หะบีบี้...สุดที่รักของผม

หะบีบี้ น้องนุจสุดท้องแห่งตระกูลโสพณพสุธ
จะทำเช่นไร...

เมื่อการกลับสู่บ้านเกิดกลายกลับตาลปัตร
เป็นบ้านหลังอื่นที่ไม่เคยมีใครรู้ว่ามีอยู่จริงบนโลกนี้

"ดินแดนที่ไม่มีปรากฏบนแผนที่โลก"

ปรากฏแก่สายตา...



"คนแปลกหน้า" เธอคือคนแปลกหน้าสำหรับคนบนดินแดนนี้
และคนบนดินแดนนี้ก็คือ คนแปลกหน้าสำหรับเธอเช่นกัน


คนแปลกหน้าอย่างเธอจะต้องทำเช่นไรในดินแดนใหม่...

เมื่อการกลับสู่อ้อมอกพ่อแม่พี่น้องกลายกลับเป็นความว่างเปล่า

และเขา...คือ 'ภัยคุกคาม!'

ที่กำลังก่อกวนหัวใจเธอนับแต่วินาทีแรกที่ได้เจอ...

เขา...ผู้เป็น...อัศวินขี่ม้าขาวในฝันของเธอมาตลอด...
คนที่เธอเฝ้ารอคอยว่าจะได้เจอในความจริงสักครั้ง...

หากความจริงที่เจอ...กลับพลิกผันชีวิตเธอไปตลอดกาล...



Tags: รักโรแมนติก เพ้อฝัน ความลี้ลับ วิทยาศาสตร์ มุสตอฟา หะบีบี้ โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 17 ดาวลึกลับ

"และข้ายังรู้ด้วยว่า..." หะบีบี้รอฟังคำตอบจากปากของเขาด้วยใจจดใจจ่อ หากอีกฝ่าย
กลับแกล้งเธอ หันหลังให้แล้วเดินไปตรงระเบียงห้อง มองออกไปข้างนอกที่มีบรรยากาศ
อันแสนงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ หะบีบี้จึงเดินมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง แล้ววาดวงแขน
โอบรอบเอวสอบ แนบใบหน้ากับแผ่นหลังของเขา ทำเอาร่างสูงใหญ่ถึงกับสะท้านสะเทือน
ไปกับปฏิกิริยานั้นของภรรยาที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้อุ่นเตียงกันเลยแม้สักครั้งเดียว
แล้วเสียงออดอ้อนที่เอ่ยออกมานั้นอีกเล่า

"รู้ว่าอะไรหรือเจ้าคะท่านพี่เจ้าขา" มือใหญ่ถือโอกาสจับมือเล็กๆ ตรงหน้าท้องเขา

"รู้ว่า เจ้าจะมีเจ้าตัวเล็กตัวน้อยกับข้าอย่างไรเล่าหะบีบีสุดที่รักของพี่" หะบีบีถึงกับอ้าปากถ่างตากว้าง
กับคำคำนั้น หัวใจเต้นแรงจนต้องรีบผละร่างออกห่างจากเขา ทว่า มือใหญ่กลับไม่ยอม
รั้งมือหญิงสาวไว้ ร่างหญิงสาวจึงยังคงแนบแน่นอยู่กับแผ่นหลังของเขา จังหวะหัวใจของคนที่
แกล้งเขาครั้งแล้วครั้งเล่าส่งผ่านมาแผ่นหลังมาถึงเขาได้อย่างชัดเจนทีเดียว ก่อนจะจับร่างนั้นหมุนมาหา
หันมาเผชิญหน้ากัน แล้วรั้งร่างบางแน่งน้อยมานั่งบนตัก ก่อนจะรัดเอาไว้แน่นหนาในกรงแขน

"ขอหอมแก้มนี้ได้ไหมขอรับเจ้าหญิงแสนสวยของพี่" หะบีบี้กะจะเอียงแก้มหนี แต่กลับเอียงผิดฝั่ง
กลายเป็นการยื่นแก้มให้จมูกโด่งๆ ของเขาได้ฝังลงบนพวงแก้มเต็มๆ ทำเอาถึงกับสะดุ้งโหยง
หมายจะกระโดดหนี แต่ใจหนอใจ ดันกระโดดผิดฝั่ง กลายกลับตาลปัตร กระโดดเข้าไปหา
อ้อมกอดเขาเต็มๆ เป็นไงล่ะ โดนแม่เหล็ก ไม่ใช่สิ แบบนี้ต้องเรียก พ่อเหล็กดูดเข้าให้แล้วสิ
แถมดูดไม่ยอมปล่อยด้วย

