เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์

เป็นเรื่องราวของคนหน้าตาไม่เข้าตา ไม่เป็นที่นิยม
ไม่ฮิต ไม่ฮอตของคนสองคน...
ที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีตำหนิ...ภาพประวัติไม่สวยงาม...
แต่นิสัยที่ซ่อนไว้ค่อนข้างสวยสดงดงาม...
แฝงไว้ด้วยเสน่ห์แห่งการมีชีวิต...การสร้างครอบครัว


เศษหนึ่งส่วนสอง หรือ ครึ่งหนึ่งของชีวิตหนึ่ง
มาพบกับ อีกครึ่งหนึ่งของอีกชีวิตหนึ่ง
แล้วยกกำลังด้วยศูนย์...

เลขศูนย์ที่ดูไร้ค่า ไร้ความหมาย แค่เลขกลมๆเลขนึง

หากมันได้ทำให้ เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์
มีค่าเท่ากับ หนึ่งได้!

สมการทางคณิตศาสตร์ที่น่าพิศวงนี้
นำมาสู่สมการของความรักของทั้งสอง...

ทั้งคู่ที่ชีวิตไม่สมบูรณ์แบบและมีตำหนิ
จะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร...

เรื่องนี้มีคำตอบ!!!


Tags: ดราม่า ขุนพล ไนค์ บิลกีส

ตอน: บทที่ 22 ช่วยจีบหน่อยสิ

เมื่ออาหารถูกนำมาเสิร์ฟ และจัดวางบนโต๊ะอาหารเป็นอย่างดี
ฆินทร์ก็เดินไปดูเจ้าหญิงนิทราที่ดูจะยังอร่อยกับการหลับใหลอยู่
ทำให้ต้องชั่งใจว่าจะปลุกเธอหรือจะปล่อยให้เธอหลับต่อไป
ทว่า นึกถึงประโยคสุดท้ายที่เธอกำชับเขาเอาไว้ แล้วได้แต่ยิ้มขณะยืนมองใบหน้าสวยใส
ไร้เครื่องประทินโฉมใดๆ สตรีผู้นี้มีต้นทุนสูงมากในเรื่องรูปร่างหน้าตา
เพราะถึงแม้จะไม่ต้องปรุงแต่งอะไร ก็ดูงดงามน่ามองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ยิ่งตอนหลับใหลเช่นนี้ ยิ่งดูไร้พิษสงใดๆ

ทำให้ชายหนุ่มทรุดเข้าลงข้างเตียงนอนแล้วจ้องมองใบหน้างดงามของเจ้าหญิงนิทราอย่างเพลิดเพลิน

ดวงตาที่พริ้มหลับแก้มที่อ่อนใสช่างน่าสัมผัสเหลือเกิน ใกล้กันแค่เอื้อมมือ หากเขากลับรู้สึกประหม่า
ไม่กล้าแตะต้องเธอ ไม่กล้ารบกวน อยากแอบมองเธอให้นานกว่านี้ อยากเก็บภาพนี้ไว้นานๆ
ยังไม่อยากให้เธอตื่นขึ้นมาตอนนี้เลย อยากให้นอนหลับให้เขาได้ชื่นชมเธอแบบนี้อีกสักหน่อย
ก่อนจะสะดุ้งเมื่อหญิงสาวพลิกตัวหันไปอีกทาง ทำให้ชายหนุ่มต้องย้ายฟาก
คราวนี้เขาปีนขึ้นเตียง แล้วทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้าง ใช้แขนเท้าศีรษะเอาไว้ แล้วมองใบหน้า
ของดุจมณี ก่อนจะเผลอตัวยื่นมือไปสัมผัสกับเส้นผมที่ร่วงตกลงมาปิดบังใบหน้าเธอออกไป
หากก็อดไม่ได้ที่จะลูบไล้เส้นผมที่นิ่มมือนั่นแล้วรั้งมันขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมกรุ่น
หัวใจค่อยๆ เตลิด ส่งให้ใบหน้าคมโน้มลงไปใกล้กับแก้มอ่อนใสน่าสัมผัสนั่น
ทว่า จมูกโด่งคมยังมิทันได้สัมผัสแก้ม เจ้าหญิงนิทราก็ทำจมูกฟุตฟิต เสียงใสๆ ก็ดังตามมา
ทั้งๆ ที่ยังปิดตาอยู่

"หอมจัง" รอยยิ้มชายหนุ่มผุดปราย แล้วยิ่งกระชับระยะห่างจนริมฝีปากเขาและเธอใกล้ชิดกันเพียงแค่คืบ

"แล้วอยากกินมั้ยครับ" เสียงกระซิบดังชิดริมฝีปากนั้นเบาๆ ทำเอาดวงตาของหญิงสาวเปิดขึ้น
ก่อนจะพบสบสายตาเข้ากับดวงตาคมกริบที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอเฮือกนึง
แล้วกะพริบตาปริบๆ ไล่ความง่วงงุน และความมึนงง ตอบพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักๆ ที่มีแก้มบุ๋ม

"หิวมากค่ะ กลิ่นซุปใช่มั้ยคะ พี่ พี่ฆินทร์สั่งซุปมาด้วยแน่ๆ เลย" ฆินทร์หัวเราะลั่น ผละห่างจาก
ใบหน้านั่นทันที

"เธอว่าอะไรนะไอซ์"

"ก็ ก็หิวไงคะ อยากกินข้าวค่ะ"

