หะบีบี้...สุดที่รักของผม
หะบีบี้ น้องนุจสุดท้องแห่งตระกูลโสพณพสุธ
จะทำเช่นไร...
เมื่อการกลับสู่บ้านเกิดกลายกลับตาลปัตร
เป็นบ้านหลังอื่นที่ไม่เคยมีใครรู้ว่ามีอยู่จริงบนโลกนี้
"ดินแดนที่ไม่มีปรากฏบนแผนที่โลก"
ปรากฏแก่สายตา...
"คนแปลกหน้า" เธอคือคนแปลกหน้าสำหรับคนบนดินแดนนี้
และคนบนดินแดนนี้ก็คือ คนแปลกหน้าสำหรับเธอเช่นกัน
คนแปลกหน้าอย่างเธอจะต้องทำเช่นไรในดินแดนใหม่...
เมื่อการกลับสู่อ้อมอกพ่อแม่พี่น้องกลายกลับเป็นความว่างเปล่า
และเขา...คือ 'ภัยคุกคาม!'
ที่กำลังก่อกวนหัวใจเธอนับแต่วินาทีแรกที่ได้เจอ...
เขา...ผู้เป็น...อัศวินขี่ม้าขาวในฝันของเธอมาตลอด...
คนที่เธอเฝ้ารอคอยว่าจะได้เจอในความจริงสักครั้ง...
หากความจริงที่เจอ...กลับพลิกผันชีวิตเธอไปตลอดกาล...
Tags: รักโรแมนติก เพ้อฝัน ความลี้ลับ วิทยาศาสตร์ มุสตอฟา หะบีบี้ โสภณพสุธ
ตอน: บทที่ 20 มะวัดดะฮ์ วัรฺเราะห์มะฮ์
"ข้าได้พัดพาสายลมเย็นจากดินแดนนั้นหวนคืนมายังเจ้าในดินแดนนี้
เพียงเท่านี้ เราสองก็ได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันเสียที"
จบคำนั้น หะบีบี้ยกสองแขนขึ้นวาดคล้องคอมุสตอฟาแล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดที่แสนคุ้นเคยนั้น
พร้อมเสียงสะอื้นไห้ เป็นน้ำตาแห่งความปีติยินดี และเป็นรอยยิ้มแรกที่ทุกคนได้เห็นจากเธอ
หลังจากได้ค้นพบตัวเธอ
"นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ นี่ท่านพี่จริงๆ ใช่หรือไม่"
อ้อมกอดที่ร้อยรัดเธอเอาไว้มันคือ ความจริง เธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดนี้แล้วจริงๆ
หลังจากที่ตื่นจากนิทราครั้งแล้วครั้งเล่า ก้มมองที่มือทั้งสองก็แสนว่างเปล่า
หัวใจช่างแสนว่างเปล่า แล้วก็พบว่าในที่สุดก็ยังคง 'ว่างเปล่า'
"โอฮาโยโกะไซมัส" เขาทักทายเธอเป็นภาษาญี่ปุ่นจนหะบีบี้ถึงกับผละออกจากอ้อมกอด
มองใบหน้านั้นให้แน่ใจอีกครั้งเป็นการยืนยัน ซึ่งเธอไม่เคยลืมรอยยิ้มนั้นของเขาได้เลย
โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้ของเขาที่จ้องมองเธอด้วยความรักเช่นนี้ หะบีบี้จึงกล่าวทักทาย
เขากลับไปเป็นภาษาญี่ปุ่นเช่นกัน
"โอฮาโยโกะไซมัส"
"ผมพยายามเรียนภาษาญี่ปุ่นจากหมอญี่ปุ่น" เขาแทนตัวเองด้วยภาษาปัจจุบันได้น่าฟังยิ่งนัก
ไม่เจอกันเพียงไม่นาน เขาพัฒนาระดับภาษาได้มากขนาดเชียวหรือ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน
เขาช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตของเธอได้เสมอต้นเสมอปลายเสียจริง
"แต่ก็พูดได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น" หะบีบี้ส่ายหัวแล้วยิ้มทั้งปากทั้งตาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วย
ความภาคภูมิใจในความพยายามของคนตรงหน้าเธอ เขาไม่เคยทำให้เธอรู้สึกผิดหวังเลยสักครั้ง
"That's something only love can do." หะบีบี้ถึงกับเบิกตาโต มองคนที่เอ่ยประโยคดังกล่าวออกมา
แบบชัดถ้อยชัดคำ ด้วยสำนวนและสำเนียงที่น่าฟังเอามากอย่างคาดไม่ถึง
"ภาษาอังกฤษก็ได้หรือคะ" เขาส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มบาง
"ผมจำมาจากมิสเตอร์อาลี เขามักจะพูดประโยคนี้กับผมบ่อยๆ ให้ผมมีความหวังในการตามหาคุณ"
"มิสเตอร์อาลี?"