"ละหมาดก่อนดีไหมเจ้าคะท่านพี่เจ้าขา"

"ได้" แล้วเขาก็อุ้มเธอขึ้น พาไปยังที่อาบน้ำละหมาด ก่อนจะละหมาดด้วยกัน
แล้วช่วยกันทำอาหารด้วยกัน รับประทานอาหารค่ำด้วยกัน เสร็จแล้วจึงออกไปเดินชมบรรยากาศ
ยามค่ำคืนบนดาดฟ้าของบ้าน ที่มีดวงดาวมากมายเกลื่อนเต็มฟ้า ความมืดที่ปกคลุมไร้แสงสีจากเบื้องล่าง
ส่งให้ดาวบนฟ้ากระจ่างชัด งดงามเหลือคำบรรยาย


เมื่อมองดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า...อดไม่ได้ที่จะมองเข้ามาในตัวเอง...
มองมาที่หัวใจที่กำลังเต้น...รับรู้ได้ถึงพลังอันมหาศาลของหัวใจ

ในโลกอันกว้างใหญ่...เราแค่มนุษย์ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
ไม่ต่างจากดาวดวงเล็กๆ ดวงหนึ่งในห้วงจักรวาล

จนอดคิดไม่ได้ว่า...หรือพระเจ้าได้ย่อจักรวาลมาไว้ในตัวเรา?

ในแต่ละวัน หัวใจเราทำงานไม่เคยหยุด ไม่เคยพัก เต้นอยู่ตลอดเวลา
การเต้นของหัวใจส่งผลให้เลือดวิ่งไปตามเส้นเลือด
เพื่อหล่อเลี้ยงบรรดาเซลล์เล็กๆ ให้กับอวัยวะต่างๆ เลือดไหลเวียนผ่านหัวใจที่กำลังเต้น...

เป็นเรื่องยากมากเลยนะที่เราจะสามารถ
วัดขนาดความยาวของเส้นเลือดทั้งหมดในร่างกายเรา
ว่ามีความยาวกี่ล้านล้านไมล์ อาจยาวกว่าความยาวของโลกใบนี้หลายเท่าก็ได้
หรืออาจจะยาวไปจนสุดขอบจักรวาลก็ได้

และด้วยพลังมหาศาลขนาดไหนหนอที่หัวใจเรานั้นสามารถทำหน้าที่ส่งเลือดไปยัง
จุดต่างๆ ผ่านเส้นเลือดที่ยาวแสนยาวนั่นได้มาหลายสิบปี...

หัวใจไม่ใช่แค่สูบฉีดเลือด ไม่ใช่ 'แค่'
แต่หัวใจเรากำลังบอกเราอยู่ทุกเสี้ยววินาทีว่า
ถ้ามันดี ทุกอย่างจะดีด้วย

และถ้ามันหยุดเต้น
ระบบทุกอย่างในร่างกายจะหยุดด้วย...

หะบีบี้ผู้ที่มีบิดาเป็นแพทย์ศัลยกรรมทรวงอก ซึ่งผ่านการผ่าตัดหัวใจผู้คนมามากมาย
ล้วนได้รับรู้รับฟังเรื่องราวของหัวใจจากผู้เป็นบิดามาตั้งแต่เด็ก

วันนี้ที่ได้มานอนเคียงข้างบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี จึงอดไม่ได้ที่หวนคิดถึง
คำสอนมากมายของผู้เป็นบิดา ที่ไม่ว่ากี่คราที่ระลึกนึกถึง น้ำตาจะรื้นขึ้นมาเสมอ
จึงเลือกจะแหงนหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง...
แล้วถามหัวใจตัวเอง ให้หัวใจได้ใคร่ครวญ...ว่า...
ดวงดาวมากมายที่กำลังส่องแสงอยู่นั่น...

มันได้รับแสงสว่างมาจากที่ใด

แล้วถามหัวใจอีกครั้งว่า...เลือดที่ไหลเวียนในร่างกายเราที่หัวใจเราทำการสูบฉีดนั้น
มันมาจากที่ใด

แล้วเมื่อหัวใจหยุดทำงานลง เลือดที่เคยไหลเวียนอยู่ในระบบหายไปไหนหมด...

มันแค่สลายตัวไปแบบทันทีทันใด...
หรือเราแค่ถูกทำให้มองไม่เห็นมัน
เหมือนที่เราถูกทำให้มองไม่เห็นดวงดาวในเวลากลางวันรึเปล่า?