"หอมข้าว?" หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ แล้วยิ้มเขิน

"เฮ้อ" ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมา แววตาคล้ายระอาเหลือทนกับคนที่ดูจะไม่รับรู้อะไรบ้างเลย

"แล้วหลับอิ่มรึยัง"

"ยังค่ะ แต่หิวมากกว่า พี่ฆินทร์มาปลุกไอซ์ไปกินข้าวไม่ใช่หรือคะ"

"อืม" ชายหนุ่มเสยผมพร้อมกับส่ายหัวไปมา

"งั้น ไปกินกันค่ะ" ว่าแล้วก็ลุกขึ้นพร้อมกับคว้าข้อมือเขาไปด้วย

"อย่าพูดสั้นๆ แบบนี้อีก พี่ใจคอไม่ดี"

"สั้นยังไงคะ"

"ต้องพูดว่า ไปกินข้าวกัน"

"แล้วเมื่อกี้ไอซ์ไม่ได้ชวนพี่ฆินทร์กินข้าวหรือคะ" ดุจมณีมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
ว่าทำไมอยู่ๆ ก็พูดอะไรก็ไม่รู้

"พี่ฆินทร์พูดไม่รู้เรื่องเลยค่ะ งงมากๆ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เอาเป็นว่าไอซ์เข้าใจแล้วก็ได้นะคะ"
ไม่พูดเปล่า หญิงสาวรั้งร่างเขาให้นั่งลงบนโต๊ะอาหาร แววตาก็มองอาหารเป็นประกาย
ปากก็พูดไปด้วยว่า

"กินกัน กินกัน"

"ไอซ์!" มือที่กำลังจะหยิบสตรอว์เบอร์รีขึ้นมาใส่ปากชะงักกึก

"เสียงดุจัง คือ อันนี้ไอซ์ยังกินไม่ได้หรือคะ ใช่ๆๆๆ ไอซ์ลืมล้างมือ พี่กีสรู้ตีมือแน่ๆ"
แล้วก็วางผลไม้ในมือลง รีบย้ายบั้นท้ายงอนงามไปยังห้องน้ำเพื่อล้างมือให้สะอาด
ชายหนุ่มมองตามร่างระหงสมส่วนที่สวมกางเกงขาสั้นปรี๊ดด้วยหัวใจหกคะเมน
โยกทีย้ายทีเล่นเอาใจเขาสั่น ยั่วได้ยั่วดีเหลือเกินนะแม่คุณ คำพูดคำจาก็ไม่ระมัดระวัง
ว่าจะทำให้หัวใจคนฟังสั่นสะเทือนเดือดร้อนแค่ไหน พอกลับมาก็รีบฉกสตรอว์เบอร์รีเข้าปาก
เคี้ยวตุ้ยๆ ไม่มีรักษาภาพลักษณ์ใดๆ เลย

"ดูยัดเข้าไปสิ เหมือนปักเป้าแล้ว" หญิงสาวเขินกับสายตาที่มองมาที่เธอ ก่อนจะเคี้ยวในปากจนหมด
ก็พูดกับเขาว่า

"อร่อยนี่คะ ลูกเดียวไม่พอจริงๆ เอามั้ยคะ" ว่าแล้วก็ยื่นสตรอว์เบอร์รีให้เขา
ชายหนุ่มเลยยื่นหน้ามาใกล้ผลสตรอว์เบอร์รีแล้วงับมันจากมือของหญิงสาว
ทำเอาดุจมณีถึงกับตกใจกับการกระทำนั้น จึงแสร้งหันไปทางอื่นหวังจะซ่อนความเขินอาย

"ป้อนอีกสิ ลูกเดียวไม่พอจริงๆ ด้วย" ชายหนุ่มยักคิ้วหลิ่วตาให้ นั่นยิ่งทำให้คนที่กำลังเขิน
หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ยิ่งท่าอ้าปากรอนั่นอีก ทำให้มือบางค่อยๆ หยิบผลสตรอว์เบอร์รี
แล้วส่งยื่นเข้าปากเขาโดยที่ไม่ยอมมองหน้าเขา

"ดีนะที่ไม่ทิ่มเอาจมูก" เสียงบ่นเบาๆ เป็นการเย้าแหย่ ทำให้ดุจมณีหันมามองเขา
แล้วย่นจมูกใส่

"จะแย่งไอซ์กินไม่ได้นะคะ สองลูกพอค่ะ"

"ทำไมถึงไม่เคยเบื่อผลไม้นี้สักที เคยกินยังไงก็ยังกินเหมือนเดิมตลอด" ดุจมณีกระตุกหัวคิ้ว

"พี่ฆินทร์รู้หรือคะว่าไอซ์ชอบกินสตรอว์เบอร์รีมาแต่เด็กเลย"

"ทำไมล่ะ"

"ก็ขนาดพี่ไนค์ยังไม่รู้เลยค่ะ"

"ก็นั่นมันพี่ชายเธอนี่ ไม่ใช่พี่สักหน่อย" หญิงสาวเริ่มตักข้าวผัดเข้าปาก
ก่อนจะมองกุ้งเผาที่ยังไม่แกะเปลือกไม่มีหัวกุ้งถูกวางลงบนจานของเธอ

"และก็รู้ว่า เธอชอบกินกุ้งทั้งเปลือกแบบไม่ต้องแกะ และก็กินหางกุ้งเรียบกริบ ส่วนหัวนั้นไม่กิน"

"เอ๊ะ ทำไมรู้ละคะ พี่ฆินทร์ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย"