"มิสเตอร์คือ หมอที่ช่วยเหลือผมและท่านแม่ รวมทั้งลูกทั้งสองของเราเอาไว้"
"โอ้ ลูกของเรา และท่านแม่หรือคะ พวกเขาอยู่ที่ใด" หะบีบี้ถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยิน
เขาพูดถึงลูกรักทั้งสองของเธอกับเขา
"พวกเขาอยู่ที่เยเมน ยังมาที่นี่ไม่ได้"
"งั้นบีบี้จะไปหาพวกเขาเองค่ะ"
"ได้ แต่ตอนนี้..."เขาจับร่างบางที่ผอมจนแทบปลิวได้ให้หมุน แล้วสวมกอดไว้อีกครั้ง
"ตอนนี้คุณต้องบำรุงรักษาตัวเองให้แข็งแรงกว่านี้ แล้วผมจะพาคุณไปพบพวกเขา"
"แต่ไม่อยากรอเลยค่ะ"
"อดทนอีกนิดนะคนดี เราจะไปเยเมนด้วยกัน พวกเขาสบายดี คุณสบายใจเถิดหนา"
แล้วเขาก็บอกว่า
"ผมอยากจัดงานวาลีมะห์ระหว่างเราสองคนเพื่อประกาศเรื่องที่เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว
ให้คนในดินแดนของคุณรับรู้ คุณและพ่อแม่พี่น้องของคุณจะได้ไม่ถูกข้อครหาใดๆ ตามมา
แม้เราจะเคยเข้าพิธีนิกะห์ ได้อากัดนิกะห์และจัดงานเลี้ยงวาลีมะห์กันแล้ว แต่ทั้งหมดนั้น
ก็เกิดขึ้นในดินแดนของผม ตอนนี้เราอยู่ในดินแดนของคุณ อยู่ในโลกที่คุณเติบโตมา
ผมอยากทำให้ทุกอย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณและครอบครัวของคุณ"
หะบีบี้ซาบซึ้งใจจนเกินจะคำนวณนับได้ เขาช่างมีจิตใจละเอียดลออ เห็นอกเห็นใจ
และเข้าอกเข้าใจผู้อื่นอยู่เสมอมา แม้กระทั่งในตอนนี้ เขาก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยนแปลง
เขาเคยให้เกียรติเธอเช่นไร บัดนี้มันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น อีกทั้งยังให้เกียรติครอบครัวของเธออีกด้วย
จะไม่ให้เธอรักเขาอย่างมากมายได้อย่างไร ในเมื่อเขาช่างแสนดีขนาดนี้
แล้วยังพยายามพูดสำนวนภาษาปัจจุบันกับเธออีกด้วย เธอรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่เขาก็มีความพยายามสูง
จนเธออดประทับใจซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่รักบีบี้และครอบครัวของบีบี้ ขอบคุณที่พยายามทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่คุ้นเคย
ขอบคุณกับการพยายามปรับตัวที่น่าทึ่งเช่นนี้ บี้บี้ประทับใจจนไม่อาจอธิบายออกมาได้"
"ก็เพราะครอบครัวของคุณ จึงทำให้ผมมีภรรยาที่แสนดีและน่ารักขนาดนี้ เป็นผมที่ต้องขอบคุณพวกเขา
และ ขอบคุณ คุณที่ทำให้ผมมีแรงผลักดันในการพยายามทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นชินเลย"
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแววตานั่นช่างอบอุ่นเหลือเกิน หะบีบี้จึงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
เธอได้แต่ตกหลุมรักชายผู้นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยสมัครใจ และไม่อาจหักห้ามใจหรือหยุดยั้งใจได้เลย
"Can you believe that you light up my way. No matter how that ease my path.
