Valensole ลาเวนเดอร์...ที่รัก
ความรักระหว่าง 'วาลองโซล' หนุ่มฝรั่งเศสผู้ไม่เคยแพ้
กับ 'ลาเวนเดอร์' หรือ 'น้องลา' สาวญี่ปุ่น ผู้หญิงขี้แพ้

วาลองโซล คือ ดินแดนแห่งการเดินทางของลาเวนเดอร์
ที่ที่ลาเวนเดอร์บานสะพรั่งสวยงามแต่งแต้มผืนดิน
เป็นสีม่วงคราม...งดงามจับใจ
Tags: แต่งก่อนจีบ ไสยศาสตร์ มนต์ดำ รักแท้

ตอน: บทที่ 7 เขาคือใคร

ลาเวนเดอร์ลืมตาตื่นมา ก็เห็นต้นไม้สีเขียวสดปกคลุมเหนือศีรษะ กิ่งพัดไกวลู่ลม พลิ้วตามลมผ่านพัดไปมา
มีหิมะสีขาวโปรยปรายลงมา เป็นภาพที่สวยงามหาได้ยากมากๆ ก่อนจะมองไปรอบๆ ตัว
ก็พบว่าตนกำลังอยู่ในบ้านหรืออาคารสักแห่ง มีทีวีขนาดใหญ่กำลังเปิดอยู่ เป็นรายการอะไรสักอย่าง
มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน มีโซฟา หลังคาและฝาผนังล้วนทำด้วยกระจกทั้งหมด ทำให้เห็น
ทิวทัศน์ข้างนอกชัดเจน เมื่อลุกขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ ไม่ใช่ห้องส่วนตัว
และที่ตนเองนอนอยู่คือ โซฟาตัวใหญ่และกว้างขวาง มีผ้าห่มขนสัตว์อย่างดีนุ่มนิ่มให้ความอบอุ่น
มีดวงไฟแสงสีส้มนวลตาที่ตกแต่งอย่างหรูหราให้แสงสว่างภายใน พอลุกขึ้น เท้าแตะพื้นห้อง
ก็พบว่าเป็นพื้นไม้ที่อบอุ่น แม้ไม่มีพรม หญิงสาวหันไปมองแสงเทียนจากเทียนทั้งสองเล่ม
ที่วางอยู่บนโต๊ะกลางห้องโถง หมายจะเดินไปใกล้ เพราะเป็นคนที่ชอบแสงนวลๆ ของเทียน
ทว่า กลับรู้สึกเวียนหัว วูบๆ วาบๆ ขึ้นมา มือบางยกขึ้นแตะขมับตน แล้วค่อยๆ พยายามประคอง
ร่างตัวเองไปยังแสงเทียนนั่น ก่อนจะนั่งกับพื้นไม้ มือเท้าคางบนโต๊ะแล้วมองแสงเทียนอย่างเพลินใจ
ราวกับไม่สนใจว่า ตนเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง และใครมาพา แล้วก็ฟุบหลับไปอีกครั้งในสภาพที่
ศีรษะซบลงบนโต๊ะ

"เขาเป็นยังไง" เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นขณะที่ยืนห่างจากร่างของคนที่นอนฟุบหลับอยู่กับโต๊ะ
ไปสามเมตร ทว่าสายตามิได้คลาดห่างจากร่างนั้นเลยแม้แต่วินาทีเดียว

"ตื่นขึ้นมาก็คลานไปหาแสงเทียนที่โต๊ะแล้วก็ฟุบหลับไปค่ะ"

"สังเกตพฤติกรรมของเขาอย่าให้คลาดสายตานะซันนี่ มีอะไรให้รีบรายงานผมทันที"

"ค่ะคุณหมอ" แล้วร่างสูงโปร่งก็เดินจากไป

เพียงไม่นาน ซันนี่ก็ได้เห็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่ออยู่ร่างบางระหง สวยสมส่วนงดงาม
ในชุดนอนหนาก็ลุกขึ้นมาร่ายรำ ทั้งๆ ที่ดวงตายังปิดสนิท ด้วยท่วงท่าร่ายรำที่เธอไม่เคยพบเห็น
จากที่ใดมาก่อน จึงรีบรายงานให้ทางเจ้านายได้รับทราบ เพียงไม่นาน ร่างสูงโปร่งก็เดินมายัง
ห้องโถง ก็เห็นดั่งที่ลูกน้องรายงาน

ภาพของหญิงสาวที่กำลังร่ายรำด้วยท่วงท่าที่ยากที่คนทั่วไปจะทำได้นั่น ทำให้แววตาของ
ชายหนุ่มถึงกับไหววูบ ก่อนจะแทนที่ด้วยดวงตาคมกริบในเวลาต่อมา มิเพียงร่ายรำ ร่างระหงของเธอ
ยังกรีดกรายไปมาพร้อมกับเสียงพึมพำบทสวดบางอย่างออกมาด้วย

ชายหนุ่มอ่านบางอย่างแล้วเดินเข้าไปหาร่างบางก่อนจะวางฝ่ามือลงกลางกระหม่อมนั่น
ร่างของหญิงสาวก็ร่วงพรูลงกับพื้น ชายหนุ่มจึงอุ้มขึ้นไปวางบนโซฟาที่เดิมที่เธอนอน
หันไปสั่งลูกน้องว่า

"ช่วยชงชาฝาดๆ ผสมกับน้ำผึ้งมาให้ผมหน่อย" ซันนีพยักหน้าแล้วหายไปก่อนจะกลับมาพร้อมกับ
ถ้วยชาในมือ

"ช่วยกรอกชาให้เขาหน่อย เดี๋ยวก็คงฟื้นคืนสติ" ซันนีทำตามคำสั่ง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้

"เธอเป็นอะไรหรือคะคุณหมอ ทำไมถึงมีท่าทางแปลกๆ ละเมอหรือคะ"

"ไม่หรอก มีบางอย่างกำลังรบกวนเธอ ก่อกวนเธออยู่"

"คุณหมอเห็นมันหรือคะ"

"เปล่าหรอก แต่เธอคงเห็นมัน ถึงได้ทำท่าแปลกๆ แบบนั้น"