"ก็แน่สิ ก่อนหน้านี้ พี่อยากจีบเธอให้ติด พี่ก็ต้องทำการบ้านสิ" ว่าแล้วเขาก็ตักข้าวใส่ปากเขา
แล้วเคี้ยวไปก็มองหน้าเธอไป เห็นได้ชัดว่าใบหน้าดุจมณีเริ่มแดงเห่อจนลามไปถึงคอ

"และเธอก็ไม่สนใจหรอกนะผู้ชายธรรมดาๆ น่ะ เธอไม่แม้จะชายตามองเลยด้วยซ้ำ"

"ไอซ์เชิดหยิ่งมากเลยหรือคะ"

"ยิ่งกว่าคำว่าเชิดหยิ่งอีก"

"แล้วพี่ฆินทร์ทนจีบไอซ์ทำไมคะ ไอซ์มีดีกว่าผู้หญิงคนอื่นบนโลกนี้ตรงไหนหรือคะ"
มุมปากคนฟังยิ้มตรงมุมปาก ตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวๆ แล้วหยุดเพื่อตอบเธอว่า

"ไม่รู้สิ พี่ชอบของแปลกมั้ง" ว่าแล้วก็หัวเราะออกมา ทำเอาดุจมณีถึงกับแบะปากมองบน

"แล้วตอนนี้ละคะ พี่ฆินทร์จีบติดรึยัง"

"ถามพี่?" ดุจมณีพยักหน้า ทำตาปริบๆ

"ใช่ค่ะ ไอซ์ถามพี่" ชายหนุ่มขำ ก่อนจะวางช้อนในมือ สบตาดุจมณีนิ่ง ทำเอามือหญิงสาว
ที่กำลังถือช้อนตักซุปอยู่ถึงกับสั่นจนเจ้าของมันต้องรีบวางช้อนลงแล้วลูบมือทั้งสองแก้เขิน

"ต้องเป็นพี่ไม่ใช่หรือที่ถามเธอ"

"ก็ไอซ์ไม่รู้นี่คะ เลยถามพี่ฆินทร์"

"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไงดีล่ะ"

"ก็จีบต่อไปสิคะ อย่าเพิ่งหยุดจีบ เดี๋ยวก็จีบติดไปเองล่ะค่ะ"

"ต้องจีบนานมั้ย"

"มันก็ต้องแล้วแต่ว่า จีบยังไงมากกว่าค่ะ"

"แล้วพี่ต้องจีบยังไงดีถึงจะจีบติด"

"ต้องจีบทุกวันค่ะ ไม่รอดแน่นอนค่ะ" ฆินทร์ถึงกับสำลักลมหายใจเมื่อได้ยินประโยคนี้
ออกมาจากปากของเธอ เค้าไม่คิดว่าดุจมณีจะเป็นคนมีอารมณ์ขันขนาดนี้

"ไม่ตลกนะคะ ไอซ์แนะนำให้แบบนี้ก็เพื่อที่พี่ฆินทร์จะได้ไม่ท้อไม่หมดหวัง
คนเรานะคะ ตราบใดที่ไม่หมดหวัง ยังไงก็ต้องสำเร็จในสักวันค่ะ"

"แล้วเธออยากให้พี่จีบเธอทุกวันรึเปล่า"

"แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ผู้หญิงน่ะ ชอบให้ผู้ชายจีบค่ะ ไอซ์ก็ชอบให้จีบค่ะ"

"เพราะ?"

"เพราะมันรู้สึกดีไงคะ"

"แต่เมื่อก่อนเธอรำคาญพี่สุดๆ เลยนะรู้มั้ย"

"ก็ตอนนั้นไอซ์ยังไม่โตเท่าตอนนี้ไงคะ ตอนนี้ไอซ์โตแล้ว ไอซ์ไม่รำคาญหรอกค่ะ"

"แล้วพี่จะไม่โดนไล่ตะเพิดอีกใช่มั้ย"

"ไอซ์จะไล่ตะเพิดพี่ฆินทร์ทำไมละคะ ไอซ์โตพอที่จะรู้ว่าอะไรควรไม่ควรค่ะ จีบๆ ไปเถอะค่ะ
ไม่ขาดทุนแน่นอน เชื่อไอซ์สิ" ดูถ้อยวาจาเธอจะเชิญชวนเขาเสียเหลือเกิน ผิดกับสีหน้าแววตาที่ดูใสๆ
ไร้จริตใดๆ

"แล้วเรื่องที่พี่จะหมั้นอีกไม่กี่วัน เธอจะว่าไง" มือที่กำลังตักซุปเข้าปากชะงักจนเกือบทำน้ำซุปหก
หากเจ้าของมือก็พยายามประคองช้อนจนซุปเข้าไปอยู่ในปากและลงสู่กระเพาะได้สำเร็จ

"เค้าจะยอมหมั้นกับพี่ฆินทร์หรือคะ ถ้ารู้ว่าพี่ฆินทร์แต่งงานกับไอซ์แล้ว" ฆินทร์ถึงกับอึ้งไปกับประโยคนั้น

"ก็เขายังไม่รู้ ไม่มีใครรู้ นอกจากคนไม่กี่คน"

"แต่ไอซ์จะบอกเค้าค่ะ เค้าจะได้รู้ พี่ฆินทร์ว่าดีมั้ยคะ" เป็นอีกครั้งที่ฆินทร์ลอบยิ้มและกลั้นขำ

"เธอไม่อยากให้พี่หมั้นกับเขาหรือ"

"ไอซ์ไม่อยากให้เขาหมั้นกับพี่มากกว่าค่ะ" ดูเธอตอบสิ ตอบอะไรออกมาก็เกินคาดไปหมด

"ยังไง?"