I'll never loss my faith. Teaching me to love with heart and helping me open my mind."
เมื่อเห็นเขามีแววตากังขา หะบีบี้จึงพูดเป็นภาษาที่เขาเข้าใจได้อย่างง่ายดายออกไปว่า
"คุณเชื่อไหมว่า คุณคือคนที่จุดไฟบนทางเดินของฉันให้สว่าง ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ฉันก็จะไม่มีวันสูญเสียศรัทธาของฉัน คุณสอนฉันให้รักด้วยหัวใจ
และช่วยเปิดใจฉันให้กว้างขวางแผ่ขยายออกไป" ก่อนจะตบท้ายอย่างหวานซึ้งว่า
"บีบี้ภูมิใจในตัวท่านพี่เป็นที่สุด" หะบีบี้สารภาพทุกอย่างในหัวใจออกไป เธอรอ รอคอยวันนี้
วันที่จะได้พบเขาอีกครั้ง และได้บอกสิ่งต่างที่อยากกับเขาให้เขาได้รับรู้
เธอไม่อยากเสียใจและเสียดายที่ไม่ได้บอกสิ่งต่างๆ เหล่านี้กับเขา
มันเหนื่อยเหลือเกินกับการใช้ชีวิตลำพัง มันอ้างว้างเหลือเกินกับการที่ต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีเขา
ห้องนอน เตียงนอนที่ไม่มีเขามันกว้างเกินไป กว้างเกินจะนอนคนเดียว
"บีบี้คิดถึงท่านพี่ คนที่ดีที่สุดของบีบี้ ยังคงรักท่านพี่ รักมาก ไม่เคยลดลงไปเลย
คิดถึงมากๆ มากจริงๆ ค่ะ" มุสตอฟาวางมือบนศีรษะทุยนั่นอย่างเอ็นดู ลูบเบาๆ ด้วยความรักใคร่
หะบีบี้สบตาคู่นั้นก็พบกับความรักในดวงตาคู่นั้น มันดึงดูดหัวใจของเธอได้เสมอ
"มันคือ มะวัดดะฮ์ วัรฺเราะห์มะฮ์" เขาเอ่ยบอกเสียงละมุน ทุ้มต่ำ น่าฟังยิ่งนัก
เธอชอบคำนี้จัง มันคืออะไรแล้วนะ รู้สึกคุ้นหูเหลือเกิน
"คืออะไรแล้วนะคะ?"
"ความรู้สึกรักรูปแบบนึงที่จะเกิดขึ้นสำหรับคนที่เป็นสามีภรรยากัน มันคือ มาวัดดะตันวัรฺเราะห์มะฮ์
อัลลอฮ์ใช้คำนี้สำหรับความรักระหว่างสามีภรรยา ในขณะที่ความรักระหว่างอัลลอฮ์กับบ่าว
หรือความรักระหว่างอื่นๆ จะใช้คำว่า ฮุบ ซึ่ง ฮุบนั้นจะใหญ่กว่า กว้างกว่า" ก่อนจะอธิบายลงลึกไปอีกว่า
"ความรักใคร่ระหว่างสามีภรรยานั้นมันก่อตัวขึ้นจากการใช้ชีวิตร่วมกัน ผูกพันกัน
ซึ่งการนิกะฮ์นั้นจำต้องมีการอะกัด อะกัด ที่แปลว่า ผูก
ซึ่งมีฐานรากคำเดียวกันกับคำว่า อะกีดะฮ์ ที่แปลว่า ความเชื่อมั่น การยึดมั่น
แต่ความหมายของอะกัดกับอะกีดะฮ์จะมีความเหนียวแน่นต่างกัน
อะกัดจะเป็นการผูกที่สามารถหลุดได้ด้วยกับการหย่าร้าง แต่ก็สามารถผูกได้อีกครั้ง
ซึ่งความรักความผูกพันระหว่างสามีภรรยา จะไม่เหมือนกับความรักระหว่างแม่ลูก
ลูกนั้นถูกผูกด้วยเชื้อสาย ด้วยกับสายเลือดสายโลหิต
แต่ภรรยาผูกด้วยอะกัด รักระหว่างสามีภรรยาจึงเกิดจากการผูกพัน การใช้ชีวิตร่วมกัน
ส่วนรักระหว่างแม่ลูกรักกันนั้น รักกันตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้ากัน รักตั้งแต่ตัวเท่าเม็ดงา