"ซันนีว่า ท่าร่ายรำเมื่อกี้นั้น มันคุ้นๆ อยู่บ้างนะคะ"

"เธอเคยเห็นด้วยหรือท่าร่ายรำพิสดารแบบนั้น"

"ค่ะ แต่ที่เคยเห็นไม่พิสดารแบบที่เธอทำค่ะ ท่ายากๆ แบบนั้น คนปกติทั่วไปไม่น่าจะทำได้กันหรอกค่ะ"

"รู้มั้ยว่าเธอร่ายรำอะไรเมื่อกี้"

"คล้ายรำโนราของประเทศทางฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ"

"ไทย มาเลย์ หรือเขมรล่ะ"

"คิดว่าไทยค่ะ ทางตอนใต้ของประเทศไทย ติดกับประเทศมาเลย์"

"แม่ของเธอก็เกิดและเติบโตที่นั่นไม่ใช่หรือ" เขาหยั่งถาม

"แต่เธอเกิดและเติบโตที่ญี่ปุ่น และถูกแม่ทิ้งไปตั้งแต่สี่ห้าขวบ เป็นไปไม่ได้เลย
ที่เธอจะถูกสั่งสอนฝึกฝนให้ร่ายรำแบบนี้ผ่านทางแม่ค่ะ"

"แล้วถ้าผมบอกว่า ไม่ใช่ผ่านทางแม่ แต่ผ่านทางตัวแทนของแม่ล่ะ"

"ยังไงคะหมอ"

"เอาไว้รอเธอตื่น แล้วเรามาฟังเธอพูดด้วยกัน"

"เธอสวยมากๆ เลยค่ะ ขนาดไม่ได้แต่งตัวสวยๆ หน้าสด ยังงดงามไร้ที่ติ แม้แต่ตอนหน้าตามอมแมม
ก็ยังสวยทะลุฝุ่นออกมา ผมก็สลวยสวยเงาวาวนุ่มนิ่มราวกับเส้นไหมสีทอง
ยิ่งตอนร่ายรำซันนีที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน มองเพลินราวกับตกอยู่ในมนต์เสน่ห์
ที่ดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก สวย สง่า สวยล่มเมืองก็ว่าได้ค่ะ สวยจนน่าเป็นห่วง ซันนีไม่เคยเจอใคร
ที่สวยขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ สวยสะกดหัวใจ สวยแบบดูไม่เบื่อ ให้มองเธอนอนหลับเฉยๆ
ยังได้เลยค่ะ นี่ซันนี่เป็นหญิง แล้วผู้ชายที่ได้เห็นจะยั้งใจไว้ได้อย่างไรไหว"

พูดไปเรื่อยก็ให้นึกขึ้นได้ว่าคนที่ตนสนทนาด้วยอยู่ก็คือ ผู้ชาย
จึงถึงกับกระดากอายขึ้นมา ไม่กล้าหันไปเจอสายตาคมกริบคู่นั้น

"เดี๋ยวเธอสวมผ้าคลุมหัวให้เขาด้วย เก็บผมเขาปกปิดให้เรียบร้อยกว่านี้
ทุกๆ เอารัตต้องปกปิดไว้อย่างดี อย่าให้ต้องบอกซ้ำๆ ผมไม่ชอบพูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ"

"ค่ะคุณหมอ ซันนีผิดเองที่ลืมเรื่องนี้ไปเลย"

"เลือกผ้าคลุมที่โปร่งสบาย ผืนใหญ่ๆ จะได้ไม่รัดติ้วและไม่อึดอัด"
เขากำชับเสียงเข้มเย็นยะเยือกจนคนฟังถึงกับรู้สึกเย็นวาบ

"ได้ค่ะ"

"มีอะไรก็รายงานผม" ว่าแล้วก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ เช่นเคย ทำเอาลูกน้องถึงกับ
กระอักกระอ่วนใจไม่น้อยกับท่าทีเช่นนั้นของเจ้านาย เธอกับบิดาได้รับคำสั่งจากมารดาของเจ้านาย
ให้มาช่วยสอดส่องดูแลเรื่องที่อยู่อาศัยของเจ้านายให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ไม่นึกฝันว่าอยู่ๆ เจ้านายก็ใช้ให้เธอติตตามเขามาเพื่อสอดส่องหญิงสาวผู้นี้
ที่เพียงเธอได้พบเห็นครั้งแรกก็ถึงกับตะลึงในความงาม ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ ชัดๆ ยิ่งตะลึง
เป็นความงามที่ยากจะบรรยายออกมาได้ ทั้งยังมีความน่ารักน่าใคร่ จนเธออดหวั่นใจไม่ได้ว่า
เจ้านายของเธอ จะรอดจะอดใจได้อย่างไร ในเมื่อหญิงสาวผู้นี้งดงามถึงเพียงนี้
ไม่คิดว่าจะมีชายใดจะละวางสายตาไปได้ด้วยซ้ำ

ทว่า เจ้านายของเธอกลับนิ่งสงบและเย็นยะเยือกเหลือเกิน นิ่งจนยากจะคาดเดาความรู้สึกนึกคิด
และเธอก็ไม่อาจคาดคะเนได้เลยว่า เจ้านายของเธอมีเป้าหมายอย่างไรกันแน่กับภารกิจนี้
รู้แค่ว่า จริงจังมากกว่าทุกเรื่องที่ผ่านๆ มา

ภายใต้ห้องสลัวๆ ร่างสูงโปร่งนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน มือกุมสวิตช์โคมไฟ แล้วกดเปิดปิดไปมา
แววตาครุ่นคิดอย่างหนัก ใบหน้านิ่งตึง ก่อนจะหลับตาลง เสียงโทรศัพท์ส่งผลให้แววตาคมกริบ
เปิดกว้างขึ้น

"ว่าไง" เสียงทุ้มเข้มจัดเมื่อรับสายอีกฝ่าย

"เคลียร์บ้านเรียบร้อยแล้วครับ"

"ปิดตายไปเลย"

"ได้ครับ"

.........................