"ก็ปกติ คนที่เป็นคนดังคนมีชื่อเสียงในสังคม เขาคงอยากเป็นที่หนึ่ง หรือไม่ก็หนึ่งเดียว
ไม่น่าจะอยากหมั้นกับพี่ฆินทร์ที่มีไอซ์เป็นที่หนึ่งไปแล้วหรอกค่ะ อาจจะรับไม่ได้ด้วยซ้ำถ้ารู้"

ก่อนจะมองเขาและพูดขึ้นว่า

"และไอซ์ก็เหมาะกับการเป็นหนึ่งเดียวของพี่ฆินทร์ด้วยค่ะ" ชายหนุ่มลอบยิ้มทีเดียวกับประโยคนี้

"ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ"

"ก็ถ้าพี่ฆินทร์อยากหมั้นกับเขาจริงๆ พี่ฆินทร์คงไม่แต่งกับไอซ์ก่อนหรอกค่ะ
แบบนี้น่ะ เหมือนจะแกล้งไอซ์ให้หัวใจเต้นแรง แต่ไม่หรอกค่ะ หัวใจไอซ์สงบนิ่ง
ด้วยการรำลึกถึงพระเจ้าค่ะ พี่กีสสอนไอซ์ฝึกให้ไอซ์รำลึกถึงพระเจ้าทุกวัน
เราทำกิจกรรมแบบนี้ด้วยกันทุกวัน และจะดีมากๆ ถ้าพี่ฆินทร์จะมาร่วมทำกิจกรรมนี้กับไอซ์ทุกวัน
เพราะจะช่วยให้เราอยู่ร่วมกันได้ด้วยดี เชื่อมความสัมพันธ์ต่อกันด้วยพระเจ้า"

ชายหนุ่มมองดุจมณีนิ่งอย่างคาดไม่ถึง ใช่ เค้าไม่เคยเห็นดุจมณีในมุมนี้มาก่อนเลย
และก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเคยได้เห็นบ้างหรือยัง

"อีกอย่าง ถ้าพี่ฆินทร์จะรักคนอื่นที่ไม่ใช่ไอซ์ พี่ฆินทร์ก็คงจะรักไปตั้งนานแล้ว
คงไม่อยู่เป็นโสดทั้งๆ ที่หล่อและดูดีขนาดนี้ พี่ฆินทร์เป็นประเภทหล่อเลือกได้
แต่ก็เลือกที่จะเป็นโสดอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไอซ์ จะเป็นเพราะอะไรหรือคะ
อีกอย่างถ้าพี่ฆินทร์ไม่เร่งรีบแต่งงานกับไอซ์ ก็อาจเป็นพี่กัชฟีที่ได้แต่งงานกับไอซ์
เพราะทางนู้นก็พยายามจีบไอซ์อยู่เหมือนกันค่ะ และก็ดูจริงใจและจริงจังมากๆ ด้วย
ซึ่งไอซ์เองไม่รู้หรอกค่ะว่าหัวใจตัวเองจะลอยไปติดหนึบกับหัวใจใครเข้า
มันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกด้วยนะคะ ส่วนพี่คีตาน่ะยังไม่ใช่สเปคของไอซ์
ไอซ์แค่ประทับใจกับความใจดีของพี่คีตาก็แค่นั้นเอง ที่ไอซ์ต้องบอกพี่ฆินทร์ไว้
เพราะตอนนี้เราแต่งงานกันแล้ว ไม่ว่าจะแต่งเพราะสาเหตุอะไร แต่ก็ได้แต่งกันเรียบร้อยไปแล้ว
ไอซ์ไม่อยากมีความลับที่จะก่อปัญหาตามมาได้ค่ะ
และไอซ์ก็อยู่ในสถานะที่ไม่ควรจะแจกจ่ายหัวใจให้ชายไหนไปทั่วด้วยค่ะ
ถ้าพี่ฆินทร์ยืนยันว่าจะจีบไอซ์ต่อ ไอซ์ก็จะได้เตรียมใจไว้รอรับมุกจีบสาวของพี่ฆินทร์ไงคะ"

ฆินทร์ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเฮือกๆ ซ้ำยังจุกอกไปกับประโยคยาวๆ ดังกล่าวนั่น
เพราะไม่คาดคิดว่าเธอจะกล้าพูดมันออกมาอย่างตรงไปตรงมาและซื่อตรงได้มากขนาดนี้
แม้ว่าเขาจะรู้ดีมาตลอดว่า ผู้หญิงคนนี้มีคุณสมบัติของความกล้าหาญ ความมั่นใจในตัวเอง
และความซื่อตรงติดตัวมาแต่ไหนแต่ไรก็ตาม และอาจเป็นไปได้สูงว่าที่เขารักเธอ
ชมชอบเธอก็เพราะคุณสมบัตินี้ของเธอนี่แหละ เพราะเขาไม่เชิงว่าจะนิยมชมชอบ
ผู้หญิงที่เหนียมอายจนปกปิดความต้องการตัวเอง ไม่แม้กระทั่งที่เอ่ยถึงความปรารถนา
และเก็บกดทุกอย่างเอาไว้ คุณสมบัตินี้ของดุจมณีทำให้เขามั่นใจในตัวเธอ เพราะเธอชัดเจน
และซื่อสัตย์ต่อตัวเองและความต้องการตัวเอง เขาจึงอยากครอบครองหัวใจเธอมาตลอด
วาดหวังมาตลอด หญิงใดก็ไม่สามารถลบล้างความปรารถนาของเขาออกไปจากหัวใจได้