หัวใจก็อยู่ตรงนี้ กำลังเต้นอยู่ แต่ช่างเป็นอะไรที่น่าพิศวงเหลือเกิน
ยังมีอะไรอีกมากมายมหาศาลที่เราไม่รู้...

เรามิอาจรู้ได้ในหลายๆ อย่างและหลายอย่างที่เราไม่รู้
นั่นอาจเพราะความเมตตาอันกว้างขวางของผู้สร้างที่ทรงห่วงใยเรา
จึงปิดความรู้นั้นไว้...

เพราะหากเราได้รู้ในสิ่งที่ถูกปิดไว้สำหรับเรา
เราอาจจะไม่สามารถยิ้มและหัวเราะออกมาได้อีกเลยก็ได้

เมื่อมองไปบนท้องฟ้า...และมองมายังตัวเอง หะบีบี้ก็กล่าวถ้อยคำนึงออกมาอย่างแผ่วเบา
ทว่าหนักแน่น จนผู้ที่นอนอยู่ข้างๆ ได้ยินถึงกับยิ้มบางๆ ทีเดียว

"ยาอัรฺฮามัรฺ รอฮิมีน" ว่าพลางนิ้วเรียวก็ชี้ไปยังดาวดวงหนึ่ง ที่กำลังทอประกายระยิบระยับ

"นั่นไงคะ ดวงดาวของบีบี้" หญิงสาวเอ่ยบอกเค้าด้วยสำนวนภาษาที่ใช้กับบิดามารดาและคนในครอบครัว

"ทุกคนในครอบครัวของบีบี้ จะมีดวงดาวของตัวเองกันหมดเลย และดวงนั้นคือ ดวงดาวของบีบี้
ท่านพี่จดจำตำแหน่งของมันไว้นะเจ้าคะ" มุสตอฟาทอดสายตามองไปยังดาวดวงนั้นก่อนจะหันมา
มองคนข้างๆ

"ช่างบังเอิญเหลือเกิน เพราะดวงดาวที่อยู่ใกล้กันนั้น คือ ดวงดาวของพี่" เขาแทนตัวเองสั้นๆ แค่คำว่า
'พี่' ซ้ำๆหลายคราจนทำให้หะบีบี้รู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก เขาใส่ใจแม้แต่สำนวนภาษาที่เธอใช้เป็นปกติมาตลอดสินะ

ช่างใส่ใจรายละเอียดและละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของผู้อื่นอะไรเยี่ยงนี้หนอ ไม่ไหวจะประทับใจแล้วจริงๆ

"มันคือดาวลึกลับที่สามารถมองเห็นแค่เพียงคืนที่ฟ้ามืดมิดที่สุดเท่านั้น พี่หวังเพียงเจ้าจะจดจำมันเอาไว้
วันใดที่พี่ไม่อยู่เคียงข้างเจ้า เจ้าจะมีมันเป็นตัวแทนความรักความห่วงใยของพี่ที่มีต่อเจ้าตลอดไป"

พูดจบก็พบว่ามือของหะบีบี้ได้กุมมือของเขาเอาไว้แน่น เขาจึงจำใจต้องเอื้อนเอ่ยในสิ่งที่อีกฝ่าย
ย่อมไม่ปรารถนาจะได้ยิน ทว่า จำเป็นต้องรับรู้เอาไว้

"จะมีมาซึ่งวันหนึ่ง วันที่เราจักต้องพลัดพรากจากกัน วันแห่งการร่ำลาย่อมต้องมาถึง

วันนั้นจักต้องมาถึงในสักวันเป็นแน่แท้อย่างมิต้องสงสัย"

หะบีบี้หันมาหาเขา ใช้ฝ่ามือปิดปากเขาเอาไว้ น้ำตาซึมก่อนจะหยดร่วงลงบนผิวแก้มของมุสตอฟา

ทำไมเขาต้องเอาอะไรแบบนี้มาพูดในยามนี้ด้วยเล่า

"อย่าพูดเช่นนี้ บีบี้ไม่อยากฟัง" หญิงสาวเอาแต่ส่ายหน้า ทว่า มือใหญ่ได้คว้ามือที่ปิดปากเขาเอาไว้
มากุมเอาไว้ ลุกขึ้นประคองร่างของหะบีบี้มาซบอกตน