ตกดึกลาเวนเดอร์ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความหิวโซ ท้องร้องประท้วง ทำให้สติกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์
มองหาของกินไปรอบๆ ตัว กระหายน้ำอย่างที่ไม่เคยกระหายเช่นนี้มาก่อน

"ดื่มน้ำก่อนสิคะ" หญิงสาวหันไปตามเสียงนั้นก็พบกับสตรีวัยน่าจะมากกว่าเธออยู่หลายปี
ก่อนจะมองถ้วยกาแฟในมือนั่น อดไม่ได้ที่จะลอบกลืนน้ำลายลงไปในคออันแห้งผาก
แต่ยังไม่กล้ารับมันมาดื่ม แม้อีกฝ่ายจะพยายามยื่นให้ก็ตาม

"ฉันซันนีค่ะ ฉันเป็นคนไปช่วยพาคุณออกมาจากบ้านโบราณหลังนั้นค่ะ" แววตาสวยเป็นประกาย
ก่อนจะเปิดรอยยิ้มสวยน่ารักเป็นครั้งแรก ทำเอาคนมองถึงกับทำน้ำในมือหก ต้องรีบประคองไว้อย่างไว

"ขะ ขอโทษค่ะ ฉันนี่ซุ่มซ่ามจัง"

"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวลาขอรับน้ำไว้นะคะ"

"ดื่มเถอะค่ะ มันคือ ชาดำ จะได้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น เพราะคุณหลับไปหลายชั่วโมงแล้ว"

"ฝาดแต่หวานจัง" ริมฝีปากรูปกระจับขยับพูดเมื่อรับน้ำชาไปดื่มแล้วด้วยแววตาพึงพอใจ

"สนใจอาหารมื้อค่ำมั้ยคะ" หัวทุยๆ ไม่ลังเลใจที่จะพยักหน้าทันที เพราะสัมผัสได้ถึง
ความเป็นมิตรจากอีกฝ่าย ทำเอาท่าทางน่ารักเช่นนั้นของเธอส่งผลให้มุมปากหยัก
ของคนที่อยู่ห่างออกไปไกลตรงมุมอับของบ้านถึงกับยกขึ้นก่อนจะจางหายไปในวินาทีต่อมา

"งั้นรอสักครู่นะคะ"

เพียงไม่นาน เซตอาหารมื้อค่ำก็วางตรงหน้าของลาเวนเดอร์ เธอที่ในตอนนี้นั่งพับเพียบกับพื้นไม้
อาหารวางอยู่บนโต๊ะ และไม่รอให้ใครได้เอื้อนเอ่ยคำใด หญิงสาวก็ตักอาหารเข้าปาก
ด้วยสีหน้ามีความสุข เพราะรสชาติกลมกล่อม อร่อยจนเพลิดเพลิน ไม่เคยเลยที่ชีวิตนี้
ลิ้นเธอจะได้สัมผัสกับอาหารเลิศรสเช่นนี้ หญิงสาวกินไปเงียบๆ ไม่ชวนใครคุย
เพราะชินกับการกินข้าวคนเดียว อยู่คนเดียว จนกระทั่งอาหารตรงหน้าเกลี้ยงแวววาว
ไม่มีสิ่งใดตกหล่นเหลือไว้เลย หิวน่ะใช่ แต่เธอก็ให้เกียรติทุกชีวิตที่ถูกนำมาประกอบเป็นอาหาร
จึงกินทุกอย่างให้หมด แม้ว่าจะมีบางอย่างที่เธอไม่ชอบอยู่บ้าง เธอก็กินมัน
เพราะมันมีคุณค่าเกินกว่าที่เธอจะทิ้งมันลงถังขยะอย่างไร้ค่า

และนั่นสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ที่ทำอาหารมื้อนี้เป็นอย่างมาก แววตาของเขาถึงกับทอประกาย
อย่างมีความสุขทีเดียว ยิ่งได้ยินสิ่งที่หญิงสาวผู้นี้เอื้อนเอ่ยออกมา ยิ่งประทับใจยิ่งนัก

"อร่อยจังเลยค่ะคุณซันนี ฉันไม่เคยกินอาหารที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ
เคยทำงานในร้านอาหารมาหลายร้านก็ยังไม่เคยเห็นและไม่เคยกินอาหารที่
รสชาติดีขนาดนี้มาก่อนเลย อัลฮัมดุลิลลาห์ ขอบคุณมากๆ นะคะคุณซันนี"

"ไม่ใช่ซันนีหรอกค่ะที่ปรุง ซันนีไม่เก่งเรื่องอาหารเลยค่ะ" คิ้วดกสีน้ำตาลเข้มเลิกขึ้นแล้วพยายาม
มองหาบุคคลที่สาม ทว่า ไม่เจอ

"เขาคือใครหรอคะ"

"เจ้านายของซันนีเองค่ะ เก่งทุกเรื่องค่ะคนนี้"

"ดีจังเลยนะคะ เธอคงสวยมากๆ แน่ๆ เลย" ซันนีถึงกับสะดุ้งก่อนจะหลุดขำออกมาโดยไม่น่าเกลียดนัก

"ทำไมหรือคะ เจ้านายคุณซันนีไม่สวยหรือคะ"

"ไม่สวยเลยค่ะ"

"ไม่เชื่อหรอกค่ะ อาหารอร่อยขนาดนี้ คนทำต้องสวยมากๆ แน่นอน" ลาเวนเดอร์รีบแย้งทันที
ด้วยรอยยิ้มหวานใส เพราะพอได้กินของอร่อยๆ แล้วอารมณ์ดูจะดีกว่าปกติแบบดีมากๆ

"ไม่สวยจริงๆ ค่ะ ไม่สวยเอามากๆ แต่หล่อค่ะ หล่อมากๆ" ดวงตาสองสีเบิกกว้างเมื่อได้ยิน
ตรงท้ายประโยค

"ผู้ชายหรือคะ"

"ใช่แล้วค่ะ เจ้านายของซันนี เป็นผู้ชาย และก็ โสดด้วยนะคะ ยังไม่มีลูกไม่มีเมีย ไม่มีแฟนด้วย"

"คนหล่อมากๆ ยังมีหลงเหลืออยู่อีกหรือคะที่เป็นโสดไม่มีใครจับจอง"