"I want nobody nobody, but you
I want nobody nobody, but you
How can I be with another
I don't want any other
I want nobody nobody nobody nobody"

เสียงใสๆ ขับร้องเพลงให้เขาฟังพร้อมรอยยิ้มสดใสทำเอาชายหนุ่มเผลอยิ้มตามไปด้วย

"นี่ไอซ์ร้องเพลงจีบพี่หรือครับ"

"ก็ว่าจะช่วยๆ จีบพี่ฆินทร์สักหน่อยค่ะ พี่ฆินทร์จะได้ไม่รู้สึกว่ากำลังจีบไอซ์อยู่ข้างเดียว
เหมือนที่เล่าให้ไอซ์ฟัง เพราะไอซ์น่ะไม่ได้เชิดหยิ่งค่ะ ไอซ์น่ะไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา
ไอซ์เป็นผู้หญิงพิเศษ" หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างเปิดเผย

"ใครบอก"

"ก็ไอซ์นี่แหละบอก ฮ่าๆๆ" หญิงสาวขำออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติจนชายหนุ่มมองเพลิน
รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

"อยากเป็นผู้หญิงพิเศษหรือ"

"จริงๆ อยากเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ค่ะ แต่ตอนนี้พี่ฆินทร์ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาๆ แล้ว
ไอซ์เลยอยากเป็นผู้หญิงไม่ธรรมดาขึ้นมาค่ะ" หัวใจชายหนุ่มถึงกับเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น
เธอทำให้เขาตื่นเต้นครั้งแล้วครั้งเล่า เกินจะคาดเดาได้จริงๆ ยัยตัวแสบ

"อุ๊ย ข้าวจืดหมดแล้วค่ะ เพราะไอซ์แท้ๆ เลย"

"ทำไมครับ"

"ไอซ์ทำให้ทุกอย่างจืดไปหมดเลย จืดจนพี่ฆินทร์ก็ลืมของกินไปเลย ฮ่าๆๆๆ"

เท่านั้น ฆินทร์ถึงกับหัวเราะออกมาอย่างที่ไม่ต้องกักเก็บไว้แล้ว

"แล้วอิ่มรึยังครับ" ดุจมณีส่ายหน้า

"มัวแต่พูดจนลืมกิน จะเอาอะไรมาอิ่มละคะ"

"ก็อิ่มอกอิ่มใจไงครับ ไม่อิ่มเลยหรือ"

"เอิ่ม ก็...ยังหรอกค่ะ รู้สึกว่าเป็นไอซ์มากกว่าที่เป็นฝ่ายจีบ"

"ฮ่าๆๆๆ งั้นเดี๋ยวพี่จีบจนอิ่มไปเลยดีมั้ย อยากได้แบบไหนบอกมา"

"อยากให้พี่ฆินทร์ป้อนสลัดนั่นให้หน่อยค่ะ ยังไม่ได้กินเลยสักคำ"
ชายหนุ่มถึงกับใจอ่อนเมื่อเจอเข้ากับแววตาออดอ้อนออเซาะและเสียงใดๆ นั่น
ยอมทำให้ทุกอย่างที่เธอร้องขอมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

..................................

ใกล้ค่ำ สายจากบิลกีสก็ดังขึ้น ฆินทร์กดรับโทรศัพท์ซึ่งดุจมณีกำลังจัดแจงเรื่องโปรแกรมเที่ยว
ในวันพรุ่งนี้อยู่ เขาจึงเลี่ยงออกไปรับโทรศัพท์ตรงระเบียงแทน

"ว่าไงครับ"

"ฉันรู้เรื่องทุกอย่างแล้วนะคะ และตอนนี้คุณไนค์ก็ถูกคุณให้ลูกน้องพากลับมาถึงบ้าน
เรียบร้อยแล้วค่ะ"

"ครับ"

"ฉันจะไม่ถามถึงเหตุผลนะคะ แค่อยากแนะนำบางอย่างสักนิดได้มั้ยคะ"

"ยินดีครับ"

"น้องไอซ์ที่ฉันรู้จักอาจจะต่างจากน้องไอซ์ที่คุณเคยรู้จัก อดีตก็คือ อดีตค่ะ
และฉันก็มั่นใจว่า ต่อให้คุณจะทำร้ายน้องไอซ์สาหัสหรือเสียหายสักแค่ไหน
แต่ในที่สุด ก็จะมีคนที่เห็นคุณค่าของน้องไอซ์และจะนำเธอไปดูแลอย่างดี
และน้องไอซ์ก็เคยขังตัวเองในห้องมานาน การนำเธอไปกักขังไว้อีกครั้ง
ไม่ได้ทำให้เธออึดอัดหรือเป็นทุกข์ได้หรอกค่ะ
แต่จะเป็นคุณเองที่เป็นทุกข์ใจ เพราะน้องไอซ์ไม่ได้มีปัญหากับการถูกกักขัง
หรืออยู่ในที่แคบๆ ในกรง เธอผ่านกระบวนการเหล่านั้นมาแล้วพร้อมๆ กับคุณไนค์
เธอผ่านความเจ็บปวดแสนสาหัสมาได้แล้ว คุณเลือกได้ค่ะว่าจะอยากมีความสุขกับเธอ
หรือว่าอยากพบแต่ความทุกข์ใจขณะอยู่ด้วยกัน
แต่ฉันการันตีได้อย่างนึงว่า น้องไอซ์จะไม่จมอยู่ในความทุกข์อีกแล้ว
เธอมีหัวใจที่สามารถลอยตัวเหนือมันได้แล้วค่ะ ฉันโทรมาเพื่อเตือนคุณมากกว่าค่ะ
ไม่อยากให้คุณต้องทุกข์ใจกับการอยู่ร่วมกับน้องไอซ์ค่ะ" ฆินทร์นิ่งฟังและคิดตาม