ซึ่งมะวัดดะตันวัรฺเราะห์มะฮ์ที่เกิดขึ้นระหว่างสามีภรรยาที่ถูกผูกกันผ่านการอากัดนิกะฮ์
นำไปสู่การมีเชื้อสายที่สืบสายโลหิตระหว่างทั้งสองที่ร่วมผูกกันเป็นลูก ลูกที่นำมาสู่
ความรักระหว่างแม่กับลูก พ่อกับลูก ซึ่งก็คือ ฮุบ (ความรัก)
ซึ่งความรักระหว่างพ่อแม่กับลูกนั้นไม่อาจขาดจากกันได้ เป็นการผูกที่ไม่สามารถหลุดได้
ความรักระหว่างอัลลอฮ์กับบ่าวก็เฉกเช่นกัน ไม่อาจขาดจากกันได้ บ่าวย่อมต้องพึ่งพาอัลลอฮ์
ตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เป็นรักมาแต่เดิมและจะเป็นเช่นนั้นชั่วนิจนิรันดร์"
เป็นอีกครั้งที่น้ำตาหะบีบี้ร่วงพรู คราวนี้เป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปีติยินดี
แน่นอนแล้วว่า ไม่ว่าจะเผชิญอะไรมา ตลอดชีวิตที่ผ่านพ้นมา ทุกอย่างดีเสมอ ทุกอย่างมันดีเสมอ
"กำหนดการของพระองค์ทรงสวยงามเช่นนี้นี่เอง" หะบีบี้เอ่ยประโยคที่กลั่นออกมาจากดวงใจ
ส่งผลให้มุสตอฟาระบายยิ้มกว้างออกมา
"ความรักนี้ มิใช่รักเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่เป็นรักที่ปรารถนาให้ผู้ที่รักได้รับแต่สิ่งที่ดีงามและเหมาะสม
รักที่ปรารถนาให้ผู้ที่รักสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่ดีงามเสมอในชีวิต ปรารถนาให้ผู้ที่รัก
ได้เห็นความงดงามแห่งรักแท้" หะบีบี้พยักหน้าพร้อมน้ำตาอาบแก้ม
เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามสื่อมาถึงเธอ เธอเข้าใจแล้ว และตอนนี้เธอยิ่งไม่แปลกใจเลยว่า
เหตุใด บุรุษตรงหน้าของเธอในตอนนี้ยังคงมีใบหน้าที่สว่างไสวราวกับมีนูรฺรัศมีเรืองรองแผ่ออกมาจากเขา
ทั้งที่เขาย่อมต้องเผชิญสิ่งต่างๆ ที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเธอด้วยซ้ำ ทว่า สภาพของเธอกลับตรงข้ามกับเขา
เขายังคงเปล่งประกายเจิดจรัสแสง ทั้งหมดที่เป็นเขายังคงแข็งแกร่งและหนักแน่นมั่นคง สงบนิ่ง
ต่างกับเธอเหลือเกิน นั่นก็เพราะ หัวใจของเธอกับเขานั้น ยังมีหลายส่วนที่แตกต่างกัน
หะบีบี้จึงค่อยๆ ยกมือขึ้น แล้ววางฝ่ามืออันผ่ายผอมจนแทบเห็นกระดูกนั้นลงตรงตำแหน่งหัวใจของเขา
แล้วลูบเบาๆ ไปมาราวกับอยากจะสัมผัสหัวใจดวงนี้ของเขา
"คงไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว และไม่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองอีกต่อไปแล้ว
You are sold out and..." หะบีบี้หยุดเพื่อสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียง
หนักแน่นว่า
"I am sold out. Ya Allahu Ya Rabbi"
ใช่แล้ว เธอและเขาได้ขายเกลี้ยงแล้ว ขายไปทั้งหมดแล้ว
ขายอะไรน่ะหรือ? ก็มีอะไรบ้างในชีวิตก็ขายมันไปทั้งหมด ขายเกลี้ยงไปหมดแล้ว
ซึ่งหมายถึง ขายจิตวิญญาณไปด้วย
ขายให้ใครน่ะหรือ?