"ก็เหมือนคนสวยๆ แบบคุณไงคะ ที่ยังโสดเหมือนรอใครมาจับจองอยู่"

"ฉันไม่เขินหรอกค่ะ อย่าพูดชมให้ยากเลย" ลาเวนเดอร์หัวเราะน้อยๆ อย่างน่ารักสมวัย
โชว์ทั้งเขี้ยวเล็กๆ กับลักยิ้มทั้งสองแก้ม

"คุณจะรู้ตัวรึเปล่าไม่รู้นะคะ แต่คุณสวยมากๆ มากจริงๆ สวยและน่ารักที่สุดเลยค่ะ"

"ไม่เห็นจะมีใครชมฉันทั้งปากทั้งตาแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ"

"ก็แน่น่ะสิคะ เพราะซันนีเป็นคนที่ปากกับตาตรงกันค่ะ อิอิ"

"คุณซันนีดูจริงใจจังเลยค่ะ"

"ไม่มีใครจริงใจได้เท่าซันนีแล้วค่ะ ฮ่า"

"แล้วเจ้านายคุณซันนีเป็นใคร อยู่ที่ไหนหรือคะ ฉันอยากจะขอบคุณเขาค่ะ"

"ฝากซันนีไปก็ได้ค่ะ เดี๋ยวซันนีเอาคำขอบคุณไปให้ถึงที่เลยค่ะ"

"จะดีหรือคะ ไม่ให้ฉันขอบคุณโดยตรงหรือคะ"

"อยากเจอเจ้านายซันนีใช่มั้ยละคะ" แววตาเย้าหยอกนั้นทำเอาลาเวนเดอร์เขินอายขึ้นมานิดๆ
ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วบอกออกไปตามตรงว่า

"ค่ะ อยากเจอคนที่ทำอาหารอร่อยขนาดนี้มากๆ ค่ะว่าจะหน้าตาเป็นแบบไหน
และก็คงเป็นเจ้านายคุณซันนีด้วยแน่ๆ เลยที่พาฉันมาไว้ที่นี่"

"เอาไว้ซันนีจะไปบอกเจ้านายให้นะคะว่าคุณอยากเจอ"

"ขอบคุณค่ะ" รอยยิ้มละมุนๆ นั่นทำเอาคนมองทั้งสองคนถึงกับมองเพลิน แม้ว่าคนที่แอบมองอยู่ไกล
จะรู้ว่าไม่ควรทำแบบนี้ แต่ก็อดไม่ได้

"นี่ถ้าซันนีมีพี่ชายหรือน้องชายนะ จะยุให้จีบคุณเลยค่ะ"

"ทำไมหรือคะ"

"สวยขนาดนี้ ซันนีอยากได้ไว้ประดับบ้านเรือนน่ะสิคะ แค่ได้มองคุณเฉยๆ ก็สบายตาสบายใจแล้ว"

ลาเวนเดอร์ถึงกับสำลักน้ำที่กำลังยกขึ้นจิบเมื่อได้ยินประโยคนั้นเข้า

"ขนาดนั้นเลยหรือคะ"

"งั้นเดี๋ยวเรามาเล่นแต่งตัวกันมั้ยละคะ แล้วมาดูกันว่า ที่ซันนีพูดน่ะจริงแค่ไหนกัน"

"เอาสิคะ ตื่นมาตอนกลางคืนแบบนี้ ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกันค่ะ"

"งั้นเรามาเริ่มกันเลยค่ะ มาค่ะ ลุกขึ้นไปด้วยกัน" ว่าแล้วก็จับร่างโปร่งระหงในวัย 19 ปีลุกขึ้นเดินไปยัง
ห้องแต่งตัว ก่อนจะทำการขัดผิวให้หญิงสาวจนผุดผ่อง แล้วพามานั่งตรงกระจกบานใหญ่

"เริ่มกันเลยนะคะ ก่อนอื่นเลย ซันนีจะเป่าผมสวยๆ สีทองของคุณที่เป็นลอนสวยแบบบาร์บี้ให้แห้ง
ก่อน จากนั้นก็ค่อยแต่งหน้าเบาๆ ก็พอ เพราะคุณนะผิวสวยผุดผ่องอยู่แล้ว เครื่องหน้าก็สวยทุกชิ้น"
ว่าพลางก็จัดการตามที่ได้พูดไป โดยที่ลาเวนเดอร์ยินยอมให้อีกฝ่ายได้ปฏิบัติกับตัวเอง
อย่างไม่มีขัดขืน

"เสร็จแล้ว สวยมั้ยคะ" เมื่อแต่งหน้าทำผมเรียบร้อยแล้ว ซันนีก็ได้ให้เจ้าตัวได้มองตัวเอง
ในกระจกอย่างชัดๆ อีกครั้ง

"นั่น นั่นฉันหรือคะ"

"ก็ใช่น่ะสิคะ จะใครซะอีก"

"ทำไมฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวฉันเลยละคะ"

"ก็เพราะว่าคุณคงไม่ค่อยส่องกระจกแน่ๆ เลย"

"เพราะคุณซันนีแต่งหน้าเก่งมากกว่าค่ะ ทำเอาฉันเป็นใครก็ไม่รู้ไปแล้วแบบนี้"
ซันนีส่ายหน้าน้อยๆ อย่างเอ็นดูคนที่คงไม่ค่อยส่องกระจกดูตัวเองสักเท่าไหร่

"มาเลือกดูชุดกันค่ะ"

"มีชุดสำหรับฉันด้วยหรือคะ"

"มีแน่นอนสิคะ มาดูกันค่ะ" ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นชุดเดรสมากมายอยู่ในนั้น
ทำเอาคนที่ไม่เคยมีโอกาสใส่ชุดสวยๆ เหล่านี้ในชีวิตมาก่อนถึงกับตะลึงงัน เลือกชุดไม่ถูก

"ให้ซันนีช่วยเลือกให้มั้ยคะ"

"ดีเลยค่ะ ฉันเลือกไม่ถูกเลยค่ะ มันสวยไปหมดเลยค่ะ" ไม่พูดเปล่า มือเล็กไล้ชุดด้วยแววตาพึงพอใจ
และมีความสุขอย่างเปิดเผย