"คุณคิดว่าผมเป็นคนยังไงหรือครับคุณกีส"

"คุณไนค์บอกฉันว่า คุณเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น"

"แล้วเขาไม่ได้บอกคุณหรือครับว่าผมเป็นคนรักเดียวใจเดียว รักแล้วรักเลย"

บิลกีสยิ้มออกมากับคำตอบนั้นของเขา

"กาลเวลาไม่สามารถหมุนหัวใจผมได้ ผมไม่อาจแบ่งใจปันให้ใครได้"

"แต่คุณไนค์บอกว่าคุณกำลังจะหมั้นกับลูกสาวรัฐมนตรีในอีกไม่กี่วันไม่ใช่หรือคะ"

"ไม่ใช่ผมหรอกที่หมั้นกับลูกสาวท่านรัฐมนตรี แต่เป็นคีตาต่างหากครับ เขายอมหมั้นเพื่อหลีกทาง
ให้ผม เพราะยังไงๆ ก็จะต้องมีใครสักคนที่ทำหน้าที่นั้น ไม่ผมก็เขาครับ"

"จริงหรือคะ ไม่เห็นคุณคีบอกฉันเลยค่ะ"

"คีเค้าเป็นของเขาแบบนั่นแหละครับ ใจดีกับทุกคน ยกเว้นกับตัวเอง
แต่คู่หมั้นของเขาเป็นคนดีมากๆ ใจดีและมีนิสัยไม่ได้แตกต่างไปจากเขา
ผมคิดว่า คนดีคู่กับคนดีแบบนั้นก็เหมาะสมกันแล้วครับ ก็ยินดีด้วยกับเขา
อีกหน่อยก็คงจะรักกันไปเองครับ"

"แล้วทำไมคุณถึงไม่พูดแบบนี้ไปกับคุณไนค์ ทำไมต้องยั่วเขาให้สติแตกด้วยคะ"

"ก็อยากจะดูว่าเขาหวงแหนน้องสาวของเขาแค่ไหน อยากดูว่าไอซ์จะมีปฏิกิริยายังไง"

"แล้วได้คำตอบที่น่าพอใจมั้ยคะ"

"ในอดีต ไอซ์เค้าเคยพูดเปรยๆ ให้ผมได้ยินว่า บางครั้งเราก็ดื้อ พยายามเป็นคนที่ใช่ของใครสักคน
จนลืมไปว่า คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายามก็ใช่อยู่วันยังค่ำ แต่เมื่อกี้เค้ากลับบอกผมว่า ให้ผมจีบเขาต่อไป
อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะตราบใดที่ไม่หมดหวัง ยังไงก็ต้องสำเร็จในสักวัน" นั่นทำให้บิลกีสถึงกับหัวเราะ
ออกมาแบบลืมตัว

"น้องไอซ์บอกอย่างนั้นหรือคะ"

"ครับ เค้ายังบอกอีกว่า เค้าชอบให้ผมจีบเขา มันทำให้เขารู้สึกดี" บิลกีสหัวเราะใหญ่เลยคราวนี้

"ทำไมขำอย่างนั้นละครับ"

"ก็นั่นน่ะฉันเคยพูดกับเขาตอนเขาถามฉันว่า ทำไมฉันถึงทนกับพี่ไนค์ได้ทั้งๆ ที่พี่ไนค์ดูจะไร้ความรู้สึก
ฉันก็เลยบอกเค้าไปว่า ถึงตอนนี้จะยังไม่ใช่คนที่ใช่ แต่ก็จะสู้จนกว่าจะได้เป็นคนที่ใช่ให้ได้
จะจีบให้ติดให้ได้เลย อะไรแบบนี้แหละค่ะ แล้วน้องไอซ์เค้าก็บอกว่า สุดยอด"

"เขาก๊อบปี้คุณมานี่เอง คุณนี่เองที่เป็นไอดอลของเขา
ผมว่าแล้วว่าเค้าไม่น่าจะคิดเองได้ สมองปลาทองออกอย่างนั้น คิดเป็นแต่เรื่องกิน นอน และเที่ยว
ฮ่าๆๆๆ" ชายหนุ่มหัวเราะทิ้งท้ายเบาๆ

"คุณฆินทร์ต้องคอยสอนงานให้น้องไอซ์เค้านะคะ เธอเป็นคนหัวไวมากๆ ค่ะ
สอนไม่นานก็ทำเป็นแล้ว สมองฟื้นฟูได้เร็วมากค่ะ แม้ว่าความทรงจำจะไม่ยอมกลับมา
แต่เรื่องสติปัญญานั้น เริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ ใครใจดีกับเธอ เธอจะใจดีด้วยเป็นสิบเท่า
ใครรักเธอ เธอรักมากกว่าสิบเท่า คุณฆินทร์จะมีความสุขเป็นสิบเท่าหากทำให้เธอมีความสุข
เชื่อฉันนะคะ ฉันน่ะ ต้องการเห็นทั้งคุณและน้องไอซ์มีความสุข"

"แล้วพี่ชายเค้าเป็นไงบ้างครับตอนนี้"

"หัวเสียสุดๆ ค่ะ เพิ่งกินยาแล้วหลับไปค่ะ"