ก็ขายให้กับพระเจ้า คืนทั้งหมดให้กับพระเจ้านั่นเอง
จากนี้ไปจึงไม่ได้ปรารถนาจะใช้ชีวิตหรือมีชีวิตอยู่เพื่อแค่ตัวเองอีกต่อไปแล้ว
แต่มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า ผู้ที่ตนได้ทำการขายทุกอย่างให้กับพระองค์ไปแล้วทั้งหมด
กลายเป็นผู้ติดตาม เป็นผู้ภักดี เป็นผู้ศรัทธาที่ยอมจำนนสิโรราบต่อพระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!
..................................โปรดติดตามตอนต่อไป............................................
พาบีบี้มาให้หายข้องใจกันแล้วนะคะ ใกล้จบแล้วน้าทู้กคนนนนน ขอแรงใจหน่อยค่าาาาาาา
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
"เต่าโย"
เพียงเท่านี้ เราสองก็ได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันเสียที"
จบคำนั้น หะบีบี้ยกสองแขนขึ้นวาดคล้องคอมุสตอฟาแล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดที่แสนคุ้นเคยนั้น
พร้อมเสียงสะอื้นไห้ เป็นน้ำตาแห่งความปีติยินดี และเป็นรอยยิ้มแรกที่ทุกคนได้เห็นจากเธอ
หลังจากได้ค้นพบตัวเธอ
"นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ นี่ท่านพี่จริงๆ ใช่หรือไม่"
อ้อมกอดที่ร้อยรัดเธอเอาไว้มันคือ ความจริง เธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดนี้แล้วจริงๆ
หลังจากที่ตื่นจากนิทราครั้งแล้วครั้งเล่า ก้มมองที่มือทั้งสองก็แสนว่างเปล่า
หัวใจช่างแสนว่างเปล่า แล้วก็พบว่าในที่สุดก็ยังคง 'ว่างเปล่า'
"โอฮาโยโกะไซมัส" เขาทักทายเธอเป็นภาษาญี่ปุ่นจนหะบีบี้ถึงกับผละออกจากอ้อมกอด
มองใบหน้านั้นให้แน่ใจอีกครั้งเป็นการยืนยัน ซึ่งเธอไม่เคยลืมรอยยิ้มนั้นของเขาได้เลย
โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้ของเขาที่จ้องมองเธอด้วยความรักเช่นนี้ หะบีบี้จึงกล่าวทักทาย
เขากลับไปเป็นภาษาญี่ปุ่นเช่นกัน
"โอฮาโยโกะไซมัส"
"ผมพยายามเรียนภาษาญี่ปุ่นจากหมอญี่ปุ่น" เขาแทนตัวเองด้วยภาษาปัจจุบันได้น่าฟังยิ่งนัก
ไม่เจอกันเพียงไม่นาน เขาพัฒนาระดับภาษาได้มากขนาดเชียวหรือ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน
เขาช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตของเธอได้เสมอต้นเสมอปลายเสียจริง
"แต่ก็พูดได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น" หะบีบี้ส่ายหัวแล้วยิ้มทั้งปากทั้งตาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วย
ความภาคภูมิใจในความพยายามของคนตรงหน้าเธอ เขาไม่เคยทำให้เธอรู้สึกผิดหวังเลยสักครั้ง
"That's something only love can do." หะบีบี้ถึงกับเบิกตาโต มองคนที่เอ่ยประโยคดังกล่าวออกมา
แบบชัดถ้อยชัดคำ ด้วยสำนวนและสำเนียงที่น่าฟังเอามากอย่างคาดไม่ถึง
"ภาษาอังกฤษก็ได้หรือคะ" เขาส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มบาง
"ผมจำมาจากมิสเตอร์อาลี เขามักจะพูดประโยคนี้กับผมบ่อยๆ ให้ผมมีความหวังในการตามหาคุณ"
"มิสเตอร์อาลี?"