"คุณน่ะช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ อย่าน่ารักแบบนี้ต่อหน้าเจ้านายนะคะ ซันนีเป็นห่วงค่ะ"

"ทำไมหรือคะ"

"ไม่ทำไมหรอกค่ะ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าเจ้านายคุณน่ะต้องทำหน้านิ่งๆ ดุๆ เข้าไว้นะคะ"

"ได้ค่ะ ฉันจะเชื่อคุณซันนี"

"ดีมากค่ะ"

"ขอบคุณนะคะ"

"ไม่ลำบากอะไรเลยค่ะ สนุกดี เหมือนได้เล่นแต่งตัวตุ๊กตา" พูดพลางยิ้มอย่างมีความสุข
เธอมีความสุขไม่น้อยเลยที่ได้อยู่ใกล้ๆ หญิงสาวผู้นี้

"นี่คะ ซันนีเลือกชุดนี้ให้นะคะ น่ารัก สดใส มากๆ เหมาะกับคุณมากจริงๆ ใครกันนะ
ที่เอาชุดนี้มาไว้ในตู้นี้" ไม่วายทิ้งปริศนาให้อีกฝ่ายได้ขบคิด

"ทำไมถึงเหมาะสมกับคุณขนาดนี้กันนะ"

"มันเหมาะแน่ๆ หรือคะ ฉันว่ามันสวยเกินไปด้วยซ้ำ"

"เหมาะที่สุดเลยค่ะ มาค่ะเจ้าหญิงน้อยของซันนี" แล้วก็นำร่างของลาเวนเดอร์เข้าห้อง
เปลี่ยนชุดไป สักพักลาเวนเดอร์ก็ก้าวออกมาจากห้องในชุดสวยใส น่ารัก
ทำเอาซันนีที่รออยู่หน้าห้องเปลี่ยนชุดถึงกับอ้าปากค้าง จากที่คิดจะชม กลับพูดไม่ออก
เพราะภาพที่เห็นไม่ต่างอะไรกับ นางฟ้าตัวน้อยที่ทั้งสวยใสและน่ารักมากองรวมกันในที่เดียว
ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมือนั่นกระตุกชายเสื้อพร้อมกับเรียกชื่อ

"คุณซันนีคะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ"

"เอ่อ เปล่าค่ะ แค่ตะลึงในความงามของคุณ" ลาเวนเดอร์หัวเราะน้อยๆ กับคำตอบนั้น

"คุณซันนีนี่ขี้เล่นจังเลยนะคะ"

"ไม่ได้เล่นนะคะ จริงมากๆ เลย ไม่เชื่อคุณก็เดินไปดูตัวเองในกระจกบานใหญ่นั่นดูค่ะ"
ว่าแล้วก็แตะข้อศอกหญิงสาวให้เดินไปยังกระจก ไม่ลืมส่งรองเท้าส้นสูงให้ด้วย

"ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ต้องครบเซตค่ะ"

"ใส่แล้วจะตกมั้ยคะ กลัวตกรองเท้าจังเลยค่ะ" ซันนียิ้มขันอย่างถูกใจ

"ไม่ตกหรอกค่ะ ถ้าตกเดี๋ยวซันนีจะรับไว้เองค่ะ หายห่วงได้"

"มันจะเดินได้แน่ๆ นะคะ"

"ลองเดินดูค่ะ" หญิงสาวลองก้าวเท้าออกไปทีละก้าวก่อนจะไปหยุดยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่
และมองตัวเองในนั้นอย่างตะลึงงัน

"นั่น นั่นคือ ฉันจริงๆ หรือคะ"

"จริงที่สุดค่ะ นั่นน่ะคือคุณแน่นอน"

"จะจริงได้ยังไงล่ะคะ"

"กระจกวิเศษบานนี้ไม่โกหกคุณหรอกค่ะ"

"คุณซันนีเก่งจังเลยค่ะ ที่เนรมิตให้แมวมอมแมมอย่างฉันกลายเป็นแมวขนฟูได้"

"ไม่ไหวจะขำแล้วค่ะ ช่างเปรียบเทียบจริงๆ"

"ก็มันจริงนี่คะ คุณซันนีอ่ะเก่งจริงๆ"

"ไม่หรอกค่ะ เพราะคุณนะสวยจริงๆ ต่างหาก"

"ฉันน่ะหรือคะสวย"

"มากๆๆๆๆๆ เลยค่ะ"

"นี่มันก็เป็นเพียงการตกแต่งเท่านั้นเอง พอถอดชุดออก ล้างเครื่องสำอางออก
ก็กลับไปเป็นแมวมอมแมมเหมือนเดิม"

"งั้นไปหากรรมการมาช่วยตัดสินดีมั้ยคะ"

"มีกรรมการด้วยหรือคะ"

"มีสิคะ มีแน่นอน"

"ใครหรือคะ"

"เดี๋ยวคุณก็จะเห็นเองค่ะ แต่ฉันต้องสวมผ้าคลุมฮิญาบให้คุณให้มิดชิด เดี๋ยวจะโดนดุเอาค่ะ"

"ในบ้านมีกันแค่เราผู้หญิง ไม่ต้องคลุมก็ได้มั้งคะคุณซันนี"

"มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิคะ"

"ห้ะ บ้านนี้มีผู้ชายอยู่ด้วยหรือคะ"

"ใช่ค่ะ เจ้านายซันนีเองค่ะ"

"เขาอยู่ที่นี่หรือคะ" ลาเวนเดอร์เริ่มทำหน้าทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเมื่อรู้ว่าตนไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้
เพียงสองคนกับหญิงสาวผู้นี้

"ทำไมคุณซันนีไม่บอกฉันให้ไวกว่านี้ละคะ"

"ช้าไวยังไงก็ต้องเจอเจ้านายอยู่ดีค่ะ เขาน่ะ คนสำคัญสำหรับคุณเลยนะคะ"

"คนสำคัญหรือคะ"

"ใช่ค่ะ เป็นคนที่จะพาคุณไปเมืองไทย"

"ฉันควรดีใจรึเปล่าคะ"

"ต้องดีใจสิคะ จะได้เจอแม่แล้วนี่คะ"

