังอย่างไว
"แค่ยิ้มให้ก็ผิด รู้งี้ทำหน้าบึ้งให้ดูทั้งวันซะก็ดี" หญิงสาวแบะปากใส่เขาก่อนจะเชิดใส่
แล้วยกแขนสองข้างขึ้นทำท่ายืดโยกไปโยกมา
"เมื่อยจังเลยค่ะ ขอไปยืดเส้นต่อบนเตียงนะคะ" ว่าแล้วก็เดินนวยนาดราวกับจะยั่วเขา
ไปยังเตียงนอน ก่อนจะนอนลงในชุดนอนเสื้อยืดคอกลมแขนสั้น เนื้อผ้าก็บางเบา กับกางเกงผ้าฝ้ายขาสั้น
และไม่ได้สั้นธรรมดา แต่สั้นมากๆ สั้นจนเขาต้องหันหน้าหนี
ผมเผ้าก็ไม่ยอมหวี เดินหัวยุ่งๆ ผมเปียกหมาดๆ ทั้งอย่างนั้นได้ยังไง
ทำไมไม่ดูแลตัวเองให้เรียบร้อยกว่านี้
"เดี๋ยว นั่นจะนอนทั้งสภาพอย่างนี้หรือ"
"ไม่ไหวจะทำสวยให้พี่ฆินทร์มองตาละห้อยแล้วค่ะ ชุดเจ้าสาวของพี่ฆินทร์น่ะ หนักจะตาย
เหมือนเดินแบกข้าวสารสิบกิโลเลย ไอซ์เพลียค่ะ"
"ใครจะไปรู้ล่ะ พี่เคยใส่ซะที่ไหน เห็นสวยและดูเหมาะกับเธอ"
"ไอซ์ก็ไม่เคยใส่เหมือนพี่ฆินทร์แหละค่ะ เพิ่งจะได้ใส่วันนี้ครั้งแรกเลย
และเข็ดมากค่ะ เข็ดไปอีกนานเลย แต่งคราวหน้าไม่เอาแล้วนะคะชุดแนวนี้"
ชายหนุ่มถึงกับลอบขันกับประโยคนั้นของหญิงสาวที่ตอนนี้ดึงผ้าห่มขึ้นปิดคอตัวเองไปแล้ว
ค่อยโล่งใจหน่อย ไม่ค่อยอยากหันสายตาไปเจอขาเรียวๆ เนียนๆ ขาวๆ นั่นเท่าไหร่ ใจมันกวัดแกว่ง
"อยากแต่งกับพี่ซ้ำอีกหรือไง"
"ก็ถ้ามีชุดสวยๆ ที่ไม่ใช่แนวหนักๆ อย่างวันนี้ ไอซ์ก็ไม่ติดนะคะ แต่งกับพี่ฆินทร์อีกกี่รอบก็ได้
ขอแค่ชุดเบาๆ หน่อย ไม่อยากเพลียแบบวันนี้อีกแล้วค่ะ ไอซ์น่ะเคยเล็งๆ ชุดเจ้าสาวเอาไว้
ตอนไปเดินซื้อของกับพี่ปองด้วยนะคะ แต่คนละแนวกับชุดวันนี้เลย แต่ไม่เป็นไรค่ะ
ชุดวันนี้ก็สวยสง่า ทำเอาพี่ฆินทร์มองแล้วมองอีก ไม่มองหญิงใดเลย เพราะไม่มีหญิงใด
ให้มองเลยนอกจากไอซ์ ฮ่าๆๆๆ" พูดพลางก็ขำไปพลางราวกับจะจิกกัดอีกคนไปด้วย
"เคยมีคนบอกเธอมั้ยไอซ์ว่าเธอน่ะรั่วมากๆ"
"เคยค่ะ พี่ไนค์ไงคะ พี่ไนค์อ่ะบอกว่าไอซ์น่ะทั้งหลุดทั้งรั่ว ไม่รู้จะมีใครซ่อมให้ได้บ้าง"
"พี่ไม่ใช่ช่างซ่อมด้วยสิ"
"งั้นก็ปล่อยให้รั่วไปแบบนี้ก็ดีค่ะ เพราะไอซ์ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร"
"แต่พี่เดือดร้อน"
"ใครเดือดร้อนก็หาทางซ่อมสิคะ"
"ก็ทำไมไม่ซ่อมตัวเองบ้าง"
"ไม่เอาแล้วดีกว่า พูดไปก็ไม่หายง่วงไม่หายเพลีย ไอซ์ขอนอนก่อนนะคะ
เดี๋ยวพอของกินมาเสิร์ฟ พี่ฆินทร์ช่วยปลุกไอซ์ด้วยนะคะ ยังไงๆ ไอซ์ก็จะลุกมากินค่ะ
เพราะเรื่องกินใหญ่กว่าเรื่องนอนค่ะ" ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้า
ขณะมองดุจมณีที่ตอนนี้หลับตาพริ้มไปแล้ว นี่เขาได้ภรรยามาคอยดูแลเขาหรือได้เด็กมาดูแลกันแน่เนี่ย
....................โปรดติดตามตอนต่อไป..............................
yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ค. 2566, 15:56:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ค. 2566, 15:56:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 226
<< บทที่ 19 เจ้าของเธอคือฉัน | บทที่ 22 ช่วยจีบหน่อยสิ >> |