"มิสเตอร์คือ หมอที่ช่วยเหลือผมและท่านแม่ รวมทั้งลูกทั้งสองของเราเอาไว้"
"โอ้ ลูกของเรา และท่านแม่หรือคะ พวกเขาอยู่ที่ใด" หะบีบี้ถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยิน
เขาพูดถึงลูกรักทั้งสองของเธอกับเขา
"พวกเขาอยู่ที่เยเมน ยังมาที่นี่ไม่ได้"
"งั้นบีบี้จะไปหาพวกเขาเองค่ะ"
"ได้ แต่ตอนนี้..."เขาจับร่างบางที่ผอมจนแทบปลิวได้ให้หมุน แล้วสวมกอดไว้อีกครั้ง
"ตอนนี้คุณต้องบำรุงรักษาตัวเองให้แข็งแรงกว่านี้ แล้วผมจะพาคุณไปพบพวกเขา"
"แต่ไม่อยากรอเลยค่ะ"
"อดทนอีกนิดนะคนดี เราจะไปเยเมนด้วยกัน พวกเขาสบายดี คุณสบายใจเถิดหนา"
แล้วเขาก็บอกว่า
"ผมอยากจัดงานวาลีมะห์ระหว่างเราสองคนเพื่อประกาศเรื่องที่เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว
ให้คนในดินแดนของคุณรับรู้ คุณและพ่อแม่พี่น้องของคุณจะได้ไม่ถูกข้อครหาใดๆ ตามมา
แม้เราจะเคยเข้าพิธีนิกะห์ ได้อากัดนิกะห์และจัดงานเลี้ยงวาลีมะห์กันแล้ว แต่ทั้งหมดนั้น
ก็เกิดขึ้นในดินแดนของผม ตอนนี้เราอยู่ในดินแดนของคุณ อยู่ในโลกที่คุณเติบโตมา
ผมอยากทำให้ทุกอย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณและครอบครัวของคุณ"
หะบีบี้ซาบซึ้งใจจนเกินจะคำนวณนับได้ เขาช่างมีจิตใจละเอียดลออ เห็นอกเห็นใจ
และเข้าอกเข้าใจผู้อื่นอยู่เสมอมา แม้กระทั่งในตอนนี้ เขาก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยนแปลง
เขาเคยให้เกียรติเธอเช่นไร บัดนี้มันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น อีกทั้งยังให้เกียรติครอบครัวของเธออีกด้วย
จะไม่ให้เธอรักเขาอย่างมากมายได้อย่างไร ในเมื่อเขาช่างแสนดีขนาดนี้
แล้วยังพยายามพูดสำนวนภาษาปัจจุบันกับเธออีกด้วย เธอรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่เขาก็มีความพยายามสูง
จนเธออดประทับใจซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่รักบีบี้และครอบครัวของบีบี้ ขอบคุณที่พยายามทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่คุ้นเคย
ขอบคุณกับการพยายามปรับตัวที่น่าทึ่งเช่นนี้ บี้บี้ประทับใจจนไม่อาจอธิบายออกมาได้"
"ก็เพราะครอบครัวของคุณ จึงทำให้ผมมีภรรยาที่แสนดีและน่ารักขนาดนี้ เป็นผมที่ต้องขอบคุณพวกเขา
และ ขอบคุณ คุณที่ทำให้ผมมีแรงผลักดันในการพยายามทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นชินเลย"
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแววตานั่นช่างอบอุ่นเหลือเกิน หะบีบี้จึงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
เธอได้แต่ตกหลุมรักชายผู้นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยสมัครใจ และไม่อาจหักห้ามใจหรือหยุดยั้งใจได้เลย
"Can you believe that you light up my way. No matter how that ease my path.
I'll never loss my faith. Teaching me to love with heart and helping me open my mind."