"ฉันยังไม่พร้อมค่ะ"

"ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้เราออกไปข้างนอกกันเถอะ"

"ไปทั้งชุดสวยขนาดนี้เลยหรือคะ"

"ชุดในตู้นี้เป็นของคุณทั้งหมดค่ะ" มือสาวกรีดกรายไปรอบๆ ตัวลาเวนเดอร์

"ฉันต้องใส่ชุดสวยๆ พวกนี้ตอนอยู่ที่นี่หรือคะ"

"ใช่ค่ะ ที่นี่มีแต่ชุดสวยๆ ให้ใส่เท่านั้นค่ะ"

"มาค่ะ ใส่ผ้าคลุมแล้วออกไปข้างนอกกัน" ว่าแล้วก็รวบผมลอนสีทองสวยงามรวบไว้
แล้วคลุมผ้าสีเดียวกับชุดปกปิดเส้นผมสวยงามเอาไว้ทั้งหมดก่อนจะสำรวจซ้ำ
ว่ามีตรงไหนที่ยังไม่เรียบร้อย เพราะไม่ต้องการโดนเจ้านายดุซ้ำๆ อีก

"เรียบร้อยแล้วค่ะ อึดอัดมั้ยคะ"

"ไม่เลยค่ะ โปร่งสบาย ไม่รัดติ้วเลยค่ะ"

"น่ารักมากค่ะ" ไม่วายเอ่ยปากชมอีกรอบเมื่อได้มองสำรวจซ้ำ

"ไปกันค่ะ"

"ไปไหนคะ"

"ก็ไปหากรรมการให้ช่วยตัดสินไงคะ"

"ไม่ต้องก็ได้แล้วค่ะ ฉันไม่ได้อยากรู้แล้วค่ะ"

"ไม่ทันแล้วล่ะค่ะ เสียใจด้วย" ไม่พูดเปล่า จับมือหญิงสาวแล้วพาเดินออกไป
ส่วนลาเวนเดอร์ก็เดินตามไปต้อยๆๆๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องห้องหนึ่ง
เมื่อซันนีเคาะ ห้องก็ถูกเปิดออกอัตโนมัติพร้อมเสียงทุ้มต่ำและเย็นยะเยือก

"เข้ามาสิซันนี"

จากที่คิดว่าลูกน้องจะเข้ามารายงานความคืบหน้า ทว่า พอหันเก้าอี้ที่หมุนได้ไปหากลับต้องตกตะลึง
กับภาพเบื้องหน้า จนต้องรีบหันหน้าไปอีกทางทันที

"ว่าไง" น้ำเสียงยังคงเดิม คงที่ นิ่งและเยียบเย็น

"ซันนีพาคุณลาเวนเดอร์มาขอบคุณเจ้านายโดยตรงค่ะ เธอต้องการพบเจ้านายเพื่อที่จะขอบคุณ"

"ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ผมไม่ได้ต้องการคำขอบคุณอะไร" คนพูดยังคงหันหน้าไปอีกทาง
โดยไม่ยอมหันมาทางคู่สนทนาแม้แต่น้อย

"แต่ฉันอยากขอบคุณคุณนี่คะ ขอบคุณมากๆ นะคะที่ทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน
และช่วยฉันออกมาจากบ้านหลังนั้น ขอบคุณมากจริงๆ"

"ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร ออกไปได้แล้ว ผมไม่สะดวกคุยกับใครในยามวิกาลเช่นนี้"

"ขอโทษค่ะที่รบกวน" พูดจบลาเวนเดอร์ก็รีบก้าวขาออกไปจากห้องนั้นที่ชวนให้อึดอัดทันที
จนลืมไปว่าตนใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ ทำให้พลาดพลั้งล้มลง ทว่าได้ซันนีรับร่างไว้ทัน
รีบประคองออกไปจากห้องนั้นทันทีด้วยท่าทางทุลักทุเลไม่น้อย โดยที่เจ้าของห้องไม่แม้แต่
จะหันมามอง

"เจ็บมั้ยคะ" ซันนีถามเมื่อประคองหญิงสาวมาจนถึงโซฟาตรงห้องโถง

"นิดหน่อยค่ะ น่าจะข้อเท้าแพลง"

"ขอโทษนะคะ"

"อย่ารู้สึกผิดสิคะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แค่ข้อเท้าแพลง เล็กน้อยมากๆ ค่ะ"

"เดี๋ยวซันนีช่วยนะคะ" ว่าแล้วก็ลุกไปยังอุปกรณ์ทางการแพทย์ แล้วจัดการพันผ้าที่ข้อเท้าหญิงสาวไว้

"ขอบคุณค่ะคุณซันนี"

"อย่าคิดมากนะคะ เจ้านายซันนีอาจจะดูเป็นคนดุๆ แต่จริงก็ดุนั่นแหละค่ะ ฮ่า"

"ดุจริงๆ ค่ะ เห็นชัดเลยค่ะ คุณซันนีไม่ต้องขยายความแล้วก็ได้ค่ะ"

เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของหญิงสาว ซันนีก็เบาใจ
นี่สินะ เคล็ดลับความสวยของหญิงงามผู้นี้ เธอดูเหมือนแมวป่าที่ระแวดระวัง
และมีแววตาที่หวาดระแวง แต่กลับไม่คิดถือสาหาความ หรือคิดกังวลสิ่งต่างๆ จนดูอึดอัด
มีอารมณ์ดี สดใส เบิกบาน ตรงข้ามกับเจ้านายของเธออย่างสิ้นเชิง

"แล้วเราจะทำอะไรกันดีละคะ ในเมื่อฉันก็ไม่น่าจะหลับได้แล้ว เพราะเพิ่งตื่น"

"แต่ซันนียังไม่ได้หลับนะคะ"

"เอ๋ งั้นคุณซันนีก็หลับเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะนั่งอ่านหนังสือค่ะ เพราะคงหนีคุณซันนี
ไปไหนไม่ได้แล้วละคะ เท้าคงไม่สามารถพาฉันไปไหนได้สักพักแน่นอน"

"งั้นเดี๋ยวซันนีนอนตรงโซฟาตัวนั้นนะคะ"

"ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะคอยดูแลความปลอดภัยให้นะคะ"

"ขอบคุณนะคะ" ซันนียิ้มกว้างก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอนกับโซฟาด้วยท่าทีอ่อนล้า
เพราะไม่ได้พักผ่อนมาสองวันแล้ว พอหัวถึงหมอนก็หลับทันที

ส่วนลาเวนเดอร์ก็หยิบหนังสือจากตู้หนังสือในห้องโถงมาเปิดอ่าน
เป็นตำราภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเธอพอจะอ่านภาษาญี่ปุ่นได้คล่อง แม้จะไม่เคยเข้าเรียนโรงเรียนใดมาก่อน
แต่เธอก็มีครูสอนให้สมัยที่ยังเร่ร่อน รอนแรมไปทั่ว

หญิงสาวหยิบหนังสือนิทานมาอ่าน แต่ไม่วายหันไปทางห้องที่เพิ่งเดินหนีมา แต่กลับพบเพียง
ความเงียบงัน บ้านทั้งหลังถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ เสียงต้นไม้ด้านนอกที่เห็นจากตรงนี้
กับหมู่ดาวบนท้องฟ้ากลายเป็นภาพที่น่าสนใจ ดึงสายตาของหญิงสาวให้หันมองอย่างเพลิดเพลิน
จนค่อยๆ พยุงร่างตัวเองไปยังริมของผนังกระจก นั่งลงตรงพื้นนั้นแล้วมองไปรอบๆ ตัวที่น่าอัศจรรย์ใจ
เหลือเกิน ที่นี่สวยเกินคำบรรยาย สวยจนไม่คิดว่าชีวิตจะได้มาอยู่ในที่ที่งดงามน่าอยู่ขนาดนี้
ขนาดยามค่ำคืนยังสวยขนาดนี้ กลางวันจะสวยขนาดไหน

หญิงสาวชื่นชมดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างเพลิดเพลินสลับกับการอ่านนิทานจนกระทั่งเผลอหลับไป
ในท่าพิงด้านหลังของโซฟา และเพียงไม่นานร่างสูงโปร่งก็ก้าวออกมาจากห้องทำงาน
เดินอย่างเบาฝีเท้ามายังร่างที่กำลังนั่งบนพื้นไม้หลังพิงโซฟา ชันเข่าข้างนึงลงพินิจใบหน้านั้น
ก่อนจะยกร่างนั้นขึ้นอุ้ม ลุกเดินไปยังโซฟาตัวใหญ่ที่เธอใช้นอนพัก ขณะวางร่างระหงลง
แผ่นหลังแตะพื้นที่นอน เปลือกตาทั้งสองของหญิงสาวก็เปิดขึ้น นัยน์ตาสองสีส่องประกายทอแสง
ขณะมองคนที่กำลังวางร่างของเธอลง ระยะใบหน้าใกล้กันไม่กี่คืบ ทำให้เห็นเจ้าของบ้านหลังนี้
ชัดเจนเป็นครั้งแรก ก่อนจะปิดตาลงเมื่อเขาวางศีรษะเธอลงบนหมอนเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นก็รีบตะแคงหันหน้าหนีไปอีกทางทันที ผ้าห่มถูกห่มลงมาด้วยมือของเขา
แล้วเขาก็เดินจากไปอย่างเงียบงัน ไม่ส่งเสียงใดออกมาเลยแม้จนคำเดียว

แม้เขาจะจากไปแล้ว แต่หัวใจน้อยๆ ยังคงเต้นระรัว เธอไม่เคยใกล้ชิดเพศตรงข้ามมากขนาดนี้มาก่อน
และมันยากเหลือเกินที่จะบอกให้ใจหยุดสั่น ใบหน้านั้นของเขากับแววตาคู่นั้นที่จ้องมองมาที่เธอ
ทำให้เธอนอนไม่หลับ ภาพนั้นคอยรบกวนหัวใจให้คิดวกวนวุ่นวายจนต้องพลิกตัวไปมา
เลยลุกขึ้นหมายจะเข้าไปหาน้ำอุ่นๆ มาดื่ม เผื่อจะช่วยให้ผ่อนคลายลงได้บ้าง
จึงพยายามประคองตัวเองให้เดินกะเผลกไปยังห้องครัว เมื่อไปถึงก็ไปยังกาต้มน้ำร้อน
หยิบแก้วมา แล้วแกะซองน้ำขิงมาชงดื่ม แต่ยังไม่ทันได้ยกขึ้นดื่ม ก็เห็นเงาดำใหญ่
พาดผ่านตัวเธอไปทางด้านหลัง ทำให้แก้วร่วงตกหล่นพื้น น้ำร้อนราดรดบนชุดสวย
พร้อมกับเสียงหวีดร้องของหญิงสาวสุดเสียง ส่งผลให้เจ้าของบ้านและลูกน้องรีบวิ่งมายังที่เกิดเหตุ
ก็พบกับภาพหญิงสาวที่นั่งขดตัวมุดอยู่ใต้โต๊ะ กอดตัวเองตัวสั่นงันงก มุดหน้าร้องไห้ด้วยความกลัว

ซันนีรีบวิ่งผ่านเจ้านายไปยังร่างนั้นก่อนจะดึงสวมกอดเอาไว้แน่น ลูบหลังนั่นเบาๆ เป็นการปลอบขวัญ

"มันมาอีกแล้วค่ะ ไอ้ดำมันมาอีกแล้ว ลากลัว กลัว" เสียงสั่นพึมพำออกมา

"ที่บ้านโบราณนั่น ลาเห็น เห็นไอ้ดำแขวนคอตัวเองทิ้งตัวลงมาที่ราวบันได ท่าทางน่ากลัว
สยดสยองมากๆ ลา ลา ไม่อยากเห็น ช่วยลาด้วยนะคะ ลาไม่อยากเห็นไอ้ดำ"

"ผมจะช่วยคุณเอง ไอ้ดำนั่นมันจะหายไปจากชีวิตคุณ ผมสัญญา" เสียงนั่นดังขึ้น
แม้จะเป็นเสียงเข้มๆ ทว่าหนักแน่นจนคนฟังถึงกับแหงนหน้าขึ้นมองเขาที่ยืนมองมายังเธอนิ่ง