"เค้าไม่สบายหรือครับ"

"ค่ะ ช่วงนี้โหมงานหนักมาเป็นเดือนๆ ไม่เคยมีวันหยุดพักผ่อน ได้พักบ้างแบบกะปิดกะปอย
แล้วก็ถูกตามกลับไปที่หน้างาน พอมาเจอเรื่องที่กระทบจิตใจมากๆ
คงไม่ไหวจริงๆ ปกติเค้าไม่ป่วยไม่อะไรนะคะ แต่นี่กลับมาก็ไข้ขึ้นสูง ปวดหัว
จะพาไปโรงบาลก็ไม่ยอม ก็เลยให้กินยาและพักผ่อน ไม่เคยเห็นเค้าเครียดแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ
งานยากๆ ก็ไม่ทำให้เขาเครียดจนล้มป่วยได้ มีครั้งนี้จริงๆ ที่เห็นเค้าเครียดหนัก"
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็หันไปทางดุจมณีที่ตอนนี้กำลังนั่งขีดๆ เขียนๆ อะไรอยู่บนโต๊ะ

"บอกเค้าด้วยนะครับว่า อีกสองวันผมจะกลับไทย และจะจัดเตรียมเรื่องงานเลี้ยงวาลิมะห์
เชิญแขกทั้งสองฝ่ายมาร่วมงาน เขาอยากเชิญใครมาร่วมงานก็ให้เขาจัดการได้เต็มที่เลยนะครับ
ส่วนเรื่องทุกอย่าง ทางผมจะจัดการทั้งหมด แม่ผมพ่อผมก็ไม่ได้ติดอะไร
ท่านรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้วครับ แต่คงจะจัดหลังจากงานหมั้นของคีตา ผมเองก็อยากให้งานเลี้ยง
ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยังไงฝากคุณกีสช่วยเป็นธุระเรื่องสามีคุณด้วยนะครับ
หวังว่าเค้าคงจะเบาใจขึ้น"

"คุณฆินทร์พูดจริงหรือคะ"

"ครับ ผมทนเห็นคนที่ผมตามจีบมาตลอดตกไปเป็นของคนอื่นไม่ได้จริงๆ ผมถึงต้องทำแบบนี้"

"ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะจริงจังขนาดนี้"

"ผมจีบเธอมาตั้งแต่มัธยมจนตอนนี้ ไม่เคยจีบสาวอื่นเลยนอกจากเธอ
คุณกีสคิดว่า ผมจริงจังกับเธอมั้ยล่ะครับ"

"คุณไม่ได้แค้นน้องไอซ์หรอกหรือคะ"

"แค้นครับ และเพราะแค้นมาก ถึงได้รักมาก จนปล่อยไปไม่ได้ จะตัดใจก็ตัดใจไม่ไหว"

"คงเหมือนฉันค่ะ เพียงแค่ฉันน่ะแอบรักข้างเดียวแบบเงียบๆ ไม่กล้าออกตัวแรงแบบคุณ
แต่จะให้หันไปมองคนอื่นก็ทำไม่ได้ ตัดใจก็ตัดใจไม่ได้ ทำไม่เคยได้เลยค่ะ
ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้ดีอะไรกับฉันด้วยซ้ำ หน้าตาเขาก็ทั่วๆ ไป นิสัยก็งั้นๆ แต่ฉันก็รักเขา
ขนาดเขาหมดเนื้อหมดตัว ตกที่นั่งลำบาก ฉันยิ่งทนมองไม่ได้ อยากพุ่งเข้าไปช่วยเขา
แต่ก็หาสถานะที่เหมาะสมกับการเข้าไปในชีวิตเขาไม่ได้
พอมีโอกาส เลยรีบคว้าไว้ทันที ไม่ได้นึกสนใจว่าตัวเองจะต้องเผชิญกับอะไร ยอมเสี่ยง
เพราะฉันแค่ต้องการได้ดูแลเขาก็พอ แค่ได้เป็นส่วนนึงที่ได้ช่วยเหลือเขา เป็นที่พึ่งให้เขาได้
ฉันไม่ได้สนเลยว่าฉันจะได้อะไรจากเขาเป็นการตอบแทน ความสุขของฉันคือการได้ดูแลเขาค่ะ
แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ฉันก็อยากทำให้เขา มันสุขใจจริงๆ นะคะ สุขที่ได้ทำค่ะ
แต่เขากลับให้ฉันมามากกว่าที่ฉันให้เขามาสิบเท่า สองพี่น้องเค้าเหมือนกันมากๆ ตรงนี้ค่ะ"

"เราคือ นักสู้นะคุณว่ามั้ย"

"สุดๆ ค่ะ สู้แบบหมดหน้าตักซะด้วย ฮ่าๆๆ"

"ผมดีใจนะที่คุณโทรมาคุยเรื่องนี้ ทำให้รู้ว่าพวกคุณก็รักและเป็นห่วงไอซ์ไม่น้อยเลย"

"ฉันมั่นใจนะคะว่า คุณจะได้รับความสุขแบบที่ฉันได้รับ ตอนนี้น่ะ ถึงจะลำบากในด้านปัจจัย
ภายนอก แต่ฉันก็พบว่า ฉันมีสามีที่รักและพร้อมจะปกป้องดูแลฉันเต็มกำลัง
และฉันตัดสินใจไม่ผิดเลยที่รับเขาเข้ามาดูแล และคุณเองก็เช่นกันค่ะ
ฉันมั่นใจว่า น้องไอซ์จะมอบความสุขให้กับคุณจนคุณคาดไม่ถึงแน่นอน"

"ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้นนะครับ"

"ขอคุยกับน้องไอซ์สักนิดนึงได้มั้ยคะ"
ฆินทร์หันไปทางดุจมณีก็พบว่าเธอฟุบหลับคาโต๊ะไปแล้ว

"หลับไปแล้วครับ"

"หืม ทำไมวันนี้ถึงเข้านอนเร็วจังเลยละคะ"

"คงจะเพลียครับ เห็นบอกว่าชุดหนักมากๆ ต้องเดินลากชุดไปมา
เลยทำให้เพลีย" บิลกีสยิ้มขันกับคำตอบนั้น

"คุณฆินทร์คะ หมอปองบอกว่า น้องไอซ์หายป่วยแล้ว มิใช่ผู้ป่วยทางจิตเวชแล้ว
น้องไอซ์ในตอนนี้ เธอพยายามปีนขึ้นมาจากหุบเหวลึกอันมืดมิดนั่น
มาอยู่ตรงหน้าผาแล้ว คุณฆินทร์อย่าผลักเธอลงไปในหุบเหวนั่นเลยนะคะ
ช่วยฉุดเธอขึ้นมาจากหน้าผานี้ด้วย ที่ฉันโทรมาก็เพื่อจะขอเรื่องนี้กับคุณค่ะ"

"ครับ"

"ฝันดีค่ะ ฝากบอกน้องไอซ์ด้วยว่า พี่กีสรอของขวัญอยู่"

"ครับ"

"ขอบคุณนะคะคุณฆินทร์ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ"

"เช่นกันครับผม"

เมื่อวางสายลง ชายหนุ่มก็ค่อยๆ เดินอย่างเงียบที่สุดไปยังร่างบางที่กำลังหลับฟุบกับโต๊ะ
ในมือยังจับดินสออยู่ ฆินทร์มองไปยังสมุดพกนั่น เห็นเป็นรูปหญิงสาวในชุดเจ้าสาว
กับชายหนุ่มในชุดเจ้าบ่าวที่กำลังจูงมือกัน ก่อนจะสังเกตเห็นรายละเอียดของชุดเจ้าสาว
ที่แตกต่างจากชุดในวันนิกะห์ ชายหนุ่มหยิบสมุดพกนั่นขึ้นมามองพิจารณาใกล้ๆ
ก่อนจะระบายยิ้มออกมา เมื่อเห็นว่าเธอวาดสร้อยข้อมือที่เขาเคยให้เธอลงไปในนั้นด้วย
แล้วสายตาก็วาดไปทางข้อมือหญิงสาวที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็พบกับสร้อยข้อมือนั้นอยู่บนข้อมือเธอ
ทั้งๆ ที่ตอนเข้าพิธีนิกะห์เขาไม่พบมันบนข้อมือเธอเลย ส่งผลให้รอยยิ้มบางๆ ค่อยๆ คลี่ออกกว้างขึ้น
นิ้วเรียวยาวค่อยๆ ปัดปอยผมนำไปทัดหูไว้อย่างเบามือ แล้วลากไล้แผ่วๆ ไปตามวงหน้างาม

"พี่ฆินทร์ขา" เสียงละเมอนั่นทำเอาเจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะยื่นหูเข้าไปใกล้ๆ
เพื่อที่จะฟังว่าเธอกำลังพึมพำว่าอะไร

"พระจันทร์สวยจังเลยค่ะ มาดูสิคะ ส้วยสวย ดวงใหญ่มากๆ เลยค่ะ" คนถูกชวนดูพระจันทร์วันเพ็ญ
ถึงกับตะแคงข้างมองใบหน้างามที่กำลังละเมอได้น่ารักเหลือเกิน
และอดใจไม่ไหวที่จะหอมแก้มนุ่มๆ นั่นฟอดใหญ่
แล้วยกร่างบางขึ้นอุ้ม เดินไปวางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม ห่มผ้าให้อย่างเบามือ
แล้วฝากจุมพิตหนักๆ ไว้กลางหน้าผากเกลี้ยงเกลา ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ กายหญิงสาว
กอดเธอไว้ ร่างบางก็ขยับเข้าหา ยกศีรษะเข้ามาหนุนแขนเขาเอาไว้ทันที
ท่าทางคล้ายลูกแมวที่เข้ามาคลอเคลียก็มิปาน

"หอมจัง กลิ่นนี้เลย" เสียงละเมอดังขึ้นอีกครั้ง แล้วก็เงียบไปเมื่อจมูกนั้นซุกเข้ากับอกเขา

คราวนี้คงไม่ได้หอมข้าว หอมของกินหรอกใช่มั้ยยัยตัวแสบ
เพราะเธอเล่นดมฉันซะขนาดนี้ ดมเอาดมเอาได้อย่างไม่เกรงใจเอาซะเลย
เธอต้องโดนทำโทษนะรู้มั้ย ฉันจะจดความผิดเธอเอาไว้ค่อยลงโทษทีเดียว



........................โปรดติดตามตอนต่อไป.............................................

เรื่องที่ดองมาร่วมสิบปี ในที่สุดก็ใกล้จะจบแล้วนะคะ ขอกำลังใจให้เต่าโยหน่อยค่ะ
ส่งเสียงดังๆให้ได้ยินกันบ้างนะคะ ถัดจากเรื่องนี้ก็อยากไปต่อเรื่องของบีบี้ค่ะ อิอิ



yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2566, 22:31:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2566, 22:31:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 169





<< บทที่ 21 พี่ชาย   บทที่ 23 ความงาม >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account