เมื่อเห็นเขามีแววตากังขา หะบีบี้จึงพูดเป็นภาษาที่เขาเข้าใจได้อย่างง่ายดายออกไปว่า
"คุณเชื่อไหมว่า คุณคือคนที่จุดไฟบนทางเดินของฉันให้สว่าง ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ฉันก็จะไม่มีวันสูญเสียศรัทธาของฉัน คุณสอนฉันให้รักด้วยหัวใจ
และช่วยเปิดใจฉันให้กว้างขวางแผ่ขยายออกไป" ก่อนจะตบท้ายอย่างหวานซึ้งว่า
"บีบี้ภูมิใจในตัวท่านพี่เป็นที่สุด" หะบีบี้สารภาพทุกอย่างในหัวใจออกไป เธอรอ รอคอยวันนี้
วันที่จะได้พบเขาอีกครั้ง และได้บอกสิ่งต่างที่อยากกับเขาให้เขาได้รับรู้
เธอไม่อยากเสียใจและเสียดายที่ไม่ได้บอกสิ่งต่างๆ เหล่านี้กับเขา
มันเหนื่อยเหลือเกินกับการใช้ชีวิตลำพัง มันอ้างว้างเหลือเกินกับการที่ต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีเขา
ห้องนอน เตียงนอนที่ไม่มีเขามันกว้างเกินไป กว้างเกินจะนอนคนเดียว
"บีบี้คิดถึงท่านพี่ คนที่ดีที่สุดของบีบี้ ยังคงรักท่านพี่ รักมาก ไม่เคยลดลงไปเลย
คิดถึงมากๆ มากจริงๆ ค่ะ" มุสตอฟาวางมือบนศีรษะทุยนั่นอย่างเอ็นดู ลูบเบาๆ ด้วยความรักใคร่
หะบีบี้สบตาคู่นั้นก็พบกับความรักในดวงตาคู่นั้น มันดึงดูดหัวใจของเธอได้เสมอ
"มันคือ มะวัดดะฮ์ วัรฺเราะห์มะฮ์" เขาเอ่ยบอกเสียงละมุน ทุ้มต่ำ น่าฟังยิ่งนัก
เธอชอบคำนี้จัง มันคืออะไรแล้วนะ รู้สึกคุ้นหูเหลือเกิน
"คืออะไรแล้วนะคะ?"
"ความรู้สึกรักรูปแบบนึงที่จะเกิดขึ้นสำหรับคนที่เป็นสามีภรรยากัน มันคือ มาวัดดะตันวัรฺเราะห์มะฮ์
อัลลอฮ์ใช้คำนี้สำหรับความรักระหว่างสามีภรรยา ในขณะที่ความรักระหว่างอัลลอฮ์กับบ่าว
หรือความรักระหว่างอื่นๆ จะใช้คำว่า ฮุบ ซึ่ง ฮุบนั้นจะใหญ่กว่า กว้างกว่า" ก่อนจะอธิบายลงลึกไปอีกว่า
"ความรักใคร่ระหว่างสามีภรรยานั้นมันก่อตัวขึ้นจากการใช้ชีวิตร่วมกัน ผูกพันกัน
ซึ่งการนิกะฮ์นั้นจำต้องมีการอะกัด อะกัด ที่แปลว่า ผูก
ซึ่งมีฐานรากคำเดียวกันกับคำว่า อะกีดะฮ์ ที่แปลว่า ความเชื่อมั่น การยึดมั่น
แต่ความหมายของอะกัดกับอะกีดะฮ์จะมีความเหนียวแน่นต่างกัน
อะกัดจะเป็นการผูกที่สามารถหลุดได้ด้วยกับการหย่าร้าง แต่ก็สามารถผูกได้อีกครั้ง
ซึ่งความรักความผูกพันระหว่างสามีภรรยา จะไม่เหมือนกับความรักระหว่างแม่ลูก
ลูกนั้นถูกผูกด้วยเชื้อสาย ด้วยกับสายเลือดสายโลหิต
แต่ภรรยาผูกด้วยอะกัด รักระหว่างสามีภรรยาจึงเกิดจากการผูกพัน การใช้ชีวิตร่วมกัน
ส่วนรักระหว่างแม่ลูกรักกันนั้น รักกันตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้ากัน รักตั้งแต่ตัวเท่าเม็ดงา
ซึ่งมะวัดดะตันวัรฺเราะห์มะฮ์ที่เกิดขึ้นระหว่างสามีภรรยาที่ถูกผูกกันผ่านการอากัดนิกะฮ์
นำไปสู่การมีเชื้อสายที่สืบสายโลหิตระหว่างทั้งสองที่ร่วมผูกกันเป็นลูก ลูกที่นำมาสู่
ความรักระหว่างแม่กับลูก พ่อกับลูก ซึ่งก็คือ ฮุบ (ความรัก)
ซึ่งความรักระหว่างพ่อแม่กับลูกนั้นไม่อาจขาดจากกันได้ เป็นการผูกที่ไม่สามารถหลุดได้
ความรักระหว่างอัลลอฮ์กับบ่าวก็เฉกเช่นกัน ไม่อาจขาดจากกันได้ บ่าวย่อมต้องพึ่งพาอัลลอฮ์
ตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เป็นรักมาแต่เดิมและจะเป็นเช่นนั้นชั่วนิจนิรันดร์"