"จริงนะคะ"

"จริง"

"คำไหนคำนั้นนะคะ"

"แน่นอน" เขายืนยัน ทำให้ลาเวนเดอร์ยิ้มออกมาได้ในที่สุด และเป็นยิ้มที่ทำให้อีกฝ่าย
ต้องรีบเบือนหน้าหันหนีไปอีกทางทันที ก่อนจะสั่งกำชับลูกน้องว่า

"ดูเธอให้ดีว่ามีตรงไหนโดนน้ำร้อนลวกมั้ย และอย่าลืมเก็บกวาดเศษแก้วพวกนี้ด้วย
คืนนี้พาเธอไปนอนในห้องตรงข้ามห้องฉัน เธอก็นอนซะด้วยกันนะซันนี มีอะไรจะได้ช่วยกัน"

"ค่ะคุณหมอ" เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วหันหลังจะเดินกลับห้องนอน ทว่าเสียงใสๆ รั้งขานั้นเอาไว้

"คุณเป็นหมอหรือคะ"

"ใช่" ตอบโดยไม่หันไปมองคนถามแล้วก็ก้าวออกไปจากห้องครัวทันที

"ไหนให้ฉันสำรวจดูหน่อยนะคะว่าคุณโดนน้ำร้อนลวกมั้ย"

"ชุดหนา ไม่โดนเนื้อค่ะ แต่ชุดสิคะเลอะหมดเลย"

"ไม่เป็นไรค่ะ ดีแล้วที่ไม่โดนน้ำร้อนลวกเอา"

"ขอโทษนะคะที่ทำให้ตกใจกันไปหมดแบบนี้"

"อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ มาค่ะ เดี๋ยวซันนีประคองไปห้องนอน"

"เขาเป็นหมอจริงๆ หรือคะ" ไม่วายถามย้ำ

"ค่ะ เป็นหมอตา จักษุแพทย์ หมอที่รักษาดวงตาน่ะค่ะ"

"ดีจังเลยค่ะ ตาของฉันคงผิดปกติแน่ๆ ค่ะ ถึงได้เห็นอะไรก็ไม่รู้แบบนี้"

"คุณหมอรักษามันได้ค่ะ วางใจเถอะ" พูดจบก็ประคองร่างของลาเวนเดอร์ไปยังห้องนอน
ก่อนจะกลับมาเก็บกวาดในห้องครัว ระหว่างนั้นลาเวนเดอร์ก็เปลี่ยนชุดที่สวมใส่
มาเป็นชุดนอนสบายๆ ทว่า ยังไม่ทันที่ซันนีจะเก็บกวาดห้องครัวเรียบร้อย
เสียงหวีดร้องของหญิงสาวก็ดังลั่นมาจากห้องนอนอีกครั้ง
คราวนี้เธอไปถึงห้องก็ถูกล็อกเอาไว้ เปิดออกไม่ได้ เจ้านายของเธอจึงรีบไปหากุญแจห้อง
มาปลดล็อก กว่าจะเข้าห้องไปได้ ก็พบว่าหญิงสาวนอนสลบอยู่บนพื้นห้อง
ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เมื่อซันนีเดินไปหา ร่างที่นอนนิ่งๆ ก็ขยับลุกขึ้นยืนร่ายรำในท่าพิสดาร
ราวกับไม่ได้มีอาการเจ็บปวดตรงข้อเท้าแม้เพียงนิด ดวงตายังคงปิดสนิท

ชายหนุ่มอ่านบางอย่างก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวแล้ววางมือลงกลางกระหม่อม
เพียงไม่นานร่างของลาเวนเดอร์ก็ทรุดฮวบลง มือใหญ่รับร่างนั้นไว้ แล้วยกขึ้นอุ้ม
ไปยังเตียงนอน ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง

"รีบเช็ดตัวให้เธอ ตอนนี้ตัวของเธอร้อนมาก มากจนอาจเกิดอันตรายต่ออวัยวะต่างๆ ได้
เดี๋ยวผมจะไปหยิบอุปกรณ์มา" ซันนีรับคำสั่งและทำตาม ตอนนั้นไม่มีใครสนสิ่งใด
นอกจากความปลอดภัยของคนไข้ ชายหนุ่มฉีดยาพร้อมให้น้ำเกลือทางสายแก่หญิงสาว
ส่วนซันนีก็พยายามเช็ดตัวลดระดับความร้อนให้หญิงสาว

"ทำไมไข้สูงแบบนี้ละคะ ก่อนหน้านี้ก็ปกติดีนี่คะ"

"อย่างที่คุณเห็น เธอไม่ปกติ"

"ไอ้ดำที่เธอพูดถึง คืออะไรหรือใครกันหรือคะ"

"ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่อีกไม่นาน ผมก็จะรู้แน่นอน" เขาพูดอย่างมั่นใจ
ขณะมองใบหน้าสีแดงจัด

"พยายามเช็ดตัวให้เธอเรื่อยๆ นะ อย่าให้คลาดสายตา ผ่านคืนนี้ไปได้ ก็น่าจะดีขึ้น"

"แล้วคุณหมอละคะ"

"ผมคงไม่สะดวกยืนดูคุณเช็ดตัวให้เขาหรอกมั้ง" ไม่พูดเปล่า ใบหน้าของเขากลับเปื้อนยิ้มเล็กน้อย
แต่แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจรอดพ้นจากการจับผิดของซันนีไปได้

"ฝากเธอด้วย มีอะไรก็เรียกผมได้ตลอด"

"ค่ะคุณหมอ"


...............................โปรดติดตามตอนต่อไป....................................

นักอ่านท่านใดยังคงติดตามอ่านเรื่องนี้อยู่ ฝากส่งเสียงเป็นกำลังใจให้เต่าโยกันบ้างนะคะ

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีแรงและขาดไฟเล็กน้อยถึงปานกลางค่ะ แหะๆ



yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ม.ค. 2567, 20:01:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2567, 20:01:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 66





<< บทที่ 6 บ้านร้างญี่ปุ่น (จบ)   บทที่ 8 Lunar Madness >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account