"พี่จะไม่บีบบังคับเจ้าให้ร่วมหอกับพี่ แม้ว่าพี่จะปรารถนาในตัวเจ้าเพียงใดก็ตาม
หะบีบี้ พี่จักให้เจ้าเป็นผู้เลือก เจ้าเลือกได้ว่าจะร่วมหอกับพี่ หรือจะอยู่ในสถานะชายา
โดยไม่ต้องร่วมหอ ทั้งหมดนี้ พี่ให้อิสระแก่เจ้าในการเลือกเฟ้น" แววตาที่ทอดมองมายังเขาดูสั่นไหว
เขาเข้าใจได้เป็นอย่างดีในความอ่อนไหวของเธอ สตรีผู้นี้มาจากดินแดนอื่นที่เขาไม่เคยรู้จัก ย่อมต้องสับสนลังเลใจ

หะบีบี้น้ำตาร่วงพรู มองมือที่กุมมือเธอเอาไว้ เธอรับรู้ถึงความในใจที่เขามีต่อเธอ
ความรักที่เขาให้เธอมา หล่อเลี้ยงหัวใจของเธอ ยามได้อยู่กับเขาเธอมีความสุขเหมือนอยู่ในความฝัน
กับชายในฝันที่แสนดีและอบอุ่น

สตรีในดินแดนนี้ต่างอิจฉาเธอที่ได้เป็นชายาของเขา เธอควรดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างเขา
เธอควรจะยินดีและตอบรับเขาไปในทันที แต่ยิ่งรัก เธอก็ยิ่งกลัว
ยิ่งลึกซึ้ง ก็ยิ่งหวาดหวั่นหวั่นไหว ความสับสนลังเลใจเช่นนี้มันยังวนเวียนไปมาไม่ยอมหายไปจากใจเธอเสียที

จักทำอย่างไรก็หาเป็นผลไม่ เธอก็หมดสิ้นหนทางจะแก้ไขปัญหาหัวใจตน

อยากรัก แต่ก็กลัวรักทำหัวใจสลาย และก็คิดวกวนเช่นนี้อย่างไร้ทางออกไปจากห้วงความคิดเหล่านี้ได้

"บีบี้ขอหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ได้หรือไม่" น้ำเสียงสั่นๆ พยายามเอื้อนเอ่ยประโยคดังกล่าวออกมา
มือใหญ่ได้ฟังก็ยกขึ้นลูบเส้นผมของเธอ ลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน

"บีบี้กลัว กลัวเหลือเกิน" พูดจบก็โผเข้ากอดเขาเอาไว้แน่น วาดแขนขึ้นโอบรอบคอเขา
ก่อนจะร้องไห้โฮออกมาไม่ยั้ง ปลดปล่อยความอัดอั้นทั้งหมดออกมา เสียงร้องไห้นั่น
ทำให้หัวใจกล้าแกร่งดุจขุนเขาถึงกับสั่นสะท้าน ยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังหญิงสาวเป็นการปลอบประโลม

"บีบี้กลัวว่า ตื่นขึ้นมาจะไม่เจอท่านพี่ และเรื่องราวทั้งหมดของเราจะกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน"

"จะอย่างไร ความจริงก็คือ พี่รักเจ้า พี่รักบีบี้" เสียงสะอื้นสงบลงพลันเมื่อได้ยินประโยคนี้จากเขา
น้ำเสียงที่หนักแน่นทว่าอ่อนโยนเช่นนี้ได้เข้ามาปัดเป่าเอาความกลัวและความอ่อนไหวไปจากเธอ
จนน่าเหลือเชื่อ ยิ่งประโยคต่อมา ยิ่งทำให้เธอมั่นใจ และตัดสินใจได้ในที่สุด

"ทุกความรักที่จางหายไปไม่ใช่ความรัก
ทุกความรักที่เปลี่ยนแปลงก็มิใช่ความรัก
แต่ทว่าความรักที่แท้จริงนั้นคือสิ่งที่มั่นคง"

หะบีบี้สวมกอดสวามีไว้ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยต่อเขาออกไปโดยไม่ลังเลใจอีกต่อไปแล้วว่า

"ท่านพี่คือ ของขวัญที่บีบี้รอคอยมาตลอด บีบี้ก็รักท่านพี่ ชั่วชีวิตนี้จะรัก ภักดี ซื่อสัตย์ต่อท่านพี่
แต่เพียงผู้เดียว ไม่ขอมีใครอื่นอีกตลอดชีวิต" ก่อนจะหยุดนิ่ง สบตากับเขาขณะเอ่ยต่อไปว่า