เป็นอีกครั้งที่น้ำตาหะบีบี้ร่วงพรู คราวนี้เป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปีติยินดี
แน่นอนแล้วว่า ไม่ว่าจะเผชิญอะไรมา ตลอดชีวิตที่ผ่านพ้นมา ทุกอย่างดีเสมอ ทุกอย่างมันดีเสมอ
"กำหนดการของพระองค์ทรงสวยงามเช่นนี้นี่เอง" หะบีบี้เอ่ยประโยคที่กลั่นออกมาจากดวงใจ
ส่งผลให้มุสตอฟาระบายยิ้มกว้างออกมา
"ความรักนี้ มิใช่รักเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่เป็นรักที่ปรารถนาให้ผู้ที่รักได้รับแต่สิ่งที่ดีงามและเหมาะสม
รักที่ปรารถนาให้ผู้ที่รักสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่ดีงามเสมอในชีวิต ปรารถนาให้ผู้ที่รัก
ได้เห็นความงดงามแห่งรักแท้" หะบีบี้พยักหน้าพร้อมน้ำตาอาบแก้ม
เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามสื่อมาถึงเธอ เธอเข้าใจแล้ว และตอนนี้เธอยิ่งไม่แปลกใจเลยว่า
เหตุใด บุรุษตรงหน้าของเธอในตอนนี้ยังคงมีใบหน้าที่สว่างไสวราวกับมีนูรฺรัศมีเรืองรองแผ่ออกมาจากเขา
ทั้งที่เขาย่อมต้องเผชิญสิ่งต่างๆ ที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเธอด้วยซ้ำ ทว่า สภาพของเธอกลับตรงข้ามกับเขา
เขายังคงเปล่งประกายเจิดจรัสแสง ทั้งหมดที่เป็นเขายังคงแข็งแกร่งและหนักแน่นมั่นคง สงบนิ่ง
ต่างกับเธอเหลือเกิน นั่นก็เพราะ หัวใจของเธอกับเขานั้น ยังมีหลายส่วนที่แตกต่างกัน
หะบีบี้จึงค่อยๆ ยกมือขึ้น แล้ววางฝ่ามืออันผ่ายผอมจนแทบเห็นกระดูกนั้นลงตรงตำแหน่งหัวใจของเขา
แล้วลูบเบาๆ ไปมาราวกับอยากจะสัมผัสหัวใจดวงนี้ของเขา
"คงไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว และไม่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองอีกต่อไปแล้ว
You are sold out and..." หะบีบี้หยุดเพื่อสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียง
หนักแน่นว่า
"I am sold out. Ya Allahu Ya Rabbi"
ใช่แล้ว เธอและเขาได้ขายเกลี้ยงแล้ว ขายไปทั้งหมดแล้ว
ขายอะไรน่ะหรือ? ก็มีอะไรบ้างในชีวิตก็ขายมันไปทั้งหมด ขายเกลี้ยงไปหมดแล้ว
ซึ่งหมายถึง ขายจิตวิญญาณไปด้วย
ขายให้ใครน่ะหรือ?
ก็ขายให้กับพระเจ้า คืนทั้งหมดให้กับพระเจ้านั่นเอง
จากนี้ไปจึงไม่ได้ปรารถนาจะใช้ชีวิตหรือมีชีวิตอยู่เพื่อแค่ตัวเองอีกต่อไปแล้ว
แต่มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า ผู้ที่ตนได้ทำการขายทุกอย่างให้กับพระองค์ไปแล้วทั้งหมด
กลายเป็นผู้ติดตาม เป็นผู้ภักดี เป็นผู้ศรัทธาที่ยอมจำนนสิโรราบต่อพระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!
..................................โปรดติดตามตอนต่อไป............................................
พาบีบี้มาให้หายข้องใจกันแล้วนะคะ ใกล้จบแล้วน้าทู้กคนนนนน ขอแรงใจหน่อยค่าาาาาาา
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
"เต่าโย"
yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ค. 2567, 21:42:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ค. 2567, 21:42:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 144
<< บทที่ 19 : หัวใจที่ก้าวออกจากอดีตไม่ได้ | บทที่ 21 นักคิดมัต >> |