"บีบี้เต็มใจและยินดีที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับท่านพี่ ยินดีที่จะมอบความสุขแก่ท่านพี่
ท่านพี่มุสตอฟาโปรดจงสั่งสอน" ท้ายประโยคนั้นคนพูด พูดแล้วก็ถึงกับหน้าแดงก่ำ ปากสั่น เสียงสั่น
ส่งผลให้ได้เห็นรอยยิ้มจากใบหน้าคมเข้ม เปิดยิ้มที่ทอประกายในขณะที่ดวงตาวิบวับนั่นระยับพราว

ก่อนจะตอบรับสั้นๆ ทว่าส่งผลให้หัวใจคนฟังถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งทรวงว่า

"ได้"

ดั่งประกาศิต คืนนั้นค่อนคืน หะบีบี้จึงอยู่รับการสั่งสอนจากท่านพี่มุสตอฟาของเธอ ก่อนจะหลับไปในอ้อมกอด
อันร้อนเร่าของสวามีที่ดีกรีความร้อนแทบแผดเผาเตียงให้มอดไหม้

นี่มิใช่การอุ่นเตียงอย่างที่หะบีบี้คิดไว้เลย มันเกินคาด ใครจะคิดเล่าว่า บุรุษที่หน้านิ่งๆ
ดูอบอุ่นอ่อนโยน ละมุนละม่อม ไร้พิษสงอันใด จะร้อนแรงจนเตียงที่อุ่นนั้นเกือบไหม้เช่นนี้

และแน่นอนว่า เธอก็โดนเขาเผาไหม้เกรียมไปแล้วเรียบร้อยก่อนเตียงเสียอีก
หมอนน่ะหรือ ไม่มีให้รองอีกแล้ว มันดูจะปลิวหายไปไหนก็สุดจะรู้ได้

ก็ใช้แขนของเขาต่างหมอนรองหัวไปนั่นแหละหนา เอาให้แขนชาไปเลย
เป็นการตอบแทนที่สอนวิชาให้จนเธอหลอมละลายได้เยี่ยงนี้

ภายใต้ผืนฟ้าเวหาแห่งรัก มีเขาอยู่เคียงเธอ ไร้ผู้ใดรบกวนรอบข้าง
มีเพียงแสงระยิบระยับของดาวลึกลับเช่นเขาที่ทอประกายสาดส่อง
ภายใต้ดาวจรัสแสงแฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งอารมณ์ความรู้สึก
สะกดหัวใจเธอ แล้วเข้ามาขโมยหัวใจเธอ โดยที่เธอรู้เห็นเป็นโจรไปกับเขาด้วยอย่างมิอาจ
ต่อต้านและขัดขืนได้เลย ดื่มด่ำล้ำลึกเข้าไปในความมืด ที่ไร้หนทาง เธอต้านทานไม่ไหว
จนหัวใจถูกเกาะกุม ถักทอ ครอบงำได้ทั่วทั้งหัวใจเธอ

และไม่ว่าจะอย่างไร เธอมั่นใจว่า เธอตัดสินใจถูกต้องแล้ว
เขามิใช่สิ่งมีชีวิตที่เธอจะนิยามได้ง่ายๆ เลย เขามีอะไรอีกมากมายให้เธอค้นหา
และนั่นแล คือ ความตื่นเต้นที่ดึงดูดหัวใจเธอให้ออกเดินทางต่อไป

ยอมแลกด้วยชีวิตและหัวใจ


.............................โปรดติดตามตอนต่อไป..............................

กว่าเต่าจะปั่นตอนนี้เสร็จก็พิมพ์แล้วลบ แล้วก็พิมพ์ๆลบๆไม่รู้กี่รอบค่ะ

พยายามให้ลงตัวกลมกล่อม เหมาะสมแก่เยาวชนที่น่ารักทั้งหลายในการเสพอักษร อิอิ

หวังว่านักอ่านจะเพลิดเพลินไปกับตัวอักษรไม่มากก็น้อยนะคะ

มีอะไรติติงติชมกันมาได้ตลอดนะคะ ทุกๆคำติชมส่งผลให้นักเขียนพัฒนางานเขียนได้เป็นอย่างมากค่ะ

ใกล้หมดปีไปอีกปีแล้ว

รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

"เต่าโย"








yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ธ.ค. 2566, 23:13:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ธ.ค. 2566, 23:13:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 226





<< ถนนสายหัวใจ   บทที่ 18 แค่ฝัน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account